NOOFONG โพสต์ 5 ชั่วโมงที่แล้ว

หัวใจดีไซน์ Ep.15 (สถาปนิกxคนงานก่อสร้าง)







กลิ่นน้ำมันผัดกับไข่ลอยออกมาจากในครัว เสียงกระทะกระทบตะหลิวดัง ฉ่า อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นะโมจะเดินออกมาพร้อมจานข้าวไข่เจียวร้อน ๆ ในมือ


พระพายนั่งนิ่งมองตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่พอจานถูกวางลงตรงหน้า ภาพตรงหน้าก็ทำเอาเขาแทบจะกุมขมับ ไข่เจียวสีเหลืองทองโปะบนข้าวสวยร้อน ๆ แถมมีซอสมะเขือเทศบีบเป็นรูปหัวใจเด่นหราอยู่ด้านบน


“นี่…” พระพายเลิกคิ้วสูง มองสลับหน้ากับจานตรงหน้า “มึงจริงจังขนาดนี้เลยเหรอวะ”


นะโมยักคิ้ว ส่งยิ้มกวน ๆ “แน่นอนสิ ทำด้วยใจ…เห็นมั้ยหัวใจดวงโตเบ้อเร่อ”


พระพายถอนหายใจแรง ๆ เหมือนจะพูดว่า กูควรจะชินใช่มั้ย แต่ก็เงียบไปในที่สุด มือยกช้อนขึ้นช้า ๆ ราวกับยอมจำนนต่อความดื้อด้านนี้


ด้านข้าง ธีร์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ตั้งแต่ต้นถึงกับกลอกตา มุมปากยกขึ้นนิด ๆ อย่างระอา “ไอ้ห่าน้องกู…มึงจะเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเรอะ”


นะโมหันไปหัวเราะใส่พี่ชาย ไม่สะทกสะท้านสักนิด “ก็เมียกูทั้งที จะให้เสิร์ฟธรรมดาได้ไงวะ”


พระพายสะดุ้งแทบจะสำลักอากาศ หันขวับมาตาโต “มึงเลิกพูดคำว่าเมียสักทีได้มั้ย!?”


ธีร์ส่ายหัว พลางพึมพำเหมือนคนปลง “แม่ง…ชัดจนไม่ต้องสืบ”


นะโมที่มัวแต่ยิ้มกวนอยู่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ “อ้อ! ลืมไปเลย กูยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักกันนี่หว่า”


เขาหันไปทางพี่ชายแล้วชี้มาที่พระพายด้วยหน้าตาเต็มไปด้วยความภูมิใจ “นี่…พระพาย น่ารักใช่มั้ย”


พระพายแทบสำลักข้าวไข่เจียวในปาก รีบยกช้อนขึ้นบังหน้า “ไอ้สัสนะโม! มึงพูดบ้าอะไรของมึงเนี่ย!”


ธีร์ที่นั่งกอดอกอยู่ก็หลุดหัวเราะ พยักหน้าช้า ๆ “อืม…น่ารักจริงแหละ” แล้วก็ยื่นมือไปทางพระพาย “ธีร์นะครับ พี่ชายไอ้นะโม”


พระพายเงอะงะไปชั่วครู่ แต่ก็ยื่นมือไปรับอย่างเกรงใจ “อ…เออ สวัสดีครับ”


ธีร์ยิ้มบาง ๆ แต่สายตาเจือแววขี้เล่น “พระพายเป็นคนแรกเลยนะครับ ที่มันพามาแนะนำให้รู้จัก ปกตินะโมมันไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย”


ประโยคนั้นทำเอาพระพายหน้าแดงจัด ก้มหน้ามุดแทบลงไปในจานไข่เจียว ส่วนนะโมก็หัวเราะร่วน ยักคิ้วให้พี่ชายอย่างคนได้ที


“ก็บอกแล้วไง…ของจริงต้องเปิดตัว”


ธีร์นั่งพิงพนักเก้าอี้ มองน้องชายที่เอาแต่ยิ้มกวนจนปวดหัว แล้วถามขึ้นตรง ๆ


“อีกสองวันมึงจะบินแล้วไม่ใช่? ไม่ไปเตรียมตัวอะไรหน่อยรึไง มัวแต่มานั่งทำอะไรอยู่นี่”


นะโมหันมายักไหล่แบบไม่เดือดร้อน “ไม่ไปว่ะพี่ กูตัดสินใจแล้ว เดี๋ยวทำเรื่องย้ายกลับมาเรียนที่ไทยแทน”


ธีร์ถึงกับส่ายหัวทันที “ไอ้นี่…เอาจริงดิ?”


นะโมหันไปทางพระพายที่นั่งทำหน้าไม่ถูก แล้วยกมือเท้าคางยิ้มกวน “จะให้กูไปยังไงวะ มึงดูหน้าเมียกูก่อนดิ สวยขนาดนี้…กูหวง”


พระพายชะงักแทบทำช้อนหลุดจากมือ เงยหน้ามาถลึงตาใส่ทันที “ไอ้เหี้ย! มึงพูดบ้าอะไรต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว!”


แต่แทนที่จะหยุด นะโมกลับยิ้มกว้างกว่าเดิม พูดต่อหน้าพี่ชายหน้าตาย “ถ้ากูไม่อยู่ แล้วมีใครมาเกาะแกะ จะทำยังไงล่ะพี่”


ธีร์ถึงกับเอามือกุมขมับ “โอ๊ย…กูละหน่ายไอ้น้องกูจริง ๆ มึงนี่แม่ง…”


เสียงกระดิ่งหน้าร้านดัง กริ๊ง ประตูถูกผลักเข้ามา หญิงวัยกลางคนในชุดสุภาพสะอาดตาก้าวเข้ามาในร้านอย่างไม่ตั้งใจ แต่สายตาคมอ่อนโยนทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมาทันที


“แม่!” นะโมร้องเสียงดัง ก่อนพุ่งเข้าไปกอดแขนแน่นเหมือนเด็ก ๆ เอาหน้าถูไถต้นแขนไม่หยุด ทำเอาลูกค้าบางโต๊ะหัวเราะคิกคักกับภาพคุณชายร่างสูงกลายเป็นลูกอ้อนตัวโต


พระพายที่นั่งอยู่ถึงกับอึ้ง เขาไม่เคยเห็นนะโมในมุมนี้มาก่อน…ทั้งสดใส ทั้งอบอุ่น ราวกับเป็นอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง


นะโมไม่รอให้ใครตั้งตัว เดินโอบเอวแม่พามานั่งตรงข้ามพระพายทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจเต็มเสียง “แม่ครับ…นี่พระพาย แฟนผมครับ”


พระพายรีบส่งสายตาหันขวับไปทางนะโม กูไปเป็นแฟนมึงตอนไหนวะ! แต่เพราะถูกจับจ้องอยู่หลายคู่ตา เขาจึงทำได้แค่ยิ้มเกร็ง ๆ แล้วเอ่ยสั้น ๆ “สวัสดีครับ”


แม่ของนะโมมองแวบเดียวก็รู้ทันทันที ยกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะเบา ๆ “ไอ้ตัวดี…ไปบังคับเขามาใช่มั้ย”


พระพายรีบโบกมือปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันพูด นะโมก็แทรกขึ้นมาทันที “ไม่ใช่นะแม่! คนนี้ผมชอบจริง ๆ …แล้วก็จริงจังมากด้วย” น้ำเสียงที่พูดนั้นกลับหนักแน่นจนคนฟังเผลอชะงัก


แม่ยิ้มบาง ๆ ถอนหายใจคล้ายคนทั้งเอ็นดูทั้งปวดหัว “แล้วไม่กลับไปเรียนต่อแล้วหรือไง เจ้าตัวดี”


นะโมหันไปสบตาแม่ตรง ๆ คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มกวนอีกต่อไป “ผมจะย้ายกลับมาเรียนที่ไทยครับ สัญญาเลยว่าจะตั้งใจเรียน แล้วก็จะช่วยงานแม่ทุกอย่าง ไม่หนีเที่ยวอีกแล้ว”


ธีร์ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ถึงกับยกแก้วกาแฟขึ้นบังหน้ายิ้มกว้าง “โห…พูดคำว่าสัญญาได้แบบนี้ สงสัยจะมีแรงบันดาลใจใหม่จริง ๆ ว่ะ”


แม่ยิ้มบาง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดีแล้วนะ ที่คบใครก็พามาให้แม่รู้จัก จะได้ช่วยดูแลกันไป…ลูกแม่รักใคร แม่ก็รักด้วยเหมือนกัน”


พระพายนั่งตัวตรงเกร็ง ๆ คำง่าย ๆ ที่ได้ยินกลับเหมือนหนักเกินรับ เขาไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากก้มศีรษะเล็กน้อยแทนคำตอบ


นะโมยิ้มกว้างจนแทบหุบไม่อยู่ รีบพูดต่อ “แม่รู้มั้ย พระพายเป็นสถาปนิกที่เก่งมากเลยนะ แฟนผมเนี่ยเก่งที่สุดแล้ว” เสียงเต็มไปด้วยความภูมิใจ


พระพายรีบกระซิบเสียงต่ำ “มึงหยุดเรียกกูแบบนั้นต่อหน้าแม่มึงได้มั้ย!” แต่เสียงก็เบาเกินกว่าจะกลบความจริงจังของนะโมที่พูดออกไป


แม่หัวเราะเบา ๆ พยักหน้าอย่างเอ็นดู “เก่งขนาดนี้ก็ดีสิ ถ้านะโมเรียนจบแล้ว ก็มาช่วยกันทำธุรกิจต่อไป แม่ลงทุนให้เอง”


ธีร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับยกมือปิดหน้า มองบนรัว ๆ แม่กูแม่งสายซัพพอร์ตเกินต้านจริง ๆ …


พระพายนี่สิ หน้าร้อนผ่าวจนแดงจัด ไม่รู้จะซุกไปตรงไหนแล้ว รู้สึกเหมือนโดนลากเข้ามาเป็นครอบครัวโดยที่ยังไม่ทันตั้งหลัก แต่ในอกลึก ๆ กลับอุ่นขึ้นอย่างประหลาด


นะโมหันไปมองพระพายอีกที คราวนี้แค่ยิ้มกว้างแบบไม่ต้องพูดอะไร เพราะคำพูดของแม่มันชัดเจนพอแล้วว่า เส้นทางนี้มีไฟเขียวเต็ม ๆ









ไฟหน้ารถดับลงเมื่อจอดที่หน้าคอนโด พระพายเปิดประตูลงมาก้าวออกมา แต่ทันทีที่เท้าแตะพื้น ภาพวันนั้นที่เขาเคยตะคอกไล่นะโมกลับไปแวบขึ้นมาในหัว ความรู้สึกผิดตีกันในอกจนชะงักไปครู่หนึ่ง


เขาหันกลับไปมองคนในรถที่กำลังจะออกรถ แล้วก็ยกมือเคาะกระจกเบา ๆ ก๊อก ก๊อก


นะโมกดเลื่อนกระจกลง “อะไรครับเมีย?” ยิ้มกวนมาเต็มใบหน้า


พระพายเลิกคิ้วนิด ๆ แต่เสียงเบากว่าที่คิด “ไม่ขึ้นไปนั่งเล่นที่ห้องกูหน่อยเหรอ”


คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่สำหรับนะโมเหมือนประโยคสวรรค์ เขาเบิกตากว้างก่อนรอยยิ้มกว้างฉีกจนแทบไม่เหลือที่บนหน้า


“จริงนะ!? กูได้ขึ้นไปจริง ๆ ใช่มั้ย!?” น้ำเสียงตื่นเต้นจนพระพายต้องเบือนหน้า รีบพูดกลบเก้อ “ก็บอกแล้วไง…จะชวนก็คือชวน ไม่ต้องมาถามย้ำ”


นะโมรีบดับเครื่องรถ กระโดดลงมาแทบจะทันที ร่างสูงเดินตามพระพายขึ้นไปแบบเร็วจี๋ เหมือนหมาตัวโตที่กระดิกหางตามเจ้าของไปทุกฝีก้าว


พระพายเหลือบมองข้าง ๆ แล้วส่ายหัวเบา ๆ “มึงแม่ง…ดีใจกับเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ไปได้”


นะโมหันมายิ้มเต็มตา “ไม่เล็กเว้ย นี่มันเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่มากด้วย!”


ทันทีที่ประตูห้องถูกผลักเปิดออก เสียง แกร๊ก ยังไม่ทันเงียบดี ร่างสูงของนะโมก็กระโจนเข้ามากอดพระพายจากด้านหลังแน่นจนคนถูกกอดแทบเซล้ม


“โคตรคิดถึงมึงเลย…” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยใกล้ใบหู “คิดถึงกลิ่นหอม ๆ ของมึงชิบหาย”


พระพายพยายามดันอกแรง ๆ แต่ก็ไร้ประโยชน์ แรงไม่พอจะผลักคนตัวโตให้ถอยออกไป สุดท้ายก็ปล่อยให้กอดอยู่อย่างนั้น ใบหูร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้าหลบ


นะโมยิ่งได้ใจก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น ก่อนดึงแขนลากพระพายไปนั่งที่โซฟา แล้วจับให้อีกคนนั่งทับลงบนตักตัวเองหน้าตาเฉย


“เฮ้ย! มึงเล่นอะไรของมึงเนี่ย!” พระพายโวย แต่เสียงสั่นจนไม่น่าเชื่อว่าจะจริงจัง


นะโมไม่ตอบโต้ กลับซบหน้าลงกับแผ่นอกบาง ซึมซับลมหายใจและความอบอุ่นของคนตรงหน้าเหมือนกลัวจะหายไป


“กูคิดว่าจะเสียมึงไปแล้วซะอีก…” คราวนี้เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วลง แฝงเศร้าจนพระพายชะงัก หัวใจสะท้านตามไปด้วย


พระพายยกมือขึ้นค้างกลางอากาศ ไม่รู้ควรจะผลักออกหรือจะวางบนหัวอีกคนดี แต่สุดท้ายก็วางลงบนหัวของนะโม ลูบเบา ๆ อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ราวกับไม่อยากยอมรับ แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้


“ทำไมถึงชอบกูล่ะ…” เสียงแผ่วลอดออกมา “กูไม่เห็นจะมีอะไรให้มึงชอบสักหน่อย”


นะโมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาคมเต็มไปด้วยความดื้อดึง “รู้ได้ยังไงว่าไม่มีอะไรให้ชอบ”


พระพายเบือนหน้า หลุบตาอ้อมแอ้ม “งั้น…ก็ลองบอกมาสิ ว่าชอบตรงไหนของกู”


ทันทีที่พูดจบ นะโมยิ้มมุมปาก ก่อนยกมือใหญ่ขึ้นมาคลี่นิ้วไล่ไปตามตัวพระพายอย่างใจเย็น ปลายนิ้วแตะตรงขมับเบา ๆ


“ตรงนี้…กูก็ชอบ เวลามึงขมวดคิ้วเวลาเถียงกู”


นิ้วเลื่อนลงมาที่สันจมูก จับเบา ๆ เหมือนกลัวอีกฝ่ายสะบัดหนี “ตรงนี้ก็ชอบ เวลามึงทำหน้างอน มันโคตรน่ารัก”


จากนั้นก็แตะริมฝีปากบางด้วยแววตาล้อเลียน “แล้วตรงนี้…กูก็ชอบเหมือนกัน”


พระพายสะดุ้งผลักอกทันที “ทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย!”


แต่ยังไม่ทันได้ผลักออก นะโมก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ กดจูบเบา ๆ แค่ปลายปาก คล้ายจะยั่วให้หัวใจอีกฝ่ายเต้นแรงกว่าเดิม


“ก็มึงบอกให้บอกนี่หว่า ว่ากูชอบตรงไหนบ้าง…” เสียงทุ้มเจือหัวเราะในลำคอ


พระพายหน้าร้อนผ่าว รีบเบือนหน้าหนี “ไอ้บ้า…กวนตีนที่สุด”


นะโมจับข้อมือทั้งสองกดลงกับเบาะโซฟา ดวงตาคมกวาดมองเหมือนอยากกลืนกิน


“กูบอกแล้วใช่มั้ย ว่ากูชอบมึงทุกตรง…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยใกล้จนลมหายใจรดริมฝีปาก


พระพายสะท้านไปทั้งตัว ยิ่งพยายามห้ามก็เหมือนยิ่งถูกเร่งเร้า ปลายนิ้วของนะโมไล้ตามแนวกราม ลากลงมาที่ต้นคอ ก่อนจะโน้มลงประกบจูบที่ไม่มีคำว่าแกล้งเล่นอีกต่อไป


ริมฝีปากร้อนจัดบดขยี้ลงมาอย่างเอาแต่ใจ เสียงครางต่ำเล็ดลอดจากลำคอพระพายโดยไม่รู้ตัว มือที่ถูกกดตรึงไว้สั่นระริก ดวงตาเบิกกว้างแล้วค่อย ๆ ปิดลงเมื่อแรงต้านทุกอย่างเริ่มสั่นคลอน


นะโมไม่ได้ให้เวลาหายใจ ปากร้อนเคลื่อนไล่บดเบียด ซุกซนกัดเบา ๆ ที่ริมฝีปากล่าง ก่อนแทรกปลายลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดอย่างเร่าร้อน กลิ่นกายผู้ชายชัดเจนราวกับกลืนกินทุกอณูอากาศในห้อง พระพายพยายามจะเอียงหน้าหนี แต่กลับถูกมืออีกฝ่ายบังคับให้นิ่ง รับสัมผัสนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ลมหายใจทั้งคู่ถี่กระชั้น เมื่อริมฝีปากผละออกเพียงเสี้ยววินาที นะโมก็ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอ ฟันคมขบเนื้ออ่อนจนพระพายสะท้านเฮือก


มือใหญ่เลื่อนจากการตรึงข้อมือ มาจับเอวบาง บีบแน่นเหมือนจะไม่ยอมปล่อยไปไหน ลมหายใจร้อนจัดไล้ตามต้นคอ ไถลลงถึงไหปลาร้า แล้วขบเม้มจนขึ้นรอยจาง ๆ บนผิว


พระพายสะบัดหน้า แก้มร้อนจัดราวกับไฟลาม แต่ร่างกายกลับอ่อนแรงลงทุกที เมื่อมือของนะโมลูบต่ำลงไปตามลำตัว ราวกับตั้งใจจะสำรวจทุกส่วนที่เขาอยากครอบครอง


เสียงทุ้มพร่าของนะโมคลอเคลียอยู่เหนืออก "กูชอบมึงจริง ๆ นะ ทำไมวันนั้นต้องหนีกูไปด้วย…"


พระพายกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาหลุบลงหลบสายตาที่ทั้งจริงจังทั้งร้อนแรงของอีกฝ่าย "กู…แค่ตกใจ" เสียงแผ่วสั่นเหมือนคำสารภาพ


นะโมยกมือขึ้นประคองแก้ม ลมหายใจอุ่นรดใกล้ "งั้นให้โอกาสกูได้มั้ย… กูจะรักมึง ดูแลมึงอย่างดี จะไม่ทำให้มึงเสียใจ" น้ำเสียงหนักแน่น แต่สายตากลับอ้อนวอนอย่างที่พระพายไม่เคยเห็นมาก่อน


หัวใจเขากำลังจะเผลอตกลงอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลิ้นร้อนของนะโมก็เลียผ่านยอดอกสีอ่อนไปช้า ๆ เสียงสูดหายใจเฮือกดังขึ้นทันที "อ๊ะ…นะโม…" ร่างกายสะท้านสั่นเมื่อถูกดูดเม้มแรงพอให้ความร้อนแผ่ซ่านไปทั้งอก


นะโมไม่รอให้เวลาผ่านไปอีก เขาก้มลงบดจูบพระพายอย่างหนักหน่วง มือใหญ่กดตรึงเอวบางแน่นราวกับจะไม่ยอมให้หนีไปไหน ร่างกายที่ซ้อนทับกันแนบสนิทจนรู้สึกได้ถึงความแข็งร้อนที่ดุนดันอยู่ใต้กางเกง


พระพายสะท้านไปทั้งตัว ลมหายใจติดขัด สองมือที่เคยผลักไสกลับเผลอเกี่ยวหลังอีกฝ่ายแน่น “นะโม…กู…” เสียงพร่าขาดห้วง แต่กลายเป็นการยอมรับโดยไม่ต้องพูดออกมาเต็มประโยค


นะโมขยับต่ำลง ปลายนิ้วลากผ่านหน้าขา ไล่ลงช้า ๆ ก่อนจะดึงกางเกงตัวบางออกไปจนพ้น ร่างพระพายแดงจัดด้วยความเขินอาย แต่กลับไม่มีแรงจะห้ามได้อีกแล้ว ความร้อนแล่นพล่านเมื่อมือใหญ่โอบกระชับแล้วรูดรั้งให้สั่นสะท้านครางออกมา


“เสียงมึงแม่งทำกูบ้า…” นะโมก้มกระซิบ ก่อนจะกดจูบต่ำลงไปอีกครั้ง ใช้ลิ้นร้อนเลียวนจนพระพายตัวเกร็ง แอ่นกายหนีแต่กลับถูกกดตรึงไว้ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหมือนยอมจำนน


เมื่อเรือนร่างพร้อมจะมอบให้กันเต็มที่ นะโมก็ปลดซิปกางเกงของตัวเองออก เผยความแข็งร้อนที่ชี้ดันขึ้นมา เขากดหน้าผากเข้าหากัน สบตาอย่างเอาจริงเอาจัง “กูจะทำให้มึงมีแต่กู จำได้มั้ย”


พระพายกัดปากแน่น หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมา สุดท้ายก็พยักหน้าช้า ๆ ความเขินอายละลายไปพร้อมกับแรงปรารถนาที่โหมกระหน่ำ


นะโมขยับสะโพกเข้าหาอย่างระมัดระวัง ช้า ๆ แต่หนักแน่น ร่างพระพายสะท้านเฮือก มือกำเบาะแน่น เสียงครางพร่าเล็ดลอด “อ๊ะ…!” น้ำตาคลอเพราะความรู้สึกที่ถาโถมทั้งเจ็บทั้งสุข แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมแปลกใหม่


เมื่อทุกอย่างเข้ากันสนิท นะโมก็ก้มลงจูบปิดเสียงคราง ปรับจังหวะขยับเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะเร่งเร้าขึ้นเรื่อย ๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังผสานกับเสียงหอบพร่าของทั้งสองในห้องแคบ ๆ


พระพายตัวสั่นสะท้าน แผ่นหลังโค้งขึ้นรับแรงกระแทก ความสุขแล่นพล่านจนสมองขาวโพลน ริมฝีปากบางพร่ำเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนยอมจำนนต่อทุกสัมผัส


“นะโม…กู…ไม่ไหวแล้ว” เสียงพร่าขาดห้วงสั่นสะท้าน


นะโมบดจูบซ้ำ ขยับแรงและเร็วขึ้นจนร่างทั้งคู่ถึงขีดสุดพร้อมกัน ความเร่าร้อนปะทุออกมาเหมือนเปลวไฟที่เผาผลาญทุกแรงต้าน เหลือเพียงแค่ร่างกายสองร่างที่พันผูกกันแนบแน่น


เสียงหอบถี่ดังท่ามกลางความเงียบ ร่างทั้งสองกอดรัดกันแน่นเหมือนไม่อยากให้ช่องว่างใด ๆ แทรกเข้ามา


พระพายนอนซบอกนะโม ใบหน้าซ่อนความร้อนผ่าว ลมหายใจยังไม่ทันเรียบ “ไอ้บ้า…กวนตีนตลอด แต่กูก็ยอมมึงอยู่ดี”


นะโมหัวเราะเบา ๆ กอดเอวอีกคนแน่นขึ้น กระซิบเสียงพร่า “แค่มึงยอม กูก็จะไม่ปล่อยมึงไปไหนอีกแล้ว”


ร่างของพระพายยังแทบไม่ทันได้หายใจเต็มปอด ร่างกายหนักอึ้งอ่อนระโหยซบอยู่บนอกอีกฝ่าย แต่เจ้าหมาเด็กกลับไม่ยอมสงบง่าย ๆ นะโมกดจูบซ้ำบนขมับ ก่อนเลื่อนมาขบเม้มที่ติ่งหู เสียงหัวเราะพร่า ๆ ดังข้างแก้ม “กูยังอยากมึงอยู่เลยว่ะ…รอบเดียวไม่พอ”


“นะโม…พอก่อน…กูจะตายแล้ว” พระพายครางหอบ ดวงตาแดงก่ำจากความเหนื่อยล้า แต่ยังไม่ทันจะได้พักดี ๆ ร่างสูงก็ขยับบดเบียดเข้ามาอีกครั้งโดยไม่สนคำห้าม


“ขออีกนะ…แค่รอบเดียวจริง ๆ” เสียงทุ้มเอาแต่ใจเหมือนลูกหมาที่ขี้ตื้อ แต่แรงที่กดกระแทกกลับไม่เบาเลยแม้แต่น้อย พระพายสะท้านเฮือก ครางเสียงหลงจนแทบไม่เหลือสติจะด่าอะไรออกมาได้


ทุกครั้งที่พระพายคิดว่า “ครั้งนี้คงรอบสุดท้ายแล้ว” เจ้านะโมก็จะหายใจฟืดฟาด กอดรัดแน่นขึ้น แล้วกระซิบข้างหู “อีกนิดนะ…กูยังไม่พอเลย” ก่อนจะกดร่างเข้าไปจนลึกสุด ความเร่าร้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระหน่ำใส่ร่างอ่อนล้า


จากรอบหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองกลายเป็นสาม ร่างของพระพายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสียงหอบครางปนเสียงสะอื้นไหว ๆ ดังก้องอยู่ในห้อง แต่แทนที่จะหยุด นะโมกลับจ้องมองด้วยสายตาหิวกระหาย ราวกับอยากกลืนกินอีกฝ่ายทั้งคืน


“นะโม…กูไม่ไหวแล้วจริง ๆ …!” พระพายร้องเสียงสั่น ร่างกายอ่อนแรงแทบจะขาดใจ แต่หมาเด็กก็ยังเอาแต่ใจไม่ยอมปล่อย


“ก็เพราะกูรักมึงไง…กูเลยอยากได้มึงอีก…อีก แล้วก็อีก…” เสียงพร่าทุ้มต่ำพรั่งพรูพร้อมแรงกระแทกที่ไม่หยุดพัก


ตับ! ตับ! ตับ! เสียงกระแทกดังถี่รัวไปพร้อมกับเสียงเนื้อกระทบกันจนห้องแทบสะเทือน พระพายสะท้านเฮือกทุกครั้งที่โดนเข้าเต็มแรง “อ๊ะ…นะโม…เบา…ไม่ได้แล้ว!” เสียงครางหลุดออกมาปนสะอื้น แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งถูกเร่งจังหวะ


“มึงมันโคตรน่ารักเวลาเป็นแบบนี้…” นะโมกัดฟันเอ่ย ร่างกายไม่ยอมผ่อนแรง กลับเร่งจังหวะหนักกว่าเดิม


พั่ก! พั่ก! พั่ก! พั่ก! เสียงเนื้อกระแทกเข้าหากันดังสนั่น ร่างพระพายโยกไหวตามแรงกระแทกจนแทบขาดใจ มือสั่นเทาจับเส้นผมอีกฝ่ายแน่นเหมือนเป็นทางเดียวที่จะยึดเหนี่ยวสติเอาไว้


พระพายครางเสียงหลง “ฮึ่ก! กู…กูไม่ไหวแล้วนะโม!” แต่หมาเด็กกลับหัวเราะหอบ ๆ ใส่หู “กูยังไม่พอ…” ก่อนจะโถมตัวเข้าใส่แรงขึ้นอีก


ตับ! ตับ! ตับ! รัวจนพระพายเผลอปล่อยเสียงร้องดังสะท้อนทั้งห้อง ร่างกายถูกครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด


ทุกครั้งที่พระพายกำลังจะปล่อยตัวสลาย นะโมก็จะกดจูบหนัก ๆ กลบเสียงคราง ก่อนจะกระแทกแรงจนอีกฝ่ายตัวสั่นสะท้าน “ของกู…ทั้งตัวนี่เป็นของกูคนเดียว” เสียงทุ้มพร่ากระซิบปนหอบ


ในที่สุดพระพายก็หมดแรงดิ้น หอบหายใจราวกับจะขาดใจ ปล่อยให้เจ้าเด็กขี้ตื้อครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งคืน ไม่รู้ว่าอีกกี่รอบถึงจะพอใจ


จนกระทั่งรุ่งเช้า แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ร่างสูงของนะโมก็กดกอดพระพายแน่นจากด้านหลัง ยังคงหอบเบา ๆ พลางซุกหน้าลงกับไหล่ “กูบอกแล้วไง…กูจะไม่ปล่อยให้มึงหนีอีกแล้ว”


พระพายนอนหมดแรง ร่างกายปวดระบมไปทั้งตัว เสียงพร่าแหบเอ่ยอย่างอ่อนล้า “หมาเด็กเอ๊ย…มึงมันขี้ตื้อชิบหาย”


นะโมหัวเราะในลำคอ ห่มผ้าให้ทั้งคู่แล้วกอดเอวบางแน่นขึ้น กระซิบเบา ๆ ข้างหู “ขี้ตื้อก็เพราะกูรักมึงนี่แหละ…พักก่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้กูยังอยากมึงอีก”


พระพายเบิกตากว้างนิด ๆ ทั้งเหนื่อยทั้งเขิน ใจเต้นแรงอีกครั้งแม้จะเพลียแทบขาดใจ สุดท้ายก็ได้แต่สบถเบา ๆ ก่อนซุกหน้าหนี “ไอ้หมาบ้า…”









ในห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรู เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกจัดวางอย่างประณีต แสงไฟคริสตัลระยิบระยับสะท้อนเงาลงบนพื้นหินอ่อนเงาวับ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พระพายจะเข้ามาส่งมอบงานในฐานะสถาปนิกผู้รับผิดชอบโครงการ


เขายืนเช็กเอกสารและแบบร่างบนโต๊ะประชุมอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออก เสียงรองเท้าหนังที่กระทบพื้นก้องกังวานชัดเจน นะโมก้าวเข้ามาในชุดสูทเข้ารูปสีดำสนิท เนคไทสีเข้มรับกับเรือนผมที่จัดทรงอย่างเนี้ยบ ทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยราศีของคนที่เป็นทั้งเจ้าของโครงการและชายหนุ่มผู้เพิ่งทำให้หัวใจของพระพายสั่นสะท้าน


สายตาทั้งคู่สบกันทันที รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นนั้นไม่ได้เป็นรอยยิ้มธรรมดาของนายจ้างกับสถาปนิก แต่เต็มไปด้วยประกายความรู้สึกที่เอ่อล้นจนปิดไม่มิด


“เอกสารครบหมดแล้วใช่มั้ยครับ” นะโมเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาที่มองพระพายกลับเจือแววหยอดหวานจนคนฟังต้องรีบเบือนหน้าหนี ใจเต้นแรงไม่ต่างจากเมื่อคืน


“ครบแล้วครับ…ไม่มีปัญหาอะไร” พระพายตอบสั้น ๆ แต่ปลายเสียงยังแอบสั่นนิด ๆ


นะโมก้มลงหยิบแฟ้มขึ้นมาดู ก่อนเลื่อนมือมาแตะหลังมือของพระพายใต้โต๊ะ แววตาคมปรายขึ้นสบกันอีกครั้ง ราวกับกำลังสื่อความในใจว่า เมื่อคืนยังไม่พอสำหรับกูหรอก พระพายรีบกระตุกมือกลับ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา แต่รอยยิ้มที่แอบผุดขึ้นบนมุมปากก็ห้ามไม่อยู่


บรรยากาศระหว่างทั้งคู่หวานล้นจนคนรอบข้างเริ่มแอบสังเกตได้ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยทัก กระทั่งช่วงพักเบรก คีตะเดินเข้ามาหาพระพาย ยิ้มเจ้าเล่ห์ตามสไตล์เพื่อนสนิท


“ช่วงนี้มึงดูสดใสขึ้นเยอะเลยนะ พระพาย” คีตะเอ่ย พลางตบบ่าเบา ๆ “เป็นยังไงบ้าง โลกใบใหม่ของมึงน่ะ”


พระพายเลิกคิ้ว หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ดวงตาอ่อนลงก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ดี… ขอบใจมึงนะ ที่ทำให้กูได้มองเห็นอะไร ๆ ชัดเจนขึ้น”


คำตอบสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ทำให้คีตะยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจ ก่อนจะปล่อยให้พระพายกลับไปหาคนที่กำลังยืนรออยู่มุมห้อง ไม่ทันไรก็ถูกดึงออกไปทางโถงด้านหลังโดยไม่เปิดโอกาสให้เอ่ยถามอะไรเลย ก้าวขายาว ๆ ของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความมั่นใจจนพระพายต้องรีบตาม


“เฮ้ย จะพาไปไหนวะ” พระพายถามเสียงขุ่น ๆ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่


“ไปส่งงานให้เสร็จไง” นะโมหันมายิ้มมุมปากตาหยี “ส่งงานกับกูสองต่อสอง”


ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็เข้ามาในห้องสวีทชั้นบนสุดของโรงแรมในเครือที่ใช้จัดการประชุม ประตูปิดดัง ปัง แสงแดดอุ่นจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่สาดเข้ามา เผยให้เห็นห้องที่หรูหราราวกับฉากในฝัน


พระพายขมวดคิ้ว “มึงนี่มัน…หมาเด็กจริง ๆ เลยนะ”


“ก็หมาของมึงไง” นะโมตอบทันที ก่อนจะถอดเนคไทออกโยนไว้บนโซฟา แล้วเดินเข้ามาใกล้จนพระพายต้องถอยหลังไปชนผนัง แววตาคมฉายชัดว่าทั้งกวน ทั้งหยอด และทั้งหิวไปพร้อมกัน


พระพายพยายามเบือนหน้าหนี “มึงจะทำอะไรอีกวะ เมื่อคืนยังไม่พออีกหรอ”


นะโมหัวเราะพร่า ก้มลงกระซิบชิดหู “ไม่เคยพอหรอก…โดยเฉพาะเวลามึงทำหน้าดุใส่กูน่ะ มันโคตรน่า…” เสียงทุ้มลากยาว ก่อนริมฝีปากจะกดลงบนซอกคอทันที


พระพายสะดุ้งเล็กน้อย มือดันอกอีกฝ่าย แต่แรงกลับเบากว่าที่คิด “นะโม…อย่าเพิ่ง…”


“สัญญาแค่…อีกนิดเดียว” นะโมแกล้งอ้อน ร่างสูงกดพระพายติดผนัง มือใหญ่ลูบเอวบางขึ้นลงช้า ๆ


พระพายถลึงตามอง พยายามกลั้นหายใจไม่ให้เผลอไหวตามสัมผัส แต่พอริมฝีปากร้อนกดลงซอกคอหนัก ๆ แรงดันก็เริ่มอ่อนลง “นะโม…เมื่อคืนทั้งคืน มึงยังไม่พออีกหรอวะ”


“ไม่พอ” คำตอบสั้น ๆ ชัดเจน พร้อมกับการกระแทกสะโพกเข้าหาเบา ๆ ราวกับยั่ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับบนใบหน้าที่หล่อเกินกว่าจะเป็นหมาเด็ก แต่สายตาและท่าทีเอาแต่ใจก็ฟ้องหมด


พระพายหอบเบา ๆ ใบหน้าร้อนผ่าว “กูเจ็บไปหมดแล้ว…”


นะโมกดหน้าผากลงแนบหน้าผากอีกฝ่าย สบตาอย่างจริงจังแต่แฝงความขี้ตื้อ “งั้นรอบนี้กูจะเบากว่าเดิม…”


ไม่รอคำตอบ มือใหญ่ก็ล้วงเข้ามาปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด กดจูบไล่ลงไปตามแผ่นอก ก่อนจะผลักพระพายลงบนเตียงคิงไซส์กลางห้อง เสียงผ้าปูเตียงยับย่นดังพร้อมกับเสียงหอบถี่


“นะโม…” พระพายครางชื่ออีกฝ่ายอย่างอ่อนล้า แต่ก็ไม่ดิ้นหนี


“ดี…เรียกชื่อกูอีก” น้ำเสียงทุ้มพร่าพร้อมกับริมฝีปากร้อนที่ครอบลงบนยอดอก จ๊วบ… เสียงดังชัดเจนจนพระพายสะท้านเฮือก มือเผลอขยุ้มผ้าปูเตียงแน่น


ไม่นานนัก ห้องสวีทที่เงียบสงบก็ถูกแทนด้วยเสียงครางพร่ากับจังหวะเร่าร้อน


ตับ! ตับ! พั่ก! พั่ก!


เสียงเนื้อกระแทกกันดังก้องสะท้อนผนังหรู พระพายกัดปากแน่น พยายามเก็บเสียงแต่ก็หลุดครางออกมาเรื่อย ๆ “อ๊ะ…อ๊ะ…นะโม!”


นะโมก้มลงจูบปิดปากเหมือนจะครอบครองทุกอย่าง เสียงหอบพร่าดังชิดแก้ม “โคตรรักมึงเลยว่ะ…กูจะไม่ปล่อยมึงไปไหนอีกแล้ว”


เสียง ตับ! ตับ! พั่ก! พั่ก! ยังคงดังรัวไม่หยุดจนผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ พระพายครางเสียงสั่นสะท้าน ร่างกายเกร็งกระตุกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายเหมือนแรงทั้งตัวถูกดูดออกไปหมด


“นะโม…พอแล้ว กูไม่ไหวแล้วจริง ๆ …” เสียงพร่าหอบหนัก ใบหน้าซุกกับหมอน ดวงตาแดงก่ำจากทั้งความเหนื่อยและความสุขที่ถาโถม


แต่แทนที่อีกฝ่ายจะหยุด นะโมกลับหัวเราะเบา ๆ พลางก้มลงกดจูบซับเหงื่อบนแผ่นหลัง “กูรู้…แต่มึงแม่งโคตรน่ารักตอนทำหน้าแบบนี้ กูเลยหยุดไม่ได้”


พระพายได้แต่ส่ายหน้าหมดแรง มือขยุ้มผ้าปูแน่น เสียงหอบยังไม่ทันเรียบ ร่างสูงก็โถมกอดจากด้านหลัง กดหน้าลงกับซอกคอ กระซิบพร่า “รอบนี้แค่กอดนะ…ไม่ทำแล้วก็ได้”


พระพายหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ลมหายใจร้อน ๆ รินรดข้างหู ใจหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อ แต่ก็ไม่มีแรงจะเถียงแล้ว


ทว่านะโมกลับยกแขนกอดรัดแน่นเหมือนหมาเด็กขี้อ้อน สะโพกยังแอบขยับเบา ๆ ติด ๆ กัน “กอดเฉย ๆ …แต่ขอขยับนิดนึงนะ”


พระพายสะดุ้งเฮือก “ไอ้หมาบ้า! มึงนี่มัน…” เสียงด่าขาดห้วงกลายเป็นเสียงครางเบา ๆ อีกครั้งเมื่อถูกเร้าใหม่


สุดท้ายทั้งห้องสวีทเงียบไป เหลือเพียงเสียงหอบอุ่น ๆ และแรงกอดแน่นหนาที่ไม่ยอมคลาย ร่างพระพายหมดแรงจมลงไปกับหมอน ขณะที่นะโมยังคงกอดไม่ปล่อย จูบแก้มซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกลัวอีกฝ่ายหายไป


“พักก่อนนะครับเมีย…” เสียงทุ้มกระซิบเบา ๆ ข้างหู เหมือนคำสัญญาที่จริงจังกว่าครั้งไหน ๆ




---------------------------------------
เสิร์ฟความหวานของคู่รองไปก่อน เดี๋ยวมาอัพคู่หลักรัว ๆ
แวะคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ
รออ่านทุกคอมเม้นต์เลยนะ
รักคนอ่าน


nuangnut1996 โพสต์ 4 ชั่วโมงที่แล้ว

สนุกมากครับ

princo78 โพสต์ 4 ชั่วโมงที่แล้ว

ขอบคุณครับ

leotero โพสต์ 3 ชั่วโมงที่แล้ว

จะได้ส่งมอบงานกี่โมงเนี่ย
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: หัวใจดีไซน์ Ep.15 (สถาปนิกxคนงานก่อสร้าง)