NOOFONG โพสต์ เมื่อวานซืน 17:07

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? ตอนพิเศษ 3.2

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-7-16 15:03




ตอนพิเศษ 3.2Love Island🏝️💖


เสียงไม้ฟืนลั่นเบา ๆ ใต้เตาถ่านที่กายต่อขึ้นง่าย ๆ ริมเพิงไม้เล็ก ๆ ชายหาด ปลาเนื้อสดถูกวางย่างเหนือไฟจนหนังกรอบหอม แถมยังมีกับข้าวง่าย ๆ อีกสองสามอย่าง ทั้งข้าวสวยร้อน ๆ ผักย่างโรยเกลือ กับน้ำจิ้มรสจัดที่หมอกายทำเองแบบง่าย ๆ แต่หน้าตาดีจนน่ากิน


เจบีนั่งยกเข่ากอดไว้ ข้างกายคุณหมอที่กำลังกลับปลาด้วยท่าทางคล่องมือจนอีกคนเผลอมองตาไม่กะพริบ… ไม่คิดเลยว่าคนที่วัน ๆ ใส่เสื้อกาวน์อยู่แต่ในห้องผ่าตัดจะมาเก่งเรื่องเอาตัวรอดกลางแจ้งได้ขนาดนี้ แถมยังทำกับข้าวอร่อยด้วยอีก


พอปลาย่างตัวสุดท้ายเริ่มส่งกลิ่นหอม กายก็หันมาเลิกคิ้วใส่


“หิวหรือยังครับ?”


“เปล่า…” เจบีปัดตาไปทางอื่น มือยังยกขึ้นพัดไอควันหนี แต่ท้องเจ้ากรรมกลับร้องโครกให้ได้ยินแทนคำตอบ


“หืม?” กายหัวเราะในลำคอ ยื่นปลายส้อมมาแตะริมปากเจบีเบา ๆ "งั้นลองชิมก่อนสิ"


“ไม่ต้องมาจ่อปากแบบนี้ได้ไหม…” ถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมงับปลายส้อมเข้าปากไปเต็มคำ สายตากายเลยมองตามพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น


“อร่อยไหม”


เจบีพยักหน้า แต่ทำหน้านิ่งกลบเกลื่อน “ก็พอกินได้อยู่…”


กายหัวเราะในลำคอเบา ๆ เอื้อมมือไปดึงเศษผมที่ปลิวมาแตะแก้มอีกฝ่ายออกให้ พลางกระซิบเสียงแผ่วแต่กวนชัดเจน


“ดีครับ ถ้าชอบก็กินเยอะ ๆ หน่อย จะได้มีแรง”


ฟากพระอาทิตย์คล้อยต่ำจนแสงสีส้มอมชมพูสะท้อนผืนน้ำระยิบระยับ ลมทะเลพัดผ่านคลอเสียงคลื่นบางเบา เจบีกำลังจะตักข้าวเข้าปาก แต่กายก็ชิงขโมยข้าวในช้อนของอีกฝ่ายไปกินเฉย


“เฮ้! นั่นของผม!”


“ของนายก็ของฉันด้วย…” กายตอบหน้าตาย แต่ตามด้วยหัวเราะในลำคอเมื่อโดนเจบียกมือทุบไหล่ไปที


“นั่งกินดี ๆ ไม่ได้รึไง” เจบีพึมพำแต่ก็ยังส่งข้าวให้กายคีบไปอีกคำแบบไม่จริงจังนัก


เสียงหัวเราะสลับกับเสียงคลื่นพัดมากระทบฝั่ง บางจังหวะกายก็เอื้อมมือมาเช็ดเศษข้าวที่ติดมุมปากให้อย่างเนียน ๆ หรือไม่ก็โอบไหล่เจบีเข้ามาใกล้ จนอีกคนได้แต่ทำปากขมุบขมิบแต่ก็ไม่ได้ผลักออกจริงจังสักที


พออิ่มแล้ว กายก็ยกหลังมือขึ้นแตะแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ลมหายใจอุ่น ๆ คลออยู่ตรงหน้ากันในบรรยากาศฟ้าสีครามกำลังจะเปลี่ยนเป็นน้ำเงินเข้ม


“รสชาติใช้ได้เนอะ” กายว่าพร้อมรอยยิ้มกวน ๆ


“หึ…” เจบีตอบสั้น ๆ แต่พออีกฝ่ายขยับหน้ามาใกล้เหมือนจะหอมหน้าผาก เขาก็เผลอหลบไม่ทัน เลยโดนกายกดจมูกแนบหน้าผากแผ่ว ๆ อยู่ดี


พอเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะช้า ๆ และลมเย็นยามค่ำเริ่มพัดมาแทนไอแดดยามเย็น กายก็เอนหลังพิงเสาไม้ข้างเพิงครัวที่เพิ่งดับเตาถ่านไป นั่งกอดเข่าเหมือนเด็กติดเกาะแต่ในมือยังถือแก้วน้ำผลไม้แทนเบียร์ เพราะดันมี ‘คนป่วย’ นั่งจ้องอยู่ข้าง ๆ


เจบีมองเขานิ่ง ๆ ระหว่างคีบเศษปลาชิ้นสุดท้ายเข้าปาก แต่กายกลับอมยิ้มเหมือนจะเล่าเรื่องสนุกออกมาได้ง่าย ๆ ทั้งที่เนื้อหาก็ดูจะไม่สนุกนัก


“รู้อะไรมั้ย” เขาเริ่มขึ้นเสียงเบา พยักหน้าชี้ไปยังเวิ้งทรายกับทะเลที่เริ่มมืด “ฉันน่ะ ฝันอยากเปิดบาร์เล็ก ๆ ริมทะเลแบบนี้แหละ เอาแบบไม้เก่า ๆ มีเก้าอี้โยกให้นั่งฟังคลื่น เปิดเพลงเบา ๆ …แล้วก็มีเจ้าของบาร์หน้าตาดีคอยชงเหล้าให้ลูกค้าด้วย”


เจบีเบือนหน้าไปทางอื่น แสร้งทำเป็นดูฟ้าจะไม่ขำ แต่หูแดงไปแล้ว


“แล้วสมัยเรียนหมอ คุณมีเวลาทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ”


กายยักไหล่ ทำเป็นไม่ใส่ใจนัก “ก็พาร์ทไทม์ไง สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ ฉันเคยทำงานอยู่บาร์จริง ๆ นะ ชงเหล้าเช็กบิล ล้างแก้ว เช็กสต็อก ทิปก็ดีอยู่… ถึงจะไม่ได้ทำบ่อยแต่ก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง”


เจบีหัวเราะเบา ๆ “ฟังดูโม้เหมือนกันนะครับ”


“ดูทำหน้าเข้าสิ...” กายหลุดหัวเราะด้วยเหมือนกัน รีบยื่นมือไปดีดหน้าผากอีกคนเบา ๆ “เพราะทำงานพาร์ทไทม์ในบาร์นั่นแหละ ถึงได้มาเจอราฟาเอโร่ตอนที่เกือบกลายเป็นศพข้างทางอยู่แล้ว ฉันก็ยืนคิดอยู่นานเลยว่าจะช่วยดีมั้ย”


“แล้วทำไมถึงช่วยเขาล่ะครับ”


“ถามได้” กายถอนหายใจยาว ดวงตาคล้ายจะขำแต่ก็ดูปลงยังไงไม่รู้ “เพราะฉันแม่งโง่ไง ก็เลยเอื้อมมือลงไปคว้ามันขึ้นมาจากนรก จนสุดท้ายตัวเองก็ติดอยู่ในนรกนี่เหมือนกัน ฮ่ะๆ”


เขายักไหล่ แววตาฉายรอยเหนื่อยใจแต่ก็ฝืนยิ้ม “…รู้งี้น่าจะปล่อยให้ตายไปซะก็ดี”


เสียงบ่นเบา ๆ ดูเหมือนพูดเล่น แต่เจบีฟังแล้วกลับคลี่ยิ้มนิด ๆ สายตามีทั้งความเอ็นดูและเหมือนจะดุอ่อน ๆ


“ถ้าคุณหมอทำแบบนั้นจริง ๆ …ก็คงไม่ได้มานั่งย่างปลาให้ผมกินอยู่ตรงนี้หรอกนะครับ”


กายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหลุดยิ้มกว้างกว่าเดิม สองมือวางแก้วลงข้างตัวแล้วเอื้อมไปแตะผมเจบีเบา ๆ คล้ายจะลูบปลอบแต่ก็เหมือนแอบหมั่นเขี้ยว


"จริงด้วยสิ คิดแบบนั้นก็น่าเสียดายแฮะ”


หลังจากนั่งกินปลาย่างจนหมดเกลี้ยง เจบีก็ยังคงนั่งเหม่อมองทะเลใต้แสงจันทร์ตรงหน้า ส่วนกายเองก็นึกว่าคืนนี้จะได้พักสบาย ๆ เพราะเห็นอีกคนดูเรียบร้อยอย่างกับลูกแมวน้อย


แต่พอกายเผลอเดินไปเก็บของหลังเพิงครัว กลับหันมาอีกทีเงาของร่างบางก็หายไปแล้ว!


“หายไปไหนของเขานะ…"


กายพึมพำกับตัวเองพลางกวาดสายตามองไปรอบเพิงครัวกับชายหาด ลมทะเลยามเย็นพัดผมเขาปลิวเล็กน้อย มือหนาเลยยกขึ้นเสยออกอย่างติดนิสัย


เขากวาดตามองรอบแนวต้นมะพร้าว เกาะมันไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ถึงอย่างนั้น ใจคนเป็นหมอก็ยังอดห่วงไม่ได้


“อยู่เกาะเล็ก ๆ แบบนี้ จะหนีไปไหนได้…”


กายเริ่มกระสับกระส่าย จะหันกลับเข้ากระท่อมก็ไม่เจอ จะเดินตามทางเข้าป่าก็ไม่มีวี่แวว สุดท้ายสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเงาเรือง ๆ ของน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนแสงจันทร์อยู่ไม่ไกล


หัวใจหมอหนุ่มกระตุกวูบ


“บ้าจริง… อย่าบอกนะว่า… เด็กนั่น—” กายถอดรองเท้าลุยลงทะเลไปทันที เสียงน้ำกระเซ็นกระทบปลายขากางเกง ขณะที่สายตาก็กวาดมองผิวน้ำอย่างร้อนรน


แต่ทันใดนั้นเอง เงาน้ำด้านหน้าก็ไหววูบ ก่อนที่มือเย็น ๆ จะคว้าข้อมือเขาดึงลงน้ำเต็มแรง!


“เหวอ— เจบี!”


เสียงน้ำสาดกระจายพร้อมเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของคนขี้แกล้งที่โผล่หัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เจบีหัวเราะจนตัวสั่น ทั้งที่ผมเปียกแนบหน้าผาก น้ำเกลือหยดลงตามปลายคาง


“ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น ผมแค่มาเล่นน้ำทะเลเอง…”


กายเปียกทั้งตัวจนเสื้อเชิ้ตแนบลำตัว เขาถอนหายใจเฮือกแต่ก็ยังกลั้นขำไม่อยู่ มือใหญ่คว้าต้นคอเจบีมาแนบอกเบา ๆ


“เล่นอะไรไม่ดูเวลาเลยนะ… หัวใจฉันจะวายรู้ตัวมั้ย”


“ก็อยากรู้ว่าถ้าผมหายไปจริง ๆ คุณหมอจะทำยังไงนี่นา” เจบีพูดพลางซบหน้าลงบนไหล่เขาแบบกึ่งล้อกึ่งอ้อน


“จะทำยังไงน่ะเหรอ? ก็ต้องตามให้เจออยู่ดี จะยอมปล่อยให้หายไปง่าย ๆ ได้ยังไง…”


กายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แตะแก้มคนดื้อเบา ๆ แล้วยิ้มมุมปาก “แต่รอบหน้าถ้ายังคิดจะเล่นแบบนี้อีก… คราวนี้ไม่ปล่อยแล้วนะ ฉันจะจับกดให้อยู่บนเตียงทั้งวันทั้งคืนเลย จะได้ไม่มีแรงหนี”


เจบีหัวเราะคิกในลำคอแล้วแกล้งตบหลังหมอเปียก ๆ เบา ๆ “ขู่กันเหรอครับ”


“ทีนี้จะขึ้นฝั่งมั้ย หรือจะฉันอุ้มขึ้นไปเอง หืม?”


เสียงหัวเราะสลับเสียงคลื่นในยามค่ำคืน ผิวน้ำเย็น ๆ สะท้อนแสงจันทร์จนรอบตัวดูนุ่มนวลน่าหลงใหล กายกอดอีกคนไว้หลวม ๆ ปลายนิ้วยังไล้ตามแนวกรามที่เย็นจนเจบีสะดุ้งเบา ๆ


“อยู่ดี ๆ ก็โดนหมอดุ”


“ดุแล้วจะได้จำ…” กายยิ้มมุมปาก หอมแก้มอีกฝ่ายแรง ๆ “คราวหน้าจะได้ไม่คิดหนีไปซนที่ไหนอีก เข้าใจนะครับ คนดี?”


เจบีหัวเราะแผ่วในลำคอ มือเย็น ๆ จุ่มลงไปในน้ำแล้ววักสาดใส่อกกายเบา ๆ จนหยดน้ำเกาะกล้ามเนื้อใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกชุ่ม


“อย่าดุสิครับ… ผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณหมอเครียดสักหน่อย” เสียงเจ้าตัวอ่อยจนกายต้องหลุดยิ้ม


หมอหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ มือข้างหนึ่งลูบหยดน้ำเกลือออกจากแก้มเนียน “ไม่ได้เครียดหรอก… แต่ก็อยากให้รู้ไว้ ว่าเล่นอะไรแบบนี้กับฉัน แล้วหนีไม่รอดนะ”


“งั้นเหรอครับ…” เจบียักคิ้วนิด ๆ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้อีกนิดจนอกเปลือยเปียกน้ำแนบกับอกกาย


เจบียังไม่ทันได้ตั้งตัวดี ความอุ่นจากปลายนิ้วของหมอก็เลื่อนไล้จากเอวขึ้นมาประคองแก้มเปียกน้ำไว้ เสียงคลื่นแผ่วเบา ลมทะเลที่พัดโชยเอากลิ่นเกลือปนกลิ่นควันไฟมาเจือจาง กับสัมผัสจากแววตาของกายที่มองเขาเหมือนจะกลืนกินให้หายลงไปในอก


“…อย่ามองแบบนั้นสิครับ”


เจบีพึมพำแผ่วเหมือนจะบ่น แต่เสียงกลับสั่นกว่าเดิม ปลายมือกำชายเสื้อของกายไว้ใต้ผิวน้ำ ใจเต้นแรงจนได้ยินชัดในหูตัวเอง


“แบบไหน…” กายถามกลับเสียงทุ้ม แววตาคมกริบแต่กลับอ่อนโยนจนแทบใจหาย “ก็อยู่ในน้ำด้วยกันแล้ว จะไม่ให้มองได้ยังไงล่ะ”


เขาโน้มหน้าลงช้า ๆ ลมหายใจอุ่นที่คลอริมฝีปากแทบจะปลุกให้คลื่นทั้งหาดเงียบกริบ เจบีเหมือนถูกตรึงไว้กลางอ้อมแขน หนาวเพราะน้ำ แต่ร้อนเพราะสายตาของอีกคนที่ไม่ยอมละไปไหน


ริมฝีปากหยักแตะลงมาทีแรกแผ่วเบาจนคล้ายกับจะลองใจ… แต่พอเจบีไม่ขยับหนี แถมยังเผลอเงยหน้าตาม จังหวะต่อมากายก็ประกบจูบหนักขึ้นจนเสียงน้ำรอบตัวแทบหายไป


เจบีเผลอครางเบา ๆ ในลำคอ มือเปียกน้ำเลื่อนขึ้นไปเกาะต้นคออีกฝ่ายไว้ตามสัญชาตญาณ รสสัมผัสที่ได้กลับมาเต็มไปด้วยความร้อน อ่อนโยนปนดุดันพอดีจนหัวใจสั่นระรัว


ปลายลิ้นของกายไล้แตะขอบฟันเขาช้า ๆ แล้วกวาดชิมลึกขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เจบีจะหายใจหนี อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้ถอย รั้งเอวไว้แน่นจนเสียงน้ำแตกกระเซ็น


รสเค็มปนหวานของริมฝีปากกับไออุ่นที่ค่อย ๆ ติดปลายจมูกทำให้เจบีเผลอหลุดเสียงแผ่ว ๆ ในจังหวะที่กายถอนริมฝีปากออกนิดเดียว


“ฮื่อ… พอแล้ว…”


เจบีประท้วงเสียงสั่น รู้สึกเหมือนขาจะหมดแรงเพราะแรงจูบมากกว่ากระแสน้ำ กายหัวเราะในลำคอเบา ๆ เอาหน้าผากแตะหน้าผากอีกคนไว้


“ยังไม่พอหรอก…” เขากระซิบข้างหูเสียงพร่า “…แต่ถ้าจะพอ ก็กลับไปต่อบนฝั่งด้วยกันไหมล่ะ”


ริมฝีปากร้อนแตะแก้มที่แดงจัดเพราะรสจูบเมื่อครู่ เจบีหายใจถี่ แต่ยังเผลอยิ้มขำออกมาเพราะรู้ทัน “นี่แค่ใช้บรรยากาศพาไปใช่ไหมครับ…”


“ใช่…แล้วก็โทษทะเลไปด้วยเลย” กายหัวเราะในคออีกครั้ง ก่อนจะก้มลงจูบซ้ำเบา ๆ ที่มุมปาก “…แต่คนที่ฉันอยากได้มันอยู่ตรงหน้าแล้วนี่นา จะปล่อยให้หลุดมือได้ยังไงล่ะ”


เสียงคลื่นยังซัดกระทบหาดเบา ๆ ขณะที่กายจับมือเจบีไว้แน่น พากันเดินขึ้นมาจากน้ำจนถึงเพิงไม้เล็ก ๆ ที่เขาทำไว้เป็นห้องอาบน้ำชั่วคราว ริมหาดมีถังเก็บน้ำฝน กับไฟกองเล็ก ๆ ที่ยังคุกรุ่นช่วยให้ร่างกายไม่หนาวจนเกินไป


“หนาวไหม?” กายถามพลางใช้ผ้าขนหนูซับน้ำที่เกาะตามท้ายทอยเจบี มืออีกข้างลูบแนบต้นคอเหมือนจะเช็กว่าไข้ไม่กลับมา


“ไม่หนาวครับ…” เจบีตอบเสียงเบา หลบตาแทบไม่ทันเพราะตอนนี้อีกฝ่ายยืนประชิดจนได้ยินเสียงลมหายใจชัด


“ดี…” กายยิ้มบาง “ถ้าไม่หนาวก็อาบพร้อมกันเลยแล้วกัน จะได้ประหยัดน้ำ”


“อาบตรงนี้จริงดิ…” เจบีมองรอบ ๆ พลางยกมือกอดอกไว้แน่น เสียงพึมพำทั้งกลัว ทั้งชั่งใจ


“ทำไมล่ะ วิวสวยดีออก" กายตอบหน้าตาย ก่อนจะวางผ้าขนหนูพาดไว้บนขอนไม้ จากนั้น…ก็ถอดเสื้อยืดตัวเปียกออกกลางแจ้งหน้าตาเฉย


เจบีเบิกตากว้าง รีบเบือนหน้าหนีแต่ก็ยังแอบมองทางหางตา “คุณหมอ! ใจเย็นสิครับ…”


“หื้ม? ไม่ต้องอายตามหรอกน่า เราไม่ได้อาบกันครั้งแรกซะหน่อยนี่” กายแกล้งพูดหน้าตาย มือก็รูดซิปกางเกงเตรียมถอดต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน


“หยุดเลย! จะถอดตรงนี้หมดจริง ๆ เหรอ” เจบีถลึงตา ขยับเข้าไปดันอกกาย แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะร่าแล้วจับมือเล็กนั้นไว้แน่น


“ก็จะอาบน้ำ จะให้ใส่เสื้อผ้าอาบรึไงครับคุณเจบี?” กายก้มลงถามเสียงเจ้าเล่ห์ ปลายเสียงคล้ายกลั้นหัวเราะ


“ก็… ก็คุณหมออาบไปคนเดียวสิ! ผมรออยู่ข้างนอกก็ได้…” เจบีทำท่าจะผละออก แต่กายกลับดึงเอวอีกคนเข้ามากอดแน่นจนแผ่นหลังแนบอกเปลือยอุ่น ๆ


“จะไปไหน… ถ้าปล่อยให้ยืนตัวเปียกอยู่แบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดอีกรอบหรอก” กายกระซิบใกล้หูจนเจบีสะดุ้ง “เมื่อกี้ใครลากฉันลงทะเลเองล่ะ หืม… รับผิดชอบด้วยสิครับ อย่าเพิ่งหนี”


เจบีหรี่ตามอง พลางกัดปากเหมือนไม่ยอมง่าย ๆ "ก็คุณหมอแกล้งผมก่อนนี่…"


กายยิ้มกว้างทันที “งั้นก็มาอาบน้ำด้วยกันดีๆ จะได้ไม่เหนียวตัว”


“เฮ้อ…เป็นหมอหรือเป็นมาเฟียกันแน่ครับ แบบนี้” เจบีว่าพลางยื่นมือไปผลักหน้าอกอีกฝ่ายเบา ๆ แต่กลับถูกกายจับมือไว้แน่นกว่าเดิม นิ้วใหญ่ไล้หลังมือเจบีช้า ๆ พลางหัวเราะขำเมื่อเห็นแก้มแดง ๆ ที่เจ้าตัวพยายามซ่อนไว้


เขาเอื้อมมือมาดึงชายเสื้อเจบี แต่โดนอีกฝ่ายตีมือออกเบา ๆ


“ผมถอดเองได้…” เจบีตอบเสียงขุ่นแต่แก้มขึ้นสีชัด มือก็ยกชายเสื้อตัวเองขึ้นช้า ๆ กายยืนกอดอกมองตาม แววตาเจ้าเล่ห์อย่างกับแมวจับหนูได้


“โอเคครับ ๆ ถอดเองก็ถอด…" กายยักคิ้วนิด ๆ พลางยืนกอดอกมองไม่ละสายตา


คนตัวเล็กกว่าแม้จะยืนเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ยอมปล่อยให้กายจับมือลากเข้ามาใกล้ถังไม้ ทั้งสองยืนหลบในเงาไม้ใหญ่ แต่เสียงคลื่นยังซัดกลบเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามไม่ได้เลย


“ตัวสั่นหมดแล้วเนี่ย…หนาวเหรอครับ?” กายก้มถามเบา ๆ เสียงคลอคลื่นฟังดูยิ่งนุ่มนวลกว่าปกติ นิ้วเรียวยาวไล้น้ำฝนออกจากแก้มของเจบี ก่อนจะลูบผ่านต้นคอไปจนคนโดนแตะสะดุ้งเล็กน้อย


“ม…ไม่หนาว…” เจบีหลบตา แต่พออีกฝ่ายโน้มหน้ามาใกล้ก็เผลอถอยหลังติดต้นไม้จนไหล่เปียกชื้นไปหมด


กายหัวเราะในลำคอเบา ๆ มือหนึ่งจับไหล่ อีกมือขยับตักน้ำฝนแล้วราดลงบนต้นคอของเจบีอย่างแกล้ง ๆ ก่อนใช้ฝ่ามือลูบฟองสบู่ที่ละลายไหลไปตามแผ่นหลัง “ถ้าไม่หนาว ทำไมขนลุกหมดแบบนี้ล่ะครับ…”


“หยุดแกล้งได้แล้ว…” เสียงเจบีพร่าไปนิดเพราะรู้สึกถึงผิวเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายที่แนบชิดกันเกินไป ลมหายใจร้อนของกายรินรดอยู่ใกล้ใบหูแค่คืบ


“แกล้งที่ไหนครับ ฉันดูแลอยู่ต่างหาก…” กายพูดพลางกดปลายจมูกลงบนสันไหล่เจบี ไล้ขึ้นมาตามแนวกรามจนคนตัวเล็กเผลอกำข้อมืออีกฝ่ายแน่น


“อื้อ… พอแล้ว…” เจบีพึมพำเสียงแผ่ว แต่กายกลับหัวเราะเบา ๆ


“จะพอได้ยังไง ยังล้างสบู่ไม่เสร็จเลยนะ" เสียงทุ้มต่ำกระซิบใกล้จนใบหูร้อนวาบ กายขยับตัวซุกไซ้แผ่นหลัง เจตนาทำให้คนตรงหน้าเผลอสั่นไหวไปทั้งตัว


กายไล้มือเช็ดฟองสบู่ตรงแผ่นอก ก่อนจะหันเจบีให้หันมาเผชิญหน้า มืออีกข้างประคองท้ายทอยก่อนจะกดจูบแผ่ว ๆ ที่มุมปาก เหมือนจะถามว่า ‘โอเคไหม’


เจบีหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือไปแตะแผ่นอกเปียกน้ำของอีกฝ่ายแทนคำตอบ กายไม่รอช้า ก้มลงจูบซ้ำ คราวนี้รสจูบหนักขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ฟองสบู่ลื่นตามร่างกายเหมือนกลืนกันกับไอร้อนที่เริ่มลามไปทั้งเรือนร่าง


เสียงจูบและเสียงหายใจที่ชิดกันเกินควบคุม มือกายค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามแนวเอว เจบีพยายามเบี่ยงตัวหนีแต่ก็หนีไม่พ้นเพราะแผ่นอกกว้างกักไว้หมด


“ไปต่อบนเตียงดีไหม…” กายกระซิบพร่า ลมหายใจปะทะปลายคางจนเจบีเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง


"ผม...จะเดินไหวเหรอ” เจบีพูดเบา ๆ


กายหัวเราะ ขยับเข้าแนบชิดแนบอกแน่นกว่าเดิม มือรั้งเอวอีกฝ่ายขึ้นมาพาดสะโพก


“งั้นฉันอุ้มไปเองก็ได้…”


“อย่าล้อเล่นสิครับ…” เจบีพึมพำเสียงแผ่ว แก้มแดงจัดเพราะทั้งไอน้ำอุ่น ทั้งไอร้อนจากฝ่ามือหนาที่ลูบเอวอยู่เนิบ ๆ


“ไม่ได้ล้อเล่น…” เสียงทุ้มพร่าคลอข้างหู กายหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ มือหนึ่งประคองใต้ต้นขาเจบีอย่างไม่รีบร้อน อีกมือลูบแนวสะโพกช้า ๆ แล้วรั้งขึ้นแนบอกจนได้ยินเสียงหายใจติดขัด


“กอดคอฉันไว้ดี ๆ …” กายกระซิบสั่ง ก่อนจะสอดแขนช้อนขาอีกฝ่ายขึ้นพาดจนเจบีต้องรีบเกี่ยวแขนรอบไหล่กว้าง เสียงฝ่าเท้าที่เดินพาออกจากเพิงไม้กับเสียงคลื่นยิ่งขับให้หัวใจอีกคนเต้นแรง


“จะ…จะทำอะไร…”


“พาไปต่อบนเตียงไงครับ…” กายก้มลงจูบหน้าผากขาวที่ยังมีหยดน้ำฝนเกาะ ลมหายใจที่เป่ารินทำให้เจบีต้องซุกหน้าเข้าซอกคออีกฝ่ายหนีความเขิน


เสียงหัวเราะนุ่มต่ำของหมอหนุ่มดังชิดแก้ม ขณะที่ก้าวผ่านกระโจมไม้ไปยังเตียงผ้าใบด้านในเพิง ตะเกียงลานไหวแสงสะท้อนผิวเนื้อเปียกชื้นของคนสองคนที่แทบไม่ห่างกันแม้สักวินาที


เสียงคลื่นยังซัดเข้าฝั่งไม่ขาดสาย เสียงลมหอบเอากลิ่นเกลือทะเลมาปะปนกับกลิ่นสบู่จาง ๆ ที่ติดผิวเนื้อ กายวางเจบีลงบนฟูกที่ปูไว้อย่างดี มือใหญ่ยันข้างลำตัวอีกฝ่ายไว้ ช่วงลมหายใจที่คลอเคลียใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นแข่งกัน


เจบีเงยหน้ามองคนที่โถมเข้ามาด้วยแววตาเหมือนจะหนีแต่ก็หนีไม่ได้ กายนวดเบา ๆ ที่ท้ายทอยอีกฝ่ายราวกับปลอบให้คลายเกร็ง แล้วกดริมฝีปากจูบลงมาอย่างเชื่องช้า เนิบช้า...แต่หนักแน่น


“อึก…กาย…” เจบีเรียกชื่อเขาเสียงพร่าในลำคอ ปลายนิ้วของกายที่กวาดผ่านช่วงเอวลงต่ำ ยิ่งทำให้ร่างกายไวต่อสัมผัสเกินควบคุม


“อย่าเกร็ง…” กายกระซิบข้างใบหู เสียงเขาทุ้มต่ำ ลมหายใจรินรดจนปลายหูร้อนผ่าว “เชื่อฉันนะ ฉันจะไม่ให้มันเจ็บ…ฉันจะทำให้นายมีความสุขที่สุด เข้าใจไหม”


เจบีกำผ้าปูที่นอนแน่น หลุบตาลงเหมือนไม่กล้าสู้หน้า แต่อีกใจกลับแอบเถียงเบา ๆ “ก็…ผมไม่ได้กลัวซักหน่อย…”


คำพูดนั้นทำให้กายหัวเราะในลำคอแผ่ว ๆ เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดเส้นผมที่ปรกหน้าผากเจบีออก จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่นั้นที่สั่นไหวอย่างซื่อตรง


“รู้แล้ว…รู้ว่านายมันดื้อ…” เขาว่า ยกมุมปากขึ้นเหมือนห้ามรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ ปลายนิ้วไล้ไปตามเรียวปากอีกคน แล้วโน้มตัวลงจูบซ้ำ คราวนี้ชุ่มฉ่ำจนเจบีหอบออกมาแทบไม่ทัน


เสียงครางแผ่วสะท้อนในลำคอ มือใหญ่ที่กอบกุมสะโพกขยับประคองให้ร่างใต้ร่างเอนตามจังหวะง่ายขึ้น ปลายนิ้วค่อย ๆ ลูบสำรวจลงลึกในจุดที่อ่อนไหวที่สุด จังหวะนั้น เจบีสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถอยหนี ตรงกันข้าม กลับจิกปลายเล็บลงกับแขนกายแน่นกว่าเดิม


“อย่า…มอง…” เจบีพึมพำเสียงแผ่ว ใบหูแดงจนเกือบลามถึงลำคอ


“จะไม่มองได้ยังไง…” กายตอบเสียงพร่า แววตาที่ทอดมองอีกคนเต็มไปด้วยความเอ็นดูปนเร่าร้อน “ก็คนตรงหน้าฉัน…น่ารักจะตายอยู่แล้ว”


เขากดจูบลงบนหน้าผาก ไล้ผ่านข้างขมับ ก่อนจะลากริมฝีปากกลับมาที่มุมปากเจบี จังหวะที่ปลายนิ้วของเขาเริ่มคลายผ่อนส่วนที่ข้างในทีละนิด ด้วยความรู้ดีว่าไม่ควรรีบร้อน


“หายใจตามฉันนะ…” กายกระซิบชิดริมฝีปาก “เดี๋ยวจะบอกทุกอย่าง ว่าต้องทำยังไง…ที่เหลือแค่นายปล่อยให้ร่างกายตอบฉันก็พอ”


เสียงลมหายใจสั่น ๆ ของเจบีเป็นคำตอบ กายกระตุกยิ้มแผ่ว ก้มลงจูบซ้ำอย่างใจเย็น เนิ่นนานจนริมฝีปากเจบีเปียกชื้นและบวมจัด ริมฝีปากถูกดูดเม้มสลับปลายลิ้นที่หยอกล้อจนอีกฝ่ายแทบหายใจไม่ทัน


เจบีพยายามบิดตัวหนี แต่ยิ่งขยับก็ยิ่งโดนกายรั้งสะโพกให้แนบแน่นกว่าเดิม มือใหญ่สอดประคองท้ายทอยอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ผละหนีง่าย ๆ ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความมั่นคง ไม่รีบร้อนแต่ก็ร้อนแรงในทีเดียวกัน


เสียงจูบขาดเป็นช่วงสั้น ๆ เจบีเผลอหลุดหอบจนเสียงสั่น “กาย…พอ…เดี๋ยว…”


“เดี๋ยวอะไร?” กายถามเสียงพร่า จงใจกระซิบใกล้จนปลายจมูกแตะข้างหู มืออีกข้างไล้ผ่านแผ่นอกที่สั่นตามจังหวะหายใจ “เดี๋ยวหยุด? หรือเดี๋ยวต่อ?”


คำถามนั้นทำเจบีหน้าแดงจนต้องเม้มริมฝีปากหนีคำตอบ แต่ร่างกายที่เกร็งไว้กลับคลายตามมือและปลายนิ้วที่ลากช้า ๆ ผ่านแนวเอว จนร่างเล็กสะดุ้งเฮือกตอนปลายนิ้วกายแตะลงบนหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะลูบต่ำลงไปเรื่อย ๆ


กายหัวเราะแผ่ว เห็นอีกฝ่ายพยายามปิดหน้าเพราะอายเลยยิ่งจงใจโน้มตัวลง ฝังจมูกกับลำคอ ไล้จูบเบา ๆ ไล่ต่ำผ่านไหปลาร้า ทุกจุดที่สัมผัสทำให้ร่างกายเจบีร้อนวูบวาบเหมือนไฟชื้น ๆ


“ถ้าไม่ไหวก็บอก…” เสียงทุ้มกระซิบชิดผิวจนสั่นสะท้อน “แต่ถ้ายังไหว ก็ช่วยปล่อยให้ฉันจัดการได้เต็มที่หน่อยนะครับ คนดี”


เจบีกัดปากแน่นกว่าเดิม ใจอยากค้านแต่ร่างกายกลับตอบสนองเร็วกว่า ฝ่ามือเล็กกำแขนกายแน่นตอนปลายนิ้วใหญ่เริ่มสอดลึกเข้าไปสำรวจอย่างค่อยเป็นค่อยไป รู้จังหวะว่าต้องกดแค่ไหน บีบคลึงยังไงให้กล้ามเนื้อข้างในคลายตัว


เสียงครางแผ่วหลุดออกมาจากลำคอคนตัวเล็กในจังหวะที่เขาสูดปากหอบ กายมองภาพนั้นด้วยแววตาที่เปลี่ยนจากคนกวนประสาทเป็นคนที่กำลังล่าเหยื่อด้วยความอ่อนโยน


“ดีมาก…” เขากระซิบชิดข้างแก้ม ฝ่ามืออีกข้างยังลูบไล้เอวบางไปเรื่อย ๆ “อย่าเกร็ง หายใจตามฉัน…”


แล้วกายก็จงใจโน้มตัวลงจูบกลืนเสียงนั้นไว้อีกครั้ง ปลายลิ้นเกี่ยวพันกันจนเจบีเผลอจิกเล็บลงบนหัวไหล่เขาแน่น


ร่างเล็กขยับตัวตามสัญชาตญาณในทุกสัมผัสที่ค่อย ๆ ลึกขึ้น…ลึกขึ้น และอุ่นร้อนจนห้ามไม่อยู่


เสียงจูบที่ถูกกลืนหายไปพร้อมลมหายใจร้อนจัดยังดังอยู่ข้างหู เจบีพยายามผละหนี แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกมือใหญ่กดสะโพกไว้แน่น สองร่างแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนระอุที่เต้นระรัวใต้ผิวเนื้อ


“อย่าเกร็ง…” กายกดเสียงพร่า จงใจเว้นช่วงลมหายใจเป่าข้างหูอีกฝ่ายให้สั่น “ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าฉันจะดูแลให้เอง”


คำพูดที่แฝงน้ำเสียงปลอบโยนกลับยิ่งทำให้ร่างเล็กหอบหนักกว่าเดิม ฝ่ามือเจบียกขึ้นแตะไหล่กายเหมือนอยากยันออก แต่พอปลายนิ้วอีกฝ่ายสอดลึกขึ้นทีละน้อย เสียงครางสั่นก็เล็ดลอดออกมาจนต้องก้มหน้าซุกลงกับหมอน


“ฮ…อึก…กาย…”


เสียงเรียกนั้นแทบทำให้กายหลุดยิ้มออกมา ก่อนเขาจะโน้มตัวลงประกบจูบซับเสียงครางนั้นอีกครั้ง รสจูบที่ดุและลึกกว่าครั้งไหนจนเจบีหอบหายใจไม่ทัน


มือใหญ่ค่อย ๆ สอดคลึงส่วนลึกทีละจังหวะ ลากปลายนิ้วหมุนวนจนกล้ามเนื้อข้างในค่อย ๆ ตอบสนองตามแรงดัน เจบีสะดุ้งเฮือกยามปลายนิ้วกดโดนจุดลึกที่ไวต่อสัมผัสที่สุด


“ตรงนี้สินะ…” เสียงทุ้มกระซิบใกล้หู ฝ่ามืออีกข้างลูบต้นขาที่สั่นระริกด้วยความใจเย็น “ดีมาก…อย่าเกร็งสิครับ เดี๋ยวเจ็บ”


เจบีเผลอหลุดเสียงครางต่ำ แก้มแดงจัดจนหูร้อน มือเล็กกำผ้าปูแน่นแทบขาดเมื่อกายกดแผ่วแล้วผละ ปลายนิ้วไล้สัมผัสทีละจุด รู้จังหวะจะเร่งหรือผ่อนจนอีกฝ่ายเผลอสั่นไปทั้งตัว


จังหวะนั้นเขาเงยหน้ามองเจบีที่เผลอเบี่ยงตัวหนีเล็กน้อย ภาพนั้นน่ามองจนกายโน้มตัวลงซุกข้างซอกคอ ไล้จมูกสูดกลิ่นหอมอุ่นจากผิวเนื้อที่เปียกเหงื่อ


“รู้ไหม…” เสียงพร่าชิดข้างแก้ม “นายเป็นคนเดียวเลยนะ ที่ฉันอยากดูแลจนถึงที่สุด…”


ปลายนิ้วกดลึกกว่าเดิม คราวนี้ร่างเล็กถึงกับสะดุ้ง ริมฝีปากเผยอครางออกมาแบบไม่ทันห้าม กายขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเบา ๆ ย้ำเสียงพร่าต่ำใกล้หู


“หายใจตามฉัน…”


เขาลากมืออีกข้างกอบกุมส่วนกลางลำตัวที่กำลังร้อนผ่าวไว้เบา ๆ เคล้าจังหวะให้สอดประสานกับจังหวะในร่างที่เริ่มไต่ขึ้นไปทีละนิด เสียงครางกับเสียงหอบกระทบกันในห้องไม้ที่มีเพียงเสียงคลื่นข้างนอกเป็นฉากหลัง


กายยกยิ้ม ละริมฝีปากจากซอกคอแล้วกระซิบเสียงพร่าใกล้ริมฝีปากที่สั่นน้อย ๆ


“พร้อมหรือยัง…คนดี…”


เสียงครางสั่นเงียบไปเมื่อเจบีเผลอกัดริมฝีปากตัวเองแรงจนกายต้องเลื่อนมือขึ้นมาจับปลายคาง บังคับให้หันหน้ามามองตากันตรง ๆ ใต้แสงไฟสลัว ดวงตาของเจบีแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ที่ก่อตัวจนร้อนฉ่า


“อย่ากลั้นเสียง…” กายก้มลงกดจูบแผ่วบนริมฝีปากชื้นที่สั่นน้อย ๆ ปลายนิ้วยังกดย้ำจุดลึกที่สุดอย่างใจเย็นแต่คงจังหวะรัวน้อย ๆ จนอีกฝ่ายสะท้าน “ฉันอยากฟัง”


พอเจบียอมผ่อนแรง มือใหญ่ก็ขยับตัวชิด รั้งสะโพกอีกฝ่ายให้ยกขึ้นรับองศาที่ถนัดกว่าเดิม ปลายนิ้วที่ไล้ปรับให้กล้ามเนื้อในร่างคลายตัวค่อย ๆ ถูกแทนด้วยแรงดันร้อนจัดที่กดแทรกเข้ามาแทน


จังหวะสอดลึกครั้งแรกทำเอาเจบีหลุดเสียงครางขาดหาย มือเล็กคว้าแขนกายแน่นเพราะความจุกที่แล่นวูบขึ้นมาจนขาสั่น


“อึก…ฮ—กาย…”


“หายใจลึก ๆ ก่อน…” เสียงทุ้มต่ำกระซิบติดข้างหู มือใหญ่ลูบหลังปลอบทีละน้อยแต่ช่วงสะโพกกลับกดค้างไว้ให้กล้ามเนื้อด้านในได้ปรับตัวเต็มที่ “ดีมาก เดี๋ยวจะขยับแล้วนะ…”


แค่จังหวะแรกที่กายกระตุกเอวสั้น ๆ ร่างใต้ร่างก็เผลอร้องครางเสียงสั่น ดวงตาไหววูบด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นจนแทบขาดสติ กายหลุดหัวเราะพร่าในลำคอ ร่างสูงก้มลงขบเม้มไหล่ที่สั่นระริกเป็นรางวัล


“รู้ไหม…นายข้างในมันตอดแรงขนาดไหน…”


เสียงครางแตกพร่าเมื่อกายขยับลึกกว่าเดิม จังหวะเนิบช้าแต่กดเน้นจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังแผ่วในห้อง กายกดมือรั้งสะโพกอีกฝ่ายแน่นทุกครั้งที่ถอนแล้วดันกลับเข้ามาเต็มลำจนเจบีสะท้าน


เจบีหอบแรง เผลอพยายามเบี่ยงตัวหนีแต่กลับโดนกายกดเอวไว้ให้รับแรงกระแทกเต็มที่แทน ฝ่ามืออีกข้างยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาใต้หางตาให้อย่างแผ่วเบา


“ไม่ต้องหนี…ยิ่งเกร็งยิ่งเจ็บ ฟังเสียงฉันนะ…”


เสียงกายรัวต่ำใกล้ข้างหู แรงสอดลึกก็ยิ่งเร่งขึ้น จังหวะกระแทกสอดประสานกันจนแทบหลอมเป็นเนื้อเดียว แรงที่กดเข้ามาลึกจนแตะจุดไวที่สุดซ้ำ ๆ ทำเอาเสียงหอบกับเสียงครางขาดเป็นห้วง ๆ


กายก้มลงจูบกลืนเสียงนั้นอีกครั้ง ปลายลิ้นเกี่ยวพันจนเจบีเผลอขบไหล่เขาแรง ฝ่ามือใหญ่ลูบต้นขาที่สั่นน้อย ๆ ไล้เรื่อยขึ้นมาจนกอบกุมส่วนกลางที่แข็งเกร็งของอีกฝ่ายเคล้าจังหวะให้ไปพร้อมกัน


ร่างเล็กใต้ร่างแทบหมดแรงเกร็งขา หน้าท้องขยับขึ้นลงแรงเพราะหอบแทบไม่ทัน กายโน้มตัวลงกดจูบดูดกลืนเสียงครางที่เริ่มสั่นไม่เป็นจังหวะ ปลายนิ้วยังคงกอบกุมส่วนกลางของเจบีรูดขึ้นลงตามแรงกระแทกด้านในที่เริ่มถี่และลึกขึ้นทุกวินาที


“ฮ…อึก…กาย…ไม่…จะ…อ๊ะ…”


เสียงแตกพร่ากับเสียงหอบปนครางสั่น ๆ แทบทำให้กายหลุดยิ้ม เขาถอนริมฝีปากจากปากอีกฝ่าย กดปลายจมูกไล้ข้างแก้มชื้นเหงื่อ สูดกลิ่นหอมอุ่นที่ยิ่งเร้าอารมณ์ในอกให้เต้นแรงกว่าเดิม


“ไม่ต้องฝืน…” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู มือใหญ่ลูบซอกคออีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนกดสะโพกกระแทกทีเดียวลึกสุดแรงจนเจบีสะดุ้งเฮือก กล้ามเนื้อด้านในตอดรัดแน่นหนึบชนิดที่กายเองยังต้องขบกรามระงับแรงดันในอก


“อึก…ตรงนั้น…ฮ้า…!”


เสียงครางสูงขาดหายเมื่อกายกระแทกซ้ำจุดลึกเดิมอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนร่างเล็กสั่นสะท้าน น้ำตาคลอเพราะความเสียวซ่านที่พุ่งทะยานจนไม่มีอะไรฉุดไว้ได้แล้ว ฝ่ามืออีกข้างของกายจับข้อมือเล็ก ๆ นั้นยกขึ้นเหนือหัว กดตรึงไว้กับที่จนเจบีได้แต่บิดตัวขออ้อนวอนในลำคอ


“กาย…อึก…จะ…ไม่ไหวแล้ว…”


“รู้ครับ…” กายตอบเสียงพร่า นิ้วเรียวยังกอบกุมส่วนกลางที่ร้อนผ่าวไว้ รูดแรงขึ้นให้จังหวะข้างในกับข้างนอกไล่กันอย่างสมบูรณ์ สะโพกกระแทกย้ำลึกทุกทีจนเสียงเนื้อกระทบกันดังแผ่วไม่ขาดตอน


พั่ก พั่ก พั่ก!


“ปล่อยเลย…ฉันอยากเห็นหน้านายตอนนั้น…”


เสียงครางของเจบีดังหลุดเมื่อกายกดจูบดูดกลืนอีกครั้ง ฝ่ามือหนาลูบซอกเอว ไล่ขึ้นมากุมท้ายทอยไว้เหมือนจะไม่ให้หลบไปไหน ร่างเล็กใต้ร่างบิดตัวสะท้าน กล้ามเนื้อภายในรัดแน่นจนกายต้องขบกรามต่ำ ฝืนยับยั้งตัวเองไม่ให้ถึงไปพร้อมกัน


เจบีสะบัดหน้า หลุดเสียงหอบแรง ร่างกายสั่นสะท้านจนสุดท้ายก็ปลดปล่อยออกมาเต็มมือกาย ฝ่ามือที่ยังกอบกุมไว้บีบรูดให้จนหมด ปากร้อนกดจูบที่ข้างขมับ กายเงยหน้าขึ้นมองเจบีที่หอบตัวโยน ใบหน้าชื้นเหงื่อ แก้มแดงจัด ดวงตาฉ่ำวาวจากแรงอารมณ์ที่เพิ่งพุ่งทะลุขีดสุด


“เก่งมาก…” เขาว่าต่ำ ๆ ข้างหู ลมหายใจร้อนจัดยังเป่าคลอ ลิ้นไล้เลียคราบน้ำตาบนพวงแก้ม เจบีแทบหมดแรงจะตอบกลับ มือเล็ก ๆ ยกขึ้นจับแขนกายแน่นเหมือนขอให้ผ่อนแรงลง


แต่เปล่าเลย กายขยับสะโพกถอนช้า ๆ ก่อนดันกลับลึกเต็มแรง คราวนี้จังหวะถี่และกดหนักกว่าที่เคย ร่างเล็กใต้ร่างถึงกับเผลอครางหลุดอีกครั้ง แม้จะเพิ่งถึงปลายทางไปแล้วแต่ข้างในกลับยังตอดรัดแรงไม่หยุด


“อึก…กาย…พอแล้ว…”


“ไม่พอหรอกครับ…” เสียงทุ้มกระซิบพร่าใกล้ใบหูที่ร้อนจัดจนแดง “ยังไม่ถึงตาฉันเลยนี่…”


เขากระแทกสะโพกย้ำอีกทีจนเตียงไม้สั่นแผ่ว ร่างสูงยังไม่ยอมปล่อย รั้งสะโพกอีกฝ่ายให้รับแรงทุกครั้งเต็มที่จนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันไม่ขาด เจบีได้แต่เผลอหลุดเสียงร้องทุกครั้งที่แรงกระแทกกดลึกเข้าไปแตะจุดไวข้างในซ้ำ ๆ


“อึก…อ๊ะ…ไม่…!”


“อย่ากลั้น…” กายหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลิกข้อมือเล็กที่กอบกุมแขนเขาแน่นขึ้นมาจูบซับหลังมือ ก่อนจะกดปลายนิ้วลงบนต้นคออีกฝ่ายราวกับจะประคองให้อยู่นิ่ง ๆ “ฉันจะเอาให้สุดจนกว่านายจะยอมบอกเองว่าอยากได้อีก…เข้าใจไหมครับ…”


กายยังคงโน้มตัวโอบรัดเอวเจบีไว้แน่น มือใหญ่ลูบหลัง ลูบข้างลำตัวที่เต็มไปด้วยรอยแดงจาง ๆ จากปลายเล็บเมื่อครู่ที่เจบีเผลอจิกไปตอนถึงฝั่ง


“ฮึก…อ๊ะ…ไม่…ไม่แล้ว…”


เสียงสั่นพร่าแทบจะไม่เป็นคำอยู่แล้ว แต่กายกลับก้มลงจูบกลืนเสียงครางแผ่วนั้น ปลายลิ้นลากดูดดึงจนเจบีได้แต่ร้องครางในลำคอ มือเล็กเกาะแขนหนาไว้แน่นเหมือนหาที่พึ่ง ทั้งที่กล้ามเนื้อด้านในยังรัดแน่นเพราะถูกกระแทกซ้ำอยู่ไม่หยุด


“ได้ยินแล้วครับ…แต่ร่างกายนายไม่ฟังเลยนี่”


กายถอนริมฝีปาก กระซิบข้างแก้มที่ร้อนผ่าว ลมหายใจพร่าเป่าคลอข้างหู มือหนากดสะโพกอีกฝ่ายเข้าหาเต็มแรง เสียงเนื้อกระทบกันดังพร่าไม่หยุด สะโพกแกร่งขยับลึก หนัก จงใจลากเส้นความเสียวให้ยืดยาวจนเจบีเผลอสะดุ้งไหวทุกครั้ง


“อึก…ฮ่า…กาย…”


เสียงร้องนั้นแทบจะหลุดเป็นเสียงสะอื้น เจบีหมดแรงจะยันตัวหนี ร่างเล็กใต้ร่างบิดสะโพกรับแรงแทบอัตโนมัติ มือที่จิกแขนเขาหลุดไถลไปคว้าข้อมืออีกข้างของกายแน่นเหมือนขอให้หยุด


แต่เปล่าเลย กายก้มลงจูบหลังมืออีกครั้ง ปลายนิ้วกอบกุมมือเจบีแน่นราวกับจะบอกว่าไม่มีทางหนีได้


“…พร้อมไหม”


“ม-ไม่ไหว…ฮึก…”


“…ครั้งนี้อย่าเกร็ง…ปล่อยไปเลยนะครับ…”


สิ้นเสียงพร่า สะโพกหนาก็กดลึกจงใจโดนจุดอ่อนไหวข้างในเต็มแรง ปลายทางความเสียวพุ่งทะยานจนเจบีหลุดเสียงครางพร่า มือสั่นระริกเพราะแรงเกร็งที่แตกซ่านจนกล้ามเนื้อเกร็งแน่นแทบไม่เหลือช่องว่างให้กายขยับ แต่คนบนร่างกลับแค่สูดหายใจ ขบกรามนิ่งแล้วประคองสะโพกอีกฝ่ายไว้เต็มอุ้งมือ


“เก่งมาก…แฮ่ก…ดีแล้วครับ…สุดยอดเลย”


เสียงคำชมพร่าในลำคอเหมือนจะทำให้เจบีแทบหมดสติ สองขารอบเอวกายสั่นสะท้าน ร่างเล็กหลุดไปอีกครั้งเต็มแรงแต่กายยังไม่ยอมปลดปล่อย ฝ่ามือหนาลูบลำคอขาว กดจูบซับหยดเหงื่อที่ซึมข้างขมับ ไล้ลิ้นลากช้า ๆ ปลุกไฟข้างในให้ยังไม่มอด


“พอ…อึก…กาย…จะตายแล้ว…”


“จะตายได้ยังไง…” ปลายนิ้วหยาบเกลี่ยริมฝีปากที่สั่นระริก “ยังหายใจอยู่เลยนี่…”


คำพูดนั้นทำให้เจบีหลุดเสียงครางต่ำ เผลอกัดนิ้วเขาเบา ๆ ทั้งที่หมดแรงไปแล้ว แต่กายกลับยิ้มเอ็นดู นิ้วที่โดนกัดยังขยับแทรกเข้ามาแตะลิ้นอย่างหยอกล้อ ก่อนสะโพกหนาจะเริ่มขยับลึกอีกครั้งช้า ๆ


“ให้หมอฉีดยาให้นะครับ…คนเก่ง”


“ฮึก…อย่าแกล้ง…”


“ไม่ได้แกล้ง…หมอจะรักษาให้หายไข้เลย…”


เจบีนอนหายใจระส่ำหลังจากที่ร่างกายโดนไล่ขยี้ไปหลายรอบจนขาแทบหมดแรงจะขยับ ดวงตาแดงวาวเพราะทั้งเหนื่อย ทั้งเคลิบเคลิ้มไปกับไฟร้อนที่กายไม่ยอมปล่อยให้มอดเสียที


สะโพกหนายังบดลึกในจังหวะช้า ๆ จนเสียงเนื้อกระทบกันชัดเจน แม้จะไม่ได้เร่งเร้าเต็มแรง แต่ทุกจังหวะกลับซัดเข้าจุดอ่อนไหวข้างในจนกล้ามเนื้อด้านในตอดรัดแน่นไม่หยุด


“อึก…พอ…ได้แล้ว…นะ…”


เสียงอ้อนพร่าหลุดลอดริมฝีปากบาง เจบีสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองยังตอบสนอง ทั้งที่ถึงฝั่งไปแล้วหลายครั้ง ปลายนิ้วขาวจิกหัวไหล่กายไว้แน่น ริมฝีปากสั่นน้อย ๆ ขณะที่ตาสั่นระริก


กายโน้มหน้าลง ประกบจูบที่ริมฝีปากนุ่มอย่างร้อนแรง ปลายลิ้นเกี่ยวตวัดเร่งไฟที่เจบีกำลังพยายามดับไม่ให้ลุกขึ้นมาอีก


“จะให้หยุดแล้วจริงเหรอครับ…”


“อื้อ…ฮึก…ไม่..ไหว..แล้ว"


เจบีผละจูบ หอบหายใจ ฟังเสียงหัวใจตัวเองกระแทกอกแรงเกินไป มือสั่น ๆ ไล้ต้นคอกายอย่างพยายามประคองสติ แล้วหลุดเสียงครางสั่นแผ่วเมื่ออีกฝ่ายกระแทกสะโพกลึกช้า ๆ เหมือนจงใจหยอก


“ขอร้องสิ…”


เจบีกัดปากล่างแน่น ใบหน้าขึ้นสีจัดทั้งที่ยังหอบ ริมฝีปากที่สั่นไหวเอ่ยเสียงพร่าออกมาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ


“ขอร้อง…อื้อ…ฮึก…ขอร้อง…ได้ไหมครับ..."


เสียงสั่น ๆ นั่นบาดลึกยิ่งกว่าอะไร กายยกยิ้มบาง ลากหลังมือเกลี่ยแก้มนุ่มที่แดงจัด ปลายนิ้วรั้งคางเจบีขึ้นมารับจูบแผ่ว ก่อนสะโพกหนาจะเริ่มขยับเร็วขึ้น หนักขึ้น จนเสียงกระทบกันดังลั่นห้อง


“ตามใจ…ได้ครับคนเก่ง…”


เจบีเผลอปล่อยเสียงครางสูงไม่ทันตั้งตัวเมื่อจังหวะรุนแรงขึ้น มือสองข้างแทบหมดแรงจะเกาะไหล่กายด้วยซ้ำ ความร้อนที่กักไว้นานไหลวนจนท้องน้อยร้อนวาบ สะโพกบางสั่นสะท้านเพราะแรงกระแทกที่กระตุ้นจุดอ่อนไหวซ้ำ ๆ จนใกล้แตกซ่านอีกครั้ง


“อ๊ะ…อ๊ะ…กาย…กาย…จะ…ฮึก…จะออกแล้ว…”


“พร้อมกันครับ…”


เสียงพร่าหนักแน่นข้างหูเหมือนสัญญาณสุดท้าย กายกดสะโพกลึกจนแทบชิด กระแทกเน้นแรงรวดเดียวซ้ำ ๆ จนเจบีหลุดเสียงครางพร่า ตัวเกร็งกระตุกสะท้าน กล้ามเนื้อด้านในรัดตอดแรงสุดขีดจนกายเผลอสบถในลำคอ สะโพกหนาบดแน่นปลดปล่อยไปพร้อมกันตามที่อีกฝ่ายร้องขอ


เสียงหอบหายใจ สะโพกที่สั่นกระตุกเบา ๆ ในอ้อมกอด ริมฝีปากอุ่นที่แนบอยู่บนต้นคอเนื้ออุ่น เจบีหอบถี่เหมือนหมดแรงจะพูด มือบางยังเกาะต้นคอกายไว้แน่นราวกับไม่อยากให้ขยับหนีไปไหน


กายซุกหน้ากับซอกคอ ลมหายใจยังร้อนจัดแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ปลายจมูกเกลี่ยไล้หอมแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ พลางกระซิบเสียงพร่า


“เก่งที่สุดแล้ว…รู้ตัวไหม”


หลังจากเสียงครางสุดท้ายดับลง มีเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ ในห้องไม้ริมทะเลที่ยังอุ่นไอรัก กายยังไม่ปล่อยเจบีไปไหน ร่างเล็กในอ้อมแขนหมดแรงจนแทบจะหมดสติไปทั้งที่ริมฝีปากยังมีรอยจูบอยู่เลย


เขากดจูบเบา ๆ ตรงหน้าผาก ลูบผมที่ชื้นเหงื่อ ไล้นิ้วเกลี่ยแก้มแดงจัดอย่างเอ็นดู ก่อนจะถอนตัวออกอย่างแผ่วเบา


“เหนื่อยขนาดนี้…จะไม่ป่วยซ้ำก็ให้มันรู้ไปสิ…”


หมอกายหัวเราะในลำคอ ก้มลงกระซิบข้างหูเจบีเบา ๆ ทั้งที่คนตัวเล็กหลับไปแล้วด้วยซ้ำ ปลายนิ้วแตะไหล่บางที่เต็มไปด้วยรอยรักสีเข้ม ก่อนจะจัดท่าให้ร่างเล็กนอนสบายแล้วเอาผ้ามาห่มให้


เสียงน้ำอุ่นในกะละมังไม้ดังคลอ กายใช้ผ้าชุบน้ำค่อย ๆ เช็ดเหงื่อออกจากซอกคอ ไหล่ แผ่นหลัง แล้ววางผ้าขนหนูเย็นไว้บนหน้าผากให้ไข้ไม่ขึ้นไปมากกว่านี้ สองมือใหญ่ทำอย่างใจเย็น จัดหมอนจัดผ้าห่มให้เรียบร้อย ก่อนจะยกมือขึ้นแตะแก้มอีกครั้ง


“ฝันดีนะ…ตัวแสบของฉัน”


เช้าวันต่อมา เสียงลมทะเลกับแสงแดดอ่อน ๆ ปลุกเจบีให้ลืมตาขึ้นช้า ๆ ร่างกายที่เหมือนโดนซัดไปทั้งคืนยังปวดระบมจนขยับไม่ไหว เผลอครางฮือในลำคอด้วยความเมื่อยไปทั้งตัว พอเอื้อมมือแตะหน้าผากก็รู้สึกว่าตัวเองยังร้อน ๆ เหมือนจะไข้ขึ้นอีกแล้ว


“หืม…ตื่นแล้วเหรอครับ คนป่วยของฉัน”


เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ข้างเตียง หมอกายในเสื้อยืดกับผ้าขนหนูพาดคอ ยืนละเลียดชงโจ๊กอยู่ในครัวไม้แบบง่าย ๆ พอหันมาเห็นคนบนเตียงลืมตา กายก็ยิ้มกว้างเดินมานั่งข้างเตียงทันที


เจบีเบือนหน้าหนีทันทีเพราะเริ่มงอน เสียงหวานบ่นอู้อี้


“อื้อ…อย่ามาทำเสียงดีเลย…ไข้จะกลับเพราะใครล่ะ…”


กายกลั้นขำแทบไม่อยู่ มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่ม ๆ ก่อนจะก้มลงหอมหน้าผากแรง ๆ ฟอดหนึ่งจนเจบียิ่งดันไหล่หนี


“โธ่ อย่างอนสิครับ…หมอจะดูแลให้จนกว่าจะหายเลยดีไหม”


“ไม่ต้องมาพูดดีนะ…เจ็บไปหมดแล้ว…”


“ก็เมื่อคืนใครกันที่อ้อนเองว่า…อยากออกพร้อมกัน~”


“หมอ!!”


เจบีตีไหล่เขาแรงเท่าที่แรงจะมี แต่กายยิ่งหัวเราะเบา ๆ เอามือหนามากุมมือเจบีแล้วโน้มหน้าลงต่ำจนปลายจมูกเฉียดแก้ม


“โอเคครับ…โอเค…ผิดเองทุกอย่างเลย จะดูแลดี ๆ จะไม่ให้เหนื่อย จะป้อนข้าว ป้อนยา เช็ดตัว พัดวี ใส่เสื้อให้ด้วยก็ได้ สปอยยิ่งกว่าเดิมเลยดีไหม”


“หึ…”


“นะครับ…อย่าทำหน้าแบบนี้เลย เดี๋ยวฉันใจบางตายก่อนเมียหาย”


คำว่า เมีย ทำเอาเจบีเผลอหน้าแดงทันที คนป่วยหันไปซุกผ้าห่มแทนการโต้เถียง กายก็ยังตามง้อไม่เลิก ลากริมฝีปากไปหอมแก้มอีกฟอดก่อนจะหัวเราะเบา ๆ


“อยู่เฉย ๆ ไปนะครับ เดี๋ยวหมอจะดูแลให้ทุกอย่าง ห้ามดื้อด้วย เข้าใจไหม?”


แล้วก็เป็นไปตามที่กายพูดจริง ๆ วันนั้นทั้งวันเจบีแทบไม่ต้องลุกไปไหน กายป้อนโจ๊กอุ่น ๆ ป้อนยาให้ตามเวลา คอยลูบผม จับหน้าผากเช็กไข้เป็นพัก ๆ


เพราะถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครจะดูแลคนตัวเล็กในอ้อมแขนได้ดีไปกว่าหมอคนนี้อีกแล้ว







อ่านตอนจบ >>จิ้ม<<






Talk with me.


จบซีซั่นของคุณหมอแล้วนะ


แซ่บมุ้ย...


อยากส่งท้ายอีกสักบท


ยังไงก็รอลุ้นนะฮับ🩷


lekthai โพสต์ เมื่อวานซืน 18:21

รักนะครับ

nuangnut1996 โพสต์ เมื่อวานซืน 19:10

สนุกมากครับ

GuN009 โพสต์ เมื่อวาน 00:12

โอ้ว เจบียิ่งมายิ่งเก่งขึ้นนะ55
ว่าแต่หมอกายจัดเต็มเลย
ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? ตอนพิเศษ 3.2