เงารักต้องห้าม
สวัสดีครับทุกคน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะใช่ ai ในการแต่งเรื่องภาษา สำนวน จะดูแนวนิยายหน่อยนะครับ by ChatGPT
เริ่มเรื่องเลยนะครับ
บ้านไม้เก่าตั้งตระหง่านอยู่ปลายซอยรกร้าง สภาพเหมือนถูกทิ้งไว้ให้ลืมเลือน ฝุ่นจับทุกซอกมุม ราวกับรอใครสักคนกลับมาปลุกให้ตื่น เจมส์จอดรถแล้วก้าวลงมายืนมอง ความเงียบของย่านนี้แตกต่างจากเมืองใหญ่ที่เขาเพิ่งจากมา มีเพียงเสียงจักจั่นแผ่วแทรกในความวังเวงเขามาอยู่เพราะอยากหนีความวุ่นวายงานที่กรุงเทพฯ เหนื่อยล้าเกินไป และบ้านหลังนี้คือมรดกจากญาติผู้ล่วงลับคืนแรกในบ้าน เจมส์เปิดไฟเพียงดวงเดียวก่อนขึ้นไปชั้นสอง เสียงไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดทำเอาขนลุกโดยไร้เหตุผล เขาหัวเราะกับตัวเองว่า “คิดมากไป” แต่พอปิดไฟนอน ก็กลับรู้สึกเหมือนมีใครยืนมองอยู่ตรงปลายเตียง...เช้าถัดมา เขาเดินสำรวจบริเวณรอบบ้าน สวนที่รกทึบเต็มไปด้วยเถาวัลย์ และตรงศาลาไม้เล็ก ๆ เจมส์กลับสะดุ้ง มีชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวซีด ดวงตาคมที่มองมาเหมือนสะกดให้หัวใจหยุดเต้น“นายมาอยู่บ้านนี้เหรอ” น้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงความเศร้าเจมส์พยักหน้าช้า ๆ “ใช่ครับ... ผมชื่อเจมส์ แล้วคุณ?”“ทอย” ริมฝีปากบางยกยิ้ม แต่รอยยิ้มช่างแปลก ราวกับไม่ได้มาจากคนที่ยังมีลมหายใจ
หลายคืนถัดมา เจมส์เริ่มฝันซ้ำ ๆ ว่ามีมือเย็นเฉียบลูบผ่านแขน แผ่วเบาเหมือนควันไหลผ่านผิวกาย ฝันนั้นชัดเจนเกินกว่าจะเป็นเพียงจินตนาการ และทุกครั้งที่สะดุ้งตื่น เขามักได้กลิ่นหอมแผ่วบาง เหมือนกลิ่นดอกไม้กลางคืนคืนหนึ่ง ขณะเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก เงาสะท้อนบนกระจกหน้าต่างเผยร่างชายหนุ่มที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น ทอย ยืนอยู่ด้านหลังเขา ทั้งที่ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู“คุณเข้ามาได้ยังไง” เจมส์ถามเสียงสั่นทอยเพียงก้าวเข้ามาใกล้ จนเจมส์ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่ว แม้เย็นเยียบ แต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรง“เพราะผูกพัน... บ้านหลังนี้ไม่ปล่อยฉันไปไหน”เจมส์ไม่รู้ว่าความกลัวกับแรงดึงดูดอันใดมากกว่า แต่เมื่อริมฝีปากซีดของทอยกดลงบนริมฝีปากเขา
สัมผัสนั้นทั้งเย็นชืด ทั้งหวานร้อนราวกับไฟที่ซ่อนอยู่ใต้เถ้าถ่านจูบนั้นลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนเจมส์หลับตา ปล่อยให้ร่างกายตอบสนองแทนคำถามที่ค้างคาริมฝีปากที่เย็นเฉียบบดเบียดลงมา ราวกับจะชิงลมหายใจ เจมส์หอบถี่ พยายามผลักแต่กลับไร้เรี่ยวแรง มือของทอยสอดรอบต้นคอ ลูบช้า ๆ ลงมาตามแผ่นหลัง เส้นขนลุกเกรียวด้วยความรู้สึกที่สับสน“คุณ... ไม่ใช่คนใช่ไหม” เจมส์ถามเสียงสั่น เมื่อริมฝีปากผละออกดวงตาคู่นั้นมืดลึกเหมือนบ่อน้ำไร้ก้น “ฉันตายไปนานแล้ว แต่ยังอยู่ที่นี่”หัวใจเจมส์เต้นกระหน่ำ ความกลัวกับความปรารถนาปะทะกันในอก แต่เมื่อทอยโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง ความลังเลทั้งหมดกลับละลายหายไป เหลือเพียงแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านมือของทอยเลื่อนต่ำลงไปปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด เสียงผ้าถูกดึงออกในห้องเงียบงันชวนให้สติพร่าเลือน ผิวกายที่เปลือยเปล่ารับสัมผัสเย็นยะเยือกของวิญญาณ ราวกับไฟและน้ำแข็งกำลังต่อสู้บนร่างเดียวกันเจมส์หอบแรง เมื่อริมฝีปากเย็นไล่จากต้นคอลงสู่แผ่นอก ทุกจุดที่ถูกแตะเหมือนถูกไฟช็อต แรงปรารถนาทำให้ร่างกายบิดเกร็งโดยไม่รู้ตัว“ทำไม...” เจมส์ครางแผ่ว “ทั้งเย็น... ทั้งร้อนแบบนี้”ทอยหัวเราะเบาในลำคอ เสียงนั้นเหมือนสะกด “เพราะนายยังมีชีวิต... ส่วนฉันคือความตาย เราเลยเติมเต็มกัน”คำพูดยิ่งผลักให้ไฟในกายลุกโชน ร่างสองร่างแนบชิดจนไม่มีช่องว่าง ระหว่างที่ทอยกดจูบอีกครั้ง เจมส์ก็ปล่อยมือโอบรัดเอวเขาแน่น เหมือนกลัวอีกฝ่ายจะเลือนหายผ้าถูกถอดออกทีละชิ้น ทิ้งไว้เพียงร่างเปลือยเปล่าในแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง เสียงหอบกระเส่าก้องในห้องกว้าง ทั้งที่ไม่มีใครควรได้ยินทอยครอบครองเขาอย่างแผ่วช้า แต่แน่วแน่ ทุกสัมผัสเจือความโหยหาของวิญญาณที่ติดค้าง เขาจูบ ไล่เลีย และกดทับ เจมส์หอบครางด้วยเสียงที่ไม่เคยเผยต่อใคร ความเจ็บปนสุขเร่งเร้าเป็นจังหวะชวนให้สติพร่าเลือน“อ๊ะ... ทอย...” เสียงเรียกหลุดออกมาเหมือนคำสวดและเมื่อถึงจุดสูงสุด เจมส์ก็สั่นสะท้านทั้งร่าง ราวกับจิตวิญญาณถูกดึงออกไปบางส่วน แต่กลับทดแทนด้วยความสุขล้นจนล้นเอ่อทอยกอดเขาไว้แน่น แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเศร้าและโหยหา “นายคือคนแรก... ที่สัมผัสฉันได้”หลายวันผ่านไป เจมส์แทบไม่ได้นอนเต็มตา ร่างกายเขายังจดจำสัมผัสครั้งนั้น ความสุขผสมความหลอนวนเวียนไม่หาย และทุกคืนทอยก็ปรากฏขึ้นเหมือนเฝ้าตามติดคืนหนึ่ง ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฟ้าแลบวาบ เงาสะท้อนบนผนังทำให้บรรยากาศยิ่งน่าหวาดหวั่น เจมส์พยายามข่มตาหลับ แต่กลับสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจรดต้นคอ“ทอย...” เขาพึมพำ แต่ไม่ทันลืมตา ร่างก็ถูกพลิกให้นอนหงายดวงตาคมคู่นั้นปรากฏชัดในความมืด ราวกับส่องแสงออกมาจากวิญญาณที่ไม่อาจสงบ “ฉันทนไม่ไหวแล้ว... ฉันอยากได้ยินเสียงนายอีกครั้ง”เสียงต่ำพร่าของทอยทำเอาเจมส์ตัวสั่น ร่างทั้งร่างถูกกดตรึง มือเย็นซีดเลื่อนไปตามต้นแขน ลำตัว และสะโพก ทุกสัมผัสเหมือนมีแรงที่มองไม่เห็นกดทับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆเจมส์พยายามเอื้อมมือคว้า แต่กลับเหมือนโดนพันธนาการไว้ “นี่คุณ... กำลังสิงผมอยู่เหรอ”ทอยไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มเศร้าแฝงเสน่หา เขาก้มลงจูบ ลึกจนเจมส์หอบหายใจไม่ทัน ลิ้นเย็นเฉียบไล้ไปตามโพรงปาก ขณะที่มืออีกข้างเลื่อนต่ำลง ครอบครองเขาอย่างแนบแน่นเจมส์เผลอครางออกมา เสียงนั้นหลอมรวมกับเสียงฝนกระแทกหลังคา ทุกจังหวะที่ทอยเร่งเร้า ร่างกายเจมส์ก็ยิ่งตอบสนองรุนแรง ความสุขพุ่งพล่านจนขอบตาพร่า“อย่าต้านเลย...” เสียงกระซิบแผ่วชิดหู คล้ายสะกด “ปล่อยให้ฉันเป็นเจ้าของนายสักคืน”เจมส์หลับตา ปล่อยให้สติถูกกลืนไปกับแรงปรารถนา ร่างกายถูกขยับตามจังหวะกดดัน ทั้งเจ็บ ทั้งสุข ทั้งหลอน ราวกับอยู่กึ่งกลางระหว่างโลกมนุษย์กับปรโลกเสียงครางสลับเสียงฝน เสียงเตียงสั่นสะท้านไปกับแรงกระแทกช้า ๆ แต่ลึกซึ้ง จนเจมส์ไม่อาจกลั้นเสียงตัวเองได้อีกสุดท้าย เมื่อความเร่าร้อนพุ่งถึงขีดสุด ร่างกายเจมส์ก็สั่นสะท้านเหมือนถูกดึงวิญญาณออกอีกครั้ง เขาทรุดหอบหนัก ท่ามกลางแขนแกร่งที่กอดรัดแน่นทอยมองเขาด้วยสายตาเว้าวอน “ทุกครั้งที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน ฉันยิ่งผูกติดกับนาย... แต่ก็ยิ่งเจ็บปวด เพราะฉันไม่มีวันเป็นเหมือนนาย”คำพูดนั้นทำให้เจมส์หนาวสะท้านไปทั้งใจ ความสุขที่เพิ่งผ่านไปแฝงด้วยเงาหลอนอันน่าหวาดหวั่น
คืนต่อมา บ้านทั้งหลังเหมือนถูกปกคลุมด้วยความเงียบผิดปกติ ไม่มีแม้แต่เสียงจักจั่นที่เคยดัง เจมส์เดินไปตามทางเดินไม้ชั้นสอง ความรู้สึกหนักอึ้งกดทับในอกตั้งแต่ก้าวแรกเขารู้... ทอยกำลังจะจากไปร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตซีดปรากฏอยู่ริมหน้าต่าง แสงจันทร์ลอดผ่าน ทำให้ใบหน้านั้นดูงดงามปนเศร้า ดวงตาคู่นั้นมองมาเหมือนอยากจดจำทุกรายละเอียดของเจมส์“ฉันอยู่ที่นี่มานานเกินไปแล้ว” ทอยเอ่ยช้า ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอาลัย “คืนที่ได้เจอนาย... มันเหมือนฉันกลับมามีชีวิต แต่ยิ่งอยู่นาน ฉันก็ยิ่งรู้ว่าฉันแค่ทำให้นายเจ็บ”เจมส์ส่ายหน้า ก้าวเข้าไปใกล้ กุมมือซีดที่ไม่มีความอุ่นไว้แน่น “ไม่ใช่เจ็บ... คุณทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังมีหัวใจ”รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากทอย ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมา จูบครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา มันอ่อนโยน ลึกซึ้ง และเต็มไปด้วยความอาลัยที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยเจมส์หลับตา ปล่อยให้ริมฝีปากนั้นทาบทับ ปล่อยให้มือเลื่อนกอดรัดจนแนบชิด ร่างกายสองร่างบดเบียดราวกับจะจารึกความทรงจำครั้งสุดท้ายไว้ในเนื้อหนังเสียงหอบและเสียงครางก้องกังวานในความเงียบ ทุกสัมผัสรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเจมส์แทบขาดใจ มันไม่ใช่แค่กายสอดประสาน แต่เหมือนจิตวิญญาณกำลังหลอมรวมกันเขาร้องเรียกชื่อทอยครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายสั่นสะท้านจนหมดแรง และในวินาทีที่ถึงจุดสูงสุด ทอยก็กอดเขาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม... ก่อนจะเริ่มเลือนหายไป“อย่าลืมฉัน...” เสียงกระซิบเบาลงเรื่อย ๆเจมส์พยายามไขว่คว้า แต่ในอ้อมกอดกลับว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมจาง ๆ และหยดน้ำตาที่ร่วงบนหมอนเช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนสาดเข้ามาในห้อง เจมส์ยังคงนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองออกไปในสวนรกร้างที่เงียบสงบ เขาแตะที่อกซ้ายตัวเอง ยังคงรู้สึกถึงแรงกอดและจูบสุดท้ายแม้ทอยจะหายไป แต่ในความเงียบงัน เขากลับมั่นใจ ว่าวิญญาณนั้นยังคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ บ้านหลังนี้ เฝ้าดูและผูกพันกับเขาเสมอเจมส์หลับตาลงอีกครั้ง และได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาในลมหายใจ“ฉันยังอยู่ตรงนี้... เสมอ
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]