ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 31
Chapter 31ของเล่นมาเฟีย
ปลายนิ้วของราฟาเอโร่เคลื่อนไหวอย่างจงใจ สัมผัสทุกจุดที่ไวต่อความรู้สึกราวกับรู้จักร่างกายนี้ดีกว่าเจ้าของมันเอง เจบีขบกรามแน่น หายใจรัวติดขัด ร่างกายบิดเร้าใต้ร่างของอีกฝ่ายเหมือนจะหลีกหนี
“ไม่เอา…” เจบีพึมพำ เสียงแผ่วจนเกือบไม่หลุดออกจากลำคอ แต่ราฟาเอโร่แค่ยิ้มช้า ๆ มุมปากกระตุกน้อย ๆ อย่างเยาะเย้ย
“เลิกทำเป็นไร้เดียงสาได้แล้ว”
เสียงนั้นเบา ลึก และเยือกเย็นในแบบที่ทำให้ร่างกายร้อนขึ้นอีกระดับ
“หรือที่ผ่านมานายไม่เคยเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อเอาใจใครเลยล่ะ?”
เจบีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมืออีกข้างถูกตรึงแน่นโดยเรนที่ขยับมานั่งคร่อมช่วงขาไว้โดยไม่มีคำพูดใด เสี่ยวไป๋ประคองท้ายทอยเขาอย่างแผ่วเบา ในขณะที่แคสเปอร์ยังคงยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล ดวงตาคมกริบของเขาสะท้อนอะไรบางอย่างที่เจบีไม่อาจเข้าใจได้...หรือไม่อยากเข้าใจเลยด้วยซ้ำ
เสียงเสื้อผ้าถูกปลดดังแผ่วในอากาศ แผ่นอกของเจบีสัมผัสกับอากาศเย็นจากผนังห้องและความร้อนจากฝ่ามือของราฟาเอโร่ที่ทาบลงอย่างถือสิทธิ์ เขาเหมือนของเล่นในมือของคนทั้งสี่คนนี้…แต่กลับไม่มีแม้แต่แรงจะปฏิเสธ
ริมฝีปากของราฟาเอโร่กดลงบนซอกคอ ไล้ต่ำลงมาพร้อมกับลิ้นร้อนที่ตวัดข้ามผิวอย่างไม่รีบร้อน ทุกสัมผัสเหมือนตีตรา
“นายจะไม่มีทางได้กลับไปเหมือนเดิมอีก”
ราฟาเอโร่กระซิบ เสียงแหบพร่าด้วยความเร่าร้อนที่ไม่ปิดบังอีกต่อไป “เพราะเราจะทำให้นายจำไว้ทุกครั้งที่หายใจว่า นายเป็นของใคร”
เรนกดจูบลงบนปลายไหล่ด้านหนึ่ง เสี่ยวไป๋ไล้ปลายนิ้วลงมาตามแนวกระดูกสะบักราวกับกำลังวาดร่างของเจบีด้วยสัมผัสที่คมชัด
แล้วในชั่วขณะต่อมา…ราฟาเอโร่ก็สอดแทรกตัวเข้ามา
ไม่อ่อนโยน ไม่รีรอ
มันรุนแรงจนเจบีผวา แขนสั่นเกร็ง น้ำตารื้นขึ้นขอบตาไม่ใช่เพราะความเจ็บเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเขารู้ตัวดี…ว่าร่างกายของเขาตอบรับมันมากแค่ไหน
“…อึก—!”
เสียงครางหลุดจากริมฝีปากเจบีไม่อาจกลั้นไว้ได้อีก เขากัดปากจนช้ำเพื่อต้าน แต่ทุกแรงกระแทกของราฟาเอโร่กลับกระตุ้นความรู้สึกจากภายในที่รุนแรงขึ้นทุกวินาที
“ดี…แบบนั้นแหละ”
ราฟาเอโร่ครางต่ำ กดจูบลงบนขมับของเจบีอย่างเสียดเย้า ก่อนจะกระแทกซ้ำในจังหวะที่หนักแน่นและจงใจ
เรนก้มลงกระซิบที่ริมใบหูเขา “อย่าฝืนเลย...นายก็รู้ว่ามันทำให้นายรู้สึกดี”
เจบีหลับตาแน่น ภายในปั่นป่วนระหว่างความอับอาย ความร้อน และความกลัวที่ถูกปลุกให้กลายเป็นแรงปรารถนา
แฮ่ก... ฮึก... แฮ่ก
เสียงหอบหนักของเจบีกระทบกำแพงห้องโลหะ เงาสะท้อนบนผิวเหล็กเย็นเยียบเผยให้เห็นภาพร่างกายของเขาที่สั่นระริก ถูกกดทับโดยราฟาเอโร่ซึ่งยังคงขยับสะโพกในจังหวะที่ไม่เปิดโอกาสให้ได้ตั้งหลักเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ทุกการสอดแทรกหนักหน่วงราวกับลงทัณฑ์ แรงกระแทกที่ไม่ปรานี และน้ำเสียงที่เย็นชาจนไร้เยื่อใย ทำให้เจบีรู้แน่ชัดว่า...เขาไม่มีค่าอะไรเลยในที่แห่งนี้ ความรู้สึกของการถูกฉีกทึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นแบบนี้นี่เอง เจ็บเกินกว่าจะร้องไห้ และลึกเกินกว่าจะหลอกตัวเองอีกต่อไป
เสี่ยวไป๋นั่งลงข้างตัวเขาอีกด้าน หน้าของเขาแนบชิดข้างแก้มเจบี ลมหายใจเย็นเยียบเป่ารินอยู่เหนือผิวร้อนผ่าว
มือข้างหนึ่งของเสี่ยวไป๋ลูบแผ่วผ่านแนวกรามที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตา ก่อนจะพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก
“อย่าร้องสิ ถ้านายมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์…”
แล้วปลายนิ้วนั้นก็เลื่อนไปกดลงที่ริมฝีปากเขา
“ก็พิสูจน์ให้เราเห็น ด้วยร่างกายนาย”
แคสเปอร์ค่อย ๆ ก้าวออกจากมุมมืดอย่างเงียบเชียบ เสี้ยวหน้าภายใต้เงาไม่มีความรู้สึกใดสะท้อนออกมา เขานั่งลงที่ปลายเตียงโดยไม่เปลืองแม้แต่คำพูด ดวงตานั้นนิ่งสนิท แต่กลับกดทับเสียจนเจบีรู้สึกเหมือนถูกแกะรื้อช้า ๆ อย่างตั้งใจ เหมือนเขาแค่อยากรู้...ว่าของเล่นชิ้นนี้จะพังตรงจุดไหนก่อนกัน
และทันใดนั้น
ราฟาเอโร่ถอนตัวออกช้า ๆ ในขณะที่เจบีร้องในลำคออย่างควบคุมไม่อยู่ ทั้งจากความว่างเปล่าที่ถาโถม และความอับอายที่กำลังกัดกินหัวใจ
แต่เขาไม่ทันได้หายใจเต็มปอด มือแข็งแรงของแคสเปอร์ก็จับขาของเขาแยกออกกว้างกว่าเดิม โดยมีเสี่ยวไป๋ช่วยตรึงข้อเท้าไว้กับขอบเตียง
"พวกคุณ..." เจบีเปล่งเสียงแผ่ว "หยุดเถอะ..."
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ และสายตาที่มืดดำยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ
“เจ็บเหรอ?” เรนถาม พลางใช้นิ้วโป้งลูบใต้ตาของเขาเบา ๆ “แต่มันก็ยังไม่เจ็บเท่าตอนที่ความเชื่อใจพังลงหรอก…เพราะงั้น ก็ต้องชดใช้ในแบบของเรา"
เจบีหอบหายใจ ใจเต้นเหมือนจะระเบิดออกจากอก แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ หัวใจของเขาไม่ได้ต่อต้านทั้งหมด
บางส่วนในอกกลับเต้นแรง เพราะแรงสัมผัสนั้น
แรงที่ทั้งเหี้ยมโหดและอ่อนโยนสลับกันจนไม่อาจแยกออก
ราฟาเอโร่เชยคางของเขาขึ้นมาอีกครั้ง บังคับให้สบตา แล้วเอ่ยเสียงชัด
“ต่อให้หนีไปไกลแค่ไหน…นายก็หนีจากสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ไม่ได้หรอก มันจะอยู่กับนายไปตลอด”
ริมฝีปากของราฟาเอโร่บดลึกลงมาแนบแน่น จูบที่เต็มไปด้วยการครอบครองและการลงโทษทำให้เจบีแทบไม่สามารถหายใจได้ แต่แทนที่จะต่อต้าน…ร่างกายกลับยอมจำนน ยิ่งลิ้นของอีกฝ่ายสอดเข้ามา กวาดกวัดในโพรงปากด้วยจังหวะที่ควบคุมไว้ทุกระยะ สติของเขาก็ถูกกลืนหายลงไปเรื่อย ๆ
เสียงครางเบาหวิวหลุดจากลำคออย่างควบคุมไม่ได้ ร่างกายเปลือยเปล่าที่ถูกตรึงไว้ใต้ร่างของชายทั้งสี่เหมือนไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป
ราฟาเอโร่ถอนจูบออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะจับใบหน้าของเจบีไว้ทั้งสองข้าง และเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วต่ำแต่เฉียบขาด
“มองฉันไว้…ไม่ว่านายจะรู้สึกยังไงก็ตาม”
เขาขยับสะโพกเข้ามาอีกครั้ง สอดแทรกตัวเข้าไปในจังหวะที่เจบีไม่ทันตั้งตัว ท่อนแขนที่ตรึงข้อมือทั้งสองข้างแน่นยังคงอยู่ ท่ามกลางแรงกระแทกที่เริ่มหนักขึ้น หนักขึ้น…จนเตียงเหล็กส่งเสียงครางตามแรงสั่น
เสี่ยวไป๋โน้มตัวลงมาข้างลำคอของเจบี กระซิบเสียงพร่า
“นายไม่เคยรู้เลยใช่ไหม...ว่าทำให้พวกเราคลั่งได้มากแค่ไหน”
ปลายนิ้วของเขาลูบผ่านหน้าอกที่เต็มไปด้วยรอยแดง รอยกัด รอยลิ้น ทุกจุดคือหลักฐานของการลงโทษ…และความต้องการ
เรนใช้มือไล้ผ่านต้นขาด้านในของเจบีช้า ๆ จงใจหยอกล้อและปลุกเร้าส่วนลึกของเขาในขณะที่ราฟาเอโร่ยังคงกระแทกตัวเข้ามาด้วยจังหวะหนักแน่น จนทุกแรงหายใจของเจบีถูกกลืนในเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
แคสเปอร์ขยับเข้ามา จับใบหน้าของเจบีให้หันมาหาเขาโดยตรง ริมฝีปากของแคสเปอร์กดลงมาแนบสนิทกับริมฝีปากเจบีในทันที
จูบที่ทั้งบังคับ ทั้งอ่อนแรง ทั้งโกรธและทั้งโหยหา
เจบีแทบลืมว่าตัวเองกำลังร้องไห้
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ร่างกายถูกผลักดันไปจนเกินขีดจำกัด ความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอันคลุมเครือ และเมื่อราฟาเอโร่กระแทกเข้ามาครั้งสุดท้ายลึกที่สุด แรงที่สุด
“แฮ่ก... เจบี”
เสียงหอบของเขาดังขึ้นข้างหู ร่างหนาแนบแน่นกับแผ่นหลังของเขา ก่อนที่สายน้ำอุ่นจะปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายอย่างรุนแรง
เจบีสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นอย่างแรง ดวงตาสั่นไหวไร้จุดโฟกัส
“อย่าหลับนะ”
เสียงของราฟาเอโร่ดังแผ่วข้างใบหู “นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น”
มือของแคสเปอร์ยังลูบเส้นผมเปียกชื้นของเจบีอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามไรผมที่เปียกแนบหน้าผาก ปลายนิ้วของเขาเย็นแต่มั่นคง ลูบซ้ำในจังหวะเดิมเหมือนพยายามปลอบโยนบางอย่าง...ที่ตัวเองเป็นคนทำให้พัง
เสี่ยวไป๋ยังคงก้มหน้าอยู่ต่ำกว่าเอว ปลายจมูกชิดผิวเนื้ออุ่นจัดของเจบี ลมหายใจของเขารินรดลงในจังหวะหนักเบาที่ไม่มีทางควบคุม ไม่ต่างจากปลายนิ้วที่เลื่อนขึ้นกดลงกับต้นขาด้านในอีกข้าง ฝ่ามือแบนราบจงใจประคองเขาไว้แบบที่ไม่ปล่อยให้มีทางหนี
ขณะที่เรนยังไม่ละมือจากต้นขาอีกข้าง ปลายนิ้วของเขาวนอยู่กับจุดอ่อนไหวของเส้นประสาท ไล้ขึ้นช้า ๆ อย่างจงใจ สัมผัสของเขาทั้งร้อน ทั้งเย้า และทั้งเร่งเร้าเกินกว่าจะเพิกเฉย
เจบีสั่นสะท้านทั้งร่าง เสียงหอบแผ่ว ๆ ผสานเข้ากับแรงสะอื้นที่กลืนไม่ลง
แฮ่ก… แฮ่ก…
ลมหายใจแต่ละจังหวะติดขัด ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายหรือเพราะหัวใจ
เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่มีแรงแม้แต่จะคราง
ดวงตาเขาปรือปรอย เหม่อลอยเกินจะมองใครได้ตรง ๆ
หยาดเลือดค่อย ๆ ซึมออกจากช่องทางด้านหลัง ความแสบแล่นวาบทุกครั้งที่แรงเสียดสียังคงกระแทกเข้ามาอย่างไร้ความปรานี ร่างกายของเขาไม่เคยเผชิญกับอะไรแบบนี้มาก่อน…เพราะฮันแจคอยปกป้องเขาจากคิมบอมมาตลอด ไม่เคยยอมให้เขาต้องกลายเป็นเพียงเครื่องมือรองรับอารมณ์ของใคร
แต่ในวินาทีนี้ ทุกอย่างกลับพังทลายลง โลกที่เขาเฝ้าหวังมาตลอดกลับไม่มีอยู่จริง ไม่มีอีกแล้วร่องรอยของความอ่อนโยน หรือแววตาที่เคยทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีความหมาย และใครสักคนที่เขาคิดว่าจะพึ่งพาได้...มันไม่มีอยู่จริงอีกต่อไป และเขาก็รู้ตัวดีว่า ได้สูญเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว
น้ำตาของเขาไหลออกมาเงียบ ๆ ก่อนที่สติจะพร่าเลือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทุกครั้งที่กำลังจะหลุดไปก็ถูกปลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยแรงบีบ แรงตบ ที่ทิ้งรอยแดงระเรื่อกระจายไปทั่วผิวขาว ทุกร่องรอยเจ็บไม่ได้ฝากไว้แค่บนเนื้อหนัง แต่มันฝังลึกลงถึงข้างใน ลึกจนหายใจแทบไม่ออก
เขาพยายามประคองสติไว้เต็มแรง แต่ร่างกายก็เลยขีดจำกัดที่พอจะทนได้ไปนานแล้ว เสียงในหัวเริ่มเงียบลง เหลือเพียงความรู้สึกว่างเปล่าที่ค่อย ๆ กัดกินจากด้านใน
ถ้านี่คือการชดใช้...เขาก็จะยอมชดใช้ให้ถึงที่สุด
ให้ทุกอย่างที่เป็น “เขา” ค่อย ๆ ลบเลือนไป
จนสุดท้าย...ไม่เหลือตัวตนอะไรให้พวกเขาทำร้ายได้อีกเลย
ในหัวของเขาตอนนี้ เหลือเพียงความมืดมิดอ้างว้างลำพัง กับก้อนหัวใจที่แตกละเอียดเกินจะประคอง เหมือนมันไม่มีวันกลับมาประกอบเป็นชิ้นเดิมได้อีกแล้ว เจบีปล่อยให้ร่างกายของตัวเองถูกกระทำไปตามแรงต้องการของอีกฝ่ายอย่างไร้เสียง ไม่ขัดขืน ไม่ตอบสนอง และไม่แม้แต่จะเหลือแรงจะดิ้นหนี
เขายอมรับทุกสัมผัสโดยไม่หลบเลี่ยง ร่างกายยังคงหายใจ แต่แววตากลับว่างเปล่าถึงที่สุด...ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของชีวิตหลงเหลืออยู่ข้างใน
หรือทั้งหมดนี้…คือราคาที่เขาเต็มใจจ่ายตั้งแต่แรกแล้วกันแน่?
…
ห้องทั้งห้องเงียบสนิทจนได้ยินเสียงหายใจของแต่ละคน แสงไฟเหนือศีรษะขับให้เห็นร่างของเจบีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงกลางห้อง ดวงตาปิดสนิท ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแดง ช้ำ บางจุดเริ่มขึ้นสีเข้มจนน่ารำคาญ
“หมดสติไปแล้ว?” เรนเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน เสียงต่ำติดหงุดหงิด ดวงตาเรียวหรี่มองร่างไร้สติอย่างไม่แน่ใจนักว่าความรู้สึกในอกคือความรำคาญ หรือแค่ไม่พอใจที่บางอย่างจบลงโดยไม่ผ่านความเห็นของเขา
“เขาเริ่มหายใจช้าลงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว” แคสเปอร์ตอบเสียงเรียบ ดวงตาคมไม่หลบสายตาจากเตียงแม้แต่วินาทีเดียว เขายืนกอดอก สายตาเย็นเฉียบเหมือนกำลังประเมินสินค้าที่ใกล้หมดอายุ มากกว่ามองใครคนหนึ่งที่กำลังจมดิ่ง
“ก็แค่หมดแรง” ราฟาเอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดินวนอยู่ข้างเตียงอย่างหัวเสีย ความเงียบในห้องทำให้เสียงฝีเท้าของเขายิ่งขับอารมณ์ไม่พอใจให้ชัดขึ้น
เสี่ยวไป๋ยืนนิ่งอยู่ตรงผนัง ไม่เอ่ยอะไรเลย แต่สายตาเฉียบคมกว่าทุกคน สังเกตแม้แต่รอยสะดุ้งเล็กน้อยของกล้ามเนื้อใต้ผิวเนื้อซีด
“ฉันเกลียดเวลาคนหมดสติกลางคัน มันน่าเบื่อ” เรนพ่นลมหายใจแรง เบนสายตาไปทางอื่นอย่างรำคาญ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างชัดเจน
“แล้วจะเอายังไง” เสี่ยวไป๋ถามขึ้นเรียบ ๆ น้ำเสียงนิ่งสนิท ไม่มีวี่แววของความห่วงใย แต่ก็ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้สึกอะไร...แค่เลือกจะไม่พูดมันออกมา
“ปล่อยไว้ก่อน รอให้ตื่น แล้วค่อยคิดว่าจะจัดการยังไงต่อ” แคสเปอร์เป็นฝ่ายตอบแทน ท่าทีไม่เปลี่ยน น้ำเสียงของเขายังมั่นคงราวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือปัญหาเล็กน้อยที่แค่ยังไม่ถึงเวลาจัดการ
ทุกคนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง แต่ไม่มีใครเดินเข้าไปใกล้ร่างที่หมดสติบนเตียงอีก ราวกับตอนนี้เขาเป็นแค่ของชิ้นหนึ่งที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องแตะ จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องใช้
…
บรรยากาศในห้องเงียบงันเกินไป ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยเสียงหอบ เสียงคราง และแรงกระแทกที่ไม่มีใครยั้งมือ
เจบีนอนนิ่งอยู่บนเตียงกลางห้อง เขารู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แล่นขึ้นจากด้านใน ราวกับมีเปลวไฟเงียบ ๆ ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังทุกส่วน อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างไม่ปกติ แต่กลับหนาวสะท้านในกระดูก ความปวดแสบปวดร้อนจากบาดแผลตามตัวเริ่มขยายวง รอยช้ำที่กระจายไปทั่วกล้ามเนื้อเปลี่ยนเป็นความตึงเครียดที่บีบลมหายใจให้ตื้นลงทุกที
แม้จะพยายามขยับมือหรือพลิกตัว แต่ก็ทำได้เพียงเล็กน้อย กล้ามเนื้อเหมือนไม่ตอบสนอง เสียงหอบแผ่วหลุดจากริมฝีปากอย่างไม่ตั้งใจ ลมหายใจอุ่นจัดติดปลายจมูก ราวกับร่างกายกำลังร้องขอความช่วยเหลือที่ไม่มีใครตอบกลับ
เจบีหลับตาลงอีกครั้ง แต่ไม่ได้หลับอย่างแท้จริง สมองยังคงทำงานช้า ๆ หน่วง ๆ เหมือนจมอยู่ในน้ำลึกที่เต็มไปด้วยเสียงสะท้อนของสิ่งที่ไม่อยากจำ ภาพเลือนรางย้อนกลับมาเรื่อย ๆ ทั้งแววตา คำพูด แรงกดทับ และความรู้สึกที่เหมือนตัวเองถูกกลืนหายไปจากโลกทั้งใบ
ทุกลมหายใจคือความเจ็บปวด และทุกวินาทีคือคำถามเงียบ ๆ ว่า...เขายังจะต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับอะไรอีก
เสียงบางอย่างเริ่มแทรกเข้ามาในหู คล้ายเสียงน้ำหยด เสียงลมหายใจ หรือเสียงเท้าเบา ๆ จากใครสักคนในอดีต เสียงนั้นดังแผ่วเหมือนลอยมาจากอีกฝั่งของโลก แต่มันก็ใกล้เสียจนเขาแทบแยกไม่ออกว่าคือเสียงในห้องจริง ๆ หรือเสียงจากในหัวของตัวเอง
เจบีพึมพำอะไรบางอย่าง ฟังไม่เป็นคำ ชื่อ? คำขอโทษ? หรือแค่เสียงร้องขอที่ไร้รูปแบบ ริมฝีปากแห้งจนแตะกันแทบไม่ติด แต่ยังเคลื่อนไหวช้า ๆ เหมือนพยายามจะเรียกใครสักคนที่ไม่มีอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว
“ฮัน...แจ...”
เสียงหลุดออกมาแผ่วเบาราวกับลมหายใจสุดท้าย เสียงที่แฝงไปด้วยเศษเสี้ยวของความทรงจำสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ให้เกาะไว้ เหมือนชื่อของอีกฝ่ายคือสิ่งเดียวที่ยังผูกเขาไว้กับโลกนี้
เปลือกตากระตุกเล็กน้อย ภาพพร่ามัวสลับกับความมืด เจ็บแปลบในหน้าอกกับเสียงหัวใจที่เต้นช้าลงเรื่อย ๆ ทำให้เขาแทบแยกไม่ออกว่าอาการตอนนี้คือพิษไข้ หรือแค่ผลจากการที่หัวใจไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว
เขาพึมพำซ้ำอีกครั้ง เสียงแผ่วลงทุกที
“ขอโทษ...อย่า...ทิ้งกันเลย...”
น้ำเสียงที่หลุดออกมาแผ่วราวกับเศษเสี้ยวสุดท้ายของสิ่งที่เรียกว่าความหวัง ทุ้มสั่นแต่ไร้เรี่ยวแรง ราวกับไม่ได้พูดกับใคร แต่แค่พูดให้ตัวเองฟัง ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีที่ให้กลับไป
ร่างกายเริ่มชาเย็นอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ปลายนิ้วไล่ขึ้นมาถึงต้นแขน เหมือนเลือดในกายกำลังหยุดไหลทีละน้อย ทุกเสียงในห้องค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นช้าลงจนเกือบกลืนไปกับความเงียบ
แล้วทุกอย่างก็ดิ่งลง เข้าสู่ความมืดสนิท
…
ราฟาเอโร่นั่งนิ่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ แสงจากหน้าจอสะท้อนในดวงตาที่ยังคงเปิดกว้าง แต่แห้งผากและอ่อนล้าจากการนอนไม่เต็มตื่นมาหลายคืนติดกัน เขาไม่ได้นอนจริงจังเลยสักคืน
มือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกข้างกดปลายนิ้วเข้ากับขอบโต๊ะเหล็กแน่น ราวกับพยายามจะยึดตัวเองไว้กับปัจจุบัน ภาพบนจอข้างหน้าคือห้องเดิม ร่างของเจบีนอนอยู่ตรงกลางเตียงเหล็ก แผ่นหลังโค้งงอเล็กน้อยเหมือนสัญชาตญาณของร่างกายยังคงพยายามปกป้องตัวเองแม้ในความหลับใหล
ร่างนั้นสั่นเทาเป็นระยะ ความร้อนจากพิษไข้ทำให้เขาเหงื่อท่วมทั้งที่อากาศในห้องเย็นจัด เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำ บางจุดแตกระแหง แดงจัดคล้ำคล้ายเลือดที่แข็งตัวแล้ว รอยบีบ รอยกัด รอยข่วน และรอยบางอย่างที่ราฟาเอโร่เองก็ไม่อยากยอมรับว่าเป็นของเขา
เขามองนิ่ง ๆ ไม่กะพริบตา ราวกับการจ้องนั้นคือการลงโทษตัวเองเงียบ ๆ โดยไม่ต้องใช้คำพูด
จู่ ๆ ภาพในจอก็ไหววูบ เจบีไอเบา ๆ พลิกตัวไม่ได้ แต่ร่างกระตุกเล็กน้อยเหมือนคนที่ฝันร้าย มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้า ๆ ราวกับจะปัดบางสิ่งที่ไม่มีตัวตน และพึมพำบางคำที่เบาเกินกว่าจะจับใจความได้
ราฟาเอโร่ขยับปลายนิ้วบนเมาส์ เงียบ ๆ เลื่อนแถบเวลาในจอถอยกลับไปยังช่วงหนึ่ง ภาพบนหน้าจอค่อย ๆ เคลื่อนถอยหลัง แล้วหยุดนิ่งตรงวินาทีที่ร่างของเจบียังดิ้นเล็กน้อยในความเจ็บปวด เสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังเปลือยเปล่าภายใต้แสงสีขาวนวลจนน่าขนลุก
เขามองตัวเองในจอ ใบหน้าเรียบเย็นนั้นยังคงเหมือนเดิมในภายนอก แต่ในจังหวะที่เขากระชากข้อมือเด็กคนนั้น กดร่างลงกับเตียง ราฟาเอโร่ในปัจจุบันกลับต้องเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ในห้องนั้น พวกเขาไม่ต่างจากหมาป่าที่รุมขย้ำเหยื่อ เด็กคนนั้นไม่มีทางหนี ไม่มีสิทธิ์จะอ้อนวอน ไม่มีแม้แต่ช่องว่างพอสำหรับลมหายใจสักจังหวะ ทุกการกระทำที่บันทึกไว้ในกล้องเย็นชาเกินกว่าจะเรียกว่า “การลงโทษ” มันคือการล่าโดยขาดสติ
เขาเห็นดวงตาของเจบีในช่วงท้าย...มันว่างเปล่าจนแทบไม่หลงเหลือเงาของความมีชีวิต
ประตูถูกผลักเข้ามา ก่อนที่ เรน เสี่ยวไป๋ และแคสเปอร์ จะเดินมาหยุดที่หน้าจอเช่นกัน เสี่ยวไป๋มองภาพเหล่านั้นในจอก่อนจะหลุบตาก้มต่ำ
“พวกเราทำเกินไปหรือเปล่า…” เขาพูดขึ้นเบา ๆ เหมือนคำถามที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบจริงจังนัก
“นายให้เขาเลือกก็จริง ราฟาเอโร่ แต่ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่ามันคือกับดัก แล้วทำไมเขาถึงยังเลือกจะก้าวเข้ามา...โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว”
“แล้วมันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ล่ะ?” เรนสวนขึ้นทันที น้ำเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิด ทั้งที่จริงแล้วฟังเหมือนคนพยายามกลบอะไรบางอย่างมากกว่า
“เขาตั้งใจเข้ามาเพื่อปั่นหัวเรา พวกนายก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ”
เขาเว้นจังหวะ หายใจช้า
ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเบากว่าเดิม
“...หรือพวกนายจะบอกว่าไม่เคยรู้สึกอะไรเลย?”
เขาหันไปสบตากับทั้งสองคน น้ำเสียงต่ำลงราวกับยอมรับความจริงที่ฝังไว้ในอก
“ฉันเองก็รู้สึกตั้งแต่ครั้งแรก ฉันชอบเขา...แบบที่ไม่ควรจะชอบเลยด้วยซ้ำ”
ดวงตาของเรนแดงขึ้น น้ำเสียงสั่นเมื่อพูดคำสุดท้าย
แคสเปอร์ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ น้ำเสียงที่มักราบเรียบเย็นชากลับนุ่มลงอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันก็เหมือนกัน...เขาเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกห่วง และอยากทนุถนอมให้มากที่สุด”
ราฟาเอโร่ยังไม่หันไปมองพวกเขา ดวงตาของเขายังจ้องอยู่ที่จอที่ค้างนิ่ง แต่อะไรบางอย่างในอกมันขยับ...ช้า ๆ
เขาเงียบไปนานกว่าทุกคน ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับคนอื่น
“...แล้วพวกเราควรทำยังไง”
TBC.
แถมให้อีกตอน เรื่องนี้ NC แบบฟินๆ จะมาท้ายๆ เรื่องนะครับ
ยังไงก็ฝากติดตามอ่านไปเรื่อยๆ แอบกระซิบว่าแซ่บมากก
สนุกมากครับ โอ้ว เจบี โดนทำโทษสะหนักเลย
รอต่อครับ สนุกมากเลย
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]