Recs โพสต์ 2025-10-26 22:25:13

ความลับกับเด็กที่ถูกมองข้าม ตอน 14 - เสียวกันยันข้ามปี

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Recs เมื่อ 2025-11-12 21:07

ย้อนอ่านตอนเก่า...>>ตอน 1 - ตีสนิทน้องแถวบ้าน<<>>ตอน 2 - สอนเด็กแว่นชักว่าว<<>>ตอน 3 - เสพติดความเสียว<<>>ตอน 4 - เปิดเทอมก็เริ่มเสียว<<>>ตอน 5 - เปิดเผยความลับกับน้องชาย<<>>ตอน 6 - เหตุเกิดเพราะความหวงน้อง<<>>ตอน 7 - น้องในหมู่บ้านพาเสียว<<>>ตอน 8 - เล่นเสียวจนเข้าโรงพยาบาล<<>>ตอน 9 - น้องเก้าพาเสียว<<>>ตอน 10 - กินยาปริศนาจนได้เสียว<<>>ตอน 11 - เมื่อคนแปลกหน้าแวะมาบ้าน<<>>ตอน 12 - เสียวกันกลางอากาศ<<>>ตอน 13 - การกลับไปเจอเพื่อนเก่า<<
ตอน 14 - เสียวกันยันข้ามปี
หลังจากน้องกาย น้องชายวัย 13 ของผม ขอไปนอนค้างบ้านแฟนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ผมกับน้องฟิวก็ต้องเจอเหตุการณ์เฉียดตาย ถูกพวกผีเอ็มและลูกศิษย์หมอเอจับฝังทั้งเป็นในโลงเดียวกัน
โชคดีที่ได้เจ เพื่อนร่วมห้องของผม ซึ่งแอบแฝงตัวอยู่ในกลุ่มลูกศิษย์หมอเอเพื่อเหตุผลบางอย่าง มาช่วยเอาไว้ทัน ทำให้รอดออกมาได้
ต่อมา ผมพาน้องฟิวออกจากร่าง เพื่อไปหาวิญญาณของน้องเก้าหรือ “เบสท์” เพื่อนเก่าของฟิว จนทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้ง เติมเต็มความรู้สึกที่ค้างคาในอดีต เก้าเริ่มจำเรื่องราวบางส่วนได้ ส่วนฟิว... ก็เหมือนได้เพื่อนคนเดิมกลับคืนมาอีกครั้ง

ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ สลึมสลือเห็นน้องฟิวยังหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอด เลยเผลอยิ้มออกมานิดๆ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นน้องกายนั่งเก็บของใส่กระเป๋าอยู่ตรงปลายเตียง
“อ้าว กาย... กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ?” ผมรีบปล่อยมือออกจากน้องฟิวแทบจะทันที จนเจ้าตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมางัวเงียตามผม
“สักพักละพี่ ทำพี่ตื่นป่ะเนี่ย?” น้องกายหันมาถามแบบเกรงใจ
“เปล่าๆ แล้วนี่เก็บของจะไปไหนเหรอ?”
“บ้านเซนจะพาไปเที่ยวเขาใหญ่วันนี้อ่ะ เลยจะมาชวนพี่ไปด้วยกันไง” พูดจบกายก็เหลือบมองฟิวที่เพิ่งลุกขึ้นมาขยี้ตา “เป็นไงไอฟิว นอนที่นอนกูสบายมั้ย? 555”
“เอ่อ... กูนึกว่ามึงไปนอนบ้านเพื่อนแล้วซะอีก” ฟิวตอบแบบหน้าแดงๆ
“เออ ตามสบาย กูไม่ว่าอะไรหรอก” กายพูดพลางจัดกระเป๋าต่อเหมือนไม่ได้สนใจอะไรนัก โดยมีน้องเก้านั่งดูอยู่ข้างๆ
“ไปวันนี้เลยเหรอกาย แล้วต้องให้พี่ไปด้วยจริงเหรอ?” ผมถามเสียงอ่อย เพราะคิดว่าน้องคงอยากไปกับแฟนมากกว่า คงชวนผมแค่ตามมารยาท
“ใช่พี่ เค้าดาวน์คืนนี้ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว อยากให้พี่ไปเป็นเพื่อนด้วยอ่ะ” กายพูดเสียงจริงจังจนผมชะงัก
“แต่เก้าไปด้วยไม่ได้อ่ะดิ ต่างจังหวัดมันไกลบ้านไป แบตน้องคงหมดก่อนแน่ๆ”
“กายคุยกับเก้าแล้ว ให้เก้าอยู่กับฟิวไปก่อนก็ได้ พอดีอยากให้ฟิวมีเพื่อนด้วยไง” น้องพูดพร้อมหันไปยิ้มให้ฟิวที่ยังดูงงๆ อยู่
“มึง... มองเห็นเบสท์ได้ด้วยเหรอวะ ไอกาย?”
“กูเจ้าของบ้านนะโว้ย เห็นได้ตั้งนานละ!” น้องตอบเสียงอวดนิดๆ
ผมนึกขึ้นได้เลยเดินไปหยิบ แว่นลงยันต์ที่เก็บได้ในวัดยื่นให้น้องฟิว“ลองใส่ดูสิ ว่าจะเห็นเบสท์ได้มั้ย?”
ฟิวรับไปอย่างลังเล ก่อนจะค่อยๆ สวม แล้วเบิกตาโตขึ้น “เห็นแล้วพี่! แต่เห็นแบบจางๆ ไม่ชัดเท่าเมื่อคืนเลย”
“แล้วฟิวได้ยินเรามั้ย?” เก้ารีบถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ได้ยินอยู่นะ แต่มันก้องๆ เหมือนเสียงอยู่ไกลๆ อ่ะ”
“แล้วพี่ไปได้แว่นนี้มาจากไหนเนี่ย?”กายพูดแทรกขึ้นมาพร้อมทำหน้าสงสัย ผมกับฟิวเลยมองหน้ากันแบบเลิ่กลั่ก ก่อนตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ทั้งกายและเก้าฟัง... เพราะรู้ดีว่าคงปิดไว้ไม่ได้นานแล้ว
...
หลังจากผมเล่าเรื่องที่โดนพวกผีเอ็มจับฝังทั้งเป็นให้กายฟังจนจบ น้องก็มีสีหน้าซีดลงทันที ดูทั้งตกใจทั้งเป็นห่วง แถมยังยืนยันเสียงแข็งอยากให้ผมไปเที่ยวด้วยกันมากขึ้น บอกว่าถือเป็นการพักสมอง ห่างจากเรื่องพวกนี้สักพัก
ส่วนเรื่องของน้องเก้า ผมกำชับให้อยู่กับฟิวไปก่อนในช่วงที่ผมไม่อยู่ และห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด กลัวจะเป็นอันตรายอีก และยังยื่นแว่นกับยาเม็ดฟ้าให้น้องฟิวเอาไว้ จะได้ใช้ติดต่อกับเก้าได้เหมือนเดิม
ฟิวรับของไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนพูดเบาๆ ว่า“ไม่ต้องห่วงนะพี่ ผมจะดูแลเบสท์ให้ดีที่สุดเลย”
ได้ยินแบบนั้น ผมก็รู้สึกโล่งขึ้นนิดนึง เพราะรู้ว่าฟิวเองก็รักและผูกพันกับเก้าไม่ต่างจากผม
เช้าวันนั้น ผมจัดกระเป๋าได้ไม่นาน รถของพ่อเซนก็มารับถึงหน้าบ้าน เป็นรถหรูสีดำที่ดูใหม่เอี่ยมสะดุดตา พอเห็นพ่อเซนนั่งอยู่ด้านหน้ารถโดยมีคนขับรถส่วนตัวขับมาจอด ผมถึงกับยืนหลังตรงโดยอัตโนมัติ พ่อเซนดูเป็นชายวัยกลางคนที่ดูดี แต่งตัวเนี้ยบ ดูมีฐานะและบุคลิกนุ่มนวล แต่แค่นั่งเฉยๆ ก็ทำเอาผมเกร็งจนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
“นี่พ่อเซนรู้เรื่องกายกับเซนยังอ่ะ?” ผมหันไปกระซิบน้องเบาๆ
“ยังพี่ ช่วยเนียนๆ ไว้ก่อนนะ” กายตอบกลับเสียงแผ่ว
“โอเคๆ พี่จะได้ทำตัวถูก” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเห็นเซนเดินลงมาช่วยถือกระเป๋าให้กายถึงหน้าบ้าน
“หวัดดีครับพี่มิก นึกว่าพี่จะไม่ไปด้วยซะแล้ว” เซนยิ้มบางๆ พูดเสียงนุ่มจนผมเผลอยิ้มตอบ
“ก็กายมันอ้อนให้ไปด้วยนี่สิ”
“ดีแล้วพี่ ไปกันเยอะๆ สนุกดี” เซนพูดพลางหัวเราะเบาๆ แต่ในใจผมก็ยังแอบสงสัยอยู่ว่า... น้องอยากให้ผมไปจริงๆ หรือแค่พูดตามมารยาทเฉยๆ
ผมขึ้นไปนั่งเบาะหลังกับกายและเซน โดยกายนั่งอยู่ตรงกลางคั่นไว้ ผมกับกายก็รีบยกมือไหว้พ่อเซนพร้อมกัน“สวัสดีครับ”
“อืม หวัดดีๆ ทำตัวตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกร็ง คิดว่าไปเที่ยวกับครอบครัวก็พอ” พ่อเซนพูดด้วยน้ำเสียงใจดี แต่แววตาก็ยังดูนิ่งและสุขุมจนผมอดรู้สึกเกรงใจไม่ได้
“ครับผม...” ผมตอบเบา ๆ แล้วพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความประหม่า
“มึงกินข้าวมายังกาย?” เซนพูดแทรกขึ้นมา “เดี๋ยวพ่อกูพาแวะร้านประจำก่อน”
“ยังเลย กินแต่ขนมปังมานิดหน่อย” กายตอบสบายๆ แล้วยิ้มให้เซนเหมือนรู้กัน
ผมมองทั้งคู่พูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ เรียกมึงกูเพื่อความแนบเนียนเหมือนเพื่อนกัน ยิ้ม หัวเราะ ล้อกันไปมา ส่วนตัวผมเองกลับได้แต่มองวิวข้างทางผ่านกระจก รู้สึกแปลกๆ ในอก... พยายามจะไม่คิดมากว่าตัวเองกำลังมาเป็นส่วนเกินในทริปนี้
...
ระหว่างแวะร้านอาหาร ผมเหลือบไปเห็นรูปคนดังมากมายที่เคยมากินที่นี่ คงเป็นร้านชื่อดังใช่เล่นแต่สิ่งที่ทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง คือรูปของหมอเอที่ติดอยู่บนผนังในกรอบสวยๆ นั่นแหละ
แค่เห็นหน้ามันก็ทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกระแวงแล่นวาบขึ้นในอก... กลัวว่าพวกนั้นจะโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัวแบบที่วัดอีก
"ใจเย็นๆ พี่มิก ไม่มีอะไรหรอกหน่า..." น้องกายพูดเบาๆ เหมือนจะปลอบ เพราะเห็นสีหน้าผมเริ่มไม่ดีนัก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอดเหลียวมองรอบร้านไม่ได้อยู่ดี มันฝังใจเกินไปที่จะปล่อยผ่านไปง่ายๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ นั่งรถต่ออีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็มาถึงเขาใหญ่แล้ว แต่น้องกายดันหลับมาตลอดทาง คงเพราะอิ่มจัดจนตาปิด ส่วนคนขับรถก็ขับไปยังลานกว้างที่ให้เช่าพื้นที่กางเต็นท์ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวจับจองกันบ้างแล้วเพราะเป็นช่วงเทศกาลใหญ่
"มึงหลับน้ำลายยืดเลยนะกาย ช่วยกูกางเต็นท์ด้วย กางเป็นป่ะเนี่ย?"
"เป็นดิ เคยฝึกตอนเรียนลูกเสืออยู่" น้องกายตอบแบบงัวเงีย
เราช่วยกันขนอุปกรณ์ลงจากรถ เลือกพื้นที่ริมๆ ให้พอมีความเป็นส่วนตัว ผม น้องกาย และเซน ช่วยกันปูผ้าใบรองพื้น เสียงผ้ากันลมดังสวบๆ พ่อเซนกับคนขับรถช่วยขึงมุมเต็นท์อย่างชำนาญ ไม่นานก็ได้เต็นท์ขนาดกลางพอนอนได้ 3-4 คน
พอลมเย็นจากภูเขาเริ่มพัดผ่านหน้า ความรู้สึกเหมือนเริ่มผ่อนคลายจริงๆ เป็นครั้งแรกของวัน เหมือนเริ่มหายกังวลจากตอนที่ร้านอาหารแล้ว
"เดี๋ยวคืนนี้ป๊าไปงานเลี้ยงที่โรงแรมนะเซน ค้างที่นั่นเลย พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับมารับ อยู่กันได้มั้ย?"
"ได้ป๊า แค่นี้ชิลๆ" เซนตอบแบบยิ้มๆ
"เดี๋ยวอาฝากน้องๆ ด้วยนะ" พ่อเซนหันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"ได้ครับ เดี๋ยวผมดูแลให้ครับ"ผมตอบไปพร้อมรอยยิ้ม รู้ดีว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่สุด แต่ก็แอบรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดนึง... อย่างน้อยคืนนี้ก็คงไม่ต้องเกร็งเท่าตอนอยู่ในรถแล้ว
...
เราช่วยกันปูผ้านวมรองอีกชั้นในเต็นท์ จะได้นอนได้สบายขึ้น ต่างคนต่างเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาจับจองที่นอนของตัวเอง
"เค้าขอนอนตรงกลางนะจารย์" น้องกายรีบเปลี่ยนคำเรียกทันทีที่พ่อเซนไม่อยู่
"เออหน่า เค้ารู้อยู่แล้วว่าจิ๋วอ่ะกลัวผี..."
"ใครบอกล่ะ อยู่ตรงกลางมันอุ่นดีต่างหาก เค้าเลิกกลัวผีละ ไม่เชื่อถามพี่มิกได้ จริงมั้ยพี่?" น้องหันมายักคิ้วให้ผม สีหน้ามั่นใจซะจนผมหลุดยิ้ม
"จริงมั้ง... งั้นกลางคืนเดี๋ยวให้ผีแถวนี้มาหากายคนเดียวเลยละกัน" ผมแกล้งพูดขำๆ
"เห้ยพี่! ใครให้พูดแบบนั้น!?"
"ฮ่าๆๆ ไหนใครบอกว่าเลิกกลัวแล้วไง?" เซนหัวเราะเสียงดังทันที พอเห็นน้องกายเริ่มทำหน้าตื่นๆ ยิ่งขำหนักเข้าไปอีก
"พูดเล่นหน่า น้องพี่แค่นี้ไม่กลัวอยู่ละ" ผมรีบพูดแก้ให้น้อง พลางหัวเราะเบาๆ ตามไปด้วย
บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายความอึดอัดลง เสียงหัวเราะของเราสามคนดังปนกับเสียงลมที่พัดผ่านเต็นท์เบาๆ
"ว่าแต่เย็นนี้จะกินอะไรกันดี อยู่ในลานโล่งแบบนี้?" อยู่ๆ น้องกายก็ถามขึ้น ทั้งที่เพิ่งกินอิ่มจากร้านอาหารมา
"เดี๋ยวสั่งหมูกระทะมากินกันมั้ยล่ะ? เขามีพวกเตาถ่านให้ยืมอยู่นะ"
"โห ดูยุ่งยากอ่ะจารย์ ต้องมาก่อไฟอีก... หรือจะซื้อมาม่ามาต้มกินดี?" น้องกายเสนอไอเดียพลางทำหน้าขี้เกียจนิดๆ
"เห้ย มาถึงนี่ทั้งทีจะกินแค่มาม่าเนี่ยนะไอจิ๋ว?" เซนรีบสวนทันที
"สั่งหมูกระทะแหละ เดี๋ยวพี่ช่วยก่อไฟก็ได้"ผมเข้าข้างเซนเต็มที่... ไหนๆ ก็อยากผิงไฟแก้หนาวอยู่แล้วด้วย
สุดท้ายน้องกายเลยต้องยอมตามเสียงข้างมาก แต่ก็ยังไม่วายแอบซื้อมาม่ากระป๋องจากร้านของชำมากักตุนไว้เผื่อหิวตอนดึกอยู่ดี
...
บรรยากาศช่วงค่ำวันนั้นค่อนข้างชิลและผ่อนคลาย เราสามคนนั่งล้อมวงปิ้งย่างหมูกระทะกันหน้าเต็นท์ ควันลอยจางๆ ในอากาศเย็นๆ กลิ่นหมูย่างผสมกับเสียงจิบน้ำอัดลม มันให้ฟีลอบอุ่นแบบง่ายๆ ที่ไม่ได้รู้สึกมานาน
รอบๆ เริ่มมีคนมากางเต็นท์เพิ่มอีก 6-7 หลังได้ เสียงหัวเราะและเพลงจากเต็นท์ข้างๆ ดังแว่วมาตลอด แต่ผมกลับยังแอบระแวงทุกครั้งที่เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นเดินผ่าน... ใจหนึ่งก็ยังกลัวว่า “เอ็ม” จะโผล่มาถึงที่นี่แบบไม่ให้ทันตั้งตัว
"มองหาใครอยู่เหรอพี่มิก?" น้องกายถามขึ้น พลางเอียงหน้ามามอง เหมือนสังเกตได้ว่าผมดูผิดปกติ
"เปล่าๆ ก็ดูวิวไปเรื่อยเปื่อยเฉยๆ" ผมตอบส่งๆ พยายามทำเสียงให้ฟังสบายๆ จะได้ไม่ให้น้องคิดมาก
อยู่ๆ เซนก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า"เออจิ๋ว... เค้ามีของเด็ดไว้ฉลองปีใหม่คืนนี้ด้วย"
"เห้ยจารย์! ไปเอามาจากไหนเนี่ย?"
"ไปแอบจิ๊กพ่อมาอ่ะ"เซนพูดหน้าตาเฉย เหมือนเป็นเรื่องปกติ พร้อมเปิดขวดเหล้ารินใส่แก้วพลาสติก ผสมกับโค้กที่เพิ่งซื้อมา
"ขอกินกับเซนได้ป่ะพี่มิก นานๆ ทีอ่ะ อย่าบอกแม่กายนะ" น้องกายหันมาขอผมด้วยสีหน้าเหมือนเด็กกำลังขอของเล่นใหม่
"ได้แหละ... แล้วกายเคยกินด้วยเหรอ?" ผมถามเพราะอดสงสัยไม่ได้
"เคยลองชิมนิดนึงตอนไปญี่ปุ่นกับเซนอ่ะ" น้องตอบเสียงเบาๆ แต่แววตาดูตื่นเต้นสุดๆ
"พี่กินด้วยกันป่ะ? เดี๋ยวผมชงให้เอง" เซนหันมาชวนพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ
"ไม่เป็นไร พี่เอาแค่โค้กก็พอ..."
"โหยพี่มิก กินเป็นเพื่อนกายหน่อยดิ นานๆ ทีจะมีโอกาสแอบกินแบบนี้" น้องกายเริ่มอ้อน น้ำเสียงอ่อนลงแบบตั้งใจให้ใจอ่อนชัดๆ
ผมหลุดหัวเราะเบาๆ รู้สึกเหมือนกำลังโดนแผนมอมเหล้าอยู่ยังไงไม่รู้"ก็ได้ๆ นิดเดียวพอนะ"
พูดจบก็ยอมยกแก้วตาม ทั้งที่ในใจยังกลัวจะเมาจนหลับไปก่อน เพราะปกติไม่ค่อยแตะของพวกนี้เลย
...
พอเริ่มดึก อากาศก็เริ่มเย็นลงจนต้องนั่งชิดกองไฟ เรายังใช้เตาหมูกระทะมานั่งผิงกันแก้หนาว เสียงไฟแตกเป๊าะแป๊ะดังสลับกับเสียงลมพัดแผ่วๆ ในความมืด
"เริ่มมึนๆ แล้วว่ะจารย์ เหมือนตอนวันที่แผ่นดินไหวแล้วติดลิฟต์เลยอะ..." น้องกายพูดพลางหัวเราะแห้งๆ หลังซัดไปสองสามแก้ว พร้อมกับมาม่าที่ซื้อมา จนตาน้องก็เริ่มปรือๆ
"จะอยู่เค้าดาวน์ถึงเที่ยงคืนไหวป่ะเนี่ย จิ๋ว?" เสียงเซนแซวน้องและขำเบาๆ
"ไหวดิจารย์ ระดับน้องกายละ ฮ่าๆๆ!"
"ว่าแต่เคยติดลิฟต์ตอนแผ่นดินไหวกันด้วยเหรอ?" ผมมองสองคนนั้นพลางยกแก้วขึ้นจิบ ยิ้มบางๆ แบบไม่รู้ตัว
"ใช่พี่ ไอกายไม่เคยเล่าให้พี่ฟังเหรอ?" เซนหัวเราะ พลางเล่าต่ออย่างสนุก "วันนั้นมันร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยพี่ ฮ่าๆๆ"
ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆ และขำในใจ
"โหยยย ก็มันนานแล้วอ่ะ... ลืมหมดละ" กายตอบเสียงยาน รอยยิ้มเอียงๆ บนหน้าแดงๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์
"แล้วออกมากันได้ไงอ่ะ?" ผมถามต่อ พร้อมจิบโค้กผสมเหล้าในแก้ว
"ผมต้องคอยปลอบมัน นั่งรอคนมาเปิดให้อ่ะพี่" เซนพูดพลางจิบเหล้า"แต่วันนั้นมันโวยวายเรียกชื่อพี่ด้วยนะ ‘พี่มิก! ช่วยกายด้วย!!’ ดังลั่นลิฟต์เลย ฮ่าๆๆ"
"ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอกาย" ผมฟังแล้วหัวเราะตามเบาๆ แบบเอ็นดู และรู้สึกดีที่น้องยังคิดถึงผมอยู่ด้วยตอนนั้น
"โถ่ววว อย่าไปเชื่อมันพี่ เซนมันโม้..." น้องหน้าแดงจัดจนดูไม่ออกว่าเพราะเมาหรือเขิน
"โม้ที่ไหนล่ะไอจิ๋ว เค้าจำได้แม่นเลย..." เซนหัวเราะพลางเอื้อมมือไปลูบหัวอีกคนเบาๆ"ต้องนั่งกอดจิ๋วตั้งนานกว่าจะสงบลงได้"
คำพูดนั้นทำให้ผมเงียบไปชั่วครู่มันไม่ใช่ความหึงหวง... แต่เป็นความอุ่นใจแปลกๆเหมือนรู้ว่าน้องกายมีใครสักคนที่อยู่ข้างๆ เวลาที่ผมไม่อยู่ด้วย
"แต่ก็ขอบคุณนะจารย์..." เสียงกายเบาลง นุ่มเหมือนจะละลายในลมหนาว"วันนั้นเค้าเลยรู้สึกดีกับจารย์มากๆ เลย"น้องพูดพลางเลื่อนมือไปกุมมือเซนไว้แน่น ก่อนจะเอนหัวซบไหล่เซนอย่างอ่อนแรง
เซนแค่ยิ้มบางๆ แสงไฟส้มกระทบสองคนนั้นจนเหมือนภาพถ่ายที่อุ่นและเศร้าในเวลาเดียวกัน
ผมนั่งมองอยู่เงียบๆ แทนที่จะรู้สึกหวงอย่างที่เคยกลับมีแค่ความโล่งใจ... เหมือนเห็นคนที่เรารักได้พิงไหล่ใครบางคนที่ไว้ใจได้จริงๆ
เลยแกล้งขยับลุก ปลีกตัวออกมาจากวง ยืมโทรศัพท์น้องกาย บอกว่าจะโทรหาฟิวกับเก้าซะหน่อย เพราะยังไม่ทันได้หามือถือเครื่องใหม่ มาแทนเครื่องที่ผมเพิ่งกระทืบแตกไปอยากรู้ว่าป่านนี้น้องเก้ากับฟิวจะเป็นยังไงกันบ้าง...
...
"ฮัลโหลเก้า เป็นไงบ้างอยู่บ้านฟิวอะ?"ผมปลีกตัวมานั่งคุยโทรศัพท์อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้เต็นท์ เสียงนกร้องเบาๆ กับลมเย็นที่พัดผ่าน ทำให้บรรยากาศรอบตัวนิ่งสงบอย่างประหลาด
"สบายดีครับ ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยครับ" เสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส ฟังแล้วผมก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
"แล้วนี่ทำอะไรอยู่เหรอ?"
"กำลังนอนดูการ์ตูนกับฟิวอยู่ครับ แล้วเที่ยวเขาใหญ่สนุกไหมครับ?"
"ก็ดี เหมือนได้มาพักบ้าง แต่ก็หนาวอยู่เหมือนกันนะ"
"ดีจังครับ แต่ระวังไม่สบายด้วยนะครับ" น้ำเสียงของน้องดูจริงใจและเป็นห่วงจนผมเผลอยิ้มออกมา
"ขอบใจนะเก้า อยู่ได้ใช่มั้ย? พรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้ว"
"อยู่ได้ครับ ไม่ต้องห่วงเลย สวัสดีปีใหม่ด้วยนะครับ"
"สวัสดีปีใหม่เก้า ดูการ์ตูนต่อเถอะ... พี่ไม่กวนละ"
"ได้ครับพี่ กำลังเพลินเลย แค่นี้ก่อนนะครับ"
พอเสียงวางสายจบลง ความเงียบรอบตัวก็กลับมาอีกครั้ง อยู่ๆ น้ำตาผมก็คลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว...ความคิดถึงมันตีขึ้นมาพร้อมกับความเหงาแบบที่อธิบายไม่ถูกเหมือนช่วงเวลานี้… ทุกคนต่างมีคู่ของตัวเองกันหมด เหลือแค่ผมที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว
ลมหนาวพัดผ่านร่างกายท่ามกลางภูเขาที่โอบล้อมอยู่รอบตัว ทำให้ความโดดเดี่ยวมันชัดเจนขึ้นไปอีก ผมนั่งเงียบๆ มองแสงไฟจากเต็นท์ไกลๆ อยู่พักใหญ่ จนโทรศัพท์ดังขึ้น... น้องเซนโทรมา
"พี่มิก กายเรียกอ่ะบอกให้กลับมานั่งด้วยกัน"
ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนลุกขึ้นยืน ปัดเศษใบไม้ที่กางเกง แล้วเดินกลับไปยังแสงไฟตรงจุดที่เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังอยู่... ต้องยอมจำใจกลับไป เพราะไม่อยากให้น้องกายเป็นห่วง
...
ผมยื่นมือถือคืนให้น้องกาย ที่ตอนนี้สภาพดูเมากว่าตอนก่อนออกมาอีก“อ่ะ กาย เอามือถือมาคืน”
“ไปซะนานเลยพี่ แอบไปหา... ที่เอ้าท์ดอร์คนเดียวป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ” เสียงน้องเริ่มอ้อแอ้จนฟังออกว่ามึนจริง
“พูดอะไรของเราเนี่ย? เพ้อใหญ่ละ”
“แต่เค้าว่าบรรยากาศดีแบบนี้... ไปหาเอ้าท์ดอร์กันสามคนดีมั้ยจารย์ ฮ่าๆ...”กายหันไปพูดกับเซนแบบลอยๆ จนน้องเซนหน้าเจื่อนทันที
“บ้าเหรอจิ๋ว เค้าว่าจิ๋วเมาหนักละ ไปนอนก่อนดีมั้ย?”
“ไม่เอา จะนอนได้ไง ยังไม่ได้เค้าดาวน์เลยอ่ะจารย์...”
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหัวเราะจางๆ ออกมา“เฮ้อ... ตอนแรกกะจะมอมพี่ ตอนนี้เมาซะเองแล้วมั้ง”
“ไม่ได้เมาซะหน่อย ไม่เชื่อดูนี่!”พูดจบน้องก็ลุกพรวดขึ้นมายืน เดินโชว์แบบมั่นใจ แต่ยังไม่ทันสองก้าว ร่างก็เซแล้วฟุบลงไปกองบนพื้นหญ้าทันที
“เห้ย จิ๋ว!/กาย!” เซนกับผมร้องพร้อมกัน รีบพุ่งไปดูอาการน้องอย่างไว
ผมประคองหัวน้องไว้บนตัก ตรวจดูว่ามีตรงไหนกระแทกหรือเปล่า ก่อนที่เจ้าตัวจะพึมพำเสียงแผ่ว“บอกแล้ว... ว่าม่ายมาวว...”
เซนส่ายหน้าเบาๆ พลางกลั้นขำ “ไม่เมาก็แย่ละจิ๋ว ไม่น่าให้กินเยอะเลยเนี่ย”
“เซน เปิดเต็นท์ให้หน่อย เดี๋ยวพี่อุ้มมันเข้าไปนอนให้”
“ได้พี่” เซนรีบช่วยเปิดผ้าใบให้ผมอุ้มร่างเล็กๆ ของกายเข้าไปวางตรงกลางเต็นท์อย่างระวัง
“งื้อออ... จารย์... เค้าเงี่ยนอ่ะ... ช่วยหน่อยสิ...”เสียงเพ้อของกายทำเอาบรรยากาศในเต็นท์นิ่งสนิท ผมกับเซนมองหน้ากันนิ่งอึ้งไปชั่วครู่
ผมเลยพูดกลบอารมณ์ “งั้นเซนอยู่เป็นเพื่อนกายไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปเฝ้าหน้าเต็นท์ให้”
“โอเคพี่ เดี๋ยวผมดูเอง” เซนตอบเสียงเบา แล้วหันไปจัดผ้าห่มให้น้องต่อ
ผมออกมานั่งข้างนอก ปล่อยให้ลมหนาวปะทะหน้า ยกแก้วขึ้นจิบช้าๆ แล้วมองเปลวไฟจากเตาเล็กตรงหน้า... พยายามไม่คิดถึงประโยคเมื่อกี้ ที่ได้ยินจากปากน้องชายตัวเอง
แต่ยิ่งพยายามไม่คิด มันกลับยิ่งชัดขึ้นในหัวอยู่ๆ ก็ตัวสั่นเพราะคืนนี้อากาศหนาว... หรือเพราะผมรู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มเป็นส่วนเกินกันแน่
...
ระหว่างที่ผมนั่งผิงไฟชิลๆ อยู่หน้าเต็นท์ สักพักน้องเซนก็เปิดผ้าเต็นท์ออกมา พร้อมถือแก้วในมือเดินมาด้วย
“ขอนั่งดื่มด้วยคนนะพี่?” น้องพูดพลางยกแก้วให้ดู
“ได้ๆ ตามสบายเลย” ผมขยับเก้าอี้ปิกนิกให้น้องมานั่งข้างๆ จะได้อังไฟได้ถนัด“แล้วยังไม่นอนเหรอ?”
“ยังไม่ง่วงเลยพี่ แต่กายมันหลับปุ๋ยไปละ”
“เค ขอบใจที่ช่วยดูมันให้นะ” ผมพูดพร้อมยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ
“ไม่เป็นไรพี่ แต่พี่ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่กายมันพูดเมื่อกี้นะ ผมไม่ได้ทำอะไรน้องพี่เลย”เซนพูดจริงจังขึ้นนิด เหมือนกลัวผมจะเข้าใจผิด
“อ๋อ ไม่ได้คิดมากหรอก” ผมยิ้มบางๆ “จริงๆ เราเป็นแฟนมัน จะทำอะไรก็สิทธิ์ของเราอยู่แล้วแหละ”
“โหย... ผมก็มีเกรงใจบ้างนะพี่ ยิ่งกายมันเคยบอกว่าพี่หวงมันมากด้วย” เซนหัวเราะแห้งๆ แล้วกระดกเหล้าอึกใหญ่
ผมหลุดหัวเราะเบาๆ “ก็ห่วงตามประสาพี่น้องนั่นแหละ แต่ถ้ากายมันเลือกแล้ว พี่ก็เชื่อว่ามันเห็นอะไรดีในตัวเซนแน่ๆ”
“พี่ก็พูดเกินไปละ ฮ่าๆ” เซนหัวเราะกลบความเขิน เหมือนเริ่มกรึ่มขึ้นนิด
“ว่าแต่... ทำไมกายถึงเรียกเซนว่าจารย์อ่ะ?” ผมยกแก้วจิบ แล้วแกล้งถามต่อ
“อ๋อ ช่วงนึงมันชอบเรียกผมว่าเซนเซย์อ่ะพี่ เพราะผมชอบสอนมันนู่นนี่ไปเรื่อย” เซนพูดพลางหัวเราะ “เลยติดเรียกว่า ‘จารย์ๆ’ มาจนทุกวันนี้”
“ฮ่าๆ เออดูน่ารักดี แล้วที่เซนเรียกกายว่าจิ๋วล่ะ?”
“ก็เห็นมันตัวเล็กดีเลยเรียกแบบนั้นอ่ะพี่” เซนยักคิ้ว “ไม่ใช่แค่ตัวเล็กนะ... ไอนั่นก็เล็กด้วย ฮ่าๆๆ”
"ฮ่าๆ ก็ช่างคิดได้เนาะ" ผมถึงกับหลุดขำออกมา
“แซวมันขำๆ นะพี่ อย่าโกรธนะ ฮ่าๆๆ” เซนยังหัวเราะไม่หยุด ดูเริ่มกรึ่มเต็มตัวละ
“ไม่โกรธหรอก น่ารักดี” ผมตอบยิ้มๆ พลางยกแก้วขึ้นดื่มอีกอึก
ไม่รู้เพราะลมหนาวหรือเพราะแอลกอฮอล์ในเลือด มันเลยทำให้รู้สึกเหมือนคืนนี้อุ่นขึ้นอีกนิด... ถึงจะมีความเงียบแปลกๆ ลอยอยู่ระหว่างเราก็ตาม
...
เรานั่งดื่มกันต่อสักพัก ฟังเสียงเพลงเบาๆ จากเต็นท์ข้างๆ คลอไปกับเสียงจิ้งหรีด เสียงหัวเราะของคนรอบลานผสมกับลมเย็นๆ พอดี จนความเมาเริ่มซึมเข้ามาทีละนิด
ผมเลยกล้าถามในสิ่งที่อยากรู้มาตลอด... จากคนที่น้องชายผมเลือกจะฝากหัวใจไว้ด้วย
“แล้วเซนไปเจอกายมันได้ยังไงเหรอ?”
“อ๋อ เจอกันตอนเรียนพิเศษอ่ะพี่ ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว”
“แล้วทำไมถึงชอบมันล่ะ?” ผมถามต่อแบบตรงๆ
“โหย พี่นี่ถามลองใจเลยป่ะเนี่ย?” เซนหัวเราะแก้เขิน หน้าแดงเพราะเหล้ากับอายปนกัน “ก็อยู่ด้วยแล้วสบายใจดี มันตัวเล็ก น่ารักดีด้วย... น่าถนุถนอม”
ผมยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “แปลว่าเซนก็ชอบผู้ชายอยู่แล้วเหรอ?”
“ตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอกพี่ แต่พออยู่กับมันไปเรื่อยๆ มันใช่อ่ะ ก็เลยตัดสินใจขอกายคบเลย” น้ำเสียงน้องมันนิ่งแต่ชัดเจน เหมือนคนที่พูดจากใจจริง
ผมเผลอยกแก้วขึ้นกระดกอีก “อ๋อ แบบนี้นี่เอง...”
“นี่พี่คิดว่าผมจะมาหลอกฟันน้องพี่ใช่ป่ะ ฮ่าๆๆ” เซนหัวเราะออกมาเหมือนรู้ทัน
“ก็มีแอบคิดบ้างแหละตอนแรก” ผมขำเบาๆ ตามไปด้วย
“แต่ผมรักมันจริงนะพี่ กว่าจะจีบได้ไม่ง่ายเลยนะ”
“ขนาดนั้นเชียว?”
“จริงพี่ ถึงไอกายมันจะดูติ๊งต๊อง แต่เอาเข้าจริงมันก็โคตรมีมุมจริงจังเลยนะ”
“จริงจังยังไงอ่ะ?”
“มันเคยชวนผมไปตรวจโรคก่อนคบกันด้วยนะ” เซนพูดเสียงเรียบแบบจริงจัง
“ห้ะ... ตรวจทำไมอ่ะ? กายมันไม่เคยเล่าเลย” ผมอึ้งไปนิด
“มันบอกจะได้สบายใจกันทั้งคู่ กับเพราะกังวลเรื่องตอนเด็ก กับแฟนเก่าของแม่มันด้วย”
“อ๋อ... กายมันเล่าเรื่องนั้นให้ฟังด้วยเหรอ?”
“ครับ แล้วมันยังบอกว่าพี่เป็นคนช่วยให้แม่มันหลุดออกมาจากคนคนนั้นด้วย” เซนพูดยิ้มๆ เหมือนมองผมด้วยความเคารพ
ผมนิ่งไปสักพัก ก่อนตอบเบาๆ “ช่วงนั้นพี่ก็ทะเลาะกับมันหนักอยู่... แทบไม่ได้คุยกันเป็นปีเลย”
“ผมเข้าใจพี่เลยนะ ถ้าเป็นผมก็คงทำแบบพี่แหละ ยังไงก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันอยู่กับคนแบบนั้น”เซนพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจจนผมเผลอหันไปสบตา แล้วรู้สึกไว้ใจน้องมันขึ้นมาจริงๆ
“งั้นฝากดูแลน้องชายพี่ด้วยนะ อย่าทำให้มันเสียใจล่ะ” ผมยิ้มตอบบางๆ
“สัญญาเลยพี่ ผมจะดูแลมันให้ดีที่สุด”
น้องยกแก้วมาชนผมเบาๆ เสียงแก้วกระทบกันดัง “กริ๊ง” ก่อนที่เราจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
หลังจากนั้น... ทุกอย่างเริ่มเบลอ เสียงเพลง เสียงลม เสียงหัวเราะค่อยๆ จางลง เหลือแค่แสงไฟจากกองถ่านที่ค่อยๆ มอดไปภาพสุดท้ายที่จำได้คือเซนยังนั่งอยู่ข้างๆ... ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะดับวูบตัดหายไปในความมืดของคืนปีใหม่
...
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนหัวหนักจากการเมาค้าง ลืมตาขึ้นก็เจอเพดานเต็นท์อยู่ตรงหน้า เสียงลมยามเช้าพัดลอดเข้ามาเบาๆ
ผมขยับตัวนิดนึงถึงรู้ว่าตัวเองยังอยู่ในเต็นท์จริงๆ ไม่ได้ฝันไป แต่ความรู้สึกแปลกๆ มันตีขึ้นมาทันที
ข้างๆ ผมมีน้องกายนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม ส่วนถัดออกไปก็เป็นเซน แฟนของน้อง...ผมรู้สึกหวิวแปลกๆ เหมือนใจมันเต้นผิดจังหวะ พอเอื้อมมือไปเปิดผ้าห่มดูเท่านั้นแหละ... ภาพตรงหน้าทำเอาผมช็อกแทบลืมหายใจ
เราสามคน... นอนแก้ผ้าล่อนจ้อนกันหมด!
ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง หัวสมองมึนตื้อ พยายามรวบรวมสติอย่างสุดชีวิต“กายๆ ตื่น ใส่เสื้อผ้าก่อน...” ผมเรียกเสียงสั่น รีบคว้าเสื้อผ้าข้างตัวมาสวมแบบลวกๆ ทั้งที่ยังนอนอยู่ เพราะกลัวคนข้างนอกจะมาเห็น
พอจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก็รู้สึกเหมือนโลกหมุน หัวมันหนักจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ผมเลยต้องนอนแต่งตัวให้น้องกายต่อ ทั้งๆ ที่มึนจนมือสั่น ได้ยินเสียงเซนขยับตัวเบาๆ หยิบเสื้อผ้ามาใส่เองเหมือนกับจะตื่นแล้วอีกคน

ผมพยายามนึกให้ได้ ว่าหลังภาพตัดไปเกิดอะไรขึ้นกันแน่... ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่ผมคิดเลย...
...
ความจำเริ่มค่อยๆ ไหลกลับมาเป็นภาพรางๆ เหมือนเทปเก่าที่เปิดช้าๆ ผมจำได้ว่าเข้ามานอนในเต็นท์พร้อมเซน แต่ไม่นานน้องกายก็งัวเงียลุกขึ้นมาบ่นเสียงงอแง“พี่... ปวดฉี่ พาไปหน่อย...”
“เดี๋ยวพี่พาไอกายไปห้องน้ำก่อนนะ...” ผมหันไปบอกเซนที่ตอนนั้นเริ่มล้มตัวนอนเหมือนเมาหนักเต็มที
“ได้พี่...” เสียงเซนตอบเบาๆ แบบกึ่งหลับกึ่งตื่น
ผมพยายามประคองสติที่เหลืออยู่ พาน้องกายเดินเซๆ ไปที่ห้องน้ำสาธารณะใกล้ๆ พอถึงก็ยืนฉี่ข้างกันแบบแทบพิงโถ เพราะเมากันทั้งคู่
แต่จู่ๆ น้องกายก็อ้วกพรวดออกมาเป็นเส้นมาม่าเต็มโถแบบไม่ทันตั้งตัว!
“เฮ้ย! กาย!” ผมรีบเข้าไปประคอง ไม่ให้น้องล้ม แต่ก็โดนอ้วกใส่เสื้อเต็มๆ... กลิ่นเหล้ากับอาเจียนตีเข้าจมูกแรงจนแทบอ้วกตาม ผมเลยพาน้องไปล้างหน้า ล้างตัว ล้างคราบอ้วกออกแบบลวกๆ จนชุดเปียกน้ำกันทั้งคู่
พอกลับมาถึงเต็นท์ ผมรีบพูดทั้งที่ยังเวียนหัว“กายมันอ้วกอ่ะ ช่วยพี่เปลี่ยนชุดให้มันหน่อยดิเซน”
“ได้พี่...” เซนขยับตัวลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย แล้วช่วยถอดเสื้อผ้าน้องกายออกจนเหลือแต่กางเกงใน ส่วนผมก็ถอดเสื้อเปียกๆ ของตัวเอง หาตัวใหม่มาใส่แทน แล้วเอาไปตากรวมกับของน้องกายไว้นอกเต็นท์
ตอนนั้นเองผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย... ที่ตื่นมาเห็นเราแก้ผ้ากัน คงเพราะต้องเปลี่ยนชุดให้กันแบบนี้ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปอย่างที่ผมกลัว
แต่แล้วก็สะดุดขึ้นมาอีกคำถาม...ทำไมเซนถึงแก้ผ้าเหมือนกันล่ะ? หรือว่าน้องจะอ้วกตาม?...
ผมพยายามนึกต่อ แต่หัวมันมึนจนปวดตุบๆ เหมือนสมองกำลังจะระเบิดอยู่ในหัว...
...
ความจำเริ่มกลับมาอีกนิด... ภาพเลือนราง คือผมนั่งบิดผ้าชุบน้ำ เช็ดตามแขนขาน้องกายอย่างเบามือ กลิ่นอ้วกเริ่มจางลง เหลือแต่กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ลอยอยู่ในเต็นท์
พอเช็ดจนสะอาดดี ผมกับเซนก็ช่วยกันหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้น้อง แต่เจ้าตัวกลับงอแงไม่ยอมง่ายๆ
“ไม่เอาา... ไม่ใส่ จะนอนแบบนี้...” เสียงอู้อี้เบาๆ ดังขึ้นใต้ผ้าห่มที่ขยับนิดๆ เหมือนคนยังมึนอยู่
“ไม่ได้ดิจิ๋ว เดี๋ยวไม่สบาย มาๆ ยกแขนขึ้น” เซนพยายามอ้อน แต่ก็แอบมีน้ำเสียงเหนื่อยๆ ปนขำ
“ไม่เอา... มันอึดอัดอ่ะจารย์... แค่ห่มผ้าก็พอแล้ว” กายพูดพลางดึงผ้าห่มคลุมตัวแน่นขึ้นอีก
“งั้นปล่อยไว้อย่างงี้ก่อนแหละ เดี๋ยวรอมันหลับ พี่ค่อยใส่ให้ทีหลัง เซนนอนเลยก็ได้” ผมมองทั้งคู่แล้วถอนหายใจยิ้มๆ
“ก็ได้พี่...” เซนตอบเสียงเบา เหมือนยอมจำนนแบบหมดแรงแล้ว
บรรยากาศในเต็นท์เงียบลง เหลือแค่เสียงลมหายใจของเราสามคน กับเสียงลมเบาๆ พัดผ่านจากข้างนอก... จนอยู่ๆ เสียงงอแงของเจ้าเดิมก็ดังขึ้นอีกรอบ“จารย์... เค้าขอกอดหน่อย...”
“บอกแล้วให้ใส่เสื้อ จะได้ไม่หนาวไงจิ๋ว” เซนขยับตัวเข้าไปกอดแฟนอย่างอ่อนโยนแต่ก็ยังบ่น
“ก็เค้าอยากกอดอ่ะ...” แล้วอยู่ๆ น้องกายก็หันมาทางผม “ขอกอดพี่มิกด้วยได้มั้ย? มาๆ กอดกัน~” มืออุ่นๆ เอื้อมมาจับแขนผมไว้แน่น
“เป็นไรเนี่ยกาย ยังไม่หายเมาอีกเหรอ?” ผมชะงักไปนิดนึง และแกล้งถามแซวเบาๆ
“ไม่ได้เมาซักหน่อย แค่อยากมีคนกอดอุ่นๆ เองอ่า...” เสียงนั้นอ่อนลงจนแทบกลายเป็นเสียงละเมอ
ผมเลยยอมก้มลงกอดเอวน้องเบาๆ กะให้หลับก่อน แล้วค่อยปล่อยทีหลัง... อุณหภูมิในเต็นท์อุ่นขึ้นแปลกๆ ทั้งจากลมหายใจและความเหนื่อยที่ค้างอยู่ในร่าง
“นอนได้แล้วจิ๋ว... เค้าก็เริ่มง่วงแล้ว” เสียงเซนพูดพลางลูบหัวน้องกายเบาๆ เหมือนกล่อมเด็กให้หลับ ส่วนผมก็ได้แต่นอนนิ่ง ปล่อยให้ความเงียบค่อยๆ กลืนทุกอย่างไปพร้อมความเมาที่ค่อยจางลงทีละนิด...
"อืมม... รู้สึกดีจัง... รักทั้งสองคนมากๆ เลย" เสียงน้องกายยังคงนอนเพ้อ เหมือนละเมอเบาๆ
...
อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนมีมือกุมขยำแถวเป้าของผมทำเอาแทบสะดุ้ง เด้งตัวหนีทันที
"ทำไรของกายเนี่ย?" ผมคว้าข้อมือน้องไว้ให้หยุดจับของผม
"กายอยากลองมีอะไรกับพี่พร้อมกับเซนอ่ะ ได้มั้ย?..." น้องถามนิ่งๆ น้ำเสียงเริ่มจริงจังขึ้นจนผมแอบขนลุก
"ว่าไงนะจิ๋ว?" เซนก็ดูตกใจไม่แพ้กับผม
"นะจารย์ จารย์กับพี่มิกเป็นสองคนที่เค้ารักมากที่สุดในโลกแล้ว เค้าอยากลองสักครั้งได้มั้ย?"
"กายเมาจนเพ้อละ ใครจะไปทำแบบนั้นได้?" ผมพยายามพูดเรียกสติน้อง
"ได้ดิพี่ กายเคยเห็นในคลิปอยู่อ่ะ... นานๆ จะมีโอกาสแบบนี้อ่ะ ขอลองนะ..."
ผมกับเซนมองหน้ากันในความมืด ไม่รู้จะทำตัวยังไงต่อเลยพอได้ยินกายมันขอแบบนั้น...
"นะที่รักก... คืนนี้เค้าขอลองสักครั้งนะ..." น้องหันไปอ้อนเซนอีกครั้ง เหมือนเซนจะนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร มือกายค่อยๆ โอบกอดคอเซน ก่อนจะดึงหน้าลงมาจูบกันในความมืดต่อหน้าผมเป็นครั้งแรก ทำเอาผมเผลอหวงน้องไปแบบไม่รู้ตัว
"อย่าดิจิ๋ว... เดี๋ยวก็อ้วกอีกหรอก..." เซนปฏิเสธแบบเสียงเคลิ้มสุดๆ
น้องหยุดจูบหันมาอ้อนผมต่อ "งั้นขอจูบพี่บ้าง... รักพี่มิกมากนะ"
น้องยื่นปากมาประกบจูบผมต่ออีกคน ได้กลิ่นเหล้าติดมานิดๆ ทำผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เหมือนโดนมนต์สะกดของน้องทำเอาเคลิ้มตามไปด้วย
"นี่กายตัวจริงใช่มั้ย?" ผมพยายามดันตัวน้องออก เพื่อถามให้แน่ใจอีกครั้ง
"ตัวจริงสิพี่... พี่เป็นคนสอนกายทุกอย่างตอนเด็กไง จำได้มั้ย?" น้องพูดพลางขยำเป้าผมไปด้วย จนมันเริ่มแข็งสู้มือน้องแล้ว
น้องดึงตัวเซนเข้ามาจูบปากกันต่อแบบนัวเนียกันสามคน ลิ้นเราตวัดโดนกันมั่วไปหมด แยกไม่ออกแล้วว่าลิ้นใครเป็นลิ้นใคร เหมือนทั้งผมและเซนต้องยอมจำนนกับลีลาจูบของน้องกายจนดิ้นไม่หลุดกันทั้งคู่ ทั้งความเคลิ้มและความเมาผสมกันมั่วไปหมดแล้วตอนนี้
ผมแลกลิ้นจูบปากน้องกายอย่างดูดดื่มอยู่สักพัก อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกางเกงถูกดึงลง มีมือนุ่มๆ ควักเอาแท่งควยที่แข็งเต็มที่ของผมออกมา ครอบด้วยปากอุ่นๆ อมจนมิดด้าม
ก้มหน้าลงดูก็ต้องถึงกับผงะ เพราะน้องกายกำลังดูดของผมอยู่อย่างเอร็ดอร่อย แสดงว่าที่ดูดปากกันอยู่เมื่อคู่เหลือแค่เพียงน้องเซนกับผมแล้ว
"อืมมม... ปากจิ๋วนุ่มจัง..." น้องเซนยังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบของผม โดยยังคงคิดว่าจูบกับน้องกายอยู่ คงเพราะความมืด และมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วย
ผมเลยต้องเลยตามเลย ดูดปากไปกับน้องต่อเรื่อยๆ ไม่คิดมาก่อนว่าเด็กหนุ่มชื่อเซนจะมีลีลาจูบที่เร่าร้อนมากขนาดนี้ ถึงว่าน้องกายเลยดูติดแฟนคนนี้มาก
กายเริ่มควักของเซนออกมาอมคู่กับของผมอีกแท่ง เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นของเซนแม้จะอยู่ในความมืด แต่ยังพอเห็นเป็นลำขาวๆ ขนาดใหญ่พอๆ กับของผมเลย
ผมถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าปากเล็กๆ ของน้องกายจะรับได้สองอันจนแก้มบวมเป่งเหมือนอมลูกมะนาวอยู่สองลูก พอเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งทำให้มีอารมณ์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
"อื้มม... ซี้ดดด... เสียวมาก... อ่าา..." เซนเริ่มผละปากออกจากจูบมาครางเสียงเบาๆ คงเสียวจากการโดนดูดพร้อมไปกับผมแบบนี้ ทำเอาน้องนอนดิ้นไปมาเหมือนจะทนความเสียวของลิ้นน้องชายผมไม่ไหว จนต้องนอนตะแคงกอดตัวหน้าซุกกับอกผมไว้แน่น
ผมกอดปลอบเซนไปด้วย พลางก้มลงดูเห็นน้องกายยังคงสนุกกับการใช้ลิ้นเลียตวัดรอบหัวควยของแฟนและพี่ชายตัวเองพร้อมกันจนมันแผล่บไปทั้งแท่งแล้ว
เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ น้องกายเริ่มจับผมนอนหงายถอดเสื้อออก และขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวผม
"จารย์... มานี่หน่อย" น้องกายดึงแขนเซนให้ลุกขึ้นมาดูดปาก และถอดเสื้อออกตามผมไปอีกคน จนตอนนี้เราสามคนแก้ผ้ากันครบทุกคนจริงๆ แล้ว
"เวลาจิ๋วเมาแล้วเงี่ยนละโคตรน่ารักเลย... อ่าา..." ได้ยินเสียงเซนชมน้องกายเบาๆ ระหว่างจูบกันไปด้วย
"ถ้าน่ารัก ก็จัดเค้าเลยจารย์... " พอน้องกายเชื้อเชิญเท่านั้น เซนไม่รอช้าเลื่อนไปโอบตัวคร่อมอยู่ด้านหลังน้องกายทันที
น้องกายจับเอาแท่งของผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายพยายามยัดเข้าไปในรูแน่นๆ ของน้อง โดยมีเซนใช้ลิ้นเลียตามร่องไปด้วย ช่วยให้ยัดเข้าได้ง่ายขึ้น มีจังหวะที่ลิ้นน้องตวัดโดนแถวลำของผมแล้วมันเพิ่มความเสียวให้ผมมาก
เซนพยายามใช้มือแหวกรูให้ขยาย และจับแท่งตัวเองยัดเสียบคู่เบียดกันเข้ามาอีกคน จนท่อนลำของเราทั้งคู่แนบติดกันอยู่ในรูอุ่นๆ ของน้องกาย เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ไม่คิดว่าน้องจะรับสองควยพร้อมกันได้แบบนี้มาก่อนด้วย
"อืมมม.... อ่าาา... รู้สึกดีมาก..." น้องกายครางพร้อมกับขย่มควยผมขึ้นลงเบาๆ
"โอยย... ซี๊ดดด... แน่นมาก..." ผมจับเอวน้องโยกรับไปด้วยช้าๆ ใช้จังหวะเดียวกับเซนที่กำลังกระเด้าแฟนตัวเองจากด้านหลังไปด้วยอีกคน เสียวแบบสุดๆ ที่โดนตอดรัดแน่นไปพร้อมกับควยอุ่นๆ ของเด็กหนุ่มที่ชื่อเซน
น้องกายเหมือนจะทนไม่ไหว ต้องก้มหน้าลงมาดูดปากแลกลิ้นกับผมที่นอนหงายอยู่ไปด้วย ส่วนด้านหลังเห็นเซนกำลังไซร้ตามซอกคอขาวๆ ของน้องแล้วยิ่งได้อารมณ์ขึ้นไปใหญ่
"อ่ะๆๆ... อ่าา... เสียวมากจิ๋ว... อืมม..." เซนครางถึงแฟนตัวเอง แล้วเริ่มเร่งจังหวะโยกดันควยเข้าออกรูลื่นๆ ไวขึ้น จนตัวน้องก็โยกของผมตามไว้ขึ้นไปด้วย
เรารุมเอาตูดน้องกายกันแบบนี้อยู่สักพัก จนได้ยินเหมือนเสียงพลุดังกึกก้องอยู่ภายนอกเต็นท์ ยิ่งช่วยกลบเสียงครางของเราสามคน คงเป็นช่วงเค้าดาวน์ขึ้นปีใหม่พอดี แต่ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ขอมีความสุขไปกับร่างกายของน้องตัวเองก็พอ
"อ่าา... จะแตก... เค้าจะแตกแล้วจิ๋ว...ซี้ดดด..." น้องเซนรัวกระแทกบดควยผมในรูอยู่สักพัก จนผมรู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นพุ่งไหลอยู่ข้างในนั้นจนเยิ้มเต็มท่อนควยผมไปหมด แสดงว่าเซนแตกก่อนแล้วเป็นคนแรกแล้ว
เสียงพลุ 'ปุ้งๆ ปั้งๆ' ยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง ผมเลยไม่รอช้ากระแทกควยใส่ตูดน้องรัวๆ ด้วยความลื่นจากน้ำของเซน บดเสียดสีกันจนควยผมแทบละลาย จับร่างน้องกายกระแทกคาไว้ปล่อยน้ำว่าวฉีดพุ่งเข้าไปเต็มแรงผสมกันจนไหลเยิ้มทะลักออกมาจากรูสวรรค์ของน้องกาย
"อื้มมม... เสียวมากก... แตกแล้วว... อ้าาา..." น้องกายคงเสียวแบบสุดขีด น้ำพุ่งแตกเองออกมาจากปลายควยแบบไม่ต้องชัก ไหลเยิ้มเต็มหน้าท้องผม จนหัวควยเล็กๆ ของน้องกระตุกหงึก หงักอยู่เบาๆ
เซนค่อยๆ ดึงควยออกจากรู จนผมเพิ่งรู้ว่ารูน้องขยายกว้างได้ขนาดนี้ ผมก็ดึงออกตามช้าๆ เหมือนตอนนั้นของน้องหลวมไปหมดแล้ว
"รักทั้งสองคนมากๆ เลยนะ..." น้องกายพูดอย่างหมดแรง นอนหอบเหนื่อยเหงื่อเต็มตัวอยู่ตรงกลาง
"พี่ก็รักกายนะ..." ผมนอนก่ายขาน้อง แทบจะหมดแรงไปอีกคน
"รักจิ๋วเหมือนกันนะ..." เสียงเซนที่นอนอยู่อีกฝั่ง ก็ดูเหนื่อยหอบไม่แพ้กัน มือกอดตัวน้องกายไว้แน่น
เสียงพลุค่อยๆ จางหายไปกับลมกลางคืน ดอกสุดท้ายดับลงพร้อมกับแสงไฟในเต็นท์ที่เหลือเพียงเงาเราสามคนซ้อนทับกันอยู่ใต้ผ้าห่ม
ร่างกายเริ่มผ่อนลงทีละนิด เหลือแค่เสียงหายใจเบาๆ ที่ประสานกันในจังหวะเดียว
ไม่รู้ว่าผมหลับไปตอนไหน รู้แค่ว่าหัวใจมันเงียบ... แต่เต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่อบอุ่นอยู่ข้างใน
ความสุขแบบนี้มันประหลาด... ทั้งอิ่ม ทั้งเหงา ทั้งโล่งในเวลาเดียวกันเหมือนสิ่งที่ติดค้างอยู่ระหว่างผม น้องกาย และเซน... มันถูกปลดล็อกออกไปพร้อมกันทั้งหมด
จนไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนเป็นแค่ผลของเหล้ากับความเหงา... หรือบางทีมันอาจเป็นสิ่งที่เราต่างต้องการจริงๆ
คืนข้ามปีนี้เลยกลายเป็นคืนที่ผมจะไม่มีวันลืม...
อาจไม่ใช่คืนที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่เป็นคืนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผมกับน้องกายเลยก็ว่าได้........อ่านตอนต่อไป...>>ตอน 15 - สานสัมพันธ์สามพี่น้อง<<

nuangnut1996 โพสต์ 2025-10-26 22:50:51

สนุกมากครับ

Magis โพสต์ 2025-10-26 22:58:43

โหยยย อย่างเสียวอะ

iudmok โพสต์ 2025-10-26 23:40:12

ขอบคุณครับ

sunsetblvd โพสต์ 2025-10-27 00:09:47

ขอบคุณครับ

pppoi โพสต์ 2025-10-27 01:07:20

จะมีอีกรอบไหมนะ กับ สามคนนี้ ขอบคุณนะครับ รอติดตามนะ

asdfghjkl โพสต์ 2025-10-27 06:16:00

ขอบคุณ

lekthai โพสต์ 2025-10-27 06:29:48

ขอบคุณนะคะรับ

rokza055 โพสต์ 2025-10-27 10:32:48

ชอบมากๆนะครับ สนุกมาก แอบสงสารมิก นะ
รอ วันที่ไครเข้ามาทำให้ มิกยิ้ม

watsana โพสต์ 2025-10-27 15:37:12

เสียวมากเลยครับ อยากให้จัดหมู่ อีกครั้งสำหรับสามคนนี้ เอาแบบไม่เมานะครับ ขอบคุณครับ

princelittel โพสต์ 2025-10-27 18:35:58

ขอบคุณครับ

jojoezaza โพสต์ 2025-10-27 19:06:05

ขอบคุณครับ

jojoezaza โพสต์ 2025-10-27 19:06:14

ขอบคุณครับ

Aa89 โพสต์ 2025-10-27 21:51:06

อยากอ่านต่อแล้วอ่าาา

being2be โพสต์ 2025-10-28 00:14:47

เขียนดีมากๆ ครับ รออ่านตอนต่อไปนะครับ

being2be โพสต์ 2025-10-28 00:14:50

เขียนดีมากๆ ครับ รออ่านตอนต่อไปนะครับ

LUCKYPEE โพสต์ 2025-10-28 00:57:20

ขอบคุณครับ

LUCKYPEE โพสต์ 2025-10-28 00:57:27

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LUCKYPEE เมื่อ 2025-10-29 22:03

ขอบคุณครับ

ขอ 3 คน นี้อีกรอบตอนไม่เมา(หรือ 4 รวมฟิว )    ก่อนที่ เชนจะกลับญี่ปุ่น

watsana โพสต์ 2025-10-28 09:45:26

watsana ตอบกลับเมื่อ 2025-10-27 15:37
เสียวมากเลยครับ อยากให้จัดหมู่ อีกครั้งสำหรับสามคนนี้ เอาแบบไม่เมานะครับ ขอบคุณครับ

จัดเต็มไปก่อนเลยครับ

66beelee99 โพสต์ 2025-10-28 15:17:13

รอติดตาม ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: ความลับกับเด็กที่ถูกมองข้าม ตอน 14 - เสียวกันยันข้ามปี