ไทยเจ๋ง! ผลิตข้าวสารที่ไม่ต้องหุง
ไทยเจ๋ง! ผลิตข้าวสารที่ไม่ต้องหุงก็ทานได้เลยได้สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้ประเทศอินเดียได้เคยคิดค้นข้าวที่ไม่ต้องหุง จนประสบผลสำเร็จมาแล้วโดยนางสำลี บุญญาวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว สามารถผลิตข้าวสารที่ไม่ต้องหุงได้สำเร็จ โดยใช้ข้าวเปลือกจาก 4 พันธุ์ คือ ขาวดอกมะลิ 105, กข39, ข้าวหลวงสันป่าตอง และขาหนี่ นำมาผ่านกระบวนการแปรรูป ใช้ไอน้ำนึ่งข้าวให้สุก เพื่อลดความชื้น และนำไปสีเป็นข้าวสาร เมื่อจะนำมาใช้บริโภคก็เพียงแค่นำข้าวสารไปแช่น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส หรือน้ำเดือด ใช้ตามอัตราข้าว 1 ส่วนต่อน้ำ 1 ส่วน หรือมากกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ควรเกิน 1.5 ส่วน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ผู้บริโภคก็สามารถนำข้าวไปรับประทานได้ทันที หรือถ้าหากไม่มีน้ำร้อน ก็สามารถแช่ข้าวในอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียสได้ ในเวลา 45 นาที ก็สามารถนำมารับประทานได้เหมือนข้าวที่หุงปกติ
อย่างไรก็ตาม ข้าวที่หุงจากการแช่น้ำนี้ จะมีลักษณะร่วน ซึ่งผู้บริโภคอาจไม่คุ้นเคย ก็สามารถนำข้าวนี้ไปหุงด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าได้ โดยใช้อัตราข้าว 1 ส่วนต่อน้ำ 1.25 ส่วน ใช้เวลา 15 นาที ซึ่งจะได้ข้าวสุกที่มีความนุ่มเช่นเดียวกับข้าวสุกทั่วไป
นางสำลี กล่าวต่อว่า ข้าวที่ไม่ต้องหุงนี้ เหมาะกับการพกพาติดตัว เมื่อจะเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น นักเดินป่า นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่อยู่บนท้องถนนที่รถติดเป็นเวลานาน ๆ เพราะข้าวนี้ใช้อุปกรณ์หุงน้อยชิ้น และยังประหยัดพลังงานที่จะทำให้ข้าวสุกด้วย
ขณะที่นายสกุล มูลคำ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การพัฒนาข้าวที่ไม่ต้องหุง สืบเนื่องมาจากการที่ประเทศอินเดียสามารถคิดค้นขึ้นมาได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้แนวความคิดมาจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ต้องเดินป่า จะนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำ นึ่ง ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วนำไปตำเป็นข้าวสาร เมื่อต้องการนำมารับประทานก็จะนำข้าวมาใส่กระบอกไม้ เติมน้ำ เผาไฟจนสุก จึงเป็นที่มานำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวดังกล่าว ไทยเจ๋ง! ผลิตข้าวสารที่ไม่ต้องหุงก็ทานได้เลยได้สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้ประเทศอินเดียได้เคยคิดค้นข้าวที่ไม่ต้องหุง จนประสบผลสำเร็จมาแล้ว
โดยนางสำลี บุญญาวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว สามารถผลิตข้าวสารที่ไม่ต้องหุงได้สำเร็จ โดยใช้ข้าวเปลือกจาก 4 พันธุ์ คือ ขาวดอกมะลิ 105, กข39, ข้าวหลวงสันป่าตอง และขาหนี่ นำมาผ่านกระบวนการแปรรูป ใช้ไอน้ำนึ่งข้าวให้สุก เพื่อลดความชื้น และนำไปสีเป็นข้าวสาร เมื่อจะนำมาใช้บริโภคก็เพียงแค่นำข้าวสารไปแช่น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส หรือน้ำเดือด ใช้ตามอัตราข้าว 1 ส่วนต่อน้ำ 1 ส่วน หรือมากกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ควรเกิน 1.5 ส่วน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ผู้บริโภคก็สามารถนำข้าวไปรับประทานได้ทันที หรือถ้าหากไม่มีน้ำร้อน ก็สามารถแช่ข้าวในอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียสได้ ในเวลา 45 นาที ก็สามารถนำมารับประทานได้เหมือนข้าวที่หุงปกติ
อย่างไรก็ตาม ข้าวที่หุงจากการแช่น้ำนี้ จะมีลักษณะร่วน ซึ่งผู้บริโภคอาจไม่คุ้นเคย ก็สามารถนำข้าวนี้ไปหุงด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าได้ โดยใช้อัตราข้าว 1 ส่วนต่อน้ำ 1.25 ส่วน ใช้เวลา 15 นาที ซึ่งจะได้ข้าวสุกที่มีความนุ่มเช่นเดียวกับข้าวสุกทั่วไป
นางสำลี กล่าวต่อว่า ข้าวที่ไม่ต้องหุงนี้ เหมาะกับการพกพาติดตัว เมื่อจะเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น นักเดินป่า นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่อยู่บนท้องถนนที่รถติดเป็นเวลานาน ๆ เพราะข้าวนี้ใช้อุปกรณ์หุงน้อยชิ้น และยังประหยัดพลังงานที่จะทำให้ข้าวสุกด้วย
ขณะที่นายสกุล มูลคำ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การพัฒนาข้าวที่ไม่ต้องหุง สืบเนื่องมาจากการที่ประเทศอินเดียสามารถคิดค้นขึ้นมาได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้แนวความคิดมาจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ต้องเดินป่า จะนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำ นึ่ง ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วนำไปตำเป็นข้าวสาร เมื่อต้องการนำมารับประทานก็จะนำข้าวมาใส่กระบอกไม้ เติมน้ำ เผาไฟจนสุก จึงเป็นที่มานำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวดังกล่าว ขอบคุณมากๆ นะครับ ขอบคุน นะครับ ... ขอบคุณนะครับ{:1_1:} เมื่อไรจะมีจำหน่าย
หน้า:
[1]