ตามหารัก ที่หอพักชายล้วน (พาร์ทแรก)
ด้วยเนื้อหาเรื่องนี้ค่อนข้างยาว ผมเลยขอแบ่งเป็น 2 ตอนนะครับ__________
หลังจากเรียนจบมัธยมปลายมาหมาด ๆ ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมใช้มันไปอย่างจืดชืดไร้สีสันและชีวิตชีวา การก้มหน้าก้มตาเรียนทำให้ผมไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนสักเท่าไหร่ อย่าว่าแต่แฟนเลย เพื่อนสนิทสักคนผมยังไม่มีที่รู้จักกันก็ผิวเผินเท่านั้น เพราะแบบนั้นเลยทำให้มาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยน “แม่ครับ ผมจะมีแฟนนะ” ผมประกาศกร้าวกับแม่ในวันที่เรียนจบ และใช่ครับแม่ผมที่เห็นความมุ่งมั่นก็ไม่ห้ามแถมยังส่งเสริมอีกต่างหาก “จริงหรอวิน มีอะไรให้แม่ช่วยไหม” อาจเป็นเพราะแม่รู้ดีว่าผมนั้นอยู่ในกรอบและไม่เคยนอกลู่นอกทาง เลยอยากให้ได้ทำอะไรใหม่ ๆ ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นในรุ่นเดียวกันบ้าง เป็นโอกาสดีที่ผมกำลังจะเข้าสู่รั้วอุดมศึกษา จึงถือโอกาสนี้เริ่มต้นใหม่ ด้วยการมองหาหนุ่มหล่อตามสเป็คที่ตั้งไว้วันที่เดินทางมาสอบสัมภาษณ์ ผมใช้เวลาในการสอดส่องผู้ชายทั่วทั้งคณะและทุกที่ที่เดินผ่าน คนนั้นก็หล่อ คนนี้ก็ดูดี แต่ก็ยังไม่เจอใครที่รู้สึกโดนจัง ๆ สักคนจนกระทั่ง…“น้องครับ หานี่อยู่หรือเปล่าครับ?”ผมหันหลังกลับไปเจอเข้ากับผู้ชายในชุดนักศึกษากำลังยื่นแฟ้มสำหรับใช้สัมภาษณ์ที่ผมลืมไว้ที่ไหนไม่รู้มาให้“ของผมจริงด้วย ขอบคุณครับพี่”“กันครับ พี่ชื่อกัน”เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของพี่กัน ก็รู้ทันทีว่านี่แหละคือคนที่ผมตามหา“ขอบครับพี่กัน”“น้องมาสอบสัมภาษณ์หรอ”“ครับ ตอนนี้พอมีเวลาเลยเดินดูหอพักครับ”“สู้ ๆ นะ เมื่อกี้พี่แอบดูพอร์ทเรา ยังไงน้องผ่านแน่”รอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่นนี่มัน ช่างเหมาะกับผมเสียเหลือเกิน“อืม ถ้าสัมภาษณ์เสร็จแล้วอยากเดินดูหอต่อให้พี่พาทัวร์ได้นะ พี่อยู่หอ 12”“เอ๊ะ หอ12 พี่อยู่หอในหรอครับ”“ใช่ครับ ไว้เจอกันนะครับน้อง…”“วินครับ”“เจอกันนะครับน้องวิน มาเป็นรุ่นน้องพี่ให้ได้นะ”ผมได้รู้เป้าหมายของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น ว่าจะต้องสอบเข้าที่นี่และอยู่หอพักเดียวกับพี่กันให้ได้!!ในที่สุดก็สำเร็จ ผมผ่านสัมภาษณ์และลงทะเบียนเข้าพักหอเดียวกับที่พี่กันอยู่ได้สำเร็จ‘หอพักชายที่ 12’ ป้ายขนาดใหญ่ปักอยู่ที่หน้าทางเข้าหอ รอบข้างมีไม้พุ่มเตี้ยรายล้อมประดับ ภายในบริเวณเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ให้ร่มเงา“แม่ครับ วินมาถึงหอพักแล้วนะ”เมื่อเดินทางมาถึงผมโทรบอกแม่เพื่อให้แม่สบายใจเพราะปกติผมไม่เคยค้างที่อื่นมาก่อนนอกจากบ้านของตัวเอง“แล้วเป็นยังไงอยู่ได้ไหมวิน”น้ำเสียงของแม่เจือไปด้วยความกังวล“ดูจากสภาพก็พอไหวครับ”“ถ้ามีปัญหาอะไรโทรบอกแม่เลยนะ”ไม่ใช่แค่แม่ที่เป็นกังวล แต่ผมเองก็เครียดไม่น้อยที่ต้องย้ายที่พักมาอาศัยร่วมห้องกับคนแปลกหน้า แต่เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับพี่กันแล้ว แค่นี้ทนได้ ฮึบ!“ครับแม่ไม่ต้องห่วง ‘ผมมีพี่กันอยู่’”คำหลังนี่คิดในใจนะ ถ้าบอกแม่ไปมันจะแรงเกิน“อย่าเรียนหนักมากนะ พักผ่อนทำกิจกรรมหรือไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้าง”
“คร๊าบ เดี๋ยวปิดเทอมเอาลูกเขยไปฝาก”“วินพูดจริงหรอลูก แม่ก็คิดว่าพูดเล่นเสียอีก”“จริงสิครับวินไม่อยากเรียนเหงา ๆ คนเดียวแล้ว”“สู้ ๆ ลูกแม่ทำได้ เอาให้หล่อกว่าพ่อสมัยหนุ่ม ๆ เลยนะ”“โห ใครจะหล่อกว่าพ่อไม่มีหรอก”“ก็พูดไป อ้อ จำป้าดาวได้ไหมวิน ลูกชายป้าดาวเขาก็เรียนที่เดียวกับวินนะ ถ้ามีเรื่องอะไรปรึกษาพี่เขาได้ เดี๋ยวแม่ขอเบอร์จากป้าดาวให้”ป้าดาว? ผมนึกได้แล้ว ป้าดาวกับแม่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก่อนไปมาหาสู่กันบ่อย“โหแม่ ไม่เจอกันหลายปีพี่เขาลืมวินไปแล้วมั๊ง งั้นแค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยววินไปลงทะเบียนก่อน”หลังจากวางสายแม่เสร็จ ก็เดินขึ้นบันไดไปยังโถงใต้ตึก ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียน มีรุ่นพี่นั่งประจำโต๊ะพร้อมเอกสารมากมาย“น้องอยู่ห้องอะไรครับ”รุ่นพี่หน้าตาใจดีคนนึงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ฮือ น่ารักมากแต่เสียดายถ้าตี๋กว่านี้อีกนิดผมเล็งแล้ว“317 ครับ”“พอดีเลย เดี๋ยวน้องเซ็นชื่อตรงนี้นะ เขียนเบอร์โทรศัพท์แล้วก็ชื่อเล่นให้พี่หน่อย”ระหว่างที่กรอกเอกสาร ผมกวาดตามองหาเป้าหมาย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครแต่คือพี่กัน ไปไหนนะไม่เห้นเลยพอกรอกเอกสารเสร็จสรรพ ผมหอบสัมภาระเดินขึ้นหอไปยังหน้าห้องของตัวเอง เบื้องหน้าคือประตูที่มีป้ายแขวนเป็นเลขห้อง ‘317’ใจคิดแค่ว่า รูมเมทของผมขอเป็นคนเฟรนลี่จะได้ผูกมิตรง่าย แต่ถ้าไม่ได้แบบที่หวังอย่างน้อยก็ขอเป็นคนสะอาดไม่ซกมกผมหมุนลูกบิดเปิดประตูด้วยใจจดใจจ่อรอลุ้นว่าสภาพของห้องพักที่จะต้องใช้ชีวิตไปอีก 1 เทอมจะเป็นยังไง“เชี่ย!”“เห้ย!!”ปัง!!!อะไรกันวะเนี่ย ตาฝาดไปหรือเปล่า มะ เมื่อกี้ เมื่อกี้นี้มัน ชีเปลือยผมขยี้เปลือกตาตั้งสติอยู่หน้าห้อง เพราะภาพที่เห็นมันติดตาอยู่เลย ผู้ชายตัวสูงใหญ่กำลังนั่งเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง แต่ว่าตำแหน่งมือของเขามัน…อยู่ตรงเป้าแล้วก็…ขยับ (-///-)แกร๊ก“จะยืนอีกนานไหม เข้ามาสิ”ประตูห้องเปิดอีกครั้งพร้อมผู้ชายผิวแทนหน้าคมที่เห็นก่อนหน้ากำลังยืนยกแขนพิงขอบประตู เนื้อตัวเต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อมีหยดเหงื่อเป็นเม็ดผุดตามร่างกาย ที่สำคัญกางเกงบอกเซอร์ตัวบางที่สวมมันมีจุดกึ่งกลางที่ดูยื่นออกมาผิดปกติ แถมกลิ่นความเป็นชายคละคลุ้งห้องลอยออกมาแตะจมูกนี่ผมมาถึงแล้วสินะ หอในชายที่แท้ทรู อึก“สวัสดี เราวินนะ นายชื่ออะไรหรอ”ผมกล่าวทักทายตามมารยาท ทว่าคนที่อยู่ก่อนไม่สนใจทำหูทวนลมเดินขึ้นเตียงนอนตัวเองสบายใจเฉิบแม้อยากจะเมินหรือทำลืมเรื่องก่อนหน้า แต่ว่านะก็อดคิดไม่ได้หรอก เพราะภาพยังคงติดตาอยู่เลย จะว่าไป…มันก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ แต่ไม่ใช่สเป็คเลย อย่างที่ผมชอบต้องพี่กัน หน้าตี๋ตาตี่มีลักยิ้ม โอ๊ยคนอะไรเพอร์เฟคไปหมด“นี่…จะยืนค้ำหัวอีกนานไหม”“ชิ”คนอะไรมารายาทแย่มาก อุตส่าแนะนำตัวดีดี ไม่ยอมบอกชื่อตัวเองแถมบ่นผมอีก“เราถามหน่อยสิ นายรู้จักพี่กันที่อยู่หอนี้ปะ”“...”มันหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ กระพริบตาปริบ ๆ ให้ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินอารมณ์เสียไปเปิดประตูระเบียงจริงสิถ้าพึ่งมาอยู่ก็คงไม่รู้จักพี่กันหรอก ผมนี่ก็ถามไปได้เนอะ แต่ว่านะ ไม่รู้จักไม่เห็นต้องหงุดหงิดขนาดนั้นเลย ผมว่ามนุษยสัมพันธ์ตัวเองแย่แล้วนะ แต่เจอรูมเมทคนนี้เข้าไปนี่ แย่ยิ่งกว่า“จะอยู่ด้วยกันครบเทอมไหมเนี่ย -_- “ครู่เดียว ไอ้คนผิวแทนก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมผ้าเช็ดตัวสภาพโทรมพาดบ่าในมือถือขันเล็ก ๆ ที่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ข้างใน“ไปอาบน้ำหรอ…”ยังถามไม่ทันจบประโยคดี คนตัวสูงก็สะบัดตูดเดินออกจากห้องไปแล้ว โอเคคนแบบนี้คงต้องต่างคนต่างอยู่แล้วล่ะ ผูกมิตรด้วยคงจะยากผมถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เลยถือวิสาสะสำรวจห้องเสียหน่อย สภาพผนังปูนเปลือยที่ถูกเคลือบด้วยแว๊กดูออกเลยว่าคงจะอยู่มานาน ร่องรอยคราบสิ่งสกปรกฝังแน่นจนเห็นก็อยากขัดถูโต๊ะอ่านหนังสือและตู้เสื้อผ้าโลหะที่ตั้งสลับกันตามรอยขอบมีสนิมขึ้นเป็นแนว เตียงนอนโครงเหล็กสภาพก็ดูไม่ได้ แถมที่นอนยังเป็นฟูกเปลือยขอบรุ่ย“นี่ต้องอยู่ที่นี่จริงหรอเนี่ย!”อดอุทานออกมาไม่ได้เมื่อสำรวจสภาพโดยรวม มันแย่กว่าที่เห็นในรูปบนเว็บไซต์ตอนจองห้องพักลิบลับเลยแต่ที่แย่ไปกว่าสภาพห้องโทรม ๆ คืออะไรรู้ไหม มันคือเตียงและโต๊ะของคนที่อยู่มาก่อน ไม่แน่ใจว่านั่นใช้นอนได้จริงไหมเพราะบนที่นอนมีกองเสื้อผ้า นั่นอีก ถุงขนมอบกรอบที่กินหมดแล้ว นี่ผมต้องอยู่ห้องนี้กับคนซกมกจริง ๆ หรอ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพราะพี่กันจะโทรหาแม่แล้วขอย้ายออกไปอยู่หอนอกให้รู้แล้วรู้รอดด้วยความที่เป็นคนอนามัย ไม่สิผมก็ปกตินี่แหละแต่ห้องนี้มันสกปรกเกินกว่าที่คนจะอาศัย ผมเลยต้องเสียสละตัวเองเพื่อ…ทำความสะอาดใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีผมก็จัดการกับสิ่งแปลกปลอมบนเตียงนอนจนหมดจดเว้นแต่…กองทิชชู่ที่มันแห้งกรังซึ่งไม่กล้าสัมผัส ไม่รู้ว่ามันเช็ดอะไรต่ออะไรมาบ้าง“เห้อ ค่อยน่าดูขึ้นหน่อย”แกร๊ก“ทำไรอะ!”เสียงดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง คนตัวสูงเดินกลับเข้ามาในสภาพไม่ต่างจากตอนออกไป เขาสวมกางเกงบอกเซอร์ตัวเดิม แต่ที่แผ่นอกและแขนสองข้างมีหยดน้ำใสเกาะอยู่ แถมมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของ…สบู่นกแก้วหรอ?“คือ เราเห็นว่าห้องมันรกก็เลยทำความสะอาดให้”“แล้วทำไมไม่ทำของตัวเองอะ ถือวิสาสะอะไรมายุ่งกับของคนอื่น”โอ้โห โดนด่าแบบนี้เกินไปเปล่าวะ แบบนี้มันต้อง!!“ขอโทษ…แต่เราทำเพราะหวังดีนะ”ก็ต้องขอโทษสิเพราะผมผิดจริงที่ไปยุ่งกับของของมันแม้จะทำเพราะหวังดีก็เหอะ ดูเหมือนพอได้ยินคำขอโทษจากปากผม ไอ้โย่งมันก็ถอนหายใจก่อนจะหันมายกยิ้มมุมปาก เอ๊ะ รู้สึกแปลก ๆ แล้วแหะ“ชอบทำความสะอาดหรอ?”“อื้อ ชอบสิ ห้องสกปรกเราไม่ค่อยชอบ”ผมรีบตอบไปอย่างภูมิใจพร้อมหันไปพูดเน้นคำว่าสกปรกตอกหน้ามัน “ชอบทำงานบ้านด้วยไหม” “ได้ ทำได้หมด ปกติเราช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านทุกวันอาทิตย์อยู่แล้ว” มีโอกาสขออวดหน่อยจะเป็นอะไรไป มันคลี่ยิ้มกว้างกว่าเก่า ผมเลยยิ้มกว้างตอบ จะว่าไปมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ “ถ้างั้น…” แหมะ! ผมขอถอนคำพูด ไอ้ ไอ้ ไอ้ตะลัยเอ๊ย “อี๋ อะไรเนี่ย!!” อยู่ ๆ มันก็โยนผ้าชิ้นน้อยมาใส่หน้าผม เพียงแค่เห็นสีและลักษณ์ก็รู้ทันทีว่ามันคือกางเกงใน “เห็นว่าชอบนัก งั้นก็ฝากตากด้วยละกัน” โอ้โห อยากจะสบถเป็นคำหยาบแต่พูดไม่ออก คนอะไรมันจะขนาดนี้วะ แบบนี้อยู่ด้วยกันจบเทอมไม่ได้แน่ ผมใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งหยิบผ้าหมาดที่โปะอยู่บนหัวโยนกลับไปใส่มันแล้วเดินถอยห่างออกมา “เออ สนุกดีว่ะ” มันยังมีหน้ามายิ้มหน้าระรื่นอยู่อีก คนอะไรวะทรามชะมัด หลังจากผ่านเหตุการณ์วิปโยค ผมต้องนับเลขในใจเพื่อสงบสติอารมณ์ไปหลายครั้ง ไอ้คนทรามนอนถอดเสื้อเล่นมือถืออยู่บนเตียง ส่วนผมจัดข้าวของที่นำมา ตั้งแต่หยิบชุดใส่ราวแขวนในตู้ เปลี่ยนผ้าปูเตียง จัดโต๊ะอ่านหนังสือ พอเสร็จก็ได้เหงื่อพอสมควร เลยกะว่าจะไปอาบน้ำเสียหน่อย เลยหยิบตะกร้าอาบน้ำที่มีอุปกรณ์ครบครัน พร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหม่สะอาดเอี่ยมอ่องและชุดที่เตรียมเปลี่ยน “นี่ จะไปอาบน้ำสภาพนั้นหรอ” รูมเมทผมเงยคอจนแทบเห็นเหนียง ถามด้วยอารมณ์ขบขัน “...” ผมยังเกลียดขี้หน้ามันอยู่เลยไม่ตอบ บิดตัวเดินออกจากห้องเพื่อมุ่งไปยังห้องน้ำรวมกลางตัวหอ แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางก็มีผู้ชายหลายคนเดินถอดเสื้อสวนไปมากันหลายคน บางห้องไม่ปิดประตู ไอ้สายตาก็เหลือบมองเห็นชายเปลือกอกนั่งดีดกีตาร์พร้อมกับรูมเมทร้องเพลงประสานเสียง นี่มัน…เป็นที่ในฝันของผมเลย อาหารตาชั้นเลิศ แต่ละคนที่เจอก็หุ่นดี ๆ กันทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะหน้าไม่ผ่านเกณฑ์แต่เป้นส่วนน้อย ‘พี่กัน ถ้าพี่ไม่รีบมาแสดงตัวผมจะเทใจให้คนอื่นแล้วนะ’ จากที่น้ำลายหยดทางเดินไม่ทันไร ก้ต้องมาใจสั่นต่อในห้องน้ำ โอ้แม่เจ้า ผู้ชายในชุดชั้นในตัวจิ๋วเดินกันให้ควักทำกิจธุระของตัวเองเป็นปกติไม่สนใจสายตาของผมที่แอบมองเลย…นี่มันสวรรค์ชัด ๆ ผมมาถึงหอในแล้วจริง ๆ ผู้ชายอยู่ด้วยกันก็แก้ผ้าใส่กางเกงในหรือไม่ก็บอกเซอร์ตัวเดียวเดินแกว่งไข่กับลูกกะแป๋งไปมาเป็นปกติสินะ แล้วแบบนี้พี่กัน… -//- แค่คิดภาพพี่กันอยู่ในสภาพแบบผู้ชายพวกนี้ หูผมก็ร้อนฉ่าแล้ว หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ผมก็เดินกลับเข้าห้องพักของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้ปิดประตูดี คนข้างในก็พูดสวนขึ้นมา “นี่ เป็นผู้หญิงหรือไง?” ไอ้ชีเปลือยมันจ้องหน้าอมยิ้มถามอย่างมีความสุข “ฮะ” ผมถามพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเองเพื่อยืนยันว่ามันกำลังพูดกับผมอยู่หรือเปล่า “ทำไม อายหรือไงถึงเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนจากห้องน้ำ” จะเปลี่ยนตรงไหนมันก็เรื่องของผมหรือเปล่าอะ ไม่ยุ่งดิ “...” รู้ว่ามันคงแซวขำ ๆ เลยไม่ใส่ใจคำพูดเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ราวระเบียงหลังห้อง จากนั้นก็มานั่งบนเตียงเปิดมือถือเล่นไป ยังมีเวลาเหลืออีกสองวันก่อนจะเปิดเทอมวันแรก พรุ่งนี้ต้องตามหาพี่กันแล้วรุกจีบพี่เขาให้ได้ ‘วิธีการจีบรุ่นพี่’ พอเสิร์ชหาคำแนะนำจากอากู๋ก็ลิสรายการที่คิดว่าผมพอจะทำได้ ซึ่งก็มีไม่มากนักเพราะแต่ละวิธีนี่ก็แบบ เกินไปอะผมไม่กล้าทำ หรือบางวิธีก็ใช้ระยะเวลาซึ่งมันก็ดีแต่ผมใจร้อน “อะไรวะแค่นี้งอน เป็นผู้หญิงจริง ๆ ด้วย” มันยังกวนผมไม่หยุดจนต้องหันไปส่งสายตาไม่พอใจให้ แต่เหมือนเป็นสิ่งที่มันรอคอย เพราะเมื่อผมจ้องเขม็งไป ไอ้รูมเมทมันหัวเราะร่าทันที “ชิ” รู้สึกหงุดหงิดเกินกว่าจะทนไหว เลยออกจากห้องลงมาที่ชั้นล่างตรงจุดลงทะเบียน โถงใต้หอแตกต่างจากช่วงกลางวัน ในตอนนี้โต๊ะเก้าอี้ที่ถูกทำเป็นโต๊ะลงทะเบียนถูกวางเป็นระเบียบอยู่ที่หน้าโทรทัศน์จอใหญ่ของส่วนกลาง มีผู้ชายหลายคนนั่งจับกลุ่มพูดคุยกัน ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นนักศึกษาใหม่ที่ยังไม่มีที่เที่ยวแหง ๆ “ไงน้องวิน หอโอเคปะ” ระหว่างที่กำลังมองอะไรไปเรื่อย พี่คนที่หน้าตาใจดีก็เข้ามาทักจนตกใจ “พี่รู้ชื่อผมด้วยหรอครับ?” “อื้อ ก็ตอนที่ให้น้องกรอกข้อมูลไง” อันนั้นก็รู้แต่ไม่คิดว่าถึงขนาดจำข้อมูลกันได้ “ก็อยู่ได้ครับ แต่ว่า…” จะนินทารูมเมทตั้งแต่วันแรกที่มาก็คงจะดูไม่ดี เก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า “ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรหรอครับ” “พี่ชื่อเต็น อยู่ปี 2 เรียนบริหาร” “อ๊ะ ผมก็เรียนบริหาร บังเอิญจังเลยนะครับ เป็นทั้งพี่หอทั้งพี่คณะเลย” ผมประหลาดใจที่ได้รู้แบบนั้น เพราะวันมาสอบสัมภาษณ์ที่คณะไม่เจอพี่เต็น “โหงั้นดีเลย ถ้ามีปัญหาปรึกษาพี่ได้เลยนะ เรื่องเรียนเรื่องเที่ยว ยกเว้นเรื่องเดียว ตังค์” พี่เต็นคุยสนุกมาก ถ้าไม่ติดว่าผมเล็งพี่กันอยู่อาจจะจีบพี่เต็นไปแล้วนะเนี่ย “พี่เต็นรู้จัก…พี่กันไหมครับ” พอคุยกันไปสักพักผมตะล่อมเข้าเรื่องทันที “พี่กัน?” “ครับ ผมเจอพี่คนนึงชื่อกันตอนมาสัมภาษณ์ พี่เขาบอกว่าอยู่หอนี้” “อ๋อพี่กัน รู้จักสิ ว่าแต่ถามทำไมหรอ” “เปล่าครับ พอดีตั้งแต่มายังไม่เห็นพี่กันเลย” “รายนั้นเจอตัวยาก นักกิจกรรมอะ แต่เดี๋ยวดึก ๆ ก็กลับหอ” “น้องวิน พี่ถามหน่อยสิ” “ครับ” “เอ่อ คือ…ไม่หรอก น้องวินคงไม่ใช่แบบนั้น” ท่าทางพี่เต็นเปลี่ยนไปเหมือนกำลังกังวลใจอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้าพูดออกมา “มีอะไรพูดได้นะครับ ผมไม่ถือ” พี่เต็นเม้มปากหนักก่อนที่จะถอนหายใจยาว “ตอนดึก ๆ อย่าขึ้นไปชั้น 4 นะ” “ครับ? ชั้น 4 มีอะไรหรอครับ” หรือว่าพี่กันอยู่ชั้น 4 แล้วมันมีอะไร? “ปะ เปล่าหรอก เอาเป็นว่าดึก ๆ อย่าขึ้นไปนะ” พี่เต็นพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวไปทำธุระ คนที่ได้แต่สงสัยก็มีแต่ผมนี่แหละ เคยได้ยินไหมครับ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พอพี่เต็นออกจากหอผมก็เดินขึ้นบันไดไปยังสถานที่ปริศนาทันที ใจภาวนาว่ามันคงไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไรหรอกใช่ไหม นี่ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วด้วย แม้จะกลัวแต่อย่างน้อยทางเดินยังมีไฟส่องสว่าง … .. . “ไม่เห็นมีอะไรเลย” ผมยืนเกาหัวแกร๊ก ๆ เมื่อเดินขึ้นมายังชั้นเจ้าปัญหา มันเป็นระเบียงทางเดินปกติ ทุกอย่างคล้ายกับชั้น 3 ที่ผมอยู่ หากแต่ว่ามันจะมีห้องว่างห้องหนึ่งที่ติดกับห้องน้ำกลางหอ ชั้น 3 ถูกทำเป็นห้องอ่านหนังสือ แต่ชั้น 4 เป็นห้องเก็บของแทน ก็แค่นั้น แม้จะพิสูจน์มาแล้วแต่ก็ยังไม่หายสงสัย พอเดินกลับเข้าห้องก็เห็นไอ้รูมเมทกกตัวบนเตียงสภาพเดิม ใจอยากจะลองถามแต่แค่เห็นหน้ามันก็หมดอารมณ์คุยแล้ว “มีอะไร” “...” “นี่งอนจริงดิ แค่ล้อแค่นี้อะนะ” มันลุกพรวดขึ้นมานั่งอยู่ขอบเตียงฝั่งตรงข้ามจ้องหน้าผมจริงจัง “เปล่างอน ก็แค่ไม่ชอบหน้านายอะ” มันนิ่งอึ้งกับคำตอบผม นี่พูดแรงไปเปล่าวะ แต่พอเห็นหน้ามันแล้วคิดแบบนั้นจริง ๆ “ไม่ชอบหน้าแล้วชอบอย่างอื่นปะ” อยู่ ๆ มันก็แอ่นก้นดันสะโพกขึ้นจนเป้ากางเกงยกสูงเป็นนัยยะมุ่งมาทางผมแม้ว่าของด้านในจะไม่ได้แข็งตัวก้ตาม“ทะลึ่ง!!” พอผมว่ามัน ไอ้รูมเมทก็เลิกแกล้งนั่งยิ้มอยู่คนเดียว . “อูย ไม่น่าดื่มน้ำเยอะเลย” ผมค่อย ๆ ถดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ภายในห้องเต็มไปด้วยความมืด แต่ยังดีที่มีแสงสลัวลอดผ่านช่องลมทำให้มองเห็นอะไรรอบตัวนิดหน่อย พอหยัดตัวลุกขึ้นยืน ก็ขยับเท้าเดินไปที่ประตูห้องเนิบ ๆ เพราะกลัวจะส่งเสียงปลุกคนที่หลับปุ๋ยอยู่ แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่สนใจหรือมองข้ามไปเลย “อ่าส์ ค่อยโล่งหน่อย” เมื่อฉี่เสร็จผมก็เดินออกจากห้องส้วมมายืนล้างมือที่อ่าง พอเงยหน้าเห็นกระจกก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ “นี่มันเหมือนในหนังสยองขวัญเลย” จากที่หายใจปกติพอคิดถึงเรื่องสยองขวัญกลับสูดลมไม่เต็มปอดจนรู้สึกอึดอัด ผมรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับห้องนอนให้เร็วที่สุด แต่ทว่า… จังหวะที่เดินผ่านบันไดขึ้นไปยังชั้น 4 ผมรู้สึกบางอย่างเหมือนมีอะไรดลใจหันไปมองแว้บหนึ่ง กึก เท้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องตัวเอง มือเอื้อมจับลูกบิดประตูแต่กลับไม่ได้หมุนเปิดออก ราวกับว่ามีบางสิ่งค้างคาไม่สบายใจ หากเข้าห้องไปคงนอนไม่หลับถ้าไม่คลี่คลาย ในที่สุดผมตัดสินใจเดินถอยออกมาแล้วมุ่งไปที่บันได ขาขยับก้าวทีละขั้นจนมายืนอยู่ที่บนระเบียงทางเดินชั้น 4 ไฟตามทางปิดสนิททว่ามีแสงจากเสาไฟฟ้าส่องผ่านทั้ง 2 ข้างจากภายนอก ทุกอย่างเงียบสนิทเป็นปกติ เอ๊ะ ไม่สิ ห้องสุดท้ายตรงทางเดินไฟภายในยังคงสว่างอยู่ แถมมีแสงลอดผ่านมุมประตูแสดงว่าเจ้าของห้องปิดมันไม่สนิท ด้วยความสงสัยเลยเดินเข้าไปใกล้ทีละนิดด้วยใจที่สั่นระทึก เอาแล้วไอ้วินจะเจอเรื่องอะไรที่ไปเล่าต่อให้คนรุ่นหลังฟังแล้วเว้ย ‘ชะยาสะนากะตาพุทธา ฯลฯ’ ระหว่างเดินเข้าใกล้ห้องต้องสงสัยไปเรื่อย ๆ ผมก็พึมพำถึงบทสวดมนต์ที่เคยท่องพร้อมแปลในใจ หวังจะช่วยให้ไม่เจอกับเรื่องร้าย เดินเข้าไปเรื่อย ๆ หูเริ่มแว่วได้ยินเสียงบางอย่าง คงไม่ใช่ผีหรอกนะ และเสียงนั้นก็เริ่มชัดขึ้น ชัดขึ้น ชัดขึ้นเรื่อย ๆ “อ่าส์ อ่าส์ อ่าส์ ซี๊ดดด” อ๊ะ ทำไมถึง…ฟังไม่ผิดแน่ มันเป็นเสียงร้องครวญคราง ด้วยความอยากรู้เลยเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิดจนสายตากระจ่างชัดกับแสงที่ลอดผ่านรอยแยกประตูออกมา ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวนะ ทำไมในห้องถึงมี…ผู้ชายหลายคน ไม่สวมเสื้อผ้ากำลังยืนล้อมวง อ๊ะมีการเคลื่อนไหว ผู้ชาย 6-7 คนกะจากสายตายืนตัวสั่นส่งเสียงร้องซี๊ดซ๊าด นั่น นั่นมีคนอยู่ตรงกลาง อย่าบอกนะว่า “อืม แพล็บ แพล็บ แพล็บ แพล็บ” นั่นมันพี่เต็น!!! เสียงร้องครางยังคงดังลอดออกมาเป้นระยะ ผมแนบตาดูภาพภายในด้วยความตื่นเต้น เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน แบบนี้เขาเรียกหนังสดหรือเปล่า อย่าว่าแต่หนังสดเลย ไอ้นั่นของคนอื่นผมยังไม่เคยประสบกับตาของตัวเองมาก่อน เคยแต่ดูผ่านสื่อวิดีทัศน์หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ แต่นั่นก็นาน ๆ ครั้ง จะว่าเสียวก็เสียว จะว่าแปลกก็แปลก ทำไมพี่เต็นถึงทำแบบนี้ ใบหน้าของพี่เต็นที่ดูสดใสร่าเริงในยามที่พูดคุยกันใต้หอลอยขึ้นมา พี่เขาดูสุภาพและน่ารักมาก ๆ ไม่คิดว่าจะกล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนี้ สิ่งที่มันดึงดูดสายตาของผมไม่ใช่ใบหน้าสวยหวานนั่น แต่เป็นหุ่นและทรวดทรงองเอวของผู้ชายที่ยืนรายล้อม แต่ละคนแม้ไม่เห็นหน้าเพียงแค่หุ่นก็ทำเอาเคลิ้มไปแล้ว ใจบาปหวนนึกถึงใบหน้าพี่กัน ถ้าเกิดว่าพี่กันอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อหน้าผมล่ะ งือ ผมจะบ้าตาย ถ้ามันเกิดขึ้นจริงผมจะทำยังไง ไม่กล้าเลย แค่จินตนาการยังไม่สามารถมองหน้าพี่กันได้เลย แต่ว่าภาพที่ชวนมองนั้น มันทำเอาผมเกิดความรู้สึกบางอย่าง “อือ” มือที่มันอยู่นิ่งค่อย ๆ ขยับประกบเป้ากางเกง น นี่ผมทำบ้าอะไรเนี่ย หากมีใครเปิดประตูห้องออกมาคงมองว่าผมเป็นโรคจิตที่มายืนทำอนาจารเป็นแน่ แต่ทำไมล่ะ ทำไมถึง…ควบคุมตัวเองไม่ได้ หมับ! “อื้อ” ขณะกำลังสับสนวุ่นวายใจ มีมือที่ไหนไม่รู้มาคว้าแขนของผม ด้วยความตกใจเลยจะร้องตะโกนแต่ทว่ากลับถูกอีกมือหนึ่งปิดปากแน่น แถมแขนแกร่งทั้งสองข้างยังโอบรัดตัวจนดิ้นไม่หลุด “ชู่ววว อย่าส่งเสียง” เพียงแค่ได้ยินคำพูดที่ข้างกกหูก็จำน้ำเสียงของคนพูดได้ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นรูมเมทของผมเอง “เข้าใจนะ” มันถามย้ำ ผมเลยพยักหน้าให้เพื่อเป็นสัญญาณ หลังจากที่มันปล่อยมือออกจากปากผมแล้วก็ค่อย ๆ เดินถอยหลังพร้อมกับจับแขนให้เดินตามมันไปช้า ๆ จนสุดท้ายพวกเราทั้งคู่ก็กลับเข้ามาที่ห้องนอนของตัวเอง รูมเมทมันเดินไปเปิดไฟแล้วนั่งลงบนเตียง ตาจ้องสบตรงมาที่ผม สีหน้ามันนิ่งจนขนลุก แววตาและท่าท่างก็จริงจังจนอึดอัดไม่กล้าขยับตัวเลย “อ อะไร มองอะไร” “ชอบแบบนั้นหรอ” “บ้าหรอไง!” คนบ้าอะไรอยู่ ๆ มาถามกันแบบนี้ประสาท แต่นึกดูดี ๆ ถ้ามันเห็นผมลูบไล้ตัวเองอยู่ที่ระเบียงทางเดินดึก ๆ มันก็ไม่ผิดที่คิดแบบนั้น “ล แล้วนายอะ ไปทำอะไร” จริงสิ ทำไมมันถึงไปอยู่ที่นั่นได้ อย่าบอกนะว่า…. “นายจะไปร่วมวงหรอ” “หึ ไม่ใช่แนว” มันพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดียวย้ำชัดว่ามันพูดจริงไม่วอกแวก “ชักเองสนุกกว่า” “ฮะ!” เอ้ย กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว แต่แล้วมันก็หลุดอมยิ้มเมื่อเห็นว่าผมตกใจกับคำตอบ นี่มันพูดจริงหรือกำลังแกล้งอยู่ ดูไม่ออกเลย หลังจบเรื่องมันลุกไปปิดไฟ เราสองต่างแยกย้าย แต่ว่านะ ภาพที่เห็นยังติดตาอยู่เลยทำเอานอนไม่หลับ “เห็นว่าออกจากห้องไปนาน นึกว่าหลงทางเลยออกไปดู” อยู่ ๆ มันก็พูดขึ้นมาเฉย ๆ แม้ว่าห้องจะมืดแต่แสงสลัวทำให้รู้ว่ามันเองก็กำลังนอนตะแคงหันมาทางผม “แต่ใครจะคิด ว่าจะมีคนยืนคลำตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นคงนึกว่าเป็นโรคจิตโทรเรียกตำรวจมาแล้ว” ผมสะอึกเถียงไม่ออกเลย แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ามีเรื่องวิตถารเกิดขึ้นที่หอในแบบนี้ “มันไม่ผิดกฏหอหรอ” “ผิดยังไง” “ก็…” เว้นจังหวะแทนคำตอบ เหมือนมันเข้าใจ “ไม่ผิดหนิ กฏบอกว่าห้ามพาผู้หญิงหรือคนนอกเข้าหอ ในห้องนั้นก็มีแต่คนในทั้งนั้น” ก็ถูกของมัน แต่ทำไมคำตอบของรูมเมทมันดูเฉยเมยดีจัง ราวกับว่า… “เรื่องปกติ นี่มันหอในชาย เวลาคนต้องการก็หาที่ลงหาที่ปลดปล่อยเป็นเรื่องธรรมชาติ” ก็จริงตามที่มันพูด แต่ว่าแบบนั้นมันก็เกินไปหน่อยหรือเปล่า ตั้งหลายคนหลายอัน พี่เต็นคนเดียวรับไหวหรอ “หึหึ ยังซิงสินะ” “พ พูดอะไรน่ะ” “ยังอยากอยู่ป่าว ชักว่าวได้นะ กูไม่มองหรอก”“บ บ้า พูดอะไรน่ะ”ราวกับว่ามันรู้ แต่จะให้ทำแบบนี้ใครจะไปกล้าวะ…...นอนไม่หลับเลย ผมไม่ได้เอาออกตั้งหลายวัน แถมยังมาเจอเรื่องนี้อีก ภาพที่เห็นสะบัดออกจากหัวก็ไม่ได้ แถมยังมีใบหน้าพี่กันแทรกเข้ามาเป็นระยะอีก เอาวะ…หันไปมองที่เตียงของอีกคน ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ มันคงหลับไปแล้ว กางเกงนอนถูกล่นลงไปกองที่ข้อเท้าอย่างช้า ๆ ตามด้วยมือที่เข้าแทรกแทนที่ ริมฝีปากเม้มแน่นติดกันเพื่อกันเสียงเล็ดลอดออกไป ‘พี่กัน ผมขอโทษ แต่ว่าขอยืมหน้าพี่หน่อยนะครับ’“อืม” แป๊ก! “อ๊ะ!!” อยู่ ๆ ไฟในห้องก็ส่องสว่างขึ้น ด้วยสัญชาตญาณรีบคว้ากางเกงที่กองอยู่ดึงขึ้นมาสวม ไอ้รูมเมทตัวสูงยืนกอดอกหัวเราะหึหึมองมาที่ผม “อายทำไม ทำต่อดิ” น นี่มันพูดบ้าอะไร ให้ทำต่อ จะบ้าหรอ ผมดึงกางเกงขึ้นสวมแต่ระหว่างขบวนการกลับถูกขัดขวางจากอีกคน “อ๊ะ จะทำอะไร” มันเอามือมารั้งกางเกงไม่ให้ถึงที่หมาย ผมกับมันฉุดกระชากกางเกงกันอยู่สักพักจนกระทั่ง… “อ๊าาาส์” “อ่าว เสร็จแล้วหรอ” ผมนั่งหอบหลังจากปลดปล่อย โดยที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเสร็จในสภาพนี้ได้ แต่ที่สำคัญคือน้ำของผมกระเด็นไปถูกมือของรูมเมทตอนที่มันดึงรั้งกางเกงอยู่ “อืม ไม่คาวแหะ” ผมหันไปตวาดเมื่อเห็นมันยกมือตัวเองขึ้นแทบจะติดจมูก “นายทำอะไรน่ะ บ้าหรอ” เห็นมันยกมือขึ้นดมว่าอึ้งแล้ว แต่ไอ้รูมเมทกลับทำผมอึ้งคู๊สอง เมื่ออยู่ ๆ ก็ถอดกางเกงด้วยมือข้างเดียวแล้วใช้มือเลอะน้ำของผมจับเข้าไปที่แก่นกายของตัวเอง มันไม่จอบคำถามใด ๆ กลับไปนั่งอยู่ที่เตียงของตัวเองโดยหันหน้ามาทางผม แม้ว่าจะแปลกใจแต่ก็อดมองไม่ได้ คนตัวสูงนั่งช่วยตัวเองโชว์ผม ริมฝีปากเม้มขบกันเสียง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเขี่ยที่ยอดอกสลับลูบไล้ตามราวนม ส่วนมืออีกข้างยังคงจับกึ่งกลางลำตัวขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ภาพที่เห็นตอนนี้ช่างแปลกตา แต่เป็นสิ่งที่สวยงามน่าดู มัดกล้ามตามลำตัวมีสัดส่วนที่พอเหมาะไม่ใหญ่เกินไป หุ่นและเอวลีนกำลังดี ผิวสีแทนมีเหงื่อไคลเคลือบสะท้อนกับแสงไฟกลางห้องดูเจิดจรัส หล่อจัง ทำไมมันถึงหล่อจัง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ดูว่ามันมีเสน่ห์ชวนมอง อยากที่จะหยุดละสายตาแต่ก็ทำไม่ได้ ทำไมกัน ทำไมถึงมองมันไม่หยุดเลย อึก อะไรกันเนี่ย แค่มองมันช่วยตัวเองทำไมผมถึงมีอารมณ์ แม้จะเสร็จไปแล้วแต่ตอนนี้กลับผงกหัวชูคอขึ้นอีกครั้ง “อยากหรอ?” มันไม่พูดเปล่าลุกจากเตียงเดินมาหาผม จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะหลักฐานประจักษ์ “อ๊ะ น นายจะทำอะไรน่ะ” รูมเมทมันดันตัวผมถอยชิดริมเตียงอีกฝั่งแล้วก้าวขึ้นมานั่งประกบ แม้อยากจะปฏิเสธและไล่มันลงไปแต่ปากกลับพูดไม่มีเสียงออก “ดิน” “ฮะ” “กูชื่อดิน” มันใช่เวลามาแนะนำตัวไหมเนี่ย อยู่มาทั้งวัน “อ๊ะ” อะไรวะเนี่ย จะพูดอะไรก็พูดไม่ออกมีแต่เสียงร้องที่เล็ดลอดไป จะไม่ให้ตกใจได้ไง ก็ไอ้ดินมันเอาดุ้นของมันมาทาบกับของผม ความรู้สึกเสียวแปลก ๆ ในตอนที่มันชนกันราวกับว่ามีไฟฟ้าสถิต ทุกอย่างมันเหลือจะเชื่อ แต่ดินมันไม่ได้สนใจผมเลย เอาแต่จับของเราสองคนชิดกันแล้วขยับมือแตะ “ชอบหรอ กระดกใหญ่เลย” -///- มันพูดบ้าอะไรของมันเนี่ย ในตอนนี้มันประจันหน้าผม เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ข้างแก้มแววตาของดินดูมีความสุขสุด ๆ เราห่างกันเพียงคืบ เนื้อตัวมันแดงเป็นรอยหลายจุด หน้าอกหนายิ่งมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง เม็ดหัวนมเล็กสีคล้ำดูโดดเด่นพิลึก พอมองหน้ามันไอ้ดินที่รู้จักราวกับคนละคน ผิดกับไอ้รูมเมทหน้าบึ้งตึงขี้แกล้งคนก่อน “อ๊ะ อยะ อย่าพึ่ง เสียว” “ดูสิ เต้นตุบ ๆ เลย” ผมละสายตาจากหัวนมสีเข้มไล่ลงมายังขนอุยใต้สะดือแล้วมองต่ำลงไปยังส่วนที่ไม่อยากจะมอง ไม่สิอยากมองแต่ไม่กล้ามองมากว่า แก่นกายของเราประสานกันเห็นถึงความแตกต่าง สีของมันเข้มส่วนหัวถอก ส่วนของผมสีสว่างกว่า ก็อย่างที่บอกว่าไม่ค่อยได้ทำเลยไม่คล้ำเท่า “ลองจับดูสิ” “อะไรนะ” มันยิ้มพร้อมกับดึงมือผมเลื่อนลงต่ำ หัวใจสูบฉีดเลือดเร็วเพราะความตื่นเต้น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ทำอะไรแบบนี้ ถ้าถามว่าอยากทำไหมก็อยาก แต่ไม่กล้าที่จะได้ลองทำ และนี่คือโอกาสแล้ว “จะ จะดีหรอ” ตอนนี้เราต่างคนต่างอยาก แต่หากเสร็จสมอารมณ์แล้วจะมองหน้ากันติดไหมนั่นคือเรื่องที่กังวล “อืม” ดินพยักหน้าย้ำ ประคองมือผมจับเข้าไปที่แก่นกายของเราสอง โดยที่มือของดินก็โอบมือผมอีกที “อื้อ เสียว อ๊ะ อ๊ะ” แม้ว่าจะเสร็จไปก่อนแล้ว แต่เพราะความเสียวที่แปลกใหม่ทำให้อารมณ์พุ่งถึงขีดสุดในเวลาอันรวดเร็ว “อ๊าาาส์” น้ำคาวข้นขาวพุ่งกระฉูดออกจากรูแยกเล็กตรงไปยังหัวหน่าวของดินหลายระลอก บางครั้งกระเด็นใส่ลงบนเอ็นแข็งที่ประสานกันอยู่ “โอ๊ยเสียวไม่ไหวเหมือนกัน โอ้ว อู้ว อ๊า แตก แตกแล้ว” ปรี๊ดดด ดินเองก็ทนไม่ไหวปลดปล่อยน้ำกามกระฉูดใส่ตัวผมจำนานมหาศาลก่อนจะนั่งหอบแฮก ๆ อยู่ที่ข้างตัวผมคืนแรกของการอยู่หอในของผมผ่านพ้นไปด้วยดี…มั๊ง คิดว่าแปลกที่แปลกทางจนนอนไม่หลับ แต่กลับสลบเหมือดจนแสงอาทิตย์แยงตา พอลืมตาถึงรู้ได้ว่าไม่คุ้นชินกับสถานที่ แต่ว่าไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอะไรเพราะยังมีอีกคนที่ร่วมชะตากรรม ดินมันนอนหลับปุ๋ยขดตัวซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา มีเพียงหัวที่โผล่พ้นออกมา ดูน่ารักพิลึกผิดกับตอนตื่นที่กวนบาทา นี่ถ้ามันตื่นมาจะมองหน้ามันติดไหมเนี่ย ก็เมื่อวานเราสองคน…แต่ไม่หรอกมั๊ง คงเป็นเรื่องปกติของเด็กหอที่มันก็ต้องมีบ้างหรือเปล่านะ? วันนี้ผมคิดเอาไว้ว่าจะตามหาพี่กันเพื่อทวงสัญญา แต่ก่อนอื่นต้องอาบน้ำก่อน เพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนเพียงแค่เช็ดทำความสะอาดเท่านั้นไม่ได้พากันไปล้างตัว ขณะที่กำลังเก็บที่นอน ไอ้คนขี้เซาก็ละเมอพลิกตัว ก่อนจะอ้าปากหาวกว้าง “อื้อ” ไอ้ดินยืดตัวบิดขี้เกียจพร้อมเคี้ยวน้ำลายแจ๊บ ๆ ก่อนจะลืมตามองมาที่ผม “โทษที ทำให้ตื่นหรือเปล่า” ผมรู้สึกผิดที่ไปทำให้มันตื่น“เปล่า ๆ เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” น้ำเสียงและบทพูดของมันไร้ซึ่งนัยแฝงเจือปน เป็นแค่ประโยคถามตอบธรรมดาเล่นเอาผมถึงกับงุนงงในท่าที “อืม” ผมเลือกตอบเพราะถ้าคุยกันดี ๆ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร “นั่นจะทำอะไรน่ะ” อยู่ ๆ มันก็ขมวดคิ้วพร้อมกับลุกขึ้นจากที่นอนมองผมด้วยความสงสัย ก็ไม่รู้ว่ามันงงอะไรเหมือนกัน ผมแค่เตรียมจะไปอาบน้ำ “จะไปอาบน้ำ” “แล้วมึงถอดเสื้อทำไม” “ฮะ” อะไรของมันวะ “เมื่อวานมึงจะอาบไม่เห็นถอดชุดไปเลย” อ๋อที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง ไหน ๆ ผมต้องอยู่หอในที่มีเรื่องพิศดารมากมายคงต้องมีการปรับเปลี่ยนความเคยชินหน่อย “ปรับตัวไง” “ไม่ต้องปรับหรอก ใส่เหมือนเดิมไปเหอะ” อะไรของมันวะ งง? ผมขี้เกียจเถียงเลยทำตามเดิม จะว่าไปก็สบายใจขึ้นมาหน่อยเพราะยังไม่ชินกับการถอดเสื้อผ้าในหอเหมือนคนอื่น ๆ พออาบน้ำเสร็จ ร่างกายผมก็เฟรชพร้อมที่จะตะลอนกับการตามหาพี่กันแล้ว “เอ๊ะ” รู้สึกแปลกใจจนต้องอุทาน ไอ้ดินมันอยู่บนเตียงแต่ดูเหมือน…มีอะไรแปลกไป อ๊ะใช่ มันใส่บ๊อกเซอร์ตัวใหม่ แถมยังมีกลิ่นสบู่จาง ๆ บนร่างกาย “อะไร?” มันเองก็สงสัยที่ผมจ้องมองอย่างประหลาดใจ จนเป็นมันเองที่ก้มมองสำรวจร่างกายของตนว่ามีอะไรผิดปกติ แต่มันก็หาไม่เจอจนเงยหน้ามองผมอีกครั้ง “อาบน้ำมาหรอ?” “ก็ใช่อะดิ ทำไม” “เปล่า ก็แค่…” ทำไมมันอาบเสร็จเร็วจัง ขนาดผมไปก่อนนะเนี่ย “ใครจะไปอาบช้าเหมือนมึงล่ะ กูจับเวลาไว้นะตั้งเกือบสิบนาที” มันตอบราวกับอ่านใจได้ อาบน้ำ 10 นาทีมันเป็นเรื่องปกติปะวะ คนอาบเร็วอะแหละผิดปกติไหนจะโฟมล้างหน้า ไหนจะล้างหัวก่อนสระผม ไหนจะครีมอาบน้ำ โลชั่นหลังอาบน้ำ หลังจากแต่งตัวเสร็จ ผมเตรียมจะออกจากห้อง พอนึกได้ว่าพี่เต็นเคยบอกว่าพี่กันเป็นนักกิจกรรม แต่วันนี้วันหยุดพี่แกคงพักบ้างแหละ จะว่าไปพอพูดถึงพี่เต็น ภาพนั้นยังตราตรึงอยู่เลยอะ “จะไปไหน?” “ไปธุระ” พอไอ้ดินได้คำตอบก็พยักหน้าเอือม ๆ แกร๊ก “ธุระไหน” ผมเปิดประตูยังไม่ทันย้ายร่างออกไปรูมเมทก็ถามต่อออกมาอีก “ธุระส่วนตัว -*- ” สีหน้าไอ้ดินเหมือนกำลังคิดบางอย่าง นี่ถ้าผมเดินออกจากห้องมันก็คงตะโกนถามตามหลังแน่ สุดท้ายตัดสินใจปิดประตูแล้วเดินไปนั่งบนเตียงคุยกับมัน “รู้ป่าวว่าพี่กันอยู่ไหน” “ถามทำไม” “ก็นี่แหละธุระเรา” “?” “พี่กันเคยบอกว่าจะพาเราทัวร์หอ เลยจะไปทวงสัญญา” ดินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้ามันนิ่งเรียบเมินเฉย แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในแววตานั้น “ไม่น่าจะว่างมั๊ง ใกล้เปิดเทอมคงเตรียมงานอยู่คณะ” เอาไงดี อยากเจอพี่กันนะ ถ้าไปแบบนี้คงกวนพี่เขา แต่เอาเข้าจริงพี่กันจะจำผมไดเ้หรือเปล่า ที่พูดตอนนั้นพี่เขาอาจจะพูดไปเรื่อยก็ได้ “ไม่ต้องหงอ เดี๋ยวกูพาทัวร์เอง” “ห๊ะ ดินอะนะ” ผีอะไรเข้าสิงถึงได้เสนอตัวแบบนี้ ผมชักรู้สึกไม่ชินกับดินคนนี้เลยแหะ คนตัวสูงลุกขึ้นเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาชุดเล่นขึ้นมาสวม มันพาผมเดินตระเวนทั่วหอทำให้รู้ว่านอกจากห้องพักของนักศึกษา ยังมีห้องพักอาจารย์ประจำหอ ห้องพระ ห้องเอกสารอีก ส่วนด้านล่างที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เครื่องอบแห้ง ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน มินิมาร์ท ร้านคอม ลานกว้างด้านหน้าหอก็เป็นลานกีฬา มีโต๊ะและศาลาไม้ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ พอถึงเที่ยง มันก็พาผมไปที่ศูนย์อาหารหลังมอ ห่างจากหอพักไม่ไกล แถมยังพาเดินดูของทั่วไปหมดจนผมรู้สึกแปลกใจ ดูดูแล้วดินมันก็เป็นคนที่ดีคนนึงเลย แสดงว่าที่กวน ๆ มันคงแกล้งเฉย ๆ “กินเหล้าเป็นปะ” “ฮะ เหล้าหรอ ไม่เคยอะ ได้ยินว่ามันขม เราไม่ชอบกินอะไรขมขม” คำตอบของผมทำไอ้ดินสตั้น หน้าของมันมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ผมเลยถือวิสาสะเอามือไปทาบที่หน้าผากของมัน “ก็ไม่ร้อนหนิแต่ทำไมหน้าแดง จะป่วยปะเนี่ย” “อะไรของมึง โว๊ะ” มันปัดมือผมออกแล้วสะบัดตูดเดินนำลิ่วกลับไปที่หอ เมื่อกลับมาถึงหอพักที่เงียบสงบก็รู้สึกแปลก ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงกากตำราอ่านหนังสือไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับคิดถึงภาพกิจกรรมที่อาจมีแทน แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะปีนี้เป็นปีแรกที่ทางมหาวิทยาลัยยกเลิกกิจกรรมทั้งหมด หลังฟ้ามืดไอ้ดินมันพาผมนั่งรถมอไซต์ของมันมายังร้านข้าวแห่งนึงหลังมอ มันเหมือนเป็นร้าอาหารกึ่งบาร์มากกว่า ผมกับดินเลือกสั่งเมนูง่าย ๆ เป็นสเต๊กกับน้ำอัดลม ส่วนเครื่องดื่มของมันเป็นเบียร์ พออาหารและเครื่องดื่มมาส่งเราก็กินไปคุยกันไป แต่เหมือนดินมันเริ่มมีอาการมึนเมาเล็กน้อย “มึงชอบพี่กันหรอ!”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
{:5_142:} ขอบคุณครับ ดินชอบก่อนแน่นอนนนน มาต่อเร็วๆนะครับกดติดตามไว้แล้ว เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆ สนุกดี ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รอติดตามนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รูมเมทใจดีจัง ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รอมาต่อครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่า ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2