เสือจิ่ง ตอน เสือจนตรอก (แนวโจรดิบเถื่อน) 4
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-9-23 08:42ห้องไม้เงียบกริบ มีเพียงเสียงหอบกระชั้นของเสือจิ่งที่ยังไม่จาง
ร่างใหญ่ทิ้งตัวนอนแผ่บนเสื่อ หน้าอกกระเพื่อมแรงเต็มไปด้วยเหงื่อ หยดขาวขุ่นยังเปรอะหน้าท้อง
เขาปาดเหงื่อออกจากคิ้วแรง ๆ ก่อนหัวเราะหึ ๆ ขื่น ๆ กับตัวเอง
“แม่ง…เป็นหัวหน้าโจร แต่ดันมาต้องช่วยตัวเองเพราะคิดถึงไอ้เด็กเวร…”
ยังไม่ทันได้พักให้ใจสงบ เสียง ปัง! ของบานประตูไม้ก็ถูกผลักเปิดออกเต็มแรง
เสือจิ่งสะดุ้งเฮือก ลุกพรวดขึ้นแทบไม่ทัน รีบคว้ากางเกงขึ้นมาสวมลวก ๆ
มืออีกข้างหยิบหมอนเก่า ๆ ที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาบังหน้าท้องไว้ทันที
“ไอ้เหี้ย! ใครวะ—” เสียงคำรามยังไม่ทันจบก็ต้องชะงัก
คนที่ยืนอยู่ตรงประตู…คือ ภูผา
ร่างสูงโปร่งยืนกอดอกพิงขอบประตู ดวงตาคมกริบมองตรงมา แสงตะเกียงสะท้อนประกายเย็น ๆ แต่ที่มุมปากกลับมีรอยยิ้มจาง ๆ เหมือนจับได้คาหนังคาเขา
เสือจิ่งเบิกตากว้าง ใบหน้าแดงจัดทั้งจากเหล้า ทั้งจากสิ่งที่เพิ่งทำไป
“มะ…มึงมาทำเหี้ยอะไรที่นี่!”
ภูผาเลิกคิ้ว ยกยิ้มกวน ๆ “ก็เดินผ่าน…เห็นเสียงดัง ๆ เลยลองเปิดดู ไม่คิดว่าจะเจออะไรเด็ด ๆ แบบนี้”
“ไอ้สัส!” เสือจิ่งสบถ รีบขยับหมอนบังแน่นกว่าเดิม มือสั่นเล็กน้อยเพราะยังไม่ทันตั้งตัว
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะเว้ย!”
แต่แทนที่จะถอย ภูผากลับก้าวเข้ามาใกล้ช้า ๆ เสียงฝีเท้าหนักแน่นดัง ตึก…ตึก… ทุกก้าวเหมือนกดหัวใจเสือจิ่งให้เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
รอยยิ้มมุมปากยังไม่หายไปไหน ขณะที่ดวงตาคมกวาดมองร่างใหญ่ที่นั่งชุลมุนปกปิดตัวเอง
“ทำไมต้องบังขนาดนั้น…หรือว่ามึงกลัวกูเห็น?”
ภูผาก้าวเข้ามาใกล้ช้า ๆ เขาก้มตัวลง โน้มหน้าเข้าไปใกล้ร่างใหญ่ที่ยังนั่งอึ้งอยู่อย่างคนมีแผนแกล้ง
เสียงทุ้มเอ่ยแผ่ว ๆ แต่เต็มไปด้วยการยั่วล้อ
“เพิ่งเสร็จล่ะสิ”
เสือจิ่งเบิกตากว้างทันที “มะ…มึง—!”
แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ภูผาโน้มหน้าลงมาใกล้อีกนิด ดวงจมูกเฉียดอยู่ตรงซอกคอ กลิ่นคาวกามอวลไปทั่วบรรยากาศ รอยยิ้มมุมปากของเขายิ่งชัด
“แม่ง…คาวขนาดนี้ จะให้กูเชื่อว่ามึงนั่งเล่นหมอนเฉย ๆ หรือไง”
เสือจิ่งหน้าแดงจัด รีบใช้แขนผลักร่างสูงออกเต็มแรง โครม! จนภูผาเซไปชนขอบโต๊ะไม้
“ไอ้เวร! อย่ามากวนตีนแถวนี้นะโว้ย!”
เสียงคำรามดังก้องไปทั้งห้อง แต่ยิ่งตะโกน…ใบหน้ากลับยิ่งแดงก่ำกว่าตอนดื่มเหล้าเสียอีก
ภูผาหัวเราะหึ ๆ ขณะยกมือขึ้นลูบไหล่ตัวเองที่เพิ่งโดนผลัก
“แรงใช้ได้…แปลว่ายังไม่หมดแรงสินะ”
“มึงนี่มัน…” เสือจิ่งกัดฟันแน่น กอดหมอนบังตัวเหมือนชีวิตขึ้นอยู่กับมัน แต่สายตาที่เหลือบมองกลับเต็มไปด้วยไฟที่ไม่ยอมดับ
ภูผาเอียงคอ ยกยิ้มกวน ๆ “ทำหน้าแบบนั้นระวังหน่อยนะ…ไม่งั้นกูจะคิดว่ามึงกำลังเชิญชวน”
“เชิญชวนพ่องมึงสิ!” เสือจิ่งตวัดหมอนใส่หน้าภูผาเต็มแรงจนอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเสียงดัง “แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ที่นี่…หรือว่ามึงแอบตามกูมา”
ภูผาหัวเราะหึ ๆ กอดอกเอียงหัวนิด ๆ
“มึงคิดว่าไงล่ะ”
“ไอ้เวร!” เสือจิ่งสบถเสียงต่ำ หัวใจยังเต้นแรงไม่หาย “สรุปมึงตามกูมาทำไม”
ภูผาไม่ตอบ แต่ก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว จนใบหน้าโน้มลงมาเกือบจะชิดกันอยู่แล้ว ลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดผิวแก้ม
ริมฝีปากแทบจะสัมผัสกันอยู่รอมร่อ
“เฮ้ย!” เสือจิ่งรีบดันหน้าภูผาออกไปเต็มมือ “อย่าเข้ามาใกล้ขนาดนั้นนะโว้ย!”
ภูผายกยิ้มมุมปากเหมือนสนุกกับการยั่วคนตรงหน้า “ก็นึกว่าคนแถวนี้…คิดถึงกูซะอีก”
พูดจบก็ทำทีถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันหลังเหมือนจะเดินออกไปจริง ๆ
“งั้นกูไปแล้วก็ได้”
เสือจิ่งมองตามหลัง ร่างใหญ่ยังหอบเล็กน้อยจากสิ่งที่เพิ่งทำไปเมื่อครู่ ใบหน้ายังแดงก่ำ แต่ในอกกลับเฮ้อออกมาอย่างหงุดหงิด
ไหน ๆ มึงก็มาถึงนี่แล้ว…จะไม่คิดทำอะไรกูหน่อยหรือไงวะ…
ทันใดนั้น เสียงในหัวกลับดังออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้อ…ไหน ๆ ก็มาแล้ว จะไม่คิดทำอะไรกูหน่อยหรือไง”
ทันทีที่ได้ยิน เสือจิ่งเบิกตากว้าง หน้าขึ้นสีจัดกว่าเดิม
“เชี่ย! กูพูดออกไปจริง ๆ เหรอวะ!”
ภูผาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนยกยิ้มมุมปากกว้างกว่าเดิม แววตาวาววับเหมือนเจอของเล่นใหม่
เขาไม่ได้หันกลับมาทันที แต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ก็เล็ดลอดออกมาในลำคอ “หึ…”
เสือจิ่งยิ่งร้อนวูบไปทั้งตัว กัดฟันแน่น ด่าลั่น
“ไอ้เชี่ยภูผา! อย่ามาทำหน้าขำแบบนั้นนะเว้ย!!”
“ไหนนะ…เมื่อกี้กูได้ยินไม่ชัด”
เสียงทุ้มลากยาวเหมือนจงใจยั่ว “ลองพูดอีกทีดิ…กูหูไม่ค่อยดี”
เสือจิ่งหน้าแดงเป็นสีเลือด หายใจแรงจนอกกระเพื่อม แต่ยิ่งอีกฝ่ายแกล้งนิ่ง เขาก็ยิ่งหงุดหงิด
สุดท้ายเลยพ่นลมหายใจยาวอย่างจำใจ ก่อนคำพูดหลุดออกมาเสียงต่ำ ๆ
“กูบอกว่า…ไหน ๆ มึงก็มาถึงนี่แล้ว จะไม่คิดทำอะไรกูหน่อยหรือไงวะ”
ภูผายกคิ้ว ยกยิ้มกว้างกว่าเดิม แววตาเจ้าเล่ห์วาววับ
“อ๋อ…งั้นเหรอ แต่กูว่ามันยังไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่”
เสือจิ่งหันขวับ “ห๊ะ!?”
ภูผายักไหล่ยียวน เดินกลับเข้ามาช้า ๆ แล้วก้มลงใกล้จนเงาของเขาทาบไปทั้งตัวเสือจิ่ง
“ก็ขอร้องกูดี ๆ สิ…ไม่งั้นกูอาจจะยังไม่อยากทำก็ได้”
เสือจิ่งเบิกตากว้าง ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบระเบิด
แววตาขวางเขม็งเหมือนเสือจ้องจะขย้ำเหยื่อ แต่ปากกลับพ่นคำด่าออกมาเป็นชุด
“ไอ้ชิบหายเอ๊ย! จะเอาก็เอา ไม่เอาก็รีบไสหัวไปเลย กูไม่ง้อให้เสียเวลา!”
คำด่าแรง ๆ หลุดออกมาเหมือนฟาดแส้ แต่กลับทำให้ภูผาหัวเราะหึ ๆ ในลำคอแทนที่จะถอย
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์คมขึ้นเรื่อย ๆ
“หึ…มึงพูดเองนะเสือ”
ดวงตาคมกริบจ้องลงมาอย่างเอาแต่ใจ “แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
“เออ กูพูดเอง แล้วไงวะ! อย่ามาทำเป็นพูดมากให้รำคาญ กูเปลี่ยนใจก็ได้ กูไม่—”
ประโยคยังไม่ทันจบ ภูผาก็ก้มลงกดริมฝีปากบดใส่แบบไม่ให้ตั้งตัว
“ไอ้สัสภูผา!” เสือจิ่งคำราม แต่เสียงกลับพร่าเพราะลมหายใจเริ่มขาดช่วง
ภูผากระชากกางเกงของเสือจิ่งลงอย่างหยาบ ๆ เสียงผ้าเสียดสีดัง ซวื้บ! จนหัวหน้าโจรสะดุ้งโวยอีกครั้ง
“ก็ไหนบอกว่าอยากให้กูเอา ติดใจควยกูแล้วสิ ได้ข่าวว่าช่วงนี้มึงไม่มีอารมณ์กับผู้หญิง”
ประโยคนั้นทำเอาเสือจิ่งหน้าแดงจัด แต่แทนที่จะเถียง กลับกัดฟันแน่น เสียงสบถกระเส่า “มึงนี่มัน…โคตรเลว”
ภูผาหัวเราะลั่น กดสะโพกลงแน่นจนเสือจิ่งเผลอครางต่ำ ๆ ออกมา
เสียงครางที่เจ้าตัวรีบกัดฟันกลืนกลับไป แต่ก็สายเกิน เพราะภูผาได้ยินเต็มสองหู
“ชอบจนครางออกมาเลยหรอวะ”
เสือจิ่งทั้งด่า ทั้งถุยคำหยาบไม่หยุด แต่ยิ่งด่า สะโพกภูผายิ่งกระแทกแรงขึ้น ตับ! ตับ! ตับ! จนเสื่อไม้สั่นดังเอี๊ยด
“เอาแรง ๆ หน่อยดิวะ กูไม่ใช่ไก่กะเทย!” เสือจิ่งตะโกนทั้งที่หน้าขึ้นสีจัด
ภูผากัดยิ้มเร้า ๆ “ได้…อย่ามาร้องไห้ทีหลังแล้วกัน”
แล้วเขาก็เร่งแรงใส่ไม่ปรานี เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง
เสือจิ่งกัดฟันแน่น หอบแรง แต่กลับหัวเราะหึ ๆ ออกมาทั้งน้ำตาซึม
“ไอ้เวร…มึงจะเอาก็เอาให้มันสุด อย่ามาทำกึ่ง ๆ กลาง ๆ เดี๋ยวกูด่าให้หูชา”
เสียง ตับ! ตับ! ตับ! กระแทกหนักจนเสื่อไม้ดังเอี๊ยด เสือจิ่งกัดฟันแน่น เหงื่อไหลท่วมตัว เสียงครางถูกกลืนเข้าไปในคอแต่ก็ยังเล็ดลอดออกมาเป็นจังหวะ
ภูผาหัวเราะหึ ๆ กดสะโพกลงลึกกว่าเดิม ก่อนเอ่ยเสียงกระเส่า “เสือ…อย่ารัดกูแน่นนักดิวะ…”
เสือจิ่งหอบฮัก ๆ ตอบสวนทันที “กูก็ไม่เคยไปใช้ข้างหลังกับใครนี่หว่า! จะให้มันหลวมง่าย ๆ ได้ยังไงวะ!”
ภูผาชะงักไปนิด ก่อนยกยิ้มมุมปากกวน ๆ ดวงตาวาววับขึ้นมาอีก “อ๋อ…สรุปว่ามึงกำลังจะบอกว่า…เป็นเมียกูคนเดียวว่างั้น?”
เพียะ! หมัดหนัก ๆ ของเสือจิ่งพุ่งเข้าฟาดบ่าของภูผาเต็มแรงจนเจ้าตัวเซหัวไปด้านข้าง แต่ยังหัวเราะออกมาได้
“ไอ้สัส! ก็มึงมันจัญไร!”
“ฮ่า ๆ ๆ ปากมึงนี่…แต่ข้างล่างกลับตอดกูเอา ๆ เลยนะ” ภูผาโน้มหน้าลงกระซิบข้างหู เสียงทุ้มต่ำเจือหัวเราะเร้า ๆ
เสือจิ่งหน้าแดงจนหูร้อน ด่าไฟแลบ “กูตอดพ่องมึงสิ! ถ้ามึงไม่หยุดพูด กูจะซัดหน้าให้หงายเลย!”
แต่ร่างใหญ่ที่ด่าไฟแลบกลับสั่นสะท้านทุกครั้งที่อีกฝ่ายขยับแรงขึ้น
ยิ่งปากแข็ง…ร่างกายยิ่งเผยความจริงออกมาจนเลี่ยงไม่ได้
ภูผาหัวเราะหึในลำคอ กัดฟันกระแทกแรงกว่าเดิม ตับ! ตับ! ตับ!
“มึงมันเหี้ย! ไอ้เวรภูผา!” เสือจิ่งคำรามเสียงพร่า ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยไฟ แต่สะโพกกลับขยับสวนขึ้นไปรับทุกจังหวะโดยไม่รู้ตัว
ภูผาหัวเราะหึ ๆ “ปากด่ากู แต่เอวแม่งเด้งรับไม่หยุด…แน่ใจนะว่าไม่ติดใจ?”
“ไอ้สัส!” เสือจิ่งยกหมัดจะฟาดอีก แต่แรงที่เหลืออยู่กลับเปลี่ยนไปเป็นการกำแน่นที่ต้นแขนของภูผาแทน กัดฟันแน่นราวกับข่มใจไม่ให้ครางดังออกมา
ทุกจังหวะกระแทกส่งความร้อนวูบวาบขึ้นจนสมองพร่า เสือจิ่งหลับตาแน่น เสียงครางต่ำหลุดออกมาจนตัวเองยังแทบไม่เชื่อหู
หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมา
เขารู้สึกได้ชัด ความเสียวนี้มันต่างจากตอนที่ใช้มือเหลาดุ้นอยู่คนเดียวลิบลับ
“แม่งเอ๊ย…” เขาสบถในใจ ขณะที่เสียงกระแทกยังดังต่อเนื่อง
“นี่มัน…ฟินกว่าที่กูทำเองอีก หรือว่ากู…ติดใจไอ้เด็กนี่ไปแล้ววะ?”
เขาพยายามส่ายหัวปฏิเสธความคิดนั้น แต่ยิ่งพยายามหนี ร่างกายกลับยิ่งตอบสนองแรงขึ้น
ทุกครั้งที่ภูผากระแทกเข้ามาสุดลำ เขาก็ครางพร่าเหมือนเสือที่โดนต้อนจนหมดทางหนี
และแล้วก็เช้าจนได้…
ร่างใหญ่ที่นอนหมดสภาพบนเสื่อ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เหงื่อยังเกาะตามผิวที่เต็มไปด้วยร่องรอยกัดข่วน
เสือจิ่งหอบหายใจช้า ๆ ดวงตาปรือครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่พอจะขยับตัวทีไร ความปวดหน่วงตรงเอวกับแผ่นหลังแล่นขึ้นมาจนหน้าบูด “เชี่ยเอ๊ย…แม่งเล่นกูซะป่นปี้”
เมื่อหันไปข้าง ๆ ก็เห็นแขนยาว ๆ ของภูผากอดเขาไว้แน่นเหมือนกลัวหนีไปไหน
ร่างสูงยังหลับตาพริ้ม หายใจสม่ำเสมออย่างคนเพิ่งหมดแรง แต่พอเสือจิ่งขยับนิดเดียว เจ้าตัวก็ครางอือแล้วลืมตาขึ้น
“เช้าแล้วเหรอวะ…” เสียงทุ้มแหบพร่า แต่ยังมีแววกวนเจืออยู่ “กูรู้สึกเหมือนเพิ่งได้นอนเลย”
เสือจิ่งหันขวับ ด่ากลับทันทีทั้งที่ยังหมดแรง “ไอ้เวร! ก็มึงนั่นแหละ ไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะ! กูบอกให้หยุด มึงก็ยังจะเอาต่ออยู่ได้!”
ภูผาหัวเราะหึ ๆ เสียงต่ำ ๆ ดวงตาคมมองอย่างเอาแต่ใจ “ก็ใครใช้ให้มึงทำหน้าโคตรยั่วทุกครั้งที่ครางล่ะ กูหยุดไม่ลงจริง ๆ”
“ยั่วพ่องมึงสิ!” เสือจิ่งกัดฟันแน่น ดวงตาวาวเหมือนจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคาเสื่อ แต่ปากที่สบถแรง ๆ นั้นกลับสั่นพร่าเพราะยังเหนื่อยไม่หาย
เขาพยายามจะดิ้นออกจากอ้อมแขน แต่แรงแทบไม่เหลือแล้ว ร่างกายยังเจ็บหน่วงไปทุกส่วน
สุดท้ายเลยนอนนิ่ง พ่นลมหายใจยาวอย่างยอมแพ้
ภูผาหัวเราะเบา ๆ กอดรัดแน่นกว่าเดิม “อยู่นิ่ง ๆ นั่นแหละ นอนต่ออีกสักหน่อย”
พอช่วงสาย ๆ พวกโจรที่เมาค้างเมื่อคืนค่อย ๆ ฟื้นตัวทีละคน บางคนยังนั่งกุมหัวอยู่หน้าร้านเหล้า บางคนก็หิ้วสาวกลับบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
ไอ้ชาติสะบัดหัวสองสามทีแล้วพูดเสียงดัง “เฮ้ย! ลูกพี่หายไปไหนวะ”
พวกลูกน้องคนอื่น ๆ มองหน้ากันงง ๆ ก่อนจะพากันเดินตามหา จนสุดท้ายก็หยุดตรงหน้าห้องพักไม้เก่าหลังหนึ่งที่ลูกพี่ของมันชอบใช้เผด็จศึกประจำ
หน้าห้องนั้น…มีภูผายืนพิงเสาอยู่ สายตามองออกไปไกล ๆ อย่างไม่รีบร้อน ควันยาเส้นสีขาวลอยเอื่อยออกจากริมฝีปาก
ไอ้ชาติกับพวกเดินเข้าไปทักทันที
“เอ้ย! ไอ้เสาไฟ…เห็นลูกพี่กูมั้ยวะ”
ภูผาหันตามองแวบหนึ่ง ก่อนถอนควันยาว ๆ ออกจากปาก ยกยิ้มมุมปากบาง ๆ แล้วตอบเรียบ ๆ
“ไม่เห็นนะ…คงกลับขึ้นเขาไปแล้วมั้ง”
ลูกน้องหลายคนทำหน้าเซ็งทันที
“อ้าวเหรอวะ…”
“เฮ้อ กูปวดหัวฉิบหาย ยังจะต้องลากขากลับขึ้นเขาอีก”
ภูผาไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ยักไหล่เฉย ๆ แล้วหันไปพ่นควันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ความจริง…ในห้องไม้ด้านหลัง เสือจิ่งยังนอนสลบไสลอยู่บนเสื่อ ผ้าห่มเก่า ๆ คลุมร่างพอให้บังตา
ร่างใหญ่ยังหายใจหนัก ๆ ไม่ฟื้นเต็มที่ ปากพึมพำด่าคนบางคนในความฝันเบา ๆ “…ไอ้เวร…กูบอกให้หยุดแล้ว…”
หลังจากพวกลูกน้องโจรพากันเดินบ่นลากสังขารกลับขึ้นเขาไปหมดแล้ว ภูผาสูดควันยาเส้นเข้าปอดครั้งสุดท้ายก่อนดับไฟ หันตัวกลับเข้ามาในห้อง
ร่างใหญ่ของเสือจิ่งยังนอนหมดสภาพเหมือนศพขาดวิญญาณ เหงื่อยังเกาะเต็มตัว ริมฝีปากแตกเล็กน้อยจากการกัดฟันเมื่อคืน เสียงหายใจแรง ๆ สม่ำเสมอแต่แฝงอาการเจ็บปวด
ภูผาย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ สายตาคมกริบมองสำรวจ ก่อนค่อย ๆ เอามือทาบแผ่นอกหนา
เสียงพึมพำเบา ๆ ของคาถาดังลอดออกมาจากริมฝีปาก “นะมะพะทะ…”
ลมหายใจเย็น ๆ เป่าเบา ๆ ลงบนอกเสือจิ่ง คลื่นความอุ่นแผ่ว ๆ กระจายไปทั่วร่าง ทำให้การเกร็งที่บ่ากับเอวคลายลงทีละน้อย
ภูผาค่อย ๆ ขยับเสือจิ่งให้นอนตะแคงเบา ๆ เปิดเผยร่องทางด้านหลังที่ยังบวมแดงชัดเจน ก่อนล้วงห่อสมุนไพรที่เคี้ยวละเอียดแล้วออกมา
เขายกคิ้วเล็กน้อย พลางยกยิ้มมุมปาก “โทษทีว่ะ…เมื่อคืนกูคงซัดแรงไปหน่อย”
พูดจบก็เอาสมุนไพรบดโปะลงตรงแผลนั้น กลิ่นฉุนขมของใบไม้แห้งลอยฟุ้งทั่วห้อง
เสือจิ่งสะดุ้งนิด ๆ พร้อมเสียงละเมอออกมา “อึก…ไอ้เวร…เบา ๆ หน่อยสิวะ…”
ภูผาหัวเราะหึ ๆ เบา ๆ “ยังละเมอด่ากูอีกนะ”
–
เช้าวันต่อมา หมอกจาง ๆ คลุมไปทั่วเชิงเขา พวกโจรนับสิบรวมตัวกันตามคำสั่งของหัวหน้าใหญ่ “เสือจิ่ง”
ใบหน้าคมเข้มของเขายังดูอิดโรยเล็กน้อยจากศึกเมื่อคืน แต่แววตาเต็มไปด้วยไฟ พร้อมจะออกปล้นอย่างเคย
“วันนี้เป็นฤกษ์ดี พ่อครูดูมาแล้ว” เสือจิ่งประกาศเสียงดัง “เป้าหมายคือขบวนสินค้าของเศรษฐีเมืองใต้ มีทั้งทองคำ ผ้าไหม และเครื่องประดับพวกเมียมัน เราจะเหมาแม่งให้หมด!”
“เฮ้!” ลูกน้องโห่สนั่น แต่ละคนหยิบอาวุธขึ้นควบม้าลงจากเขา
ขบวนโจรโถมเข้าปะทะขบวนสินค้าตามแผน ทุกอย่างตอนแรกเป็นไปด้วยดี พวกมันปล้นเอาของมีค่ามากมาย คนรับจ้างคุ้มกันถูกโจรจัดการจนแตกกระเจิง
แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น ปัง!
เสือจิ่งที่กำลังตะโกนสั่งลูกน้องสะดุ้งเฮือก เลือดแดงสดทะลักออกมาจากแขนซ้ายที่ถูกกระสุนเจาะเข้าเต็ม ๆ
“ไอ้เหี้ย! มันดักกู!” เสือจิ่งสบถเสียงต่ำ ก่อนจะกัดฟันบังคับม้าหันหัวพุ่งฝ่ากลุ่มศัตรู
ลูกน้องบางคนรีบเข้ามาประคอง แต่เสือจิ่งชูกำปืนยิงสวนกลับ ปัง! ปัง! ตะโกนลั่น “กูยังไม่ตาย! สู้ต่อไป!”
แต่พวกศัตรูเตรียมการมาอย่างดี กำลังคนมากกว่าที่คิด ขบวนโจรของเสือจิ่งเริ่มเสียเปรียบ
สุดท้ายเขาจำใจตะโกนสั่งล่าถอย เสียงดังจนทั้งป่าสะท้อน
“ถอนตัวโว้ยยย! เอาชีวิตไว้ก่อน!”
เลือดจากแขนไหลเปรอะเสื้อตลอดทาง แต่เสือจิ่งยังคงกัดฟันบังคับม้าซมซานหนีขึ้นป่า
เสียงไล่ล่าของศัตรูยังดังตามมาไม่หยุด แต่ด้วยความชำนาญพื้นที่ เขาก็พาตัวเองหลบเข้ามาในทางลับจนรอดออกมาได้
เมื่อถึงจุดที่ปลอดภัย ร่างใหญ่ก็ทิ้งตัวลงจากหลังม้า เซทั้งตัวลงพิงต้นไม้ หอบหายใจแรง
แขนซ้ายที่ถูกยิงชาไปหมด เลือดไหลไม่หยุด
เสียงปืนยังดังก้องสะท้อนในป่า แต่แล้วค่อย ๆ ห่างออกไป
เพราะภูผาที่แอบตามมาได้ตั้งใจล่อพวกนั้นออกไปคนละทาง ก่อนจะวกกลับมาหาเป้าหมายจริง ๆ ของเขา
ใต้ร่มไม้ใหญ่ เสือจิ่งนอนพิงโคนต้นไม้ หายใจรวยริน เลือดไหลนองจากแขนซ้าย ใบหน้าเหยเกเต็มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อเห็นร่างสูงในชุดเปื้อนฝุ่นก้าวเข้ามาใกล้ เขาแทบไม่มีแรงแม้แต่จะด่า
ภูผาก้มมองภาพนั้น ก่อนส่ายหัวเบา ๆ พูดเสียงทุ้มกวน ๆ แต่แฝงความห่วงชัดเจน
“หึ…ไม่รู้จักระวังตัวเลยไอ้เสือ”
เสือจิ่งพยายามจะอ้าปากด่า แต่เสียงแหบพร่าจนแทบฟังไม่ออก “ไอ้…เวร…มึงตามกูมาทำไมวะ…”
“ตามมาก็ถูกแล้วไง ไม่งั้นป่านนี้มึงได้ตายแหงแก๋อยู่ตรงนี้” ภูผาตอบห้วน ๆ ก่อนไม่รอช้า
มือหนากระชากคอเสื้อของตัวเองฉีกออกเป็นผืนยาว กดแนบแผลบนแขนของเสือจิ่งแน่น ๆ เพื่อห้ามเลือด
เสือจิ่งสะดุ้งครางต่ำ ๆ จากความเจ็บ “อึก…เบา ๆ หน่อยสิวะ…”
ภูผาหัวเราะหึ ๆ “เมื่อคืนมึงยังบอกให้กูเอาแรง ๆ อยู่เลย ทำไมตอนนี้เสียงอ้อนจังวะ”
“ไอ้สัส…” เสือจิ่งสบถ แต่หน้ากลับขึ้นสีเพราะไม่มีแรงจะเถียงต่อ
เมื่อห้ามเลือดได้ชั่วคราว ภูผาก็ช้อนแขนร่างใหญ่ขึ้น แต่เพราะตัวเสือจิ่งหนักมาก เขาจึงโยนตัวอีกฝ่ายขึ้นหลังแทน
เสียงเสือจิ่งครางต่ำในลำคอ “ไอ้เวร…กูหนักจะตาย…จะไหวเหรอวะ”
ภูผากระตุกยิ้มมุมปาก หอบแต่ยังพูดกวน ๆ “เมียกูตัวแค่นี้ กูแบกไหว”
ตามทางป่ารกชัฏ สองข้างทางเต็มไปด้วยไม้ใหญ่สูงชะลูด เสียงน้ำจากลำธารดังแว่วมาไม่ไกล
ภูผาแบกร่างใหญ่ที่สลบแนบหลัง เดินโซซัดโซเซไปตามดินชื้น เหงื่อไหลจนเสื้อแนบกาย แต่สองขายังฝืนก้าวต่อ
เสียงหอบแรง ๆ ดังสลับกับเสียงใบไม้เสียดสีกันในความเงียบวังเวง
สายตาคมกริบกวาดไปรอบ ๆ จนเจอกระท่อมร้างไม้ผุ ๆ หลบอยู่กลางดงหญ้า เขาขมวดคิ้วก่อนพึมพำเบา ๆ
“เดินต่อคงไม่ไหวแล้ว…พักที่นี่สักคืนก็แล้วกัน”
เขาแบกเสือจิ่งเข้าไปวางลงบนเสื่อเก่า ๆ ฝุ่นตลบฟุ้ง ก่อนจะหันกลับไปตักน้ำจากลำธารเล็ก ๆ ใกล้ ๆ มาใส่ขันไม้ไผ่
กลับมานั่งยอง ๆ ข้างร่างใหญ่ที่นอนซีดเซียว มือหนาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือดกับเหงื่อออกทีละส่วน
เสือจิ่งนอนนิ่ง ปากเริ่มซีด ริมฝีปากแห้งแตก เสียงหายใจเบาแทบไม่ได้ยิน
ภูผาหลับตาชั่วครู่ สูดลมหายใจเข้าลึกจนอกขยายเต็ม ก่อนเริ่มขยับริมฝีปากช้า ๆ
เสียงสวดภาษามนต์โบราณพร่า ๆ ลึก ๆ ดังออกมาเป็นจังหวะ “นะ มะ พะ ทะ … อิทธิฤทธิ์คงกระพัน…”
เสียงต่ำทุ้มสะท้อนก้องในกระท่อมร้างจนบรรยากาศหนักอึ้ง
มือหนาแตะเหนือบาดแผล เลือดที่ไหลไม่หยุดพลันค่อย ๆ ชะลอลงราวกับมีพลังบางอย่างกดไว้
ลมหายใจภูผาร้อนจัด แต่ที่ปลายนิ้วกลับแผ่วเย็นเหมือนลมพัดจากในโพรงเขา
เขากัดฟันแน่น สายตามุ่งมั่นเหมือนจะบังคับบางสิ่งบางอย่างให้ออกมาจากในอก
“พลังแห่งครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ขอให้วิชาที่ข้าศึกษาได้คุ้มครองเสือบ้านี่…อย่าให้ตายกลางป่าเป็นซาก…”
เสียงท่องมนต์ดังสลับกับเสียงเป่าลมยาว ๆ ที่พ่นตรงแผล เลือดสีแดงสดที่เคยซึมไม่หยุดเริ่มหยุดนิ่ง
เนื้อรอบบาดแผลที่แดงจัดคล้ายถูกกดให้คลายอักเสบลง ราวกับร่างกายเสือจิ่งค่อย ๆ ถูกปลุกให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ภูผาลืมตาขึ้นทันที แสงในดวงตาเหมือนสว่างกว่าปกติ
เขาเอื้อมหยิบสมุนไพรที่บดเคี้ยวจนแหลกในปาก อมไว้นานเพื่อคลุกเคล้ากับน้ำลายและคาถาที่ท่อง
จากนั้นบ้วนลงมือแล้วโปะเข้าที่แผลโดยไม่ลังเล
ครู่เดียว เสียงหายใจของเสือจิ่งที่เคยเบาแทบขาดห้วง ค่อย ๆ หนักแน่นขึ้นเล็กน้อย
แม้ใบหน้ายังซีด แต่ชีพจรกลับมาชัดขึ้น
ภูผาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอนหลังพิงผนังไม้เก่า ๆ มองร่างที่หมดสติอยู่ข้างตัว
มือหนายกขึ้นลูบผมยุ่งเหยิงของเสือจิ่งเบา ๆ พลางพึมพำเสียงต่ำ “มึงนี่มันเสือร้ายจริง ๆ แต่ก็เป็นเสือที่ดื้อจนกูต้องเหนื่อยแทบตาย”
---------------------------------------
ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ
ด่าแซ่บมากคู่นี้
สนุกมากครับ สนุกจริงครับภูผากับเสือจิ่ง จะลงเอยไงนะเนี่ย
ริตามต่อไปครับ
ขอบคุณนะครับ ภูผาปากแข็งจัง ดีมาก ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ เสวเสือ สนุกมากครับ รอตอนต่อไปนะครับ
หน้า:
[1]