เด็กชายต้า โดนพี่ๆวัยรุ่น เย็ดตูด เมื่อตอนอายุ 11 ขวบ
หวัดดีคับ เพื่อนๆ
ผมเป็นน้องใหม่ของบอร์ดนี้ผมอยากจะลองเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อวัยเด็กมาเล่าให้เพื่อนๆ
ลองอ่านดูแต่ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่นักเขียนอาชีพ
ปกติเป็นคนที่ขี้เกียจเขียนหนังสือและใช้คอมฯไม่คล่อง
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เอาเรื่องราวส่วนตัวมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน
ชอบหรือไม่ชอบ ก็วิจารณ์ได้ตามอัธยาศัยนะคับแต่ขอร้องให้พร้อม
และตั้งใจอ่านอย่าอ่านผ่านๆหรือข้ามไปข้ามมา
ช่วยอ่านทุกบรรทัดแล้วค่อยวิจารณ์นะคับหากมีคำพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม
ก็ขออภัยไว้ณ ที่นี้
ถ้าเพื่อนคนไหนเคยอ่านจากบอร์ดอื่นแล้วก็ผ่านไปเลยนะคับ
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งไป ' บวชเณ ร 'แก้บน
ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องมันเกิดและผ่านไปหลายปีแล้วคิดว่าคงจะ ไม่น่าทำให้ใครเดือดร้อน
จุดประสงค์แค่อยากบอกเล่าให้เพื่อนๆได้รับรู้ว่าเรื่อง ทำนองนี้มันมีและเกิดขึ้นจริงในสังคม
มิได้เขียนขึ้นมาเพื่อจะ เหยียบยำ่ หรือมีเจตนา ที่จะทำให้ศาสนา มัวหมอง
ขอให้คิดเสียว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องราวส่วนตัวระหว่างเด็กชาย
ตัวเล็กๆกำลังอยู่ในช่วงวัยซน วัยทะลึ่งอยากรู้อยากลองทะโมนแก่นแก้วตามประสา
เด็กวัย11 ขวบกับ พี่ๆ 3 - 4 คน ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้เขียนเท่านั้น
เพียงแต่ วีรกรรม ที่เกิดขึ้น มันดันไปเกิดในเขตวัด
แต่ผมเห็นว่าเรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปไม่ได้ถือโทษโกรธพี่ๆ
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตเราและทุกคนก็ยังมีชีวิตอยู่ บางคนก็มีลูกมีเมียไปแล้ว
เนื่องจากคนเขียนเป็นคนตรงไปตรงมาไม่โกหกตอแหลคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น
ดังนั้นเวลามีบทเลิฟซีนก็จะเล่าอย่างละเอียดให้เพื่อนๆเห็นภาพกันไปเลย
เพราะมันก็เป็นธรรรมชาติของคนเราทุกคน เวลา ' ~สมสู่~ 'กัน จะมัวมาพูดจาสุภาพ
คงไม่ได้เรื่องก็เลยพยายามจะเล่า ให้ละเอียดเพื่อให้คนอ่านสนุกลุ้นและไม่เครียด
อ่านเสร็จก็สบายเบาเนื้อเบาตัวใครอยากจะเสนอแนะ อยากพูดคุยหรือ
จะคอมเม้นท์อะไรก็ยินดีรับฟังทุกเรื่อง
ถ้าเพื่อนๆคนไหนคิดว่าจะรับไม่ได้กับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเด็กชาย
ตัวน้อยๆกรุณาคลิ๊กหนี
อย่าฝืนใจอ่านเด็ดขาดเพราะมันจะค่อนข้างแรง
รวมทั้งเพื่อนๆที่ธัมมะธัมโมเคร่งใน พุทธศาสนา อย่างแรงกล้า
ก็ไม่ควรเข้ามาอ่านครับ
ขอเชิญทุกคนสนุกและตื่นเต้นไปกับเด็กชายต้าได้ ณ บัดนี้
***เนื่องจากกฏของบอร์ดไม่ให้พาดพิงเกี่ยวกับศาสนาคำว่าเณ ร จึงต้องสะกดเว้นหนึ่งช่องไฟ***
=============================================================
เรื่องเล่าประสบการณ์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ เล่า และ เขียนโดย แฟนต้า (ต้า)
ได้นำมาเปิดเผย และโพสต์ที่g4guys.comตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2554
ถ้าเพื่อนๆต้องการนำไปเผยแพร่ที่ เว็ปอื่น กรุณาแจ้งให้
เจ้าของเรื่องทราบด้วย
และกรุณาอย่าดัดแปลงต่อเติมเนื้อเรื่อง
เนื่องจากตัวละครทุกตัวยังมีชีวิตอยู่
=============================================================
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากทางภาคกลาง
เมื่อสมัยตอนเป็นเด็กอายุประมาณ 11 ขวบ
เคยหนีออกจากบ้านไปเที่่ยวกรุงเทพคนเดียว
สาเหตุหลักที่ทำให้ต้องหนีเพราะไม่เคยเห็นกรุงเทพ
เคยแต่ได้ยินเพื่อนๆบางคนที่มันเคยไปมาแล้วเล่าให้ฟัง
ถึงความศิวิไลซ์ความเจริญรุ่งเรือง ความสวยงาม
ความทันสมัย ตึกรามบ้านช่อง ผู้คนคึกคัก
มีโรงหนังโรงแรมมีศูนย์การค้าที่ทันสมัยทำให้เด็กบ้านนอกอย่างเรา
พอได้ยินได้ฟังแล้วตื่นเต้น ก็เลยเกิดความคิดอยากจะลองไปสัมผัส
ให้เห็นกับตาดูสักครั้งในชีวิต ( คิดตามประสาเด็กบ้านนอก )
ครั้นจะไปขออนุญาตพ่อกับแม่ดีๆคงไม่สำเร็จ
เพราะพ่อกับแม่รักและหวงผมมาก
ไม่เคยปล่อยให้ลูก ไปเที่ยวไหนไกลบ้านตามลำพัง
เว้นเสียแต่ว่าจะไปกับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่พ่อแม่ไว้ใจเท่านั้น
เนื่องจากผมยังเด็กและพ่อแม่ก็ไม่สนับสนุนให้ไปเที่ยวไหนไม่ว่าใกล้หรือไกล
ผมรู้คำตอบล่วงหน้าว่าถ้าขอไปดีๆหรือขอให้พ่อกับแม่พาไปโอกาสแทบไม่มี
เพราะทั้งสองคนไม่มีเวลาเนื่องจากแม่ต้องไปขายผลไม้ที่ตลาดทุกวัน
พ่อก็มีงานแทบจะไม่ค่อยมีวันหยุดเพราะพ่อเป็นหัวหน้าช่าง
เวลามีงานก่อสร้างหรืองานต่อเติมพ่อต้องคอยไปคุมลูกน้อง
และงานของพ่อก็มีต่อเนื่องตลอดปี
ผมจึงคิดวางแผนหนีออกจากบ้านคนเดียวโดยที่ไม่บอกให้ใครรู้
และได้โขมยเงินทางบ้านไป200บาท
( สมัยนั้นค่ารถไฟจากจังหวัดที่ผมอยู่เข้ากรุงเทพราคาแค่18บาท )
พอรถไฟไปถึงสถานีปลายทางกรุงเทพ ( หัวลำโพง )
ก็ไม่กล้าออกจากหัวลำโพงไปไหนเลย
ในความรู้สึกของผมตอนนั้นดูมันสับสนวุ่นวายผู้คนจอแจ
พอออกไปเดินบริเวณรอบนอกสถานีหัวลำโพง
เห็นตึกสูงๆถนนหนทางมีแต่รถราวิ่งกันให้ขวักไขว่ไปหมด
เริ่มรู้สึกกลัว อีกอย่างก็ไม่รู้จะไปไหนด้วยเพราะไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะไป
แค่ได้มาเห็นกรุงเทพก็ตื่นเต้นและดีใจแล้วเลยได้แต่นั่งๆเดินๆ
อยู่แต่ภายในสถานีรถไฟหัวลำโพงตลอดคืนนั่นเอง
และพอรุ่งขึ้นก็เกิดอาการคิดถึงบ้าน
คิดถึงพ่อกับแม่เพราะตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยไปไหนคนเดียวโดยเฉพาะต่างจังหวัดไกลๆ
ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจตีตั๋วกลับบ้าน......
ช่วงที่อยู่บนรถ ก็เริ่มกังวลใจ
กลัวกลับไปถึงบ้านแล้วต้องโดนพ่อตีที่ขโมยเงิน
และหนีหายออกจากบ้านไปหนึ่งคืนกับหนึ่งวันเต็มโดยไม่บอกทางบ้านรู้
ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนและก็คิดถึงแม่ด้วย
รู้ว่าพ่อกับแม่รักและหวงเรามากแม่คงจะร้องไห้ทั้งคืน
ช่วงที่เราหายออกจากบ้านไป
==============================================================
พอกลับถึงบ้านพ่อกับแม่ดีใจมากที่ผมกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย
แม่ร้องไห้เข้ามากอดตัวผมซะแน่นลูบหัวลูบหูหอมแก้มฟอดใหญ่
ประมาณว่าทั้งเป็นห่วงทั้งคิดถึงลูกชายมากพ่อก็ดูตาแดงๆเอามือมาลูบหัว
และผมก็ไม่โดนตีเหมือนครั้งก่อนๆที่เคยแอบหนีไปเล่นนำ้คลองหลังบ้านบ้าง
หรือหนีไปเที่ยวเล่นตามบ้านเพื่อนหรือกลับบ้านซะมืดคำ่บ้าง
ส่วนป้าน้อยและลุงมลพร้อมลูกๆแก รวมทั้งพี่วุฒิ หลานชายป้าน้อย
ที่แกรักเอ็นดูผมเหมือนน้องชายก็เข้ามาแสดงความยินดีกับพ่อแม่ผม
ที่ผมรอดกลับมาถึงบ้านด้วยความปลอดภัยทุกคนเข้ามากอดและหอมผม
คนละฟอดสองฟอดโดยเฉพาะพี่วุฒิแกดีใจจนอุ้มผมชูขึ้นไปในอากาศ
แกว่งไปแกว่งมาจนผมต้องบอกให้วางเพราะเวียนหัว
ป้าน้อยและครอบครัวแกสนิทกับครอบครัวผมมากเพราะรั้วบ้านเราติดกัน
ผมสนิทกับทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี แต่ที่สนิทมากเป็นพิเศษก็คือพี่วุฒิ
เนื่องจากผมไม่เคยหายออกจากบ้านไปไกลและนานขนาดนี้
และในขณะที่ผมหายออกจากบ้าน แม่กับพี่วุฒิได้ไปหาหมอดู
และหมอดูทักว่าเด็กกำลังมีเคราะห์ ต้องแก้ด้วยการบวชเณ ร
แม่จึงได้บนไว้ว่าถ้าลูกชายรอดปลอดภัย
และไม่เป็นอันตรายกลับมา จะให้ลูกชายบวชเณ รแก้บนถวาย
( มันเป็นความเชื่อ ของคนบ้านนอก เกี่ยวกับไสยศาสตร์
เพราะมันคือที่พึ่งสุดท้าย ของคนต่างจังหวัด )
ซึ่งช่วงนั้นกำลังเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่พอดีพ่อกับแม่จึงจับผมบวชตามที่แม่บนไว้
===============================================================
วันแรกที่พ่อกับแม่พาผมมาบวชพ่อกับแม่ก็กราบนมัสการเรียนท่านเจ้าคุณ( เจ้าอาวาส )
ถึงสาเหตุที่พาลูกชายมาบวชและก็ถือโอกาสฝากผมกับท่านให้ช่วยอบรมณ์สั่งสอน
ถ้าทำอะไรผิดหรือถ้าดื้อไม่เชื่อฟังอนุญาต ให้ท่านตีท่านสอนได้เต็มที่
ท่านเจ้าคุณได้เรียกเณ ร นันท์ และเณ ร ชินมาแนะนำให้รู้จักพ่อกับแม่
และ ฝากให้ เณ ร ทั้งสองคอยเป็นธุระหรือเป็น เณ ร พี่เลี้ยง
คอยดูแลคอยสอนเรื่องระเบียบวินัย
หรือคอยตักเตือนผม กรณีถ้าผมทำอะไรไม่ถูกไม่ต้อง
เพราะเณ รทั้งสองเป็นเณ รที่อาวุโสที่สุดในวัด
และเป็นเณ รที่นิสัยดีวางตัวเหมาะสมญาติโยมให้ความเคารพศรัธทา
โดยเฉพาะเณ ร นันท์ เป็น เณ ร ที่เทศน์เก่งมีโยมอุปัฏฐากเยอะ
และพ่อกับแม่ยังปรารภ กับท่านเจ้าคุณว่า ผมก็ยังคงเป็นเด็กวันยังคำ่
เพราะอายุก็แค่11ยังไม่ค่อยรู้เรื่องกฏระเบียบของ พระเณ ร สักเท่าใด
อาจมีอะไรที่เด็ก อาจยังติดนิสัยเดิมๆ แบบตอนอยู่บ้านบ้าง
ยังไงก็ฝากท่านเป็นธุระด้วยก็แล้วกันพร้อมเรียนท่านว่า
เนื่องจากทั้งสองมีภาระกิจที่ต้องรับผิดชอบ
คือต้องออกไปหากิน เลี้ยงครอบครัวทั้งสองคน
อาจจะมาเยี่ยมลูกได้ไม่บ่อยนัก
ซึ่ง เณ รนันท์และ เณ รชิน ก็รับปากพ่อกับแม่ผมว่า
จะเป็นคนคอยดูแลคอยแนะนำเรื่องกฏระเบียบต่างๆเอง
ไม่ต้องเป็นห่วง
และไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมลูกบ่อยก็ได้
ซึ่งก็จะเป็นผลดีกับเด็กที่จะได้เรียนรู้ในการปรับตัว
และใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนๆได้ง่ายขึ้น
เมื่อพ่อกับแม่ได้ฟังอย่างนั้นก็สบายใจ
พ่อและแม่ได้ยกมือไหว้ขอบคุณเณ รนันท์และเณ รชินที่รับปากจะดูแลผมอย่างดี
และก็ถือโอกาสกราบลาท่านเจ้าคุณและเณ รทั้งสององค์เพื่อขอตัวกลับ
=============================================================
เหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆก็ได้เกิดขึ้นตอนช่วงที่ผมมาบวชเณ รนี่แหละ
เนื่องจากผมเป็นเด็กน่ารักแก้มป่องๆ
พวกเณ รรุ่นพี่ชอบมาเล่นกับผมและก็ชอบจับแก้มผมเล่น
ตอนนั้นในใจลึกๆผมเริ่มมีความรู้สึกชอบเพศเดียวกันแล้วแต่ไม่มีใครรู้
เพราะผมไม่ได้แสดงไม่มีอาการตุ้งต้ิงเหมือนกระเทย
ตรงข้ามผมจะออกแนวแก่นๆ กวนๆซะด้วยซำ้
ทะลึ่งนิดๆมือบอนชอบจับควย คนที่โตกว่าเล่นประจำ
แต่ไม่ได้จับแบบต้องการมีเซ็กส์หรือต้องการจะไปยั่วพี่ๆ
ให้พวกเค้าเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่อย่างใดแค่จับแบบหนุกๆขำๆ
และผมก็จะเล่นแบบนี้กับทุกคนที่ผมสนิทด้วยเท่านั้น
เน่ืองจากผมเป็นเด็กที่พูดเก่งช่างซักช่างถามไม่ค่อยกลัวคน
ขณะเดียวกันก็เข้ากับคนง่ายบางครั้งก็มีงอแงมีดื้อ
หรืออ้อนบ้างซึ่งก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยนี้
ตามธรรมชาติของเด็กแก่นๆ ออกแนวรู้มากนิดๆง่ะ เหล่านี้อาจเป็นเสน่ห์
อย่างหนึ่งของผมก็ได้ที่ทำให้พวกพี่ๆรักและเอ็นดูผมเป็นพิเศษ
แต่ยังไม่เคยมีเซ็กส์กับใคร และก็ยังไม่รู้จักการช่วยตัวเอง
หรือไม่รู้จักแม้แต่คำว่า ' ชักว่าว ' เพราะยังเด็กเกินไป
ที่จะรู้เรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดอย่างผม
ที่เป็นสังคมปิดจึงถูกห้ามไม่พูดถึงเรื่องเพศเด็ดขาด
**********************************************************************************
พอผมมาบวชอยู่ที่วัดก็เริ่มเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ
จากพวกพี่*เหล่านี้ที่หลายคนกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น
จนถึงรุ่นหนุ่มกระทง อายุเฉลี่ยก็ตั้งแต่ 14 - 19ปี
ในจำนวนนี้ที่พอจะจำเหตุการณ์ได้ก็มีอยู่สามสี่องค์
ที่ชอบและเอ็นดูผมเป็นพิเศษ และเป็นพวกที่สอนเรื่องเซ็กส์
หรือว่าระบายเซ็กส์กับผมก็ว่าได้
เริ่มจากคนแรกที่แกดูจะรักจะห่วงผมเป็นพิเศษและเป็นคนแรกที่ผมสนิทด้วย
ก็คือเณ รนันท์นั่นเองเป็นเณ รที่อายุมากที่สุดในวัดอายุ 19 ปี และก็เป็นเณ รพี่เลี้ยงผมเอง
แกจะมีอายุครบบวชเป็นพระในอีก 1 ปี
ผมจะเรียกเณ รรุ่นพี่แต่ละองค์โดยใช้สรรพนามว่า ' พี่ '
แล้วตามด้วยชื่ออย่างเช่นเณ รนันท์ ผมก็เรียกแกว่า' พี่นันท์ '
( ใช้เรียกเฉพาะเณ รที่ผมสนิทเท่านั้น ) เพราะพวกเขาเป็นคนบอก ให้ผมเรียกแบบนั้น
เณ รนันท์เป็นคนต่างอำเภอแต่มาบวชเณ รเรียนทั้งทางโลกและทางธรรม
แกมาบวชตั้งแต่อายุน้อยๆเหมือนกันเป็นคนที่เทศน์เก่ง
รูปร่างสูงกว่าพี่ชินผิวขาวหัวแกโหนกดูแล้วสวยดี
นิสัยดีมากมีเมตตาเป็นคนใจดีโดยเฉพาะกับผม
พูดถึง เณ รนันท์ว่าทำไมแกดูจะรักและห่วงผมที่สุด
แกเล่าให้ผมฟังว่าแกเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่
แกอยากมีน้องชายพอมาเจอผมแกบอกถูกชะตาผมมาก
แกเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุไร
กลางคืนแกจะชอบให้ผมไปนอนด้วยนอนมุ้งเดียวกับแก
( พระเณ รต่างจังหวัดสมัยก่อนนอนกางมุ้ง )และก็เป็นห้องส่วนตัวของแกด้วย
แรกๆแกก็แค่นอนกอดและก็หอมแก้มธรรมดา เสร็จแล้วก็นอนตามปกติ
( เรื่องโดนกอดโดนหอมแก้มเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กๆผู้ชายต่างจังหวัด
เวลาที่ผู้ใหญ่คนไหนเอ็นดูเด็กๆ มักจะมีพฤติกรรมแสดงออกกับเด็กแบบนี้ )
ผมก็ไม่คิดอะไรพอคืนต่อมาแกไม่ได้แค่กอดแค่หอมเฉยๆ
แต่จู่ๆแกเล่นดูดปากผมเลยผมตกใจเพราะไม่เคยมีใคร
ทำกับผมอย่างนี้มาก่อน ก็เลยดิ้นแบบต่อต้านและทำท่ารำคาญ
แกก็ยิ้มๆ และจะทำต่อผมก็ไม่ยอมและทำท่าจะงอแงแบบเด็กๆ
เพราะคิดว่าการดูดปาก เป็นเรื่องสกปรกแค่หอมแก้มอย่างเดียวไม่เป็นไร
พอยังยอมๆให้หอมได้ พอแกเห็นผมดิ้นและทำท่าขัดขืนแกก็หยุด และก็ไม่ทำต่อ
พอคืนต่อๆมา แกก็ทำอีก ผมก็จะขัดขืนทุกครั้งผมบอกตามตรงว่า
ไม่ได้มีความรู้สึกเสียว หรือเกิดอารมณ์
ไปในทำนองเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ แต่อย่างใด
แต่ที่แปลกใจก็คือพอแกดูดปากเราจนหนำใจแล้วแกก็นอนหลับปกติ
และไม่รุกคืบต่อเหมือนเรื่องของคนอื่นๆ ที่เราเคยได้ยินมาเช่น' จับจู๋เด็ก '
หรือเอาเอามือเราไปจับควย แก ?
ผมพยายามสังเกตุดูว่าแกจะทำอะไรต่อหลังจากดูดปากแล้ว.....
ปรากฏว่าแกก็นอนและที่รู้ ควย แกก็ไม่ได้แข็งนะ
มีช่วงนึงที่สนิทกันมากๆ ผมเคยแกล้งจะเอามือจับ ควย แกเล่นๆ
แกรีบปัดมือผมออกและพลิกตัวหนีเลย ทุกวันนี้ผมก็ยังงง !!!
และหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าที่แกชอบดูดปากผมนั้นแกเป็นเกย์หรือเปล่า......
หรือแกแค่ต้องการทำ เพราะรักและเอ็นดูผมแค่น้องชายเท่านั้น ?
มีความคิดเห็นประการใดก็ช่วยเม้นท์ด้วยนะคับ
ถ้ายังสนใจก็จะมาเล่าต่อ
แตถ้าไม่ชอบก็จะขอยุติไว้เพียงเท่านี้
และต้องขออภัยหากเพื่อนๆบางท่านไม่ชอบ
ขอบคุณนะ อิอิ โดนรุมยังไงหลอ ไม่เข้าใจอ่าๆไม่ค่อยตรงกับชื่ีอกระทู้รึเปล่าึีัครับ เรื่องยาวมากติดตามๆ ชอบๆคับ
อ่านแล้วเสียว
ขอบคุนนะคับที่แบ่งปัน ขอบคุนที่แบ่งปัน
เสียวๆๆคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ดีค้าบ สุดยอด
สนุกจังค้าบ ได้ได้มั้ง555 {:5_146:}{:5_146:}{:5_146:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ {:5_142:}{:5_141:} ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ