bosskrubza โพสต์ 2013-4-18 10:31:14

กองทุนฯประกันภัยพิบัติอยู่ต่อ ปลื้ม1ปีฟื้นความเชื่อมั่นสำเร็จ

                                                                                                                                                                                                  กองทุนฯประกันภัยพิบัติอยู่ต่อ ปลื้ม1ปีฟื้นความเชื่อมั่นสำเร็จ                                                                              
                                http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/197923.jpg          
                                                                                                 http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/197923/0.jpg                   
                                                                          
          
                                  http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/50x30/cover/197923.jpg                                                                http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/50x30/photos/197923/0.jpg                                                                  
          
   
          
   
                        
“กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ” ถูกตั้งขึ้น หลังจากที่ประเทศไทย เกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ เมื่อปลายปี 54 ที่ผ่านมา เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในการรับประกันภัยต่อให้แก่บริษัทประกันภัยทั้งหลาย ด้วยหวังจะให้อัตราค่าเบี้ยประกันภัย และค่าเบี้ยประกันภัยต่ออยู่ในระดับปกติให้ได้โดยเร็วที่สุด
กว่าปีที่ผ่านมานี้ ต้องยอมรับว่า กองทุนฯ สามารถบริหารจัดการได้ดีพอสมควร จากช่วงที่นักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยมั่นใจในการบริหารจัดการระบบน้ำ ระบบประกันภัย จนดันให้เบี้ยประกันภัยต่อที่ปกติอยู่ที่ 0.01% ของวงเงินคุ้มครอง พุ่งสูงขึ้นไปถึง 12-15% ทีเดียว จนทำให้วงการรับประกันภัยสั่นสะเทือนไปทั่วไทย
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ เราต้องยอมรับว่า การทำประกันภัยพิบัติในบ้านเรานั้นไม่ค่อยมี บริษัทขายประกันภัยก็แทบจะเรียกว่าทั้งลดทั้งแถม เช่นซื้อประกันอัคคีภัย ก็แถมประกันภัยน้ำท่วมไปให้ด้วย และซื้อในราคาเดียวก็คุ้มครองทั้งหมด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดหลังจากเกิดภัยน้ำท่วม ที่เกิดการตั้งราคาเบี้ยประกันภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยจะสูงขึ้นตามวงเงินความคุ้มครอง ขณะที่ผู้เอาประกันก็จะทำประกันเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
นี่จึงเป็นหน้าที่หลักของกองทุนฯ ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้ได้ เพื่อให้ผู้ประกอบการในไทยไม่ย้ายหนีไปประเทศเพื่อนบ้านด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยแพงมาก
ครบรอบ 1 ปีที่ผ่านมา “พยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล” ประธานคณะกรรมการบริหาร กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ กล้ากล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่า จนถึงขณะนี้ มีกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติที่ยังมีความคุ้มครอง 808,119 ฉบับ มีทุนประกัน 75,926 ล้านบาท รวมเป็นเบี้ยประกันรับ 420 ล้านบาท โดยกลุ่มบ้านอยู่อาศัย ซื้อกรมธรรม์สูงสุดในสัดส่วน 92% รองลงมา กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี 7% และกลุ่มอุตสาหกรรม 1% ของกรมธรรม์ทั้งหมด และมีผลกำไรแล้วกว่า 5 ล้านบาท
แต่ตัวเลขพวกนี้อาจจะไม่สำคัญเท่ากับว่า สถานการณ์การประกันภัย ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยบริษัทรับประกันภัยต่อจากต่างประเทศ กลับเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันภัยปรับตัวลงมา รวมทั้งบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการรับประกันภัยกับกองทุนฯ ทั้ง 54 บริษัท สามารถรับประกันภัยไว้เองมากขึ้น โดยไม่ต้องส่งต่อมาให้กองทุนฯ แต่อย่างใด
กองทุนฯ ทำหน้าที่ได้ดี จนกระทั่งเกิดคำถามขึ้นว่า ถ้าสถานการณ์ประกันภัยอยู่ในภาวะปกติแล้ว สมควรจะต้องมีกองทุนนี้อยู่ต่อไปอีกหรือไม่ขึ้นด้วยซ้ำไป!
ซึ่งกองทุนเองก็ยอมรับว่า บทบาทของการยืดอกเป็นผู้รับประกันภัยต่อไว้เองในช่วง 1 ปีแรกหลังจากเกิดน้ำท่วมในครั้งนั้น ด้วยทุนประกันกว่า 50,000 ล้านบาท คงจะลดน้อยลง แต่สิ่งที่จะต้องทำต่อไปนั่นคือ การรุกกำหนดทิศทางเบี้ยประกันภัยในตลาด โดยจะทำให้อัตราเบี้ยประกันภัยของกองทุนฯ เป็นมาตรฐาน เพื่อให้บริษัทประกันภัยกำหนดค่าเบี้ยให้เหมาะสม แข่งขันได้ จากเดิมที่ไม่มีบริษัทไหนกล้ารับประกันภัยต่อ ก็กลายเป็นกล้ารับประกันภัยต่อไว้เอง และขณะนี้มีถึง 5 บริษัทที่เสนอเบี้ยประกันภัยต่ำกว่าอัตราที่กองทุนฯ กำหนดถึง 20% นี่สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจจริง ๆ
ขณะที่ “ประเวช องอาจสิทธิกุล” คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ยืนยันว่า เบี้ยประกันภัยพิบัติมีแนวโน้มจะปรับลดลงได้อีก และระหว่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินโครงการลงทุนต่าง ๆ ในการบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาทให้ออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาอีกหลายปี ระหว่างนี้กองทุนฯ ยังคงต้องอยู่ต่อไปอย่างน้อยที่สุดอีก 2-3 ปี เพื่อเรียกความมั่นใจที่มีต่อความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วม
แม้ว่าขณะนี้อัตราเบี้ยประกันภัยพิบัติ สำหรับที่อยู่อาศัยปีละ 0.5% หรือทุนประกันภัยไม่เกิน 1 แสนบาท เอสเอ็มอีคิด 1% และอุตสาหกรรม 1.25% ของทุนประกันภัย โดยให้ความคุ้มครองภัยพิบัติไม่เกิน 30% ของวงเงินประกันภัยทรัพย์สิน แต่ทั้งนี้ก็ยังมีแนวโน้มว่าจะปรับลดเบี้ยประกันภัยลงได้อีก บนพื้นฐานว่าภาคเอกชนไม่ได้เดือดร้อนมากนัก โดยเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่เบี้ยประกันจะถูกลงมาต่ำกว่า 0.5% ได้ เพื่อลดภาระของประชาชน ซึ่งต้องหารือกับสมาคมประกันวินาศภัยต่อไป
ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนมากขึ้น ทั่วโลกเกิดเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ถี่ขึ้น และในประเทศไทยเองก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตวันไหนจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้นอีกหรือไม่ หรือเกิดภัยพิบัติด้านอื่น ๆ เช่น ลมพายุ แผ่นดินไหว เป็นต้น แต่สิ่งที่เรารู้แน่นอนนั่นคือ จะมีกองทุนฯ อยู่เพื่อรับประกันว่า พร้อมที่จะปักหลักอยู่ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังทันที แม้ว่าหน่วยงานอื่น ๆ จะถอยหนีไปก็ตาม และนี่คือคำสัญญา!.
ณัฐธินี มณีวรรณ

เครดิต http://www.dailynews.co.th/businesss/197923



หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: กองทุนฯประกันภัยพิบัติอยู่ต่อ ปลื้ม1ปีฟื้นความเชื่อมั่นสำเร็จ