"เรื่องเล่าคาวน้ำกาม" ตอนจบ
ตอนเย็นวันพฤหัสบดี“กันต์ ห้อง 325 รับโทรศัพท์ด้วยครับ” เสียงลำโพงบริเวณทางเดินภายในหอพักดังขึ้น
“ใครโทรมาตอนนี้? คงไม่ใช่ที่บ้านแน่ๆ เพราะเพิ่งจะโทรกลับไปเมื่อบ่ายนี้เอง” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ในระหว่างที่รีบวิ่งลงไปรับโทรศัพท์ที่ตรงเค้าท์เตอร์ด้านล่างของหอพัก
“ฮัลโหล... กันต์พูดครับ ไม่ทราบว่าเป็นสายจากใคร?” ผมพูดทักทายทางโทรศัพท์
“กันต์เหรอ... พี่ต่อเอง ช่วงวันหยุดยาวนี้ กลับบ้านไหม?” พี่ต่อถามขึ้นมา
“ไม่กลับครับ ผมเพิ่งกลับไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง” ผมตอบไป
“วันพรุ่งนี้จนถึงวันจันทร์ว่างไหม?” พี่ต่อยิงคำถาม
“ว่างครับ มีอะไรหรือพี่?” ผมถามด้วยความสงสัย
“ดีแล้วพี่จะได้ไม่เหงา พรุ่งนี้มีเรียนไหม? เลิกเรียนกี่โมง?” พี่ต่อถามแบบคลุมเคลือ และย้อนถามผมอีก
“พรุ่งนี้ผมมีเรียนแค่ตอนเช้าตัวเดียว เรียน 8 โมง เลิก 9 โมง”
“ดีมากไอ้น้อง พรุ่งนี้พอเลิกเรียนแล้ว ไม่ต้องไปไหนนะ มาหาพี่ที่บ้านด่วนเลย” พี่ต่อสั่งกำชับผม
“ได้เลยพี่ ว่าแต่มีอะไรเหรอครับ?” ผมถามอย่างสงสัย
“เออ... น่า... เดี๋ยวก็รู้เอง อย่าลืมนะ เลิกเรียนแล้วมาที่บ้านพี่ทันที ตรงเวลาด้วย แค่นี้ก่อน เจอกันพรุ่งนี้เช้า” พอพูดจบ พี่ต่อก็รีบวางสายทันที
ผมงงเล็กน้อย มันอะไรกันนี่? พี่เขามาไม้ไหน? จะว่าพี่เขาเงี่ยนก็ไม่น่าจะใช่ ถ้าเงี่ยนมากคงไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้หรอก เย็นนี้ผมก็พร้อมยินดีให้บริการอัดถั่วดำที่ถ้ำทองของพี่เขาอย่างเต็มลูกสูบ เวลานี้ผมรู้สึกเงี่ยนมากถึงมากที่สุด ไม่ได้เข้าไปสำรวจในถ้ำทองของพี่ต่อหลายอาทิตย์แล้ว เพราะเป็นช่วงของการสอบระหว่างภาค ต่างคนต่างก็ไม่ว่างด้วยกันทั้งคู่ ต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ อีกทั้งพี่ต่อยังต้องทำกิจกรรม ควบคุมการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์อีกด้วย
หลังจากสอบเสร็จ ผมก็ค่อยได้หายใจหายคอกับเขาได้บ้าง หลายคนอาจจะสงสัยว่า นี่ก็ปาเข้าไปตั้งกลางเทอมแล้ว ทำไมผมถึงได้กินหนุ่มหล่อแค่คนเดียวคือ พี่ต่อ ทั้งๆที่ในมหาลัยนั้น มีหนุ่มหล่อๆอยู่เต็มหลายคันรถบรรทุกสิบล้อ ไม่น่าจะอัตคัตขัดสนถึงเพียงนั้น
คำตอบ.... ขอไล่มาเป็นข้อๆนะครับ เพราะว่ายาวมาก
เริ่มจากข้อ...... 1. รูมเมทของผมทั้ง 2 คน ( หอพักในมหาลัย 1 ห้อง จะอยู่ด้วยกัน 3 คน) เป็นรุ่นพี่ปี4 ปี5 หน้าตาโหดๆเถื่อนๆ ผมยาวๆ เซอร์ๆ ซกมกๆ(ข้อนี้เยอะหน่อย) แค่เห็นหน้าก็ไม่รู้สึกมีอารมณ์อื่นใดเลย นอกจากอารมณ์หวาดกลัว ไม่ต้องบอกคณะ คงจะทายถูกกันนะครับว่าพวกพี่เขาอยู่คณะอะไร? ถ้ายังไม่รู้ ผมจะใบ้ให้อีกนิด คณะเกี่ยวกับการวาดๆเขียนๆ แต่พวกพี่เขานิสัยดีมาก ดูตรงข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ส่วนใหญ่แล้ว นักศึกษาปี 1 ทางหอพักจะจัดให้อยู่ห้องเดียวกันหมด จะไม่แยกหรือคละปนกับรุ่นพี่ปีอื่นๆ เผอิญว่าวันที่ลงชื่อจองห้องพัก ผมไม่ได้มา พอมาขอลงชื่อทีหลังตอนใกล้เปิดเทอม ปรากฏว่า เหลือห้องว่างเพียงที่เดียว คือ ห้องที่ผมพักอยู่
2. เพื่อนๆหรือคนรู้จักในหอพักของผม ส่วนมากหน้าตาไม่สามารถปลุกอารมณ์ทางเพศได้เลย (ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้มีโอกาสรู้จักกับคนหล่อๆน่ารักๆกับเขาบ้างนะ)
3. คณะที่ผมเรียนอยู่ ไม่ค่อยมีผู้ชายแท้ๆ ซักเท่าไหร่ พวกออกสาวเยอะมากๆ ส่วนเกย์เก็กแมนที่ไม่ออกก็มีเยอะ สำหรับพวกเกย์ที่หล่อๆหน้าตาดีๆ ก็ถูกรุมจิกรุมทึ้งซะส่วนใหญ่ ผมไม่อยากจะไปทำศึกสงคราม แย่งชิงกับใคร ยังดีที่ได้ชิ้นปลามันอย่าง พี่ต่อ แม้ว่าปริมาณจะน้อย แต่คุณภาพคับตูดสุดๆ
4. สาขาวิชาของผมนั้น มีผู้หญิง 30 กว่าคน มีผู้ชายแค่ 3 คน เป็นชายแท้แค่คนเดียว ที่เหลือก็แอบจิตเก็กแมน และออกสาวอย่างเป็นทางการ
5. ในห้องเรียนที่จะต้องเรียนรวมกับนักศึกษาหลากหลายคณะและหลากหลายชั้นปีนั้น ผมก็มักจะได้เพื่อนร่วมห้องเรียนที่เป็นผู้หญิงซะเกือบยกชั้น หรือไม่ก็คู่รักที่ควงคู่ลงทะเบียนเรียนพร้อมกัน หรือไม่ก็แก็งค์สาว Rose paper (ใครที่เรียนอยู่ในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครที่ไม่รู้จักกิตติศัพท์ชื่อเสียงเรียงนามของแก็งค์นี้ ออกจะดังไปทั่วมหาลัย) ลงทะเบียนเรียนยกแก็งค์
6. คณะที่เป็นศูนย์รวมของคนหล่อ ที่ติดอันดับต้นๆ มีอยู่ 2 คณะ คือ วิศวกรรมศาสตร์ และบริหารธุรกิจ ซึ่งผมเองไม่มีโอกาสได้ไปข้องเกี่ยวข้องแวะอะไรกับคณะพวกนี้เลย (หมายถึงเข้าไปทำธุระ หรือลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกเสรีต่างๆของคณะพวกนี้) ทั้งๆที่อยากจะข้องแวะด้วยใจจะขาด
เซ็งเป็ดจริงๆเลยตรู แล้วจะไปหาคนหล่อๆน่ารักๆ กินได้ที่ไหน?? เพราะแบบนี้ ผมเลยต้องผูกปิ่นโตเป็นขาประจำของพี่ต่อ
...
หลังจากเลิกเรียน ผมก็เบิ่งมอเตอร์ไซด์มาที่บ้านพี่ต่อทันที ผมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้จะได้ปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดเสียที หลังจากที่ใช้บริการของน้องโป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย แก้ขัดมาหลายสัปดาห์
เมื่อขี่มอเตอร์ไซด์มาถึงหน้าบ้านพี่ต่อ สายตาของผมมองเห็นรถยนต์ BMW สีดำ จอดอยู่ภายในรั้วบ้าน ใกล้กับรถมอเตอร์ไซด์ของพี่ต่อ ผมเห็นแล้วรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามไม่สงสัยอะไร(ทั้งที่ใจแอบสงสัยว่า เจ้าของรถจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับพี่ต่อมากเป็นพิเศษ) ผมเปิดประตูรั้วบ้านพร้อมกับจูงมอเตอร์ไซด์เข้าไปอย่างปรกติ (ทุกครั้งที่มาบ้านพี่ต่อ ผมก็ทำแบบนี้อยู่เป็นกิจลักษณะ)
ในขณะที่ผมกำลังจอดมอเตอร์ไซด์ตรงข้างกระถางต้นไม้ติดกับขอบรั้ว ทันใดนั้น ประตูบ้านก็เปิดออกมา คนที่เปิดประตูบ้านออกมาไม่ใช่พี่ต่อ แต่เป็นผู้ชายอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ต่อ ผู้ชายคนนี้หน้าตาจัดได้ว่าหล่อมากๆ ความหล่อนี่ระดับดารานายแบบเลยก็ว่าได้ (หล่อกว่าพี่ต่อนิดหนึ่ง) ผิวขาว ดูสะอาดเกลี้ยงเกลา รูปร่างและส่วนสูงประมาณเท่ากับพี่ต่อ
ผมตกใจและตกตะลึงในความหล่อของผู้ชายคนนี้จนทำอะไรทำถูก พอรวบรวมสติได้ผมก็ยกมือไหว้ตามมารยาท
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ยังไม่แก่ขนาดนั้น ใช่น้องกันต์หรือเปล่า? หน้าเหมือนหลินจื้ออิงจริงๆด้วย” ผู้ชายคนนั้นยิ้ม และพูดกับผมอย่างเป็นกันเอง (แถมรู้จักชื่อผมอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพี่ต่อแอบไปเม้าท์อะไรเกี่ยวผมให้ผู้ชายคนนี้ฟัง??? )
“ครับผม แต่หน้าผมไม่เหมือนหลินจื้ออิงแน่ๆ พี่ก็ชมเกินไป เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าเขาจะหัวเราะเยาะผมเอา” ผมก้มหน้าพูดอย่างอายๆ ผมไม่กล้ามองหน้าหรือสบตาผู้ชายรูปหล่อ (ก็มันเขินจะให้ทำยังไง)
“ไม่ต้องพูดครับก็ได้ อยากพูดอะไรก็พูดมาเลย จะได้เป็นกันเอง พี่ชื่อ ที เป็นเพื่อนกับไอ้ต่อ เข้ามาข้างในก่อนซิ” ผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวเอง พร้อมกับเชิญผมเข้าไปนั่งข้างในบ้าน
“พี่ต่ออยู่ไหนครับ?” ผมถามพี่ที
“มันอาบอยู่” พี่ทีตอบผมอย่างสั้นๆ
“มึงอาบน้ำโคตรนานจริงๆ ชักว่าวอยู่หรือเปล่าว่ะ?” พี่ทีตะโกนขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน
ผมนั่งคุยกับพี่ทีอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกชั้นล่าง จากที่คุยกัน ทำให้ผมรู้รายละเอียดส่วนตัวของพี่ทีมากขึ้น
พี่ทีเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพี่ต่อสมัยเรียนมัธยม พี่ทีอยู่กรุงเทพและเรียนอยู่ในมหาลัยชื่อดังระดับประเทศ อาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาว หรือ long week-end พี่ทีเลยขับรถขึ้นมาเที่ยวและเยี่ยมพี่ต่อที่เชียงใหม่
พี่ต่อเดินมายืนที่ระเบียงตรงบันได ในสภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ผิวเนียนๆเปียกน้ำหมาดๆเห็นแล้วน่าเอาลิ้นเข้าไปสัมผัสมากๆ
“มึงเผาอะไรกูต่อหน้าน้องเขา?” พี่ต่อหันไปถามพี่ที
“เปล่า... มึงก็ร้อนตัวไปได้ ชักว่าวเพิ่งเสร็จหรือไง?” พี่ทีแซวพี่ต่อ
“ไอ้ห่า พูดซะกูเสียหมด กูไม่หื่นเหมือนมึง ที่กรุงเทพคงจะตระเวนกินเขาไปทั่ว จนหาใครไม่ได้แล้วซิ หรือว่าเขาไม่เอามึงว่ะ? ถึงได้ถ่อมากินตั้งเชียงใหม่ ทนๆเอาหน่อย อีกประเดี๋ยวสุดที่รักของมึงก็มา คืนนี้ก็อย่าหักโหมให้มากนะโว๊ย เก็บแรงไว้เผื่อคืนต่อไปบ้าง ฟ้าจะได้เหลืองนานๆ” พี่ต่อจิกกัดเพื่อนสนิทอย่างออกรส (ปากจัดเหมือนกันนะพี่)
“อย่าไปฟังไอ้ต่อมันมากนะ พี่ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น มันพูดจนพี่กลายเป็นไอ้หื่นไปแล้ว” พี่ทีพูดเชิงแก้ตัวพูดกับผม
“กันต์ขึ้นมาบนนี้หน่อย พี่มีอะไรจะให้ดู” พี่ต่อเรียกผมขึ้นไปชั้นบน
ผมเดินตามพี่ต่อขึ้นไปบนห้อง แต่ก็ยังไม่วายแอบชำเลืองมองพี่ที (ก็คนมันหล่อนี่ จะไม่มองได้อย่างไร)
พอผมเข้ามาในห้องนอน พี่ต่อไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าตัวผมไปกอดพร้อมกับละเลงจูบที่ปากของผมอย่างหิวกระหาย
“คิดถึงนะครับ” พี่ต่อกระซิบบอกผม หลังจากนั้นก็ใช้ปลายจมูกซอนไซร้ไปตรงกกหูผม พร้อมกับลากปลายจมูกยาวลงมาบริเวณต้นคอ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากไซร้บริเวณคอของผม ผมรู้สึกเสียวจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่แค่ขนเท่านั้นที่ลุก เจ้าตอปิโดของผมก็ลุกวาวขึ้นมาด้วย
แขนทั้งสองข้างของผมกอดรัดพี่ต่ออย่างแน่น เราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม ทันใดนั้นก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดในรั้วบ้านของพี่ต่อ ผมหยุดชะงักกิจกรรมทำเสียวไว้ชั่วครู่ และพยายามชะโงกหน้าไปดูทางหน้าต่างว่าใครมา
“ไม่ต้องไปสนใจอะไรหรอก แฟนไอ้ทีมา” พี่ต่อพูดกับผม พร้อมกับใช้มือหันหน้าของผมเข้ามาชนกับหน้าของพี่เขา แล้วเราทั้งสองก็ดูดปากแลกลิ้นกันต่อไป (ผมแอบคิดอยู่ในใจว่า ใครกันนะช่างเป็นผู้โชคดีที่ได้เป็นแฟนของพี่ที อยากจะเห็นหน้าจังว่าหน้าตาจะหล่อเหลาเหมาะสมกับพี่ทีแค่ไหน)
ตอนนี้ผมเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว เพราะพี่ต่อได้จัดการถอดเสื้อและกางเกงของผมลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวของพี่ต่อก็ยังคงนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนน้อยจากตอนอาบน้ำ เราทั้งสองยืนกอดกันแนบแน่นอยู่ตรงซอกมุมในห้องนอน
“เฮ้ย... สองคนนี่ใจคอจะเอากันตรงนี้เลยเหรอ ไม่อายชาวบ้านชาวช่องบ้าง ดูซิเล่นเปิดประตูห้องโชว์หนังสดอะหล่างฉ่างแบบนี้ ” เสียงของพี่ทีดังขึ้นมา
ผมกับพี่ต่อต่างหยุดทำกิจกามอย่างกระทันหัน ผมตกใจและอายมากๆจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ผมไม่ได้อายแค่พี่ทีคนเดียว ผมยังอายแฟนของพี่ทีด้วย โดยเฉพาะแฟนของพี่ที ผมรู้สึกอายเป็นพิเศษและไม่กล้าสู้หน้าอีกด้วย ทำไมโลกมันแคบแบบนี้นะ แฟนของพี่ที คือ พี่บาส เป็นรุ่นพี่สาขาวิชาเดียวกับผม พี่บาสเป็นคนหน้าตาดี หล่อสไตล์ตี๋ๆ น่ารัก ผิวขาวใส รูปร่างกระทัดรัดฉบับกระเป๋า ครั้งแรกที่ผมเห็นพี่บาส ผมก็แอบๆชอบเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ความสนใจของผมในตัวพี่บาสเลือนหายไป ก็คือ ผมคิดไปเองว่า พี่บาสเป็นผู้ชายแท้ๆ เพราะที่ผ่านมา พี่บาสพยายามสร้างภาพโดยการจีบพี่ป๋อมแป๋ม ดาวคณะคนสวย จนเป็นที่ล่ำลือกันไปทั่วคณะว่า เป็นคู่รักหวานแหวว ที่ใครต่อใครเห็นแล้วก็อิจฉาริษยามาก ในที่สุดความจริงทั้งหมดก็ได้มาเปิดเผย ณ ตรงนี้
พี่บาสพอเห็นผมแสดงบทรักกับพี่ต่อ ก็ทำหน้าตกใจเหมือนกัน ซึ่งพี่บาสเองก็พยายามหลบหน้าและไม่กล้าสบตากับผม ส่วนพี่ต่อก็รู้สึกอายเหมือนกันแต่คงไม่มากเท่ากับผม (พี่ต่อบอกว่าเป็นความสัพเพร่าของตัวเขาเอง เพราะเงี่ยนจนลืมปิดประตูห้องหับให้มิดชิด ก่อนจะปฏิบัติภาระกิจ)
“ไอ้ห่า... แม่งจะขึ้นมาก็ไม่ให้ซุ่มให้เสียง มารยาทมีบ้างหรือเปล่ามึง” พี่ต่อพูดกับพี่ทีเชิงว่ากล่าว
“ใครมันจะไปรู้ว่ามึงกับน้องเขากำลังเล่นกิจกามกันอยู่ คราวหน้าทำอะไรก็หัดปิดประตูห้องหับให้มันมิดชิดด้วย กูขึ้นมาเพื่อจะมาบอกให้มึงรีบๆหน่อย จะได้ออกเดินทางกัน เดี๋ยวก็ไปถึงเชียงรายค่ำพอดี กูให้เวลา 10 นาที กูกับไอ้บาสจะไปรอมึงอยู่ที่ชั้นล่างและจับเวลา ถ้ามึงช้า มึงต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อกลางวันนะโว้ย” พูดจบพี่ทีกับพี่บาสก็ลงไปรอที่ชั้นล่าง
“พี่ลืมบอกกันต์ไปว่า เรากำลังจะไปเที่ยวเชียงราย เป็นความผิดของกันต์ที่หน้าตาดี ทำให้พี่เห็นแล้วเกิดอารมณ์อยาก” พี่ต่อพูดพลางไซร้ที่คอของผม
“พูดเป็นเล่นไปพี่ ทำไมไม่บอกผมก่อน ผมจะได้เตรียมตัวกดเงินมาเผื่อไว้ ตอนนี้ผมมีเงินติดกระเป๋ามาไม่ถึงยี่สิบบาทด้วยซ้ำ” ผมรู้ตกใจปนตื่นเต้นเล็กน้อย
“เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ไอ้ทีมันเป็นเจ้ามือเอง ทุกอย่างมันจ่ายให้หมดเสร็จสรรพ วันพรุ่งนี้วันเกิดมัน ส่วนเรื่องของใช้นั้น ใช้ของพี่ไปก่อน แปรงสีฟันพี่มีอันใหม่สำรองอยู่ในห้องน้ำ รีบแต่งตัวซะ เดี๋ยวลงไปช้าจะโดนมันกัดอีก” พี่ต่อรีบยื่นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ให้ผม
ในระหว่างเดินทาง พี่ทีเป็นคนขับรถ พี่บาสเป็นตุ๊กตาหน้ารถนั่งข้างๆพี่ที ส่วนผมกับพี่ต่อนั่งเบาะหลัง
ผมยังแปลกใจอยู่ว่า พี่ทีกับพี่บาสมีโอกาสเจอกันตอนไหน? แล้วปิ๊งกันได้อย่างไร? (ตอนหลังเพิ่งทราบมาว่า ปีที่แล้วตอนพี่ต่อเพิ่งเข้ามาเป็นนักศึกษาปี1 พี่ต่อกับพี่บาสเป็นเพื่อนกัน หลังจากนั้น พี่ทีก็ได้ขึ้นมาเยี่ยมพี่ต่อที่เชียงใหม่ เลยได้มีโอกาสรู้จักกับพี่บาส พอเจอกันครั้งก็เกิดปรากฏการณ์ love at the first slight ทันที)
ผมนั่งเบาะหลังตรงข้ามกับพี่ทีซึ่งเป็นคนขับ ผมมองไปในกระจกรถตรงคนขับ สายตาของผมก็ประสานกับสายตาของพี่ทีเข้าอย่างจัง ชนิดที่ว่าเหมาะเจาะพอดิบพอดี พี่ทีมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์นิดๆ ผมรู้สึกเขินมาก แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจอะไรเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ และสงบสติอารมณ์ของตัวเองไปในตัวด้วย (แบบว่าใช้ความสงบสยบความแรด)
เมื่อถึงแม่ขะจาน พี่ทีก็ขับรถเข้าไปจอดที่ปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันและให้ทุกคนไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ผมเดินเข้าไปล้างมือที่ห้องน้ำ ในขณะที่กำลังฟอกสบู่ล้างมืออยู่นั้น ก็มีคนมาสะกิดตรงหัวไหล่ของผม ผมรีบหันไปดูปรากฏว่าเป็นพี่บาส
หน้าตาของพี่บาสดูซีเรียสนิดๆ ผมถามพี่บาสว่า “นึกว่าใคร ทำเอาผมตกใจ พี่บาสมีอะไรเหรอครับ?”
“พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย”
“ได้เลยครับพี่ ว่าแต่คุยเรื่องอะไร?” ผมถามด้วยความสงสัย
“กันต์รู้เรื่องระหว่างพี่กับพี่ทีแล้วใช่ไหม?” พี่บาสถามผมอย่างตรงไปตรงมา
“ครับผม.... แต่พี่บาสไม่ต้องห่วงและไม่ต้องกลัวว่าผมจะเอาไปพูดที่ไหน และผมก็หวังว่าพี่บาสคงจะไม่บอกเรื่องของผมกับใครๆนะครับ ถ้าพี่บาสไม่พูด ผมก็ไม่พูดเหมือนกัน” ผมพอจะเดาออกว่าเรื่องที่พี่บาสอยากจะพูดกับผมคือเรื่องอะไร ผมเลยชิงพูดก่อน พร้อมทั้งข้อเสนอยื่นหมูยื่นแมว
“ถ้าเป็นแบบที่กันต์พูดมา พี่ก็ดีใจมาก ขอบใจมากนะกันต์ที่เข้าใจ” พี่บาสยิ้มให้ผมอย่างพึงพอใจในข้อเสนอ
พวกเราทั้งหมดมาถึงที่ จ.เชียงราย ในตอนเกือบๆเย็น (เพราะเล่นจอดแวะกิน-เที่ยวระหว่างทางบ่อยมาก) โดยเช็คอินเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งริมแม่น้ำกก ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมด พ่อเลี้ยงทีเป็นคนจ่าย
ห้องพักเป็นห้องแบบครอบครัว (family room) โดยเป็นห้องคู่ 2 ห้อง ที่มีประตูเปิดเข้าหากันได้
“คืนนี้มึงนอนกับไอ้บาสนะ กูจะนอนกับน้องกันต์” พี่ทียื่นข้อเสนอให้กับพี่ต่อ ผมได้ยินถึงกับหูผึ่งด้วยความที่คาดไม่ถึงว่าพี่ทีจะกล้าพูดในสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ในใจ
พี่ต่อทำหน้างงๆเหวอๆ พร้อมพูดออกไปว่า “เฮ้ย.... มึงอย่ามามั่วเลยไอ้-เอี้ย-ที น้องกันต์เด็กกูนะโว๊ย... ส่วนมึงนอนกับไอ้บาสสุดที่รักของมึงเลยไป ไม่ได้เจอกันตั้งนานไม่ใช่หรือ คืนนี้คงจะมีเวลาได้รำลึกถึงความหลังกันซี๊ดซ๊าดทั้งคืนเลย”
“ไม่เอา... ไอ้บาสมันนอนกรน กูนอนไม่หลับ มึงสองคนนอนกรนเสียงดังทั้งคู่ นอนด้วยกันนะดีแล้ว สมน้ำสมเนื้อดี ส่วนกูจะนอนกับน้องกันต์ จริงไหมกันต์? กันต์อยากนอนกับพี่ใช่ไหม?” พี่ทียืนยันเจตนารมณ์เดิม แถมยังหันหน้ามาถามผมอีก
ผมยืนทำหน้าเอ๋อ แกล้งทำท่าทีเป็นไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทั้งๆที่ใจนั้นอยากจะ “say yes” กับพี่ทีแทบจะขาดใจ แต่ผมก็ยังมีสติพอที่จะรักษาน้ำใจของพี่ต่อ ผมไม่กล้าทุบหม้อข้าวหม้อแกงตัวเองหรอก ถึงใจอยากจะนอนกับพี่ทีมากๆ แต่ก็เป็นแค่อาหารจานเดียว จานด่วนที่กินเพื่อประทังความอยากชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ผิดกับพี่ต่อ ซึ่งนอกจากจะเป็นอาหารสำรับใหญ่ๆครบเครื่องแล้ว ยังเปรียบเสมือนส่วนเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีกินอย่างถาวร
“ผมให้พี่ต่อเป็นคนตัดสินใจแทนผมครับ” ผมพูดแบบถนอมน้ำใจพี่ต่อ
“ดีมากกันต์ อย่างนี้ซิ ถึงจะเรียกว่า รักกันจริง” พี่ต่อเดินมากอดรัดผม พร้อมกับยิ้มเยาะพี่ทีอย่างผู้ชนะ
“ขอโทษนะครับพี่ที ใจจริงแล้ว ผมอยากจะนอนกับพี่มากๆ อยากจะลิ้มรสสวาทของพี่ว่า รสชาติจะแซ่บดุเด็ดเผ็ดร้อนขนาดไหน แต่ผมยังเกรงใจพี่ต่ออยู่” ผมพูดอยู่ในใจคนเดียว
“กูละเซ็งจริงๆ ต้องนอนฟังเสียงไอ้บาสกรนทั้งคืน” พี่ทีส่ายหน้าแบบทีเล่นทีจริง
................................................................................
ผมอยู่ในห้องนอนกับพี่ต่องสองคน เวลานี้เป็นเวลาเข้านอนของเราสองคนพอดี
“กันต์... พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม? กันต์คิดอย่างไรกับพี่? หมายถึง กันต์รู้สึกกับพี่แบบไหน?” พี่ต่อถามผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ
“ผมว่า พี่ต่อเป็นคนดีคนหนึ่ง ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา พี่ต่อเป็นคนที่จริงใจ มีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบ ไม่โกหก คิดอะไรก็พูดออกมาเลย ไม่รู้สิครับ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน” ผมตอบอย่างรวมๆ
“ขอบใจมากนะ แต่พี่หมายถึงว่า กันต์รู้สึกกับพี่แบบพี่ชายหรือแบบคนรัก?” พี่ต่อเสี่ยงถามแบบกล้าได้กล้าเสีย ด้วยสีหน้าเขินอาย
“ไม่รู้สิครับพี่ รู้สึกกับพี่แบบพี่ชายคงไม่ เพราะถ้าผมรู้สึกแบบพี่ชาย ผมคงไม่เผลอตัวมีอะไรกับพี่ ส่วนรู้สึกแบบคนรักหรือเปล่า อันนี้ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะถ้าผมรู้สึกกับพี่แบบนี้ ผมไม่อยากผูกมัดตัวผมกับพี่เอาไว้ด้วยเงื่อนไขของความเป็นคนรัก สิ่งนี้มันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ยาวนานนัก ผมไม่อยากหวาดระแวงเวลาที่พี่หายไปไหนนานๆ และก็ไม่อยากจะหึงหวงพี่เวลาเห็นพี่พูดคุยหรือสนิทสนมกับใครมาก”
“พี่เข้าใจที่กันต์พูด เอาเป็นว่า เราปล่อยให้เวลามันตอบโจทย์ตรงนี้ดีกว่า แต่ตอนนี้พี่อยากจะดูดไอติมแท่งของกันต์ใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่ได้ลิ้มรสมานานแล้ว” พอพูดจบ พี่ต่อก็ก้มลงและใช้มือดึงกางเกงและกางเกงในของผมออกจากขาทั้งสองข้างของผม
ก่อนที่แท่งตอปิโดของผมจะผงาดขึ้นมาสู้ศึก พี่ต่อใช้มือข้างขวาลูบไล้บริเวณดงเส้นสาหร่ายอันดกดำของผม และมือข้างซ้ายรูดแท่งตอปิโดของผมขึ้นลงๆ พร้อมกับใช้ปลายจมูกถูไถไปมาที่กระโปกของผม
ไม่นานนักแท่งตอปิโดของผมก็ขยายขนาดและแข็งชูชันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พี่ต่อไม่รอช้า อ้าปากครอบซะจนมิดลำ ไออุ่นๆในปากของพี่ต่อยิ่งทำให้ตอปิโดของผมแข็งมากยิ่งขึ้น และเส้นเอ็นบริเวณลำกล้องก็ปูดโปนจนเห็นได้ชัด
พี่ต่อใช้ริมฝีปากรูดตอปิโดของผมขึ้นๆลงๆอย่างรัวถี่ๆ ผมรู้สึกเสียวจนครางออกมาอย่างสุดเสียง ตอนนี้ตัวของผมเกร็งไปหมด เนื่องจากความเสียวซ่าน ผมใช้มือจิกผมที่ศรีษะของพี่ต่อ โดยกดโยกขึ้นลงไปมาให้เข้ากับจังหวะ
ซักพักพี่ต่อเปลี่ยนมาใช้ลิ้นเลียตรงรอยหยักที่บริเวณหัวตอปิโดของผม และตวัดปลายลิ้นไปรอบๆบริเวณ
“พี่... ผมเสียวครับ... คนอะไรดูดเก่งชะมัด ดีครับ โอ๊ยๆ....” ผมบอกพี่ต่อด้วยน้ำเสียงที่สยิวจับใจ
ผมดึงตัวพี่ต่อมากอดจูบ โดยพลิกตัวพี่ต่อลงไปนอนเตียงและผมนอนทับบนตัวพี่ต่อ ผมก้มหน้าไปไซร้บริเวณลำคอของพี่ต่อ จากนั้นก็เลื่อนลงมาดูดตรงหัวนมทั้งสองข้าง ซักพักผมก็ใช้ลิ้นเลียลากยากจากบริเวณหัวนมลงไปที่สะดือ พอเลื่อนต่ำมาถึงป่าดงดิบอันหนาทึบของพี่ต่อ ผมก็ใช้ปลายจมูกลูบไล้สูดดมกลิ่นสาบเสน่หาของพี่แก
ส่วนมือข้างหนึ่งของผมก็ลูบๆเขี่ยๆตรงหัวนมข้างซ้าย ส่วนอีกข้างก็เล่นกับเจ้าแท่งอ้อยอันอวบยาวของพี่ต่อ ผมชักแท่งอ้อยของพี่แกขึ้นๆลงๆ ในที่สุดผมก็อ้าปากอมแท่งอ้อยของพี่แกจนมิดด้าม
ผมใช้ปากรูดแท่งอ้อยของพี่ต่อขึ้นๆลงๆ ตั้งแต่หัวยันโคน พี่ต่อกดหัวผมแน่นพร้อมทั้งกระเด้าลำตัวขึ้นๆลงๆประสานจังหวะ พอดูดแท่งอ้อยของพี่แกจนหนำใจแล้ว ผมก็ลากปลายลิ้นมาเลียบริเวณกระโปกลูกเงาะทั้งสองอย่างเมามัน
ผมเปลี่ยนอริยาบทมานอนทาบบนตัวพี่ต่อ
“ผมเย็ดพี่ได้ไหมครับ? กระดอผมไม่ได้เข้าตูดฟิตๆของพี่นานแล้ว” ผมกระซิบถามพี่ต่อ
พี่ต่อรีบตั้งท่าคลานและหันตูดเข้าหาผม ผมหยิบวาสลีนที่อยู่ในกระเป๋าข้างเตียงมาทาถูตรงตอปิโดของผม และทารอบๆปากถ้ำแก้วของพี่ต่อ พร้อมทั้งใช้นิ้วของผมลองยัดเข้าไปสำรวจความกระชับภายในถ้ำแก้วดู พอสอดนิ้วเดียวเข้าๆออกๆได้อย่างไม่มีปัญหา ผมก็ลองสอด 2 นิ้วดูบ้าง สอดยังไม่ทันสุดปลายนิ้ว พี่ต่อก็ร้องครางเสียงหลงออกมา
หลังจากสำรวจความกระชับทั้งภายในและภายนอกของถ้ำแก้วแล้ว ผมก็จัดการสอดเจ้าแท่งตอปิโดของผมเข้าไปอย่างช้าจนมิดลำ ก่อนที่จะซอยเข้าๆออกๆ ผมก็ใช้มือตบลงไปบนแก้มก้นของพี่ต่อเพราะความมันเขี้ยว
แรกๆผมค่อยกระเด้าซอยอย่างช้าๆ เนื่องจากกลัวพี่ต่อจะเจ็บ พอพี่ต่อส่งสัญญาณของเสียวออกมาแล้ว ผมก็ค่อยๆเร่งสปีดอย่างเต็มที่ ช่วงที่เร่งสปีดนี้ รู้สึกเสียวที่หัวดออย่างที่สุด ขณะที่ผนังถ้ำตอด สวรรค์ชั้น 7 ชัดๆ เวลาซอยถี่ๆได้ความรู้สึกทั้งมันส์ทั้งเสียวเหนือคำบรรยายจริงๆ ผมซอยเข้าๆออกๆอย่างไม่กั๊ก พร้อมกับใช้มืออีกข้างสาวว่าวให้พี่ต่อ ซักพักพี่ต่อทนความเสียวไม่ไหว พ่นพิษสีขาวๆขุ่นๆพุ่งออกมา
ถ้ำแก้วของพี่ต่อไม่ว่าจะเข้ามาสำรวจกี่รอบๆ ก็ยังคงฟิตกระชับเหมือนเดิม ไม่ได้หย่อนยานหรือหย่อนคล้อยเลย ในที่สุด เจ้าแท่งตอปิโดของผมก็ปล่อยกระสุนอุ่นๆออกมาข้างในถ้ำแก้วของพี่ต่อจนหมดถึงหยดสุดท้าย
ผมและพี่ต่อหันหน้ามาดูดปากกันอย่างดูดดื่ม เราสองคนนอนกอดกันจนเผลอหลับไปในสภาพที่เปลือยล่อนจ้อนทั้งคู่
วันรุ่งขึ้น พี่ทีขับรถพาพวกเราทั้งหมดขึ้นไปเที่ยวบนดอยตุง ส่วนตอนบ่ายก็ไปเดินเล่นช็อปปิ้งซื้อของที่ อ.แม่สาย โดยข้ามชายแดนไปพม่าตรงด่านท่าขี้เหล็ก ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินช็อปปิ้งอย่างเพลิดเพลิน ผมขอแยกตัวออกมาเดินคนเดียวโดยอ้างว่า เจอคนรู้จักที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน อยากเดินไปทักทายพวกเขาซักหน่อย แต่ความจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือ ผมแอบเดินไปซื้อโสร่งจากร้านถัดออกไปจากร้านที่บรรดาพวกพี่ต่อกำลังซื้อของอยู่
โสร่งที่ผมซื้อนั้น ไม่ได้เอาไว้ใส่เองหรอกครับ แต่เอาไว้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับพี่ที(พี่ทีอุตส่าห์มีน้ำใจพาผมมาเที่ยวฟรีกินฟรี ผมอยากจะให้ของขวัญวันเกิดแทนการขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่เขาซักหน่อย) หลังจากซื้อแล้ว ผมก็แอบซ่อนเอาไว้ในถุงขนมเพื่อไม่ให้ใครเห็น
หลังจากที่เดินช็อปปิ้งที่แม่สายเป็นที่หนำใจแล้ว พวกเราก็กลับไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อนที่บริเวณสระน้ำของโรงแรม ทุกคนสนุกสนานกับการเล่นน้ำในสระ ซักพักหนึ่งผมจึงขอตัวกลับขึ้นไปบนห้องพัก โดยให้เหตุผลขุ่นๆน้ำเน่าๆว่า เศษฝุ่นผงเข้าตา จะไปล้างออกในห้องน้ำบนห้อง ซึ่งสะอาดกว่าน้ำในสระ
ความจริงแล้ว ผมแอบออกไปซื้อขนมเค้กวันเกิดสำหรับอวยพรวันเกิดให้พี่ทีในคืนนี้ (อันนี้ผมได้เตี๊ยมกับพี่ต่อและพี่บาสเอาไว้แล้ว) นอกจากนั้นผมก็ใช้เวลาที่เหลือ ห่อของขวัญวันเกิดให้กับพี่ที (ซึ่งก็คือ โสร่ง ที่ผมซื้อมาจากฝั่งพม่า)
พอเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกมาจากห้องพักเพื่อกลับมาสบทบกับพวกพี่ๆที่สระว่ายน้ำ ทันใดนั้น พี่ทีก็เดินสวนเข้ามาตรงระเบียงทางเดินหน้าห้อง
“หายดีแล้วหรือเรา? ตาไม่แดงแล้วนี่” พี่ทีถามอย่างเป็นห่วง
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ ผมกำลังจะเดินไปสมทบกับพวกพี่อยู่พอดี พี่ทีเล่นน้ำเสร็จแล้วหรือครับ?”
“เสร็จแล้วละ เหนื่อยว่ะ ทั้งขับรถด้วยและว่ายน้ำด้วย เออ... เราอยู่นี่ก็ดีแล้ว พี่จะได้มีเพื่อนคุย ปล่อยให้ไอ้สองตัวนั่นมันว่ายน้ำแข็งกันจนได้เหรียญทองโอลิมปิคกันเถอะ” พี่ทีชวนผมเข้ามานั่งคุยในห้อง
ผมกับพี่ทีคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่างๆอย่างถูกคอ ซักพักหนึ่งพี่ทีเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ตรงโต๊ะเล็กๆใกล้กับเตียงนอน พี่ทีเปิดกระเป๋าสตางค์พร้อมกับดึงแผ่นกระดาษเล็กๆคล้ายๆนามบัตร ออกจากกระเป๋า
“กันต์.... นี่นามบัตรของพี่ ถ้ากันต์ได้มีโอกาสไปเที่ยวกรุงเทพ อย่าลืมติดต่อพี่ตามที่อยู่และเบอร์โทรในนามบัตรนี้นะ พี่รู้สึกถูกชะตากับเรา เห็นเราเป็นเด็กดี คุยเก่ง มีสัมมาคารวะ และก็จริงใจ ใสซื่อ แต่พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม? อย่าบอกไอ้ต่อเด็ดขาดว่า พี่ให้นามบัตรกับกันต์ ไม่ใช่อะไรหรอก พี่กลัวไอ้ต่อมันกัดและแซวพี่ อีกอย่างก็กลัวมันจะเข้าใจผิดด้วย” พี่ทีสั่งกำชับผม
“ขอบคุณมากครับสำหรับนามบัตร พี่วางใจได้ และไม่ต้องกลัวว่าผมจะบอกพี่ต่อ ผมรับรองได้ด้วยเกียรติของลูกเสือ” ผมรับปากเชิงติดตลกนิดๆ
“ขอบใจมาก กันต์น่ารักแบบนี้ไง พี่ถึงได้เอ็นดูแบบน้องแบบนุ่ง” พี่ทีพูด พลางกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ผมทีละนิดๆ
ใจของผมเต้นตุ๊บๆตั๊มๆไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเริ่มจะร้อนผ่าวๆนิดๆ เวลานี้ผมไม่กล้าสบตา มองหน้าพี่ทีมาก เนื่องจากความเขินอายอย่างสุดๆ
“พอพี่เขยิบเข้ามานั่งใกล้ชิดถึงกับหน้าแดงตัวสั่นเชียวหรือ?” พี่ทีแซวผม พร้อมกับใช้มือลูบไล้ที่บริเวณกลางหลังของผม
ผมนั่งนิ่งไปชั่วขณะ ผมรู้สึกตื่นเต้นและคาดไม่ถึงว่าพี่ทีจะพิศวาสผมถึงเพียงนี้ พอรวบรวมสติได้ อาการใจกล้าหน้าด้านก็กำเริบทันที ผมก็ใช้นิ้วมือลูบๆเขี่ยวตรงบริเวณหัวนมของพี่ที
พี่ทีใช้แขนทั้งสองโอบรวดตัวผมเข้าแนบประชิดกับตัว พี่ทีก็ใช้มือล้วงพรืดเข้าไปในกางเกงในของผม อย่างไม่มีคำเกริ่นนำใดๆทั้งสิ้น พี่ทีใช้นิ้วลูบๆบริเวณหัวดอของผมอย่างทะนุถนอม
“ดอใหญ่จริงๆนะเรา เห็นตัวเล็กแค่นี้ ซ่อนรูปนี่หว่า” พี่ทีพูดอย่างตกตะลึง
“พี่ทีก็พูดเกินไปครับ” ผมพูดอย่างเขินๆ
พี่ทีบรรเลงเพลงสวาทโดยใช้ริมฝีปากเข้าประกบกับริมฝีปากของผม เราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันอยู่ประมาณไม่ถึงนาที ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมกับพี่ทีต่างตกใจจนอารมณ์สวาทหดหายไปจนหมดสิ้น ใครหนอช่างมาขัดคอในเวลาที่อ้อยกำลังจะเข้าปากช้างตอนนี้ ช่างไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ
ผมรีบวิ่งอย่างเบาๆ ค่อยๆย่องไปตรงประตูที่สามารถเปิดทะลุไปยังห้องของผมได้ ส่วนพี่ทีก็รีบใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ ทำเหมือนกับว่ากำลังอาบน้ำอยู่
พอผมกำลังจะปิดประตูที่เชื่อมห้องผมกับห้องพี่ที พี่ต่อก็เปิดประตูหน้าห้องเข้ามาพอดี ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อย อะไรมันจะบังเอิญประจวบเหมาะกันขนาดนี้นะ พี่ต่อกับพี่บาสกลับมาที่ห้องเร็วจังเลย
“พี่ต่อ.... ทำเอาผมตกใจหมดเลย เดี๋ยวพี่ทีก็สงสัยหรอก” ผมแกล้งทำเนียนพูดเบี่ยงเบนสถานการณ์
“กันต์เข้าไปทำอะไรในห้องโน้นมา?” พี่ต่อถามอย่างสงสัย
“ผมแค่เปิดประตูแง้มดูนิดๆ ว่าใครเข้ามาในห้อง พี่ที หรือ พี่บาส? เพราะตอนที่ผมกำลังเอาขนมเค้กมาซ่อนไว้ ผมได้ยินคนเปิดประตูเข้ามาในห้องโน้น ผมกลัวว่าจะเป็นพี่ที เดี๋ยวแผนที่เราวางไว้ก็แตกกันพอดี ผมเลยลองเปิดแง้มๆแอบไปดูว่าใครเข้ามา แต่ไม่เห็นมีใครเลย ดังนั้นผมจึงลองเปิดประตูกว้างๆเข้าไปดูให้เห็นอย่างเต็มตา แต่ก็ยังไม่เห็นใคร เห็นแค่ประตูห้องน้ำปิดไว้ สงสัยใครคนใดคนหนึ่งคงจะอยู่ในห้องน้ำ” ผมแจกสตอเบอร์รี่ให้พี่ต่อไปหลายกระบุง แถมยังชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งที่ในใจนั้นเต้นตุ้มๆต่อมๆ
“เป็นแบบนี้เอง แล้วก็ไม่บอกพี่ให้ละเอียด มาทำลับๆล่อๆแบบนี้ ทำให้พี่คิดไปต่างๆนานาๆ เดี๋ยวต้องทำโทษซะแล้ว” พี่ต่อดึงกางเกงพร้อมกางเกงในของผมลงไปกองกับพื้น และนั่งคุกเข่าต่อหน้าผม (คงรู้นะครับว่า พี่ต่อทำโทษผมด้วยวิธีไหน?)
พี่ต่อจัดการถวายบัวให้ผมอย่างเมามันส์ ทั้งดูด ทั้งอม ทั้งเลีย ทั้งตวัดลิ้นบริเวณรอยหยักตรงหัวกระดอของผม จนผมเสียวสะท้านไปทั่ว ร้องครวญครางออกมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผมกระเด้าดันเจ้าแท่งตอปิโดเข้าๆออกๆในปากของพี่ต่อจนมิดลำ พี่ต่อสำลักความคึกของตอปิโดผมจนหาจังหวะผ่อนคลายเป็นช่วงๆ ซักพักผมจับหัวของพี่ต่อกดเข้าไปตรงหัวหน่าวและดันตอปิโดเข้าปากพี่แกจนมิดลำ ผมเกร็งไปทั้งตัวพร้อมกับพ่นพิษสีขาวๆขุ่นๆเข้าไปในลำคอของพี่ต่ออย่างเต็มเหนี่ยว พี่ต่อดูดกลืนน้ำเงี่ยนของผมอย่างเอร็ดอร่อย
คืนวันนั้น พวกเราเซอร์ไพร์สวันเกิดให้กับพี่ทีอย่างสนุกสนาน โดยการหลอกพี่ทีให้ไปเอาของในรถ และพวกเราก็พากันไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า(ซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้ 3-4 คน) และจุดเทียนปักขนมเค้กในนั้น
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ตื่นเต้นเลยอ่า ขอบคุณครับสนุกมากๆเลย ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ น้องกันต์เสน่ห์แรงจัง สรุปจะได้กะพี่ทีมั้ย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ เสียวจัง หืมมมม ขอบคุนน่ะ ขอบคุณครับ่ ขอบคุณครับ อ่าว ขอบคุณมากครับ
หน้า:
[1]