ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 30
Chapter 30ความเชื่อที่พังทลาย
03:12 AM | ห้องประชุม 04 | อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์
โต๊ะไม้ขนาดใหญ่กลางห้องเงียบงันกว่าทุกครั้งที่มีการประชุม เสียงเครื่องปรับอากาศดังแผ่วเบาอยู่ด้านบนเพดานเหมือนจงใจเน้นความเงียบที่กดทับอยู่ระหว่างคนทั้งสี่
ราฟาเอโร่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ฝ่ามือประสานกันอยู่บนโต๊ะอย่างเป็นระบบ ตรงข้ามเขาคือแคสเปอร์ที่วางศอกพาดพนักเก้าอี้ มือข้างหนึ่งหมุนปากกาในมือโดยไม่มีจังหวะ แต่สายตากลับจ้องนิ่งไปยังคนเรียกประชุมอย่างไม่ไว้ใจนัก
ข้างเขาคือเรนที่เอียงตัวเอนพิงพนัก มือไขว้กันอยู่ตรงหน้าอก สีหน้าดูไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่เข้าห้อง ดวงตาเรียวยังคงหรี่ลงอย่างชัดเจน เหมือนพยายามกดกลั้นคำถามมากมายไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา
ในขณะที่เสี่ยวไป๋ยังนั่งนิ่งอยู่มุมโต๊ะอีกฝั่ง มือทั้งสองพาดบนตัก ใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ ราวกับไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับบทสนทนา แต่สายตา...กลับจับจ้องไปที่ราฟาเอโร่ไม่ละไปไหน
ราฟาเอโร่ถอนหายใจแผ่ว ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันจะพูดให้ชัด” น้ำเสียงของเขาเรียบเย็น ไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย
“เจบี...ไม่ใช่แค่คนของเราอย่างที่พวกนายคิด เขาเข้ามาเพราะมีเป้าหมาย และเป้าหมายนั้น...ไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาคือคนที่ฝั่งนั้นส่งมาเพื่อแทรกซึม เข้ามาใกล้พวกเราเพราะต้องการข้อมูลบางอย่างที่พวกนั้นต้องการ”
คำพูดนั้นเหมือนใบมีดเฉือนกลางห้อง บาดลึกและเย็นจัดจนไม่มีใครกล้าหายใจแรง
แคสเปอร์เป็นคนแรกที่พูดขึ้นทันที “นายต้องการพูดอะไรกันแน่ ราฟา” เสียงเขาหนักแน่น แต่น้ำเสียงที่ตามมาฟังดูเหมือนกำลังสะกดบางอย่างไว้ใต้ผิว
“เจบีจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง นายกำลังตัดสินจากอะไร? จากหลักฐานที่ยังไม่แน่ชัด?” แววตาของเขาทิ่มแทงไปยังราฟาเอโร่อย่างไม่ยอมรับ
ราฟาเอโร่ไม่ตอบในทันที เขาเพียงเลื่อนสายตากลับไปยังจอมอนิเตอร์ตรงหน้า ภาพบันทึกและข้อมูลที่เพิ่งถูกรวบรวมในช่วงไม่กี่ชั่วโมงปรากฏอยู่ที่นั่น
“ฉันตัดสินจากการกระทำ ไม่ใช่แค่คืนนี้ แต่จากทั้งหมดที่ผ่านมา” เขาพูดช้า ๆ ดวงตาไม่ละจากจอ
“เราไว้ใจเขามากเกินไป…มากพอจะลืมว่าที่นี่ไม่ควรมีที่ว่างให้ใครเดินเข้ามาง่าย ๆ”
เสี่ยวไป๋ยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาแน่นิ่งมองไปยังพื้นที่ว่างตรงหน้า เงียบแบบที่ไม่มีใครเดาความคิดออก แต่ทุกคนที่รู้จักเขาดีพอจะเข้าใจว่าความเงียบของเขา ไม่ใช่การยอมรับ มันคือการพยายามประมวลในสิ่งที่ไม่อยากเชื่อด้วยตัวเอง
เรนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพูดเบา ๆ คล้ายพึมพำ “แต่เจบี...เขาดูไม่ได้อยากทำแบบนั้น” เสียงเขาอ่อนลงเหมือนยังอยากเชื่อในสิ่งที่แตกต่างจากความจริงที่ถูกวางอยู่ตรงหน้า
ราฟาเอโร่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ “บางทีเขาอาจไม่อยาก...” เขาว่า “แต่นั่นไม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงว่าเขาทำ”
ความเงียบหล่นทับลงอีกครั้งหลังประโยคนั้น เสียงแอร์ด้านบนยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนโลกไม่ได้รับรู้ว่าอะไรพังลงกลางห้องนี้ไปแล้วบ้าง
แคสเปอร์เอนหลังลงกับพนักเก้าอี้อย่างเชื่องช้า เขาไม่พูดอะไรอีก ปลายนิ้วยังหมุนปากกาในมือ แต่จังหวะไม่เป็นจังหวะอีกต่อไป มันเหมือนแค่การเคลื่อนไหวซ้ำซากของคนที่พยายามหาคำอธิบายให้เรื่องบางอย่างที่ไม่มีคำตอบ
เรนเอียงหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเรียวปรือลงช้า ๆ เหมือนกำลังกลืนอะไรฝืดคออยู่ข้างใน เขาไม่ได้สนิทกับเจบีเท่าคนอื่น ไม่ได้มีบทสนทนายาว ๆ ระหว่างวัน แต่กลับมีบางสิ่งที่เขารู้สึกชอบจนปล่อยวางไม่ลง
ส่วนเสี่ยวไป๋ ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาไม่พูด ไม่ขยับ ไม่แสดงสีหน้า ไม่มีแม้แต่แววตกใจหรือโกรธเคืองเหมือนเคย แต่ในแววตาที่นิ่งสนิทนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวช้า ๆ อยู่ข้างใน มันไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความเสียใจ...แต่มันคือร่องรอยบางอย่างที่ตกค้างคล้ายความผิดหวัง ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าผิดหวังในตัวเจบี หรือผิดหวังในตัวเองกันแน่
“ถ้าเป็นอย่างที่นายพูดจริง...” เขาพูดเสียงเบา ช้า และราบเรียบจนแทบไม่มีอารมณ์ “...นายจะทำยังไงต่อ”
คำถามนั้นไม่ได้มีแค่ปลายทางสำหรับราฟาเอโร่ แต่มันเหมือนถูกปล่อยให้ลอยอยู่กลางอากาศ เหนือศีรษะของทุกคนในห้อง เสมือนกำลังถามทุกคนพร้อมกันว่าหลังจากนี้ พวกเขาจะเลือกทำยังไงกับคนที่เคยคิดว่าไว้ใจได้
ราฟาเอโร่ยังคงนั่งนิ่ง ฝ่ามือที่ประสานกันแน่นขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาคมทอดมองลงที่โต๊ะตรงหน้าเหมือนกำลังรอฟังคำอธิบายจากความเงียบ แทนการใช้ถ้อยคำ
“เรายังไม่มีคำตอบสุดท้าย…” เขาเอ่ยในที่สุด น้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างที่เคยเป็น แต่ครั้งนี้กลับเหมือนฝังอะไรบางอย่างไว้ในทุกพยางค์ “แต่ทุกอย่างที่เราตัดสินใจจากนี้ไป…จะต้องไม่มีที่ให้ความลังเลอีกแล้ว”
…
เช้าวันต่อมา เมฆเทาหนาแน่นคลุมท้องฟ้า ลอนดอนเย็นกว่าปกติเล็กน้อยเหมือนจงใจให้ความรู้สึกหนักอึ้งมากขึ้นกว่าทุกเช้า และทันทีที่เจบีก้าวเข้าสู่ห้องประชุมลับ สถานที่ซึ่งมีเพียงผู้มีอำนาจทั้งห้าเท่านั้นที่เข้าได้ เขารู้ทันทีว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย
ห้องยังคงเงียบ ตึงเครียด และเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยของแต่ละคน ไม่มีใครเอ่ยคำทัก ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่สายตาอ่อนโยนที่เขาเคยได้รับ
เจบีก้าวเข้ามาช้า ๆ ประตูปิดลงตามหลังอย่างเงียบงัน หลังจากมีคำสั่งให้เขามาที่นี่ สายตาทั้งสี่คู่จับจ้องมาที่เขา ทุกคู่ตาแฝงคำถามมากมาย แต่ไม่มีใครถามจนกระทั่งร่างหนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
“นายทำจริงเหรอ”
เสียงของเรนดังขึ้น พร้อมแรงเขย่าที่ต้นแขน ทำเอาเจบีเซไปเล็กน้อย
ไม่มีคำตอบหลุดจากปากเขาในทันที มีเพียงแววตานิ่งงันที่มองสบคนตรงหน้าเหมือนทุกอย่างในโลกหยุดเคลื่อนไหว เรนจ้องเขาเขม็ง ดวงตาคมนั้นร้อนผ่าวจนเหมือนจะเผาเขาให้มอดไหม้
ไม่ใช่ความโกรธ…แต่เป็นความผิดหวังที่กำลังลุกท่วมเงียบ ๆ
“แล้วทั้งหมดที่ผ่านมา…”
เสียงของแคสเปอร์แทรกขึ้นในห้อง ดังกว่าทุกครั้งที่เขาเคยพูดในที่ประชุมใด เสียงทุ้มของเขาสั่นนิดหน่อย ไม่ได้เจ็บแต่เหมือนฝืนให้เรียบ
“ที่นายเข้ามา ที่นายอยู่กับพวกเรา นาย…เคยรู้สึกอะไรบ้างรึเปล่า หรือมันก็เป็นแค่บทหนึ่งในงานของนาย”
เจบียังไม่ตอบ เขายืนนิ่ง ราวกับคำถามเหล่านั้นคือฝนห่าใหญ่ที่โปรยลงมาโดยไม่มีร่มให้หลบ และเขาไม่มีคำไหนจะเอาไว้กางบังอะไรได้เลย
เสี่ยวไป๋ยังนั่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าเรียบสนิทไม่แสดงความรู้สึกใด มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคาง ดวงตานิ่งมากพอจะปิดซ่อนคลื่นทั้งหมดที่กำลังตีวนอยู่ข้างใน แต่คำถามเดียวของเขากลับกรีดลึกกว่าทุกถ้อยคำ
“นายเคยคิดจะบอกใครไหม…แค่สักคน”
เสียงเบาจนแทบเป็นกระซิบ แต่ก็ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงกว่าเดิมอีกเท่าตัว
เจบีเบือนสายตาลงต่ำ เสียงหัวใจของเขาดังในอกจนเหมือนมันจะระเบิดออกมาพร้อมกับคำสารภาพทั้งหมดที่กลืนไว้ไม่ให้ใครได้ยินตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แต่เขายังเงียบอยู่เหมือนเดิม เพราะเขารู้ดีว่า ไม่ว่าพูดอะไรตอนนี้…มันก็ไม่มีน้ำหนักพอจะพาเขากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
ราฟาเอโร่ยังคงนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ มือประสานแน่นขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมเย็นทอดมองเจบีอย่างแน่วนิ่ง
“พูดอะไรหน่อย เจบี”
เสียงของเรนต่ำลงกว่าเดิม อ่อนลงเล็กน้อย แต่ยังเต็มไปด้วยแรงกดดัน “เราทุกคนอยู่ตรงนี้ เพราะเราอยากรู้ความจริงจากปากนาย…ไม่ใช่จากระบบ ไม่ใช่จากบันทึก”
“หรือที่ผ่านมามันไม่มีอะไรจริงเลย”
แคสเปอร์เสริมเบา ๆ
เจบียืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หายใจเข้าเงียบ ๆ เหมือนกำลังกลั้นบางอย่างไว้ในอก ริมฝีปากเขาเม้มเข้าหากันแน่นจนแทบจะหายไปจากใบหน้า ดวงตาเริ่มแดงก่ำแต่ยังไม่ปล่อยหยดไหนหลุดออกมา
เขาไม่กล้าสบตาใครอีกเลย
เพราะคำตอบ…มันคือความจริงที่เขาเองก็ไม่อยากได้ยินจากปากตัวเองเช่นกัน
ราฟาเอโร่ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแตะปลายนิ้วลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้าเบา ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น ยืนพิงโต๊ะอย่างไม่เร่งรีบ
“ฉันให้โอกาสเขา…เพราะฉันอยากรู้ว่าเขาจะเลือกอะไร” เขาเอ่ยเบา ๆ ไม่ได้หันไปมองเจบีที่ยังคงยืนเงียบอยู่ข้างหลัง แต่ประโยคของเขาเหมือนฟาดลงกลางอกของทุกคน
“แต่สุดท้าย เขาก็เลือกเดินคนละทางกับเรา”
เสี่ยวไป๋ยังคงไม่พูดอะไร ทว่าแววตาเปลี่ยนไป เขาเงยหน้าขึ้นสบตาราฟาเอโร่ตรง ๆ เป็นครั้งแรกในรอบชั่วโมง แววตานั้นเรียบเฉย แต่แฝงแววผิดหวังลึกจนอ่านได้ชัดเจน
“จะเอายังไง?” เรนถามเสียงต่ำ ดวงตาแดงเรื่อราวกับพร้อมระเบิดทุกเมื่อ “จับขัง? หรือจะให้ฉันจัดการเอง”
คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศในห้องที่เงียบอยู่แล้วแน่นทึบลงอีก เหมือนอากาศหยุดไหลเวียน
แคสเปอร์ขยับตัวช้า ๆ ราวกับต้องใช้แรงฝืนดึงร่างกายให้ตั้งตรง เขายกมือขึ้นกดขมับเบา ๆ สายตาไม่ได้มองใครโดยเฉพาะ แต่เสียงที่เอ่ยออกมากลับชัดเจนและทุ้มแน่น
“เราควรคิดให้มากกว่านี้…”
“นายยังอยากปกป้องเขาอีกเหรอ?” เรนหันขวับไปหา ริมฝีปากตึงเครียด ดวงตาคุกรุ่น
เสี่ยวไป๋ยังไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่นิ่งมองเจบีเหมือนพยายามหาคำตอบสุดท้ายในแววตาของอีกฝ่าย เสียงของเขาเมื่อหลุดออกมาจึงยิ่งชัดในความเงียบ
“...ขังไว้ก่อน”
สายตาทุกคู่หันมาหาเขาในทันที
“จนกว่าเขาจะพูดมากกว่าความเงียบ” เขาเสริมช้า ๆ “ถ้าทุกอย่างที่เขาทำ...มันคือสิ่งที่เขาเลือก งั้นก็ให้เขาอยู่กับผลของมัน”
ราฟาเอโร่พยักหน้าช้า ๆ ราวกับได้ยินในสิ่งที่เขารอ
เขาหันกลับไปมองเจบีเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตานิ่งสนิทไร้คำพูดใด ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“พาเขาไปไว้ที่ห้องด้านล่าง”
เจบีไม่ขยับ ไม่พูด ไม่หลบสายตาใครเลยสักคน เขายืนนิ่งราวกับยอมรับการตัดสินนั้นตั้งแต่ก่อนจะถูกเอ่ยออกมา เหมือนเขาแบกรับความผิดทั้งหมดไว้บนบ่าด้วยความเงียบโดยไม่คิดจะวางมันลง
และแม้จะไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา...แต่ในห้องนั้น ไม่มีใครไม่รู้สึกเจ็บเลยสักคน
...
เจบีถูกนำตัวมายังห้องใต้ดินที่ลึกที่สุดของซิลเวอร์เนสต์ ประตูเหล็กปิดลงตามหลังเสียงฝีเท้าที่หายลับไป ความเงียบในห้องหนาทึบไม่ต่างจากผนังที่หุ้มด้วยชั้นฉนวนหนาหลายชั้น ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสงจากภายนอก มีเพียงแสงไฟสลัวจากหลอดแสงเดียวเหนือหัวที่ทำให้ห้องนี้ดูเหมือนถูกแช่แข็งไว้อย่างจงใจ
เขาทรุดตัวนั่งลงบนเตียงเหล็กด้านข้าง ฝ่ามือหนาวเย็นวางแนบต้นขา ลมหายใจเบาจนแทบไม่ได้ยิน ความเจ็บในอกตีขึ้นมาทีละระลอกเมื่อนึกย้อนถึงสายตาที่มองมาในห้องประชุมเมื่อเช้า
ไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่คำด่า แต่มันคือความผิดหวังลึกจนแทงทะลุทุกชั้นป้องกันที่เขาเคยพยายามสร้างขึ้น สายตาของเรนที่ร้อนระอุจนเกือบจะเผาเขาทั้งเป็น แววตาของแคสเปอร์ที่เหมือนจะถามซ้ำซากว่า
“ทั้งหมดที่ผ่านมา...นายเคยรู้สึกอะไรจริงบ้างไหม”
และเงียบงันของเสี่ยวไป๋ที่ไม่ได้เอ่ยแม้แต่คำเดียว แต่มากพอจะทำให้เขาอยากหลบสายตานั้นไปตลอดชีวิต
เขานึกย้อนกลับไปยังวินาทีที่มือกดปุ่มสำรองข้อมูลในระบบ ทุกอย่างควรดำเนินตามแผนที่วางไว้แล้ว ทุกขั้นตอนควรถูกจัดวางอย่างรัดกุมที่สุด แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ บางอย่างในใจกลับสั่งให้สมองเปลี่ยนทิศ
เขาลบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลสำคัญทิ้งไป...
จากนั้นสร้างชุดข้อมูลใหม่ขึ้นมาไม่ใช่ของปลอมแบบก่อนหน้า แต่เป็นข้อมูลที่ถูกหั่น แยก ลบจุดเชื่อมโยง และใส่ “คำตอบผิด” ลงไปในคำถามที่ไม่มีใครถาม มันคืออีกทางหนึ่งที่เขาคิดไว้เงียบ ๆ มาหลายสัปดาห์
ไม่ใช่เพื่อป้องกันตัวเอง...แต่เพื่อให้ใครบางคนมองเห็นว่าเขาไม่ได้หักหลังโดยสมบูรณ์
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงเลือกทางนั้น เขาแค่รู้ว่า ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามแผน มันจะไม่มีวันหวนกลับมาได้เลย
กระทั่งเช้าของวันนี้ เขาก็ยังกลับมาที่ซิลเวอร์เนสต์ ไม่ใช่เพราะไม่มีทางหนี แต่เพราะหัวใจของเขาไม่ต้องการหนีอีกต่อไป แม้จะถูกเข้าใจว่าเป็นแบบนั้น แม้จะรู้ดีว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าอาจไม่เหลือใครอยู่ข้างเขาแล้วก็ตาม
เขาไม่อยากสูญเสียฮันแจ...แต่ก็ไม่อยากเสียพวกเขาไปเช่นกัน
และในห้องปิดทึบนี้ ที่ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา เจบีก็ยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม
เพราะเขาไม่รู้ว่า...ถ้าพูดอะไรออกไปแล้ว ไม่มีใครเชื่ออีกต่อไปแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร
...
ผ่านไปหลายชั่วโมง...
เจบีนั่งนิ่งอยู่บนเตียงเหล็กที่ไม่มีผ้าปู รองรับด้วยฟูกบาง ๆ และแสงสลัวจากหลอดนีออนเก่าเหนือศีรษะที่กะพริบเป็นจังหวะผิดเพี้ยนตลอดชั่วโมง
เสียงฝีเท้าที่เคยห่างไกลเริ่มใกล้เข้ามาทีละน้อย…หนักแน่น ชัดเจน และพร้อมจะพังความเงียบที่ครอบคลุมห้องใต้ดินนี้มานาน
ประตูเหล็กหนักส่งเสียง ครืด ขณะเปิดออกช้า ๆ
คนที่ก้าวเข้ามาเป็นคนแรกคือเรน
ไม่ใช่เรนที่เขาคุ้นเคย ไม่ใช่ชายหนุ่มจอมกวนที่ชอบแกล้ง ชอบหัวเราะ
แต่เป็นใครอีกคนที่มีดวงตาทรงอำนาจ เย็นชา…และเต็มไปด้วยแรงกดดันราวกับพร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง
เขาไม่พูดอะไร ร่างสูงเดินเข้ามาอย่างมั่นคง ก่อนที่แขนแข็งแรงจะกระชากเจบีขึ้นจากเตียงโดยไม่ให้ตั้งตัว ใบหน้าอีกฝ่ายแนบชิดหลังใบหู ลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดในจังหวะที่บังคับให้ร่างทั้งร่างของเจบีชาวาบ
“นิ่งไว้นะ” เสียงกระซิบต่ำพร่า ไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นคำสั่ง
เจบียังไม่ทันได้ตอบ ร่างของเขาก็ถูกตรึงไว้แน่นจากด้านหลัง
ราฟาเอโร่ปรากฏตัวในเงามืด ถอดถุงมือหนังออกช้า ๆ ก่อนจะหยิบบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ เข็มฉีดยาใสไม่มีฉลาก
แววตาของชายผู้นั้นนิ่งสนิทขณะก้าวเข้ามาใกล้ ดั่งนักล่าเงียบที่รู้ดีว่าเหยื่อไม่มีทางหนี
“อย่ากังวล มันไม่ถึงตายหรอก” เสียงราบเรียบที่เอ่ยออกมา กลับทำให้หัวใจของเจบีเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
ปลายเข็มฝังลงบนผิวที่ต้นแขนโดยไม่มีการเตรียมใจ
ความรู้สึกเย็นวาบวิ่งผ่านเข้าไปในเส้นเลือด แล้วตามมาด้วยอาการชา ร้อน ซ่าน และสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
โลกทั้งใบเริ่มโคลงเคลง ลมหายใจถี่กระชั้น ร่างกายร้อนวูบขึ้นมาจากภายในเหมือนมีไฟลุกโชนใต้ผิวหนัง
“พวกคุณ…ทำ…อะไร…กับผม…” เสียงของเจบีหลุดรอดจากลำคอแห้งผาก ริมฝีปากสั่นน้อย ๆ ดวงตาเริ่มพร่ามัวทั้งจากฤทธิ์ยาและความหวาดกลัวที่แทรกซึม
“อีกเดี๋ยว นายก็จะรู้เอง…”
เรนกระซิบข้างหู พร้อมรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม มันคือประกายของบางสิ่งที่อันตรายและบิดเบี้ยวเกินกว่าคำว่า 'เล่น'
เขาผลักร่างของเจบีให้ล้มลงบนเตียง
แรงกระแทกไม่ได้รุนแรงนัก แต่พอเพียงให้เจบีรู้ว่าเขาไม่มีทางเลือก
เสียงส้นรองเท้าหนังสองคู่ดังต่อเนื่องจากทางเดิน แคสเปอร์กับเสี่ยวไป๋
ไม่มีใครพูด ไม่มีใครสบตาเจบีตรง ๆ แต่แววตาของทุกคนกลับสะท้อนสิ่งเดียวกัน
...ความเจ็บปวด ความลังเล และความตั้งใจที่จะลงมือแม้ใจจะสั่นไหว
เจบีพยายามดิ้น แต่เรี่ยวแรงในร่างเหมือนถูกดูดออกทีละน้อย
รู้ตัวอีกที เสื้อของเขาก็ถูกร่นลงจากไหล่ไปครึ่งหนึ่ง
สัมผัสจากปลายนิ้วที่ไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลัง ทำให้เขาสะท้าน
ไม่ใช่จากความกลัว…แต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่กล้ายอมรับ
ร่างของเจบีถูกผลักลงบนเตียงอีกครั้ง รุนแรงพอให้ลมหายใจสะดุด แต่ไม่ถึงขั้นเจ็บปวด
เขาหอบแรง ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนไฟลามใต้ผิวหนัง แต่ขยับไม่ได้ดีนัก สารที่ถูกฉีดเข้าไปยังคงทำงาน ซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก
หัวใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงสะท้อนอยู่ในหูตัวเอง
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาพร่าเบลอเห็นราฟาเอโร่ยืนอยู่ตรงปลายเตียง ชายคนนั้นปลดกระดุมเสื้อสูทออกช้า ๆ อย่างไม่เร่งรีบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากริมฝีปากที่เย็นชา มีเพียงสายตาที่จ้องเขาเหมือนสิ่งของที่ต้องการจะครอบครองและทำลายไปพร้อมกัน
“ร่างกายของนาย…กำลังตอบสนองดีเลยนี่”
เสียงของราฟาเอโร่แผ่วต่ำ คล้ายคำชมแต่กลับเยียบเย็นจนขนลุก
เขาโน้มตัวลงมาหา มือหนึ่งจับข้อมือของเจบีตรึงไว้เหนือศีรษะ อีกมือไล้ผ่านต้นคอที่ชื้นเหงื่อ ก่อนจะลูบไล้ต่ำลงมาช้า ๆ ผ่านแผ่นอกที่สะท้านในทุกจังหวะสัมผัส
เรนนั่งอยู่ที่หัวเตียงอีกด้าน มองทุกอย่างนิ่ง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับปลายคางเจบีให้เงยขึ้น ดวงตาของเขาเคยมีแต่ความขี้เล่น แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ปั่นป่วนที่เขาเองก็อธิบายไม่ได้
“เจ็บใช่มั้ย?” เขาถามเบา ๆ “แต่ถ้านายทรยศพวกเรา มันก็สมควรแล้ว...ไม่ใช่เหรอ?”
เจบีพยายามจะตอบ แต่ลมหายใจหอบกระชั้นไม่ยอมให้เสียงออกมาเป็นคำชัดเจน
สิ่งเดียวที่เขารู้แน่คือร่างกายกำลังทรยศหัวใจของตัวเอง ร้อนรุ่มไปทุกขุมขน ยิ่งต้านยิ่งหวิว ยิ่งเจ็บยิ่งโหยหา
เสี่ยวไป๋เดินอ้อมมาทางด้านหลัง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ปลายนิ้วเย็นจัดแตะลงที่สะโพกข้างหนึ่งเบา ๆ ก่อนจะลากช้า ๆ ไปตามแนวกระดูกเชิงกราน จงใจ ยั่วเย้า แต่ไม่เร่งรีบ
แคสเปอร์ยืนพิงผนังอยู่ในเงามืด ดวงตาของเขาจับจ้องที่ร่างของเจบีไม่วางตา แม้จะไม่ขยับ แต่แรงอารมณ์ที่แผ่ออกมานั้นชัดเจนจนแทบกลืนห้องทั้งห้องไว้
และในวินาทีนั้นเอง...
ราฟาเอโร่กดตัวลงคร่อมร่างที่อ่อนแรงไว้ มือหนึ่งบีบปลายคางเจบีให้หันมาสบตา
“มองฉันไว้” เขาสั่งเสียงต่ำ “นายอยากรู้ใช่มั้ย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เมื่อทำให้พวกเราสูญเสียความเชื่อใจ”
ปลายนิ้วของเขาไล้ลงไปเรื่อย ๆ ผ่านหน้าท้องจนถึงแนวขอบกางเกง ก่อนจะสอดเข้าไปโดยไม่ลังเล
สัมผัสแรกนั้นทำให้เจบีสะดุ้งจนขาเกร็ง เขาไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ครางต่ำในลำคอ
ราฟาเอโร่โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากเฉียดแก้มก่อนจะกระซิบ
“อย่าหวังว่าใครจะช่วยนาย…เพราะคืนนี้ เราจะลงโทษนายไปพร้อมกัน”
สนุกมากครับ โอ้ การลงโทษ แบบพิเศษ
สนุกครับ รอตามต่อเลย
ขอบคุณนะครับ
หน้า:
[1]