Makiztae โพสต์ 2025-11-3 08:42:19

ลมยางธรรมดา VS ลมไนโตรเจน ต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับคุณ

"เติมลมไนโตรเจนไหมครับ?" เป็นอีกคำถามคลาสสิกที่เรามักจะได้ยินเวลาไปเปลี่ยนยางหรือเข้าร้านบริการยางรถยนต์ หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันต่างจากลมธรรมดาที่เราเติม ตามปั๊มที่ไม่เสียเงินยังไง? และการอัปเกรดไปไนไตรเจนคุ้มค่าหรือไม่ Sanook Auto มีคำตอบ

เติมลมไนโตรเจน VS เติมลมธรรมดา

"เติมลมธรรมดา" คืออะไร?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า "ลมธรรมดา" ที่เราสูบเข้ารอบตัวเรานั้น มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบหลักอยู่แล้วถึง 78% ครับ ส่วนที่เหลือคือ ออกซิเจนประมาณ 21% และก๊าซอื่นๆ รวมถึง "ไอน้ำ" หรือ "ความชื้น" อีกประมาณ 1%

โดดเด่นที่ ฟรี! หาง่าย เติมได้ทุกปั๊มน้ำมัน

แต่มีข้อสังเกตคือ มี ออกซิเจน ซึ่งอาจทำให้เกิดการ "ออกซิเดชัน" (Oxidation) หรือการเสื่อมสภาพของเนื้อยางด้านใน และทำให้กระทะล้อเหล็กเกิดสนิมได้ในระยะยาว (ยาวมากๆ) และอาจจะมี ไอน้ำ ปนอยู่ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แรงดันยางไม่นิ่ง

"ลมไนโตรเจน" (Nitrogen) คืออะไร?

คือลมที่ผ่านเครื่องคัดแยกออกซิเจนและไอน้ำออกไป จนได้ก๊าซไนโตรเจนที่มีความบริสุทธิ์สูง (มักจะอยู่ที่ 93% - 99%) พูดง่ายๆ คือมันเป็น "ลมธรรมดาที่แห้งและไร้ออกซิเจน" นั่นเองครับ

จุดเด่น:

เป็นก๊าซแห้ง: ไม่มีไอน้ำหรือความชื้นปนเปื้อน
เป็นก๊าซเฉื่อย: ไม่ทำปฏิกิริยากับเนื้อยางหรือกระทะล้อ
จุดด้อย:

มีค่าใช้จ่าย: ทั้งการเติมครั้งแรก (มักจะ 100-200 บาท) และการเติมซ้ำ
หาเติมยาก: ต้องเข้าร้านยางที่มีเครื่องผลิตโดยเฉพาะ

ไขข้อสงสัยแต่ละประเด็น

เติมลมไนโตรเจนดีกว่าจริงหรือ?

เมื่อรู้ส่วนผสมแล้ว เรามาดูกันว่าคุณสมบัติที่ต่างกันเล็กน้อยนี้ ส่งผลต่อการขับขี่อย่างไรบ้าง

1. ความเสถียรของแรงดันยาง (ต่ออุณหภูมิ)

จุดแข็งที่สุดของไนโตรเจนครับ

ลมธรรมดา: เพราะมี "ไอน้ำ" ปนอยู่ เมื่อยางร้อนขึ้น (จากการขับขี่, จอดตากแดด) ไอน้ำจะขยายตัวกลายเป็นไอ ส่งผลให้แรงดันลมยาง "พุ่งสูงขึ้น" มากกว่าปกติ และเมื่อยางเย็นตัวลง ไอน้ำก็ควบแน่น แรงดันก็จะ "ลดลง"
ลมไนโตรเจน: เพราะเป็นก๊าซแห้ง ไม่มีไอน้ำ การขยายตัวเมื่อเจอความร้อนจึงคงที่และน้อยกว่ามาก ทำให้แรงดันลมยาง "เสถียร" ตลอดการขับขี่ ไม่ว่าจะขับทางไกลจนยางร้อนจัด หรือจอดรถตากแดด
สิ่งที่สำคัญที่หลายคนไม่รู้คือ ในการแข่งขัน F1 หรือรถแข่งในสนาม แรงดันลมยางที่เพี้ยนไปแค่ 1-2 PSI มีผลต่อการยึดเกาะถนนอย่างมหาศาล พวกเขาจึงใช้ลมไนโตรเจนเพื่อควบคุมแรงดันให้แม่นยำที่สุด

2. อัตราการรั่วซึม (รักษาแรงดันได้นานกว่า)

ตามทฤษฎีคือ โมเลกุลของไนโตรเจนมีขนาดใหญ่กว่าออกซิเจนเล็กน้อย ทำให้มัน "ซึมผ่าน" เนื้อยางออกมาได้ช้ากว่า

ลมธรรมดา: ออกซิเจนซึมออกได้เร็วกว่า แรงดันลมยางจึงลดลงเร็วกว่า
ลมไนโตรเจน: รั่วซึมออกช้ากว่า ทำให้ไม่ต้องเติมลมบ่อยเท่าลมธรรมดา
ในชีวิตจริง ความแตกต่างนี้ "น้อยมาก" ครับ ยางรถยนต์ส่วนใหญ่ที่ลมอ่อน ไม่ได้เกิดจากการซึมผ่านโมเลกุล แต่เกิดจากการรั่วตามขอบยาง, จุ๊บเติมลม, หรือโดนตะปูตำ ซึ่งไนโตรเจนก็กันไม่ได้

3. การกัดกร่อนและความเสื่อมสภาพ

ลมธรรมดา: มีออกซิเจนและความชื้น ซึ่งสามารถทำให้เกิดสนิมบนกระทะล้อที่เป็นเหล็ก และทำให้เนื้อยางด้านในเสื่อมสภาพ (Oxidize) เร็วขึ้น... แต่กระบวนการนี้ใช้เวลานานหลายปีมาก และล้อแม็กอัลลอยสมัยใหม่ก็ไม่เป็นสนิมอยู่แล้ว
ลมไนโตรเจน: เป็นก๊าซเฉื่อยและแห้ง จึงไม่ก่อให้เกิดสนิม และไม่ทำให้ยางเสื่อมสภาพจากภายใน ช่วยยืดอายุยางและล้อได้ (ในทางทฤษฎี)
เติมผสมกันได้ไหม?

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หลายคนที่เติมทั้งแบบธรรมดา และไนโตรเจนก็สามาารถทำได้ ถ้าคุณเติมไนโตรเจนมา แล้วเกิดฉุกเฉินต้องเติมลมธรรมดา ก็สามารถเติมทับเข้าไปได้เลย ไม่มีการระเบิดหรือทำปฏิกิริยาเคมีใดๆ ทั้งสิ้น

...เพียงแต่ว่า สัดส่วนความบริสุทธิ์ของไนโตรเจนก็จะลดลง คุณสมบัติ "ความเสถียร" ที่คุณจ่ายเงินไป ก็จะค่อยๆ หายไป กลายเป็นลมธรรมดาเหมือนเดิมนั่นเอง

สรุปแล้ว เติมลมยางแบบไหนดี แบบไหนคุ้มกว่า

การเติมลมไนโตรเจน "ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง" มันให้ผลดีกว่าลมธรรมดาจริง "แต่" ประโยชน์นั้นอาจไม่ชัดเจนสำหรับทุกคน หากคุณเป็นคนที่ขับเร็วและต้องการแรงดันยางคงที่และเน้นประสิทธิภาพ ไนโตรเจนจะมีผลมาก และคนที่ไม่ค่อยเช็คลมยาง การเติมไนโตรเจน จะทำให้ระยะเวลาเติมลมน้อยลง

อย่างไรก็ตามถ้าเป็นคนที่อยากประหยัดการเลือกเติมลมธรรมดา ก็จะทำให้ประหยัดเงินได้มากอยู่ ก็ขึ้นกับเรื่องของงบประมาณ




jarussrinual โพสต์ 2025-11-3 12:01:29

ขอบคุณครับที่ช่วยแนะนำเรื่องการใช้ลมยาง
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ลมยางธรรมดา VS ลมไนโตรเจน ต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับคุณ