ราคาราคะ.....ผมทำเพื่อครอบครัว ตอนที่1
เสียงเครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์ในออฟฟิศยังดังไม่หยุด หัวหน้าฝ่ายบัญชีเพิ่งเดินผ่านไปพร้อมแฟ้มงานที่ค้างไว้ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่แล้ว แสงไฟนีออนเหนือหัวกระพริบเบาๆ ในมุมของเขา ภัทร เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอพร้อมถอนหายใจเฮือกชายหนุ่มวัย 35 ปี รูปร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อแน่นแบบคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หน้าคม ตาหลุบต่ำเหมือนมีอะไรให้คิดอยู่ตลอดเวลา แม้ผมจะเริ่มแซมข้างขมับไปบ้าง แต่ในหมู่พนักงานสาวๆ เขายังนับว่าเป็น “ผัวแห่งทีมไอที” อย่างไม่เป็นทางการ“พี่ภัทร พักเที่ยงยังอะ ไปกินข้าวกันป่ะ?”เสียงสดใสจากพนักงานสาวฝั่งบัญชีเรียกเขา ภัทรเงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แบบสุภาพ
“ยังไม่หิวเท่าไหร่ ฝากซื้อข้าวกล่องกลับมาหน่อยก็พอ เดี๋ยวขอตรวจโค้ดตรงนี้อีกนิด”
เขาตอบอย่างเป็นมิตร แต่ใจเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ภัทรเคลื่อนสายตาไปยังหน้าจอที่เปิดไฟล์เอกสารใบแจ้งค่าใช้จ่ายค่ารักษาล่าสุด ตัวเลขหกหลักตรงนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนมีก้อนหินกดอยู่ที่อก แม้จะมีประกันแต่ตัวยาที่ต้องสั่งมานอกเหนือนั้นแหละ ที่คนเป็นพ่อแม่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้มา
“โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดพันธุกรรมเฉียบพลัน” แพทย์ใช้คำนี้ตอนแจ้งผล ลูกชายวัย 6 ขวบของเขา “น้องภีม” เริ่มเดินลำบาก น้ำลายไหลไม่หยุด และร้องไห้เวลากลางคืนราวกับเจ็บปวดจากข้างในที่บอกไม่ได้ค่ารักษาแสนแพง การฉีดยาเดือนละเกือบแสน แถมยังต้องมีการรักษาเฉพาะทางที่ไทยยังไม่มีอุปกรณ์พร้อม
“เราจะเอาเงินที่ไหนมาวะ…”เขาคิดซ้ำๆ เหมือนมันวนลูปในหัวไม่หยุด
นับตั้งวันแรกที่ลูกชายมีอาการประหลาด นี่ผ่านมากว่า4เดือนแล้ว ภัทรกำลังประสบปัญหาทางด้านการเงินที่ลดน้อย สวนทางกับรายได้ ร่ายจ่ายในบ้านที่ค่อยๆมากขึ้น
ภัทรจอดรถไว้ที่เดิมหน้าบริษัท รถคันเดิมที่ผ่อนจบมา 4 ปีแล้ว มือข้างหนึ่งเปิดกระเป๋าเอกสาร หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา…ใบแจ้งหนี้โรงพยาบาลเขาอ่านข้อความบนกระดาษนั้นนิ่ง ๆ แล้วขยำใส่กล่องทิ้งข้างที่เบรกมือภัทรเดินเข้าลิฟต์เขาตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติหัวหน้าแผนกหลายคนยังมาทัก ขอคำแนะนำเรื่องงานเขาพยักหน้า ตอบด้วยรอยยิ้มบาง
ไม่มีใครรู้เลยว่าเมื่อคืน…เขานั่งจ้องบัญชีในมือถือเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่มีใครเห็นตอนเขาร้องไห้เงียบ ๆ ตอนเห็นลูกชายไอจนอาเจียนบนโซฟา
ภัทรนั่งเงียบอยู่ในรถหลังเลิกงาน ริมหน้าต่างฝ้าขาวด้วยไอร้อนจากร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยความเครียดโทรศัพท์มีข้อความจากภรรยา
“ค่ายารอบหน้า 13,400 ยังไม่ได้จ่ายนะพี่…หมอบอกให้รีบ”เขาไม่ตอบ รอให้ข้อความเงียบไป สายตาเขามองผ่านกระจกฝ้าไปยัง ภูมิ ที่เดินถือถุง แบรนด์เนมชื่อดัง เดินกางร่มเข้าลานจอดรถ
หนุ่มอายุ 26 ปี ใส่นาฬิกาเรือนละแสน สูบบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนคนไม่มีหนี้ ภัทรมองตามแล้วหลุดคำในใจ
“เด็กแบบนั้น…หาเงินจากไหนวะ”ชายหนุ่มพึมพัมกับตัวเอง มองดูรุ่นน้องรูปหล่อ ใบหน้าสดใสยิ้มแย้ม ดูอารมณ์ดี ภัทรยังอิจฉาในความสดใสนั้น
"อ้าว หาตัวเจอยากจังเลยพี่ นี่ครับกาแฟของโปรดพี่"ภูมิหนุ่มสุดหล่อประจำแผนกไอที น้องชายคนสนิทของพี่ภัทรทุกคนในบริษัทชอบพูดแบบนี้ เสียงทุ้มนุ่มๆ ที่เขาคุ้นดี ภูมิ รุ่นน้องในทีม วัย 26 ปี หน้าตาคมจัด ผิวเนียนขาวแบบคนดูแลตัวเองจัดเต็ม หุ่นดีจนเสื้อเชิ้ตแนบเนื้อเหมือนมันตั้งใจโชว์กล้ามแน่นๆ เด็กคนนี้อยู่ทีมเดียวกันกับเขา แถมยังหนุ่มโสดสุดหล่อในสายตาของพนักงานสาวๆ ที่แอบมองทั้งวัน
"ขอบใจว่ะ...เฮ่อ...ไม่ได้กินแก้วโปรดของยี่ห้อนี้..มาจะเดือนแล้วมั้งนี่"ภัทรหายใจสูดดมกลิ่นหอมของกาแฟยี่ห้อดังภูมินั่งลงเงียบๆมองพี่ชายที่ใบหน้าหมองเศร้า และมีแต่ความเคียดต่างจากเมื่อครู่ พี่ภัทรในออฟฟิศกับพี่ภัทรที่อยู่ตรงหน้าดูต่างกันสุดๆเขาต้องแบกอะไรไว้เยอะเลยนะ ภูมิจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
"ผมนึกว่าพี่กลับไปแล้ว ไม่เห็นรถนะ"ภูมิจิบกาแฟ
"เอ่อ มิ้นต์เอารถไปนะ"ภัทรยิ้มเบาๆ
"ก็เลยแอบมานั่งตรงนี่"
ภัทรพยักหน้าเบาๆ “รอเมียมารับ ว่าจะไปรับลูกที่โรงพยาบาลต่อเลย”
“น้องภีมเป็นไงบ้างครับพี่?”คำถามมันง่าย แต่มันเหมือนแทงตรงจุด ภัทรพยายามกลืนก้อนความรู้สึกที่แล่นขึ้นคอไว้ แล้วตอบแห้งๆ
“ก็ยัง...ต้องรักษาต่อเนอะ เงินก็หายไปทุกวัน”
ภูมิยิ้มยกมือขึ้นตบหลังพี่ชาย สายตาของภูมินั้นมีแววแปลกๆ
“พี่อยากได้ทางลัดมั้ยล่ะ?”ภูมิเอ่ยออกมาเบาๆ
ภัทรหัวเราะขื่นๆ “จะให้ไปปล้นเหรอวะ?”
“เปล่า...แค่ใช้ของที่พี่มีอยู่นั้นแหละ บางอย่างที่ติดตัวพี่มาตั้งแต่เกิด”เขาหันไปมองภูมิแบบงงๆ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายยกคิ้ว เหมือนจะล้อ แต่แฝงอะไรบางอย่าง
“หุ่นพี่แบบนี้อะ...พี่ภัทรไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองหุ่นดี แล้วก็หล่อขนาดไหนตำแหน่งผัวประจำไอที ตกเป็นของพี่มาตั้งกี่ปีแล้ว....แล้วถ้าพี่จะใช้มันหาเงินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”ภัทรนิ่งไปเล็กน้อยกับคำพูดนั้นของภูมิ
“...ถ้ามีคนยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อแค่ได้ดูพี่ถอดเสื้อ...จะทำมั้ย?”เขาหัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อน ประโยคที่ผ่านเข้ามา มันยังคงวนเวียน เขาสบตรกับรุ่นน้อง บนใบหน้าขาวใสนั้นเจอไปด้วยความจริงใจแต่สำหรับภัทร
“ไอ้ห่า มึงพูดบ้าอะไรเนี่ย?”ภูมิไม่ตอบอะไรทันที แค่ยิ้ม...ยิ้มแบบที่ไม่รู้ว่าคือการยั่วเล่น หรือจริงจังบรรยากาศแปลกไปนิดหน่อย หรือภัทรแค่คิดไปเอง?
ในหัวเขาย้อนนึกไปถึงหลายปีที่รู้จักกันภูมิเป็นเด็กที่เข้ามาทำงานในทีมหลังเรียนจบได้ไม่นานบุคลิกเฟรนด์ลี่ ยิ้มง่าย พูดจาดี เข้ากับคนได้เก่งแบบธรรมชาติและกับภัทร...ภูมิก็ดูจะติดเขาเป็นพิเศษ
ชีวิตประจำวันทั้งสองคนชอบออกกำลังกาย ฟิตเนสของบริษัทคือที่ประจำของพวกเขาหลังเลิกงาน เคยไปเล่นบาสกันตอนเย็น เคยอาบน้ำห้องเดียวกัน เคยเปลี่ยนเสื้อในล็อกเกอร์รูมมันเป็นความใกล้ชิดของ “ผู้ชาย” แบบที่ไม่มีเส้นกั้นอะไรเลยเพราะเขาไม่เคยรู้สึกว่ามันจะต้องมีเส้นกั้น
...จนกระทั่งวันนี้
ภัทรขยับลุกขึ้น หยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊กขึ้นมาพาดบ่าพยายามไม่สนใจคำพูดของภูมิเมื่อครู่ แต่ในหัวมันวนอยู่ซ้ำๆ “พี่อยากได้ทางลัดมั้ยล่ะ?”
เขาคิดถึงใบแจ้งค่ารักษาในมือเมื่อบ่าย คิดถึงแอพธนาคารที่ยอดเงินค่อยๆ หายไปทุกเดือน
คิดถึงสีหน้าเมียที่เริ่มโทรมลงเรื่อยๆ เพราะความเครียด คิดถึงลูกที่นั่งอยู่บนเตียงโรงพยาบาลตัวเล็กๆ แบบที่ไม่ควรต้องมาเจอเรื่องแบบ
“ถ้าแค่ถอดเสื้อ...แล้วได้เงิน”เสียงในใจมันเริ่มพูดขึ้นมา แล้วเสียงนั้นก็ตามมาด้วยอีกเสียง
“แต่ถ้าไม่ใช่แค่ถอดล่ะ...”เขากลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
รู้สึกได้ถึงบางอย่างในอก ที่ตีกันระหว่าง “ศีลธรรม” กับ “ความเป็นจริง”
ภูมิมองเขาอยู่เงียบๆ เหมือนรอดูปฏิกิริยา ภัทรพยายามยิ้มให้แต่ไม่กล้าสบตานานนัก
ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบ และแววตาที่เขายังรู้สึกอยู่ข้างหลัง...แม้ไม่ได้หันกลับไปมอง
ค่ำวันอาทิตย์ ร้านเหล้ากึ่งลานเบียร์เงียบ ๆ ลูกค้าไม่มาก ภัทรเป็นฝ่ายนัดภูมิออกมาเอง ไม่มีหัวข้อ ไม่มีเหตุผล แค่พิมพ์ว่า
"ว่างไหมน้อง... ออกมากินเหล้าเป็นเพื่อนพี่หน่อยดิ"
ภูมิเข้ามาในร้านเหล้าขนาดเล็ก เขายิ้มทักทายพี่ชาย แล้วนั่งนิ่งๆผ่านไปหลายนาที
ภัทรจ้องแก้วเบียร์ที่พร่องไปแล้ว 3 แก้วไม่พูดสักคำ
"พี่.....พี่ภัทรดูเครียดมากๆเลยนะพี่ เกิดอะไรขึ้นที่บ้าน ใช่ไหม?"ภัทรไม่ตอบทันที
เขายกแก้วขึ้นเหมือนจะดื่ม แต่ก็ค้างอยู่แบบนั้นค้ลายกำลังกลบความรู้สึก แต่ในที่สุดก็วางมันลง และพูดเบา ๆ
"มึงเคยรู้สึก…หมดหนทางมั้ยวะ"ภูมิไม่ขัดจังหวะเขาแค่นั่งเงียบๆ และเป็นผู้ฟังที่ดีมองอย่างตั้งใจ ภัทรกระดกเบียร์ที่ไม่หลงเลหือความเย็น รสชาติข่มยังไม่เท่าความข่มขืนของเขาในตอนนี้ เขาก้มหน้ามองฟองเบียร์เล็กๆ
"ลูกชายพี่มันป่วย หนักมาก...หมอบอกว่าตัวยาที่รักษษน้องต้องนำเข้า...ถ้าไม่มีอาการคงทรุดหนักกว่านี้"ภัทรสูดลมหายใจ "เงินที่พี่เก็บเอาไว้...ไม่มีทางพอแล้วว่ะ"
"กูไม่เคยพูดกับใครเรื่องนี้เลย แม้แต่เมีย...กูก็บอกแค่ว่ากำลังหาทางอยู่"ทั้งสองเงียบ ฟังเสียงผู้คนในร้านที่มีไม่มากนักพูดคุยกัน
"พี่ไม่รู้จะหันไปทางไหนแล้วจริง ๆ ว่ะภูมิ"ภัทรหลบตา
“งั้น...ถ้าพี่อยากรู้จริง ๆ ว่าผมหาเงินจากไหน...”เขายกแก้วขึ้นจิบแล้ววางลงอย่างเบา
"พี่ตั้งใจฟังผมเล่านะอยากเพิ่งแสดงความคิดอะไรออกมา..ผมจะค่อยๆเล่า"ภัทรพยักหน้า
"หืม...เอ็งทำงานเป็นคอลเซ้นเตอร์หรอ...แจ้งจับพี่จะได้ค่าหัวไหม"ภัทรพูดติดตลก ภูมิหลุดหัวเราะ แม้จะเครียดแทบตายพี่ภัทรก้ยังเป็นพี่ชายที่เฮฮา
"บ้าดิ....งานผมก็ออกเทาๆนะ แต่ไม่ได้ผิดกฏหมายแบบนั้น...แต่ก็ไม่ใช่งานที่คนทั่วไปกล้าทำหรอก"ภัทรขมวดคิ้ว สีหน้าผสมความสงสัยกับความกลัวนิด ๆ ภูมิหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อนหน้าจอช้า ๆ แล้ววางไว้ตรงหน้า
ติดตามนิยายอีกมากมายได้ที่ คลังนิยายSharnon
รอติดตามเลยคับ น่าจะสนุกมากๆ ขอบคุณมาก สนุกมากครับ ขอบคุณครับ เนื้อเรื่องสนุกมาก รอตอนต่อไป{:5_146:} ขอบคุณครับ เยี่ยมครับ น่าติดตาม ค้างมากกกกก รอครับๆ ขอบคุณครับ น่าติดตามสุดๆ ขอบคุณครับ รอมาต่อครับ น่าสนุก ขอบคุณครับ I like that ต่อออ อยากรู้ว่าเป็นงานไร ตามตอนต่อ ไปขอบคุนคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ