NOOFONG โพสต์ เมื่อวาน 09:51

เสือจิ่ง ตอน เสืออยากกินไก่ (แนวโจรดิบเถื่อน) 5





ลมป่าพัดผ่านช่องไม้ผุของกระท่อม เสียงหวีดหวิวลอดเข้ามา แต่ร่างใหญ่ที่นอนอยู่บนเสื่อกลับรู้สึกถึงความอุ่นเหมือนมีบางสิ่งกั้นบังไว้


เสือจิ่งค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาพร่ามัวจากพิษไข้ เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก ทุกครั้งที่พยายามจะขยับแขนซ้ายก็เจ็บจี๊ดจนต้องกัดฟันแน่น


เขามองลงไป เห็นผ้าที่พันแผลพันแน่นหนาดี แถมยังสะอาดกว่าที่คิด…คงเป็นฝีมือไอ้ภูผามันนั่นแหละ


หันสายตาไปอีกด้าน ภูผานอนข้าง ๆ ในท่าตะแคงหันหลังให้ลมที่พัดลอดเข้ามา เหมือนตั้งใจจะบังลมไม่ให้กระทบเขาโดยตรง


แม้จะหลับ แต่เหงื่อยังผุดเต็มขมับ คงเพราะเมื่อคืนเหนื่อยทั้งแบก ทั้งห้ามเลือด


เสือจิ่งเพ่งมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ๆ สักพัก ใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด


“เออ…ไม่เคยมองจริงจังเลยนะ”


ใบหน้าคมเข้มมีเสน่ห์ แววคิ้วเข้มเรียงชัด ดวงตาหลับพริ้มเหมือนนักรบที่พักกลางศึก เส้นผมสีดำขลับแนบกับหน้าผากเพราะเหงื่อ และริมฝีปาก…เรียบคม น่าจะนุ่มถ้าได้ลองจูบ—


“เอ้ยยยย กูคิดเหี้ยอะไรของกูวะเนี่ย!!” เสือจิ่งสบถในใจ รีบหลับตาปี๋เหมือนพยายามลบภาพออกจากหัว


แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับยิ่งห้ามยิ่งคิด เสียงหอบหายใจของภูผาที่ดังสม่ำเสมอกลับฟังดูเหมือนเสียงยั่วเย้าในหูเขาเอง


เสือจิ่งกัดฟันแน่น คิ้วขมวดแต่หน้าแดงจัด “แม่งเอ๊ย…กูคงไข้ขึ้นสูงจนเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ”


เสียงขยับตัวดังเบา ๆ ทำให้เสือจิ่งที่กำลังแอบมองสะดุ้ง เขารีบปิดตาแน่น แสร้งทำเป็นยังไม่ฟื้นตัว


ภูผาขยับลุกขึ้นนั่ง เอียงคอมองอยู่พักหนึ่งก่อนหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ “คิดว่ากูโง่เหรอ เสือ…ตื่นตั้งนานแล้วนี่หว่า แค่มาแอบจ้องหน้ากูอยู่”


เปลือกตาของเสือจิ่งกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยอมลืมตาขึ้นแล้วโวยแถ “ก็กูขยับไปไหนไม่ได้ มึงจะให้กูไปมองอะไรล่ะวะ ทั้งกระท่อมก็มีแต่หน้ามึงเต็มไปหมดเนี่ย!”


ภูผาหัวเราะเสียงดัง ส่ายหัวเบา ๆ “ปากดีแล้วนี่ คงหายไข้แล้วสินะ”


พูดจบก็เอามือหนาทาบลงบนหน้าผากของเสือจิ่ง ความเย็นจากฝ่ามือทำให้เสือจิ่งสะดุ้งเล็กน้อย


แต่ยังไม่ทันจะได้ด่าอะไรต่อ ภูผาก็เอามืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเอง เทียบอุณหภูมิอย่างตั้งใจ


“เออ…ไข้ลดลงเยอะแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ ๆ แต่แฝงความโล่งใจชัดเจน


เสือจิ่งจ้องเขม็ง แต่ใบหน้ากลับร้อนวาบโดยไม่รู้ตัว


ก่อนที่ภูผาจะเอ่ยยิ้ม ๆ เพิ่มอีกประโยค


“เมื่อคืนกูนี่แหละนั่งเช็ดตัวมึงทั้งคืน ไม่งั้นป่านนี้มึงได้กลายเป็นซากเสือไปแล้ว”


เสือจิ่งเบิกตากว้าง ก่อนกัดฟันด่าเสียงพร่า “ไอ้…เวร!”


แต่หางเสียงกลับสั่นจนดูเหมือนจะขอบคุณมากกว่าด่าเสียอีก


ภูผายกยิ้มมุมปาก ก่อนถามเสียงเรียบแต่เหมือนแฝงล้อเลียน


“เป็นถึงเสือ ปล้นมากี่ร้อยครั้งก็ไม่พลาด ทำไมคราวนี้ถึงเสียท่าแบบโง่ ๆ ล่ะ”


เสือจิ่งขมวดคิ้ว กัดฟันตอบ “ก็จริง…กูแม่งไม่ระวังเอง เพราะตอนนั้นกูมัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่”


ภูผาหัวเราะหึ ๆ ขยับหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม “คิดเรื่องกูใช่ปะ?”


“ไอ้—” เสือจิ่งพยายามจะยกหมัดซัด แต่แขนเจ็บจนยกไม่ไหว ได้แค่กัดฟันสบถ


ภูผาหัวเราะเต็มเสียง “ติดใจเด็กอย่างกูแล้วใช่มั้ยล่ะ”


เสือจิ่งหันหน้าหนีตั้งใจจะนอนตะแคงไปอีกด้าน แต่ยังไม่ทันขยับก็โดนภูผาคว้าไหล่ล็อคไว้แน่น


ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นเป่ารดแก้ม


“เสือจิ่ง…” เสียงทุ้มต่ำจริงจังผิดปกติ “มึงคิดยังไงกับกูวะ มึงยังเกลียดกูอยู่หรือเปล่า”


เสือจิ่งชะงักไป ดวงตาสั่นไหว แต่ปากกลับเม้มแน่น ไม่ตอบ


ภูผาไม่ปล่อย “ได้กูแล้ว…ไม่คิดจะรับผิดชอบกูหน่อยเหรอวะ”


เสือจิ่งหันขวับ สวนทันทีเสียงห้วน “รับผิดชอบห่าไร! กูสิวะที่ต้องถามมึง! กูแก่กว่ามึงตั้งหลายปี ไม่คิดจะเรียกพี่กูบ้างเลยหรือไง!”


คำพูดนั้นทำให้ภูผาหัวเราะพรืดออกมาเต็มเสียง ดวงตาเจ้าเล่ห์วาววับ ก่อนตอบหน้าตากวนตีนจัด ๆ


“ไม่อ่ะ…กูไม่อยากมีพี่ แต่กูอยากมีเมีย”


เสือจิ่งขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ยินคำว่า เมีย


เขาหันขวับใส่ ดวงตาลุกวาบ “มามงมาเมียอะไร กูเป็นผู้ชายเว้ย! อีกอย่าง…กูเป็นหัวหน้าชุมโจร ใครมันรู้เข้ากูโดนนินทาแน่!”


เสียงนั้นห้วนจัด แต่กลับมีแววสั่นเล็ก ๆ ปนอยู่


ภูผาจ้องตาไม่วาง แววเจ้าเล่ห์ที่มักฉายชัดเริ่มเลือนหายไป เหลือเพียงแววขุ่น ๆ ที่อ่านยาก


“อายเหรอวะ…”


คำถามนั้นแทงใจจนเสือจิ่งเงียบ ปากเม้มสนิท ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น


ภูผาหัวเราะหึในลำคอ แต่เสียงนั้นแผ่วลง ริมฝีปากขยับช้า ๆ เหมือนคนพูดทั้งที่ไม่อยากพูด


“งั้นกูก็เป็นได้แค่…คนในความลับของมึงสินะ”


ประโยคทิ้งท้ายทำให้บรรยากาศในกระท่อมหนักอึ้งลงทันที


ยังไม่ทันที่เสือจิ่งจะหาคำด่า หรือแม้แต่คำแก้ตัวออกมา


ภูผาก็ลุกพรวดขึ้นยืน ก้าวยาว ๆ ออกไป เสียงฝีเท้าหนักกระแทกพื้นไม้ดัง ตึง ตึง ตึง


เสือจิ่งชะงัก ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกตรึงกับเสื่อ


ปากขยับอยากจะตะโกนตาม แต่เสียงกลับไม่ยอมออกมา


แผ่นหลังกว้างนั้นเดินเร็วจัด ไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย


จนประตูไม้ผุ ๆ ส่งเสียง เอี๊ยด ปิดลง พร้อมกับร่างของภูผาที่หายลับไปจากสายตา


เสือจิ่งนอนพิงเสื่อเก่า ๆ หัวใจยังเต้นแรงไม่หายจากบทสนทนาที่เพิ่งผ่านมา


คิ้วเข้มขมวดแน่น เขาพึมพำกับตัวเองเสียงห้วน ๆ


“ไอ้เวรนั่นมันเป็นบ้าอะไรของมันวะ…”


เขาพยายามนอนนิ่ง รอเวลาให้ภูผากลับเข้ามา


แต่เวลาผ่านไปทีละนาที เสียงฝีเท้าที่ควรได้ยินก็ยังเงียบสนิท


เสือจิ่งเหลือบมองไปทางประตูไม้ผุ ๆ ที่ปิดอยู่อย่างเงียบงัน


มือข้างที่ยังมีแรงกำหมัดแน่น “แม่ง…ยังไม่กลับมาอีกเหรอ”


ในใจเริ่มก่อตัวความรู้สึกแปลก ๆ


จากตอนแรกที่คิดว่ามันก็แค่เดินออกไปสูดยาเส้น หรือไปหาฟืน


แต่พอนานเข้า ความคิดอีกแบบก็คืบคลานเข้ามา


“หรือว่า…มันทิ้งกูไว้จริง ๆ วะ”


หัวหน้าโจรผู้เคยกร่างไม่เกรงใครกลับรู้สึกเย็นวาบไปทั้งอก


ความเจ็บที่แขนยังแล่นปวด แต่สิ่งที่ทำให้ใจเต้นแรงกว่าคือภาพที่ตัวเองต้องนอนรอความตายอยู่คนเดียวในกระท่อมร้าง


ไร้ลูกน้อง ไร้เสียงกวน ๆ ของภูผา มีเพียงความเงียบที่กัดกินหัวใจ


เสือจิ่งกัดฟันแน่น พ่นลมหายใจหอบ ๆ ออกมา


“เชี่ยเอ๊ย…กูจะกลัวทำไมวะ…กูเป็นหัวหน้าโจรนะเว้ย”


แต่ยิ่งพยายามกดข่ม ความรู้สึกในอกก็ยิ่งบีบแน่น


เพราะลึก ๆ เขารู้ตัวเองดี ไม่ได้กลัวตาย…แต่กลัวถูกทิ้งไว้คนเดียวต่างหาก


เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ลุยพงหญ้ากลับมาที่หน้ากระท่อมไม้ผุ ๆ ทำให้เสือจิ่งที่นอนพิงผนังอยู่สะดุ้งเฮือก เขารีบเหลือบตาไปที่ประตู เห็นร่างสูงของภูผาโผล่เข้ามา ใบหน้ามีร่องรอยเหงื่อกับฝุ่นดินติดเต็มตัว แต่ในมือกลับถือของมาเต็ม


ไหล่ข้างหนึ่งห้อยไก่ป่าที่เพิ่งถูกดักมา เนื้อยังสดแน่น อีกมือหนึ่งถือห่อสมุนไพรป่าและกระบอกไม้ไผ่ที่มีข้าวใส่ไว้ กลิ่นหอมของเนื้อไก่ที่ถูกย่างบนกองไฟเล็ก ๆ ไม่นานหลังจากนั้นก็ลอยอบอวลไปทั่วกระท่อม


ท้องของเสือจิ่งที่ยังไม่ได้แตะอะไรตั้งแต่เมื่อคืนร้องโครกดังลั่นจนตัวเองยังอยากมุดเสื่อหนี แม่งเอ๊ย… เขาสบถในใจ แต่สายตาก็เผลอจ้องไปที่ไก่ย่างที่น้ำมันกำลังหยดติ๋ง ๆ ลงบนถ่าน ส่งกลิ่นหอมยั่วจมูก


ภูผาเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็น แม้แต่คำทักของเสือจิ่งยังไม่ใส่ใจ


“มึง…กลับมาแล้วเหรอ ไปนานจังวะ”


ไม่มีคำตอบ มีเพียงร่างสูงที่เดินมาวางห่อสมุนไพรลง แล้วหยิบกระบอกไม้ไผ่ยื่นให้ตรงหน้าแทนคำพูด


“กินซะ ข้าวต้ม”


เสือจิ่งชะงัก หันไปมองกระบอกไม้ไผ่ที่อุ่น ๆ อยู่ในมือ แต่ดวงตายังคงหันขวับไปที่ไก่ย่างเป็นพัก ๆ เหมือนเสือที่หมายตาเหยื่อ แต่ทำอะไรไม่ได้


ภูผานั่งลงตรงข้าม ฉีกไก่ย่างออกมากินเองแบบหน้าตาเฉย เสียงกระดูกกรอบ ๆ ดังขณะเขาเคี้ยว พร้อมกับกลิ่นหอมเนื้อย่างลอยเข้าจมูกเสือจิ่งแรงกว่าเดิม


เสือจิ่งกัดฟันแน่น ตาละห้อยมองเหมือนเด็กโดนแกล้ง หัวใจอยากจะพุ่งเข้าไปแย่ง แต่แขนที่ยังเจ็บทำได้แค่กำหมัดหลวม ๆ


แม่ง…กูอยากแดกโว้ย!


ภูผากินไก่ไปเรื่อย ๆ สายตาเหลือบมองอีกฝ่ายที่ทำหน้าจะร้องไห้ตลอดเวลา แต่ก็ยังเฉยไม่พูดอะไร จนกระทั่งเหลือแค่กระดูกกองหนึ่งตรงหน้า


สุดท้าย เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่เหมือนจงใจแทงใจดำ


“มึงแดกได้แต่น้ำต้มข้าวนั่นแหละ กินของอ่อน ๆ ไปก่อน แผลยังไม่หายดี”


เสือจิ่งเบิกตา กัดฟันแน่น ก้มลงซดน้ำต้มข้าวในกระบอกไม้ไผ่เสียงดัง ซู้ดดด ทั้งน้ำตาคลอ ๆ อย่างเจ็บใจ


“ไอ้เวร…ไม่อยากให้กูกินก็ไม่ต้องเอามาย่างล่อกูแบบนี้สิวะ!”


เสียงตวาดแหบพร่าแทบกลบเสียงไฟย่าง แต่พอพูดจบ น้ำตาที่กลั้นอยู่ก็เอ่อขึ้นมาจนกลิ้งลงข้างแก้ม


เสือจิ่งสะอื้นเงียบ ๆ แรก ๆ ยังทำเป็นเช็ดแรง ๆ เหมือนไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นร้องไห้จริง ๆ เพราะทั้งหิว ทั้งน้อยใจ


ภูผาที่นั่งมองอยู่นิ่ง ๆ ตอนแรกหัวเราะหึในคอ แต่พอเห็นน้ำตาจริง ๆ ของเสือจิ่งก็ใจอ่อน รีบขยับเข้ามาใกล้


เสือจิ่งบ่นไปสะอื้นไป เสียงสั่น “ทำไมวะ…มึงโกรธอะไรกูก็พูดมา…เพราะกูไม่ยอมเป็นเมียมึง มึงเลยแกล้งกูใช่มั้ย”


ภูผาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนเอื้อมมือไปแตะแขนเบา ๆ


“เออ ๆ กูยอมรับว่ากูแกล้งมึง…แต่เรื่องกินไก่มึงยังไม่ได้หรอก แผลยังไม่หาย กินแต่ข้าวต้มไปก่อนนะ”


แทนที่จะหยุดร้อง เสือจิ่งกลับร้องไห้ใหญ่กว่าเดิม น้ำตาไหลพรากจนเสียงสะอื้นสะท้าน


“มึงจะไปไหนก็ไม่ยอมบอก…เดินหายไปแบบนั้น ตั้งนานก็ไม่กลับ…กูนึกว่ามึงจะทิ้งกูไปแล้ว!”


ประโยคสุดท้ายหลุดออกมาพร้อมเสียงสะอื้นสะอื้น เสือจิ่งที่เคยโผงผางกลับดูเหมือนเด็กที่ถูกทิ้งให้รออยู่ลำพังจริง ๆ


ภูผารีบรวบร่างใหญ่เข้ามากอด เอามือลูบหัวลูบหลังช้า ๆ ปากก็พูดปลอบทั้งกวน ทั้งเอ็นดู


“โธ่เอ๊ย…เมียกูนี่ขี้แงจังวะ แค่ออกไปหาไก่หาไม้กลับมา ก็นึกว่ากูทิ้งแล้ว”


เสือจิ่งซุกหน้ากับอกอีกฝ่าย น้ำเสียงอู้อี้ปนงอน “กูก็ไม่รู้…ก็คิดไปเอง…ก็กลัวอยู่คนเดียว…”


ภูผายิ้มมุมปาก แต่แววตาอ่อนลงกว่าทุกที เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ลูบผมยุ่ง ๆ ของเสือจิ่งอย่างอ่อนโยน


“ไม่ทิ้งหรอก…มึงเป็นเสือของกูแล้ว กูจะไปทิ้งมึงได้ไง”


หลังจากถูกกอดปลอบอยู่พักใหญ่ เสียงสะอื้นของเสือจิ่งก็ค่อย ๆ เบาลง น้ำตาที่เปื้อนแก้มเริ่มแห้งไป เหลือเพียงสายตาขุ่น ๆ ที่หันไปมองกองไก่ย่างตรงหน้าที่เหลืออยู่แค่น่องเป็นพัก ๆ


เขาสูดจมูกเบา ๆ ก่อนเอียงหน้ามองภูผาที่นั่งพิงผนังอยู่ข้าง ๆ


เสียงทุ้มพร่าพูดออกมาแบบยอมเสียฟอร์มเต็ม ๆ


“กูอยากกินไก่ว่ะ…ได้มั้ย…นะ ๆ ๆ คำเดียวก็พอ”


น้ำเสียงที่แทรกคำว่า นะ ติดกันสามทีทำให้คนฟังขมวดคิ้วทันที


“หึ…เมื่อกี้ยังร้องไห้ขี้แงอยู่เลย ตอนนี้ทำเสียงอ้อนเหมือนเด็กเลยนะมึง”


เสือจิ่งทำตาขวางใส่ แต่ริมฝีปากกลับยื่นออกมาเหมือนเด็กงอน ๆ


“ก็อยากแดก…มึงจะหวงอะไรนักหนาวะ กูขอคำเดียวเอง”


ภูผาถอนหายใจยาว ส่ายหน้าช้า ๆ แต่สุดท้ายก็แพ้สายตาที่เปล่งประกายอ้อนวอนคู่นั้น


เขากระซิบเสียงเบาเหมือนกำลังดุแต่จริง ๆ ยอมไปแล้ว


“คำเดียวพอนะ เดี๋ยวแผลดีขึ้น อยากกินเท่าไหร่กูก็จะให้กิน”


เสือจิ่งพยักหน้ารัว ๆ อย่างกับเด็กที่สัญญาจะไม่ดื้ออีกต่อไป ใบหน้าแดง ๆ จากพิษไข้กลับดูเหมือนเด็กซนที่กำลังจะได้ของโปรด


ภูผาอดหัวเราะหึในคอไม่ได้ แต่ก็ยอมฉีกเนื้อไก่ชิ้นนุ่มออกมา เป่าลดความร้อนนิดหน่อย แล้วเอามาจ่อปากอีกฝ่าย


“อ้าปากสิวะ จะกินก็รีบ ๆ”


เสือจิ่งทำหน้าเหมือนชนะศึก ก่อนงับชิ้นไก่เข้าปาก เคี้ยวด้วยตาเป็นประกาย พอรสชาติหอมมันแตกในปากก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่ปิดบัง


รอยยิ้มแบบนั้นไม่ได้เหมือนหัวหน้าโจรที่กร่างน่าเกรงขาม แต่กลับเหมือนเด็กดื้อที่อ้อนพ่อค้าแล้วได้ขนมฟรี


ภูผามองแล้วส่ายหัวเบา ๆ แต่ใจกลับเต้นแรงไม่หยุด


“หึ…ยิ้มอะไรนักหนาวะ ได้ไก่คำเดียวก็ทำหน้ายังกะได้ทอง”


เสือจิ่งเคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วตอบเสียงอู้อี้ “ก็ของกูอยากได้…แล้วกูได้มา…กูก็ต้องดีใจดิ”


คำพูดเรียบง่ายนั้นทำเอาภูผาหัวเราะออกมาอีกครั้ง ก่อนเอามือยกมาขยี้หัวอีกฝ่ายเบา ๆ


ในใจแอบคิดว่า…ไม่ว่าจะเป็นเสือที่ดุร้ายยังไง แต่เวลามันอ้อน กูก็แพ้แม่งทุกที


-------------------------------------
แอบน่ารักดีนะครับ
ฝากติดตามด้วยน้าา
ไว้ว่าง ๆ มาต่อให้ครับ






nuangnut1996 โพสต์ เมื่อวาน 14:02

สนุกมากครับ

ball3225 โพสต์ เมื่อวาน 14:54

ขอบคุณมากครับ

GuN009 โพสต์ เมื่อวาน 15:40

น่ารัก โมเมนต์สุดหวาน
อีกมุมของภูผากับเสือจิ่งผู้หมดเขี้ยวเล็บ
สนุกครับรอตามต่อไป
ขอบคุณครับ

nnont โพสต์ เมื่อวาน 22:44

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เสือจิ่ง ตอน เสืออยากกินไก่ (แนวโจรดิบเถื่อน) 5