++ ~จนกว่าฟ้าจะมีเวลา ~ ++ @ 31
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกทีความเดิมตอนที่แล้ว“มึงก็คิดได้แค่นี้แหละ ไม่ปล่อยให้กูหลับให้คนเขามองจนหนำใจไปซะเลยล่ะ”
“นี่กูไม่ได้แกล้งมึงนะกูออกมาไม่ได้จริงๆ”
“มึงจะพูดอะไรก็ได้สะใจมึงแล้วนิ”
“ถ้ากูออกมาแล้วโดนมึงหาเรื่องแบบนี้ อย่าคุยกันดีกว่า” เอ็มเดินหนีเมื่อเริ่มคุยกันไม่รู้เรื่อง ต่อหันมองก่อนจะยอมลุกเดินตามรู้สึกหวิวๆที่ใจแต่ก็ทนเดินไปจนถึงเอ็ม
“เป็นไรดูหน้าซีดๆ” เอ็มถามเมื่อต่อมาเดินเคียง
“ไม่รู้ว่ะ อยู่ๆมันก็หวิวๆหน้ามืด” ต่อตอบ
“ไม่สบายหรือเปล่า” เอ็มนึกห่วง
“อืมกูคงนอนไม่พอ”
“แล้วมาหากูทำไมแต่เช้า”
“จริงๆกูกะจะไปหามึงตั้งแต่ที่กูมาถึงแล้วด้วยซ้ำ”
“ทำอะไรเป็นเด็กเรื่อยเลยนะมึง”
“แล้วมึงล่ะโตนักเหรอถึงได้ ไม่ฟังกูอธิบายอะไรบ้าง”
“อย่างมึงแค่นี้มันยังน้อยไป ที่มึงทำกับกูถึงสองครั้งมึงคิดว่ากูไม่มีความรู้สึกหรือไง โกหกกูได้หน้าด้านๆแถมยังทำให้กูรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกที่มึงคิดจะตบหัวแล้วลูบหลังเล่นแล้วไงล่ะวันนี้มึงจะมาไม้ไหนอีก”
เอ็มขึ้นเสียงบ้างหลังจากที่นิ่งมานาน มันถูกต้องแล้วเหรอที่ต่อจะมาด่าเขาปาวๆว่าเป็นคนไม่มีเหตุผลทั้งๆที่เขาพยายามที่จะเข้าใจอะไรๆแต่ความอดทนมันก็มีขีดสุดได้เหมือนกัน
ต่อกำลังจะพูดบ้าง แต่แล้วเขาก็รู้สึกวูบจนจะล้มดีที่เอ็มประคองเอาไว้ก่อน
“เฮ้ยกูไม่ไหวแล้วว่ะมันวูบๆไงไม่รู้” ต่อบอกเสียงสั่นหน้าก็ซีดหนักขึ้นจนเอ็มตกใจเขารีบโบกแท็กซี่เพื่อพาต่อไปที่โรงพยาบาล
“อย่าให้เพื่อนคุณหลับนะครับอาการวูบแบบนี้อันตรายนะครับ เกิดหลับขึ้นมาแล้ววูบไปเลยเหมือนที่เขาบอกว่าไหลตายขึ้นมาซวยเลยนะครับ” คนขับแท็กซี่บอกเอ็มที่กำลังประคองร่างโอนเอนของต่อที่ม่านตากำลังจะหรี่ลงเรื่อยๆ
“ต่อมึงอย่าหลับดิวะ” เอ็มตบหน้าต่อไว้นึกตกใจในคำบอกของคนขับใจก็ภาวนาให้ถึงโรงพยาบาลเร็วๆ
“เอ็มกูหายใจไม่ออก” ต่อบอกอย่างสลึมสลือเมื่อเริ่มหายใจติดๆขัดๆเหมือนลมหายใจขาดช่วงเอ็มหน้าเสียเมื่อต่อเริ่มซีดและเย็นไปทั้งตัว
“มึงเข้มแข็งไว้ดิวะต่อมึงมองหน้ากูดิ มึงอย่าหลับนะ” เอ็มเขย่าร่างที่อยู่ในอ้อมกอดทั้งๆที่รู้ว่าต่อคงไม่มีแรงตอบสนองตาที่หรี่ลงเริ่มที่จะปิด
“โทษทีนะลุง” เอ็มบอกกับคนขับแท็กซี่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจก้มลงประกบปากกับต่อปล่อยลมหายใจตัวเองไปให้ต่อที่กำลังจะหลับคนขับแท็กซี่มองเอ็มอย่างเห็นใจกับท่าทีวิตก เมื่อเขาผายปอดต่อหลายครั้งแต่ต่อก็ยังไม่มีอาการตอบสนองมีเพียงร่างที่อ่อนปวกเปียกเท่านั้น
“ต่อมึงตื่นสิวะมึงได้ยินกูหรือเปล่า” เอ็มเขย่าร่างนั้นอีกครั้งสถานการณ์กดดันเด็กหนุ่มจนเขาแทบจะเก็บอาการไม่อยู่นึกสงสารและใจเสียกับคนที่กำลังจะหลับไม่ได้สติตัวเย็นและซีดไปทั้งร่างเอ็มสอดมือประสานมือต่อเอาไว้แน่น น้ำตาก็พาลจะไหลเมื่อคนขับแท็กซี่บอก
“ท่าจะแย่นะครับคุณ อาการแบบนี้ญาติผมเคยเป็นหมอบอกเป็นโรคอะไรผมก็จำไม่ได้อยู่ได้ไม่ทัน ข้ามคืนแล้วก็วูบไปไม่ตื่นเลยล่ะครับ”
“ลุงก็เร็วๆสิครับ เพื่อนผมมันกำลังแย่นะ” เอ็มเร่งพลางปาดน้ำตาตัวเองมองต่ออีกครั้ง
“มึงต้องไม่เป็นไรไอ้ต่อมึงต้องตื่นมาคุยกับกูก่อน” เอ็มก้มลงประกบปากต่ออีกครั้งคนขับมองได้แต่ส่ายหัวนึกเห็นใจเพราะรถดันมาติดไฟแดงอีกหวังว่าฟ้าคงจะไม่ใจร้าย………เอ็มยังไม่ละความพยายามที่จะทำให้ต่อหายใจได้ด้วยตัวเอง เขายังคงปล่อยลมหายใจที่มีไปยังต่อจนตัวเองเริ่มที่หน้ามืดเพราะคนที่นอนอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะตอบสนองเขาเลื่อนมือไปจับที่ชีพจรต่อยังใจชื้นอยู่บ้างที่ชีพจรต่อยังเต้นแม้มันจะดูช้าและเบาจนน่ากลัวแต่ตราบใดที่มันยังเต้นอยู่มันก็คงพอมีหวังที่ต่อจะถึงมือหมอก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะรับได้
เอ็มก้มลงประกบปากต่ออีกครั้งด้วยความหวังที่ยังมีเต็มหัวใจ มือที่สอดประสานของต่อเริ่มที่จะขยับเอ็มเหลือบหันไปมองยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“ลุงเร็วหน่อยครับ เพื่อนผมเริ่มรู้สึกตัวแล้ว”
คนขับพลอยที่จะตื้นตันไปกับอาการดีใจของเอ็ม หลังจากที่เฝ้าดูเอ็มพยายามยื้อลมหายใจของคนในอ้อมกอดอย่างไม่ลดละแม้พอจะดูออกว่าเด็กหนุ่มเครียดกับสถานการณ์ขนาดไหน
“ดีแล้วครับ เดี๋ยวแยกหน้าก็ถึงแล้วครับ ใจเย็นครับคุณผมกลัวคุณจะหมดลมหายใจไปอีกคน คุณสองคนคงสนิทกันมากเลยนะครับ”
เอ็มไม่ตอบคำถามนอกจากเฝ้ามองอาการต่อ เมื่อรู้สึกถึงแรงสัมผัสที่ต่อบีบจับที่มือเขา
“กูอยู่ตรงนี้ต่อ กูไม่ทิ้งมึงหรอก” เอ็มประสานมือต่อพลางกุมมือให้แน่นขึ้นเหมือนจะส่งผ่านความรู้สึกห่วงใยให้ต่อได้รับรู้น้ำตาแห่งความดีใจก็พาลจะไหลออกมาอีกเมื่อเห็นต่อพยายามที่จะลืมตาสีหน้าที่ซีดๆเริ่มจะมีสีเลือดจางๆ
“แข็งใจไว้เดี๋ยวก็ถึงแล้ว อย่าหลับตามองหน้ากูไว้นะ”
ม่านตาที่พร่าเลือนพยายามที่จะมองคนพูด ต่อพยายามที่จะยิ้มแต่ไม่มีเรี่ยวแรงพอเพราะรู้สึกว่าลมหายใจยังคงขาดๆหายๆจนรถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลคนขับรีบลงจากรถวิ่งตรงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะเกิดความโกลาหลเมื่อพยาบาลออกติดเครื่องช่วยหายใจให้ต่อเพื่อยื้อลมหายใจที่เริ่มจะรวยรินอีกครั้ง
“คนป่วยคงต้องเข้าไอซียูแล้วล่ะค่ะ รบกวนญาติติดต่อที่เคาร์เตอร์ก่อนนะคะ”
เอ็มใจหล่นวูบกับสิ่งที่ได้ยินไม่คิดว่าอาการต่อจะหนักกว่าที่เขาคาดคิดแม้จะห่วงเพียงใดแต่เอ็มก็ทำได้แค่วิ่งไปยืนมองร่างของต่อที่นอนหมดสติท่ามกลางพยาบาลที่เข็นเตียงเขาไปในห้อง………
“ต่อเป็นอะไร” เตยวิ่งหน้าตื่นมาก่อนใครหลังจากที่รู้เรื่องเมื่อเห็นเอ็มนั่งรออยู่หน้าห้องจึงไม่รอช้าที่จะกรูเข้าไปถาม
“ผมก็ไม่รู้ครับอยู่ๆมันก็หมดสติขึ้นมาเฉยๆ” เอ็มตอบเขาเองก็ร้อนใจไม่ต่างจากเตย
“อะไรต่อมันไม่เคยเป็นโรคร้ายแรงอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” เตยเขย่าร่างเอ็มเพราะคิดว่าเอ็มน่าจะรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับอาการโคม่าของต่อในครั้งนี้
“เตยใจเย็นสิโวยวายทำไมอายคนอื่นเขา รอหมอก่อนดีกว่า” แม่เข้ามาปลอบทั้งๆที่ก็กังวลใจกับลูกชายที่ยังคงอยู่ในห้องไอซียูที่หมอกำลังยื้อชีวิต
“ถ้าต่อเป็นอะไรเธอต้องอธิบายเรื่องนี้” เตยเค้นเสียงบอกก่อนจะแยกตัวออกไปนั่งรอหมออยู่อีกมุมเอ็มจึงหันไปสบตาแม่ของเตยที่ยืนมองเขาอยู่นิ่งๆเหมือนว่าเรื่องนี้เขามีส่วนเกี่ยวข้อง
“พี่เตยต่อเป็นไงบ้าง” เสียงที่มาก่อนตัวทำให้ทุกคนหันไปมองเห็นตั้มกำลังวิ่งเข้ามาชงักนิดนึงเมื่อมองเห็นเอ็มแต่ก็ไม่ได้สนใจนักเขารีบไปนั่งรวมกลุ่มกับเตยและญาติๆของต่อที่เริ่มทยอยมาจนเอ็มรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินเพราะทุกสายตามองเขาอย่างแปลกๆ
“หมอยังไม่ออกมาเลยตาตั้ม” แม่ของเตยบอกกับตั้มก่อนที่ตั้มจะแกล้งเข้าไปปลอบประโลม
“ต่อไม่เป็นไรหรอกครับแม่เชื่อตั้มนะครับ” เตยลอบมองไปที่เอ็มเมื่อเห็นตั้มกอดแม่เธอไว้หลวมๆให้กำลังใจเห็นเอ็มเบือนหน้ามองไปทางห้องก็เริ่มเห็นใจจึงลุกเดินไปตบไหล่เบาๆ เอ็มหันมามองอย่างแปลกใจเตยได้แต่เพียงยิ้มให้นิดๆตั้มมองภาพนั้นอย่างรู้สึกขวางใจจึงเริ่มพูดเสียดแทง
“พี่เตยไปญาติดีกับคนที่ชกน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”“ทุกคนที่มานี่ก็เพราะห่วงต่อ เอ็มเขาเป็นคนพาต่อมาโรงพยาบาลจะให้พี่ไล่เขางั้นเหรอ” เตยหันไปบอกเห็นตั้มมองเอ็มอย่างไม่พอใจก็รู้สึกไม่ค่อยดี ยิ่งเอ็มก็สู้สายตานั่นไม่ถอยสถานการณ์ก็เลยตึงเครียดดีที่ประตูห้องเปิดออกมาจึงเบนความสนใจไปที่หมอ
“ลูกชายดิฉันเป็นไงบ้างคะหมอ” แม่เตยเอ่ยถาม หมอถอนหายใจก่อนจะบอก“หัวใจวายฉับพลัน น่ะครับ” ทุกคนที่ได้ยินหันมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหูเอ็มหน้าซีดนึกถึงคำพูดของคนขับแท็กซี่
“แล้วตอนนี้……….”เอ็มถามเหมือนครางกลัวคำตอบที่จะได้ยินยิ่งได้สบตากับหมอหัวใจเขาก็แทบจะหยุดเต้นรอฟังคำตอบที่หมอกำลังจะเอ่ย
“ใจเย็นๆนะครับ”
“ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ ดีที่คนไข้ยังพอมีสติตอนมาถึงมือหมอตอนนี้คงต้องรอดูอาการไปก่อน เดี๋ยวทางเราจะย้ายคนไข้ไปห้องพักเชิญญาติทางนี้ครับ”
เอ็มยืนยิ้มเหมือนฟ้าสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่รอยยิ้มจะหายไปเมื่อตั้มเดินเข้ามาหาแล้วพูดข้างๆหู
“รอดมาได้นับว่าเก่งนะนาย”
เอ็มงงไม่เข้าใจว่าตั้มหมายถึงอะไร โดยไม่ทันได้ฉุกคิดตอนที่เขาโดนดักทำร้ายเพราะมัวแต่ดีใจกับอาการของต่อ
“ผมไม่เป็นไรแล้วพี่เตย พาแม่ไปหาอะไรทานเถอะครับ” ต่อบอกพี่สาวที่นั่งเฝ้าอาการเขากับแม่ไม่ยอมห่างไปไหน ทั้งๆที่ญาติคนอื่นๆทยอยกลับกันหมดแล้วเหลือแต่ตั้มที่ยังคงนั่งอยู่ข้างๆเตียงเขา
“นั่นสิพี่เตย เดี๋ยวผมดูแลต่อให้ครับ” ตั้มบอกยิ้มๆ
“นายก็ควรจะกลับได้แล้วล่ะตั้ม เราอยากนอนพัก”ต่อบอกนึกน้อยใจที่ตั้งแต่รู้สึกตัวยังไม่เห็นหน้าเอ็มเข้ามาหาเขาเลย
“งั้นเตยว่าเราอย่ากวนต่อเลยนะ อยู่ใกล้หมอคงไม่เป็นไรมั้ง” เตยออกความเห็นแม่ก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะมองไปทางตั้ม
“วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้ ตั้มขอบใจมากที่เป็นห่วงต่อมัน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คืนนี้ผมก็กะจะนอนเป็นเพื่อนต่ออยู่แล้ว” เตยหันมองตั้มทันทีที่ได้ยินจึงตัดสินใจเอ่ย
“ไม่ต้องหรอกตั้ม พี่ให้เอ็มเขามานอนเป็นเพื่อนต่อแล้ว”
ต่อมองพี่สาวอย่างนึกขอบใจ ตั้มไม่กล้าที่จะขัดเมื่อเห็นแม่ต่อพยักหน้าเห็นด้วยจึงลุกออกจากห้องไปก่อนใคร
“อย่าคิดมากนอนเหอะเราจะได้มีแรง” เตยบอกน้องชายก่อนจะพาแม่เดินออกไปต่อถอนหายใจนึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านตอนที่เขากำลังจะวูบหลับไปแต่สัมผัสที่เขาได้รับจากเอ็มทำให้เขาพยายามแข็งใจเอ็มจะรู้หรือเปล่าว่าใต้ม่านตาที่ใกล้ปิดของเขา เขาได้มองเห็นหยดน้ำตาของเอ็มที่รินไหลอาบแก้ม
ประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง คราวนี้คนที่ก้าวเข้ามาทำให้ต่อยิ้มได้ไม่ต่างจากเอ็มที่ยิ้มจางๆให้เขาอยู่ที่ประตู
“เข้ามาสิครับผมไม่กัดหรอก” ต่อแกล้งแซวเมื่อเห็นเอ็มยืนเก้ๆกังๆ
“ยังมีหน้ามาล้อเล่นอีกนะมึง” เอ็มเดินเข้ามาหาเห็นต่อยิ้มไม่หยุดก็สงสัย
“จะตายอยู่แล้วมึงยังนอนยิ้มอยู่ได้นะไอ้ตี๋”
“ก็ตามึงแดงขนาดนั้นมึงจะไม่ให้กูยิ้มได้ไง นี่ขนาดกูยังไม่ตายนะถ้ากูตายมึงจะขนาดไหน”
เอ็มเกาหัวแก้เขินก่อนจะนั่งลงข้างเตียง เอื้อมมือไปกุมมือต่อแล้วจะรีบชักมือกลับเมื่อประตูห้องถูกเปิดแต่ต่อไม่ยอมปล่อยจับมือเขาไว้แน่นจนพยาบาลเข็นรถที่ใส่อาหารเข้ามาหยุดที่ปลายเตียง
“ทานอะไรหน่อยนะคะจะได้มีแรง” พยาบาลสาวบอกยิ้มๆในขณะที่ตาก็มองมือสองหนุ่มที่กุมกันอยู่
“แฟนผมหล่อป่ะครับ” เอ็มมองต่อตาเขียว ไม่คิดว่าต่อจะกล้าขนาดนี้รู้สึกอายหน้าชาที่เห็นพยาบาลสาวอมยิ้มก่อนจะบอก
“ทานข้าวนะคะแล้วก็ทานยามีอะไรก็เรียกนะคะ”
เอ็มยิ้มเจื่อนๆเมื่อพยาบาลหันมายิ้มให้ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
“มึงนะมึงไอ้ตี๋มึงพูดได้ไงเมื่อกี้” เอ็มโวยทันทีเมื่อลับหลังพยาบาลทั้งๆที่มือก็ยังประสานอยู่กับต่อไว้อย่างนั้น
“กูพูดเรื่องจริงผิดตรงไหนแล้วก็ทำหน้าที่แฟนที่ดีด้วย ป้อนข้าวกูเลยมึง” ต่อบอกหน้าตาเฉยจนเอ็มต้องโวยรอบสอง“มากไปแล้วนะมึง เกิดแม่กะพี่มึงเข้ามาเห็นไม่เอากูตายเหรอ”
“กลัวอะไรกูอยู่ทั้งคน ต่อไปก่อนที่ใครจะทำอะไรมึงได้ต้องผ่านกูไปก่อนล่ะวะ”
“ทำเป็นเก่งแล้วที่มานอนแหงกอยู่นี่มันหมายความว่าไง”
“ก็ต้องการให้มึงเอาใจไงเร็วดิกูหิว”
“มึงก็ปล่อยมือกูดิจับกูไว้แบบนี้แล้วกูจะป้อนยังไง”
ต่อยอมปล่อยมือ เอ็มส่ายหัวมองต่อยิ้มๆแต่ก็หยิบช้อนตักข้าวนป้อนให้ต่ออย่างเก้ๆกังๆเพราะเกิดมาก็ไม่เคยทำไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องมานั่งป้อนข้าวผู้ชายด้วยกัน แต่ในเมื่อหัวใจมันขัดไมได้ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
“มึงนอนเป็นเพื่อนกูนะ” ต่อบอกเอ็มที่นั่งอยู่ข้างๆหลังจากที่ให้ต่อทานยาและพยาบาลเก็บของออกไปจากห้องแล้ว
“ทำไมแล้วเด็กมึงล่ะ” เอ็มหมายถึงตั้มนึกขึ้นมาทีไรเขายังข้องใจไม่หายกับการกระทำของต่อคราวนั้น
หัวใจวายเฉียบพลัน โอ้!!!!! ขอบคุณครับ ขอบคุนคราบ ขอบคุนคับ ขอบคุนคับ{:5_130:} น่าจะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณมาก สถานะการณ์เริ่มคลี่คลายละครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]