ความลับกับเด็กที่ถูกมองข้าม ตอน 13 - การกลับไปเจอเพื่อนเก่า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Recs เมื่อ 2025-10-27 17:33ย้อนอ่านตอนเก่า...>>ตอน 1 - ตีสนิทน้องแถวบ้าน<<>>ตอน 2 - สอนเด็กแว่นชักว่าว<<>>ตอน 3 - เสพติดความเสียว<<>>ตอน 4 - เปิดเทอมก็เริ่มเสียว<<>>ตอน 5 - เปิดเผยความลับกับน้องชาย<<>>ตอน 6 - เหตุเกิดเพราะความหวงน้อง<<>>ตอน 7 - น้องในหมู่บ้านพาเสียว<<>>ตอน 8 - เล่นเสียวจนเข้าโรงพยาบาล<<>>ตอน 9 - น้องเก้าพาเสียว<<>>ตอน 10 - กินยาปริศนาจนได้เสียว<<>>ตอน 11 - เมื่อคนแปลกหน้าแวะมาบ้าน<<>>ตอน 12 - เสียวกันกลางอากาศ<<
ตอน 13 - การกลับไปเจอเพื่อนเก่าปล. ตอนนี้ขอยาวจุใจเป็นพิเศษ เนื่องจากห่างหายไปนานครับ
หลังจากที่น้องกาย น้องชายวัย 13 ของผม เอาแต่ขลุกอยู่กับแฟนชื่อน้องเซน ที่กลับมาอยู่ไทยช่วงปีใหม่ ผมเลยฝากฝังให้เก้าคอยแอบดูแลน้องกายอยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ
ช่วงนั้นเอง ผมเลยได้มีโอกาสเข้าใกล้น้องฟิว เด็กในหมู่บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทกับเบสท์ หรือก็คือเก้าในร่างก่อนตาย เราสองคนแวะไปเยี่ยมป้ายศพของเบสท์ที่วัดด้วยกัน แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างเริ่มพลิกผัน เมื่อเอ็มโผล่มาปั่นหัวพวกเรา จนทำให้น้องฟิวโกรธหนักและหนีหายไปจากตรงนั้นอย่างไร้ร่องรอย...
ผมพยายามย่องเข้าไปใกล้ๆ เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าใบของน้องฟิววางทิ้งอยู่ตรงขอบหลุม รู้สึกสันหลังผมเย็นวาบขึ้นมา เลยไม่รอให้ได้คิดต่อก็รีบพุ่งเข้าไปหาเอ็มแบบทันที
"เห้ยเอ็ม! มึงทำอะไรฟิววะ!"
"อ้ะพี่ชาย ตกใจหมดเลยเนี่ย... ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ไม่เชื่อลองดูในโลงนี่สิค้าบ…คิคิ"มันชี้นิ้วไปที่โลงศพที่วางอยู่ในหลุมดินลึกประมาณเกือบเมตร เสียงหัวเราะของมันสะท้อนในอากาศจนขนลุก
ผมก้าวเข้าไปอย่างระแวง ใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมาจากอก มือผมสั่นตอนชะโงกลงไปดูในโลงสีขาว... ขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย
ภาพที่เห็นทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น...น้องฟิวนอนอยู่ในนั้น มือถูกมัดไขว้หลัง ปากถูกผูกด้วยผ้าคาดไม่ให้ส่งเสียง แต่ดวงตาน้องยังลืมอยู่และเบิกกว้าง พอเห็นผมก็พยายามขยับตัวร้องขอความช่วยเหลือผ่านสายตา
"ฟิววว! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!" ผมพุ่งจะเข้าไปแก้มัด แต่ยังไม่ทันแตะตัวน้อง พวกชายชุดขาวก็โผล่มาล็อคแขนผมจากด้านหลังทันที
"ปล่อยนะเว้ย! แกต้องการอะไรกันแน่วะเอ็ม!"
เอ็มเดินยิ้มกว้างเข้ามาใกล้เหมือนกำลังจะเล่นเกมบางอย่าง"ไม่มีอะไรมากหรอกค้าบ ก็แค่อยากเจอน้องเก้าแค่นั้นเอง… เรียกน้องเก้าออกมาหน่อยสิค้าบ" เสียงมันสดใสจนเสียดแทงหู
ผมเหลือบมองรอบๆ เห็นพวกของมันเตรียมสายสิญจน์ม้วนใหญ่กับอุปกรณ์แปลกๆ วางไว้เต็มไปหมด บรรยากาศทั้งลานเหมือนพิธีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น เหลือบไปเห็นเจ เพื่อนผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง ส่ายหน้าเบาๆ เหมือนจะบอกอะไรแต่พูดไม่ได้ ทำเอาผมยิ่งสับสน
"แต่ฟิวไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ…แก้มัดก่อนดิแล้วค่อยคุยกัน" ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเสียงสั่น
"โหย แบบนั้นผมก็เสียเปรียบแย่เลยสิพี่ชาย… โทรเรียกเก้ามาก่อน เดี๋ยวผมปล่อยเด็กคนนี้ให้เอง อิอิ" เอ็มยักไหล่ยิ้มกวนๆ ดึงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงผมแล้วยื่นมาให้ปลดล็อค
"ก็ได้…งั้นบอกพวกแกให้ปล่อยดิวะ"
เอ็มพยักหน้าเป็นสัญญาณให้พวกชุดขาวคลายแขนผมออก ผมรับมือถือจากมือมัน... ใจเต้นแรงจนแทบระเบิด
ทันทีที่มือถืออยู่ในมือผม ผมปามันลงพื้นสุดแรง และกระทืบซ้ำจนหน้าจอแตกละเอียดเศษกระจกกระจายเต็มพื้นดิน
"เชี่ย!" หนึ่งในพวกชุดขาวตะโกน
ไม่ทันให้ผมหายใจ ผมก็โดนล็อคแขนจากด้านหลังอีกครั้ง และมีอีกคนกระแทกหมัดเต็มแรงเข้าที่ท้องจนจุก ทำเอาผมทรุดลงคุกเข่ากับพื้น หายใจไม่ออกมองเห็นภาพน้องฟิวที่นอนอยู่ในโลงแบบเลือนลาง…
...
ผมพยายามกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมาแล้วถึงกับสะอึก เมื่อเห็นเจ… เพื่อนผมเองนี่แหละที่เป็นคนชกท้องเมื่อกี๊
"อื้ออๆๆ… งื้อออ…ฮือออ…" น้องฟิวพยายามส่งเสียงร้องอู้อี้ พอเห็นผมโดนทำร้ายทั้งๆ ที่ปากยังถูกผูกแน่น
"หูยย ลงทุนจังนะพี่ชาย อย่าดื้อสิค้าบ พวกผมยิ่งไม่อยากใช้ความรุนแรงอยู่…" เอ็มก้มดูมือถือผมที่ตอนนี้ดับสนิทเปิดไม่ติดแล้ว น้ำเสียงมันฟังดูเหมือนกำลังขำแต่แฝงไปด้วยความสะใจ
"อย่าหวังว่าจะได้ตัวเก้าไปง่ายๆ…" ผมกัดฟันพูดเสียงต่ำ ทั้งที่ยังจุกอยู่เต็มท้อง
"งั้นพี่ก็ไปอยู่กับน้องฟิว คนนี้เลยละกัน… มัดมือมันไว้" เอ็มสั่งเรียบๆ เจก็เดินเข้ามาทำตามอย่างว่าง่าย จับมือผมไขว้หลังแล้วมัดเชือกจนแน่นข้อมือ แต่เหมือนเจจะยัดอะไรบางอย่างไว้ในกระเป๋าหลังผมด้วย สัมผัสได้ว่ามันตั้งใจแอบทำโดยไม่ให้ใครเห็น
"ทำไมแกถึงอยากได้ตัวเก้าขนาดนี้วะ? ทั้งๆ ที่แกก็มีน้องสาวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?" ผมถามไปทั้งที่นั่งคุกเข่ามือไขว้หลังอยู่
"น้องสาวเหรอค้าบ หมายถึงใครนะ?" เอ็มแกล้งทำหน้าซื่อก่อนยิ้มมุมปาก "อ๋อ หรือพี่ชายหมายถึงลูกหมอกวินคนนั้น… ที่ชื่อไอซ์ใช่มั้ยค้าบ?"
"เออ นั่นแหละ! ไม่คิดถึงหัวอกน้องแกบ้างเหรอ ที่มาทำแบบนี้ห้ะ!?" ผมกัดฟันพูดด้วยความโกรธ
เอ็มหัวเราะดังลั่น "ฮ่าๆๆ แล้วพี่ไปเอามาจากไหนเนี่ย ว่านั่นน้องสาวผม?" มันเดินวนรอบผมแล้วพูดไปด้วย "ไหนๆ พี่ก็จะตายอยู่แล้ว จะเฉลยให้ก่อนก็ได้… เด็กที่ชื่อไอซ์นั่นน่ะ เป็นแม่ผมต่างหากค้าบ อิอิ"
คำพูดนั้นทำเอาผมช็อกสุดๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนปั่น หัวหมุนไปหมดแล้ว
"แค่นี้ก็อึ้งเลยเหรอพี่ชาย? ฮี่ๆๆ…" เสียงเอ็มยิ่งหัวเราะร่า
"แล้วใครเป็นพ่อแก?" ผมถามไปเพราะอดสงสัยไม่ได้
"คงเป็นใครสักคนที่อยากลองสร้างกุมารทองอย่างผมขึ้นมาแหละมั้ง…" เอ็มตอบเสียงนุ่มแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น
ตกลงเอ็มนี่ไม่ใช่ผีธรรมดาจริงๆ แต่เป็นกุมารทองที่เกิดจากการตายทั้งกลมเหรอเนี่ย? ต้องมีใครอยู่เบื้องหลังที่คอยควบคุมมันอยู่แน่ๆ
เอ็มก้มลงมาระดับเดียวกับผม พร้อมรอยยิ้มอันเย็นเยือก "ตอนพี่ชายอยู่ในโลงน่ะ อย่าเพิ่งรีบหมดสติล่ะ รู้ใช่มั้ยว่าถ้าผมสิงพี่อีกครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องฟิว? คิคิ…" มันพูดแล้วเอาผ้าคาดปากผมทันที ผมพยายามขัดขืนแต่ก็โดนเจจับล็อคไว้แน่น
จากนั้นร่างผมก็ถูกผลักจนกลิ้งลงไปในหลุมที่พวกมันขุดไว้ ลงไปนอนเบียดกับน้องฟิวในโลงศพแคบๆ ได้ยินเสียงหายใจอุ่นๆ ของน้องอยู่ข้างๆ แค่หันไปมองก็เห็นแววตาน้องเต็มไปด้วยความกลัว
ทันใดนั้นฝาโลงก็ถูกวางครอบปิดลงอย่างแรง เสียงตอกตะปูดัง "ปั้งๆๆ" ทีละมุม จนแสงด้านนอกค่อยๆ หายไปทุกที กระทั่งตะปูสุดท้ายถูกตอกลงทำเอาทุกอย่างนั้นมืดมิดไปหมด หัวใจผมเต้นแรงในอกจนรู้สึกได้...
...
ผมได้ยินเสียงดินกระทบฝาโลงดัง กึก…กึก…กึก อยู่ด้านบน เหมือนพวกมันกำลังฝังกลบพวกผมทั้งเป็น น้องฟิวเริ่มขาดสติ ดิ้นไปมา ร้องเสียงอู้อี้แข่งกับเสียงดินที่ค่อยๆ หนาขึ้นจนทึบ เสียงข้างนอกค่อยๆ เงียบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจแผ่วๆ และเสียงน้องฟิวสะท้อนอยู่ในโลงแคบๆ
อากาศในนี้เริ่มน้อยลงทุกที กลิ่นอับชื้นลอยตีจมูกจนหายใจติดๆ ขัดๆน้องฟิวยังคงดิ้นเอาเข่ากระแทกโลงเต็มแรงอีกครั้งเพื่อให้มันเปิด แต่ก็ไม่เป็นผล... นอกจากเสียงโลงจะดังสะเทือนก้องหู แล้วน้องยังต้องเจ็บตัวเพิ่มอีก
ผมอยากบอกให้ฟิวใจเย็น แต่ปากยังถูกผ้ามัดอยู่ เสียงเลยออกมาแค่ครางอู้อี้ ผมจึงพยายามเอาลิ้นดันผ้าให้เลื่อนออก และเอาปมผ้าที่มัดอยู่หลังหัวถูไปกับผนังโลงให้มันค่อยๆ คลายทีละนิดๆ จนผ้าเริ่มหลุดออกจากปาก
“ฟิว… ใจเย็นๆ เก็บแรงกับอากาศไว้ก่อน แล้วทำตามพี่บอกนะ” ผมพยายามพูดให้เสียงออกมาเบาที่สุดเพื่อไม่ให้เปลืองอากาศ
น้องค่อยๆ สงบลง หยุดดิ้น หยุดร้อง เหลือเพียงเสียงหายใจถี่ๆ
“หันหลังให้พี่หน่อย เดี๋ยวพี่เอาปากแกะผ้าให้ จะได้หายใจสะดวก”
น้องพลิกตัวตามที่ผมบอกในความมืด ผมใช้ฟันกับปากพยายามดึงผ้าที่มัดปากน้อง จนมันค่อยๆ คลายและหลุดออกมา
“ฮือๆ… ผมขอโทษนะพี่ ที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ ผมมันโง่เองที่ไปหลงเชื่อมัน” เสียงน้องสั่นเครือในโลงแคบๆ
“ไม่เป็นไรฟิว อย่าเพิ่งโทษตัวเองเลย… พี่ตั้งใจมาช่วยฟิวอยู่แล้ว” ผมตอบเสียงแผ่ว แต่พยายามให้มั่นคงที่สุด
เราสองคนนอนหายใจเงียบๆ กันสักพักขณะมือยังถูกมัดไขว้หลังอยู่ เหงื่อเริ่มไหลทั่วตัว อากาศในโลงเล็กๆ เหมือนถูกสูดหายไปทุกวินาที จนได้ยินแค่เสียงหัวใจของเราทั้งคู่เต้นแรงสลับกับเสียงลมหายใจที่แผ่วลงเรื่อยๆ…
...
“ผมคงไม่รอดแน่เลยพี่... คงได้ไปเจอเบสท์เร็วๆ นี้แล้วล่ะ”เสียงน้องฟิวแผ่วจนแทบหมดลม ผมได้ยินแล้วใจเหมือนจะหล่นวูบลงไป
“อย่าคิดแบบนั้นสิฟิว คิดถึงย่าฟิวด้วย...”ผมพยายามกลืนความกลัวลงคอ ทั้งที่เสียงหัวใจตัวเองยังดังอยู่ในหูไม่หยุด
“แต่มันดูหมดหนทางแล้วนะพี่... เราจะออกไปจากโลงบ้าบอนี่ได้ยังไง?”เสียงน้องเริ่มสั่น อากาศในโลงเริ่มร้อนอับจนหายใจแต่ละครั้งเหมือนกลืนฝุ่นเข้าไปด้วย
“พี่ยังมีแผนอยู่ ฟังพี่นะ พี่นัดเพื่อนไว้ก่อนแล้ว... ขอแค่ฟิวใจเย็นแล้วทำตามที่พี่บอกก็พอ”
“เพื่อน? ...คนที่ชกพี่อ่ะเหรอ?” ฟิวหันหน้ามามอง แม้ในความมืดผมยังรู้ได้ว่าน้องกำลังขมวดคิ้ว
“ใช่... เพื่อนที่ชื่อเจนั่นแหละ”ผมตอบพลางกลั้นหายใจ... ชื่อที่พูดออกไปมันทั้งหนัก ทั้งเต็มไปด้วยคำถามที่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจมันได้จริงหรือเปล่า...
...
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ตอนที่ผมกำลังเดินตามหาน้องฟิวอยู่ เจก็เด้งแชทมาหาผม 'มาหากูที่หลังกุฏิหน่อย มีเรื่องด่วน'
ผมลังเลแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปทันที“มีไรวะไอ้เจ เรียกกูมานี่ทำไม กูกำลังรีบตามหาน้องอยู่!” ผมโผล่ไปถึงหลังกุฏิ เห็นเจยืนแอบอยู่ตรงมุม ท่าทางลับๆ ล่อๆ จนผมเองยังขนลุก
“มึงกำลังหาน้องที่มากับมึงเมื่อเช้าใช่ป่ะ?…” น้ำเสียงมันเย็นจนผมชะงัก
“เออใช่ มึงเห็นน้องคนนั้นเหรอ?” ผมยิงคำถามรัวๆ ความสงสัยตีขึ้นมาในหัว
“น้องมึงกำลังอยู่ในอันตราย ถ้ามึงจะช่วยน้องมึง ต้องเชื่อใจกู” เจทำหน้าเคร่งเครียดกว่าที่ผมเคยเห็น
“หมายความว่าไง มึงมาทำไรที่นี่แน่วะเจ?”
“กูกำลังแฝงตัวอยู่ในกลุ่มลูกศิษย์หมอเอ พวกมันกำลังจะใช้มึงเป็นเหยื่อล่อผีเด็กที่ชื่อเก้า”
คำพูดนั้นทำเอาผมแทบชะงัก ทุกอย่างที่สงสัยมาตลอดเหมือนต่อกันติดเป็นรูปทันที
“แล้วมึงจะแฝงตัวกับพวกมันทำไมวะเจ?” ผมถามด้วยเสียงสั่น
“กูไม่มีเวลาจะอธิบายแล้ว” เจขยับเข้ามาใกล้ มองตาผมตรงๆ “เชื่อกู แล้วทำตามแผนนี้”
มันพูดรัวๆ บอกจุด บอกสัญญาณ บอกว่าเมื่อไหร่ให้ปล่อยให้ตัวเองโดนจับ เพื่อจะได้เป็นไปตามแผน
ตอนนั้นผมไม่มีทางเลือก ถ้าจะช่วยน้องฟิวจริงๆ ก็ต้องกัดฟันยอมเสี่ยงและลองเชื่อเพื่อนคนนี้ดูสักครั้ง…
...
“งั้นตอนที่พี่โดนต่อยก็เป็นแผนเหมือนกันเหรอ?” ฟิวหันมามองผมในความมืด น้ำเสียงยังสั่นๆ ไม่ค่อยไว้ใจ
“ใช่ อันนั้นพี่บอกเจเอง จะได้แนบเนียน” ผมตอบเสียงนุ่ม พยายามให้ฟิวใจชื้น จะได้ไม่คิดว่าผมโดนหักหลังอยู่
“แล้ว…เราต้องทำอะไรต่ออ่ะพี่ แผนของพี่คืออะไร?”
“ฟิว เอื้อมหยิบของในกระเป๋าหลังพี่ได้มั้ย” ผมขยับตัว หันหลังให้น้องใช้มือที่ไขว้หลังอยู่ล้วงของบางอย่างออกมา
“เดี๋ยวลองดูพี่” ฟิวขยับตัวเบียดผม ล้วงไปจนเจอเม็ดยาที่เจแอบหย่อนใส่กระเป๋าไว้“ได้แล้ว! มันคือไรอ่ะพี่?”
“มันเป็นยาที่พี่กินแล้วจะออกจากร่างได้” ผมพูดตรงๆ ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว
“หะ! มียาแบบนั้นด้วยเหรอพี่?”
“มีสิ…เป็นวิธีเดียวที่จะให้พี่ออกไปข้างนอกได้ แล้วเป็นวิธีที่จะทำให้ได้เจอกับเบสท์ด้วย” ผมย่อตัวลง พยายามหันปากไปให้ฟิวใส่ยา แต่พื้นที่แคบอึดอัดแทบขยับไม่ได้
“แป๊บนะพี่ ถือไว้ก่อน” ฟิวเริ่มมีความหวัง จับยาใส่มือผมที่ไขว้หลังอยู่ ก่อนตัวเล็กๆ ของน้องจะย่อเข่าลง คาบเม็ดยานั้นขึ้นมาแทน
แล้วฟิวก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด... น้องเงยขึ้นมาป้อนยาให้ผมด้วยปากตัวเอง ดันลิ้นนุ่มๆ เข้ามาให้ผมตวัดกลืนยาจนมันไหลลงคอเรียบร้อย... ความอุ่นและกลิ่นน้ำตาน้องปนอยู่ตรงนั้นจนผมหัวใจสั่น
“ฟิว…พี่ขอโทษเรื่องเบสท์นะ พี่ทำแบบนั้นเพราะรักเบสท์มากๆ” ผมผละปากออกมาสารภาพกับน้องตรงๆ ในโลงที่มืดมิด
“ไม่เป็นไรหรอกพี่…จริงๆ ผมก็เคยคิดอยากทำแบบนั้นกับมันเหมือนกัน…” ฟิวตอบเสียงเบาๆ แววตาอายจนผมตกใจ เข้าใจทันทีว่าทำไมน้องถึงเสียใจหนักที่เบสท์จากไป
“เดี๋ยวออกไปได้ พี่จะพาฟิวไปหาเบสท์นะ”
“จริงเหรอพี่…ขอบคุณนะ” ฟิวพูดเสียงสั่นก่อนซบหน้าลงที่อกผม น้ำตาเปียกเสื้อจนรู้สึกได้
ผมก้มจูบหน้าผากน้องเบาๆ อยากกอดปลอบน้องไว้แน่นๆ แต่ทำไม่ได้เพราะเรายังโดนมัดมืออยู่ทั้งคู่
“ฟิว…ถ้าพี่ออกจากร่างไปแล้ว รอพี่ก่อนอย่าเพิ่งหลับนะ พี่จะออกไปล่อพวกนั้นให้คนมาช่วย” ผมรีบบอกก่อนยาจะเริ่มทำงาน “แล้วถ้าพี่ทำตัวแปลกๆ นั่นไม่ใช่พี่นะ แต่เป็นเอ็มที่ยึดร่างไว้ อย่าตกใจ พี่จะไม่ให้มันทำร้ายฟิวแน่”
“ได้พี่…แล้วนานมั้ยกว่ายาจะออกฤทธิ์?”
“ไม่นานหรอก ใกล้แล้ว…” ผมเอนตัวลง หายใจลึกๆ จัดท่าให้สบายที่สุด เตรียมตัวให้จิตลอยออกจากร่างในความมืดที่อึดอัด
"เดี๋ยวผมช่วยนะพี่" เสียงน้องฟิวพูดอย่างแผ่วเบา
"ช่วยยังไงเหรอฟิว?"
น้องไม่ทันได้ตอบอะไร กลับยื่นปากเข้ามาประกบจูบแลกลิ้นผมต่อทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาผมเคลิ้มไปด้วยเลย
"ถ้าพี่หลับแล้วขอยืมปากพี่หายใจหน่อยนะ" น้องกระซิบถามต่อเบาๆ เหมือนอากาศในโลงนั้นใกล้จะหมดลงจริงๆ
"ได้ฟิว ตามสบาย" ผมปล่อยให้น้องเอาปากประกบไว้และหายใจทางปากแทน จนผมเริ่มผ่อนคลายขึ้น หลับคาจูบของน้องฟิวไปแบบไม่รู้ตัวเลย...
...
ผมรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิว ก่อนสติจะกลับมาอีกครั้งในร่างวิญญาณที่หลุดออกจากตัวเองในความมืดนั้นกลับเห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้น น้องฟิวยังนอนแนบอกอยู่ ใช้ปากผมช่วยแบ่งอากาศหายใจรวยริน ทำเอาผมเผลอเริ่มมีอารมณ์นิดๆ แต่ต้องหยุดคิดเรื่องนั้นไปก่อนในตอนนี้
“เดี๋ยวพี่กลับมานะฟิว…” ผมพึมพำเบาๆ ถึงแม้น้องจะไม่ได้ยิน แต่ก็อยากให้รู้ว่าผมไม่ทิ้งไว้แน่
ผมหลับตานึกถึงตอนเก้าเคยสอนให้ “ลอยตัว” โดยต้องใจนิ่งเหมือนกำลังลอยอยู่ในน้ำไม่นานนักร่างผมก็ค่อยๆ ลอยทะลุผ่านฝาไม้หนา กลิ่นดินชื้นอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูกตอนที่ผมทะลุดินขึ้นไปจนถึงผิวด้านบน
แสงแดดจากในป่าส่องวาบเข้าตาทำเอาผมต้องปรับสายตาอยู่สักพัก พวกศิษย์หมอเอยังนั่งเฝ้าอยู่ไม่ไกล เสียงสวดเบาๆ ดังแทรกมากับลมแต่ดูเหมือนเจเพื่อนผมจะแยกตัวกลับไปก่อนแล้วตามแผน เหลือแต่เอ็มในร่างเด็กวัดที่กำลังยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่
“เชื่อสิพ่อ อีกไม่นานเดี๋ยวผีเด็กเก้ามันก็โผล่มาแน่…”คำว่า “พ่อ” ที่เอ็มเรียกทำให้ผมขนลุกซู่ทันที... หรือมันกำลังโทรคุยกับหมอเออยู่?
“ไว้ใจเอ็มได้เลยพ่อ คราวนี้ไม่หลุดมือแน่…”
“ฝันไปเถอะ ไอ้เหี้ยเอ็ม!” ผมตะโกนลั่น เสียงสะท้อนก้องกลางป่าที่เย็นเฉียบ
เอ็มสะดุ้ง หันขวับมาพร้อมยิ้มมุมปาก“หูยย ถึงกับต้องทิ้งร่างออกมาเลยเหรอค้าบพี่ชาย” เสียงมันกวนจนอยากจะพุ่งไปต่อยหน้า
“จับมันมาให้ได้!” มันสั่งพวกลูกศิษย์ชุดขาวทันทีพวกนั้นหยิบแว่นบางอย่างขึ้นมา แว่นที่มียันต์สลักอยู่บนเลนส์... ของแบบนั้นคงทำให้มองเห็นวิญญาณได้แน่ๆ
ผมรีบหมุนตัวแล้ววิ่งหนี พวกนั้นลากสายสิญจน์ยาวตามมาหมายจะล้อมผมไว้ เสียงเชือกเสียดพื้นดัง ฟึ่บๆ จังหวะนั้นผมตัดสินใจรีบลอยขึ้น พุ่งหลบจนสายสิญจน์เฉียดตัวไปแค่คืบ
“หื้มม ต้องให้จัดการเองสินะ…” เอ็มพูดเสียงเรียบก่อนจะ ลอยออกจากร่างเด็กวัดทันทีพริบตาเดียวมันก็โผล่มาข้างหลังผมแทบประชิด
“คิดว่าจะหนีผมได้เหรอค้าบพี่ชาย ฮิๆๆ”ผ้าพันคอสีขาวที่มันคล้องคออยู่ดีๆ ก็ยืดยาวออกมาเหมือนงูขาวพุ่งเข้ารัดรอบตัวผมแน่น
“ปล่อยเว้ย! มึงจะมายุ่งกับพวกกูทำไมวะเอ็ม!?” ผมขัดขืนสุดแรงแต่ยิ่งดิ้นยิ่งรู้สึกเหมือนแรงเริ่มหมดลง... ผ้านั่นไม่ใช่ของธรรมดาแน่ เพราะเหมือนมันดูดพลังผมออกไปทีละนิด
“พวกผมแค่อยากเจอน้องเก้าเองค้าบ อยากคุยเล่นเฉยๆ…” เสียงมันหัวเราะเยือกเย็น
“เชื่อก็ควายละ! แม่งจับพวกกูมาฝังทั้งเป็นแบบนี้เนี่ย” ผมตะโกนขู่เพื่อถ่วงเวลา หวังให้แผนที่วางไว้สำเร็จ
เอ็มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกระตุกผ้าดึงผมให้ร่วงลงพื้นดัง ตึง!แรงกระแทกทำให้ร่างวิญญาณแทบสลายไม่เป็นรูป
“ก็พี่ชายไม่ยอมทำตามที่ผมบอกเองนี่ค้าบ…”เสียงเอ็มดังขึ้น พร้อมกับที่สายสิญจน์จากพวกศิษย์ชุดขาวเริ่มล้อมเข้ามาจากทุกทิศ เหมือนยิ่งขังให้อ่อนแรงจนสู้พวกนี้ไม่ไหว
...
ผมโดนลากกลับมาที่จุดเดิม ตรงหลุมฝังศพที่ขังผมกับน้องฟิวไว้ในโลง ยังไม่ทันจะคิดหนี หนึ่งในลูกศิษย์หมอเอก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแทบสะดุดล้ม
“เกิดเรื่องแล้วลูกพี่! พวกเด็กวัดมันช่วยกันขุดเอาโลงกลับขึ้นมาแล้ว!”
“เหี้ยแล้วไง! งั้นล้มเลิกแผนเลย! รีบหนี ก่อนจะมีคนเห็น!” เสียงลูกศิษย์อีกคนตะโกนสวน พร้อมกับถอยกรูไปอย่างลนลาน เหมือนกลัวชื่อเสียงของหมอเอจะพังยับจากเรื่องนี้
พริบตาเดียวพวกมันก็แตกฮือกันหนีไป เหลืออยู่แค่ผมกับเอ็ม ที่ยังจับปลายผ้าพันคอสีขาวไว้ผมแน่นเหมือนงูรัดเหยื่อ
เอ็มถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ... ว่าจะไม่ต้องใช้วิธีนี้แล้วแท้ๆ”พูดจบ มันก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา เหลือไว้แค่กลิ่นอับเย็นๆ ในอากาศ กับผมที่หมดแรงทรุดลงไปกับพื้น
ผมกัดฟันพยายามฮึดแรงเฮือกสุดท้าย ลอยตัวกลับไปหาร่างตัวเองที่ยังอยู่ในโลงกับน้องฟิวพอไปถึง เห็นน้องถูกเด็กวัดช่วยงัดโลงออกมาได้สำเร็จแล้ว ใบหน้าน้องเต็มไปด้วยฝุ่นกับเหงื่อ แต่ยังขยับหายใจอยู่... ทำเอาผมดีใจแทบจะร้องไห้
“ฟิว... แก้เชือกให้พี่หน่อย เจ็บแขน...มากเลย”เสียงนั่นดังออกมาจาก “ตัวผมเอง” แต่นั่นไม่ใช่ผมแล้ว
“ฟิวอย่า! นั่นไม่ใช่พี่—!!”ผมตะโกนสุดเสียงแต่ไร้ประโยชน์... น้องไม่ได้ยินเลยสักนิด
“ได้พี่ เดี๋ยวจะแกะให้!”ทันทีที่เชือกหลุด เสียงหายใจของผมในร่างนั้นก็เปลี่ยน กลายเป็นหัวเราะเย็นยะเยือก ก่อนเอ็มในร่างผมจะคว้าคอน้องฟิวแน่นทำเอาฟิวสำลักจนร้องไม่ออก
“เห้ย! ทำไรอ่ะพี่!” เสียงเด็กวัดอีกคนตะโกนขึ้น แต่ไม่ทันแล้ว
เสียงสวดคาถาดังขึ้นจากอีกฝั่ง หลวงพ่อยืนถือขันน้ำมนต์อยู่ตรงขอบหลุม แววตาท่านนิ่งเย็นแต่แน่วแน่น้ำมนต์กระเซ็นกระทบผิวร่างผมที่โดนเอ็มสิงอยู่ เสียงกรีดร้องแสบหูดังขึ้นพร้อมกับควันดำที่ลอยฟุ้งออกจากตัว
ร่างผมดิ้นพล่านอยู่ไม่กี่วินาที ทำเอาผมมึนหัวสุดๆ และแรงหมดแล้วจริงๆ ก่อนภาพทุกอย่างจะดับวูบไป...
...
“เอ็มต้องอดทนหน่อยนะ... ก็รู้ว่าน้องป่วยหนักมาก...”เสียงใครบางคนดังแว่วอยู่ในหัว คุ้นเหมือนเสียงหมอกวิน... สมองแทบแยกไม่ออกว่าเป็นภาพหลอน หรือเศษความทรงจำที่เอ็มทิ้งไว้ตอนมันสิงร่างผม
หัวผมหนักเหมือนมีอะไรทับอยู่ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นเพดานไม้สีน้ำตาลซีดของศาลาวัดอยู่เหนือหัวข้างๆ มีน้องฟิวนั่งเฝ้าอยู่ ดวงตาน้องแดงช้ำเหมือนเพิ่งร้องไห้ ส่วนอีกฝั่ง หลวงพ่อกำลังนั่งสวดคาถาเบาๆ ข้างขันน้ำมนต์
“พี่มิก... พี่มิกตัวจริงใช่มั้ย?” เสียงน้องฟิวเบาแต่สั่นนิดๆ
ผมพยายามขยับตัว ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ แล้วพยักหน้า “พี่เอง ฟิวไม่เป็นไรใช่มั้ย... พี่ขอโทษนะ”ไม่รอให้น้องตอบ ผมโอบกอดน้องไว้แน่น เหมือนต้องการยืนยันว่าทุกอย่างมันจบลงแล้วจริงๆ
น้องฟิวกอดตอบกลับทันที “ไม่ต้องขอโทษหรอกพี่ ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่พี่...”คำพูดเรียบๆ ของน้องมันอุ่นกว่าอ้อมกอดเสียอีก เหมือนยกหินก้อนใหญ่ในใจผมออกไปได้ครึ่งนึงเลย
“แล้ว... ไอ้ตัวที่สิงผมไปไหนแล้วครับหลวงพ่อ?” ผมหันไปถามท่านที่ยังนั่งสงบอยู่ข้างๆ
หลวงพ่อเปิดตาช้าๆ “มันหนีออกจากเขตวัดไปแล้วโยม คงไม่กล้ากลับมาอีกหรอก... พวกนี้ก็เป็นแค่ผีชั้นต่ำเท่านั่นแหละ” เสียงท่านมั่นคงแต่นุ่มจนใจผมค่อยๆ สงบลง
ผมรีบยกมือไหว้ทันที “ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยไว้ ไม่งั้นพวกผมคงไม่รอดแน่...”
“ต้องขอบคุณโยมเจมากกว่าที่มาบอก ถ้าช้ากว่านี้อาตมาอาจจะไปไม่ทันการแน่” หลวงพ่อตอบพลางยิ้มบางๆ ได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็ยิ้มออกมาเล็กๆ ทั้งเหนื่อยทั้งโล่งใจ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ยอมเชื่อใจเจจนช่วยน้องฟิวได้
หลังจากนั้นหลวงพ่อทำพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญให้ผมกับฟิว สายด้ายสีขาวอุ่นๆ พันอยู่รอบข้อมือ... รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างห่อหุ้มใจให้มั่นคงขึ้นอีกนิด
...
เย็นวันนั้น ผมกับฟิวเดินออกจากวัดด้วยกันแบบเงียบๆ แดดยามเย็นส่องลอดต้นโพธิ์ลงมาเป็นแสงสีทองเหมือนทุกอย่างกลับมาปกติอีกครั้งระหว่างเดินผ่านลานวัด ผมสังเกตเห็น “แว่นมียันต์” ตกอยู่บนพื้น มันน่าจะเป็นของพวกลูกศิษย์หมอเอที่หนีกันกระเจิงไปก่อนหน้านี้ ผมลังเลแป๊บหนึ่งก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาเก็บไว้ในกระเป๋าเผื่อใช้ในยามจำเป็น
"อ่าวฟิว ไปทำไรมาเนี่ย เนื้อตัวมอมแมมไปหมดเลยลูก?"ย่าฟิวถามทันทีที่เห็นพวกเรามาหยุดอยู่หน้าบ้าน น้ำเสียงท่านเต็มไปด้วยความห่วงใย
"ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนมาอ่ะย่า ไม่มีอะไรหรอก" น้องตอบแบบเลี่ยงๆ ผมได้แต่นิ่งเงียบอยู่ข้างๆ เพราะถ้าย่ารู้ความจริงว่าหลานตัวเองเกือบถูกฝังทั้งเป็น คงช็อกจนล้มแน่
"งั้นรีบขึ้นไปอาบน้ำ จะได้ลงมากินข้าวเย็นกัน" ย่าบ่นเบาๆ ก่อนจะหันมาทางผม"หนูอยู่กินข้าวด้วยกันมั้ยล่ะลูก?"
"เอ่อ... คือผม..."
ยังไม่ทันตอบ ฟิวก็แทรกขึ้นมาทันที "นะพี่ อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน"น้ำเสียงแบบนั้นทำให้ผมปฏิเสธไม่ลงจริงๆ เหมือนน้องยังกลัวอยู่ ผมเลยยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้ารับ
พอขึ้นไปบนห้อง น้องก็ทิ้งตัวลงนอนทันที ส่วนผมก็นั่งพิงขอบเตียง มองไปรอบห้องที่เคยเจอ “น้องม่อน” ผีเด็กในบ้านหลังนี้บรรยากาศเงียบๆ แต่กลับรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เหมือนบ้านหลังนี้ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป
"ไหนพี่ขอดูคอหน่อย เป็นรอยมั้ย?" ผมขยับมานั่งข้างๆ เอียงหน้าดูน้องอย่างเป็นห่วงน้องเบี่ยงคอมาให้ดู ดวงตากลมโตมองที่ผมเต็มๆ
"มีมั้ยพี่?" น้ำเสียงน้องเบาเหมือนกลัวว่าย่าจะเห็นเข้า
"เริ่มจางๆ แล้ว เดี๋ยวอาบน้ำก็หายละ" ผมพูดพร้อมยิ้มให้นิดนึง เพื่อให้น้องคลายกังวล
"พี่... ไปอาบน้ำด้วยกันป่ะ?"อยู่ดีๆ ฟิวก็พูดขึ้นเบาๆ แต่ตรงประเด็นจนผมชะงักไปเลย
"ยังไม่หายกลัวเหรอเรา?" ผมหัวเราะในลำคอ แกล้งยกมือลูบหัวน้องเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
"ใช่พี่... ไม่กล้าอาบคนเดียวอ่ะ" น้องพูดอายๆ แล้วหลบสายตาน้ำเสียงนั้นมันไม่ใช่ความอ้อนธรรมดา แต่มีบางอย่างอ่อนโยนปนอยู่ในนั้น จนหัวใจผมอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และตอบตกลงแบบไม่ลังเล
...
ผมถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ได้แก้ผ้าโชว์ต่อหน้าน้องฟิวเป็นครั้งแรก น้องก็แก้หมดแบบไม่อายผมเลยเหมือนกัน เปิดฝักบัวราด ทำให้เห็นหุ่นน้องชัดๆ เป็นครั้งแรก
หุ่นน้องฟิวถือว่าค่อนข้างดีเลย ผอมเพรียวมีกล้ามท้องนิดๆ ผิวอาจจะไม่ได้ขาวเท่าน้องกายหรือเก้า แต่ก็เนียนใสไม่มีสิวหรือร่องรอยอะไรเลย มีแค่เปื้อนดินจากการโดนจับไปนอนในโลงวันนี้ ทำผมเริ่มอดใจไม่ไหวแล้ว
"เดี๋ยวพี่ถูหลังให้นะ..."
น้องพยักหน้าไม่ได้ตอบอะไร ผมเลยเอาสบู่ลูบไล้ไปตามตัวน้อง แอบก้มมองจู๋ที่กึ่งอ่อนกึ่งแข็งขนาดประมาณ 5 นิ้วได้ของน้องฟิว หัวเปิดสุดไม่เหมือนของกายที่มีหนังหุ้มปิดอยู่
น้องฟิวหันหน้ามาชนกับผม เห็นน้องแอบมองของผมที่เริ่มแข็งนิดๆ แล้วเหมือนกัน
"พี่... ขอลองจูบพี่เหมือนตอนอยู่ในโลงอีกได้ป่ะ?" น้องถามเสี่ยงสั่น คงทั้งอายทัังติดใจ
"ได้สิ..." ผมยิ้มก่อนจะโน้มตัวให้น้องยื่นปากมาจูบกันเบาๆ ก่อนจะลองแหย่ลิ้นตวัดเลียรอบทั้งปากน้อง จู๋เราค่อยๆ แข็งขึ้นจนส่วนปลายหัวแทบจะชนกันแล้ว
"ฟิวเคยจูบใครแบบนี้มั้ย?" ผมผละปากออกถามน้องด้วยความสงสัย เพราะลีลาจูบน้องดูเก่งไม่ใช่เล่น
"เคยลองจูบกับเบสท์ครั้งนึงครับ..." น้องตอบแบบเขินๆ พอมองน้องใกล้ๆ แบบชัดๆ น้องก็ดูน่ารักไม่แพ้เก้าเลย ยิ่งทำผมเงี่ยนขึ้นไปอีก
ผมโอบกอดน้องจนผิวเปียกปอนของเราทั้งคู่แนบติดกัน จับปากน้องมาประครองจูบกันดูดดื่มขึ้นกว่าเดิม สัมผัสถึงลิ้นและลมหายใจอุ่นๆ ของน้องฟิวแล้วรู้สึกดีมากๆ
"อืมม... อ่าาา... " น้องครางเบาๆ ในลำคอ หลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติจูบผม ควยแข็งตั้งเต็มที่เหมือนจะเริ่มมีอารมณ์ขึ้นแล้วเหมือนกัน
ผมพาน้องไปนั่งดูดปากกันต่อบนโถส้วม ให้น้องนั่งคร่อมอยู่ข้างบนหันหน้าเข้าหากัน เอามือโอบกอดคอผมไว้แน่น และเริ่มแลกลิ้นสลับเลียให้กันไปมาต่อ รู้สึกดีจนหยุดจูบกันไม่ได้เลยจริงๆ
น้องทนไม่ไหวเลยใช้มือนุ่มๆ ของน้องกำสองลำที่ขนาดพอกันให้ตั้งอยู่คู่กัน แล้วชักไปด้วยเบาๆ จนน้ำเงี่ยนเราไหลเยิ้มกันทั้งคู่
"อื้มม... แบบนั้แหละฟิว... ชักเรื่อยๆ เลย... อ่าา..." ผมพูดจบก็ละเลงจูบน้องต่อไม่หยุด เริ่มเคลิ้มตามจนใช้มือเขียนหัวนมเล็กๆ ของน้องเล่นไปด้วย
ตอนนี้แท่งเอ็นของเราสองคนเสียดสีกันจากมืออุ่นๆ ของน้องฟิว ผมก็ปล่อยให้น้องชักไปจนเริ่มจะทนไม่ไหว ไม่คิดว่ามือของเด็กจะทำเอาเสียวได้ขนาดนี้
"อูยยย... จะแตกแล้ว... พี่จะแตกแล้วฟิว... อื้มมม..."
"ผมก็ใกล้แล้ว... ใกล้แล้วพี่... อ้าาา... "
ไม่นานนักเราทั้งคู่ก็น้ำแตกพุ่งออกมาจากสองควยแบบพร้อมๆ กันจนเปื้อนผสมเต็มมือน้องฟิวไปหมด นั่งกอดกันอยู่เงียบๆ ได้ยินแค่เสียงลมหายใจที่ยังเหนื่อยหอบของกันและกัน
"เคยทำกับเบสท์แบบนี้มั้ย?" ผมกระซิบถามข้างหูน้องเบาๆ
"ไม่เคยเลยพี่... เคยแค่จูบ" น้องตอบเสียงอ่อยเหมือนจะอายๆ แล้วหลบตาเข้าอกผม
ผมยิ้มจางๆ พลางลูบหัวน้องเบาๆ “คืนนี้ไปนอนบ้านพี่ได้มั้ย กายมันไปค้างบ้านเพื่อน... เดี๋ยวพี่พาไปเจอเบสท์ตามที่สัญญาไว้”
น้องชะงักมองหน้าผม ก่อนดวงตาจะเริ่มเป็นประกาย “จริงเหรอพี่! อยากไปอะ เดี๋ยวลองขอย่าดูก่อนนะ”
น้องหัวเราะเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้นไปล้างตัวอีกรอบ พอเสร็จเราก็ลงไปกินข้าวกับย่าของน้องด้วยกัน
ระหว่างนั้นน้องฟิวลองพูดเกริ่นกับย่า “คืนนี้ผมขอไปนอนบ้านพี่มิกนะย่า พรุ่งนี้เช้าจะกลับแต่เช้าเลย”
“อืม ไปสิลูก แต่อย่าดื้อนะ ฟังพี่เขาด้วย” ย่ามองผแล้วยิ้มให้ เสียงของย่าเต็มไปด้วยความไว้ใจ
“ขอบคุณครับย่า!” ฟิวตอบอย่างดีใจสุดๆ เห็นแววตาน้องตอนนั้นแล้วผมก็รู้เลย ว่าน้องไม่ได้ตื่นเต้นเพราะจะไปนอนบ้านผมอย่างเดียว... แต่น้องคงดีใจที่ยังมีโอกาสจะได้เจอเพื่อนรักอีกครั้งจริงๆ
หลังมื้อเย็น ฟิวรีบเปลี่ยนชุดนอน เตรียมตัวไปบ้านผมทันที ใบหน้าน้องยังมีรอยยิ้มอยู่ตลอดทางเหมือนมีความหวังอะไรบางอย่างที่รออยู่ข้างหน้า...
...
พอกลับถึงบ้าน น้องเก้าวิ่งมาหาผมแทบจะทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเพราะผมหายไปทั้งวัน มือถือก็พังติดต่อไม่ได้
“พี่มิก หายไปไหนทั้งวันเลยครับ โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด...” เสียงน้องเก้าเต็มไปด้วยความกังวล
“เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังทีหลังนะเก้า แต่คืนนี้พี่พาฟิวมาค้างด้วย คงไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ผมพยายามเลี่ยงตอบตอนนี้ ยังไม่อยากให้น้องคิดมาก
“เบสท์อยู่ในห้องนี้เหรอพี่ ทำยังไงถึงจะมองเห็นได้อ่ะ?” ฟิวถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็กที่กำลังจะได้เจอเพื่อนเก่าที่จากไปนาน
“ฟิวต้องกินยาที่พี่กินก่อน ถึงจะออกจากร่างและมองเห็นเบสท์เอง” ผมอธิบายพลางเปิดกระปุกยาที่เหลือในลิ้นชักออกมาเตรียม
“ฟิวรู้เรื่องของผมหมดแล้วเหรอครับพี่มิก?...” เก้าหันมามองผมกับฟิว สีหน้าผสมทั้งความงงและลังเล
“อื้อ พี่เล่าให้ฟิวฟังหมดแล้ว เขาอยากลองเจอเก้า... หรือก็คือเบสท์นั่นแหละ” ผมตอบเบาๆ ยังไม่ค่อยชินกับการเรียกชื่อนี้เท่าไหร่
“แต่ฟิวต้องรู้ไว้นะครับ ว่าผมจำอะไรตอนเป็นเบสท์ไม่ได้เลย” เก้าว่าด้วยเสียงเรียบแต่แฝงความกังวล กลัวว่าน้องฟิวจะผิดหวังถ้าได้เจอจริง
“พี่บอกไว้แล้วแหละ ลองคุยกันก่อนนะ เผื่อมันจะช่วยให้เก้าจำอะไรได้บ้าง”
ผมยังคงมีหวังเล็กๆในใจว่าน้องฟิวอาจช่วยเก้าฟื้นความจำได้ หยิบยาสีฟ้าอ่อนออกมาสองเม็ด เหลืออยู่แค่หกเม็ดในกระปุกเท่านั้น ก่อนจะรินน้ำใส่แก้วให้น้องไว้ดื่มตาม
“ฟิวกินแล้วนอนนิ่งๆ ทำใจให้สบาย ตอนออกจากร่างไม่ต้องตกใจนะ เดี๋ยวพี่จะอยู่ข้างๆ”
“ได้พี่ ผมพร้อมแล้ว อยากเจอเบสท์มากๆ...” ฟิวพูดก่อนจะกลืนยาแล้วเอนตัวลงบนเตียงข้างผม
ผมกินตาม ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมห่มด้วยกัน ความหนาวเริ่มซึมเข้าสู่ร่างแทบจะทันที เหมือนทุกครั้งที่ยากำลังเริ่มออกฤทธิ์...
...
ผมเริ่มรู้สึกเหมือนร่างเบาๆ ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะพร่าเลือน แล้วทุกอย่างก็เงียบสงัดไป… พอลืมตาขึ้นอีกที ผมเห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียงน้องฟิวเองก็เริ่มขยับตามออกมา นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ ร่างของตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น
“ไม่เป็นไรฟิว พี่อยู่นี่นะ” ผมพูดปลอบพลางเอามือจะวางบนไหล่น้อง แต่กลับสัมผัสได้เพียงอากาศ มือของผมทะลุผ่านร่างวิญญาณของน้องไปเฉยๆ... ไม่เหมือนตอนอยู่กับเก้าที่ผมจับต้องได้จริง
“พี่โดนตัวเก้าได้คนเดียวเหรอ…” ผมหันไปถามน้องเก้าที่นั่งรออยู่ข้างเตียง สีหน้ายังนิ่งเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว
“น่าจะใช่ครับ ปกติวิญญาณจะสัมผัสกันไม่ได้อยู่แล้ว” เก้าว่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ นี่คงเป็นสิ่งที่น้องเก้าพิเศษกว่าผีตัวอื่น ถึงว่าหมอเอกับเจ้าเอ็มถึงอยากได้ตัวน้องกันนักหนา
ฟิวหันไปมองเก้าเงียบๆ อยู่พักใหญ่ แววตาสั่นไหว ก่อนจะพึมพำเบาๆ“นี่เบสท์… จริงๆ ด้วย”
เก้ามองกลับไป ยิ้มบางๆ “ครับ… ขอโทษนะที่จำฟิวไม่ได้เลยจริงๆ”
“แต่ฟิวน่าจะโดนตัวเบสท์ได้เหมือนที่พี่โดน ลองดูสิ…” ผมพูดเสริมเบาๆ และยื่นมือแตะไหล่เก้าให้ดูเป็นตัวอย่าง คราวนี้สัมผัสได้เหมือนจับร่างกายจริง
“งั้น… เราขอลองกอดเบสท์ได้มั้ย?” ฟิวพูดเสียงสั่น เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ
“ได้สิครับ” เก้าพูดพร้อมอ้าแขนออกช้าๆ
ทันทีที่ฟิวก้าวเข้าไปกอด เสียงสะอื้นแผ่วเบาก็ดังขึ้น ฟิวซบหน้ากับไหล่เก้า น้ำตาไหลเงียบๆ เหมือนทั้งดีใจ ทั้งคิดถึงเพื่อนเก่าวัยเด็ก
ผมยืนนิ่งมองภาพตรงหน้า… มันคือภาพที่อบอุ่นจนใจผมแทบเต้นไม่เป็นจังหวะ
...
เด็กทั้งสองยืนกอดกันอยู่สักพัก จนน้องเก้าเหมือนเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง"เหมือนจะเริ่มจำได้ขึ้นมานิดหน่อยเลยครับ ตอนเด็กฟิวชอบมานอนบ้านเราด้วยใช่มั้ยครับ?" น้องเหมือนนึกเรื่องอดีตขึ้นมาได้ แสดงว่าการพาฟิวมาเจอนั้นได้ผลจริงๆ
"ใช่เบสท์ เริ่มจำเราได้แล้วเหรอ... งั้นขอลองอะไรหน่อยได้มั้ย?"
"ได้สิ ลองอะไรเหรอ?"
น้องฟิวไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับยื่นปากไปจูบกับน้องเก้าทันที น้องเก้าผงะเล็กน้อยแต่ก็ตอบรับจูบนั้นแบบไม่ขัดขืนใดๆ
"เริ่มจำได้เยอะขึ้นแล้วครับ ทำต่อเรื่อยๆ เลยครับ" น้องเก้าพูดเบาๆ ก่อนจะจับปากฟิวมาแลกลิ้นกันต่ออย่างดูดดื่ม แสดงว่าถ้ายิ่งสัมผัสคนที่เคยรู้จักเก้าก่อนตาย จะทำให้จำอดีตได้มากขึ้น
"เราเคยทำแบบนี้กันสมัยก่อน ตอนนั้นเบสท์โกรธเรามั้ย?" น้องฟิวถามกลับเบาๆ เหมือนยังกังวล
"ไม่โกรธครับฟิว รู้สึกดีมากๆ" น้องเก้าพูดสลับจูบลูบไล้ไปตามตัวน้องฟิว เหมือนอยากสัมผัสตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้ความจำคืนมา
"ขอบคุณนะเบสท์ รู้สึกดีเหมือนกัน... อ่าา..." น้องฟิวเริ่มเคลิ้มไปกับลีลาจูบน้องเก้า ทำเอาเผลอครางออกมาเบาๆ
"เดี๋ยวเราช่วยให้รู้สึกดีขึ้นอีกนะฟิว..." น้องเก้าค่อยๆ เลื่อนมือถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมด ส่วนตัวน้องฟิวก็ทนไม่ไหวถอดของตัวเองไปด้วยเหมือนกัน
ตอนนี้ทั้งคู่กำลังนอนแก้ผ้าตัวแนบชิดติดกัน กอดจูบอย่างดูดดื่มอยู่บนเตียง ทำเอาผมเริ่มเสียวแทนแล้ว ในใจอยากเข้าไปร่วมแต่ก็อยากให้ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่
น้องเก้าเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายเลื่อนปากไล่เลียไปตามตัวเพื่อนรัก ก่อนจะมาหยุดที่แท่งควยขนาด 5 นิ้วของเด็กหนุ่มวัย 13 ปี
ด้วยความเงี่ยนแบบสุดขีด น้องฟิวกดหัวน้องเก้าลงให้ครอบปากดูดควยตัวเอง
"อืมม... อ่าาา... แบบนั้นแหละเบสท์" ฟิวครางออกมาเป็นชื่อ ด้วยลีลาดูดสุดเสียวของน้องเก้าที่ได้รับการสอนจากผมมาอย่างดี ทำเอาน้องฟิวหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มกับปากและลิ้นเย็นๆ ของเพื่อนรัก
ผมเริ่มทนไม่ไหวกับภาพที่เห็นตรงหน้า เลยควักเอาควยที่แข็งเต็มที่ออกมาชักตามน้องๆ ไปด้วย
"ให้ผมช่วยไหมครับพี่มิก" น้องเก้าผละปากจากแท่งของฟิว หันมาถามผม
"ไม่เป็นไรเก้า ช่วยเพื่อนไปก่อนเลย..."
"ขอลองทำแบบที่พี่ทำกับเบสท์ได้มั้ย?" อยู่ๆ น้องฟิวก็ถามผมแบบอ้อมๆ จากที่เคยเห็นผมทำในคลิปที่โดนเอ็มแอบถ่ายไว้
"ได้สิ ลองดู..." ผมตอบพลางหันไปมองน้องเก้า เห็นน้องทำหน้างงใหญ่
เลยช่วยจัดท่าทางให้น้องเก้านอนหงายแบบถ่างขาเตรียมพร้อมอยู่ที่ปลายเตียง แถมช่วยเลียทั่วร่องของเก้า เพื่อช่วยเปิดทาง น้องก็ยอมให้ทำแต่โดยดีไม่มีบ่นอะไร
"ถ้าเจ็บบอกนะเบสท์..." น้องฟิวกระซิบบอกเพื่อน
"เต็มที่ได้เลยฟิวไม่ต้องกลัว" น้องเก้าแหวกขา หันรูให้เพื่อนได้ลองเสียบเข้าไปในตัวครั้งแรก
ผมช่วยแหวกรูให้น้องฟิวดันควยเข้าไปในตัวเก้าได้ง่ายขึ้น เห็นน้องดูตื่นเต้นมากค่อยๆ จับเอาแท่งตัวเองยัดเข้าไปได้จนมิดลำ
"อ่าา... แน่นดีจัง... เย็นมาก... ซี๊ดดด... น้องฟิวครางเสียงสั่น พร้อมกับลองโยกเอวเข้าออกซอยตูดเพื่อนตัวเองไปด้วยเบาๆ ทำเอาผมเสียวตามชักว่าวจนเริ่มใกล้แตกตามน้องฟิวไปแล้ว
"อ่าา... พี่มิกครับ... ปากผมว่างแล้วนะครับ... อืมมม..." น้องเก้าเชื้อเชิญ ผมเลยไม่รอช้า จับน้องขยับให้คอพาดห้อยไปกับขอบเตียง จับเอาควยผมที่แข็งเต็มที่ยัดใ่ส่ปากน้อง ดันลึกจนมิดด้ามเข้าไปในคอเล็กๆ ของเก้า
"อ่าา... เก่งมากเก้าา... ซี้ดด..." ผมเริ่มกระเด้าสวนใส่ปากน้อง จนร่างเล็กๆ โยกขึ้นลงไปมาจากแรงเด้าของน้องฟิวด้วยจนเสียงร้องอู้อี้ดัง อั๊กกๆๆๆ... เป็นจังหวะ
ตอนนี้ผมกับน้องฟิวเหมือนช่วยกันเย็ดน้องเก้าคนละรู ฟิวคุกเข่าจับขาเย็ดตูดเพื่อนแบบนอนหงายอยู่บนเตียง ส่วนผมยืนเเย็ดปากเก้าอีกฝั่งตรงขอบเตียง เป็นภาพที่เสียวเกินจินตนาการมาก
"อ้าาา... เบสท์... เราใกล้แล้ว.... อืมมม..." น้องฟิวเริ่มกระแทกรัวขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงเนื้อวิญญาณกระทบกันดัง ปั๊ปๆๆๆ...
"อืมม... พี่ก็ใกล้แล้วเก้า... อ้าาา..." ผมเลยจับหัวเก้าประครองไว้เร่งกระแทกปากน้องรัวๆ ตามจนทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จนผมถึงจุดสุดยอดไปก่อนคนแรก กระแทกค้างไว้ในคอน้องปล่อยให้น้องเก้าดูดพลังงานจากควยผมไปได้เต็มที่
"แตกแล้วเบสส์... เราแตกแล้ว... อ้าาาส์...." น้องฟิวกระแทกสุดแรง ปล่อยความรักและความทรงจำทั้งหมดผ่านเข้าสู่ตัวเพื่อนรัก ทำเอาน้องเก้าตัวโก่งสุดๆ คงเสียวมากที่โดนแตกสองทางไปพร้อมๆ กันแบบนี้เป็นครั้งแรก ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์เสียวแบบใหม่ของน้องเก้าเลย
...
"งืออ... หนาวจังพี่ หนาวมากเลย" น้องฟิวตัวสั่นเทาเล็กน้อย คงยังไม่ชินกับการถูกน้องเก้าดูดพลังไปเมื่อครู่
"งั้นกลับเข้าร่างก่อนนะฟิว ไปนอนทับบนร่างตัวเองได้เลย จะได้อุ่นขึ้น" ผมพูดพลางพยักหน้าให้น้องทำตาม แล้วตัวเองก็หันไปหาน้องเก้าที่นอนหอบอยู่ปลายเตียง ผมค่อยๆ นั่งลงข้างๆ แล้วเอื้อมมือไปลูบผมน้องเบาๆ
"เป็นไงบ้างเก้า วันนี้เก่งมากเลย"
"ขอบคุณครับ..." เก้ายิ้มบางๆ ก่อนพูดต่อด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย "รู้สึกดีมากเลยครับ แถมจำเรื่องของฟิวได้ทั้งหมดแล้ว เพิ่งรู้เลยว่าฟิวรักผมมากขนาดนี้" พูดจบ น้ำตาใสๆ ก็คลอเต็มขอบตาน้อง
"งั้นฝากดูแลฟิวอีกคนด้วยนะเก้า คนเก่งของพี่..." ผมพูดพร้อมยกมือปาดน้ำตาน้อง ก่อนก้มลงจูบปากเบาๆ อย่างอ่อนโยน
"ได้ครับ... พี่กลับเข้าร่างเถอะ เดี๋ยวจะหนาว" เสียงน้องพูดเบาเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป
"ขออีกแป๊บนึงนะ... นานๆ จะได้กอดเก้าแบบนี้" ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น นอนกอดน้องไว้แนบอก ทั้งหนาวทั้งอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความผูกพันแปลกๆ ที่ยากจะอธิบาย... ยิ่งอยากปกป้องไม่ให้ใครมาทำอะไรน้องได้อีกแน่ๆ
"เวลผมขึ้นเป็น 8 แล้วนะครับ... สงสัยจะได้มาจากตอนช่วยฟิวให้หายเศร้าแน่เลย" เก้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มจางๆ
"ดีจังเลยเก้า... เด็กอะไรทั้งน่ารักทั้งเก่งเลย" ผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ
น้องหน้าแดงนิดๆ ก่อนจะตอบ "พี่ก็เก่งเหมือนกันครับ ขอบคุณมากนะครับ..."
"งั้นพี่กลับเข้าร่างก่อนนะ"
"ครับผม... รักพี่มิกนะครับ" เสียงน้องดังขึ้นก่อนจะโน้มตัวมาจูบลาเบาๆ ความเย็นจากริมฝีปากนั้นส่งต่อมาจนถึงหัวใจ
ผมหลับตา ก่อนกลับเข้าไปในร่างของตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง รู้สึกถึงลมหายใจของตัวเองที่เริ่มกลับมาปกติ แต่หัวใจกลับแน่นไปหมด...คำว่า “รักพี่มิกนะครับ” ยังคงก้องอยู่ในหัว ยิ่งทำให้ผมเสียดาย ไม่อยากให้น้องเก้ารีบไปเกิดใหม่เลยจริงๆ
เลยกลับมานอนสอดตัวกอดร่างอุ่นๆ ของน้องฟิวเอาไว้ จนน้องเริ่มหยุดสั่นจากความหนาวแล้ว
ถึงแม้วันนี้เราจะต้องผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วยกัน แต่ผมก็มีความสุขมาก... ที่อย่างน้อยได้เติมเต็มความรู้สึกและความทรงจำดีๆ ให้กับน้องฟิวกับน้องเก้าอีกครั้ง และหวังว่าทั้งคู่จะได้กลับมาเป็นเพื่อนรักกันได้เหมือนเดิม... ก่อนที่บางอย่างจะพรากความสุขนี้ไป
ไม่นานนัก ผมกับฟิวก็พากันหลับไปทั้งแบบนั้น... คาอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างอบอุ่น... พอจะทำให้ลืมความหนาวเหน็บก่อนหน้านี้ไปได้ชั่วขณะเลย
.....
อ่านตอนต่อไป...>>ตอน 14 - เสียวกันยันข้ามปี<< ขอบคุณครับ อ่านจบแล้วครับลงต่อได้555 ตอนนี้ไม่มีกล่าวถึงน้องกายเลย รอตอนต่อไปครับ
ยังจำได้ว่ากายอยากให้พี่มิก ได้มีลองมีอะไรกับแฟนของตัวเอง ตอนต่อไปจะมีไหมหนา จะไปจบตรงไหนหละครับเนี่ย รอติดตามนะครับ {:5_135:} สนุกมากครับ ยาวจุใจดีครับ สนุกตื่นเต้นดีครับ ขอบคุณ มาต่ออีกนะครับสนุกมาก ขอขอบคุณมากๆนะครับสนุกมากๆรอติดตามตอนต่อไป ซีรีส์นี้มีทุกแนวจริงๆ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ ครับ รอตอนต่อไป ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ยาวจุใจดีมากครับ อย่าหายไปนานนะครับ เรื่องราว ค่อยๆออกมาเรื่อย ๆ ละ สนุกครับ ชอบมากกก ขอบคุณครับ {:5_135:} zero_dice ตอบกลับเมื่อ 2025-10-13 17:44
ซีรีส์นี้มีทุกแนวจริงๆ
มาเลยพ่อหนุ่ม เราได้ทุกแนว
หน้า:
[1]
2