เสือจิ่ง ตอน เสือหงอย (แนวโจรดิบเถื่อน) 8
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-10-25 11:42หลังจากหยุดพักใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วดื่มน้ำกันคนละอึก เสือจิ่งกับภูผาก็ออกเดินทางต่อ โดยไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นอีก
ความเงียบที่ตามมาไม่ใช่เพราะเหนื่อย…แต่มันคือระยะห่างที่จงใจ
ภูผาเดินนำหน้า ไม่เดินเคียงข้าง ไม่หันมาสบตา
เสือจิ่งที่เดินตามหลัง เงียบเช่นกัน...แต่ภายในกลับโคตรไม่สงบ
ไอ้นี่มันเป็นอะไรของมันวะ เงียบเป็นเป่าสาก
เมื่อเช้ายังป้อนมันเผาให้กูอยู่เลย นี่อะไร อยู่ดี ๆ เงียบเฉย แถมเดินเร็วไม่รอกูอีก
พอเริ่มใกล้หมู่บ้านเข้าไปทุกที ความคุ้นตาก็เริ่มกลับมา เสียงหมาเห่า เสียงฝีเท้าม้า และกลิ่นควันไฟจากเตาหุงข้าวลอยมาแตะปลายจมูก
ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าเขตหมู่บ้าน เสียงโห่ร้องกับเสียงฝีเท้าวิ่งดังขึ้นจากทุกทิศ ลูกน้องของเสือจิ่งนับสิบกรูกันเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและดีใจ
“ลูกพี่!!”
“หายไปไหนมา!! พวกฉันตามหาพี่ทั้งวันทั้งคืน!!”
เสียงโหวกเหวกปนกันไปหมด มีทั้งคนที่แทบจะร้องไห้ และคนที่รีบเข้ามาประคองแขนเขาอย่างห่วงใย
เสือจิ่งนิ่งอยู่กลางวงนั้น เหลือบมองผ่านไหล่ของพวกลูกน้องออกไปทางข้างหลัง แต่ไม่เห็นภูผาแล้ว
เขาเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ...เจออีกฝ่ายยืนอยู่ไกล ๆ นอกกลุ่มคน
ภูผายืนอยู่เงียบ ๆ ใต้เงาไม้ ไม่พูดอะไร ไม่แสดงสีหน้า ไม่สบตากับใครทั้งนั้น
เขายืนอยู่ในที่ของเขา เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปเงียบ ๆ มุ่งหน้ากลับบ้านตัวเองอย่างคนที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก
พอภูผากลับถึงบ้าน พ่อครูซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของเขาก็กำลังนั่งเตรียมยาอยู่หน้าชานบ้าน เงยหน้าขึ้นมามองเพียงแวบเดียวแล้วถามเสียงเรียบ
“หายหัวไปไหนมา”
ภูผาไม่ตอบ เขาเดินไปวางของเงียบ ๆ แล้วนั่งลงข้าง ๆ เหมือนไม่ได้ยินคำถาม
พ่อครูไม่ว่าอะไรอีก แค่ถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเหมือนไม่ได้คาดหวังคำตอบ
“เออ…ถามไปก็เท่านั้น มึงมันก็เป็นแบบนี้แหละ ตั้งแต่เล็กจนโต”
หลายวันผ่านไป เสือจิ่งกับภูผาก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย
ไม่ใช่เพราะหมู่บ้านใหญ่จนเดินสวนกันไม่เจอ แต่เพราะภูผามัน "หายหัวไปเลยจริง ๆ"
มันเงียบจนผิดปกติ และนั่นแหละ...ที่น่ารำคาญฉิบหาย
เสือจิ่งนั่งพิงเสากระท่อมในที่พักของตัวเอง มือถือมีดเล็ก ๆ เอาไว้เฉาะอะไรเล่นไปเรื่อย แต่ใจกลับไม่จดจ่อกับอะไรเลย
เขาหลุดเหม่อบ่อยขึ้น เงียบกว่าปกติ และหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ จนลูกน้องเริ่มไม่กล้าเข้าใกล้
มึงจะเงียบไปถึงเมื่อไรวะ ไอ้เวร
หรือว่าคิดมากกับที่กูพูดวันนั้น?
ก็แค่พูดตรง ๆ ตามความจริง กูผิดตรงไหน
...แต่ก็ไม่ได้อยากให้มึงหายไปขนาดนี้เหมือนกัน
อยู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมา เดินปึงปังออกจากที่พัก มุ่งหน้าไปทางบ้านของพ่อครู ใช่...พ่อของไอ้ภูผานั่นแหละ
ในหัวก็คิดวนไปมาอยู่แบบนั้น จนต้องหา "ข้ออ้าง" สักอย่าง
พอเดินไปถึงหน้าบ้านไม้บนเนิน เสือจิ่งก็มองซ้ายมองขวา ก่อนจะเคาะเสาไม้เบา ๆ
“พ่อครูอยู่มั้ยจ่ะ”
เสียงขยับตัวจากในบ้านดังขึ้นไม่ช้า พ่อครูเดินออกมาช้า ๆ ก่อนจะยืนพิงประตู แล้วมองลงมา
“มีอะไรหรือเอ็ง”
เสือจิ่งยกมือแตะแขนตัวเองเบา ๆ “ฉันจะมาขอให้พ่อครูช่วยเป่าแผลให้หน่อยจ่ะ มันยังเจ็บ ๆ อยู่”
พ่อครูหรี่ตาลงนิดหนึ่ง ไม่พูดอะไรสักพัก ก่อนจะพยักหน้าแล้วผายมือเชื้อเชิญ
“เอ็งก็ขึ้นมาเถอะ ข้าจะเป่าให้”
เสือจิ่งย่อตัวก้าวขึ้นเรือนไปนั่งเรียบร้อย ยื่นแขนออกไปอย่างว่าง่าย แต่ในใจ…เหลือบตามองไปรอบบ้าน
ห้องข้างในปิดเงียบ ไม่มีเสียง ไม่มีเงา ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของไอ้คนที่เขาอยากเจอ
พ่อครูนั่งลงตรงหน้า หยิบผงสมุนไพรบางอย่างขึ้นมาจากกระปุกแล้วพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเป่าเปลือกไม้ลงบนแผล
ขณะที่กำลังเป่าอยู่นั้น เขาก็พูดขึ้นเสียงนิ่ง
“มันไม่อยู่หรอก ออกไปตั้งแต่เช้า”
เสือจิ่งชะงักนิด ๆ แต่พยายามรักษาน้ำเสียงไว้ให้เรียบ “ฉันไม่ได้ถามจ่ะ”
พ่อครูหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
“ก็เอ็งไม่ได้ถามหรอก...แต่สายตาเอ็งมันถามแล้ว ข้าแค่ตอบล่วงหน้าเท่านั้นเอง”
เสือจิ่งเงียบ ปลายนิ้วกำผ้าเช็ดมือแน่นขึ้นนิดหน่อย
พ่อครูเป่าลมเบา ๆ ลงบนแผลเสร็จ ก็วางมือกลับเข้าตัก แล้วพูดเหมือนคุยเล่น แต่ฟังแล้วจิ่งใจไม่ค่อยจะดี
“ตั้งแต่สองวันก่อนที่กลับมานั่นแหละ มันก็ไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย ไบ้แดกไปแล้วมั้ง...”
เสือจิ่งเงยหน้าขึ้นนิด ๆ แววตาฉายแววแปลกใจ
“เช้าก็รีบออกไป บอกใครก็ไม่บอก ข้าวปลาก็แทบไม่แตะ กลับมาอีกทีก็ค่ำมืดดึกดื่น ไม่รู้มันไปทำอะไรของมันเหมือนกัน”
มือที่กำชายเสื้อของเสือจิ่งกระตุกเบา ๆ หัวใจเหมือนจะหลุดจังหวะอยู่ชั่วครู่
“มันออกไปตั้งแต่เช้าเลยเหรอจ่ะ…”
พ่อครูพยักหน้า “อือ ทุกวัน…ไม่พลาดเลยสักวัน”
เสือจิ่งไม่พูดอะไรต่อ แต่สายตาก้มลงต่ำ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางอย่างเนียน ๆ เหมือนไม่อยากให้พ่อครูเห็นสีหน้าที่เริ่มคุมไม่อยู่
ออกไปแต่เช้า…กลับค่ำ...ทุกวัน...
แปลว่ามันมีอะไรแน่ ๆ
ไม่ใช่ว่า...
เงียบไปพักใหญ่ เสือจิ่งก็เริ่มด่าในใจแบบปนเจ็บ
ไม่ใช่ว่ามันแอบไปเจอสาวที่ไหนหรอกนะ
หรือมีผู้หญิงที่มันแวะเวียนไปหาทุกวัน
เออ...ก็แน่ล่ะ ใครจะมาเสียเวลากับโจรอย่างกู
แถมยังเป็นผู้ชายอีก ใครจะไปอยากได้
มันก็คงแค่อยากลองของแปลกเท่านั้นแหละ
ใช่...แน่นอนอยู่แล้ว
เขายิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด สายตาเริ่มขุ่นขึ้นทีละน้อย ทั้งที่ภายนอกยังคงเงียบอยู่เหมือนไม่มีอะไร
พ่อครูปรายตามองแล้วก็หัวเราะแผ่ว ๆ
“เอ็งจะนั่งหน้านิ่งขนาดนั้นทำไม ข้ายังไม่ทันว่าอะไรเลยนะ”
…
เสียงจิ้งหรีดเริ่มดังเป็นระลอก กลบเงียบของบ่ายคล้อยที่กำลังกลายเป็นเย็น
ใต้ถุนบ้านไม้ของเสือจิ่ง มีกลิ่นเหล้าข้าวหมักจาง ๆ โชยมาพร้อมเสียงกระซิบพร่ำเพ้อที่ไม่มีใครฟัง
จิ่งนั่งพิงเสาหน้าเตาไฟเก่า กระบอกเหล้าข้างตัวเกือบหมดไปแล้วครึ่ง เขาเงยหน้าพิงไม้ หลับตา ปากพึมพำเสียงแหบ ๆ
“ไอ้เวร…มึงจะเงียบไปถึงเมื่อไรวะ…หายหัวไปก็ไม่บอก…นึกว่ากูไม่สนรึไง”
เสียงเขาไม่ได้ดังพอให้ใครได้ยิน แต่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นมัวปนเปรี้ยวใจ
“กูไม่คิดถึงมึงหรอกนะเว้ย…มึงไม่ต้องมาทำหน้าดีใส่…แค่…แค่แบบ…”
เขากลืนคำพูดไม่ทัน แค่ยกเหล้าขึ้นกระดกอีกอึก
ความขมไหลลงคอได้ไม่ทันใจเท่าความขมในใจ
ออกไปแต่เช้า กลับค่ำทุกวัน…
มันจะไปไหนกันนักหนา
หรือว่า...มันจะไปเจอสาวที่ไหน
เออ ก็ดี...ไปเลยสิ ไปอยู่กับใครที่พูดดี ๆ ใส่มึง ไม่ปากหมาใส่เหมือนกู
เขาหัวเราะแห้ง ๆ กับตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดหลังลงกับพื้นอย่างคนที่หมดแรงทั้งจากความเมาและความคิดในใจ
แต่ทันใดนั้นเอง…
“มันจะกลับหัวค่ำนั่นแหละ”
คำพูดของพ่อครูจากเมื่อกลางวันแวบขึ้นมาในหัว
เขาลืมตาขึ้นทันที เหมือนอะไรบางอย่างชัดขึ้นอย่างฉับพลัน
“…กูจะไปถามให้รู้เรื่องเลยดีกว่า”
เขาพึมพำกับตัวเอง ลุกขึ้นยืนไม่ค่อยมั่นคงนัก ปัดฝุ่นจากกางเกงแบบลวก ๆ ก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังบ้านของพ่อครูอีกครั้ง
เสือจิ่งเดินเซ ๆ ไปถึงบ้านพ่อครู แต่ภูผายังไม่กลับมา เสือจิ่งพิงเสาหน้าบ้าน ถอนหายใจเฮือกแรงเหมือนจะระบายอะไรที่อัดแน่นในอก แต่ก็ยังไม่ยอมกลับ
“แม่งเอ๊ย…”
เขาทิ้งตัวนั่งลงบนขอบไม้ตรงบันไดเรือนอย่างหมดแรง เอนหัวพิงเสา แหงนหน้าขึ้นมองฟ้า
“มึงจะกลับเมื่อไหร่วะ…มึงไปทำเหี้ยอะไรของมึง…”
เสียงพึมพำนั้นไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวเขาเองกับยุงที่เริ่มบินวนอยู่ใกล้ ๆ
อากาศเย็น ๆ ของค่ำบนเขาคลอเคลียกับกลิ่นเหล้าที่คลุ้งออกจากตัวเสือจิ่ง ผสมกับความเหนื่อยล้าจากอารมณ์ที่โหมหนักทั้งวัน
แล้วสติของเขาก็ค่อย ๆ หายไป
สุดท้ายก็หลับเป็นเพื่อนยุง
เสียงฝีเท้าบดดินดังแผ่วจากไกล ๆ
จนกระทั่งชายร่างสูงเดินมาถึงใต้บันไดบ้าน เขาชะงักเท้า
“…เสือ?”
ภูผาเลิกคิ้วทันทีที่เห็นร่างคุ้นตานั่งฟุบอยู่หน้าบ้านในท่าทางหมดสภาพ
เดินเข้าไปใกล้อีกนิด กลิ่นเหล้าก็โชยมาตีจมูกทันที
“แม่งเอ๊ย…มาเมาอะไรตรงนี้”
เขาก้มลงแตะไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ “เฮ้ย…เสือจิ่ง”
ไม่มีเสียงตอบ นอกจากเสียงกรนเบา ๆ กับยุงที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหัว
ภูผาถอนหายใจ แล้วบ่นพึมพำขณะก้มลงช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นช้า ๆ
“ไม่ได้เจอกันหลายวัน…กลับมาเจอแม่งก็สภาพนี้เลยเหรอวะ”
แม้จะตัวหนัก แต่ภูผาก็อุ้มขึ้นมาไว้บนแขนได้มั่นคง
ร่างของเสือจิ่งแนบชิดมากกว่าเดิมเพราะแรงกอดตอบอัตโนมัติแบบคนละเมอ
“…อย่าไปมีใครนะเว้ย…”
เสียงครางเบา ๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากปากเมา ๆ ทำให้ภูผาชะงักนิดหนึ่ง
แววตาที่เคยเย็นชา…ค่อย ๆ อ่อนลง
เขาก้มมองคนในอ้อมแขน แล้วหลุดยิ้มบาง ๆ ที่ริมฝีปาก
ประตูห้องไม้แง้มออกด้วยเสียงเบา ๆ ก่อนที่ภูผาจะเดินเข้ามาพร้อมร่างของคนเมาที่ฟุบหลับอยู่ในอ้อมแขน
แสงตะเกียงสลัว ๆ รินความอบอุ่นจาง ๆ ไปทั่วห้อง
ภูผาวางร่างหนัก ๆ นั้นลงบนฟูกเก่าที่ปูไว้กับพื้นอย่างเบามือที่สุด
เสือจิ่งยังคงหลับสนิท แต่อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเพราะฤทธิ์เหล้า ผิวเนื้อแดง ๆ คล้ายจะไข้
“บ้าชิบ…” ภูผาบ่นแผ่ว ๆ ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าขาวบางกับขันน้ำเล็ก ๆ จากมุมห้อง
เขาชุบน้ำแล้วบิดหมาด ๆ กลับมา ก่อนจะนั่งลงข้างฟูกช้า ๆ ลูบผ่านแผ่นอกของคนตรงหน้า
เริ่มจากซับเหงื่อที่หน้าผาก ค่อย ๆ เช็ดข้างแก้ม ลูบผ่านแนวกรามแข็ง ๆ ไปจนถึงลำคอที่เคยแผดเสียงด่าเขาอย่างดุเดือด
จังหวะนั้นเอง...
เสียงพร่ำเพ้อแผ่ว ๆ ก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเสือจิ่ง
“...มึงพูดมาว่ามึงแอบไปมีใคร...”
มือที่เช็ดตัวชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะขยับต่ออย่างนิ่ง ๆ
ภูผาไม่ได้พูดอะไร
แต่ในใจ...เหมือนโดนกระแทกเบา ๆ จากคำพูดที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
“ไอ้ชั่ว...ไอ้คนเฮงซวย…”
คำด่ายังคงตามมาเรื่อย ๆ สลับกับเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของคนเมา
“...กูเกลียดมึง...แต่ถ้ามึงไปจริง ๆ กูก็ไม่รู้จะด่าใครอีกแล้ว”
คราวนี้มือของภูผาชะงักนานกว่าทุกที
เขามองหน้าคนที่หลับอยู่ตรงหน้าเงียบ ๆ มองนานเสียจนลมหายใจตัวเองแทบจะกลืนหายไปในอากาศ
ถ้ามึงรู้ตัวว่ามึงพูดอะไรออกมาบ้างตอนนี้นะ...
เขายิ้มมุมปากจาง ๆ แล้ววางผ้าลงข้างตัว
นิ้วมือแตะแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ขยับปอยผมที่หล่นลงมาตรงหน้าผากให้พ้นสายตา
“ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ…”
หลังจากเฝ้านั่งเช็ดตัวให้จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายอาการดีขึ้นแล้ว ภูผาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
เขาไม่อยากอยู่ใกล้มากไปกว่านี้ ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะกลัว "ใจตัวเอง"
แต่ยังไม่ทันที่มือจะแตะพื้นเพื่อยันตัวขึ้น เสือจิ่งที่นอนนิ่งอยู่ก็ขยับขึ้นมาไวราวกับสัญชาตญาณ
หมับ!
มือข้างหนึ่งคว้าแขนของภูผาไว้แน่นจนอีกฝ่ายเสียจังหวะ ล้มคร่อมลงบนฟูกโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย...เสือจิ่ง...เดี๋ยว—”
เสียงของภูผาขาดห้วงลงทันที
ริมฝีปากของเสือจิ่งที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ขยับขึ้นมาแนบเข้ากับปากเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว มีเพียงสัมผัสร้อนจัดกับลมหายใจที่ปะทะกันตรง ๆ ในระยะใกล้ที่สุด
ภูผานิ่งค้างอยู่แบบนั้น ใจเต้นระรัว
ร่างทั้งร่างเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยแรงที่มองไม่เห็น
ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบกลับ
...แต่เขารู้ตัวดีว่า ถ้าเผลอขยับแม้แต่นิดเดียว
เขาจะไม่สามารถหยุดมันได้อีก
มือของเสือจิ่งยังจับแขนเขาไว้แน่น
ตัวร้อนผ่าว ริมฝีปากแนบสนิทอย่างคนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป
“...เสือจิ่ง…” ภูผาเอ่ยเสียงต่ำ
พยายามจะดันตัวออกเบา ๆ แต่แรงที่จับเขาไว้กลับยิ่งกระชับแน่น
“อย่าไป…”
คำพูดนั้นหลุดจากปากเสือจิ่งมาเบา ๆ เหมือนเสียงฝัน
คำเดียวสั้น ๆ แต่ทำเอาภูผาแทบทรุด
อย่าไป...
แค่คำนี้คำเดียว เขาก็อยากจะฝังตัวเองลงกับร่างตรงหน้าไม่ให้ห่างแม้แต่นิ้วเดียว
แต่เขากลับเลือกที่จะถอนหายใจยาว ๆ แล้ววางหน้าผากแนบกับต้นคอของอีกฝ่ายแทน
“มึงเมา…”
เขากระซิบเหมือนปลอบใจทั้งตัวเองและคนตรงหน้า
“มึงเมา กูจะไม่รังแกคนเมา…”
เพราะสุดท้ายแล้ว…
พอส่างเมา
พอรุ่งเช้าของอีกวัน
เขากับเสือจิ่ง…ก็ต้องกลับไปเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับกันอยู่ดี
------------------------------------
ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ
ชอคอมเม้นต์เป็นกำลังใจหน่อยน้าาา
สนุกมากครับ อุ้ยยย น่อออ ปากไม่ตรงกะใจอย่างนี้ต้องเจิมชะแล้ว555
กลับมาต่อไวๆน้าาา ทั้งฟินทั้งใจฟูอ่านช้ำกี่รอบก่ใจฟู ๆ ขอบคุนคับ ดีๆๆๆ ขอขอบคุณ เหมือนต่างคนต่างชอบ แต่กลัวความผิดหวังทั้งคู่
เลยต้องรักษาระยะห่างกัน เฮ้อ...ลุ้นต่อไป
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุนครับ ❤️❤️เป็นกำลังใจให้มีผลงานมาให้อ่านอีกครับ อา เข้าใจเลย รักที่ต้องแอบซ่อนปิดบัง
สนุกมากเลยนะครับรอตามต่อๆๆๆๆๆ
ขอบคุณครับ ภูผา มันน้อยใจละนะ ขอบคุณครับ 👍👌👍👌👍👌👍
หน้า:
[1]