NOOFONG โพสต์ 12 ชั่วโมงที่แล้ว

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 41





Chapter 41 จังหวะลมหายใจใต้ฝุ่นดาว


แสงแรกของวันสาดเข้ามาผ่านม่านบาง ไล้จากปลายเท้าไปจนถึงแนวไหล่ของเจบี เขาขยับตัวเล็กน้อย ความมึนงงแล่นเข้ามาแทนที่ความง่วงเต็มตา อาจเพราะเมื่อคืนเขาดื่มไปหลายแก้ว เขาจำได้ลาง ๆ ว่านอนไม่ค่อยหลับ แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูพร่าเหมือนภาพฝัน ฝันว่ามีอ้อมแขนอุ่น ๆ โอบไว้ ฝันว่าได้จูบกับใครบางคน ฝันว่าเสียงกระซิบใกล้หูแผ่วเบาเหมือนคำปลอบประโลมที่ไม่ต้องการคำตอบ


แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นช้า ๆ ทุกอย่างตรงหน้าไม่ได้เลือนรางเหมือนในฝันเลย


เสี่ยวไป๋ยังอยู่ตรงนั้น ใกล้เกินกว่าจะเป็นภาพหลอน ร่างสูงยังนอนตะแคงอยู่ข้างเขาในท่าที่ดูไม่ระวัง ผมสีเข้มกระเซิงนิดหน่อยเพราะหมอน ขนตาทอดเงาลงบนแก้มอย่างสวยงาม ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดที่ข้างแก้มเขาในจังหวะที่คงที่และอ่อนโยน


เสี่ยวไป๋…ที่กำลังงัวเงียเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว


“...ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงต่ำ ๆ ฟังดูขุ่นเล็กน้อยแบบคนเพิ่งตื่น ไม่ได้หวาน ไม่ได้อ่อนโยนเกินไป แต่กลับทำให้ใจของเจบีเต้นแรงกว่าตอนฝันเสียอีก


เขาเผลอขยับถอยไปนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบหลบตา


“ผม...เหมือนฝันไป”


“อืม แล้วฝันว่าอะไรล่ะ” เสี่ยวไป๋ถาม ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ มือหนึ่งขยับขึ้นมาทาบหน้าผากเขาเหมือนตรวจไข้ แล้ววางไว้แบบนั้น ไม่ยอมเอาออก


เจบีกลืนน้ำลายเบา ๆ “ฝันว่า...คุณจูบผม”


“งั้นก็ไม่ใช่ฝัน” เสียงตอบกลับมานิ่ง ๆ แต่กลับทำให้ใบหน้าของเจบีร้อนผ่าวขึ้นในพริบตา


เสี่ยวไป๋ลืมตาขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมเฉียบสบมานิ่ง ๆ เหมือนรอให้คนพูดใจสั่นจนสุด รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นชั่ววูบที่มุมปาก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้อีกนิด


“เพราะฉันก็จำได้เหมือนกัน”


ริมฝีปากของเสี่ยวไป๋โน้มลงมาอย่างช้า ๆ สัมผัสแรกแตะลงบนริมฝีปากของเจบีอย่างมั่นคง ความอุ่นจัดแล่นผ่านทันทีที่เนื้อสัมผัสกัน


มันไม่ใช่จูบเบา ๆ แบบเมื่อคืน ไม่ใช่จูบที่ผละเร็วเหมือนต้องการหลีกเลี่ยงความรู้สึก แต่มันนุ่มลึก หนักแน่น และชัดเจนพอจะบอกได้ทันทีว่า เสี่ยวไป๋รู้ดีว่ากำลังทำอะไร และต้องการทำมันมากแค่ไหน


เจบีตอบรับสัมผัสนั้นโดยไม่ต้องคิด เขาโน้มตัวเข้าหาอย่างเล็กน้อย กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากราวกับพยายามกลั้นแรงเต้นของหัวใจ ฝ่ามือข้างหนึ่งจิกขอบผ้าห่มไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว


ในขณะที่มือของเสี่ยวไป๋เอื้อมมาวางตรงกรอบหน้าเขา นิ้วหัวแม่มือไล้ข้างแก้มอย่างแผ่วเบา จนรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่กำลังเปลี่ยนไป


แสงแดดที่กระทบลงบนปลายจมูก และเสี้ยวหน้าของเสี่ยวไป๋ทำให้ภาพทั้งหมดดูเหมือนหลุดออกมาจากความฝันที่เจบีไม่อยากตื่นเลยแม้แต่วินาทีเดียว


เจบีหลับตาแน่นขึ้นเล็กน้อย ฝ่ามือสั่น ๆ สอดเข้าไปแตะข้างลำคอของอีกฝ่ายอย่างลังเล เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะผลักออก…หรือดึงเข้าไปใกล้กว่านี้


ปลายนิ้วของเสี่ยวไป๋เลื่อนลงจากข้างแก้ม ลูบผ่านแนวกราม ไล้ลำคอเจบีช้า ๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะหยุดอยู่ที่กลุ่มผ้าบางที่หลุดลุ่ยจากการนอน


เสี่ยวไป๋โน้มตัวลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากแตะลงบนลาดไหล่เปลือยอย่างแผ่วเบา ไล้ลงมาตามแนวกระดูกทีละนิด ขณะที่มืออีกข้างประคองแผ่นหลังของเจบีไว้มั่น จังหวะทุกอย่างช้า ละเมียด และเงียบงันจนน่าหวาดหวั่น เหมือนโลกทั้งใบกำลังรอฟังเสียงแรกที่เจบีจะเผลอหลุดออกมา


“อรุณสวัสดิ์...” เขากระซิบเบา ๆ กับผิวเนื้อของอีกฝ่าย


ลมหายใจของเจบีสะดุดไปชั่วครู่ ปลายนิ้วที่จิกผ้าห่มไว้คลายออกเล็กน้อยเหมือนจะปล่อยตัวตามแรงโน้มถ่วงของอารมณ์ที่ไหลลงเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะอย่างไม่รู้เวลา


เจบีสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของเสี่ยวไป๋อย่างเงอะงะ กลอกตาเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิดปนประหม่า แล้วควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกลนัก


เขากดรับสาย แล้วเอ่ยเสียงแผ่วลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสียงลอดไปถึงคนข้างหลัง


“อืม...ว่าไง เข้าใจแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักจะไป”


ปลายสายตอบกลับอะไรบางอย่างก่อนที่เจบีจะกดวาง สายตาเลื่อนไปมองคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตานั้นกลับเหมือนหมาป่าที่เพิ่งปล่อยเหยื่อจากปลายเขี้ยว


เสียดาย...แต่ยังจ้องอยู่ไม่วางตา


...






เจบีลุกจากเตียงไปอาบน้ำ ก่อนจะแต่งตัวเรียบร้อยในชุดเรียบง่าย เสื้อเชิ้ตผ้าละมุนกับกางเกงเนื้อดีสีอ่อน ดูไม่เป็นทางการนัก แต่สะอาดตาและเรียบพอจะทำให้ใครสักคนเผลอมองได้นาน ๆ เขากำลังจะก้าวออกจากห้อง เพื่อไปรอด้านล่างตามปกติ ถ้าไม่มีเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเสียก่อน


เสี่ยวไป๋เดินออกมาพร้อมไออุ่นจากห้องน้ำที่ยังลอยฟุ้ง ร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวคาดไว้ต่ำเกินความปลอดภัย หยดน้ำยังเกาะตามแนวกล้ามหน้าท้องอย่างไม่รีบร้อน มือข้างหนึ่งเช็ดผมเปียกอย่างเฉื่อยชา รอยสักมังกรสีหมึกพาดจากต้นแขนผ่านหัวไหล่ ดูเหมือนจะขยับได้ตามจังหวะลมหายใจ เสี่ยวไป๋ไม่ได้ตั้งใจยั่วยวนใครทั้งนั้น แต่แค่เขาเดินผ่าน ความเงียบในห้องก็ดูจะเปลี่ยนไปทันที


“เดี๋ยวฉันขับรถให้” เขาพูดเรียบ ๆ โดยไม่มองหน้าเจบีตรง ๆ


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่อยากรบกวน”


แต่เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรแทนคำตอบ เขากลับเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในจังหวะนิ่งที่ทำให้เจบีเริ่มถอยหลังไปทีละก้าว จนแผ่นหลังแนบชิดกับผนังโดยไม่รู้ตัว


ฝ่ามือข้างหนึ่งของเสี่ยวไป๋ยันผนังไว้ข้างศีรษะเขา อีกข้างยังเช็ดผมไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อน ร่างกายเปลือยเปล่าครึ่งท่อนเปียกชื้นอยู่ห่างจากเจบีไม่ถึงหนึ่งคืบ


“ให้ฉันไปส่ง…หืม?” เขาโน้มหน้าเข้ามาเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดแก้มในระดับที่หายใจรดกันได้


โดยไม่ให้ตั้งตัว เสี่ยวไป๋ก็โน้มลงหอมแก้มเจบีหนึ่งที แถมยังแกล้งสูดลมหายใจลึก ช้าและจงใจพอจะทำให้คนถูกหอมแข็งค้างอยู่กับที่


“ถ้าไม่ให้ไปส่ง ฉันจะหอมอยู่อย่างนี้แหละ” เขาพูดเสียงนิ่ง ๆ แต่สายตากลับเจ้าเล่ห์อย่างน่าหมั่นไส้


เจบีหันมามองตาขวาง แต่แก้มยังแดงไม่เลิก “ได้ใจเกินไปแล้วนะครับ”


เสี่ยวไป๋ยักคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นแบบที่เจบีไม่รู้จะรับมือยังไง


“แล้วไม่ชอบหรือไง”


เจบีเงียบไปชั่วอึดใจ ดวงตาหลุบต่ำนิด ๆ ก่อนตอบเบา ๆ แบบแทบไม่ให้ได้ยิน


“ก็…ไม่ได้ว่าไม่ชอบครับ”


...






เสี่ยวไป๋ยังคงมีรอยยิ้มติดมุมปากขณะหยิบกุญแจรถ เดินนำออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ส่วนเจบีก็ทำได้แค่เดินตามอย่างเงียบ ๆ มือยังแอบแตะแก้มตัวเองเป็นพัก ๆ


ภายในรถหรูสีเข้ม เสียงเครื่องยนต์เบาราวกับลมหายใจ แผงหน้าปัดเรืองแสงอ่อน ๆ ท่ามกลางแสงแดดยามสาย เจบีนั่งตรงเบาะข้างคนขับ สายตาจับจ้องกระจกข้างรถเพียงครู่ ก่อนจะลอบมองคนข้างตัวที่ยังคงมีสีหน้าเฉย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


แต่รอยยิ้มตรงมุมปากนั่น…ก็ยังอยู่


เสี่ยวไป๋ยักคิ้วเล็กน้อย ขณะเหยียบคันเร่งช้า ๆ พารถเคลื่อนไปตามถนนเงียบ ๆ ของย่านผู้ดี


“อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง”


เจบีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย


“ยังครับ กายบอกว่ายังไม่รู้สึกตัวดี แต่ระบบต่าง ๆ เริ่มคงที่แล้ว”


เจบีหลุบตาลงเล็กน้อย พึมพำเบา ๆ เหมือนจะบอกกับตัวเองมากกว่า


“ผมอยากให้เขาฟื้นเร็ว ๆ…”


เสี่ยวไป๋พยักหน้าช้า ๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่เปลี่ยนเกียร์แล้วพารถลัดเข้าสู่เส้นทางคุ้นเคย


พวกเขาใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงหน้าอาคารกระจกเรียบหรูของโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือที่อยู่ภายใต้การดูแลของสมาชิกกลุ่มอำนาจขนนกสีเงิน


เสี่ยวไป๋เลี้ยวรถเข้าช่องจอดพิเศษโดยไม่ต้องแจ้งชื่อใด ๆ ป้ายทะเบียนที่ทุกคนจำได้แม่นยิ่งกว่าตารางเวร ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยโค้งให้ทันทีโดยไม่มีคำถาม


“ถึงแล้ว” เขาพูดเรียบ ๆ ขณะดับเครื่องยนต์ ก่อนจะหันมามองเจบีแวบหนึ่ง


เจบีพยักหน้าช้า ๆ เปิดประตูลงจากรถพร้อมสูดลมหายใจลึกเหมือนเตรียมใจอะไรบางอย่าง


เมื่อก้าวเข้ามาในล็อบบี้ของโรงพยาบาล เสียงเย็นของแอร์และกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแบบเฉพาะที่มีในโรงพยาบาลก็ลอยเข้ามาทันที พยาบาลที่แผนกต้อนรับต่างเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แต่บางคนก็อดไม่ได้ที่จะมองเจบีกับเสี่ยวไป๋ที่เดินเคียงกันอยู่เงียบ ๆ พร้อมเสียงกระซิบกระซาบกันเบา ๆ พอให้เจ้าตัวไม่ได้ยิน


“นั่นใช่คุณเจบีรึเปล่านะ…คนที่เป็นข่าวกับบอสซิลเวอร์เนสต์น่ะ…”


“หล่อทั้งคู่เลย…”


เจบีไม่ได้สนใจนัก แค่รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยที่กลายเป็นจุดสนใจอีกครั้ง แต่เสี่ยวไป๋กลับทำเพียงพยักหน้าให้พยาบาลที่ก้มโค้งต้อนรับเขาอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินต่อไปเงียบ ๆ เหมือนทุกวันคือวันประชุมระดับชาติ


ที่หน้าลิฟต์ กายยืนรออยู่ก่อนแล้วในชุดเสื้อเชิ้ตขาวสะอาดคลุมด้วยเสื้อกาวน์ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองคน


“ตามฉันมาเลย” เขาพูดโดยไม่เสียเวลา ท่าทีสุขุมเหมือนคนที่ผ่านคืนยาว ๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน


พวกเขาเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารฝั่งตะวันออก ซึ่งถูกกันไว้เฉพาะสำหรับผู้ป่วยพิเศษ ลิฟต์เปิดออกสู่โถงทางเดินที่เงียบและสะอาดราวห้องทดลอง ข้างหนึ่งเป็นกระจกใสที่มองเห็นวิวเมือง ส่วนอีกด้านเป็นห้องปลอดเชื้อที่มีม่านพลาสติกปิดสองชั้นและระบบกรองอากาศแบบพิเศษ


กายหยุดที่หน้ากระจกบานหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยให้เจบีเข้าไปใกล้


“ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว...แต่ยังต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้ออีกสักพัก”


เจบีค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้กระจก มองผ่านชั้นฟิล์มใสเข้าไปยังร่างผอมบางที่นอนอยู่บนเตียงขาวสะอาด สายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจ และหน้ากากออกซิเจนยังคงอยู่ครบ แต่อัตราการเต้นของหัวใจที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์นั้น…คงที่แล้ว


“ฮันแจ…” เจบีพึมพำเบา ๆ ราวกับกลัวเสียงตัวเองจะรบกวนความสงบของอีกฝ่าย ร่างบางยังคงหลับใหลโดยไม่มีสัญญาณตอบสนองใด ๆ


แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยเสียง…เสียงปืน เสียงลมหายใจสะดุด เสียงที่เขาไม่อยากจำ…แต่ลืมไม่ได้


วันนั้น...มันควรจะจบลงด้วยชัยชนะ แต่กลับกลายเป็นฝันร้าย


เสียงกรีดร้องยังสะท้อนอยู่ในหัว ภาพที่ฮันแจเบียดร่างตัวเองเข้ามาขวางหน้าปากกระบอกปืนตอนที่เรนเหนี่ยวไก ช่างชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน


เลือดกระเซ็น ร่างของฮันแจทรุดลงในอ้อมแขนของเจบีอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า ใบหน้าเขายิ้มบาง ๆ ให้ราวกับไม่เสียใจที่เลือกทำแบบนั้น ทั้งที่เลือดทะลักจากแผลกลางลำตัวจนเสื้อกลายเป็นสีเข้มไปทั้งแถบ


คิมบอมพุ่งเข้ามาคว้าฮันแจจากอ้อมแขนของเจบี กอดรัดไว้แน่นราวกับคนจมน้ำคว้าเชือกเส้นสุดท้าย ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ดวงตาเบิกโพลงอย่างคนใกล้เสียสติ ฮันแจในอ้อมแขนของเขาแทบไม่มีแรงจะยกแขนขึ้นมาแล้ว


เรนยกปืนขึ้นด้วยความโกรธจัด เสี่ยวไป๋เข้าไปขวางทันก่อนที่ไกปืนจะถูกเหนี่ยว ฮันแจถูกดึงออกจากอ้อมแขนของคิมบอม เจบีพุ่งไปรับไว้ทัน ใบหน้าของเขาแนบลงกับไหล่ที่เต็มไปด้วยเลือด เสียงหายใจของฮันแจยังมีอยู่ แต่อ่อนลงเรื่อย ๆ


“อย่าหลับนะ ฮันแจ…ได้ยินไหม?” เจบีกระซิบเสียงสั่น มือที่กดแผลไว้แน่นเริ่มเปื้อนเลือดจนข้อมือชุ่ม ริมฝีปากกัดแน่นเหมือนจะห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา


ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากเสียงหอบหายใจ และเครื่องมือสื่อสารที่แคสเปอร์ใช้ออกคำสั่งเรียกเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉิน


คิมบอมแทบไม่ขยับ เขามองภาพตรงหน้าราวกับคนถูกตัดลมหายใจทิ้ง เขาไม่ได้ร้องเรียก ไม่ได้กรีดร้อง เขาเพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้น หยุดนิ่งเหมือนหิน และตาเบิกค้างเหมือนไม่รู้จะรับความจริงนี้ยังไง


“จะเอายังไง” เรนถามเสียงต่ำ ปืนในมือยังไม่ลดลง


ราฟาเอโร่ก้าวเข้ามา ยืนมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งสงบ มือไขว้หลังเหมือนกำลังประเมินความพินาศตรงหน้าเป็นเพียงตัวเลข


“ไม่ต้องฆ่าเขา” ราฟาเอโร่เอ่ยขึ้น “ให้เขาอยู่กับมัน…กับภาพสุดท้ายของคนที่เขารัก…ที่เขาทำหล่นจากมือไปเอง นรกที่เขาสร้างขึ้นจะค่อย ๆ กลืนกินเขาจากข้างใน แบบนี้มันตายทั้งเป็น…และทรมานกว่า”


คิมบอมหยัดตัวเองขึ้นเหมือนคนเสียสติ พยายามจะเซเข้าไปหาฮันแจอีกครั้ง แต่ราฟาเอโร่ก้าวมาขวางไว้ทัน


“พอแล้ว” น้ำเสียงของราฟาเอโร่เย็นจัด


ไม่ต้องรอคำสั่ง เรนก็ก้าวเข้ามาจากด้านหลังอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะยกด้ามปืนกระแทกลงที่ท้ายทอยของคิมบอมอย่างไม่ลังเล ร่างนั้นทรุดลงกับพื้นไร้สติ


เจบีไม่แม้แต่จะหันไปฟัง เขากำลังเรียกชื่อฮันแจซ้ำ ๆ อยู่ในอ้อมแขนตัวเอง


ภาพหลังจากนั้นพร่ามัว รู้เพียงว่าร่างของฮันแจถูกหามขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เครื่องทะยานสู่กรุงโซล


หลายชั่วโมงผ่านไปในห้องผ่าตัด ก่อนที่ทีมแพทย์จะยอมบอกว่าหัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง


เจบีถอนหายใจ กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง


เขาแตะปลายนิ้วกับกระจกเบา ๆ ขณะมองร่างนั้นที่ยังนิ่งไม่ไหวติง


“แค่ลืมตาขึ้นมา…ก็พอแล้ว”


กายยืนอยู่ข้าง ๆ มองเจบีอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ทว่าเจือจังหวะหนักแน่นของคนที่ตั้งใจเลือกทุกคำอย่างรอบคอบ


“เขาอยู่ในมือฉันแล้ว…ไม่มีทางที่เขาจะไม่รอด”


เจบีหลุบตาลงช้า ๆ ไม่ได้ตอบอะไรในทันที คล้ายกลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้น ความรู้สึกบางอย่างจะไหลย้อนกลับมาจนกลั้นไม่อยู่


“นายไม่ต้องกังวลไปหรอก” กายพูดต่อด้วยน้ำเสียงคงเดิม “เขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ”


เจบีพยายามยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แม้รอยยิ้มนั้นจะจางและสั่น แต่ก็ชัดเจนว่าเขากำลังพยายาม


“ถ้านายยังทำหน้าแบบนั้น ฉันอาจต้องเขียนใบสั่งยาให้แล้วจริง ๆ” กายว่า ขณะยืนพิงผนัง มือในกระเป๋าเสื้อกาวน์ขยับเหมือนกำลังคลึงปากกาที่ใช้ประจำ


“ขอโทษครับ” เจบีพูดเบา ๆ ไม่แน่ใจว่าขอโทษเรื่องไหนกันแน่


กายไม่ตอบคำใด เพียงพยักหน้าเบา ๆ แล้วผ่อนลมหายใจ


เสี่ยวไป๋ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ทำได้เพียงโอบเจบีไว้หลวม ๆ มืออีกข้างลูบหลังอย่างแผ่วเบา ราวกับจะปลอบจากฝันร้ายที่ยังหลงเหลือในดวงตาของอีกฝ่าย


บรรยากาศรอบตัวสงบเกินกว่าจะเป็นช่วงเวลาปกติ จนกระทั่งกายเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น


“แล้วทางนั้นล่ะ…จัดการยังไงต่อ?”


“ราฟาเอโร่ให้เขายุติบทบาททุกอย่างในโลกใต้ดิน” เสี่ยวไป๋ตอบเรียบ ๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ “เอกสารประทับตราแล้ว เขายินยอมถอนตัวจากเครือข่ายทั้งหมด ไม่ข้องเกี่ยวกับตลาดมืด ไม่ข้องเกี่ยวกับพวกเราอีก”


กายพยักหน้า สีหน้าไม่เปลี่ยน “อืม…ดีแล้ว ในที่สุดพายุก็สงบลงสักที”


เว้นไปครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะถามต่อในเสียงเบาลงเล็กน้อย แต่ยังฟังชัดในความหมาย


“เขายังไม่รู้ใช่ไหม…ว่าฮันแจยังมีชีวิตอยู่”


“คงยัง” เสี่ยวไป๋ตอบโดยไม่มองใคร น้ำเสียงเรียบเย็นยิ่งกว่าเดิม “ปล่อยให้เขาจมอยู่ในทะเลทุกข์ของตัวเองต่อไป นั่นแหละ สาสมที่สุดแล้ว”


เจบีไม่ได้พูดอะไร เขายังซบอยู่ในอ้อมแขนนั้นเงียบ ๆ แต่เปลือกตาที่ปิดอยู่เหมือนจะสั่นเล็กน้อย


"ไม่เป็นไรแล้วนะ…" เสี่ยวไป๋กระซิบเสียงเบา แต่น้ำเสียงหนักแน่นพอให้หัวใจที่สั่นไหวรู้สึกมั่นคงขึ้นมานิดหนึ่ง


"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ฉันจะไม่ปล่อยให้นายเผชิญมันคนเดียวอีก"


ข้างกัน กายเอื้อมมือขึ้นอย่างเงียบ ๆ ลูบเส้นผมเจบีเบา ๆ อย่างคนที่ไม่พูดมาก แต่เข้าใจทุกอย่างผ่านแววตา แผ่วสัมผัสนั้นไม่มีคำปลอบ แต่สื่อความรู้สึกได้ชัดเจนกว่าอะไรทั้งหมด








nuangnut1996 โพสต์ 9 ชั่วโมงที่แล้ว

สนุกมากครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 41