mon-mon โพสต์ 2025-7-1 01:30:07

เรือเมล์เร่รัก ตอนที่ 6 by สุรัMนาวี_CP

"ทำไมถึงทำกับเราอย่างนี้บาส เราไม่ดีตรงไหน?"
"...เปล่า รัตน์ นายน่ะดี แต่นายดีเกินไป"
"ทำไมล่ะ...ทำไม...นายชอบคนเลวหรือไง!!!!"
"เราไม่ได้หมายความแบบนั้น รัตน์ ฟังเราก่อนสิ มีเหตุผลกันมั่ง"
"แล้วนายล่ะ หืมม์ มีเหตุผลกับเราพอหรือเปล่า ทำไมไม่บอกว่าเราเลย บอกมาสิ เราจะได้ปรับปรุงตัวใหม่ แต่...บาส ขอร้องเถอะ อย่าทิ้งเราไป ถ้านายทิ้งเราไปแล้วเราจะอยู่กับใคร..."
"รัตน์...นายน่ะเก่ง แล้วนายก็เข้มแข็ง เรารู้ดีว่าถ้าหากเราจากนายไป นายก็ยังอยู่ได้ แต่เบลล์น่ะสิ เขาจะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีเรา เขาเป็นผู้หญิง เขาอ่อนแอ แล้วก็ต้องการคนดูแล เขา...เขาบอกว่าถ้าหากเราทิ้งเขาไปเขาจะฆ่าตัวตาย"
"แค่นั้นน่ะเหรอที่เป็นเหตุผล บาส แล้วนายก็เชื่อเบลล์อย่างนั้นเหรอ"
"ก็...ใช่"
"...แล้วถ้าเราบอกว่าถ้าหากนายทิ้งเราไป เราจะฆ่าตัวตายบ้าง นายจะรู้สึกอย่างไร?"
".....เรา....รัตน์...."
"ลองบอกมาสิ ถ้าเราเป็นผู้หญิง ถ้าเราอ่อนแอ แล้วถ้าเราพร้อมจะฆ่าตัวตาย เมื่อนายจะตีจากเราไป นายจะเลือกรักษาใครไว้ บอกเราหน่อยซิ"
"รัตน์ อย่าให้เราเลือก...เราเลือกไม่ได้...เรา..."


ผมลืมตาโพลงท่ามกลางความมืด ฝันร้ายนั้นไม่ได้ทำให้ผมหวาดผวาอีกเหมือนเคย มันเป็นเสมือนนกคุ๊กคูที่อยู่ในนาฬิกา และจะโผล่ออกมาทำให้คุณตกใจตามเวลาในตอนแรกๆ แต่นานๆ ไปหัวใจคุณก็จะชาและตายด้านจนมันมีความหมายไม่ต่างอะไรกับเสียงหวีดหวิวของลมยามราตรี


ท่ามกลางความมืดผมได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินและเสียงลมหายใจแผ่วๆ แขนแข็งแรงที่ผมหนุนนอนคงโดนกดทับจนเลือดเดินไม่สะดวก เพราะว่าผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของมัน เงยหน้าขึ้นมองก๊อต ผมจึงพบว่าเขาจ้องผมอยู่ก่อนหน้านั้นนานแล้ว


"ฝันร้ายเหรอครับ"
ผมพยักหน้าเบาๆ ที่จริงผมก็ฝันถึงมันเกือบทุกคืนนั่นแหละ แม้กระทั่งผมพยายามที่จะปลดปล่อยมันออกไปจากจิตใต้สำนึก ด้วยการเขียนเรื่องราวทั้งหมดเป็นนิยายเรื่อง "พิษรัก" แต่มันกลับยิ่งทำให้ผมไม่อาจลบเลือนมันไปจากความทรงจำ นิยายเรื่องนั้นได้รับการตอบรับจากหลายสิบรีพลายว่าเขียนได้อารมณ์สมจริง ก็ทำไมจะไม่เป็นเช่นนั้นเล่าในเมื่อผมเอาน้ำตาของผมผสมแทนหมึกที่ใช้เขียน


นานนับวันพิษรักอันร้ายแรงกัดกร่อนหัวใจผมให้กลายเป็นน้ำตา สุดท้ายผมก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ทั้งหัวใจและน้ำตา โลกนี้ไร้รัก สิ่งที่หมุนมันไปมีเพียงแรงปรารถนา รักแท้มีแต่ในนิยายเท่านั้น....


ผมเห็นก๊อตแอบนวดแขนตัวเองเบาๆ ผมคงนอนทับเขานานไปจนเหน็บกิน คืนนี้เป็นคืนที่สองแล้วที่เขานอนกอดผมโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ผมดึงมือเขากลับมานวดให้


"ไหน...เป็นไงมั่ง"
"อูย...ซี้ดดด" ก๊อตครางเบาๆ เขาหัวเราะแห้งๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
"คืนนี้ผมไม่หนุนแขนก๊อตแล้วนะ เดี๋ยวเหน็บกินอีก"
"อ้าว...ทำไมล่ะ ก็ผมชอบนี่" ก๊อตท้วง เขาพยายามดึงมือผมออก
"...เห็นไหมแค่นี้ก็หายแล้ว"


ผมยิ้มแล้วถอนใจกับ "โกหกสีขาว" ของเขา ฝรั่งเขาจะถือว่าการโกหกเพื่อการเสียสละหรือการโกหกที่จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนั้น เรียกว่า WHITH LIE หรือ "โกหกสีขาว" ซึ่งว่ากันว่าเป็นการโกหกที่ไม่บาป


"ไม่เอาหละ" ผมส่ายหน้า แอบมองดูหน้าจ๋อยๆ ของเขาแล้วก็ขำ ก๊อตกัดริมฝีปากตัวเองอย่างว้าวุ่นใจ
"ก็ผมจะเปลี่ยนเป็นนอนกอดก๊อตแทนไง" ผมกระซิบบอเขาข้างหู
"จริงเหรอ" ก๊อตแอบอมยิ้ม
"อย่าโกหกผมนะ"
"จริงสิ" ผมยิ้มยืนยัน ผมโอบคอก๊อตแล้วดึงเขาลงนอนข้างๆ วูบหนึ่งผมนึกถึงบาส เขาเองที่เคยพูดแบบนี้กับผม
"นอนนิ่งๆ ห้ามยุกยิกหรือซุกซนนะ" ผมพูดกลั้วเสียงหัวเราะ
"ไม่อย่างนั้นจะโดนลงโทษ" ก๊อตแกล้งขยับตัวในอ้อมกอดผมเล่นๆ
"...แล้วยังไง"
จากที่เราสองคนนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากัน ทำให้ผมมองเห็นดวงตาเขาจ้องมองมาที่ผม ผมหลับตาก่อนที่จะยื่นหน้าไปจูบเขาเบาๆ ที่ปลายจมูก แล้วลากมันอย่างบางเบาผ่านลงมาที่ริมฝีปากก่อนที่จะไล้มันไปมาตามรูปโดยที่ไม่ได้จูบเขาเลย
"อย่า...รัตน์" ก๊อตอุทานออกมาเบาๆ
"เดี๋ยวผมอดใจไว้ไม่อยู่"
"แล้วทำไมล่ะ" ผมกระซิบ ดูเหมือนหน้าเขาจะร้อนแดงจนผมรู้สึกได้ ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดหน้าและดวงตาที่ก้มลงหลบทำให้ผมต้องกระซิบย้ำ
"ทำไมล่ะก๊อต"


ปากของเขาเม้มแน่นเหมือนจะไม่กล้าตอบ ผมเอื้อมมือเข้าไปที่คอเสื้อเชิ้ตของเขา แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวตัวเล็กแบบที่เด็กหนักเรียนช่างชอบใส่กันออกทีละเม็ด ลมหายใจของเขาที่เป่ารดมือผมร้อนและถี่กระชั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้แตะตรงหน้าอกของเขา แต่ผมรู้ดีว่ามันคงจะเต้นรัวไม่แพ้ผมเป็นแน่


เมื่อผมปลดลงไปถึงกระดุมเม็ดสุดท้าย เสียงเขาก็ดังขึ้นแผ่วเบา
"พอ...พอก่อนเถอะครับ รัตน์"
เสียงสั่นๆ นั่นฟ้องเลยว่าเขาตื่นเต้นเพียงไหน ใช่สิ ก๊อตเองท่าทางจะยังบริสุทธิ์อยู่ จริงเหมือนที่พี่ไทพูดแน่ๆ ผมดันให้เขาพลิกลงไปนอนหงายอย่างช้าๆ
"กลัว...หรือ...กล้า" ผมกระซิบริมหูเขา จงใจให้ริมฝีปากแตะแต้มที่ติ่งหู ก๊อตเกิดอาการสยิวขนลุกซู่ทันที


TRUE OR DARE? เสียงกระซิบของบาสในความทรงจำดูเหมือนจะดังขึ้นซ้อนกับเสียงผม
ผมเปิดอกเสื้อของก๊อตออก ผิวสีคล้ำเข้มค่อนข้างเนียนละเอียด อกสอบแต่หนาผิดกว่าที่คาดไว้ อาจเป็นเพราะงานเรือที่จะต้องใช้แรงหนักก็เป็นได้ หัวนมนูนตุ่ยขึ้นมาเหมือนจะฟ้องว่าเขาเพิ่งแตกพานมาและยังคงบริสุทธิ์อยู่ มันนิ่มเรียบไร้ไรขน จะเริ่มมีก็ตั้งแต่ช่วงลาดหน้าท้องเกร็งแกร่งที่มองเห็นกล้ามซิกแพ็คได้ชัดเจน
ก๊อตเบือนหน้าหนีไม่ยอมมองผม อกหนาขยับหอบถี่เหมือนคนอยู่ในอาการตื่นเต้น เขาไม่พยายามห้ามปรามผม แต่ก็ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าเองแต่ประการใด ผมมองเห็นสองมือของเขากำผ้าปูเตียงแน่น


เสือร้ายที่บุกเข้ามาจะขืนใจผมในวันก่อน บัดนี้กลายเป็นลูกแกะตัวน้อยนอนสั่นอยู่บนเตียงผมแล้ว ก๊อตกลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อได้ยินเสียงเข็มขัดวิทยาลัยของตัวเองถูกปลดออกดังแกร๊ก แล้วรูดออกไปหย่อนทิ้งไว้ข้างเตียง ต่ำใต้ลงไปจากซิกแพ็คเกร็งเขม็งกลางหน้าท้องคือขอบเอวกางเกงบ๊อกเซอร์แบบลายตลกๆ ที่มีวางขายทั่วไปตามตลาดนัดและกางเกงยีนส์สีดำขาเดฟที่เรียกกันว่า สกินนี่


ผมทาบมือลงบนขอบเอวกางเกงยีนส์หนา หน้าท้องของก๊อตหดเกร็งด้วยความเสียว มือผมไต่ไปบนดุมเงินแล้วปลดมันออกอย่างเบามือ ก่อนที่จะสอดเข้าไปสัมผัสกับเนื้อหนุ่มร้อนจัดใต้ขอบเอวบ๊อกเซอร์


"รัตน์...อา..." ก๊อตคราง
มือผมควานเข้าไปจนพบกับความกำยำหนั่นแน่น ท่อนเนื้อแข็งโชนร้อนจัดขนาดกลางที่แกร่งกร้าวจนสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อหนุ่มภายในที่อัดแน่นไปด้วยเลือดชายชาตรี
เหมือนกับว่ามันจะกระตุกหงึกๆ อยู่ในกำมือของผม แล้วคายเมือกลื่นๆ อ่อนใสออกมาที่ปลายหัวเล็กน้อย ผมมองใบหน้าที่แดงซ่านของเขาด้วยความกระหยิ่มใจ ก๊อตเองก็เกือบที่จะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ไหวแล้ว เพียงแต่เขายังเขินอายที่จะกล้าแสดงออก ผมรูดกางเกงยีนส์ตัวเล็กรัดรูปร่างออกไปทางปลายเท้าอย่างช้าๆ


"อย่า..." ก๊อตร้องห้าม เขาพยายามรั้งมือของผมไว้
"อย่าถอดเลยนะ"
"ทำไมล่ะ" ผมกระซิบ
"ผม...ผมอาย...มันไม่น่าดูนักหรอก"
ผมขืนดึงมันลงต่อ ก๊อตจึงได้แต่นอนทอดถอนใจเมื่อกางเกงถูกดึงออกไปทาทปลายเท้าพร้อมกับบ๊อกเซอร์ ท่อนขาเขาลายและเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งเล็กและใหญ่ ตั้งแต่หน้าแข้งขึ้นมาถึงน่อง นี่แหละคือเหตุผมที่ก๊อตไม่เคยใส่กางเกงขาสั้นให้เห็น แม้ว่าจะไม่เคยข้องเกี่ยวกับยาเสพติดโดยตรง แต่ผมก็รู้ว่านี่คือผลจากการเสพแอมเฟตามีนที่เราเรียกกันภาษาชาวบ้านว่ายาบ้านั่นแหละ


ยานรกพรรค์นี้นิยมใส่สารเสพติดประเภทแอมเฟตามีน และคาเฟอีน ที่มีฤทธิ์กระตุ้นและกดประสาท ในอดีตใช้กันมากในหมู่คนขายแรงงานเพื่อที่จะให้ทำงานได้อึดและทน จึงมีชื่อเรียกกันในตอนแรกว่ายาม้ายาขยัน เมื่อเสพแล้วจะไม่ปวด ไม่เมื่อย ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์แล้วจะเกิดอาการประสาทหลอนมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่การใช้ แต่เรื่องการจี้จับคนเป็นตัวประกันนั่นคือแฟชั่นมิได้เกี่ยวข้องกับยาแต่ประการใด


ปัจจุบันไม่นิยมเสพกันด้วยการกินแล้ว ผู้เสพนิยมใช้ฟอยล์เงินในซองบุหรี่มาพันเป็นรูปช้อน ที่เรียกกันว่า "เรือ" แล้วใช้ไฟแช็คเผารมให้สารเสพติดภายในระเหิดออกมา ก่อนที่จะใช้หลอดฟางหรือธนบัตรมวนเป็นหลอดดูดเข้าสู่ร่างกาย
พวกโคโยตี้ แดนเซอร์ หางเครื่องหมอลำซิ่งที่เต้นกระจายเป็นวันๆ มักนิยมเสพกันด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เต็นได้ทนแล้วยังทำให้ไม่อยากอาหารอีกด้วย เรียกว่าผอมทันใจตามใบสั่ง


ส่วนคนที่เสพด้วยการกิน คุณจะเห็นเขาเดินกระวนกระวายเหมือนรอภรรยาหน้าห้องคลอด เดินไปเดินมาเหงื่อแตกซิกโดยไม่ได้รู้จักเหนื่อยและเตะโน้นเตะนี่ไปได้ตลอดทางโดยที่ไม่รู้จักคำว่าเจ็บปวด นั่นหมายถึงเฉพาะเวลาที่ยายังออกฤทธิ์อยู่เท่านั้น หลังจากนั้นคงไม่ต้องอธิบายแล้วว่ามันจะรู้สึกอย่างไรกับบาดแผลที่ได้มายามยาหมดฤทธิ์


ผมแตะและลูบไล้มันเบาๆ ก๊อตเบือนหน้าหนีด้วยความอาย เขาคงรู้แล้วว่าผมเดาเรื่องราวทั้งหมดออกอย่างทะลุปรุโปร่ง สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาถูกรีไทร์ออกจากวิทยาลัยที่เขาศึกษาอยู่ เสียงก๊อตพึมพำ


"ผม...ผมเลิกแล้วนะรัตน์ ผมสาบานได้"
ก๊อตมีบาดแผลของชีวิตที่เห็นได้ทางกาย หากแต่ผมกลับมีแผลเป็นของชีวิตอยู่ภายในใจ โรคร้ายที่มิอาจรักษาได้ด้วยการเยียวยา พิษของมันทำร้ายผมจนเจียนตายมาแล้วหลายครั้ง


"รักผมสิ" ผมขยับขึ้นไปกระซิบข้างหูก๊อต ก่อนที่จะจูบเขาที่แก้มเบาๆ ร่างกายของก๊อตสั่นและร้อนจัดเหมือนจะเป็นไข้

lekthai โพสต์ 2025-7-1 06:47:06

ขอขอบคุณ

คำปุ้ย โพสต์ 2025-7-1 07:45:19

สนุกคับตามตอนต่อไปขอบคุนคับ

nuangnut1996 โพสต์ 2025-7-1 09:05:58

สนุกมากครับ

GuN009 โพสต์ 2025-7-1 13:36:45

อ้า รัตน์บุกแทนสะละ
สนุกครับริต่อครับ
ขอบคุณครับ

wiput โพสต์ เมื่อวานซืน 05:49

ขอบคุณครับ

tan2 โพสต์ เมื่อวานซืน 10:33

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เรือเมล์เร่รัก ตอนที่ 6 by สุรัMนาวี_CP