NOOFONG โพสต์ 12 ชั่วโมงที่แล้ว

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 44





Chapter 44ผีเสื้อที่ปีกหัก🦋


สายลมเย็นพัดผ่านทุ่งหญ้าในสวนหย่อม เช้าวันที่อากาศสดใสของฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้หลากสีสันไหวเอนตามแรงลมอ่อน ๆ ขณะที่ผีเสื้อตัวหนึ่งโบยบินเหนือแผ่นหญ้าอย่างอิสระ


ฮันแจนั่งนิ่งอยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้ สายตาจับจ้องภาพตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะอกตัวเองอย่างเงียบงัน ราวกับพยายามคลายบางอย่างที่เกาะกุมอยู่ในใจ


บางอย่างข้างในดูเหมือนจะว่างเปล่า แต่ในความว่างเปล่านั้น ก็ยังมีเงาสะท้อนเลือนรางของบางสิ่ง


เศษเสี้ยวบาง ๆ ของความรู้สึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่


ผีเสื้อที่โบยบินอย่างอิสระ...มันคงรู้สึกดีสินะ


ฮันแจหลุบตาลงช้า ๆ ริมฝีปากขยับคล้ายพึมพำกับตัวเองโดยไม่มีเสียง


บางที เขาเองก็คือผีเสื้อตัวหนึ่งเหมือนกัน


แค่ต่างกันตรงที่...ปีกของเขาหักไปแล้ว


ไม่ใช่เพราะพายุ ไม่ใช่เพราะโชคชะตา


แต่เพราะมือคู่หนึ่งที่กุมเขาไว้แน่นเกินกว่าที่ปีกบาง ๆ จะต้านทานได้


ปีกของเขาค่อย ๆ แตกสลายทีละน้อย ด้วยน้ำหนักของความรักที่ทั้งโหดร้ายและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน


ถึงอย่างนั้น...ฮันแจก็ไม่เคยเสียใจเลยสักครั้งเดียว


แม้ว่าจะต้องแลกทุกอย่างไป แม้ว่าจะไม่อาจบินได้อีกเหมือนเดิม


เขาก็ยังรัก...ยังรักทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะต้องเจ็บ


การมาถึงของใครบางคน ทำให้บรรยากาศของบ้านเสี่ยวไป๋ตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สมาชิกกลุ่มขนนกสีเงินต่างกระจายตัวนั่งอยู่ภายในห้องรับแขก ไม่มีใครแสดงสีหน้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย


เสียงประตูเปิดออก พร้อมร่างสูงในสูทสีเข้มของคิมบอมที่ก้าวเข้ามา เขาดูซูบผอมไปถนัดจากครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเห็น ดวงตาใต้กรอบหน้าคมนั้นคล้ำลึก ราวกับแบกทั้งความผิดบาปและความสิ้นหวังไว้พร้อมกัน


ร่างสูงสง่างามในอดีตบัดนี้ดูเหมือนจะห่อเหี่ยวในคราวเดียว มือที่เคยจับปืนได้มั่นคงสั่นระริก ก่อนเขาจะคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล ดวงตาแดงก่ำจ้องมองตรงไปยังพวกเขา


"ขอร้อง..." เสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากนั้นแหบพร่า แตกพร่าเหมือนจะขาดใจได้ทุกวินาที "บอกฉันที...ว่าเขายังอยู่..."


ราฟาเอโร่ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ปลายโซฟา เพียงเหลือบมองลงมาอย่างเยือกเย็น มือยังถือแก้วไวน์อย่างไม่เร่งร้อน ขณะที่เสี่ยวไป๋กอดอกพิงผนังเงียบ ๆ เรนยืนเท้าเอวอยู่ข้างเจบีที่นั่งนิ่ง สีหน้าไม่อาจอ่านได้ ส่วนแคสเปอร์หมุนแก้วน้ำในมือไปมา ก่อนจะวางมันลงกับโต๊ะเบา ๆ


ไม่มีใครตอบทันที


คิมบอมก้มหน้าลง ลมหายใจขาดห้วง มือสองข้างที่กำแน่นกับกางเกงตัวเองสั่นระริกเหมือนเด็กหลงทาง


"อะไรก็ได้..." เสียงของเขาแทบไม่เป็นคำพูด "ทรมานฉัน...ฆ่าฉัน...ทำอะไรก็ได้...แต่ขอร้องล่ะ...ขอแค่บอกฉันที..."


เจบีเม้มริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดอยู่ในอก เขามองร่างที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาซับซ้อนเกินจะเอ่ย


นี่คือคิมบอม...ผู้ชายที่เคยเป็นทั้งเจ้าของโซ่ตรวน และผู้ทำลายอิสระของฮันแจ วันนี้เขากลายเป็นเพียงแค่เงาของตัวเอง และยังจมอยู่ในขุมนรกที่ตัวเองขุดขึ้นมา


ราฟาเอโร่หมุนแก้วไวน์ในมือช้า ๆ คล้ายไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะกระจกเสียงเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย


"สมมุตินะ" เขาเริ่มพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ เยือกเย็น แต่กระแทกลงกลางอกได้รุนแรงกว่ากำปั้นเสียอีก "สมมุติว่าฮันแจยังอยู่จริง ๆ..."


คิมบอมเงยหน้าขึ้นมาทันที สายตาหวาดหวังไหววูบโดยไม่ทันได้ปิดบัง


ราฟาเอโร่ยกยิ้มบาง ๆ คล้ายกำลังมองของเล่นชำรุดชิ้นหนึ่งที่ยังพยายามดิ้นรน


"นายคิดเหรอ ว่าเขาจะอยากเห็นหน้าคนที่ทำให้เกือบต้องตายอีก?"


เสียงคำถามกดต่ำลงในลำคอ ราวกับจะผลักคิมบอมให้จมลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งในเหวนรกที่ตัวเองสร้าง


เจบีรู้สึกได้ทันที ว่าไหล่ของคิมบอมกระตุกน้อย ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ยอมรับความเจ็บปวดที่ถูกยัดใส่หน้าอย่างเงียบงัน


ราฟาเอโร่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาเท้าแขนกับเข่า ก้มตัวโน้มต่ำลงเล็กน้อย เหมือนนักล่าที่กดเหยื่อไว้ใต้เงา


"คิดเหรอ ว่าแค่คุกเข่า แค่ขอโทษ จะลบทุกอย่างที่นายทำไว้ได้?"


ความเงียบอึดอัดเกาะกุมทั้งห้อง ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครแม้แต่จะขยับตัว


คิมบอมกำมือแน่นจนข้อนิ้วซีด แต่ก็ยังเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ ทว่าหนักแน่นทุกถ้อยคำ


"...ฉันไม่หวังให้เขาให้อภัย"


เขากลืนคำพูดเหนียว ๆ ลงคอ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาราฟาเอโร่โดยไม่หลบ


"ขอแค่รู้ว่าเขายังอยู่...ก็พอ"


"ยังเลิกนิสัยเอาแต่ใจไม่ได้สินะ" ราฟาเอโร่เอ่ยพลางทอดสายตามองต่ำลงไปที่ชายตรงหน้า


"ฮันแจสำคัญกับนายขนาดนั้นเลย?"


คิมบอมเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาแดงก่ำแต่มุ่งมั่นอย่างไม่หลบสายตาใคร


"...ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าความรักมันคืออะไร มันเกิดขึ้นแบบไหน หรือควรเป็นยังไง"


เสียงของเขาแหบพร่า คล้ายจะกลืนตัวเองลงไปในความเสียใจนั้น


"ที่ผ่านมา ฉันคิดเพียงอย่างเดียว...ว่าถ้าอยากให้ใครอยู่ข้าง ๆ ก็แค่ทำทุกทางให้เขาไม่มีวันหนีไปได้ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม ต่อให้ต้องทำร้ายเขา...ฉันก็ไม่สน"


มือที่วางอยู่บนตักของคิมบอมกำแน่นจนสั่นนิด ๆ ราวกับพยายามสะกดบางอย่างไว้


"แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว..." เขาเอ่ยเสียงแผ่วลงเล็กน้อย "รู้แล้วว่า ต่อให้กักขังเขาไว้แน่นแค่ไหน ต่อให้บีบจนสุดแรง...สุดท้าย สิ่งที่อยู่ในมือฉันก็ว่างเปล่าอยู่ดี"


คิมบอมเงยหน้าขึ้น ดวงตาสั่นไหว แต่ยังจับจ้องไปข้างหน้าอย่างดื้อรั้น


"ฉันคิดถึงเขา..." เขากลืนก้อนสะอื้นลงไป "และฉัน...อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีฮันแจ"


คำสารภาพนั้นกระแทกกลางอกของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ความเงียบที่ตามมาหนักอึ้งจนเหมือนอากาศในห้องลดต่ำลงอย่างฉับพลัน


ราฟาเอโร่ขยับตัวเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงความจริงจังอยู่ในน้ำเสียง


"ฮันแจ...นายได้ยินแล้วใช่มั้ย"


ไม่กี่วินาทีต่อมา ฮันแจก็เดินออกมาจากด้านหลัง ประตูเปิดกว้างเผยให้เห็นร่างบางในเสื้อสเวตเตอร์สีอ่อน ใบหน้าขาวซีดกว่าปกติเล็กน้อย แต่ดวงตานั้นกลับแน่วแน่กว่าที่เคยเป็นมา


คิมบอมชะงักค้าง ร่างแข็งทื่อไปชั่วขณะ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าเพียงนิด ลมหายใจสะดุด มือข้างหนึ่งยกขึ้นสั่นน้อย ๆ กลางอากาศเหมือนจะยื่นออกไปสัมผัส แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงกำแน่นอยู่ข้างตัว ดวงตาคู่นั้นจับจ้องฮันแจไม่กะพริบ ราวกับกลัวว่าถ้าเข้าใกล้เกินไป ภาพตรงหน้าจะสลายหายไปอีกครั้ง


"ฮันแจ..." เขาเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมาเบา ๆ เหมือนอธิษฐานในความฝัน


ฮันแจไม่ได้พูดทันที เขาเพียงกะพริบตาเบา ๆ ราวกับข่มความรู้สึกทั้งหมดให้สงบ


คิมบอมมองเขา ดวงตาแดงก่ำ มือที่เคยมั่นคงสั่นระริกอย่างคนที่กำลังพังลงทีละนิด


"ฉันคิดถึงนาย..." คิมบอมพูดเบา ๆ จนแทบเป็นกระซิบ "ทุกวัน ทุกคืน..."


ฮันแจหลุบตาลง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหยุดตรงหน้าคิมบอม ระยะห่างพอให้ได้ยินเสียงลมหายใจสั่น ๆ ของกันและกัน


"ผมรู้ครับ" ฮันแจเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน


เขาก้าวเข้าไปใกล้อีกนิด ก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างที่เคยทำในวันที่คิมบอมเหนื่อยล้า


"คุณชายดูเหนื่อย...ได้พักบ้างหรือยังครับ"


คิมบอมขยับเหมือนอยากเอื้อมมือไปคว้า แต่ก็ลังเลจนปลายนิ้วสั่น


"นายโกรธฉันหรือเปล่า..." น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกลัว


ฮันแจส่ายหน้าช้า ๆ ดวงตาวูบไหว แต่ไม่หลบ


"ไม่โกรธ..." เขาพูดออกมาจริงจัง "ไม่เคยโกรธคุณชายเลย..."


คำพูดนั้นเหมือนปลดล็อกบางอย่างในอกของคิมบอม ร่างสูงทรุดเข่าลงกับพื้นแทบจะทันที ก้มหน้าซุกมือของตัวเองไว้แน่น เสียงหอบหายใจขาดเป็นห้วง ๆ


"ฉันขอโทษ" คำขอโทษที่เหมือนจะติดค้างมานาน ถูกปล่อยออกมาในที่สุด


"เราจะเริ่มใหม่ได้ไหม" คิมบอมเอ่ยถาม เสียงสั่นระริก


ฮันแจปล่อยให้น้ำตาที่กักเก็บมานานไหลออกมาในที่สุด แม้จะผ่านคืนวันอันแสนเจ็บปวด แต่สิ่งที่ได้เห็นและได้ยินในตอนนี้ คือสิ่งเดียวที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอด


"คุณชาย..." ฮันแจเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่


คิมบอมไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ก่อนจะโอบร่างบางในอ้อมแขน กอดแน่นเหมือนคนที่เกือบเสียของรักไปแล้ว และไม่อยากปล่อยให้หลุดมืออีก


"ฉันรู้แล้ว..." คิมบอมกระซิบ ใบหน้าซบลงบนเส้นผมนุ่มที่สั่นไหวในอ้อมแขน "รู้แล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา นายต้องเจ็บเพราะฉันมากแค่ไหน..."


ฮันแจสั่นเทาในอ้อมแขนนั้น สูดกลิ่นอายที่เขาคุ้นเคยมาตลอดชีวิตเหมือนกลัวว่ามันจะหายไป


"ขอบคุณนะ...ที่อยู่ข้างฉันมาตลอด ขอบคุณที่ไม่หายไปไหน...ครั้งนี้ ขอให้ฉันได้เริ่มต้นใหม่กับนายอีกสักครั้งได้ไหม"


ฮันแจสะอื้นฮัก ๆ อยู่ในอ้อมอกของคิมบอม สองแขนที่เคยลังเลค่อย ๆ ยกขึ้นกอดตอบแน่น ราวกับไม่อยากปล่อยมืออีกต่อไป


"ฮึก...ขอเพียงได้อยู่ข้าง ๆ คุณชาย...ต่อให้ต้องเจ็บอีกสักกี่ครั้ง ผมก็ยอมครับ"


ห่างออกไปไม่ไกล ราฟาเอโร่มองภาพตรงหน้าในความเงียบ ก่อนจะโอบแขนรั้งเจบีเข้ามากอดแนบอก กดจูบเบา ๆ ลงกลางเรือนผมของเด็กหนุ่มในอ้อมแขน


"เป็นแบบนี้ดีแล้วใช่มั้ยครับ..." เจบีถามเสียงเบา ซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง


"อืม..."


ราฟาเอโร่พยักหน้าเชื่องช้า ลมหายใจที่รินรดกลุ่มผมนุ่มเปลี่ยนเป็นจังหวะหนักแน่น


"แววตาของปีศาจ...เปลี่ยนไปแล้ว" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชิดข้างหู นุ่มลึกอย่างไม่ต้องเน้นย้ำ


"ไม่ต้องห่วงนะ" เขาว่าต่อด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ "ฉันจะให้คนคอยจับตาดูเขาตลอด ฮันแจจะไม่เป็นอะไรแน่นอน"


เจบีเม้มริมฝีปาก พยักหน้าเบา ๆ พลางซุกตัวเข้าอ้อมกอดที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเสมอ เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรมาก ส่วนเรนกับแคสเปอร์ที่ยืนห่างออกไปก็ทำได้เพียงมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง


ช่วงเวลาต่อมา เจบีขอคุยกับคิมบอมตามลำพัง


ความเงียบก่อตัวทันทีที่พวกเขาเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งงัน ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีหลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา


ท้ายที่สุด เจบีก้าวเข้าไป ชกหน้าคิมบอมหนึ่งหมัดเต็มแรง ตามมาด้วยหมัดที่สอง อย่างไม่ลังเล


เสียงกระแทกแห้ง ๆ ก้องในอากาศ ก่อนที่เจบีจะเอ่ยเสียงเรียบแต่กดอารมณ์จนสั่นเล็กน้อย


"แค่นี้มันยังน้อยไป...สำหรับสิ่งที่คุณทำกับฮันแจ"


คิมบอมไม่พูด ไม่แก้ตัว ไม่แม้แต่จะยกมือป้องกัน ชายผู้เคยเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี บัดนี้กลับยืนนิ่ง รับการลงโทษนั้นโดยไม่มีคำพูดใดหลุดจากปาก


เรนกับแคสเปอร์ที่ยืนมองจากระยะไกล ต่างก็ยิ้มบาง ๆ ด้วยความภูมิใจในตัวเจบี


"ยัยหนูของพวกเรานี่ไม่ธรรมดาเลยนะ..." เรนเอ่ยยิ้ม ๆ พลางหัวเราะหึในลำคอ "ซัดซะหมอนั่นหน้าหันเลย"


"สมแล้วล่ะ..." แคสเปอร์พยักหน้าเบา ๆ มุมปากยกยิ้มจาง ๆ ขณะกอดอกมองภาพตรงหน้า "ไม่งั้นจะคุมพวกเราอยู่หมัดได้ยังไง"


เรนหัวเราะในลำคออีกครั้ง ก่อนหันไปมองหน้าคนอื่น ๆ อย่างท้าทาย


"หรือมีใครอยากลองดี?"


เสี่ยวไป๋ที่ยืนพิงผนังเงียบ ๆ แค่เลิกคิ้วมองมา รอยยิ้มบางเฉียบปรากฏขึ้นบนใบหน้าแบบที่ไม่จำเป็นต้องตอบ


ส่วนราฟาเอโร่ที่นั่งไขว่ห้างอยู่มุมโซฟา ก็แค่ปรายตามาเฉย ๆ ก่อนละสายตากลับเหมือนไม่เห็นเรนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ


บรรยากาศในห้องคลายลงอย่างรวดเร็ว ความตึงเครียดที่เคยปกคลุมเหมือนถูกไล่ด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ และรอยยิ้มที่หลุดออกมาอย่างไม่รู้ตัว


...






แสงสุดท้ายของวันเริ่มร่วงลงเหนือขอบฟ้า ลมเย็นพัดผ่านลานกว้างที่เงียบสงัด รถตู้สีดำคันหนึ่งจอดรออยู่ไม่ไกล ประตูด้านหลังเปิดค้างไว้ รอรับฮันแจกับคิมบอมกลับเกาหลี


เจบียืนอยู่ตรงหน้าเขา มือกำชายเสื้อแน่น ก่อนจะยกแขนโอบร่างบาง ๆ นั้นเข้ามากอดแน่น


"ฉันจะไปเยี่ยมบ่อย ๆ" เจบีพึมพำใกล้หูอีกฝ่าย เสียงนุ่มต่ำเหมือนกลัวอีกคนจะหลุดหายไป "แล้วก็...ถ้ามีใครกล้ารังแกนายอีกนะ บอกฉันเลย ฉันจะรัวสไนเปอร์ใส่มันไม่ยั้ง"


น้ำเสียงจริงจังเกินกว่าจะแค่ล้อเล่น ฮันแจหลุดหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ตาแดงนิด ๆ เขากอดตอบแน่น ๆ ราวกับไม่อยากปล่อยเจบีเช่นกัน


"ขอบคุณนะ เจบี..." ฮันแจเอ่ยเสียงสั่นเบา ๆ "สำหรับฉัน...นายคือครอบครัวที่ฉันรักมากที่สุด"


เจบียืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบา ๆ เหมือนปลอบทั้งตัวเองและอีกฝ่ายไปพร้อมกัน


"ดูแลตัวเองด้วยนะ" ฮันแจพูดย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนจนเจบีต้องเม้มริมฝีปากแน่น


เขาพยักหน้าเบา ๆ บังคับรอยยิ้มขึ้นมา ก่อนจะตบหลังฮันแจเบา ๆ พลางแกล้งไล่ด้วยเสียงแหบต่ำ


"ไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจไม่ปล่อยให้นายกลับ"


ฮันแจหลุดหัวเราะทั้งน้ำตา ก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการลาทั้งกลุ่ม และเดินตามคิมบอมขึ้นรถไป


เจบียืนมองจนประตูปิดลง และรถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากลานไป แผ่นหลังเล็กสั่นไหวนิด ๆ ก่อนเขาจะสูดหายใจลึก ค่อย ๆ หันกลับมา


ราฟาเอโร่ เสี่ยวไป๋ เรน และแคสเปอร์ ยืนเรียงกันในระยะไม่ไกล ไม่มีคำพูด ไม่มีเสียงเรียก มีแค่สายตาอ่อน ๆ กับรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมาให้เขา


เจบีกระพริบตาช้า ๆ เหมือนพยายามไล่ความรู้สึกบางอย่างออกไป แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินเข้าไปหาพวกเขาเงียบ ๆ


ราฟาเอโร่เป็นคนแรกที่เอื้อมมือมา ลูบหัวเขาเบา ๆ อย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน


ตามด้วยเสี่ยวไป๋ที่ยกมือขึ้นขยี้ผมนิ่ม ๆ ของเขาเบา ๆ แบบไม่ต้องพูดให้เสียฟอร์ม


เรนยิ้มกว้างกว่าใคร ก้าวเข้ามาโยกหัวเจบีเบา ๆ พร้อมกับหัวเราะหึในลำคออย่างอารมณ์ดี


ส่วนแคสเปอร์เพียงแตะมือบนกลุ่มผมนั้นเบา ๆ แล้วผละออกช้า ๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยความเอ็นดูเงียบ ๆ ในสายตา


เจบีก้มหน้าลงนิดหนึ่ง ปล่อยให้ตัวเองรับไออุ่นจากมือของพวกเขาอย่างเงียบ ๆ หัวใจที่แน่นอยู่ก่อนหน้านี้ คลายออกอย่างช้า ๆ โดยไม่ต้องใช้คำพูดแม้แต่คำเดียว


เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เจบีเห็นเรนยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความมั่นใจแบบขี้เล่นประจำตัว มือหนึ่งยื่นมาคว้าคอเสื้อเขาอย่างไม่ถามไถ่ใด ๆ แล้วดึงเบา ๆ ให้เดินตามแรงของตัวเอง


“ได้เวลากินข้าว”


ประตูถูกผลักเปิดออก กลิ่นอาหารหอมฉุยพุ่งเข้าใส่หน้าทันทีจนเจบีต้องกะพริบตาปริบ ๆ โต๊ะยาวกลางบ้านแน่นขนัดไปด้วยจานอาหารหลากชนิดจนแทบไม่เหลือที่ว่าง ทั้งข้าวสวย ซุปอุ่น ๆ สลัดสด ๆ อาหารจีนที่ยังมีควันลอยกรุ่น และพาสต้าเส้นยาวที่ดูเหมือนถูกทำอย่างเร่งรีบจนบางจานซ้อนกันยุ่งเหยิง แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ขนมปังก้อนหนึ่งถูกวางเอียง ๆ ข้างถาดสเต็ก ส่วนเค้กก้อนหนึ่งก็ดูเหมือนจะเริ่มละลายเล็กน้อยตรงมุมโต๊ะ


แสงไฟสีอุ่นส่องจากโคมไฟเหนือโต๊ะกระทบบนจานสีขาวสะอาด เงาของอาหารแต่ละจานทอดตัวซ้อนทับกันเป็นริ้ว ๆ บนโต๊ะไม้เก่า ผนังบ้านสะท้อนแสงสลัว ทำให้ทุกอย่างดูละมุนเหมือนภาพวาดสีน้ำ


เจบีหยุดอยู่หน้าที่นั่งหนึ่ง เรนขยับเก้าอี้ออกส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ แล้วตบเบาะดังปุ ๆ พร้อมกับยักคิ้วหนึ่งทีแบบขี้เล่น “นั่งสิ"


เจบีถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมแพ้ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงช้า ๆ แล้วถูกเรนจัดการวางจานข้าวสุมลงตรงหน้าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เสี่ยวไป๋ยื่นตะเกียบมาให้ ส่วนแคสเปอร์เลื่อนแก้วน้ำมาใกล้มือเขา ขณะเดียวกันเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กเบา ๆ ก็ค่อย ๆ เริ่มขึ้นทีละน้อย


"เจบี คืนนี้พวกเราคงไม่ได้ค้างด้วยนะ งานถาโถมสุด ๆ เฮ้อ" แคสเปอร์บ่นพึมพำ สีหน้าเสียดายน้อย ๆ พลางหมุนแก้วน้ำในมือไปมาเหมือนเด็กไม่มีอะไรทำ


"นั่นสิ น่าเสียดายจัง" เรนว่าขึ้นบ้าง เสียงติดจะงอแงนิด ๆ ก่อนจะยื่นหน้าข้ามโต๊ะมาหาเจบีแบบไม่เกรงใจใคร "เอาไว้เราไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันนะ ฉันจะพานายตะเวนกินของอร่อย แบบเอ็กซ์คลูซีฟ แล้วก็ใช้เวลากันสองต่อสอง"


เสี่ยวไป๋ที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ข้าง ๆ เจบีเหลือบตามองเรนอย่างเอือม ๆ ก่อนเอ่ยเบา ๆ พอให้ได้ยินกันแค่โต๊ะนี้ "ให้มันน้อย ๆ หน่อยเรน เรื่องแบบนี้เขาไม่พูดกันบนโต๊ะกินข้าวหรอก"


"แล้วมันทำไมล่ะ?" เรนโต้ทันควัน "พวกนายก็ยังมีโมเมนต์สองต่อสองกันได้เลยนี่นา แถมแบ่งตารางกันไว้แล้วด้วยนะ ส่วนฉันก็กะจะรวบไว้ตอนไปเที่ยว จะได้ตามเก็บแต้มทีเดียวเลย!"


แคสเปอร์หลุดหัวเราะเบา ๆ พลางตักกับข้าวใส่จานตัวเอง เสี่ยวไป๋ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็กลืนคำลงไปอย่างรู้ว่าเถียงไปก็เท่านั้น ขณะที่เจบีได้แต่นั่งมองพวกเขาเงียบ ๆ รอยยิ้มจาง ๆ คลี่อยู่บนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว


"เอาเถอะ" ราฟาเอโร่ที่นั่งอยู่ตรงปลายโต๊ะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น "จะยังไง ก็ต้องถามความสมัครใจของเจ้าตัวด้วย"


เขาเหลือบตามองเจบีที่กำลังนั่งฟังทุกอย่างเงียบ ๆ แล้วละสายตากลับไปจิบไวน์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับจะบอกว่าถ้าใครคิดจะลากเจบีไปไหน ก็อย่าคิดว่าจะง่ายขนาดนั้น


"งั้นขอจดลงตารางไว้เลยแล้วกัน" เรนว่าเสียงสดใส พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกลุ่มแชท "กำหนดการของฉันคือหน้าร้อน ฉันจะพาเจบีไปดูเทศกาลดอกไม้ไฟที่โอซาก้า โรแมนติกสุด ๆ"


ยังไม่ทันที่เจบีจะทันได้อ้าปากค้านอะไร แคสเปอร์ก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ขยับโทรศัพท์ในมืออย่างสบาย ๆ แล้วพูดขึ้นบ้าง "ถ้าเรนเอาหน้าร้อน งั้นฉันขอหน้าหนาว เราไปดูแสงเหนือที่เลวิกัน ฉันจะเคลียร์งานให้เรียบร้อย ไม่ติดอะไรแน่นอน"


เขาว่า พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ลงในกลุ่มแชทตามเรนไปติด ๆ พร้อมกับพยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจ


ราฟาเอโร่ที่นั่งเงียบอยู่ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง สีหน้าเหมือนคนที่ทำใจได้แล้วกับความวุ่นวายตรงหน้า แม้จะไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่แววตานิ่ง ๆ นั่นเหมือนกำลังคำนวณอะไรบางอย่างเงียบ ๆ ในใจ


เจบีเองก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ตักอาหารเข้าปากช้า ๆ อย่างยอมจำนนต่อชะตากรรมเงียบ ๆ แต่ในความเป็นจริง เขาไม่ได้รู้สึกกังวลเลยว่าจะต้องไปเที่ยวกับใคร เพราะไม่ว่ากับใคร ทุกคนต่างก็เอาใจใส่เขาอย่างดีเสมอ มากกว่านั้น...คนที่ตั้งตารอมากที่สุด กลับเป็นเขาเองเสียด้วยซ้ำ


หลังจากมื้ออาหารจบลง โต๊ะยาวที่เคยแน่นไปด้วยจานกับข้าวก็โล่งลงอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือทุกคนที่ช่วยกันเก็บแบบไม่ต้องนัดหมาย เจบีนั่งพักอยู่บนโซฟาเงียบ ๆ มือกุมท้องเบา ๆ จากมื้อเย็นที่เกินกว่าปกติไปหลายขีด แสงไฟในห้องนั่งเล่นสลัวลงเล็กน้อย กลายเป็นบรรยากาศสบาย ๆ เหมาะกับการเอนหลังจนแทบจะหลับไป


"เอาล่ะ เราคงต้องกลับแล้ว" ราฟาเอโร่เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก เขาวางแก้วไวน์เปล่าลงกับโต๊ะเสียงเบา ก่อนจะหยิบเสื้อสูทขึ้นพาดบ่าอย่างเป็นระเบียบ "งานกองรออยู่เต็มโต๊ะ"


"สรุปรีบเคลียร์งานเพราะอยากกอดเจบีใช่ไหม บอส" เรนแซวขึ้นมาทันที พร้อมกับยักคิ้วขำ ๆ ขณะลุกจากเก้าอี้ตาม พูดเองก็หัวเราะเองด้วยท่าทางสบาย ๆ


"ถ้าอยากโดนหักโบนัสบอกได้นะเรน" ราฟาเอโร่เอ่ยเรียบ ๆ พลางสวมเสื้อสูทอย่างใจเย็น ก่อนจะหรี่ตามองเรนข้าง ๆ เหมือนจะเอาจริงเอาจังครึ่งหนึ่ง


"โอ๊ย ขอโทษค้าบบบ" เรนยกมือยอมแพ้อย่างไว แต่ปั้นหน้ายิ้มไม่จริงใจใส่เต็มแรง เล่นเอาแคสเปอร์ที่ยืนพิงข้างโต๊ะหลุดหัวเราะเบา ๆ


"ฉันก็ต้องไปเหมือนกัน" แคสเปอร์พูดพลางหยิบโทรศัพท์กับกุญแจรถขึ้นมา เขาหันไปทางเจบี ยกคางนิด ๆ แทนคำลา ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วแกล้งพูดทิ้งท้าย "คืนนี้พักให้เต็มที่ แล้วก็ระวังหมาป่าจะจับกินด้วยล่ะ"


เจบีหัวเราะในลำคอ ก้มหน้ารับโดยไม่โต้เถียงอะไร


"จะกลับจริง ๆ แล้วนะ" เรนว่าพลางเดินวนรอบโต๊ะเก็บของตัวเอง ขยับตัวไปหยิบเสื้อคลุมอย่างว่องไวเหมือนกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ


"รีบไปได้แล้ว" เสี่ยวไป๋เอ่ยเสียงนิ่ง ขยับพิงกรอบประตูอย่างสบาย ๆ ท่าทีชัดเจนว่าไม่ได้คิดจะเดินไปส่งสักนิด มีแค่คำสั้น ๆ ที่เหมือนจะไล่กลาย ๆ มากกว่าคำลา


ราฟาเอโร่เป็นคนสุดท้ายที่ก้าวขาออกจากโต๊ะ เขาหันไปมองเจบีอีกครั้ง สบตาเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร แล้วพยักหน้าเบา ๆ ราวกับบอกว่า ‘แล้วเจอกัน’ ก่อนจะหมุนตัวเดินตามเรนกับแคสเปอร์ออกไป


เสียงหัวเราะเบา ๆ ยังดังลอดมาจากหน้าบ้าน ขณะที่เจบีนั่งมองแผ่นหลังของพวกเขาหายไปทีละคน ใบหน้าเงียบ ๆ ของเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ อย่างห้ามไม่อยู่


เสี่ยวไป๋เดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้เจบีนิดหนึ่ง ก่อนจะเอียงหน้าถามเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่แฝงความอยากรู้ "เมื่อกี้แคสเปอร์พูดอะไร ทำไมนายถึงหน้าแดงขนาดนั้น"


เจบีสะดุ้งนิด ๆ รีบยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองแทบจะทันที


"ก็...ไม่มีอะไรหรอกครับ" (⁄ ⁄•⁄ω⁄•⁄ ⁄)








nuangnut1996 โพสต์ 9 ชั่วโมงที่แล้ว

สนุกมากครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 44