“บ่นไปเรื่อย” : ระบายสิ่งที่อยู่ในหัวออกมา
“บ่นไปเรื่อย” : ระบายสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาคุณคิดว่าการที่คนเรามีสองตัวตนที่แสดงออกมาในสองสถานการณ์ที่แตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องปกติไหม?.
ผมเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งหรือจะเรียกว่าเกย์หรือกระเทยก็ได้หมด ผมไม่ได้สนใจแล้วว่าใครจะเรียกอย่างไร ขอแค่ไม่ใช่การเหยียดการด่ากันก็พอ ในวัย 25 ย่าง 26 ปี ของผมในตอนนี้ ผมก็ได้พบเจออะไรต่าง ๆ มากมาย และได้ทบทวนตัวเองอยู่บ่อย ๆผมในเวลาอยู่ด้านนอก ออกไปทำงาน ออกไปใช้ชีวิต ผมอาจจะเป็นเกย์ออกสาวในสายตาใครหลาย ๆ คน และใช่ ผมยอมรับมัน เพราะเมื่อก่อนผมก็นิยามตัวเองว่าตุ๊ดหรือกระเทยด้วยซ้ำไป (ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่) ผมเป็นคนที่ถ้าอยู่ด้านนอกในที่ที่ผู้คนมากมาย ผมจะค่อนข้างดูเป็นคนเรียบร้อย สุภาพ และดูดีอยู่เสมอ เพราะผมก้รู้สึกว่าอยากให้คนอื่น ๆ ได้เห็นแต่ด้านที่ดีของเรา และอีกอย่างผมก็มองว่าการอยู่ในพื้นที่สาธารณะต่างคนก็ต่างความคิดกันไป ดังนั้นผมมองว่าการทำตัวเองให้ดีในแบบที่ไม่ฝืนตัวเองมากเกินไปต่อหน้าใครหลาย ๆ คนก็เป็นเรื่องดีแต่…เมื่อกลับมาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ในห้องพักเล็ก ๆ ของตัวเอง ผมกลับกลายเป็นอีกคนที่สลัดภาพที่หลาย ๆ คนแซวว่า “คุณชาย” ออกไป เหลือเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่บางครั้งก็สวมเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวใช้ชีวิตในห้องแคบ ๆ ไม่ก็เดินเปลือยเปล่าไปมาอยู่ในห้องห้องนี้ อาจจะด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าสังคมหรือที่ใครหลายคนเรียกว่า Introvert ทำให้เมื่อไปอยู่กับคนอื่นนาน ๆ ก็เกิดความอึดอัดและเหนื่อยล้า เมื่อพอได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวจึงได้ปลดปล่อยทุกอย่างออกจนหมด หลาย ๆ ครั้งที่ผมเหนื่อยจากงานมาก ๆ ดังนั้นตัวเลือกในการผ่อนคลายที่ดีที่สุดของผมคือการที่ถอดดชุดทำงานออกจนเปลือยเปล่า เดินไปล้างตัวด้วยน้ำสะอาดเพียงอย่างเดียว ล้างเครื่องสำอาง กลิ่นน้ำหอม และกลิ่นต่าง ๆ มากมายที่ปรุงแต่งเพื่อออกไปใช้ชีวิตออกจนหมด เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่ากับกลิ่นแบบธรรมชาติ แล้วทิ้งตัวลงนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงหลังกว้าง แค่นี้ก็รู้สึกว่าได้เยียวยาตนเองอีกเรื่องคือจากคนที่เมื่อก่อนนั้นไม่ค่อยอยากมีขนตามร่างกายเลย แต่ตอนนี้กลับเลือกที่จะปล่อยตัวเองให้มีขนขึ้นตามส่วนต่าง ๆ แบบเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะหมอยและรักแร้ แม้ว่าจะเป็นคนที่ขนไม่ค่อยขึ้นหรือขึ้นบาง ๆ ก็หาวิธีจนได้ ที่สามารถทำให้ตัวเองขนหนาขึ้นได้ … และยิ่งการได้ไปเสพภาพนายแบบเก่า ๆ จากนิตยสารเก่า ๆ ได้เห็นภาพนายแบบหนุ่มสมัยนั้นเปลือยเปล่า ปล่อยขนยาวตามธรรมชาติทั้งหมอยและรักแร้ ที่ดูแมน ๆ บ้าน ๆ ดิบ ๆ ยิ่งกระตุ้นการที่ตัวผมเองอยากที่จะปล่อยตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งใด ๆ ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามธรรมชาติและความธรรมดา แบบไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก แม้จะต้องแลกมากับการรักษาความสะอาดของร่างกายให้มากขึ้นก็ตามแม้กระทั่งตอนพิมพ์ก็ยังทำอยู่ร่างกึ่งเปลือยในบ๊อกเซอร์ตัวโปรด พร้อมกลิ่นอับเหงื่อพึ่งที่ผ่านการอาบน้ำมาหมาด ๆ ปนกลิ่นสบู่ ฟุ้งออกมาเมื่อยกแขนขึ้น ทำให้ผมรู้สึกว่าการได้สัมผัสความดิบในตัวของตัวเองมันก็สบายตัวดี และเป็นธรรมชาติดี ไม่ฝืนและไม่เหนื่อยจากทั้งหมดนี้เลยทำให้ผมรู้สึกว่าทั้งสองแบบก็คือตัวเรานั่นแหละ แต่แค่เราเลือกที่จะแสดงออกมาตามสถานการณ์เท่านั้นเอง ไม่ว่าผมในตอนอยู่ด้านนอกที่ดูสุภาพเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน หรือผมที่นอนอยู่ในห้องแบบเปลือยเปล่า ปล่อยกายปล่อยใจไปกับธรรมชาติของตัวเอง.แล้วคุณที่ผ่านมาอ่านสิ่งนี้ … คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้… เป็นการเขียนระบายสิ่งที่อยู่ในหัวไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไร ทุกคนสามารถปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมันได้เลย
คนๆนึงสามารเป็นอะไรได้มากกว่าที่คิดมาก
การที่บางคนออกสาวเวลาอยู่กับเพื่อน แต่ที่บ้านแมนๆเพราะอยู่กับพ่อแม่ ครอบครัว แต่พออยู่คนเดียวก็ไม่สนโลกไปเลยมันไม่ใช่ว่าเค้าแอพหรืออะไร แต่บางทีมันคือการวางตัว การเลือกที่จะแสดงสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้คนรอบข้างพอใจเพื่อให้เกิดการยอมรับ ซึ่งก็เป็นตัวเราเองจริงๆทุกแบบนั่นแหละ ไม่ได้อึดอัดอะไรมาก แค่คุณจะก่อรูปร่างของตัวเองยังไงแค่นั้น
เพียงเพราะเมื่อก่อนน้องๆสาวสองที่เด็กๆชอบตุ้งติ้ง โตขึ้นมาจะเป็นรุกแมนๆก็ไม่ผิด ก็เป็นตัวเองในแบบของเค้า ไม่มีอะไรผิดครับ คุณและคนอื่่นทั่วไปก็มี 2 ตัวตนครับ
ตัวตนต่อสังคม(Public self)อาจรู้สึกว่าจำเป็นต้อง “ควบคุมภาพลักษณ์” ให้คนอื่นเห็นแต่สิ่งดี ๆ เพราะเชื่อว่าความประณีต สุภาพ และกลิ่นหอมคือสิ่งที่สังคมยอมรับ
ตัวตนส่วนตัว (Private self)การแก้ผ้า การปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาพธรรมชาติ และไม่ปรุงแต่ง คือวิธี “ปลดปล่อยตัวเองจากกรอบทางสังคม” เป็นช่วงที่รู้สึกปลอดภัยและเป็นอิสระจากสายตาคนอื่น นี่อาจสะท้อนว่าคุณกำลังโหยหาความจริงแท้ของตัวเองหลังจากต้องสวม “หน้ากากทางสังคม” มานาน
ส่วนเรื่องการเลือกปล่อยขนตามร่างกาย ก็อาจเป็นสัญญาณของ การยอมรับตัวเองในแบบธรรมชาติ มากขึ้น ไม่พยายามปรับแต่งให้ตรงตามค่านิยมเดิม ๆ เกี่ยวกับรูปลักษณ์หรือความสะอาดทางสังคม
คำถามที่สำคัญคือ เวลาคุณอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกสบายที่จะเป็นแบบนั้น มันให้ความรู้สึกยังไงครับ — โล่ง ปลอดภัย หรือเหมือนเป็นตัวเองที่สุด? pongsakornknes ตอบกลับเมื่อ 2025-11-9 10:21
คุณและคนอื่่นทั่วไปก็มี 2 ตัวตนครับ
ตัวตนต่อสังคม(Publ ...
เวลาคุณอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกสบายที่จะเป็นแบบนั้น มันให้ความรู้สึกยังไงครับ — โล่ง ปลอดภัย หรือเหมือนเป็นตัวเองที่สุด?
- ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไร มันก็คงทั้งสองอย่างที่ทั้งโล่ง ปล่อยตัวปล่อยใจไม่ค้องคิดอะไรมาก บางครั้งก็รู้สึกปลอดภัยทางจิตใจที่ไม่ต้องสนใจว่ามีใครจะมาตัดสิน และก็ได้เป็นตัวเองในแบบที่อยากเป็น จะทำอะไรก็ได้ ในแบบที่ไม่ต้องสนใจรอบข้างมากนัก ผมก็รู้สึกว่าชอบการอยู่คนเดียวมาก แต่ข้างนอกก็คุยเลยหรือทำกิจกไรกับผู้คนได้ปกติ แต่ในใจลึกๆมันมีแต่ความอึดอัด ดังนั้นเมื่อได้อยู่ในพื้นที่ของตัวเองผมจะเลือกที่จะถอดทุกอย่างถ้าไม่ได้ไปไหนก็ไม่เคยใส่อะไรเลยอยู่บ้านอยู่หอทำไรง่ายๆกินไม่ไปไหนชอบการได้อยู่กับตัวเองมาก และที่มีความสุขมากๆคือการได้แก้ผ้านี่แหละครับ ถือว่าแปลกไหมครับ dexaun ตอบกลับเมื่อ 2025-11-15 09:26
ผมก็รู้สึกว่าชอบการอยู่คนเดียวมาก แต่ข้างนอกก็คุยเ ...
ไม่แปลกนะครับ ทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ทำแล้วสบายใจเมื่ออยู่คนเดียวกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะยอมรับมันได้มั้ยว่าคุณเป็นแบบนั้น สำหรับผมรู้สึกว่าถ้าทำแล้วไม่เดือดร้อนใครก็ทำไปเถอะครับ ผมเองก็แก้ผ้าไปยืนริมระเบียงห้องบ่อย ๆ ด้วยซ้ำ
หน้า:
[1]