เรือเมล์เร่รัก ตอนที่ 10 by สุรัMนาวี_CP
ผมต้องทอดถอนใจอย่างเจ็บปวดลึกๆ เมื่อรำลึกถึงความหลังเก่าๆ ครั้งหนึ่งผมเผลอมอบหัวใจและความรักให้ไปกับคนที่ผมคิดว่าเขาคือคนที่ "ใช่" แต่เปล่าเลย "เขาคนนั้น" กลับไม่ใยดีและเขี่ยมันทิ้งอย่างสิ่งของไร้ค่าจนทำให้ผมเข็ดขมกับสิ่งที่เรียกว่าความรักจนขยาดกลัวและคราวนี้เป็นทีที่ผมจะใช้สิ่งที่เรียนรู้มาทำลายหัวใจและความรักของคนอื่นบ้าง ผมเซฟงานเขียนในโน๊ตบุ๊คแล้วปิดมันลง เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าเซ็กส์ครั้งแรกของเราจะฝังอยู่ในความทรงจำตราบนานเท่านาน ไม่ว่าเราจะรักคู่รักของเราคนนั้นหรือไม่ก็ตาม ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะผมเองก็ไม่เคยลืมบาสแม้ว่าตอนนี้เขาจะไปอยู่กินกับเบลล์ ผู้หญิงหลอกลวงคนนั้นแล้วก็ตามที
ผมพับฝาโน๊ตบุ๊คปิดลงไปแล้วเดินกลับขึ้นเตียง ก๊อตขยับตัวขึ้นโอบกอดผมทั้งที่ยังหลับตา
"ผมนึกว่ารัตน์จะเขียนถึงเช้าเสียอีก"
"เป็นนักเขียนก็อย่างนี้แหละ นึกถึงอะไรได้ก็ต้องรีบจดรีบเขียนเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะลืมเสียหมด" ผมบอก
"งั้นบอกผมทีสิ ว่าเมื่อกี้นี้พิมพ์เรื่องของเราสองคนลงไปหรือเปล่า?" ก๊อตพึมพำ
คำว่า "เรื่องของเรา" เหมือนตัวเบ็ดที่มีเงี่ยงแหลมคมเกี่ยวเข้ากับหัวใจผม มันตรึงแน่นและเจ็บปวดร้าวลึก "เรื่องของผมและเขา" ต่างหากเล่า ผมไม่มีวันเสียแล้วที่จะคิดเอาใครมาเกี่ยวพันในชีวิต นอกจากหลอกใช้แล้วเฉดหัวเขาทิ้งไปเหมือนกับที่บาสทำกับผม
"ไม่บอกหรอก อยากรู้ต้องอดใจรอจนกว่าจะจบ แล้วผมถึงจะให้อ่านทีเดียว" ผมหลอกก๊อต โน้มคอผมลงไปนอนเคียงข้าง
"....แฟนผมนี่ความลับเยอะจริงๆ" และนี่คืออีกคำที่ทำร้ายหัวใจผม
"เอ่อ รู้หมดมันก็ไม่สนุกสิ เดี๋ยวก๊อตเบื่อผมเร็ว"
"ผมไม่มีเบื่อใครหรอกครับ โดยเฉพาะคนแรกของผม จะกลัวก็แต่ใครบางคนจะเบื่อผมเสียก่อน"
พูดจบเขาก็กดศีรษะให้ผมหนุนหน้าอกหนาของเขานอนเหมือนคืนก่อน ผมลอบถอนหายใจเบาๆ ก๊อตแสนดีอย่างนี้แล้วผมยังจะทำลายเขาลงหรือ?
---------------------------------------------------------------
เสียงหีบเพลงยังคงบรรเลงเพลง MEMORY อยู่แผ่วเบา คละเคล้ากับเสียงนกร้อง ทักทายกันก่อนที่จะออกจากรังไปหากิน ไร้เสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนทีนอนเคียงข้าง ก๊อตคงจะกลับไปที่เรือแล้ว
ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขตลอดทั้งคืนจากอ้อมกอดของเขา แต่ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความเย็นจากสายลมยามเช้าที่พัดผ่านหน้าต่างห้องนอน ผมชักผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะแล้วเลื่อนตัวไปหาที่นอนฝั่งที่ก๊อตนอนอยู่เมื่อคืนนี้ แม้ว่ามันจะคลายความอุ่นไปมากแล้วก็ตาม แต่ผมก็ซุกลงทาบทับบนรอยยุบของเตียงนอนที่เคยเป็นรูปร่างของก๊อตอย่างมีความสุข กระไอกลิ่นกายหนุ่มเพียวๆ ที่มิใช่น้ำหอมอื่นใดทำให้ผมนอนหลับต่อไปได้อย่างมีความสุข
แต่จู่ๆ ผมก็ต้องเลิกผ้าห่มออกมานั่งห้อยเท้าอยู่ที่ปลายเตียง ผมจะต้องไม่เผลอใจชอบเขาสิ ไม่อย่างนั้นผมจะต้องเจ็บปวดเหมือนครั้งที่ผมรักบาส ผมเดินทั้งที่ยังเปลือยเปล่าไปยังโต๊ะทำงาน กระดาษสีขาวชิ้นเล็กๆ มีลายมือหวัดๆ เขียนติดกันที่คุ้นตาเหน็บเอาไว้ใต้หีบเพลง
-------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคืนอันแสนวิเศษของเราสองคน ผมอยากให้พระอาทิตย์วันนี้ตกไวๆ ผมจะได้กลับมาหารัตน์อีก
คิดถึงคุณทุกวินาที.....ก๊อต
---------------------------------------------------------------
ผมมองดูมันแล้วถอนหายใจ นี่ผมจะทำอย่างไรต่อไปดี ยอมรับมันเพื่อที่จะเจ็บช้ำต่อไปในอนาคต หรือว่าทำลายเขาเพื่อเป็นการเอาคืนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
แต่เพียงแค่ผมยกกล่องดนตรีออก สายลมยามเช้าก็กรรโชกมันปลิวหวือออกไปเสียแล้ว ผมหลับตาไม่อยากที่จะมองว่ามันปลิวไปที่ไหน ผมจะคิดเสียว่าไม่เห็นมันและไม่มีมันอยู่ที่นั่นมาก่อน และเมื่อผมลืมตาขึ้นมา กระดาษแผ่นนั้นมันก็หายจากห้องไปจริงๆ
----------------------------------------------------------------
ผมกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในตอนเช้าเหมือนเดิม ไม่รู้สิว่าทำไมใจผมจะต้องวนเวียนไปคิดถึงก๊อตตลอดเวลา คิดถึงกลิ่นไอยามเราใกล้ชิดกัน คิดถึงลมหายใจอุ่นๆ และสัมผัสอันอ่อนโยน ทั้งๆ ที่ผมเองก็ผ่านชายหนุ่มมาหลายหลากรูปแบบแล้ว แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงเซ็กส์ฉาบฉวยที่ไม่มีอะไรติดค้างเมื่อผ่านพ้นคืน แบบที่เขาเรียกกันว่า ONE NIGHT STAND
ขากลับจากที่มหาวิทยาลัยผมก็ข้ามเรือที่ท่าอีกครั้ง แต่โชคไม่ดีีที่เรือลำนี้เป็นของลุงแก่ๆ อีกคนที่ไม่ใช่พี่ไทและลูกเรือก็เป็นป้าซึ่งน่าจะเป็นแฟนของลุงคนขับเรือ พอข้ามฟากมาได้ก็เลยเดินโต๋เต๋แถวท่าเรือเผื่อว่าจะเจอก๊อตบ้าง แต่ก็ไม่เห็นมีวี่แววไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนสิน่า
ผมเดินเลยไปจนถึงท่าน้ำเก่าตรงที่เคยเห็นก๊อตมาซ่อมรถมอเตอร์ไซค์อยู่ ความจริงผมน่าจะเอาแล็ปท็อปมานั่งพิมพ์งานที่นี่มากกว่าเพราะมันจะได้บรรยากาศกว่าการนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้อง แต่แล้วสายตาผมก็ไปเห็นเข้ากับเสื้อยืดสีขาวเก่าๆ ที่มีลายวิษณุทรงดิ่ง มันเก่าจนเนื้อผ้ากินตัวและพรุนหนำซ้ำคอยังลุ่ยเปื่อยอีกด้วย
"ก๊อต...อยู่นั่นหรือเปล่า?" ผมเดินเข้าไปเรียกเขาเบาๆ แต่นอกจากเสื้อแล้วผมก็เห็นมีหอยขวานอยู่กองใหญ่ หอยที่ว่านี่คือหอยที่รับประทานได้และอาศัยอยู่ในโคลนเลนตามคลอง นำมาใช้ประกอบอาหารได้หลายรูปแบบทั้งผัดและแกง หรือแม้กระทั่งดองน้ำปลาพริกก็อร่อย ตัวมันจะโตเต็มที่ขนาดหัวแม่โป้งเท้าได้ เนื้อนุ่มและไม่คาว เปลือกมีลายขวางสีออกน้ำตาลปนดำ
"พี่...เอ่อ...พี่รัตน์เหรอ?" ผมได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลังเบาๆ ใครคนหนึ่งกำลังลอยคออยู่ในน้ำผลุบๆ โผล่ๆ หลังตีนบันไดท่า นี่ถ้าหากว่าเป็นตอนกลางคืนผมคงจะเผ่นไปแล้วดีที่ว่าเป็นตอนกลางวัน
"เอ่อ นั่นใครน่ะ ผมมองไม่เห็น" ผมหรี่ตาดูไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้
"ผมเอง...ไอ้กิตไงพี่" เสียงจากคนในน้ำตอบมา
"ลงไปทำอะไรอยู่น่ะ" ผมสงสัย เลยเดินไปดูใกล้ๆ
"หาหอยน่ะพี่ ตรงนี้มันมีเยอะดี" กิตตอบ
"มาหาพี่ก๊อตเหรอ?" ผมสะดุ้ง แต่ก็รีบกลบเกลื่อน
"เปล่าๆ เห็นเสื้อนี่เลยคิดว่าเป็นก๊อต"
"อ่อ มันเก๋าดี ผมเลยขอพี่ก๊อตมา แกไม่เอาแล้วแหละ เห็นวันนี้เอามอเตอร์ไซค์ออกไปหาซื้อเสื้อใหม่ไม่รู้คิดยังไงแก ปรกติไม่เห็นจะสนใจเรื่องแต่งตัว สงสัยแกจะไปกิ๊กใครซะละมั้ง"
ผมกลืนน้ำลายกับคำที่ว่า...สงสัยแกจะไปกิ๊กใครซะละมั่ง...เลยแกล้งทำเป็นสนใจกับหอยที่กองอยู่ในกะละมัง
"งมมันยังไงล่ะเนี่ยหอยขวานพวกนี้"
"ไม่ยากหรอกพี่ ดำลงไปนะแล้วเอาตีนเหยียบๆ เลนดู ถ้าเจออะไรแข็งๆ แล้วก็เอานิ้วตีนคีบขึ้นมาคลำดู ถ้าใช่หอยก็เอาใส่ในถงไว้ ได้เยอะๆ ก็เอาขึ้นมาใส่กาละมังที"
"แล้วนี่จะเอามาทำอะไรน่ะเยอะแยะ" ผมเขี่ยมันดู
"ดองน้ำปลาพริกสิพี่ คืนนี้ก็กินได้แล้ว ดองนานแล้วมันหดหมด หวานกินไม่อร่อย" กิตลอยตัวเข้ามาที่บันไดท่าแล้วเอาถงก๊อบแก๊บหูหิ้วที่ใส่หอยมาวางก่อนจะปีนขึ้นมาจากน้ำ
"...คืนนี้พี่ก็มากินด้วยกันสิ"
แล้วผมก็จ้องมองกิตตาค้าง เรือนร่างเปียกๆ ของเด็กหนุ่มวัยรุ่นเปียกโชก มันเริ่มมีกล้ามขึ้นเป็นมัดตามแขนขาและหน้าอก หน้าท้องแบนราบไร้ไขมันและซิกแพ็ค หากแต่มีไรขนอ่อนๆ บาง รอบหัวนมสีแดงจัดและหน้าท้อง
กางเกงบ็อกเซอร์ผ้ายืดลายการ์ตูนราคาถูกเปียกแนบเนื้อและตกถ่วงเพราะหนักจนลงมาคาที่หัวหน่าว มองเห็นโหนกท้องน้อยที่มีไรขนอ่อนๆ สีดำเปียกลู่และสะโพกแคบๆ และที่สำคัญ ขาที่ยืนถ่างออกกว้างจนแสงสว่างจากเบื้องหลังลอดผ่านทำให้ผมมองเห็นท่อนลำหนุ่มที่ห้อยตกกับลูกบอลเนื้อแฝดสองลูกที่หดติดกัน มันยาวคืบกว่าๆ แม้ว่าจะไม่ได้แข็งตัวอยู่ในขณะนั้น
ผมจ้องมองจนตาแทบจะถลนออกมา เมื่อกิตนั่งยองๆ ตรงหน้าผมแล้วเทหอยขวานในถงลงกะละมัง ดุ้นเอ็นนั้นโผล่ออกมาทางขากางเกงจนมองเห็นได้ชัดเลยว่าท่อนเนื้อนั้นสีคล้ำและมีส่วนหัวที่เปิดหมดจด มันเรียวแหลมและสีชมพูเข้ม ไม่ว่ากิตจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผมเองตอนนี้ก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาเสียแล้ว
"ตรงท่าวัดเยอะกว่านี้อีก แต่ผมไม่ค่อยกล้าไปหรอก กลัวเจอกระดูกคน" กิตเล่า ตาผมยังคงจ้องมองสัดส่วนแห่งความเป็นชายที่โผล่ออกมาทางขากางเกงอย่างไม่วางตา
"ที่นี่เคยเจอไหม?"
"ไม่อ่ะพี่ เขาคงจะพูดขู่เอาไว้ไม่ให้ไปทำบาปในวัดมั้ง แต่แหมะ ผมเอามากินนี่ ไม่ได้เอาขึ้นมาทุบเล่น"
ผมรู้สึกกึ่งโล่งใจและกึ่งเสียดายที่กิตเปลี่ยนท่ามานั่งขัดสมาธิแทน เขาเอามือคนหอยในกะละมังเล่น
"แต่ตอนทำมันออกจะโหดไปสักหน่อยน่ะ เพราะหอยพวกเนี้ยมันจะอมเลนเอาไว้ ถ้าจะให้มันคายเลนออกมาต้องตำพริกใส่ลงไปในน้ำแล้วแช่ พอหอยมันเผ็ดมันจะคายโคลนออกมา ทำสักสองสามน้ำก็สะอาดแล้ว"
กิตหันกลับไปคว้าเสื้อขึ้นมาสวม ผมถึงได้เห็นว่าหลังเขาลายพร้อยไปด้วยรอยแผลเป็นรูปตัววี มันเกิดขึ้นเป็นแนวและทิศทางเดียวกันอย่างน่าประหลาด
"อย่าสงสัยไปเลยพี่ รอยไม้แขวนเสื้อน่ะ" ก๊อตบอกเสียงเครียด
"ผมโดนพ่อหวดด้วยไม้แขวนเสื้อมาตั้งแต่เล็กๆ" มิน่าเล่ามันถึงได้แตกปริเป็นรูปตัววีเพราะการฟาดด้วยไม้แขวนเสื้อนี่เอง ก๊อตได้แผลเป็นจากผลข้างเคียงของยาทีเสพ กิตได้แผลเป็นจากความขาดสติของพ่อเขา ส่วนผมได้บาดแผลมาจากความใจง่ายของตัวเอง
กิตสวมเสื้อผ้าอย่างลวกๆ แล้วจึงหันกลับมายกกะละมังเคลือบเก่าๆ ที่ใส่หอยขวานขึ้น
"ผมกลับก่อนนะพี่ หนาวจัง"
เสื้อเก่าๆ ที่สวมอยู่ก็ย้วยและบางจนผมมองเห็นหัวนมแดงๆ ของเขาหดแข็งเป็นไตและดันเนื้อผ้าขึ้นจนเห็นเป็นเม็ด
"อ้าว เรือไม่อยู่แล้วจะไปที่ไหนล่ะ?" ผมสงสัย กิตชี้ไปที่โคนต้นหูกวางใหญ่ ที่นั่นมีโกดังร้างอยู่
"นั่นไง บ้านของพวกผมอีกหลัง" กิตเดินแบกกะละมังนำผมไป เขาชี้ให้ผมดูต้นพริกและผักนานาชนิดที่ปลูกเอาไว้เป็นแปลงน่ารัก
"พริก มะเขือ แตงกวา หอม กระเพรา โหระพา ที่นี่มีหมดไม่ต้องซื้อ พอใครว่างก็ผลัดกันมารดน้ำต้นไม้"
ผมจับลูกมะเขือเทศสีส้มแดงดูอย่างชื่นชม
"เดี๋ยวก็รวยตายหรอก นี่มีครบหมดยังกับตลาดเลยนะเนี่ย"
"แหม พี่มีคนส่งค่าอยู่ค่าเรียน พวกผมสิทุกบาททุกสตางค์จะหยิบใช้จ่ายก็ต้องห่วง กลัวชักหน้าไม่ถึงหลัง"
มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ทุกๆ เดือนพ่อและแม่จะส่งทั้งค่ากินอยู่มาให้ผมแบบไม่มีลำบาก และหากขาดผมก็ยังมีเงินสำรองในธนาคารอีกก้อนใหญ่ในกรณีฉุกเฉินด้วย เรียกได้ว่าพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะค่าเทอมมันก็ทุ่นไปมากโขเพราะว่าผมได้ทุนของทางมหาวิทยาลัยด้วย
สนุกมากครับ ขอบคุณมากครับพี่ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ
หน้า:
[1]