NOOFONG โพสต์ 12 ชั่วโมงที่แล้ว

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 40





Chapter 40แม้จะเปียกปอน แต่ฟ้าหลังฝนก็ยังคุ้มค่าที่รอ


เซฟเฮาส์ของแคสเปอร์ที่เคยเงียบสงบและเป็นระเบียบ วันนี้กลับดูวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อบรรดาห้าหนุ่มจากกลุ่มขนนกสีเงินต่างพากันมารุมล้อมเจบีราวกับรังแตนแตก


เจบีนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง เสื้อคลุมเปื้อนเลือดยังไม่ได้ถอดออกหมด เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตด้านในที่เปิดคอหลวม ๆ ผมเปียกชื้นปรกหน้าผาก ใบหน้าดูเหม่อลอยนิดหน่อยเหมือนยังตั้งตัวไม่ทันกับความวุ่นวายรอบข้าง


ราฟาเอโร่เป็นคนแรกที่เข้ามา เขานั่งลงบนโซฟาแล้วดึงเจบีมานั่งบนตักโดยไม่พูดมาก แขนทั้งสองข้างโอบเอวไว้แน่นจนเจบีขยับไม่ได้ เจบีขยับตัวนิดหน่อยเหมือนจะประท้วง แต่สุดท้ายก็ยอมซบอยู่ในอ้อมกอดนั้นเงียบ ๆ


“…ผมนั่งเองก็ได้นะครับ…”


“ฉันไม่ได้ถาม” ราฟาเอโร่ตอบเรียบ ๆ ก่อนจะซุกใบหน้าลงบนไหล่เขาแน่นขึ้น


กายนั่งลงข้าง ๆ เปิดกล่องปฐมพยาบาลแล้วหยิบสำลีแอลกอฮอล์ออกมาอย่างใจเย็น


“แสบหน่อยนะ” เขาเตือน ขณะจิ้มสำลีลงบนแผลตรงหางคิ้วของเจบีอย่างเบามือ


“ไอ้เวรนั่นมันจะกรีดหน้าสวย ๆ ของเจบีทำไมวะ?” เรนพูดขึ้นเสียงดังจากฝั่งปลายโซฟา แววตาเขายังเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่หาย ขณะโยนหมอนใบนึงกระแทกกับพนักโซฟาเพื่อระบายอารมณ์ “แบบนี้จะเป็นแผลเป็นมั้ยนะ"


“ไม่เป็นหรอก เชื่อมือหมอ” กายตอบโดยไม่หันมามอง พลางติดพลาสเตอร์ลงบนแผลเล็ก ๆ อย่างประณีต แล้วลูบหลังมือของเจบีเบา ๆ เหมือนจะให้เขารู้ว่าทุกอย่างปลอดภัยแล้ว


เสี่ยวไป๋เดินเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหม่ในมือ ยื่นให้เจบีโดยไม่พูดอะไร แต่เจบีกลับมองหน้าเขาอยู่สองวินาที ก่อนจะยกมือรับแล้วพึมพำเบา ๆ


“ขอบคุณครับ...”


เสี่ยวไป๋ไม่ตอบเช่นเคย เพียงยกแก้วน้ำวางไว้ข้างมือแล้วเดินไปนั่งที่มุมห้อง แต่สายตายังไม่ละจากเขาแม้แต่วินาทีเดียว


แคสเปอร์ที่ยืนพิงขอบโต๊ะฝั่งตรงข้าม ถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ ในที่สุด เสียงของเขาแม้จะเรียบนิ่ง แต่ก็ปิดความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ไม่ได้เลย


“แค่เห็นว่านายปลอดภัยก็ดีแล้ว…ตอนที่สัญญาณขาดหายไป ฉันเป็นห่วงแทบบ้า”


เจบีก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบา


“ขอโทษนะครับ...คิมบอมไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครได้ง่าย ๆ”


“ยิ่งกับผม...มันก็ยิ่งไม่มีโอกาสจะมีคำว่าไว้ใจเลยด้วยซ้ำ”


ราฟาเอโร่ยังคงไม่พูดอะไร เขาเพียงกอดเจบีแน่นขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังซุกอยู่ที่บริเวณซอกคออุ่นของอีกฝ่าย ราวกับกำลังพยายามถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านผิวเนื้อแทนถ้อยคำ


เสียงของเขาตามมาช้า ๆ อบอุ่นแต่เยือกเย็น


“…เขาทำแบบนี้กับนายมาตลอดเลยเหรอ”


เจบีนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ


น้ำเสียงที่หลุดออกมานั้นนิ่งมากกว่าที่ควรจะเป็น


แต่ในความนิ่งนั้น...กลับแฝงความปวดลึกอยู่จนทุกคนสัมผัสได้


“ครับ เวลาที่ผมทำพลาด…เขาจะลงโทษผม”


เขาหยุดนิดหนึ่ง เหมือนต้องกลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อ


“แผลแต่ละครั้ง...จะไม่ซ้ำที่เดิมเลย”


“เขาบอกว่าอยากให้ผมจำความผิดทั้งหมด…ด้วยร่างกาย”


ห้องทั้งห้องเงียบสนิท ราวกับทุกคนถูกดึงลงไปในความมืดของอดีตที่เจบีเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย


ไม่มีใครพูดอะไร แม้แต่แคสเปอร์ที่ปกติมักจะเป็นคนพูดมากที่สุดในห้องก็ยังเงียบ สายตาเขาเบนต่ำลงเล็กน้อย ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ แล้วยื่นเจลประคบเย็นให้เจบีโดยไม่เอ่ยคำใด


เสี่ยวไป๋ยังคงนั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง ดวงตาจับจ้องเจบีไม่วาง ไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกจากริมฝีปาก แต่ท่าทางของเขากลับหนักแน่นกว่าคำพูดทุกคำ มือที่วางอยู่บนเข่าถูกกำแน่น เขาโกรธอยู่ โกรธมากจนเงียบจนแทบอึดอัด


เรนก้มหน้าลง ถอนหายใจแรง ๆ อย่างพยายามควบคุมบางอย่างที่ปั่นป่วนในอก เขาหยิบหมอนที่มุมโซฟาขึ้นมากอดแน่นเหมือนเด็กขี้หงุดหงิด แต่ก็ยังไม่หันหน้าหนีจากภาพตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว


และเจบี…ก็ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของราฟาเอโร่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าความเงียบของแต่ละคนในห้องนั้น เต็มไปด้วยความปวดแปลบไม่ต่างจากแผลที่เขาเคยได้รับมาเลย


ราฟาเอโร่เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบนั้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ


“คืนนี้...นอนกับฉันนะ”


ประโยคนั้นเปล่งออกมาเรียบง่ายเหมือนไม่ได้ต้องการคำอนุญาต แต่ในน้ำเสียงแฝงบางสิ่งบางอย่างที่บอกชัดว่าเขาไม่ยอมให้เจบีหายไปจากสายตาอีกแม้แต่นาทีเดียว


เจบียังไม่ทันได้กะพริบตา เรนก็โพล่งขึ้นมาจากปลายโซฟาทันที


“อะไรนะ!? ไม่เอาอ่ะ ทำไมต้องนอนกับบอสคนเดียวล่ะ!”


เขาชี้นิ้วใส่ราฟาเอโร่พลางหันมาหาเจบี “เจบี ถ้านายเลือกฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่กรน ไม่ละเมอ แล้วจะไม่แย่งผ้าห่มเลย!”


แคสเปอร์ที่พิงโต๊ะอยู่หลุดหัวเราะออกมาทันที “ว้าว...ฟังดูดี แต่ฉันไม่เชื่อหรอก นายละเมอตั้งแต่ก่อนหลับด้วยซ้ำ”


“อย่างน้อยฉันก็ไม่น่ากลัวเหมือนบางคนที่กอดแล้วไม่ปล่อยอะ! เจบีจะหายใจทันไหมคืนนี้ก็ไม่รู้!” เรนโวยลั่น พลางชี้ไปที่ราฟาเอโร่ที่ยังกอดเอวเจบีไว้แน่นไม่มีทีท่าว่าจะคลายออกเลยสักนิด


เสี่ยวไป๋เหลือบมองนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ


“จะเถียงกันอีกนานไหม? เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว…ปล่อยให้เขาได้พักเถอะ”


แคสเปอร์ถอนหายใจยาวจากฝั่งโต๊ะ


“นั่นสิ...ถ้ามันวุ่นกันขนาดนี้ งั้นไม่ต้องนอนทั้งห้องเลยดีไหม?”


“พอได้แล้วครับ” เจบีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสียงเบาแต่เริ่มมีชีวิตขึ้นมานิดหน่อย “ผมแค่อยากนอนให้หลับ…แค่นั้นเอง”


“แต่ถ้านายฝันร้ายล่ะ?” กายถามพลางลูบไหล่เขาเบา ๆ “ถ้าอยู่คนเดียวแล้วตื่นขึ้นมากลางดึกจะทำยังไง”


ราฟาเอโร่ก้มลงกระซิบข้างหูเสียงนิ่ง


“ก็เลยต้องอยู่กับฉันไง จะได้ไม่ตื่นคนเดียวอีกแล้ว”


คำพูดนั้นทำให้เจบีชะงักไปนิด ใบหน้าขึ้นสีจาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว


“แต่ถ้าเลือกได้ นายก็อยากนอนกอดฉันใช่ไหม?” ราฟาเอโร่ถามเสียงต่ำข้างหู มือยังกอดแน่นขึ้นอีกนิดแบบไม่ให้ใครแย่งไปง่าย ๆ


“ฉันว่ามันไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ” เรนบ่นอีกครั้งพร้อมคว้าหมอนมาทุ่มใส่พนักพิง


“ตอนเจบีบาดเจ็บ ฉันวิ่งลงบันไดก่อนใครเลยนะ! ฉันนั่งดมเสื้อที่เจบีถอดไว้ด้วยซ้ำ!”


ห้องเงียบวาบ ทุกคนหันขวับมามองเขาเป็นตาเดียว


“…ฉันล้อเล่น!! ล้อเล่น!!”


“ล้อเล่นไม่เนียนเลย” เสียงแคสเปอร์ดังขึ้นพร้อมยกมือปิดหูเจบี “เด็กยังไม่ฟื้นดี อย่าเอาความจิตของนายมาฝังเขา”


เจบียกมือปิดหน้าทันที ก่อนจะหัวเราะหลุดออกมาอีกครั้ง


“ผมนอนไหนก็ได้ครับ ขอแค่อย่าทะเลาะกันก็พอแล้ว...”


“สรุปแล้วนะ! คืนนี้นอนกลางห้อง ใครจองข้างซ้ายขวา รีบพูด!” เรนประกาศทันที


เสี่ยวไป๋เดินไปหยิบผ้าห่มหลายผืนมาปาใส่หน้าเรน “ฉันจะนอนฝั่งขวา ถ้าใครกรน ฉันจะเอาหมอนอุดปาก”


แคสเปอร์ยิ้มขำ ๆ แล้วพึมพำ


“เครือข่ายใต้ดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป กลายเป็นเด็กอนุบาลแย่งที่นอนกัน...น่าภูมิใจดีจริง ๆ”


...






กลิ่นสบู่จาง ๆ ลอยอวลในอากาศ อุณหภูมิห้องกำลังดี ไฟสลัวลงจนเหลือเพียงแสงอุ่นเรืองรองพอให้เห็นขอบหมอนและผ้าห่มเรียงรายเต็มพื้นห้องฟูกกว้างกลางเซฟเฮาส์ของแคสเปอร์ถูกปูไว้ล่วงหน้าอย่างดี


ราฟาเอโร่นอนพิงหมอนอยู่ฝั่งซ้ายของฟูก สวมเสื้อกล้ามสีเทาบาง ๆ กับกางเกงขาสั้นสีเข้ม ขายาวเหยียดไขว้กันสบาย ๆ มือหนึ่งตบเบา ๆ ตรงจุดว่างข้างตัว ราวกับส่งสัญญาณ


“มานอนตรงนี้ เจบี” น้ำเสียงเขาเรียบ ราบ เหมือนไม่ได้บังคับ แต่เจบีรู้ดีว่าปฏิเสธไป...ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


ฝั่งขวา เสี่ยวไป๋นอนหันหลังให้ แต่ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาถึงอกเรียบร้อย ใส่ชุดนอนผ้าฝ้ายสีกรมเข้มเรียบไม่มีลวดลาย กลิ่นชาเขียวจาง ๆ ลอยออกมาจากเส้นผมที่เพิ่งเป่าจนแห้งหมาด ๆ ราวกับไม่มีส่วนร่วมอะไรกับความวุ่นวาย แต่มือข้างหนึ่งที่วางพาดหมอนไว้...กลับขยับเล็กน้อย เหมือนรอการมาถึงของใครสักคน


แคสเปอร์นอนไขว้แขนมองเพดานอยู่ฝั่งริม ชุดนอนสีไวน์แดงเข้ากับผิวและท่าทางเจ้าของอย่างประหลาด ส่วนกายใส่เสื้อยืดขาวกับกางเกงขายาวลายทางดูเรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม นอนตะแคงกอดหมอนข้างอย่างสงบ โดยมีเรน ในชุดนอนสีฟ้าอ่อนพิมพ์ลายอะไรสักอย่างที่มองแล้วไม่กล้าถาม นอนแผ่คร่อมหมอนไว้กลางห้อง เหมือนจะเฝ้าทางเข้าออกของเจบีอย่างจริงจัง


เจบีที่ยืนเช็ดผมอยู่หน้าห้องมองภาพนั้นแล้วถอนหายใจเบา ๆ เขายกผ้าขนหนูออกจากหัว มองสายตาทุกคนรอบห้องสลับกันทีละคนก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงช้า ๆ ระหว่างราฟาเอโร่และเสี่ยวไป๋


มันก็รู้สึกแปลกอยู่หน่อย ๆ นั่นแหละ…ที่ตอนนี้เขากำลังจะได้นอนอยู่ท่ามกลางผู้ชายแปลกประหลาด ที่แต่ละคนต่างก็อันตรายระดับโลก


“นี่เรากลายเป็นหมอนข้างไปแล้วหรือไง…” เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะซุกตัวเข้าผ้าห่มในจังหวะเดียวกับที่ราฟาเอโร่พาดแขนโอบรอบเอวมาอย่างเงียบ ๆ


เสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไร แต่ขยับหมอนให้เจบีวางหัวได้ถนัดกว่าเดิมอย่างไม่ต้องบอก


“ใครกรน ฉันจะปารองเท้าใส่” เสียงเรนดังขึ้นจากฝั่งปลายเท้า


“ฉันจะเอาไมค์อัดเสียงไว้เปิดซ้ำตอนเช้า” แคสเปอร์เสริมด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ


“กรนก็ยังดีกว่าแอบละเมอพูดชื่อคนข้าง ๆ นะ” กายพูดเบา ๆ ไม่รู้ตั้งใจจะเตือนใคร


เจบีซุกหน้ากับหมอน หลับตาอย่างหมดแรง แต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มจาง ๆ


...






กลางดึก เสียงลมหายใจของแต่ละคนผสานกันอย่างสงบ เจบีนอนนิ่งอยู่ตรงกลาง ขยับตัวเล็กน้อยใต้ผ้าห่ม พลิกตัวไปทางราฟาเอโร่แล้วซบแก้มลงกับหมอนอย่างเงียบงัน


แต่ความสงบก็ไม่อยู่นาน...


“...เจบี อย่าไป...ตรงนั้นมันมีระเบิด…”


เสียงละเมอแผ่วเบาดังขึ้นจากอีกฝั่งของห้อง


เจบีลืมตาขึ้นนิดหนึ่ง หันตามเสียงอย่างง่วงงุน


เรนนอนอยู่ริมสุดของแถว ใกล้ประตูพอดี ร่างครึ่งหนึ่งคร่อมอยู่บนหมอนอย่างหมดสภาพ ผ้าห่มหลุดไปกองอยู่ปลายเท้าเหมือนถูกลืม


เจ้าตัวพึมพำคำเตือนเหมือนอยู่กลางภารกิจลับ ก่อนจะพลิกตัวแรงจนหมอนอีกใบกระเด็นลอยไปโดนหัวกายที่นอนถัดไปแบบพอดิบพอดี


กายขมวดคิ้วในความมืด แล้วงึมงำตอบกลับทั้งที่ตายังปิด


“ง่วงจะตายยังต้องระวังระเบิดอีกเหรอ…”


เจบียิ้มนิด ๆ ก่อนจะกำลังจะกลับไปหลับต่อ แต่แล้วก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่าง...แนบอยู่ตรงหลัง


แขนแข็งแรงท่อนหนึ่งโอบรัดช่วงเอวเขาไว้แน่นอย่างเงียบ ๆ ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดซอกคอเบา ๆ


เจบีขยับคิ้วช้า ๆ


“ราฟาเอโร่…”


ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแค่แรงกระชับที่เอวเหมือนจะตอบว่า “ใช่ ฉันเอง และฉันไม่ปล่อย”


ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ เขาก็รู้สึกว่าด้านขวาของตัวเอง...เย็นหายไปชั่วคราว ก่อนที่เสี่ยวไป๋จะขยับเข้ามาใกล้จนหลังของเขาแทบชิดไหล่เจบี


“…หนาว” เสียงสั้น ๆ เรียบ ๆ พึมพำในความมืด


แต่เจบีรู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินเสียงเรนละเมอแล้วนอนไม่หลับมากกว่า


ตอนนี้...เขาถูกกอดซ้าย-ขวา ทั้งจากหัวหน้ามาเฟียที่โหดที่สุด และผู้ควบคุมเครือข่ายที่เย็นชาเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการ


“เฮ้อ...” เจบีพึมพำเบา ๆ ในลำคอ


“จะเหลือที่ให้ฉันขยับมั้ยเนี่ย…”


เจบียกมือกุมขมับช้า ๆ


ขณะที่ข้างซ้ายถูกกอดรัดแน่น ข้างขวาก็โดนแย่งผ้าห่มไปทีละนิด ด้านริมอีกฝั่งมีเสียงละเมอพึมพำเรื่อย ๆ และจากมุมห้องก็แว่วเสียงคลิกเบา ๆ ของแคสเปอร์ขณะเปิดโหมดปรับอุณหภูมิผ่านรีโมต


“ใครละเมอเกินสามครั้ง ฉันจะลดอุณหภูมิห้องให้เหลือสิบองศา”


เสียงเรนละเมออีกรอบว่า “ห้ามแตะของในตู้เย็นฉัน!”


กับเสียงคลิกรีโมตของแคสเปอร์อีกหนึ่งที


เจบียิ้มบาง ๆ อย่างคนเหนื่อยใจ แต่ก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ


...






เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อน ๆ รอดผ่านม่านลงมาตกกระทบข้างแก้ม เจบีลืมตาขึ้นช้า ๆ รู้สึกได้ถึงความตึงเมื่อยที่แล่นไปทั่วทั้งตัว แขนหนัก ๆ สองข้างพาดอยู่ตรงเอวของเขา...คนละข้าง


เจบีก้มมองซ้ายมองขวาแบบคนหมดคำบรรยาย ด้านหนึ่งเป็นแขนของราฟาเอโร่ที่กอดไว้แน่นเหมือนจะฝังเขาไว้กับที่นอน อีกด้านหนึ่งคือมือของเสี่ยวไป๋ที่วางแนบพอดิบพอดีกับช่วงสะโพกราวกับตั้งใจจับตำแหน่งนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ


เขาไม่พูดอะไรสักคำ แค่ถอนหายใจยาวในใจ ก่อนจะค่อย ๆ แกะแขนออกทีละข้าง ช้าและระวังที่สุด จนในที่สุดเขาก็หลุดออกมาได้โดยไม่มีใครตื่น


เมื่อยันตัวขึ้นนั่งได้สำเร็จ เจบีก็เหลือบตามองไปรอบห้อง อุณหภูมิในห้องเย็นกว่าเมื่อคืนเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะแคสเปอร์กดแอร์ต่ำลงอีก เพราะไม่สามารถทนเสียงละเมอของเรนที่โวยวายเรื่อง “อย่าแตะของในตู้เย็น” ได้อีกต่อไป


ส่วนกายนั้นนอนนิ่งเป็นระเบียบ ผ้าห่มไม่หลุด เสื้อไม่ยับ ใบหน้าเงียบสงบเหมือนกำลังฝันอะไรดี ๆ ต่างจากเรนที่...


...นอนคว่ำอยู่เกือบชิดประตู ถอดเสื้อ กอดหมอนใบใหญ่ ร่างกายเปลือยเปล่าท่อนบนมีรอยข่วนจาง ๆ ไม่รู้ได้แต่ใดมา อาจเพราะดิ้นสู้หมอนในฝัน หรือไม่ก็เพราะโดนใครแย่งผ้าห่มระหว่างคืน


เจบีลูบต้นคอที่ตึงเบา ๆ ก่อนจะคว้าผ้าห่มของตัวเองขึ้นมาคลุมไหล่ เดินออกจากวงล้อมอย่างเงียบ ๆ


เซฟเฮ้าส์ของแคสเปอร์ดูเหมือนจะเล็กลงกว่าที่เคย ฟูกยาวที่ปูต่อกันกลางห้อง แน่นไปด้วยร่างของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจใต้ดินของโลก ทั้งห้าคนนอนกระจัดกระจายอยู่ในห้องเดียวกัน ห่มผ้าคนละผืน ใส่ชุดนอนคนละแบบ บางคนกรน บางคนขยับละเมอเหมือนเด็ก


เจบียืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองภาพตรงหน้าราวกับเป็นเรื่องที่หลุดออกมาจากความฝัน หรือไม่ก็จากนิยายที่เขาไม่มีวันคิดว่าจะเข้าไปเป็นหนึ่งในตัวละคร


เขามองภาพนั้นอยู่นานกว่าที่ตั้งใจ ก่อนจะถอนหายใจแผ่ว ๆ แล้วเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาใหญ่


บางอย่างกระตุกในอกเบา ๆ


ความทรงจำจากห้องใต้ดินในวันนั้นยังไม่เคยเงียบหายไปจากข้างใน


ใบหน้าของพวกเขาในตอนที่ยังเต็มไปด้วยโทสะ ความเย็นชา ความโหดเหี้ยม ภาพที่เขาไม่เคยลืม และไม่รู้ว่าจะลืมได้จริง ๆ หรือเปล่า


ใบหน้าของคนที่เพิ่งโอบกอดเขาเมื่อไม่นานนี้ คือใบหน้าเดียวกันกับที่เคยจ้องจะฆ่าเขา ในห้องที่มีเพียงเขา กับความผิดที่ไม่มีใครยอมรับฟัง


เขาไม่ได้กลัว...อย่างน้อยก็ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว


แต่มันเหมือนมีบางอย่างฝังอยู่ในใจ เหมือนแผลที่เย็บเรียบร้อยแล้ว แต่ยังรู้สึกเจ็บได้ทุกครั้งที่ขยับผิดจังหวะ


มันผ่านไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?


เขาถามตัวเองในความเงียบที่ไม่มีใครได้ยิน


...และแม้แต่ตัวเขาเอง ก็ยังไม่แน่ใจนัก ว่าคำตอบคือใช่หรือเปล่า


“นายตื่นนานแล้วเหรอ”


เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลังเบา ๆ พอจะรู้ว่าเจ้าของเสียงพยายามไม่ให้ใครตื่น


เจบีไม่ได้หันไปมอง แต่เขารู้ทันทีว่าเป็นใคร


ฝ่าเท้าเปลือยเหยียบลงบนพื้นปูนเย็น ๆ อย่างแผ่วเบา ก่อนที่ร่างสูงของราฟาเอโร่จะเข้ามานั่งข้างเขาอย่างเงียบ ๆ


“ครับ ตื่นได้สักพักแล้ว” เจบีตอบในที่สุด


“เป็นไง หลับสบายมั้ย”


เขาหรี่ตาเล็กน้อย ไม่ได้ตอบในทันที เพราะไม่แน่ใจจะเรียกคืนที่ผ่านมาว่า ‘หลับสบาย’ ได้หรือเปล่า


“…อึดอัดนิดหน่อยครับ”


ราฟาเอโร่หัวเราะแผ่ว ๆ ในลำคอ


“หึ เดี๋ยวก็ชิน”


เจบีเหลือบตามองเขา


“ง่ายแบบนั้นเลยเหรอครับ”


“อืม” น้ำเสียงยังนิ่งเรียบ แต่ฟังแล้วเหมือนมีรอยยิ้มซ่อนอยู่ “แต่นายดูคิดมากนะ มีอะไรในใจหรือเปล่า หืม?”


เจบีเงียบไปครู่หนึ่ง


“…จริง ๆ ก็...เห้อ ผมควรพูดหรือเปล่าครับ”


“ไม่พูด แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าอะไรกำลังกวนใจนายอยู่”


เจบีก้มหน้าลงนิดหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ


“…ผมยังฝันร้ายอยู่เลยครับ” เขาว่าเบา ๆ “เรื่องห้องใต้ดิน...มันวนซ้ำอยู่เรื่อย ๆ เหมือนสมองไม่ยอมปล่อย”


“อืม ฉันรู้”


ราฟาเอโร่ไม่พูดมาก เขาเพียงขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะโอบแขนรอบตัวเจบี ดึงเข้าไปแนบอก


เสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะมั่นคง อุ่น และนิ่งกว่าความสับสนในอกของเจบี


“ขอโทษนะ ที่ฉันทำให้มันกลายเป็นแผลแบบนั้น”


เขาพูดช้า ๆ ใกล้ข้างหู “ฉันจะค่อย ๆ ลบภาพจำนั้นออกจากใจนาย...ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม สัญญาว่าจะดูแลนายให้ดีที่สุด ทั้งในแบบที่คน ๆ หนึ่งควรได้รับ และในแบบที่ฉันอยากให้มากกว่านั้นเสมอ”


เจบีไม่ตอบอะไร


แต่ร่างกายเขาไม่ได้แข็งตึงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว


ราฟาเอโร่ก้มลงกระซิบแผ่วเบาอีกครั้ง


“จากนี้ไป นายไม่ต้องพยายามเป็นส่วนหนึ่งของเราอีกแล้ว…"


เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนกลั้นหัวเราะในลำคอเบา ๆ


“…เพราะเรา...ต่างหากที่หมุนรอบตัวนาย”


...






[สำนักงานใหญ่ Silver Nest | ลอนดอน | 10:23 AM]


ฤดูใบไม้ผลิที่ลอนดอนมาถึงช้ากว่าปกติ ท้องฟ้าเหนือแม่น้ำเทมส์ยังคงหม่นมัวในยามสาย เจบีเดินเข้าตึกด้วยท่าทีเงียบขรึมตามแบบของเขา แต่ทุกฝีก้าวกลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครกล้าทักด้วยน้ำเสียงดูแคลน ไม่มีสายตาสงสัยเหมือนวันแรกที่ก้าวเข้ามา


เขายังทำงานอยู่กับราฟาเอโร่เหมือนเดิม แม้จะปฏิเสธโต๊ะในห้องเดียวกัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะเหตุผลบางอย่างที่โต้เถียงไม่ได้


โต๊ะทำงานของเจบีตั้งอยู่ริมหน้าต่าง สะอาด เรียบง่าย และเต็มไปด้วยของขวัญประหลาด


เช้านี้มีช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ ถูกวางไว้เงียบ ๆ บนโต๊ะทำงานก่อนที่เขาจะมาถึง


กล่องชาเขียวญี่ปุ่นพรีเมียมถูกวางแนบกระดาษโน้ตสั้น ๆ ว่า “อย่าทำงานจนลืมว่ามีคนรอนายกลับบ้าน - เสี่ยวไป๋”


เรนโผล่มาก่อนใครพร้อมกระเป๋าสะพายที่มีของเล่นหมอนอุ่นรูปหมา และอวดว่า “อันนี้ไว้กอดเวลาเครียด ถ้าไม่ช่วย ก็โยนใส่หัวคนอื่นได้”


ส่วนกายส่งถุงขนมอบเองพร้อมคำเตือนว่า “ห้ามให้ราฟาเอโร่แย่งกิน”


และแคสเปอร์…ไม่เคยมาด้วยตัวเอง แต่ผู้ช่วยส่วนตัวของเขาจะปรากฏพร้อมซองเอกสารปะหัวว่า “ข้อมูลระดับสูงมาก (แต่ข้างในเป็นบัตรดูหนังกับคูปองนวดเท้า)”


ตอนเที่ยง พวกเขามักจะโผล่มารวมตัวกันราวกับนัดไว้ ทั้งที่ไม่มีใครใช้ปากพูดตรง ๆ


เจบีที่เคยนั่งกินข้าวคนเดียว ถูกคั่นกลางระหว่างบทสนทนาของเจ้าพ่ออสังหา ยากูซ่าหน้าเด็ก หมอหน้านิ่ง และเจ้าพ่อโลจิสติกส์เอเชียที่ตอนนี้พูดน้อยลงเพราะมัวแต่ลอบมองเขาทุกห้านาที


ราฟาเอโร่ยังคงทำตัวเหมือนไม่สนใจ อาหารในจานแทบไม่พร่อง แต่ดวงตาเหลือบมองเจบีทุกครั้งที่อีกฝ่ายวางช้อน


ไม่มีคำถามว่าเหนื่อยไหม ไม่มีประโยค "กินเยอะ ๆ" แบบที่ใครเขาพูดกัน แต่กลับคอยดูแลอยู่เงียบ ๆ ในแบบของเขาเอง


"พวกคุณไม่กินกันเหรอครับ?" เจบีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางมองรอบโต๊ะอย่างงง ๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นจุดสนใจโดยไม่ได้ตั้งใจ


“แค่มองนายกินก็อิ่มแล้ว” เสียงตอบจากฝั่งเรนดังขึ้นก่อนใคร


“…” เจบีถอนหายใจเบา ๆ มองบนหนึ่งที ก่อนจะก้มหน้ากินต่อ


“เย็นนี้เราไปกินเนื้อย่างร้านลับกันมั้ย?” เรนเสนอขึ้นทันควัน “ไม่ได้ไปนานแล้วอ่ะ นายต้องชอบแน่”


“ต้องถามเจบีก่อน ว่าอยากไปหรือเปล่า” เสี่ยวไป๋เสริมเสียงนิ่ง ก่อนที่ทุกสายตาจะหันมารอลุ้นคำตอบจากเจ้าตัวที่กำลังก้มตักข้าว


“ไปสิครับ” เจบีพูดเรียบ ๆ แต่ไม่ทันกลั้นรอยยิ้ม “ถ้าเรนพูดว่าอร่อย ก็คงอร่อยนั่นแหละ”


“นั่นไง~ สรุปว่าไปนะ” เรนยิ้มกว้างอย่างกับเพิ่งชนะรางวัล


“ฉันจะว่างมั้ยเนี่ย...” แคสเปอร์ว่า พลางหยิบมือถือขึ้นมาไล่ตารางงานเร็วจี๋ แต่สีหน้าเหมือนจะบล็อกให้หมดทั้งสัปดาห์แล้วด้วยซ้ำ


“ห้ามมอมเหล้าเจบีนะ” เสี่ยวไป๋พูดขึ้นทันที เหมือนรู้ทันใครบางคน


“รู้แล้วน่า~” เรนยักไหล่ “แต่ถึงจะเมา ก็มีคนพร้อมดูแล พากลับ รับส่งถึงเตียงอยู่แล้ว”


“จะทำอย่างอื่นด้วยสิไม่ว่า…” เสียงต่ำของราฟาเอโร่ดังแทรกขึ้นมาในที่สุด โดยที่สายตายังไม่ละจากจานตรงหน้า


แต่คนอื่นไม่จำเป็นต้องมองหน้าก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร


โดยเฉพาะเจบี...ที่ช้อนในมือนิ่งค้างกลางอากาศทันที


ใบหน้าของเขาขึ้นสีอย่างรวดเร็ว จนแดงลามไปถึงใบหู


บรรยากาศเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะถูกเรนระเบิดหัวเราะลั่นโต๊ะแบบไร้มารยาทที่สุด


“บอส! แบบนี้มันเจตนาโจ่งแจ้งเกินไปแล้วนะครับ!”


เรนแทบจะล้มลงกับเก้าอี้ ส่วนกายยิ้มบาง ๆ และเสี่ยวไป๋ทำเพียงถอนหายใจราวกับคาดไว้แล้ว


เจบีหันหน้าหนีอย่างไม่กล้าสบตาใคร เสียงพึมพำแผ่ว ๆ เล็ดลอดออกมาจากหลังช้อน


"...จะพูดเล่นก็เลือกเวลาด้วยสิครับ..."


...






หลังจากกลับจากร้านเนื้อย่าง เจบีก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย เนื้อนั่นอร่อยจนแทบจะเคี้ยวไปยิ้มไป…ถ้าไม่ติดว่าทั้งโต๊ะช่วยกันป้อนเขารัว ๆ จนแทบไม่ได้หายใจ


เขาเอามือลูบท้องเบา ๆ แล้วถอนหายใจ ยกเสื้อขึ้นดูพุงตัวเองที่ป่องนิด ๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา


คืนนี้เขากลับมาพร้อมเสี่ยวไป๋ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด


ส่วนใหญ่ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ เขามักจะมานอนค้างที่บ้านของเสี่ยวไป๋


ไม่รู้ว่าเพราะชินกับที่นี่ หรือเพราะคิดถึงชาล็อต หมาหน้าบึ้งของเสี่ยวไป๋ที่พอเห็นเขาทีไรก็กระดิกหางแรงกว่าปกติทุกที


“ดื่มนี่ก่อน จะได้รู้สึกดีขึ้น”


แก้วชาอุ่น ๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า กลิ่นหอมลอยขึ้นแตะจมูกทันทีที่รับมา


เจบียกขึ้นจิบเงียบ ๆ ก่อนจะเหลือบมองคนข้างตัวที่นั่งอยู่เงียบ ๆ เช่นกัน


พออยู่กันแค่สองคน บ้านก็ดูเงียบแปลก ๆ


เงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังอยู่ในอก


“ฉันให้คนขึ้นไปจัดห้องไว้แล้ว นอนคนเดียวได้ใช่ไหม”


คำถามฟังดูธรรมดา แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่ในห้องที่กว้างเกินไปก็ไม่รู้


เจบีไม่ได้ตอบทันที เขาเพียงพยักหน้าเบา ๆ


“ครับ นอนได้”


“ฉันต้องเคลียร์งานอีกสักพัก ถ้าง่วงก็ขึ้นไปก่อนได้นะ”


เจบีพยักหน้ารับคำเบา ๆ


หลังจากดื่มชาอุ่นจนหมด เขาก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ร่างกายเหมือนจะได้พัก แต่ในหัวกลับยังวนเวียนอยู่กับความวุ่นวายของวันนี้


เขานั่งเล่นโทรศัพท์เงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ แสงจากหน้าจอสว่างวาบในห้องนั่งเล่นเงียบสงบที่ตอนนี้มีเพียงเขากับเสียงแอร์


พอเริ่มรู้สึกว่าง่วงเล็ก ๆ เขาก็ลุกขึ้น เดินขึ้นไปข้างบนอย่างเงียบ ๆ ตามที่เสี่ยวไป๋บอกไว้ก่อนหน้า


เข้าห้องน้ำ อาบน้ำอุ่น ล้างกลิ่นควันเนื้อย่างที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าและเส้นผม


แต่พอหัวถึงหมอนจริง ๆ กลับไม่มีความง่วงอย่างที่คิดไว้


เสียงเตียงนุ่ม ๆ ยวบเบา ๆ ตามน้ำหนักตัวในแต่ละจังหวะ


แต่เปลือกตาเขากลับยังลืมอยู่แบบนั้น


เขาไม่รู้ว่าเพราะห้องเงียบเกินไป


หรือเพราะเขาเคยชินกับเสียงหายใจเบา ๆ จากใครสักคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ


เจบีหลับตาลงอีกครั้ง พยายามจะฝืนให้นอน แต่ยิ่งพยายาม ความเงียบรอบตัวก็ยิ่งขยายเสียงในหัวให้ชัดเจนขึ้นทุกที


สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหยิบหมอนใบหนึ่งติดมือ เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ


สลิปเปอร์นุ่มไร้เสียงใต้ฝ่าเท้าแตะพื้นอย่างแผ่วเบา เขาเดินช้า ๆ ไปหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของเสี่ยวไป๋


ลังเลอยู่พักหนึ่ง ตั้งใจจะเคาะ แต่พอเงยหน้าขึ้น มือกลับค้างอยู่กลางอากาศ


ในใจหนึ่ง...เขาไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากกว่านี้


จะกลับห้องตัวเองก็ได้ เดี๋ยวก็หลับเองนั่นแหละ


เขาหันหลังกลับช้า ๆ


แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้า เสียง “แกร๊ก” ของลูกบิดก็ดังขึ้นแผ่วเบาจากด้านหลัง


ประตูเปิดออกช้า ๆ เหมือนเจ้าของห้องรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาจะมา


“ยังไม่นอนเหรอ?”


เสียงของเสี่ยวไป๋ดังขึ้นเบา ๆ กว่าปกติ ไม่ใช่น้ำเสียงตำหนิ แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ฟังแล้วเจ็บหน่อย ๆ ตรงหน้าอก


เจบีเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบหลบตาเมื่อสายตาอีกฝ่ายประสานมา


เขาก้มมองหมอนในมือของตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ไม่รู้จะตอบยังไงดี


ยังไม่ทันได้คิดคำแก้ตัว เสี่ยวไป๋ก็เดินกลับไปเก็บของบนโต๊ะ เก็บโน้ตบุ๊ก ปิดแฟ้มเงียบ ๆ ทีละชิ้นอย่างไม่รีบร้อน


ก่อนจะเดินมาหาเขา…แล้วคว้ามือไว้เบา ๆ


“ไป”


เสียงนิ่ง ๆ เดิม แต่ครั้งนี้อ่อนลงกว่าเดิมอีกนิด


นิ้วมือเรียวยังกอบกุมมือเขาไว้แน่นพอจะทำให้รู้ว่า ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น


“นอนด้วยกัน”


เขาหลุดยิ้มออกมานิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ


...






ไฟในห้องนอนเปิดไว้แค่โคมข้างเตียง แสงสีอุ่นทอดลงบนผ้าห่มสีครีมเป็นแถบเงาอ่อน ๆ ทำให้ทั้งห้องดูนิ่งและอบอุ่นอย่างประหลาด เจบีวางหมอนของตัวเองลงข้างเตียงฝั่งที่ยังว่าง ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงตาม


เสี่ยวไป๋ถอดเสื้อที่ใส่อยู่ แล้วหยิบเสื้อคลุมตัวบางมาใส่แทนก่อนจะเดินขึ้นเตียงไปนั่งพิงหัวเตียง การเคลื่อนไหวทุกอย่างเรียบง่าย แต่ดูดีเกินจะไม่มอง


“มาสิ นอนลง”


เสียงนิ่งเรียกเบา ๆ คล้ายจะกระซิบกับความมืด


เจบีขยับตัวขึ้นเตียงช้า ๆ เขาทิ้งตัวลงข้างอีกฝ่าย ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงใบหน้า


ไม่รู้ว่าหนาว หรือแค่พยายามซ่อนหน้าแดงของตัวเองเอาไว้กันแน่


เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้นเบา ๆ ใต้ผ้าห่ม


“...ผมมานอนแทนที่ใครหรือเปล่าครับ”


คำถามเรียบง่าย แต่กลับกรีดลึก


เสี่ยวไป๋เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตอบโดยไม่ต้องคิดนานนัก


“นายคิดว่ายังไงล่ะ”


“...ไม่รู้สิครับ”


คราวนี้อีกฝ่ายกลับนิ่งไปนานกว่านิดหนึ่ง


ก่อนจะเอ่ยตอบในน้ำเสียงแผ่วเบา แต่มั่นคง


“นายคือคนแรก...ที่ได้เข้ามาในห้องนี้”


เจบีไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงดึงผ้าห่มลงช้า ๆ จนเผยใบหน้าบางส่วน แล้วค่อย ๆ เบนสายตาไปมองคนข้างตัว ที่ยังคงพิงหัวเตียงอย่างเงียบ ๆ ไม่หลบสายตา


“ทำไม...อายเหรอ”


น้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนแซว แต่เจือความอ่อนโยนอยู่ลึก ๆ “นอนด้วยกันก็ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย ถ้าไม่อยากนอนคนเดียวก็บอกสิ ฉันไม่ปล่อยให้คนของฉันขาดความอบอุ่นหรอกนะ…หรือว่านายโดนเรนมอมมาจนเมา หน้าแดงเชียว”


เจบีหลุดหัวเราะเบา ๆ “อืม จริง ๆ ก็รู้สึกมึน ๆ อยู่นิดหน่อยครับ…”


“งั้นหรอ” เสี่ยวไป๋เอนตัวลงนิดหน่อย สบตาเขาใกล้ขึ้น “กอดมั้ยล่ะ”


เจบีสบตากลับโดยไม่หลบ “แล้วถ้ามากกว่ากอดล่ะครับ?”


เสี่ยวไป๋หัวเราะในลำคอเบา ๆ “ได้เหรอ? ถ้าคนอื่นรู้ ฉันอาจจะโดนสับเละแบบไม่ทันตั้งตัวเลยนะ”


“ก็แค่...จูบน่ะครับ” เจบีพูดเบา ๆ แต่ตรงไปตรงมาพอจะทำให้คนฟังนิ่งไปเล็กน้อย


เสี่ยวไป๋ไม่ตอบ เขาเพียงขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกนิด แล้วก้มลงริมฝีปากแนบกันอย่างแผ่วเบา


จูบสั้น ๆ นั้นจบลงเร็วกว่าที่เจบีตั้งตัวทัน แต่ความรู้สึกกลับไม่ยอมจบตาม


เขายังหลับตาอยู่สักพัก ไม่กล้าขยับแม้ปลายนิ้ว


หัวใจเต้นเร็วเกินจะควบคุม แต่แปลกที่ไม่มีความกังวลเลยสักนิด


เสี่ยวไป๋มองคนที่นิ่งไปอย่างชัดเจนในระยะประชิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ


"เงียบแบบนี้ แปลว่าอนุญาตให้จูบอีกใช่ไหม?"


เจบีลืมตาขึ้นช้า ๆ มองใบหน้าของอีกฝ่ายในระยะไม่ถึงคืบ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา


เขาเอื้อมมือไปจับชายเสื้อคลุมของเสี่ยวไป๋ไว้เบา ๆ แล้วกระซิบกลับด้วยเสียงแทบไม่พ้นลมหายใจ


“แค่รอบเดียวก็จะละลายอยู่แล้วครับ…”


เสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะดึงเจบีเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่จูบ แต่เป็นอ้อมกอดแน่น ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเงียบสงบอย่างแท้จริง


“นอนได้แล้ว” เขากระซิบข้างหู “ฝันดีนะ”


เจบีพยักหน้าช้า ๆ แล้วซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกของอีกฝ่าย


“คุณก็เหมือนกัน”


เสียงของเจบีเบาจนแทบกลืนไปกับความเงียบ แต่เสี่ยวไป๋ได้ยินมันทั้งหมด


เขายกมือขึ้นลูบหลังเจบีช้า ๆ ทำนองเดียวกับที่คนหนึ่งจะกล่อมใครสักคนให้หลับ


เสียงหัวใจที่เต้นชัดเจนสื่อสารได้มากกว่าคำพูดใด ๆ












Talk with me


ยังไม่จบน้าาทุกคน


ยัยน้องของเรายั่วเก่งสุดๆ🤣🫶


รักคนอ่าน♥️🩷


nuangnut1996 โพสต์ 9 ชั่วโมงที่แล้ว

สนุกมากครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 40