ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? ตอนพิเศษ 1.2 (เรนxเจบี)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-7-11 08:47ตอนพิเศษ 1.2
หน้าร้อน🔥Day 2 เส้นด้ายแห่งโชคชะตา ไหว้ขอพรศาลเจ้าอิคุตะ
ยามบ่ายที่แสงแดดอ่อนตัวลง หลงเหลือเพียงไออุ่นบาง ๆ ล่องลอยอยู่ในอากาศ ลมเอื่อย ๆ จากสวนพัดกระดิ่งลมริมระเบียงให้ขยับเบา ๆ ส่งเสียง กรุ๊งกริ๊ง
เรนเอนตัวลงนอนกลางห้องอย่างสบายใจ เหมือนเจ้าของบ้านที่ไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ใด ๆ อีกต่อไป
"มานอนตรงนี้สิ" เขาตบพื้นที่ว่างข้างตัวเบาๆ เอียงหน้ามองเจบีด้วยรอยยิ้มอย่างคนที่กำลังอ้อนให้ตามใจ
เจบีก้มมองคนตัวสูงที่นอนเกลือกกลิ้งบนเสื่อทาทามิอย่างไม่ทุกข์ร้อน แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเรนชักจะทำตัวเหมือนแมวตัวโตที่กำลังอ้อนเจ้าของเข้าไปทุกที
เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ อย่างช้าๆ แต่ยังลังเลที่จะเอนตัวลงนอนตามที่อีกฝ่ายชวน
"จะนั่งเฉยๆ หรือไง?" เรนพูดอย่างขี้เกียจ ก่อนจะยื่นมือไปคว้าข้อมือของเจบี แล้วดึงเบาๆ โดยไม่ให้ทันตั้งตัว
เจบีเสียหลักล้มลงไปบนตัวเรนทันที ก่อนจะทันได้ตั้งหลัก ก็ถูกแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายรวบรัดไว้แน่นหนา
"เรน..." เจบีร้องประท้วงเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน
"พักสักหน่อยเถอะน่า" เขาพูดพลางหลับตาพริ้ม สูดลมหายใจเข้าลึกเหมือนต้องการกักเก็บกลิ่นกายของอีกฝ่ายเอาไว้ให้เต็มปอด
เจบีนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมแพ้แล้วค่อย ๆ วางศีรษะลงบนอกเรนอย่างระมัดระวัง
เสียงหัวใจของเรนเต้นเป็นจังหวะหนักแน่น ใกล้เสียจนเจบีได้ยินชัดเจน
"ในที่สุดก็ได้กอดสักทีนะ..." เรนพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า แต่ก็ชัดเจนจนคนในอ้อมแขนได้ยินทุกคำ
เจบีที่นอนแนบอกอยู่ได้แต่ขยับตัวนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
"รู้อะไรมั้ย..." น้ำเสียงของเรนทอดลง อบอุ่นจนน่าแปลก "ฉันน่ะ ตกหลุมรักนายตั้งแต่แรกเห็นเลยนะ"
เจบีเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่งอย่างงุนงง แต่เรนก็ยังพูดต่อโดยไม่รอคำตอบ
"จำได้มั้ย ตอนที่ฉันเดินชนแล้วทำเหล้าหกใส่เสื้อนาย..." เรนหัวเราะเบา ๆ ราวกับเห็นภาพวันนั้นชัดเจนในหัว
เจบียิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ความทรงจำวันนั้นผุดขึ้นในหัวอย่างเลือน ๆ
"ฉันอุตส่าห์ถามชื่อนายนะ แต่ดันไม่ยอมบอก..." น้ำเสียงของเรนเจือความน้อยใจแบบแกล้ง ๆ "ตอนนั้นใจฉันว้าวุ่นไปหมด อยากรู้จักนายจะตายอยู่แล้ว"
"ฉันอยากจะรู้ชื่อนายด้วยตัวฉันเอง" เรนเอ่ยเสียงเบากว่าเดิม ดวงตาที่มองมาก็เต็มไปด้วยความจริงใจ "ทั้งที่คนอย่างฉัน ถ้าอยากสืบ...ก็ทำได้สบายมากแท้ ๆ"
เจบีก้มหน้าซุกลงกับอกเรน ปล่อยให้ปลายนิ้วขยุ้มเสื้อของอีกฝ่ายแน่นเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว
"อืม...จำได้สิ ผ่านไปไวเหมือนกันนะ" เขาพึมพำตอบ
เรนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกอดอีกฝ่ายกระชับขึ้นอีกนิด
"พอครั้งต่อมาฉันเจอนายที่งานเต้นรำ..." เขาเล่า
เจบีขยับตัวนิดหนึ่ง เงยหน้าขึ้นนิด ๆ สบตาเขาอย่างประหลาดใจ
"นายจำฉันได้เหรอ ตอนนั้นคนเยอะจะตาย"
เรนหัวเราะเบา ๆ
"ตอนแรกก็ไม่หรอก...แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดฉัน" น้ำเสียงเขานุ่มลงอย่างน่าฟัง "ฉันเลยเดินเข้าไป...ขอนายเต้นรำ"
เจบีเลิกคิ้วนิด ๆ เหมือนอยากถามว่าแล้วแน่ใจได้ยังไง
เรนหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกระซิบใกล้หู
"ฉันจำกลิ่นนายได้"
เจบีแทบจะกลั้นขำไม่อยู่ หลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาแทบจะทันที
"นายเป็นหมาหรือไง" เขาพูดพลางย่นจมูกน้อย ๆ อย่างหมั่นไส้
เรนทำหน้ามุ่ยทันควัน หยิบหมอนแถวนั้นมาตีหัวเจบีเบา ๆ อย่างไม่จริงจัง
"ทำไมทุกคนต้องล้อฉันด้วยเนี่ย - -" เรนบ่นพึมพำ แต่แววตาที่มองมากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดูจนเจบีเองก็กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
"ก็มันจริงนี่นา..." เจบีว่าพลางเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับอย่างอดไม่ได้ "แล้วนายชอบอะไรในตัวฉันกันล่ะ ฉันเองตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับศัตรูของนายเลยนะ"
เรนยักไหล่ ทำท่าคิดครู่หนึ่งด้วยท่าทีขี้เล่น แต่ดวงตากลับฉายแววจริงจังจาง ๆ
"อือ...ชอบที่นายเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง" เขาตอบเสียงนุ่ม "นายน่ะ ทั้งลึกลับ น่าค้นหา แถมยังเย็นชาใส่ฉันอีกต่างหาก"
เจบีหลุดหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้า ก่อนจะแกล้งแซวกลับ
"แล้วนายจะไปชอบอะไรคนที่เย็นชาใส่นายกันล่ะ..."
เรนไม่ตอบทันที แต่เอนหน้าผากลงมาแตะหน้าผากของเจบีเบา ๆ
"ก็ชอบไปแล้วอ่ะ..." เรนพึมพำ ริมฝีปากแทบจะแตะกัน "มันห้ามกันได้เหรอ"
เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของเขาสั่นอยู่ในอก ก่อนจะกระซิบต่ออย่างจริงจัง
"ฉันชอบนายก่อนทุกคนอีกนะ"
เจบีขยับตัวเล็กน้อยในอ้อมแขนนั้น รู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นดังจนหูอื้อไปหมด เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะซุกหน้าลงกับอกเรนเหมือนลูกหมาตัวเล็ก ๆ
"ขอบคุณนะ..." เจบีพึมพำ เสียงอู้อี้อยู่ตรงอก "วันนั้น...ที่งานเต้นรำ...มัน...ดีนะ"
เรนชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ แขนที่โอบเจบีอยู่กระชับแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับอยากปกป้องคนในอ้อมกอดจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
"อืม...ดีมากเลย" เรนกระซิบเสียงพร่า ก่อนจะเอาคางเกยหัวเจบีไว้อย่างเอ็นดู
ไม่นาน เขาก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นอย่างจงใจ
เจบีขยับหนีตามสัญชาตญาณ
"เดี๋ยว...จะทำอะไรเนี่ย" เจบีรีบเอ่ยเสียงเบา แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มกวน ๆ
"ก็จะขโมยจูบไง" เรนว่าอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะจิ้มปลายจมูกเจบีเบา ๆ แล้วหัวเราะขำ
เจบีหน้าแดงวาบ รีบหลบ แต่เรนก็ไวกว่า เขาขยับตัวรวบเจบีมากอดหลวม ๆ แล้วโน้มลงจูบแบบเร็ว ๆ งับ ๆ เบา ๆ บนริมฝีปากอีกฝ่ายหนึ่งที
"นี่มันขโมยจริง ๆ นะ!" เจบีโวยเบา ๆ มือผลักอกเรนแบบไม่จริงจังนัก
เรนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม
"ไม่ให้หนีก็แล้วกัน..." เขาว่าเสียงขำ ๆ ลมหายใจรินรดข้างแก้มเจบีจนคนโดนกอดดิ้นขลุกขลักเหมือนลูกหมูตัวน้อย
กระดิ่งลมที่ริมระเบียงยังดังกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ คล้ายหัวเราะตามไปด้วย
เจบีพยายามดิ้นหนี แต่เรนไม่ยอมปล่อย กอดไว้แน่นเหมือนจะกลืนทั้งตัว
ในจังหวะที่เจบีกำลังจะดิ้นหลุด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"คุณท่านให้มาเรียนเชิญเรนซามะกับนายหญิงไปรับประทานมื้อค่ำครับ" ฮิโรมุ ลูกน้องคนสนิทของเรนกล่าวขึ้น ขณะเปิดประตูเข้ามาแล้วโค้งตัวอย่างเคารพ
เขาเงยหน้าขึ้น...
แล้วก็ชะงักกึก
ภาพตรงหน้าคือเรนกับเจบีนอนกอดกันกลมอยู่กลางพื้น ห้องเงียบสนิทจนได้ยินเสียงกระดิ่งลมกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ ประกอบฉาก
ฮิโรมุกระพริบตาถี่ ๆ เหมือนต้องตั้งสติใหม่ แล้วรีบก้มศีรษะอีกครั้ง
"ขะ...ขออภัยที่รบกวนครับ!" แล้วหมุนตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าถ้ายืนอยู่นานกว่านี้จะโดนลูกหลงอะไรสักอย่าง
บานประตูปิดลงช้า ๆ
ห้องเงียบสนิทไปชั่ววินาที ก่อนที่เสียงหัวเราะของเรนจะระเบิดขึ้นมา
เจบีเขินจนอยากมุดพื้นหนี หยิบหมอนขึ้นมาตีเรนป้าบใหญ่ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
"ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย เจ็บ ๆ!" เรนหลบแทบไม่ทัน แต่ยังหัวเราะขำเหมือนเดิม
เจบีขยับตัวลุกขึ้น ฮึดฮัดจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าตามฮิโรมุออกไป
แต่ก่อนจะพ้นประตู...
เขาหันกลับมาหรี่ตามองเรน แล้วพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นเสียงดังฟังชัด
"บากะ!" (ไอ้บ้า!)
เรนยังนั่งหัวเราะอยู่กลางห้อง ส่งเสียงไล่หลังออกไปขำ ๆ
"อ๊ะ รักด้วย!"
...
ห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์คุโรซาวะตกแต่งเรียบง่ายด้วยพื้นไม้ขัดเงา โต๊ะอาหารไม้เนื้อดีทรงเตี้ยถูกจัดวางกลางห้อง พร้อมเบาะนั่งรองก้นแบบหนานุ่มเรียงรายรอบโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ
ตรงกลางสุด เป็นที่นั่งของคุณปู่คุโรซาวะ ผู้นำตระกูล ใบหน้าเคร่งขรึมแต่แฝงไปด้วยความสงบสุข
ด้านซ้ายมือ เป็นคุณย่าโยชิโนะในชุดกิโมโนสีอ่อนที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาตั้งแต่เจบีก้าวเข้าไปในห้อง
ถัดไปคือเหล่าสมาชิกในตระกูล ทั้งลูกหลานและคนสนิทบางส่วนที่นั่งเรียงรายอย่างเป็นกันเอง
ด้านขวาของคุณปู่ เป็นเรนที่เพิ่งนั่งลงอย่างสบาย ๆ และถัดมาอีกนิด คือที่นั่งของเจบีที่ถูกเตรียมไว้เรียบร้อย
เจบีลังเลนิดหน่อย แต่ก็ขยับตัวไปนั่งข้างเรนอย่างว่าง่าย ท่ามกลางสายตาเป็นมิตรจากทุกคนในห้อง
บนโต๊ะเรียงรายด้วยอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ข้าวสวยร้อน ๆ วางคู่กับเครื่องเคียงหลากชนิด ไข่ม้วนสีเหลืองทองนุ่มฟู ปลาไหลย่างหอมกรุ่น เนื้อปลาดิบสดใหม่เรียงเรียบร้อย ผักดองสีสด และซุปมิโสะ
กลิ่นหอมละมุนของอาหารทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย เจบีรู้สึกท้องร้องขึ้นมานิด ๆ แต่ก็ยังพยายามรักษามารยาทไว้อย่างดีที่สุด
"เชิญตามสบายเลยนะจ๊ะ เจบีคุง"
เสียงของย่าโยชิโนะดังขึ้นอย่างนุ่มนวล ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้อย่างเอ็นดู
"ขอบคุณครับ" เจบีโค้งตัวน้อย ๆ ตอบอย่างสุภาพ ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ นิดหน่อย
เรนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะคีบปลาไหลย่างวางลงบนจานเจบีอย่างหน้าตาเฉย
"กินเยอะ ๆ เดี๋ยวไม่โต" เรนกระซิบแซวข้างหู
เจบีมองหน้าคนส่งอาหารมาให้ ก่อนจะหน้าแดงนิด ๆ รับมาด้วยความจำใจ ท่ามกลางสายตาแซว ๆ และรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้น
"โอ๊ะ โอ๊ะ~ ปกติเรนซามะหวงข้าวหวงของแทบตาย วันนี้ยอมยกปลาย่างให้คนอื่นด้วยแฮะ"
ชายวัยกลางคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยแซวอย่างขำ ๆ
"นั่นสิครับ วันนี้พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแน่ ๆ" อีกคนแกล้งพูดเสริม
เจบีรีบก้มหน้ากินข้าวแทบไม่ทัน หูแดงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้
เรนแค่ยักไหล่ ก่อนจะหันมาตักซุปใส่ชามให้เจบีด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนไม่คิดอะไร ก่อนจะหันไปตอบเสียงนิ่ง
他人じゃない。俺の嫁だ。
(ทานิน จะ ไน โอเระ โนะ โยะเมะ ดะ)
"ไม่ใช่คนอื่น นี่เมียฉัน"
เสียงฮือฮาเบา ๆ ดังขึ้นทันทีรอบโต๊ะ ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะครืน
คุณปู่กระแอมเบา ๆ พลางเหลือบตามองหลานชายด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนิด ๆ เหมือนจะบอกว่า
‘พูดออกมาตรง ๆ แบบนั้นได้ยังไงกันฮะ ไอ้หลานคนนี้’
ย่าโยชิโนะยิ้มกว้างขึ้นไปอีก มองเด็กสองคนตรงหน้าอย่างเอ็นดูเต็มหัวใจ ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้สึกได้ว่า...เด็กพวกนี้ มีค่าต่อกันมากเพียงใด
...
เช้าของวันต่อมา...
แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อนเข้ามาในห้อง เงาไหว ๆ จากกิ่งไม้ภายนอกทอดผ่านพื้นไม้เรียบเงา เป็นจังหวะเดียวกับที่เจบีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย
สิ่งแรกที่รู้สึกได้...ไม่ใช่อากาศเย็นสบายของเช้าใหม่ แต่เป็นแรงกอดแน่น ๆ จากใครบางคนที่ยังขลุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกัน
เจบีก้มมองแขนที่พาดกอดรอบเอวเขาไว้แน่นหนา เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยายามแกะมือออกทีละนิ้ว...แต่ขยับยังไม่ทันพ้น เรนก็กระชับแขนแน่นขึ้นอีก
"ให้ตายสิ..." เจบีพึมพำเสียงเบาอย่างปลง ๆ
เมื่อคืนยังทำท่าทีเรียบร้อยดี ปูฟูกแยกนอนข้างกันอย่างมีมารยาท แต่พอตกดึก ก็ขยับเข้ามาแนบจนเหลือพื้นที่ให้เขาแค่ครึ่งเดียว ฟูกตัวเองน่ะ...ทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แล้ว
เจบีพยายามขยับตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่แขนที่รั้งไว้...เรนยังพึมพำในลำคอเหมือนจะงอแงเสียด้วย
"...อย่าไป..." เสียงงึมงำแผ่วเบา ทำเอาเจบีนิ่งค้างไปชั่วขณะ
เขาก้มมองอีกฝ่ายที่ยังกอดเขาแน่นในท่าทางเด็ก ๆ พลางถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมแพ้
สุดท้ายก็ได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่ในอ้อมกอดนั้น ปล่อยให้ตัวเองจมกลับลงสู่ความง่วงอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้
เวลาค่อย ๆ ไหลผ่านไป ท่ามกลางเสียงกระดิ่งลมที่ดังกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ ตามแรงลมอ่อนยามสาย
จนกระทั่งเจบีรู้สึกตัวตื่นอีกครั้ง
ความอุ่นข้างกายหายไปแล้ว
เขากระพริบตาช้า ๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบห้องด้วยความงัวเงีย ก่อนจะพบว่าที่ข้างตัวว่างเปล่า
เสียงน้ำซ่า ๆ ดังแว่วมาจากห้องข้าง ๆ...ไม่ต้องเดาให้มากความ เจบีก็รู้ทันทีว่าเรนคงกำลังอาบน้ำอยู่
เขาผุดลุกขึ้นนั่ง พลางยกมือขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะก้มตัวลงพับผ้าห่มกับฟูกนอนให้เรียบร้อย
ไม่นานนัก เสียงประตูห้องน้ำก็เปิดออก
เรนเดินตัวเปียกหมาด ๆ เข้ามาโดยไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนอะไรเลยสักนิด ผ้าขนหนูสีอ่อนพาดอยู่บนบ่าอย่างลวก ๆ ปล่อยให้หยดน้ำไหลตามแผ่นอกแน่น ๆ ลงมาจนถึงหน้าท้อง
เขาทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติที่สุดในโลก...เดินตรงไปที่กระจก วางผ้าขนหนูไว้ข้างตัว แล้วก้มหน้าส่องสำรวจกล้ามท้องตัวเอง พลางเบ่งกล้ามเบา ๆ อย่างภูมิใจ
เจบีที่เผลอมองอยู่ถึงกับเบิกตากว้าง รีบคว้าหมอนข้างตัวปาใส่ทันที
"ไอ้บ้า!!" เจบีร้องเสียงหลง ยกมือปิดตาแทบไม่ทัน "ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!!"
เสียงฟึ่บดังขึ้นเมื่อหมอนกระแทกโดนไหล่เรนเบา ๆ
เรนหันกลับมาอย่างหน้าตาเฉย...ไม่เพียงไม่ตกใจ แต่ยังยิ้มกวน ๆ ให้ ก่อนจะเอียงตัวโชว์เต็ม ๆ แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เจ้าหนอนใบชาตัวน้อย ๆ ที่ควรจะถูกซ่อนดี ๆ ก็ห้อยต่องแต่งอยู่แบบไม่คิดจะอายอะไรเลยสักนิด
เจบีที่ยังยกมือปิดตาอยู่ครึ่งหนึ่งถึงกับมุดหัวกลับเข้าผ้าห่มแทบไม่ทัน
"ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น..." เขาพึมพำเสียงเบาเหมือนสะกดจิตตัวเอง ขณะที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มจนแทบกลายเป็นก้อนกลม ๆ
เรนหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ก่อนจะยักไหล่พลางแกล้งเอ่ยเสียงยียวน
"โอกาสพิเศษแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนะ อยากดูซ้ำก็ว่ามา ฉันไม่หวง~"
เสียงหัวเราะขำ ๆ ของเขาดังขึ้นอีกระลอก เมื่อเห็นผ้าห่มสั่นเล็ก ๆ เหมือนคนข้างในอยากจะมุดหนีลงไปใต้พื้นให้รู้แล้วรู้รอด
เรนยักไหล่เหมือนไม่ได้รู้สึกผิดอะไร ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาพาดเอวแบบลวก ๆ แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่อย่างสบายอารมณ์
หลังจากผ่านความวุ่นวายในช่วงเช้าไปได้ เจบีก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนสบาย ๆ กับกางเกงผ้าธรรมดา ขณะใช้ผ้าเช็ดผมชื้น ๆ ไปด้วย
เรนที่แต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังนั่งไขว่ห้างชิล ๆ อยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก มือข้างหนึ่งถือปากกาเขียนแพลนคร่าว ๆ ลงบนกระดาษด้วยลายมือภาษาญี่ปุ่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
เจบีเดินเข้ามาเห็นพอดี เขาโน้มตัวไปดู แล้วขมวดคิ้วน้อย ๆ ขณะพยายามถอดรหัสลายมือที่แทบจะไก่เขี่ยนั่น
"ศาลเจ้าอิคุตะ..." เจบีพึมพำออกมา พลางไล่สายตาอ่านไปทีละตัวอักษรช้า ๆ
"อืม..." เรนตอบรับเสียงสบาย ๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นจากกระดาษ "ไปขอพรกัน ศาลเจ้าที่นี่เก่าแก่มาก...แล้วก็ศักดิ์สิทธิ์สุด ๆ ด้วย"
น้ำเสียงเขาเหมือนพูดเรื่องธรรมดา แต่สายตาที่มองมาแวบหนึ่งกลับเจือความจริงจังบางอย่างเอาไว้ ราวกับอยากให้พรที่ขอสมหวังจริง ๆ
ศาลเจ้าอิคุตะ...
ไม่ใช่แค่ศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองโกเบ หากแต่เป็นสถานที่ที่มีเทพแห่งการถักทอสถิตอยู่ เทพเจ้าผู้เชื่อมโยงโชคชะตา ความสัมพันธ์ และหัวใจของผู้คนเข้าด้วยกันราวกับเส้นด้ายบางเบา
คนที่นี่เชื่อกันว่า...
ทุกครั้งที่ขอพรที่ศาลแห่งนี้ เป็นการขอให้ด้ายแดงในมือของพวกเขา ถูกถักทออย่างแนบแน่นขึ้น โดยไม่ขาดสะบั้นง่าย ๆ ตามแรงลมหรือโชคชะตา
สำหรับเรนแล้ว
การพาเจบีไปที่นั่นในวันนี้ ไม่ใช่แค่การเที่ยวเล่นธรรมดา
มันคือการผูกปมแรกของด้ายแดงในมือเขา...
ปมเล็ก ๆ ที่เขาตั้งใจมัดไว้เงียบ ๆ ด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี
แม้ปากจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาตรง ๆ
...แต่ในใจ เรนเฝ้าภาวนาเงียบ ๆ ว่า
"ขอให้คนตรงหน้านี้ เป็นคนที่ไม่มีวันปล่อยมือเขาไปง่าย ๆ เช่นกัน"
...
ศาลเจ้าอิคุตะในยามสายมีนักท่องเที่ยวประปราย บรรยากาศสงบ เย็นสบาย ไม้เก่าแก่ของตัวศาลเจ้าดูอบอุ่นและขรึมขลังในเวลาเดียวกัน
พอเดินลอดเสาโทริอิสีแดงเข้ามาในเขตศาลเจ้า สายลมอ่อนๆ พัดกลิ่นหอมจาง ๆ ลอยมาในอากาศ เสียงกระดิ่งหน้าศาลเจ้าดังกรุ๊งกริ๊งเป็นจังหวะเบา ๆ รับกับแสงแดดอุ่นสบาย
เรนเดินนำเจบีเข้ามาเหมือนไกด์จำเป็น มือหนึ่งชี้โน่นชี้นี่ไปตลอดทาง อีกมือซุกกระเป๋ากางเกงแบบไม่จริงจังนัก ก่อนชี้ไปยังบ่อน้ำด้านข้าง
"รู้ไหม ก่อนขอพรที่ศาลเจ้า เราต้องล้างมือก่อน...เหมือนเป็นการชำระกายใจให้พร้อมรับสิ่งดี ๆ"
เจบีทำตาโตนิด ๆ แต่ก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย เรนตักน้ำจากบ่อด้วยกระบวยไม้แบบตัวอย่าง แล้วทำท่าทางประกอบอย่างตั้งอกตั้งใจจนเจบีอดหลุดขำเบา ๆ ไม่ได้
"มือซ้ายก่อน มือขวาทีหลัง แล้วก็ล้างปากด้วย..." เรนว่าขณะยื่นกระบวยให้อีกฝ่าย
"ทำไมดูคล่องจัง..." เจบีพึมพำขำ ๆ ขณะล้างมือตามคำสั่งอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
"ก็เคยโดนย่าลากมาบ่อย ๆ นี่" เรนยักไหล่ กะพริบตาช้า ๆ อย่างขี้เล่น
"เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปข้างในได้" เรนว่าต่อ พร้อมผายมือแบบเว่อร์ ๆ เหมือนจะเชิญแขกวีไอพี
ตัวศาลเจ้าหลักตั้งตระหง่านอยู่กลางลานกว้าง เจบีเดินตามเรนไปใกล้ ๆ หยิบเหรียญในกระเป๋าออกมาถือไว้ในมืออย่างไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไง
เรนหยิบเหรียญจากกระเป๋าขึ้นมาโยนลงในกล่องทำบุญ แล้วสาธิตการขอพรให้ดูอีกครั้ง
"โยนเหรียญ ขอพร...แล้วก็ตีมือสองที จากนั้นโค้งนิดนึง"
เจบีทำตามอย่างตั้งใจ โค้งเบา ๆ ตีมือตามจังหวะ ก่อนหลับตาแน่นในช่วงขอพร น่ารักจนเรนต้องแอบยิ้มกว้างอยู่ด้านข้าง
"เสร็จแล้วไปเสี่ยงเซียมซีกัน" เรนว่าขณะชวนเดินต่อไปทางซุ้มไม้ที่แขวนเซียมซีเรียงราย
ทั้งสองเลือกเซียมซีคนละใบ แล้วพนักงานก็นำเซียมซีไปจุ่มลงในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส ๆ
ไม่นาน ตัวอักษรก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกระดาษอย่างช้า ๆ
เรนหยิบของตัวเองมาก่อน ยื่นมายัดใส่มือเจบี
"อ่านให้ฟังหน่อยดิ"
เจบีมองหน้าเขา ก่อนก้มอ่านออกเสียง
「幸せはすぐそばにいる人から訪れます。遠くへ探しに行かなくても大丈夫です。」
"จะพบเจอความสุขจากคนข้างกาย ไม่ต้องไขว่คว้าไปไหนไกล"
เรนยิ้มกว้างราวกับเด็กได้รางวัล
"เห็นไหม ลิขิตมาแล้ว" เขาว่า ขยิบตาให้เจบีแบบเจ้าเล่ห์
เรนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพยายามเอื้อมมือไปหยิบกระดาษในมือเจบี
"แล้วของนายน่ะ?"
"ไม่ต้องรู้หรอก!" เจบีรีบหลบอย่างไว หน้าแดงก่ำก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปยังต้นไม้สำหรับผูกเซียมซี ทิ้งให้เรนยืนหัวเราะขำ ๆ อยู่ตรงนั้น
(ถ้าเรนได้อ่าน ก็จะเห็นว่าคำทำนายของเจบีคือ...)
「あなたが願っている人も、同じ心であなたを見つめています。前に進むことを恐れないでください。」
"คนที่คุณหวังถึง กำลังมองคุณอยู่ด้วยหัวใจเช่นเดียวกัน อย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า"
หลังจากผูกเซียมซีเสร็จ ทั้งสองก็มานั่งเขียนแผ่นป้ายเอมะขอพร
เรนหยิบแผ่นไม้รูปหัวใจมาให้เจบีคนละแผ่น พร้อมปากกา
"อยากขอพรอะไรก็เขียนลงไปเลย"
เจบีก้มหน้าก้มตาเขียนบางอย่างลงบนแผ่นไม้อย่างจริงจัง แล้วรีบแขวนขึ้นบนชั้นไม้ที่ตั้งเรียงรายราวกับดอกไม้บาน
เรนเองก็เขียนบ้าง แต่เขาเขียนง่าย ๆ เพียงแค่
「君と、ずっと一緒に。」
(ขออยู่กับนายแบบนี้ตลอดไป)
ก่อนจะผูกแผ่นเอมะไว้ข้าง ๆ ของเจบี เหมือนอยากให้พรของตัวเองอยู่เคียงข้างพรของอีกคนไปเสมอ
สุดท้าย ก่อนออกจากศาลเจ้า เจบีเลือกซื้อเครื่องรางคู่รักติดมือไปฝากคนในกลุ่มขนนกสีเงินด้วยความใส่ใจ สีหน้าจริงจังจนน่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
"นี่ของราฟาเอโร่ ของเสี่ยวไป๋ ของแคสเปอร์ ของกาย..." เจบีนับเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงร่าเริง
เรนที่เดินตามมา ทำหน้าบึ้งเล็ก ๆ หยักคิ้วอย่างไม่พอใจ
"หืมมม...ซื้อให้ทุกคนเลยงั้นเหรอ?" เขาบ่นอุบ ริมฝีปากยื่นออกนิด ๆ แบบงอนตุ้บป่องไม่จริงจัง
เจบีหลุดหัวเราะ
ก่อนจะยื่นเครื่องรางอีกถุงหนึ่งให้ พร้อมกระซิบเบา ๆ
"แต่นายคนเดียว...ฉันตั้งใจเลือกพิเศษสุดเลยนะ"
แค่เท่านั้น สีหน้าบึ้ง ๆ ของเรนก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันที
...
หลังจากไหว้ขอพรเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็เดินชมบรรยากาศเงียบ ๆ ไปด้วยกัน ท่ามกลางโคมแดงที่แขวนเรียงราย และกลิ่นไม้หอมอ่อน ๆ ของศาลเจ้า
เจบีก้มหน้ามองพื้นเป็นระยะ ก้าวเดินเงียบ ๆ อยู่ข้างเรนมาตลอด มือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้ออย่างเก้อเขิน ก่อนจะเผลอลูบท้องเบา ๆ อย่างไม่ตั้งใจ
จนกระทั่ง...เสียงท้องร้องเบา ๆ ดังขึ้นกลางความเงียบ
เรนหันขวับมาทันที "ได้ยินนะ"
เจบีหน้าแดงขึ้นนิดหน่อย ก้มหน้าหลบตาแล้วบ่นอุบอย่างเขิน ๆ
"ก็หิวนี่..." เจบีพึมพำแทบไม่เป็นคำ พยายามไม่สบตาอีกฝ่าย
เรนยกมุมปากขึ้นขำเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้แซวอะไร เพียงยื่นมือมาโยกหมวกที่เจบีใส่อย่างแผ่วเบา แล้วกระซิบเสียงนุ่ม
"เดี๋ยวออกไปหาของกิน"
เสียงระฆังแผ่วเบาจากศาลเจ้าดังคลอไปกับลมเย็นตอนที่เรนกับเจบีก้าวลอดประตูโทริอิสีแดงสดออกมา ท้องฟ้าช่วงบ่ายเริ่มเอนแสงลงมาอาบพื้นหินสีอ่อน สองคนหันมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนที่เรนจะยกมือถือขึ้นเช็กแผนที่ พลางหรี่ตาให้กับแดดที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่
พอพ้นเขตศาลเจ้าเท่านั้น เจบีก็บ่นออกมาเสียงเบากว่าเดิมนิดหน่อย แต่ชัดเจนกว่าเดิม
"ตั้งแต่ออกจากบ้านนายก็ยังไม่ได้แวะกินอะไรเลย..." เสียงงึมงำปนงอนน้อย ๆ ฟังแล้วทำเอาเรนที่กำลังมองแผนที่อยู่ต้องหันมาขำ
"โอเค ๆ รู้แล้วน่า" เรนเอื้อมมือไปขยี้หัวอีกฝ่ายเบา ๆ แบบเอ็นดู เจบีเบี่ยงตัวหนีนิด ๆ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบหัวอยู่อย่างนั้น
"เดินไปก็น่าจะถึงนะ..." เรนว่าพลางเก็บมือถือเข้ากระเป๋า ก่อนจะเอื้อมไปจูงมือเจบีให้เดินตามไปอย่างว่าง่าย
บรรยากาศของโกเบในช่วงแดดร่มลมอ่อนเงียบสงบกว่าที่คาดไว้ เสียงเท้าสองคู่ก้าวไปบนทางหิน เสียงลมหอบเอากลิ่นขนมหวานจากร้านข้างทางมาทักทายเป็นระยะ ทำให้เจบีต้องสะกดใจเดินต่อ ทั้งที่ท้องร้องไม่หยุด
"ถ้าแวะกินขนม นายจะกินเนื้อย่างไม่หมดนะ" เรนกระซิบแกล้งยิ้ม ๆ ข้างหู ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่าข้างแก้มทำเอาเจบีสะดุ้งนิด ๆ รีบเมินหน้าหนีแล้วเบ้ปากเล็ก ๆ แบบไม่จริงจัง
บางจังหวะที่กลิ่นหอมของขนมโมจิร้อน ๆ หรือไดฟุกุย่างลอยมา เจบีก็แอบชะโงกมองร้านริมทางเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่เล็มดมกลิ่นอย่างอดใจไม่อยู่
เรนเห็นแล้วก็อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ เอื้อมไปดึงแขนเสื้อเจบีลากให้เดินต่อ ไม่อยากให้เสียแผนที่ตั้งใจวางไว้
"เหนื่อยไหม?" เรนเหลือบมองเจบีที่เดินเงียบ ๆ อยู่ข้างกัน
"ไม่เหนื่อย" เจบีส่ายหน้านิด ๆ เสียงเบาจนแทบกลืนกับลม
เรนยิ้มบาง ๆ แล้วยื่นมือไปดึงหมวกที่เจบีสวมให้เข้าที่เหมือนเป็นนิสัย ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยนขณะที่อีกมือหนึ่งยังไม่ปล่อยข้อมือเจบีไว้
เจบีก้มหน้าก้าวตามเงียบ ๆ ในใจเริ่มนับก้าวแบบเด็ก ๆ ว่าอีกไกลแค่ไหนจะถึงร้านเนื้อย่างกันแน่
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหน้าร้านเนื้อย่างที่มีชื่อเสียงในย่านโกเบ ป้ายไม้เก่า ๆ สลักชื่อร้านด้วยตัวอักษรญี่ปุ่นสวยงาม กับกลิ่นหอมของถ่านไม้ที่ลอยมาต้อนรับตั้งแต่หน้าประตู
ท้องเจบีร้องอีกครั้งแบบห้ามไม่อยู่
เรนหันมายิ้มขำในลำคอ ก่อนเอื้อมมือมาแตะหลังเจบีเบา ๆ แล้วดันเข้าประตูไปพร้อมกัน
"いらっしゃいませ!" (ยินดีต้อนรับค่ะ! / เชิญค่ะ!)
เสียงพนักงานญี่ปุ่นต้อนรับอย่างสดใส พาให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นทันที
เรนกับเจบีนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง มุมที่ตกแต่งด้วยไม้สีเข้มอ่อนโยน บนโต๊ะมีตะแกรงย่างเล็ก ๆ วางเตรียมไว้เรียบร้อย กลิ่นถ่านไม้หอมกรุ่นเต็มร้าน
เจบีมองเนื้อที่เสิร์ฟมาอย่างตาโต แก้มใสขึ้นสีจาง ๆ ด้วยความดีใจ จนเรนต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะที่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อสวย ๆ วางลงบนเตา เสียง "ซ่า" ดังขึ้นในจังหวะที่ไขมันละลายกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งโต๊ะ
"หิวจะตายแล้ว..." เจบีพึมพำ ขยับตัวอย่างอดใจไม่ไหว
เรนยิ้มขำ แล้วใช้ตะเกียบคีบเนื้อสุกพอดีมาวางบนจานของเจบีเอง
"กินก่อน จะได้ไม่บ่นว่าหิวอีก"
เจบีเงยหน้ามองนิดหนึ่งเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็ยอมคีบเนื้อเข้าปาก รสชาติหวานละมุนจนตาโตขึ้นนิด ๆ โดยไม่รู้ตัว
เรนเห็นปฏิกิริยานั้นแล้วหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ มือหนึ่งยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบสบาย ๆ อีกมือคีบเนื้อชิ้นใหม่ลงบนตะแกรงอย่างคล่องแคล่ว
"อยากกินอีกไหม?" เรนเอียงหน้าถามเสียงนุ่ม ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
เจบีเม้มปากนิด ๆ ก่อนพยักหน้าเบา ๆ แบบเด็กดี เรนยิ้มขำในลำคอ คีบเนื้อให้เจบีอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร
...
พอรู้ตัวอีกที แสงอาทิตย์ยามเย็นก็ค่อย ๆ ทอแสงอ่อนลงบนผิวน้ำ เจือสีทองจาง ๆ บนท้องฟ้าเหนือเส้นขอบทะเล
หลังจากกินเนื้อย่างอิ่มหนำ เจบีก็เดินทอดน่องช้า ๆ ริมถนนเลียบอ่าว สูดลมเย็นของโกเบเข้าปอดลึก ๆ รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว
เจบีก้มมองท้องตัวเองที่อิ่มจนแน่นนิด ๆ พลางลูบเบา ๆ
เรนเดินตามมาอยู่ไม่ห่าง มือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม สายตาเหลือบมองพุงเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาอย่างชัดเจนแล้วหลุดยิ้มขำในลำคอเบา ๆ
น่ารักชะมัด...
เขาคิดอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่มองเจ้าตัวเล็กที่ขมุบขมิบเดินนำอยู่ข้างหน้า ท่าทีสบายใจอย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าของเจบีอาบเคลือบด้วยแสงสีส้มอ่อนของยามเย็น ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าดูอบอุ่นและละมุนละไมจนละสายตาไม่ได้
เสียงลมเย็นพัดผ่าน เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของเจบีพลิ้วไหวตามแรงลม บรรยากาศรอบตัวชุ่มไปด้วยกลิ่นเกลือจาง ๆ ของทะเล และกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้ที่ปลูกเรียงรายตลอดทางเดิน
เรนก้าวเร็วขึ้นมาจนเดินเคียงข้างเจบี เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินดังก้องเบา ๆ ใต้ท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี
ร่างสูงเหลือบมองคนข้างกายที่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างตั้งใจ ราวกับกำลังนับก้าวไปทีละก้าวด้วยความคิดล่องลอย
เรนหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่มีน้ำหนักบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูด
"พรุ่งนี้...ไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันไหม"
เขาหยุดเว้นจังหวะนิดหนึ่ง ราวกับตั้งใจให้คำถามนั้นลอยอบอวลอยู่ในอากาศระหว่างกัน ก่อนจะเสริมเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลง
"อยากให้ความทรงจำครั้งนี้...มีนายอยู่ข้าง ๆ ด้วย"
Talk with me.
โรแมนติกเกิ้นนน โอ้ยยน้อ
เจ้าเรน ฝากติตตามต่อด้วยนะครับ
ฟินเฟ้ออ~ บอกเลออ....💖
ขอขอบคุณ สนุกมากครับ
หน้า:
[1]