ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? ตอนพิเศษ 2.1
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-7-14 16:32ตอนพิเศษ 2.1หน้าหนาว⛄ กระต่ายน้อยกับนักล่า
หิมะเริ่มโปรยลงมาเงียบ ๆ จากท้องฟ้าสีหม่น บางเบาราวกับเศษกระดาษที่ปลิวจากความฝัน ทั้งเมืองค่อย ๆ ถูกคลุมด้วยม่านสีขาวบางจนดูเหมือนโลกกำลังชะลอจังหวะหายใจของมันลง
ลมหายใจกลายเป็นไอลอยฟุ้ง เจบีซุกมือไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทขณะยืนรอใต้กันสาดหน้าร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน
ประตูเลื่อนของร้านคาเฟ่เปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งแผ่วเบา แคสเปอร์เดินออกมาพร้อมแก้วโกโก้ร้อนสองใบในมือ ไออุ่นจากปลายแก้วลอยขึ้นเป็นม่านบาง ๆ เคลือบกระจกหน้าร้านให้กลายเป็นฝ้าจาง
เขาส่งแก้วให้เจบีด้วยมือเปล่าที่ปลายนิ้วแดงจัด ความร้อนจากแก้วลอยขึ้นเป็นไอบาง
"อากาศเย็นแล้ว ดื่มอะไรอุ่น ๆ สักหน่อย"
เสียงต่ำทุ้มเอ่ยออกมาเบา ๆ พอให้ได้ยินแค่กันสองคน ท่ามกลางเมืองที่เงียบลงเพราะหิมะกำลังตก
เจบีรับแก้วไว้ช้า ๆ ความร้อนจากแก้วไหลซึมผ่านปลายนิ้วทันทีที่แตะสัมผัส เขาไม่ได้พูดอะไรในตอนแรก แค่เงยหน้ามองอีกฝ่ายเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยตอบเบา ๆ
“ขอบคุณครับ”
กลิ่นโกโก้อุ่นลอยเข้ามาแตะปลายจมูก รสหวานนิด ๆ และขมปลายลิ้นให้ความรู้สึกคล้ายมือใครสักคนที่แตะหลังเบา ๆ ในวันเหน็บหนาว
แคสเปอร์ยังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาเรียบนิ่งกวาดมองมือขาวที่ไม่สวมถุงมือ กับผ้าพันคอผืนบางเกินไปสำหรับอุณหภูมิแบบนี้
โดยไม่พูดอะไร เขาขยับเข้าใกล้ ใช้มืออีกข้างดึงผ้าพันคอของตัวเองที่คล้องคออยู่ออกมา ก่อนจะค่อย ๆ โอบผ่านต้นคอเจบีจากทางด้านหลัง ท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมาช้า ๆ
“อากาศเย็นเกินไป...เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
เสียงเขานุ่มต่ำ ลมหายใจอุ่นรินใกล้หูขณะที่มือจัดผ้าพันคออย่างใจเย็น
เจบีชะงักเล็กน้อยแต่ไม่ได้ขยับหนี เขาแค่ยืนอยู่กับที่ ปล่อยให้มือของแคสเปอร์แตะข้างแก้มเบา ๆ ในตอนที่จัดชายผ้าให้เข้ารูป
หลังจากจัดผ้าเสร็จ แคสเปอร์ก็เดินเข้ามาโอบไหล่เขาเบา ๆ ก่อนจะดันให้ขยับตัวออกเดินต่อ
“ไปกันเถอะ ยังมีหลายอย่างที่ต้องซื้อ”
แคสเปอร์ตั้งใจพาเขามาเลือกของใช้สำหรับเดินทางไปดูแสงเหนือที่ฟินแลนด์ เสื้อผ้าฤดูหนาว เครื่องกันความเย็น ถุงเท้า ผ้าพันคอ รวมถึงของเล็กน้อยที่อาจได้ใช้เมื่อถึงที่นั่น
ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาไม่จำเป็นต้องก้าวออกจากเพนต์เฮ้าส์ด้วยซ้ำ แค่ขยับปลายนิ้ว สิ่งที่ต้องการก็พร้อมวางเรียงอยู่ตรงหน้า อำนาจในมือเขามากพอจะซื้ออาคารทั้งหลังได้ในเวลาไม่ถึงนาที…หากเขาอยากได้
แต่ถึงอย่างนั้น...การได้ใช้เวลาร่วมกันกับคนที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีค่ามากกว่า
ร้านแฟล็กชิปหรูใจกลางย่านช็อปปิงของลอนดอนถูกตกแต่งด้วยไฟประดับสีทองและผ้าคลุมกำมะหยี่ ขับให้บรรยากาศดูอุ่นขึ้นเล็กน้อยในวันที่หิมะยังโปรยลงมาไม่หยุด พนักงานในชุดสูทสีเข้มยืนต้อนรับอยู่ทุกมุมตา พร้อมโค้งเล็กน้อยทันทีที่แคสเปอร์เดินผ่านประตูเข้ามา
เจบีมองร้านที่เหมือนหลุดมาจากแมกกาซีนแฟชั่นด้วยสีหน้าเกร็งน้อย ๆ แต่ก่อนจะได้พูดอะไร มือของเขาก็ถูกดันให้ซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทของอีกฝ่ายเสียก่อน ก่อนจะกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับไม่ต้องการปล่อยมือแม้เพียงครู่เดียว
"อากาศที่ฟินแลนด์คงติดลบแล้ว เลือกเสื้อคลุมขนสัตว์ไว้จะอุ่นกว่า"
เขาพูดเสียงเรียบ ขณะก้าวนำเข้าไปยังโซนเสื้อโค้ทตัวหนาของแบรนด์ยุโรปชั้นนำ สายตาไล่ไปตามชั้นวางสินค้าอย่างแม่นยำราวกับรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรคือของดีที่สุดในร้าน
พนักงานรีบยกชั้นตัวอย่างมาให้เลือก ทั้งขนกระต่าย แคชเมียร์ ผ้าวูลนำเข้า รวมถึงผ้าขนสัตว์สีเข้มที่ออกแบบพิเศษเฉพาะซีซันนี้ แคสเปอร์รับมาเพียงสองสามชิ้นที่ดูเข้ากับเจบี แล้วเอ่ยกับพนักงานเรียบ ๆ
"ขอไซส์ของเขาทั้งหมด"
เจบีเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ไม่รู้จะปฏิเสธหรือพูดอะไรดีเมื่อเห็นราคาบนป้าย แต่แคสเปอร์ก็พูดต่อราวกับอ่านความลังเลได้จากสีหน้า
"ไม่ต้องคิดมาก...สำหรับนายแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ"
เขาหันไปเลือกผ้าพันคอและถุงมือเข้าชุดกันอีกชุด ก่อนจะหันกลับมา
"ถ้ายังไม่ชอบ เดี๋ยวฉันเหมาให้ทั้งแถวเลยก็ยังได้"
คำพูดเรียบ ๆ ถูกเอ่ยขึ้นในจังหวะสบาย ๆ เหมือนพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ
แต่เจบีกลับยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง
บางอย่างในคำพูดนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรือเสื้อผ้า แต่มันคือความพยายามเงียบ ๆ ของใครคนหนึ่งที่อยากดูแลเขาอย่างเต็มใจโดยไม่ต้องขอ
พวกเขาช่างคล้ายกันเหลือเกิน...คนที่เอาใจใส่เงียบ ๆ และมอบความรักโดยไม่ต้องพูดคำว่ารักออกมาเลย
เจบีก้มหน้าลงเล็กน้อย รอยยิ้มบางเบาเริ่มผุดขึ้นกลางใจและค่อย ๆ แตะปลายมุมปากราวกับกลั้นไว้ไม่อยู่
แคสเปอร์ดูเหมือนจะเห็น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่หันไปหยิบถุงมือจากชั้นวางแล้วหันกลับมา
“ถุงมือแบบนี้…น่ารักมั้ย”
เขายกมันขึ้นสะบัดเบา ๆ ในมือ เป็นถุงมือสีอ่อนเรียบหรู แต่มุมข้อมือปักลายเส้นเล็ก ๆ สีเงินที่ดูไม่ฉูดฉาดนัก
“เข้ากับนายดีนะ”
เขาว่าขึ้นอย่างสบาย ๆ ก่อนจะยื่นถุงมือให้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง...แต่ดวงตานั้นกลับจับจ้องทุกกิริยาตอบสนองของคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง
เจบีรับถุงมือมาช้า ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที แต่สีหน้าที่ผ่อนคลายลง และรอยยิ้มจาง ๆ ที่แตะแค่มุมปาก ก็เพียงพอแล้วสำหรับแคสเปอร์
แคสเปอร์ยิ้มกว้างเหมือนได้คำตอบที่ต้องการ แล้วหันกลับไปกวาดตามองชั้นสินค้าอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มหยิบของเพิ่มอีกเรื่อย ๆ อย่างใจเย็น
ใช่...เขาเลือกของตามใจตัวเองทั้งหมด
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ของวางเต็มโต๊ะพนักงานจนอีกฝ่ายเริ่มต้องโทรขอแรงเสริม เจบียืนมองอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ห้าม…เพียงแต่เริ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นรายการสั่งซื้อยาวไม่หยุด
“เอาล่ะ...แค่นี้คงพอแล้ว”
แคสเปอร์พูดขึ้นในที่สุด ก่อนจะส่งยิ้มแบบกึ่งภาคภูมิใจให้เจบี
“ฉันสัญญานะ ว่าจะไม่หยิบอะไรเพิ่มแล้ว…เว้นแต่นายจะเผลอยิ้มอีก”
เจบีได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ มองของทั้งหมดที่พนักงานทยอยแยกใส่กล่องอย่างเป็นระเบียบ ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร พนักงานก็เดินเข้ามาบอกว่า ของจะถูกจัดส่งตามไปถึงที่พักภายในเย็นนี้ตามที่คุณแคสเปอร์แจ้งไว้
แคสเปอร์พยักหน้า พลางหันไปพูดกับเจบีเหมือนจะขอโทษ แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นใจแทน
“ขอโทษที่ซื้อเยอะไปหน่อย…แต่มันก็แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะ”
เจบีเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง รอยยิ้มที่เคยติดแค่ริมฝีปากค่อย ๆ ลามเข้าตา และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยในวินาทีนั้น
เพราะ คำขอบคุณ…บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียง
การยิ้มให้กันเบา ๆ ในตอนที่หัวใจอบอุ่น มันก็เพียงพอแล้ว
ทั้งคู่เดินออกจากร้านพร้อมเสียงกระดิ่งเบา ๆ ที่ดังตอนประตูเปิด อากาศข้างนอกเย็นลงกว่าเดิม หิมะเริ่มโปรยหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่แคสเปอร์ก็ยังทำหน้าร่าเริงเหมือนไม่รู้จักคำว่าอุณหภูมิติดลบ
“กลับเลยมั้ย หรืออยากแวะที่อื่นก่อน?” แคสเปอร์ถามขึ้นขณะเดินเคียงข้าง หยิบผ้าพันคอที่คลายออกเล็กน้อยของเจบีขึ้นมาพันให้ใหม่อย่างเคยชิน
เจบีคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“อืม…แวะไปที่ซิลเวอร์เนสต์ก่อนได้มั้ยครับ พอดีผมลืมของไว้ที่โต๊ะทำงาน”
แคสเปอร์เบ้หน้าอย่างเร็ว
“ต้องไปเจอตาแก่นั่นอีกเหรอ เซ็งอ่าา~”
เสียงลากยาวตอนท้ายเต็มไปด้วยความงอแงแบบผู้ใหญ่ที่ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับใครบางคน
เจบีเหลือบตามองเขาแล้วถอนหายใจเบา ๆ
“ผมเข้าไปคนเดียวก็ได้นะครับ”
เขาพูดนิ่ง ๆ พลางหันไปมองหน้าคู่สนทนา คล้ายกับรู้ดีว่า คนอย่างแคสเปอร์…ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่อยากเหยียบเข้าไปในอาณาเขตของราฟาเอโร่
เพราะเจ้าของตึกนั้น นอกจากจะกุมอำนาจเบื้องหลังของทั้งซิลเวอร์เนสต์ ยังมีบารมีพอจะทำให้แคสเปอร์ที่กล้าได้กล้าเสียกับใครทั้งโลก…รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในรังปีศาจ
แต่แคสเปอร์กลับส่ายหน้าทันที ไม่มีแววลังเลเลยแม้แต่นิด
“ได้ไงล่ะ ฉันไม่ปล่อยให้กระต่ายน้อยของฉันเข้าไปในถ้ำเสือคนเดียวหรอกนะ”
เขาหันมาเลิกคิ้ว ยกยิ้มกวน ๆ เล็กน้อย
“ฉันไม่ไว้ใจตึกนั่น…แล้วก็ไม่ไว้ใจพวกที่อยู่ในนั้นด้วย”
เขาพูดต่อเบา ๆ “...ยกเว้นนาย”
เจบีขยับคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับช้า ๆ โดยไม่พูดอะไร สีหน้าอ่อนลงกว่าที่เคย
คำพูดของแคสเปอร์…ถึงจะฟังเหมือนเล่น แต่กลับรู้สึก ‘จริง’ มากกว่าครั้งไหน ๆ ที่เขาเคยได้ยิน
เจบียื่นมือออกไปช้า ๆ แล้วสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทของแคสเปอร์โดยไม่ต้องให้พูดนำ
แคสเปอร์เหลือบลงมามองมือที่สอดเข้ามา ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ อย่างพอใจ แล้วกระชับมือกลับโดยอัตโนมัติ
พวกเขาเดินต่อไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางหิมะโปรยบาง ๆ
“รู้ตัวมั้ย ว่านายน่ะทำตัวน่ารักขึ้นทุกวัน”
เจบีถอนหายใจเบา ๆ “…คุณก็พูดแบบนี้ทุกวัน”
“ก็เพราะมันเป็นความจริงทุกวันไง” เขาตอบทันที แล้วเสริมแบบหน้าตาย “ฉันแค่ทำหน้าที่ของคนที่หลงนายอยู่ ให้ครบถ้วน”
เจบีกลอกตาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดึงมือตัวเองออก ปล่อยให้แคสเปอร์พาเดินต่อไปอย่างนั้น
...
ตึกซิลเวอร์เนสต์
อาคารสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าราวกับอนุสรณ์แห่งความสำเร็จที่หยั่งรากลึกอยู่ในโลกใต้ดิน มันตั้งอยู่กลางใจเมืองลอนดอน แต่กลับไม่มีแม้สื่อสาธารณะใดกล้าเขียนถึง ไม่ใช่เพราะไม่มีใครรู้จัก แต่เพราะไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อ
เจบีสูดหายใจช้า ๆ ขณะก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณอาคาร
ผู้คนในล็อบบี้เริ่มชะงัก ละสายตาจากงานตรงหน้า ก่อนจะก้มหัวให้เขาโดยพร้อมเพรียง ไม่ต่างจากสมาชิกคนอื่น ๆ ของ "กลุ่มขนนกสีเงิน"
เพราะในสายตาใครหลายคน...เจบีคือศูนย์กลางของอำนาจทั้งห้า
แคสเปอร์ยังคงทำตัวสบาย ๆ ราวกับกลับมาบ้าน ทั้งที่ในความเป็นจริง...เขาแทบไม่อยากเหยียบเข้าตึกนี้ด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่ต้องมาซิลเวอร์เนสต์ เขามักหาเรื่องบ่นในใจสารพัด
ว่าบรรยากาศมันเย็นเกินไป ว่าผนังสีนี้ดูอึดอัด
หรือบางครั้งก็แค่ไม่อยากเจอเจ้าของตึกที่นิ่งจนอ่านไม่ออก
แต่ถึงอย่างนั้น...เขาก็ยังมา
ช่วงหลังมานี้ เขายุ่งจนหัวแทบหมุน งานประชุมไม่จบไม่สิ้น เอกสารกองเป็นภูเขา เวลาว่างแทบไม่มี เหมือนชีวิตถูกผูกติดกับหน้าจอและการตัดสินใจทุกวินาที
จะไปไหนมาไหนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ถ้าเป็นเจบี...ไม่ว่าเหนื่อยแค่ไหน เขาก็จะหาเวลาให้เสมอ
“คงต้องไปให้เขาเห็นหน้าสักหน่อย… ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะพาลน้อยใจขึ้นมา” แคสเปอร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาหรูที่ราคาเฉียดหลักแปดเหมือนทำไปเพราะความเคยชินมากกว่าจำเป็น
ระหว่างที่ลิฟต์กำลังเลื่อนขึ้นสู่ชั้นบนสุด ร่างสูงของแคสเปอร์ก็ขยับเข้าใกล้เจบีทีละน้อย เขาโน้มตัวลงช้า ๆ จนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน ลมหายใจอุ่นจากริมฝีปากเขาไล้ผ่านอากาศเย็นเฉียบแนบชิดกับผิวแก้มที่ยังมีรอยชื้นจากเกล็ดหิมะที่เพิ่งละลาย
“หน้าแดงหมดแล้ว…”
เสียงของแคสเปอร์ลดต่ำลงในจังหวะที่โน้มตัวเข้ามาใกล้ ดวงตาคมกริบสบตาคู่ตรงหน้าอย่างเปิดเผย พร้อมรอยยิ้มที่มีแต่ความจงใจซ่อนอยู่เต็มไปหมด
“มานี่มา” เขาว่าเสียงนุ่ม
ไม่ทันให้เจบีตอบอะไร แคสเปอร์ก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบอกทันที กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเสื้อโค้ทที่เพิ่งซับลมเย็นจากข้างนอกยังติดอยู่ ปลายจมูกแทบแนบขมับของเจบีที่ขึ้นสีเรื่อ ทั้งที่เจ้าตัวยังพยายามหันหน้าหนีเล็กน้อย
แล้ว—ติ๊ง~
เสียงลิฟต์ดังขึ้นพอดี ประตูเลื่อนเปิดออกช้า ๆ
แคสเปอร์ยังคงกอดเจบีไว้เต็มอ้อมแขนโดยไม่ปล่อยแม้แต่น้อย แต่หันไปยักคิ้วให้คนตรงหน้าลิฟต์ด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ทั้งสุภาพและจงใจในคราวเดียวกัน
“อรุณสวัสดิ์ครับท่านเจ้าของตึก...วันนี้อากาศดีดีเนอะ?”
“ราฟา…” เจบีเรียกเสียงเบา เหมือนทั้งขอโทษแทนคนในอ้อมแขน และเตือนภัยล่วงหน้าในคราวเดียวกัน
ชายในชุดสูทสีเข้มยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ ผมดำเรียบเนี้ยบไม่หลุดจากตำแหน่งแม้แต่เส้นเดียว แต่แววตานั้นคือ พร้อมเชือด
เขาไม่พูดสักคำ แค่ส่งสายตาประมาณว่า "ปล่อย. เดี๋ยว. นี้."
แคสเปอร์กลั้นหัวเราะไม่อยู่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงยอมแพ้อย่างขบขัน
“โอเค ๆ รับทราบครับท่าน... ไม่ต้องจ้องแรงขนาดนั้นก็ได้... ฉันไม่ได้อยากตายเร็วขนาดนั้น”
เขาค่อย ๆ คลายแขนออกจากเจบีแบบช้าเหมือนสโลว์โมชั่น ท่าทางเหมือนกำลังยืนส่งแฟนขึ้นเครื่องบิน
ก่อนจะพึมพำเสียงเบา
“แค่กอดยังโดนขู่ขนาดนี้ แล้วถ้าจูบคงได้จองโลงล่วงหน้า…”
ไม่นาน เจบีก็เดินเข้าห้องทำงานของราฟาเอโร่ ที่นั่งข้างโต๊ะประธานซึ่งเคยว่างเปล่าบัดนี้กลายเป็นโต๊ะประจำของเขาไปแล้ว บนชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้าแห่งนี้ โดยมีชายร่างสูงอีกสองคนเดินตามเข้ามาด้วย
แคสเปอร์ไม่พูดพล่าม ทิ้งตัวลงบนโซฟาประจำอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่เจบีกำลังหาของที่ลืมไว้บนโต๊ะทำงาน เขาก็พบกล่องใบเล็ก ๆ ที่ซ่อนไว้มุมหนึ่ง
เขาหยิบมันขึ้น เปิดฝากล่อง แล้วชะงักเล็กน้อย
“ลืมไปเลยว่าซื้อมา…” เขาพึมพำ
ในกล่องนั้นมีพวงกุญแจลายแมวอ้วน เครื่องรางญี่ปุ่น ทั้งแมวกวัก ดารุมะ โอมาโมริถุงผ้า ที่เขาเคยซื้อติดมือกลับมาจากทริปฤดูร้อนกับเรน ทว่าเพราะเรื่องงานถาโถม เขาก็ลืมมันไปสนิท
เสียงขยับตัวจากโซฟาทำให้เขาหันไป แคสเปอร์ที่ตอนแรกทำทีเหมือนไม่สนใจ ตอนนี้เดินเข้ามาแทบจะประชิด
“อะไรน่ะ? แมวอ้วนตัวกลมน่ารักชะมัด”
ในพริบตาเดียว เครื่องรางหลากสีหลากขนาดก็ถูกวางเรียงเต็มโต๊ะประหนึ่งบูธหน้าศาลเจ้า
“ของฝากจากญี่ปุ่นน่ะ ตอนนั้นยุ่ง ๆ เลยลืมไปเลยว่าซื้อกลับมาด้วย” เจบีว่า ก่อนจะหยิบถุงทองเล็ก ๆ ใบหนึ่ง แล้วยื่นให้แคสเปอร์
“อันนี้ของคุณ เสริมความมั่งคั่งร่ำรวย”
แคสเปอร์รับถุงทองมาเหมือนของศักดิ์สิทธิ์ พลิกไปมาเหมือนกำลังคิดจะเอาไปใส่ตู้โชว์
“โอ๊ย เจบี...น่ารักขนาดนี้ ฉันควรตั้งโต๊ะหมู่บูชาดีไหม?” เขาพลิกดูอีกสองรอบก่อนแกล้งถอนหายใจ
“เสียดายที่ฉันรวยอยู่แล้ว มันเลยดูไม่ค่อยจำเป็นน่ะนะ”
“ยังไงก็รับไปเถอะ ถือว่าเผื่อไว้สำหรับวันที่หุ้นตก”
“หุ้นตกเหรอ? ไม่มีทาง” แคสเปอร์ยักไหล่
“แต่ก็ขอบใจมากนะ ถ้ามันได้ผลล่ะก็...ฉันจะบินไปเทกเอาท์ถึงญี่ปุ่นเลย”
จากมุมห้อง เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียบ ๆ น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เฉือนลึกพอให้ทั้งห้องเงียบไปชั่ววินาที
“ถ้ามันช่วยปิดปากนายได้ด้วย จะถือว่าโชคสองชั้น”
แคสเปอร์ชะงักนิด ก่อนหันไปยิ้มกว้างใส่เจ้าของเสียง
“พูดแบบนี้แปลว่าบอสก็แอบอยากได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
ราฟาเอโร่เพียงเหลือบตามองเขา สีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน เหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะทำเป็นไม่ได้ยิน หรือจะสั่งให้โยนคนพูดออกนอกตึกดี
“อันนี้ของคุณ… ถุงชากลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วยให้หลับได้ดี”
เจบียื่นถุงชาให้พลางเลี่ยงสายตานิดหน่อย น้ำเสียงฟังดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ก็แฝงความตั้งใจเอาไว้เต็มมือ
ราฟาเอโร่มองถุงชาในมือครู่หนึ่ง ก่อนจะรับไว้โดยไม่พูดอะไร แต่แทนที่จะเปิดถุงหรือลองดม เขากลับยื่นมืออีกข้างมารั้งเจบีเข้ามาใกล้
จากนั้นก็โน้มหน้าเข้ามาชิด สูดกลิ่นหอมเบา ๆ จากตัวเจบีแทนอย่างหน้าตาเฉย
“นายหอมกว่าถุงชานี่อีกนะ” เขาพูดเสียงเบา ในน้ำเสียงนั้นมีอะไรบางอย่างที่หนักแน่นกว่าคำล้อเล่นทั่วไป
“ฉันมีนายอยู่แล้ว ของแบบนี้ไม่จำเป็นหรอก”
เจบีกระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับเรียบ ๆ
“แต่ผมจะไม่อยู่อีกหลายวันเลยนะ”
ประโยคนั้นเหมือนเพิ่งกระทบเข้ากลางใจอีกฝ่าย ราฟาเอโร่ชะงักเล็กน้อย ใบหน้าที่เคยนิ่งคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้จริง ๆ
ดวงตาคมกริบลดแสงลงจาง ๆ คล้ายยอมรับอะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่อยากรับรู้
...ก่อนที่เขาจะเอ่ยเสียงเบา ราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าคนตรงหน้า
“งั้นก็แปลว่าฉันจะได้นอนคนเดียวอีกหลายคืนสินะ”
คำพูดนั้นฟังเหมือนเล่น แต่แววตากลับไม่หลอกใครเลย
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากโซฟา ฝั่งตรงข้ามของห้อง พร้อมเสียงกระดาษนิตยสารพับลง
“โอ๊ย ฉันก็อยากมีโมเมนต์แบบนี้บ้างนะ แต่พระเจ้าคงลืมใส่สคริปต์ให้” แคสเปอร์พึมพำพลางเอนหลังลูบหน้าอย่างเวอร์วัง
“บรรยากาศมันจะโรแมนติกขนาดนี้ไม่ได้… ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ! ยังหายใจอยู่ด้วย!”
ราฟาเอโร่ปรายตามองไปทางแคสเปอร์นิ่ง ๆ แล้วตอบเรียบ ๆ
“ถ้าไม่อยากหายใจ ก็พูดต่อไปเรื่อย ๆ”
“รับทราบครับท่าน” แคสเปอร์ยิ้มแหย ๆ แล้วยกมือสองข้างยอมแพ้ทันที ก่อนจะหันไปกระซิบกับเจบีเบา ๆ
“สงสัยราฟาเอโร่จะเป็นของที่นายลืมไว้สินะ”
ตอนต่อไป >>จิ้ม<<
Talk with me.
มาเสิร์ฟความหวานให้แล้วนะ
ตอนหน้าจะบินไปดูแสงเหนือแล้วน้าาา...
ฝากติดตามด้วยฮ้าบบ♥️
แอบสงสารแคสเปอร์🤣
เลิฟครับผม สนุกมากครับ โอย แค่เริ่มยังไม่เดินทางนะเนี่ย
สนุกมากครับขอบคุณนะครับ
หน้า:
[1]