tanya โพสต์ 2012-7-17 15:58:41

Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : (รุ่นพ่อ?VSรุ่นลูก)+++ 9

ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

“ไม่เอาครับ ผมจะทำตำแหน่งนี้”
   ผมมองเขาพอเจอสายตาจริงจังแบบนั้นก็ไม่รู้จะว่าไง ผมแค่แซวเขาเล่นเท่านั้นเองแต่เขาดันทำหน้าจริงจังเหมือนนึกว่าผมจะจับเขาย้ายเพราะทำผิดหูผิดตางั้นแหละ
   “ไหนว่าสินค้าของคุณมาต่อซิ” ผมวกกลับเข้าเรื่องเดิม นพรัตน์มองผมครู่หนึ่ง และเสนอขายสินค้าของเขาต่อ
   เป็นอันว่าผมตกลงซื้อของฝากมาได้สามถุงเจ้านพรัตน์ก็รอบคอบน่าดู ขายของได้แล้วยังมีถุงให้เปลี่ยนบอกว่าจิ๊กมาจากพี่สาวที่ไปญี่ปุ่นเมื่อเดือนก่อน แบบนี้แนบเนียนไม่มีใครสงสัยแน่ผมขำระคนเอ็นดูความพยายามของเขา เลยให้ทิปไปเสียหลายบาท เขารีบปฏิเสธเป็นพัลวันบอกว่าเรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้ท้งให้ทิปหรอก ผมเลยบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่กว่า
มีเด็กมาทำอะไรให้มากมายแบบนี้จะรับเฉยๆก็คงรู้สึกไม่ดี นพรัตน์เลยยื่นข้อเสนอให้ผม
   “เอางี้ไหมครับ ผมได้ตั๋วฟรีไปดูละครเวทีที่กำลังเล่นอยู่อาทิตย์นี้เลย”
   พอเขาพูดชื่อดาราออกมา ผมก็ทำตาโต
“ไม่เห็นงานนานมากแล้วนะ เขาเล่นหนังตั้งแต่สมัยผมยังหนุ่มๆ ”
   “อือ ใช่ไหมล่ะครับ ผมก็อยากไปดูเหมือนกัน คุณไปดูกับผมนะ”
   ผมเกือบจะพยักหน้า แต่ก็พูดอย่างนึกขึ้นได้
“ทำไมคุณได้ตั๋วฟรีบ่อยนัก เมื่อคราวก่อนก็ตั๋วหนัง”
   เขามีท่าทีกระมิดกระเมี้ยน ยิ้มอายๆ
“ผมเอาแต้มบัตรเครดิตแลกมาน่ะ”
   ผมเลิกคิ้ว ถึงจะมีบัตรเครดิต แต่ผมไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอก ยิ่งไอ้เรื่องสะสมคะแนนอะไรนี่ ยิ่งไม่อยู่ในความคิดผมเลย ผมมองเขา และพูดเตือน
   “เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าใช้เงินเกินตัวล่ะ”
   เขาหัวเราะอีก แล้วพูดตอบ
“จริงๆ เอาคะแนนบัตรพี่ชายแลกมาน่ะครับ”
   ผมพยักหน้า มองดูกองของที่เขาหิ้วมาอีกรอบ แล้วให้นึกสงสัยอีก ว่าเขาพยายามช่วยผมจนเดือดร้อนกระเป๋าสตางค์
รึเปล่า
“แล้วที่เหลือพวกนี้ล่ะ เอาไง?” ผมถาม เขาตอบยิ้มๆ
“พากลับไปบ้านครับ ที่บ้านมีคนช่วยทานเยอะ”
“อ้อ” ผมร้อง ของที่เขาซื้อมาส่วนใหญ่เป็นของกิน คงจะเผื่อไว้แล้วนั่นแหละ ผมถอนหายใจเฮือก
“ยังไงก็ขอบใจนะ แต่... เอางี้ดีกว่า” ผมคว้ากระเป๋าสตางค์ออกมาอีก และพูดต่อ
“ของที่เหลือนี่ผมซื้อหมดเลยแล้วกัน แต่ผมให้คุณ ถือว่าเป็นของฝาก”
นพรัตน์ทำตาโตเหมือนเด็กๆ
“ฝากผมหรือครับ?”
“อืม” ผมพยักหน้า
“ถ้าผมไป ผมก็คงซื้อมาฝากคุณแบบนี้แหละ”
คราวนี้เจ้านพรัตน์ยิ้มแทบไม่หุบ ไม่รู้ว่าดีใจอะไรหนักหนา หรือว่าดีใจที่มีคนช่วยจ่ายกันแน่
“นี่... วันหลังก็อย่าซื้ออะไรเกินตัวอีกนะ” ผมเตือนเขาด้วยความหวังดี นพรัตน์มองผมงงๆ ก่อนจะสั่นศีรษะ
“ไม่หรอกครับ ผมมีเงินส่วนตัวพอสมควรอยู่”
“อ้อ... แต่ยังไงๆ ก็ประหยัดไว้หน่อยแล้วกัน คนเราต้องเก็บเงินเผื่อไว้ตอนฉุกเฉินบ้าง” ผมว่า เขาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“คุณทานข้าวหรือยังครับ นี่ก็สายแล้ว”
พอเขาพูด ผมถึงนึกขึ้นได้ ว่าคุยกับเขาจนตะวันสายโด่ง ทันใดนั้นท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมาทันที
“ยัง จะออกไปทานที่ไหนล่ะ?” ผมถาม เขายิ้ม และหยิบถุงออกมาอีกสองสามถุง
“ผมซื้ออูด้งมาล่ะ กะว่าจะมาลองทำดู เผื่อคุณด้วย”
ผมพยักหน้า นึกในใจว่าก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันออกไปข้างนอก ถึงมันจะเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปก็เถอะ
นพรัตน์ขอยืมใช้ครัว ตั้งแต่ซื้อบ้านมายังไม่มีใครมาทำอาหารในครัวผมเลย เพิ่งมีเขาเป็นคนแรก ดังนั้น ตัวผมที่ร่างกายแข็งแรงดีแล้วจึงเดินตามไปดู ภาพเด็กหนุ่มร่างสูงอยู่ในครัวเล็กๆ ของผมดูแปลกตาดี ผมยืนมองเขาแกะถุง เอาพวกของสดของดิบกึ่งสำเร็จรูปพวกนั้นออกมา ยืนดูอยู่ได้พักหนึ่ง ผมก็ต้องเดินเข้าไปอย่างทนไม่ไหว
   เซ็นต์ด้านการทำอาหารของนพรัตน์ดูจะไม่ได้เรื่องสุดๆ
   แค่ผมเห็นเขาหั่นเต้าหูสีๆ เป็นท่อนใหญ่ๆ ก็แทบจะลมจับ
   “คุณนพ คุณเคยทำกับข้าวรึเปล่า?”
   ได้ยินเสียงเขาหัวเราะแหะๆ
“นานๆ ทีครับ”
   ผมขมวดคิ้ว ดูเขาจัดการกับต้นหอมแล้วยิ่งให้ปวดหัวหนัก เด็กสมัยนี้นี่นะ แค่เรื่องเข้าครัวยังไม่เอาอ่าวเลย
   “คุณส่งมีดมาให้ผมดีกว่า เดี๋ยวผมทำเอง” ผมว่า นพรัตน์มองผมอย่างเกรงใจ
“ไม่ต้องหรอกครับ คุณไปนั่งรอเถอะ”
   ผมถลึงตาใส่เขา พูดไปโดยลืมนึกถึงน้ำใจคนทำ
“ไอ้เต้าหู้ท่อนใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครเขากินลงหรอกนะ กินเข้าไปติดคอตายพอดี แถมหั่นผักท่อนยาวอย่างกับท่อซีเมนต์ เวลาคุณทานคุณไม่เคยดูหรือไงว่าเขาทำกันยังไง?”
   นพรัตน์หน้าเจื่อนลงทันที เขาพูดอ้อมแอ้ม
“ก็ผมไม่เคยทำให้ใครนี่นา”
   ผมถอนหายใจ และเบียดเขาออกจากหน้าเขียง
“ผมทำเอง ยืนดูไปแล้วกัน”
   จากนั้นผมก็หยิบผ้ากันเปื้อนมาผูก ใส่หมวกคลุมผม เดินไปล้างมือจนสะอาดดี แล้วกลับมาจับมีด หั่นได้เจ้าเต้าหูทรงประหลาดพวกนั้นเป็นแว่นๆ
   “มันต้องหั่นบางๆ แบบนี้ถึงจะน่ากิน” ผมสอนเขา ทางนั้นตอบรับเสียงซื่อๆ
“ครับ”
   “แล้วไอ้เส้นนี่ ลวกยังไง?” ผมถาม และชูห่อเส้นหมี่สีขาวให้เขาดู หลังจากขมวดคิ้วเพราะความเล็กของตัวอักษรบนฉลากด้านหลัง ทำไมไม่รู้จักพิมพ์ตัวใหญ่ๆ กันบ้างนะ นพรัตน์รับไป และอ่านให้ผมฟัง
   “ต้มในนำเดือนห้านาที แล้วเอาน้ำเย็นราดครับ”
   “อืม.. คุณหยิบหม้อตรงนั้นใส่น้ำ แล้วเอามาตั้งที่เตานะ” ผมสั่ง ขณะหั่นต้นหอมรูปร่างใหญ่เทอะทะเสียงดังต๊กๆ
   “มันต้องทำน้ำซุปด้วยใช่ไหม?” ผมถาม พอนึกภาพออกลางๆ ถึงพวกอาหารญี่ปุ่นที่โฆษณาอยู่ตามป้ายบนถนน
เขาพยักหน้า
   “ใช้อะไรทำบ้างล่ะ” ผมถามต่อ เขาขยับมาหยิบซอสขวดหนึ่งออกมาจากถุง
“ใส่นี่น่ะ”
   “อะไร?”
   “ซีอิ้ว”
   ผมขมวดคิ้ว
“แค่ซีอิ้วมันจะไปอร่อยได้ยังไงกัน”
   “แต่ปกติอาหารญี่ปุ่นเขาก็ทำกันแบบนี้นะครับ” เขาแย้ง ผมมองหน้าเขา และรู้สึกไม่เชื่อถือเอาเสียเลย ผมเคยกินอาหารญี่ปุ่นครั้งหนึ่ง และรู้สึกว่าจืดสนิท ถึงผมจะไม่กินรสจัด แต่อาหารมันควรจะมีรสหลายๆ อย่างสิ
   ผมดึงกระเทียมที่แขวนอยู่ลงมาสองสามกลีบ ตบเอาเปลือกออกแล้วสับพอแหลก ท่ามกลางเสียงถามอย่างแปลกใจของนพรัตน์
“คุณชอบทำกับข้าวหรือครับ?”
   “เปล่า บางทีเบื่อๆ ก็ทำทานเองบ้างน่ะ” ผมว่า และนึกว่าตัวเองไม่เคยชอบทำกับข้าวเลย แต่คงเพราะเป็นคนเรื่องมากเรื่องอาหาร สมัยเรียนเลยต้องทำครัวอยู่บ่อยๆ ขนาดลักลอบเอากระทะไฟฟ้าไปไว้ที่หอ เพื่อจะได้ทำอะไรทานเอง
แล้วก็มีหลายคนชอบมาพลอยด้วยสิ
   ผมนึกถึงคนคนนั้นขึ้นมา
   “คุณไพฑูรย์” ผมสะดุ้ง หันมาถึงเห็นว่านพรัตน์ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างๆ
   “น้ำเดือดแล้ว ให้ผมใส่ลงไปเลยไหม?” เขาถาม มือถือถุงใส่เส้นหน้าตาแปลกๆ อยู่ ผมพยักหน้า
“ดูก่อนนะว่ามีพวกซองเล็กๆ ใส่สารกันชื้นหรืออะไรอยู่รึเปล่า ผมว่าคุณเทใส่ถ้วยก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวเอาตะเกียบไม่ก็ส้อมมาคนๆ ด้วย เส้นมันจะได้ไม่ติดกัน”
   นพรัตน์พยักหน้าหงึกๆ และรีบไปทำตามอย่างว่าง่าย ผมหันมาจัดการกับเหล่าเครื่องปรุงตรงหน้าต่อ นานแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารให้ใครทาน
   “น่าทานจัง” นพรัตน์พูด ขณะช่วยผมยกชามเส้นหมี่หน้าตาแปลกๆ นั้นออกมาจากครัว
   “ใช่ไหมล่ะ หั่นบางๆ แบบนี้น่ากินกว่าตะกี้ตั้งเยอะ” ผมว่า เขาหัวเราะแหะๆ ผมถอดหมวกคลุมผมกับผ้ากันเปื้อนออก ก่อนจะมานั่งลงตรงเก้าอี้โต๊ะทานข้าว เขาทำท่าสูดกลิ่นอาหารเหมือนเด็กๆ
   “หอม”
   ไม่รู้ทำไม หน้าผมมันถึงได้มีรอยยิ้มขึ้นมา ผมรีบหันไปทางอื่น แล้วบอกตัวเองว่ามันก็แค่คำชมตามมารยาทนั่นแหละ แต่พอเห็นเขาเงียบ ผมเลยหันกลับมามองอีกครั้ง
   “รสชาติเป็นไง?” ผมถาม นึกกลัวว่ามันจะไม่อร่อยถูกปากเขา เพราะผมเล่นปรุงตามใจตัวเองตั้งแต่เริ่ม นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมา ชูนิ้วโป้ง แล้วพูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวอยู่
“อร่อยสุดๆ ”
   “อย่าพูดตอนทานสิ” ผมเอ็ด แต่ก็หุบยิ้มไม่ลงสักที ถึงจะบอกตัวเองว่าเขาคงชมตามมารยาท แต่ท่าทางกับสีหน้าจริงใจนั้นก็ทำเอาคนทำอย่างผมเป็นปลื้ม ผมไม่กล้ายิ้มนาน เดี๋ยวเขาจะนึกว่าผมหลงตัวเอง เลยก้มหน้าก้มตาทานลงไปบ้าง
   ‘รสชาติก็พอทานได้ล่ะนะ’ ผมนึก ขณะเคี้ยวเส้นหมี่สีขาวพวกนั้น มันนุ่มๆ แปลกลิ้นดีไปอีกแบบเหมือนกัน
   “ผมเติมอีกนะ” นพรัตน์พูด และตักเส้นในถ้วยใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเติมน้ำซุปในหม้อ ขณะที่ผมยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่ง เห็นท่าทางเอร็ดอร่อยของเขาแล้ว ผมแทบจะอิ่มจริงๆ แบบนี้ล่ะมั้งที่เขาเรียกว่าอิ่มท้องคนทาน อิ่มใจคนทำ
   สุดท้ายผมก็ทานไปแค่ชามเดียว ส่วนที่เหลือนพรัตน์เหมาหมด แถมเกลี้ยงไม่เหลือน้ำซุปสักหยด ทำเอ

Medmayom โพสต์ 2012-7-19 13:08:05

มาต่ออีกหรือยังครับ {:5_119:}

ืnneess โพสต์ 2012-7-20 12:24:19

รออยู่เด้อคับเด้อ ^^

kiwwy โพสต์ 2012-11-30 22:13:03

ขอบคุณขร๊า อิอิ {:sm-52:}

ShangHai โพสต์ 2015-2-19 17:18:05

ขอบคุณครับ {:5_135:}

minone โพสต์ 2015-2-19 18:49:33

ขอบคุนนะคับ{:5_130:}

redboy โพสต์ 2015-2-20 17:10:44

น่ารักจัง

BothloveTim โพสต์ 2015-2-22 03:35:02

ขอบคุณครับ

imboon โพสต์ 2015-10-17 23:18:26

ขอบคุณครับ

tajarak โพสต์ 2015-10-19 05:12:50

ขอบคุณครับ

tazman โพสต์ 2017-1-29 06:13:55

น่ารักดีคับ

jatuAAA โพสต์ 2017-1-30 04:41:12


ขอบคุณครับ

auto101 โพสต์ 2017-1-30 16:01:52

ขอบคุณครับ

pearl9845 โพสต์ 2017-2-2 04:07:12

ขอบคุณฮะ

freezz โพสต์ 2017-2-2 04:52:29

เขิลจัง ^^

apinna โพสต์ 2017-5-14 15:04:57

ขอบคุณครับ

tong111222 โพสต์ 2018-5-4 19:36:43

ขอบคุนครับ

chuhuhu999 โพสต์ 2019-4-18 21:22:28

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : (รุ่นพ่อ?VSรุ่นลูก)+++ 9