กรุงศรีอยุธยา ติดอันดับเมืองประวัติศาสตร์
กรุงศรีอยุธยา ติดอันดับเมืองประวัติศาสตร์ แสนยิ่งใหญ่ของโลกhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/556000000931204-472x300.jpegเว็บไซต์ businessinsider.com ได้รวบรวม 16 เมืองประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ โดยอ้างองจากข้อมูลของนักประวัติศาสตร์ 3 ท่าน คือTertius Chandler, Gerald Fox และ George Modelski โดยมี กรุงศรีอยุธยา อดีตราชธานีของไทย ติดอันดับด้วย ซึงนักการทูตชาวตะวันตกที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีด้วยได้เคยบันทึกเอาไว้ว่า เป็นเมืองที่สวยงามทั้งนี้ใช้เกณฑ์เมืองยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัยที่นำมนุษย์เข้าสู่อีกยุคหนึ่ง ทั้งด้านวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมการค้า กสิกรรม ขนาดของป้อมปราการ การแจกจ่ายอาหาร ภัยพิบัติต่างๆ บางแห่งถูกเมืองอื่นๆ แซงหน้าในด้านความใหญ่โตและจำนวนประชากร ขณะที่บางเมืองสิ้นสุดลงเพราะถูกทำลาย16 เมืองใหญ่ในประวัติศาสตร์มวลมนุษย์http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/1jericho-was-the-biggest-city-in-the-world-in-7000-bc-with-2000-citizens.jpg1. เจริโค (Jericho) ใหญ่ที่สุดของโลกในยุค 7,000 ปีก่อนคริสตกาล พลเมือง 2,000 คน
ตั้งอยู่ระหว่างทะเลแดงกับภูเขานีโบ (Mt Nebo) เป็นโอเอซิสใหญ่ที่สุด ในคัมภีร์ไบเบิลเก่าบันทึกเอาไว้ว่าเป็น “เมืองแห่งต้นปาล์ม”http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/2uruk-took-the-lead-in-3500-bc-with-4000-citizens.jpg2. อูรุค (Uruk) ใหญ่ที่สุดในยุค 3,500 ปีก่อนคริสตกาล พลเมือง 4,000 คน
เป็นเมืองหลวงของแคว้นกิลกาเมช (Gilgamesh) เชื่อกันว่าคือเมืองเอเร็ค (Erech) ที้สร้างโดยกษัตริย์นิมรอด (King Nimrod) ในคัมภีร์ไบเบิล อยู่ใกล้แม่น้ำยูเฟรติส เป็นศูนย์กลางการเกษตรและการค้า สงครามในภูมิภาคที่เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 2000 ก่อนคริสตกาล ต่อมาถูกทิ้งให้ร้างไปในยุคก่อนที่ฝ่ายอิสลามเข้าครอบครองhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/3mari-took-the-lead-in-2400-bc-with-50000-citizens.jpg3. มาริ (Mari)ในยุค 2000 ก่อนคริสตกาล ประชากร 50,000 คน
เมืองหลวงแคว้นเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ในยุคของกษัตริย์สุเมเรียนหลายพระองค์ ก่อนเข้าสูยุคอาโมเรียน มีการสร้างพระราชวังขนาด 300 ห้อง ล่มสลายลงใน 1759 ก่อนคริสตกาล ถูกยึดรองโดยกษัตริย์ฮัมมูราบีแห่งบาบีลอน มีการค้นพบจารึกภาษาสุเมเรียน 25,000 ชิ้น ในค.ศ. 1930 ส่วนใหญ่เป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเมือง และเศรษฐกิจhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/4ur-took-the-lead-in-2100-bc-with-100000-citizens.jpg4. อูร์ (Ur) เป็นเมืองท่าสำคัญในอ่าวเปอร์เซียในยุค 2100 ก่อนคริสตกาล ประชากร 100,000 คน
ค้าขายกับทั่วโลก ราว 500 ก่อนคริสตกาล ถูกทิ้งเป็นเมืองร้างเพราะภัยแล้งที่เกิดจากแม่น้ำที่เปลี่ยนทิศทางไหล แต่ยังเป็นแหล่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมา การขุดค้นในทศวรรษ 1850 พบซากมนุษย์จำนวนมาก เป็น “เมืองแห่งคนตาย” (City of the Dead) หรือนีโครโพลิส (Necropolis)http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/5yinxu-took-the-lead-in-1300-bc-with-120000-citizens.jpg5. หยินซู (Yinxu) รุ่งเรืองในช่วง 1300 ก่อนคริสตกาล ประชากร 120,000 คน
เป็นแหล่งที่ค้นพบจารึกบนกระดูกสัตว์ที่เรียกว่า ออราเคิลโบน (Oracle Bone) จำนวนมาก เขียนด้วยอักษรจีนโบราณ เมืองทรุดโทรมลงและถูกทอดทิ้งในสมัยราชวงศ์โจวhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/6babylon-took-the-lead-in-700-bc-with-100000-citizens.jpg6. บาบีลอน (Babylon) รุ่งเรืองสุดในช่วง 700 ก่อนคริสตกาล พลเมือง 100,000 คน
เป็นศูนย์กลางความร่ำรวยแห่งยุคสมัยกษัตริย์ทรงอำนาจ และอิทธิพล เป็นแหล่งของสวนลอยบาบีลอน กับหอคอยแห่งบาเบล (Tower of Babel) 538 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ไซรัส (Cyrus) แห่เปอร์เซียยาตราทัพทวนแม่น้ำยูเฟรติสเข้าตี ปล้นสะดมบาบีลอนจนแหลกคามือhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/7carthage-took-the-lead-in-300-bc-with-100000-citizens.jpg7. คาร์เถจ (Carthage) รุ่งเรืองโดดเด่นในปี 300 ก่อนคริสตกาล พลเมือง 100,000 คน
ได้ชื่อเป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ก่อนที่จะถูกกองทัพโรมันที่เหนือกว่าเข้าโจมตี และเผาจนวายวอด และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อ 146 ปีก่อนคริสตกาลhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/8rome-took-the-lead-in-200-ad-with-1200000-citizens.jpg8. โรม (Rome) ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี ค.ศ.200 ประชากร 1,200,000 คน
เลี้ยงดูชาวเมืองด้วยอาหารจากยุโรป และรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในรูปภาษี แต่ปี ค.ศ.273 โรมเหลือประชากรอยู่ราว 500,000 เริ่มเข้าสู่ยุคมืด (Dark Age)http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/9constantinople-took-the-lead-in-600-ad-with-600000-citizens.jpg9. คอนสแตนนิโนเบิล (Constantinople) เจริญสุดขีดในปี ค.ศ.600 ประชากร 600,000 คน
เป็นศูนย์กลางการค้าขาย อาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลในยุคของจักรพรรดิฟลาวีอุส เฮราคลีอุส ออกัสตัส (Flavius Heraclius Augustus) สงครามเปอร์เซียปี 618 ทำให้การส่งอาหาร และพืชผลการเกษตรจากอียิปต์หยุดชะงัก พลเมืองเริ่มอดอยาก พลเมืองลดจำนวนลงอย่างมากhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/10baghdad-took-the-lead-in-900-ad-with-900000-citizens.jpg10. แบกแดด (Bagdad) ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในปี ค.ศ.900 ประชากร 900,000 คน
ได้ชื่อเป็นศูนย์กลางของยุคทองแห่งศาสนาอิสลาม เป็นศูนย์กลางของศิลปะ และวิทยาการหลายแขนงที่โลกอิสลามใช้มาจนถึงยุคปัจจุบัน แบกแดดเฟื่องฟูอยู่ 300 ปีเศษ ก่อนจะถูกกองทัพมองโกลรุกราน และถูกตีย่อยยับลงในปี 1250http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/11kaifeng-took-the-lead-in-1200-ad-with-1000000-citizens.jpg11. ไคเฟิง (Kaifeng) เป็นเมืองใหญ่มากใน ค.ศ.1200 ประชากร 1,000,000 คน
ตัวเมืองป้องกันแน่นหนาด้วยกำแพงถึง 3 ชั้น แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของมองโกลในการศึกที่ยืดเยื้อ 30 ปีเศษ และปี 1234 ไคเฟิงก็แตกพ่าย ราษฎรหลบหนีไปคนละทิศละทางhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/12beijing-took-the-lead-in-1500-ad-with-1000000-citizens.jpg12. ปักกิ่ง โดดเด่นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1500 ประชากร 1,00,000 คน
ใหญ่โตที่สุดในยุค แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูประชากรที่มากมายได้ ราษฎรบุกถางป่าตัดไม้ทำบ้านเรือนที่อาศัย และเผาถ่านเป็นเชื้อเพลิงจนโล่งเตียน จนกลายเป็นปัญหามลพิษไปทั่วภูมิภาคhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/ayutthaya-took-the-lead-in-1700-ad-with-1000000-citizens.jpg13. กรุงศรีอยุธยา
เป็นเมืองหลวงอาณาจักรสยามโบราณอยู่กว่า 400 ปี แต่ขึ้นนำหน้าทุกเมืองในโลกในปี ค.ศ.1700 (พ.ศ.2243) ประชากร 1,000,0000 คน เป็นศูนย์กลางการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าจากสารพัดทิศ รวมทั้งชาวยุโรปด้วย แต่อยุธยาก็สิ้นสุดลงเป็นเถ้าถ่านด้วยน้ำมือของกองทัพพม่านักประวัติศาสตร์ได้พบว่า กรุงศรีอยุธยาเคยเป็นเมืองใหญ่ ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยประชากรราว 1,000,000 คน ช่วง 400 ปีแห่งการเป็นราชธานีนั้น นักการทูตชาวตะวันตกที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีด้วยได้เคยบันทึกเอาไว้ว่า เป็นเมืองที่สวยงาม .. แต่น่าเสียดายที่ถูกพม่าโจมตี และเผาทำลายราบในปี ค.ศ.1767 (พ.ศ.2310)http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/14london-took-the-lead-in-1825-with-1335000-citizens.jpg14. ลอนดอน ใหญ่โตที่สุดในต้นศตวรรษที่ 19 หรือปี ค.ศ.1825 ประชากร 1,335,000 คน
ประชากรอยู่กันแออัดจนเกือบจะทุกย่านของเมืองหลวง มีสภาพเป็นสลัม อาชญากรรมลามเมือง ในปี 1829 รัฐบาลได้ตั้งกองกำลังตำรวจขึ้นอย่างเป็นทางการ ตั้งชื่อตามชื่อของนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต พีล (Robert Peel)http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/15new-york-took-the-lead-in-1925-with-7774000-citizens.jpg15. นิวยอร์ก ในปี 1925 มีประชากรถึง 7,774,000 คน
เป็นมหานครที่มองสู่อนาคตอย่างแท้จริง เป็นแห่งแรกของโลกที่สร้างตึกระฟ้า ถึงแม้ว่าจะเจอสภาพเศรษฐกิจตกต่ำในปี 1929 แต่การก่อสร้างอาคารสูงก็ยังดำเนินต่อไปhttp://news.mthai.com/wp-content/uploads/2013/01/16tokyo-took-the-lead-in-1968-with-20500000-citizens.jpg16. โตเกียว ใน ปี 1968มีประชากรถึง 20,500,000 คน
เศรษฐกิจของประเทศรุ่งเรืองสุดขีด ระหว่างปี 1953-1990 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจยุคหลังสงครามโชติช่วงมากที่สุด ญี่ปุ่นสร้างสิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่ออกสู่ตลาดโลกมากมายหลายชนิ
ขอบใจนะ
หน้า:
[1]