ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 25
Chapter 25ใครกันแน่ที่โดนตก
10:00 AM | ห้องประชุมใหญ่, อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์, ลอนดอน
เสียงเข็มนาฬิกาดังเป็นจังหวะเดียวในห้องประชุมกว้าง ผนังไม้เข้มสะท้อนแสงจากโคมระย้าเหนือหัวอย่างเงียบงัน บรรยากาศโดยรอบนิ่งเสียจนได้ยินเสียงเสื้อผ้ากระทบกันเบา ๆ ยามใครสักคนเผลอขยับตัว
เหล่าผู้จัดการแผนกระดับสูงกว่าสิบชีวิตนั่งตัวตรงเรียงรายรอบโต๊ะประชุมทรงยาว ไม่มีใครกล้ากระดิก ไม่หายใจแรง ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองกันเอง เพราะทุกสายตาตอนนี้ จับจ้องอยู่ที่ร่างของชายเพียงคนเดียวที่นั่งนิ่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
ราฟาเอโร่ยังคงสวมสูทสีดำสนิทเหมือนทุกครั้ง แผ่นหลังกว้างตรง มือเรียวยังพาดอยู่บนขอบโต๊ะ และดวงตาคมลึกคู่นั้นก็ทอดมองผู้ร่วมประชุมอย่างเงียบเชียบ ทว่าเยือกเย็นพอจะทำให้อุณหภูมิทั้งห้องลดลงไปหลายองศาโดยไม่ต้องเปิดแอร์เพิ่มแม้แต่นิดเดียว
เขาพูดขึ้นในที่สุด เสียงทุ้มต่ำของเขาดังแผ่วแต่ชัดในทุกพยางค์ เหมือนแรงกดที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้าใส่โดยไม่มีใครได้ตั้งตัว
“เมื่อคืน คนของฉัน...ถูกทิ้งไว้ในอาคารเพียงลำพัง ไฟทั้งชั้นถูกตัด ระบบรักษาความปลอดภัยปิดใช้งาน และเขาติดอยู่ในนั้น…ทั้งคืน”
ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีเสียงกระซิบ ไม่มีแม้แต่เสียงเก้าอี้ขยับ มีเพียงลมหายใจของแต่ละคนที่เริ่มถี่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สายตาของราฟาเอโร่ตวัดไปยังหัวหน้าแผนกบัญชีอย่างแม่นยำ ราวกับตั้งเป้าไว้ก่อนแล้ว “พนักงานของนายเป็นคนขอให้เจบีอยู่ช่วยงานต่อใช่ไหม”
หัวหน้าแผนกบัญชีสะดุ้ง สีหน้าเปลี่ยนไปในเสี้ยววินาที “ผม...ไม่ทราบเรื่องนี้เลยครับ ท่านราฟาเอโร่”
“ไม่ทราบ?” เสียงเขายังนิ่ง แต่แผ่วลงชัดเจน “แล้วทำไมพนักงานของนายถึงขอให้เจบีช่วยงานถึงช่วงเย็น ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของเขา?”
“คือว่า...พนักงานของผมบางคนอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าเขาสามารถช่วยได้...”
“เข้าใจผิด?” ราฟาเอโร่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แต่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความขำในแววตา “หรือว่าจงใจ?”
เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย คางแทบแตะข้อนิ้วที่วางพาดกับโต๊ะ สายตาจ้องตรงไปยังชายตรงหน้าราวกับจะเจาะเข้าไปถึงกระดูก “ฉันไม่ได้ตั้งองค์กรนี้ขึ้นมา...เพื่อให้พวกนายใช้มันเป็นสนามทดลองความโง่”
ไม่มีใครกล้าหายใจแรง
แล้วเขาก็หันขวับไปอีกฝั่ง “ระบบไฟฟ้าและประตูอัตโนมัติ ถูกควบคุมโดยแผนกของนาย” ดวงตาคมจับจ้องหัวหน้าแผนกไอที “ทำไมถึงเกิดเหตุแบบนั้นขึ้น?”
“ผมตรวจสอบแล้วครับ...ไม่มีการแจ้งปัญหาเรื่องระบบเมื่อวานนี้เลย” ชายคนนั้นตอบ ทั้งที่เสียงสั่นจนต้องฝืนให้พูดให้จบ
ราฟาเอโร่นิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาไม่ไหวเอนแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง ชัดกว่าเดิม หนักกว่าเดิม “แปลว่า...ไม่มีความผิดพลาดทางเทคนิค”
เขาลุกขึ้นช้า ๆ เสียงเก้าอี้เลื่อนออกจากพื้นอย่างเรียบนิ่ง แต่ก็ดังก้องพอจะทำให้หัวใจใครหลายคนสะดุด ร่างสูงใหญ่ของเขาเดินเลียบข้างโต๊ะไปอย่างไร้เสียง สายตากวาดมองไล่ไปทีละคน เหมือนหมาป่าที่กำลังเดินในฝูงแกะ ไม่มีใครกล้าสบตานานเกินหนึ่งวินาที
“ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น” เขาพูดเรียบ ๆ “และถ้าใครคิดจะเล่น…” เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนปรายตามองกลับไปยังหัวหน้าแผนกบัญชีและไอทีที่นั่งตัวแข็งอยู่ “...ฉันก็ยินดีจะเล่นด้วยให้ถึงที่สุด”
ความเงียบกลับมาอีกครั้ง หนักกว่าเดิม หนาวกว่าเดิม
เขาหยุดฝีเท้า ยืนตรงหน้าจอฉายกลางห้อง แล้วเอ่ยช้า ๆ โดยไม่หันกลับไป
“ฉันให้เวลาพวกนาย 24 ชั่วโมง…เพื่อหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเมื่อคืน” น้ำเสียงเขานิ่งเสียจนเหมือนกำลังอ่านรายงาน แต่น้ำหนักในทุกคำชัดเจนเกินกว่าจะเมินได้
“ถ้าหาไม่ได้…”
เขาหันกลับมาช้า ๆ ริมฝีปากโค้งขึ้นน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มบางเฉียบที่ไม่มีอารมณ์ใดแฝงอยู่
“…ฉันจะถือว่านั่นคือคำยอมรับ ว่าคนสั่ง…คือพวกนายเอง”
ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา มีเพียงความกลัวที่เริ่มก่อตัวเงียบ ๆ ทั่วทั้งห้อง เหมือนหมอกเย็นที่ค่อย ๆ คลืบคลานขึ้นจากปลายรองเท้าไล่จนถึงต้นคอ
และไม่มีใครในห้องนั้น...กล้ากะพริบตา
1:15 PM | แผนกรักษาความปลอดภัย
เสียงไฟฟ้ากระซิบเบา ๆ ดังประสานกับเสียงพัดลมจากเครื่องควบคุมระบบที่ทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดสว่างวาบด้วยแสงจากหน้าจอมอนิเตอร์นับสิบที่แสดงภาพจากทุกมุมของอาคารสำนักงาน ราฟาเอโร่ก้าวเข้ามาโดยมีเลขาส่วนตัวเดินตามหลังอย่างเงียบงัน
เขายกมือชี้ไปยังหน้าจอหนึ่งที่ฉายภาพช่วงเวลาของวันวาน ดวงตาคมเข้มใต้แสงสีฟ้าของหน้าจอจ้องนิ่งโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่ม
“ย้อนภาพตั้งแต่ช่วงบ่าย”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขยับตัวทันที รีบเลื่อนเมาส์และไล่ดูช่วงเวลาอย่างคล่องแคล่ว ภาพย้อนหลังย้อนกลับไปยังช่วงที่เจบีกำลังนั่งพักเบรคอยู่ตามลำพังในมุมเงียบของห้องเล็กด้านข้าง
ไม่กี่วินาทีถัดมา หญิงสาวจากฝ่ายบัญชีก็เดินตรงเข้าไปหาเขา มือข้างหนึ่งถือแฟ้มเอกสารแน่น อีกข้างวางแตะโต๊ะอย่างสุภาพเกินจริง
ราฟาเอโร่พยักหน้าเรียกให้หยุดทันที เมื่อเห็นหญิงสาวจากฝ่ายบัญชีเดินเข้าไปหาเจบี มือถือแฟ้มเอกสารแน่น
“หยุดตรงนั้น” ราฟาเอโร่พูดแทรกขึ้น ก่อนจะโน้มตัวไปดูใกล้ขึ้นเล็กน้อย
“ขยายภาพให้เต็มจอ”
ภาพบนจอใหญ่ขยายออกจนสามารถมองเห็นสีหน้าและท่าทางของทั้งสองได้ชัดเจน แม้ไม่มีเสียง แต่การขยับปากเล็กน้อยของหญิงสาวกับรอยยิ้มฝืดฝืนของเธอ รวมถึงท่าทางลังเลก่อนรับเอกสารของเจบี ก็บอกได้มากกว่าคำพูด
ราฟาเอโร่ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาคมเป็นประกายเงียบงันแบบที่คนสนิทของเขาเท่านั้นจะรู้ว่า อารมณ์เขาเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
“ต่อภาพไปเรื่อย ๆ จนกว่าทุกคนจะออกจากตึก”
คำสั่งสั้น ๆ นั้นทำให้ทั้งห้องเงียบลงกว่าเดิม หากมีเข็มตกคงได้ยิน
เมื่อภาพเลื่อนไปจนถึงช่วงเย็น หน้าจอหนึ่งเผยให้เห็นแผนกที่มืดสนิทราวกับถูกทิ้งทั้งชั้น ในมุมหนึ่งของภาพ กล้องวงจรปิดจับภาพเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่เพียงลำพัง แผ่นหลังแนบกับกำแพง สองแขนกอดตัวเองแน่นราวกับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความอบอุ่นได้ในตอนนั้น เงาร่างนั้นสั่นไหวเพียงเล็กน้อยภายใต้แสงสลัวจาง ๆ ของระบบไฟสำรอง
ราฟาเอโร่ยืนนิ่ง มองภาพตรงหน้าโดยไม่กระพริบตา เงาสะท้อนจากจอวูบไหวบนใบหน้าของเขา ดวงตานั้นเรียบเฉย...แต่ลึกลงไปกลับคล้ายมีบางอย่างกำลังเดือดอยู่เงียบ ๆ ใต้ผิวน้ำ
ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด...แต่เพราะเขาไม่เคยอนุญาตให้ใครแตะต้องสิ่งที่เขายังไม่อนุญาตให้หายไปจากมือ
3:20 PM | ห้องทำงานราฟาเอโร่
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนประตูไม้บานใหญ่เปิดออก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวที่เงียบสนิท
หญิงสาวจากฝ่ายบัญชี คนเดียวกับที่กล้องจับภาพได้ว่าเป็นคนยื่นแฟ้มให้เจบีตอนบ่ายวันนั้น ยืนก้มหน้าเงียบ มือสอดกันแน่น หน้าเครียดจนแทบไม่กล้าหายใจ
ราฟาเอโร่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานเหมือนทุกครั้ง เสื้อเชิ้ตสีเข้มพับแขนขึ้นถึงข้อศอก เผยแขนเรียบตึงที่มีเส้นเลือดบาง ๆ ไล่ตามแนวกล้ามเนื้อ เขาไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง แค่จ้องเธอเงียบ ๆ ดวงตานิ่งสนิทจนน่าหวั่น
แล้วเขาก็หยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ข้างตัว โยนลงตรงหน้าเสียงดัง “อธิบาย”
หญิงสาวสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบเอ่ยเสียงเบา “คะ...คือ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นค่ะ แค่จะขอให้เขาช่วยจัดแฟ้ม แค่เอกสารนิดหน่อยเองค่ะ”
ราฟาเอโร่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะช้า ๆ จนหยุดตรงหน้าเธอ สายตาของเขายังนิ่ง แต่กลับทำให้เธอหลบตาโดยอัตโนมัติ
“ใครสั่ง”
หญิงสาวส่ายหน้าแทบไม่ทัน “ไม่มีใครค่ะ ดิฉันทำเอง”
“อย่าโกหก” เสียงเขากดต่ำลงอีก น้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่แรงกดดันรอบตัวเหมือนอากาศในห้องถูกดูดออกไปครึ่งหนึ่ง “ฉันให้โอกาสแค่ครั้งเดียว”
เธอชะงัก เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุบตาต่ำลง “มีคนบอกให้ทำค่ะ…เขาบอกว่าคุณไม่ชอบเด็กคนนั้นอยู่แล้ว ถ้าใครทำให้เขารู้ที่ทางได้ มันก็คงจะดีสำหรับทุกคน”
ราฟาเอโร่หัวเราะในลำคอเบา ๆ รอยยิ้มที่มุมปากมาแค่แวบเดียว ก่อนหายไปเหมือนไม่เคยมี “ดีสำหรับใคร?”
เขาหันกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม มือเอื้อมกดโทรศัพท์บนโต๊ะ “เรียกฝ่ายวินัยเข้ามา ตรวจสอบชื่อและคำให้การของเธอให้ครบ แล้วดำเนินการตามขั้นตอน”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ “ท่านราฟาเอโร่...ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ—”
“ไม่ตั้งใจ?” เขาพูดแทรกทันที ดวงตายังไม่มองกลับไป “เธอทำให้คนของฉันติดอยู่ทั้งคืนในอาคารโดยไม่มีใครรู้ ทั้งที่ฉัน...ไม่ได้อนุญาตให้ใครทำแบบนั้น”
มือเขาค่อย ๆ เปิดเอกสารอีกชุดตรงหน้า ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเธออีก
“ถ้าคิดว่าแค่พูดว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ จะรอด…” เขาหยุดเล็กน้อย แล้วกล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงเรียบชัด “แปลว่าเธอไม่รู้จักฉันดีพอ”
ประตูเปิดออกอีกครั้ง เจ้าหน้าที่สองคนก้าวเข้ามาพาเธอออกไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบในห้องทำงาน ราฟาเอโร่นั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะหลุบตาลงช้า ๆ
...ไม่มีใครควรแตะต้องของของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต
แม้กระทั่งเขาเอง ก็ยังควบคุมตัวเด็กคนนั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
| Noctis Grand Medical Center - ศูนย์การแพทย์น็อกทิสแกรนด์
เสียงเครื่องวัดชีพจรดังแผ่วเบาเป็นจังหวะเดียวภายในห้องพักฟื้นพิเศษ ผ้าห่มสีขาวสะอาดคลุมถึงอกของเจบี ร่างผอมบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงถูกคล้องด้วยสายให้น้ำเกลือและเซนเซอร์วัดชีพจรอย่างระมัดระวัง ผิวซีดเซียวของเขาเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้าสะสมที่ยากจะปิดบัง
“อ่อนเพลียขั้นรุนแรง พักผ่อนไม่เพียงพออย่างต่อเนื่อง…” กายพูดขณะตรวจดูผลเลือดบนแท็บเล็ต ดวงตานิ่งสงบ แต่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ใครใช้งานเขาหนักขนาดนี้?”
ไม่มีใครตอบ เพราะไม่มีใครกล้า
ตอนที่เจบีถูกพามาถึงโรงพยาบาลในสภาพครึ่งหมดสติ เสื้อเชิ้ตทำงานยังหลวมโพรก มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบจนต้องใช้ถุงมือให้ความร้อนช่วยประคอง เขาพึมพำแค่ไม่กี่คำ ก่อนจะหลับไปโดยไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ไม่เหมือนตอนอยู่กับเสี่ยวไป๋…
ตอนนั้นเจบีดูอิ่มท้อง นอนหลับ และมีประกายเล็ก ๆ ในดวงตา แต่ตอนนี้ เหลือเพียงร่างบางที่ถูกเค้นทุกหยดพลังใจจนแทบไม่เหลืออะไรให้ยึดเกาะอีก
เสียงรองเท้าหนังหนักแน่นดังขึ้นหน้าห้องพักผู้ป่วย บอดี้การ์ดเปิดประตูให้ราฟาเอโร่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูเยือกเย็นแต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน เขาไม่พูดอะไรสักคำ เพียงเดินตรงไปหยุดที่ข้างเตียง มองดูเจบีที่นอนนิ่ง ใบหน้าซีดขาวของอีกฝ่ายทำให้เขาขมวดคิ้ว
กายหันมามองเขา “นายไม่เคยสังเกตเลยใช่ไหม ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้พักผ่อนอย่างที่ควร เขาถูกใช้งานจนร่างจะพังอยู่แล้ว”
ราฟาเอโร่ยังคงเงียบ
เขารู้…
แต่เขาไม่คิดว่าผลมันจะหนักขนาดนี้
สายตาเขาหยุดลงที่รอยแตกบนริมฝีปากของเจบี แผลเล็ก ๆ ตามแนวมือจากการทำงานต่อเนื่อง และน้ำเกลือที่หยดช้า ๆ ในความเงียบ
ครั้งนี้...เขาอาจจะเลยเส้นไปจริง ๆ
ตลอดทั้งบ่าย เจบียังคงหลับสนิทบนเตียงในสภาพที่ร่างกายแทบจะไม่มีแรงต่อต้านใด ๆ เหลืออยู่ ใบหน้าขาวจัดจนเกือบซีด ริมฝีปากแห้งแตก มือข้างหนึ่งมีสายน้ำเกลือเสียบไว้ ส่วนอีกข้างวางนิ่งข้างลำตัว ผ้าห่มสีอ่อนคลุมจนถึงอก
กระทั่งถึงช่วงเย็น...
ข้างเตียง ราฟาเอโร่ใช้เก้าอี้ไม้เรียบ ๆ ตัวหนึ่งลากเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งชิดขอบเตียงโดยไม่พูดอะไร เขาวางคางพาดลงบนแขนที่ไขว้กันอยู่บนขอบเตียง สายตาเคยมองตรงไม่เคยหลบใคร ตอนนี้ปิดสนิท ใบหน้าเงียบขรึมมีแววอ่อนล้า
เขาหลับไปทั้งที่ยังสวมสูทเต็มยศ เนคไทคลายออกเพียงเล็กน้อย เหมือนตั้งใจจะมานั่งเฝ้าแค่ครู่เดียว แต่สุดท้ายกลับทิ้งตัวฟุบหลับอยู่ตรงนั้น
บนโต๊ะข้างเตียง มีเพียงแก้วน้ำครึ่งแก้วที่น้ำยังอุ่น กับกล่องใส่อาหารที่ยังไม่ได้แกะ ราวกับตั้งใจจะให้เจบีกินเมื่อตื่นขึ้นมา
ไม่นานนัก...
ประตูห้องเปิดออกอย่างเงียบงันโดยไม่มีเสียงเคาะ กายก้าวเข้ามาช้า ๆ พร้อมแฟ้มเวชระเบียนในมือข้างหนึ่ง เสื้อกาวน์สีขาวสะอาดของเขายังคงปิดกระดุมทุกเม็ดเหมือนเช่นเคย ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเข้ามาใกล้ชะงักลงในทันทีเมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้า
ในห้องเงียบสนิท เด็กหนุ่มยังไม่รู้สึกตัว แต่ใบหน้าเริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กลับคืนมา ร่างกายไม่ได้เกร็งเย็นเหมือนเมื่อเช้าแล้ว
และที่ข้างเตียง...
ราฟาเอโร่หลับพิงอยู่กับขอบเตียงในท่าที่ไม่คุ้นตาสำหรับใครก็ตามที่รู้จักเขา แขนพาดกันบนขอบเตียง ศีรษะเอนลงพิงท่อนแขนเหมือนเด็กที่เผลอหลับในห้องเรียน เส้นผมที่เคยเซ็ตอย่างเนี้ยบมีเส้นหลุดลุ่ยเล็กน้อย
กายยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง
มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ กับตัวเอง
"หึ...ไม่น่าเชื่อเลยนะ" เขาพึมพำเบา ๆ ราวกับพูดกับภาพตรงหน้า
ชายผู้กุมอำนาจในโลกใต้ดินครึ่งค่อนยุโรป…กลับกำลังนั่งหลับอยู่ข้างเตียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะตั้งใจแกล้งให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้เสียมากกว่า
กายแค่ยืนมองเงียบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ถอยออกไป ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบเหมือนเดิม
ราฟาเอโร่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ข้างเตียงในห้องพักเงียบสงบ เสียงหายใจสม่ำเสมอของเจบีเป็นจังหวะเดียวในห้องที่ยืนยันว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ตรงหน้าเขา ยังคงมีชีวิต และยังไม่จากไปไหน
อาการนอนไม่หลับที่เคยตามหลอกหลอนเขาทุกคืน เหมือนกำลังค่อย ๆ จางหายไปอย่างไม่รู้ตัว
ไม่ได้หลับแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ แบบที่ไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ ไม่ต้องใช้ยานอนหลับ ไม่ต้องฝืนตัวเองให้วางเรื่องงานลงจากหัว ไม่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงในหัวที่ไม่มีวันเงียบ
กลิ่นกายของเด็กคนนี้คล้ายยานอนหลับชั้นดี แค่ได้อยู่ใกล้ ๆ ก็เพียงพอจะทำให้เขาหลับสนิท หลับลึกโดยไม่ต้องสะดุ้งตื่น
และมากพอจะให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างแท้จริง...แม้เพียงชั่วขณะก็ตาม
เสียงน้ำเกลือหยดลงเป็นจังหวะช้า ๆ ติก...ติก...ดังก้องชัดในความเงียบที่ปกคลุมห้อง ราฟาเอโร่ขยับเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ขณะที่ความรู้สึกแรกที่กระทบเข้ามาคือแรงขยับเล็กน้อยจากเตียงข้างตัว เขาเงยหน้าขึ้น สายตาหยุดอยู่ที่ร่างผอมบางที่ขยับเล็กน้อยในท่าพิงหัวเตียง
แต่เจบีกลับไม่พูดอะไร ไม่หันมามอง ไม่แม้แต่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาในห้องนี้ ราฟาเอโร่ขยับตัวเงียบ ๆ ลุกขึ้นจากขอบเตียงจนเต็มความสูง เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ยังคงนิ่ง มองออกไปนอกหน้าต่างราวกับไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว
ราฟาเอโร่มองอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ นานพอสมควร ก่อนจะหันสายตาออกไปมองท้องฟ้านอกหน้าต่าง เขารู้ดีว่าความเงียบนี้ไม่ใช่แค่ความดื้อ มันคือความไม่พอใจที่แสดงออกมาแบบไม่ต้องพูด
และเขาก็รู้ว่าทำไม เจบีเข้าใจว่าเขาเป็นคนแกล้ง เจ้าตัวคิดว่าเขาจงใจปล่อยให้ติดอยู่ในสำนักงานทั้งคืน ล็อกประตู ดับไฟ ปล่อยให้เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่อำนาจในที่นั้น ต้องอยู่ลำพังในที่ที่ไม่รู้ว่าควรจะวางตัวเองไว้ตรงไหน
มันฟังดูจงใจมากพอจะเชื่อได้ และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยที่จะลบความเข้าใจผิดนั้นออกไป ทั้งที่ความจริงคือ เขายังไม่ได้แตะอะไรทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นผลโดยตรงจากเขา
เพราะความเงียบของเขา เพราะคำพูดที่ไม่ได้พูด เพราะสายตาที่พอจะทำให้คนทั้งองค์กรเข้าใจไปในทางเดียวกัน เขาไม่เคยบอกว่าเกลียดเจบี แต่เขาก็ไม่เคยพูดว่าชอบ เขาแค่ไม่ไว้ใจ และทุกคนก็แปลความหมายของมันออกเป็นอย่างอื่น
เขารู้ว่าคนพวกนั้นคิดว่าเขาไม่พอใจเจบี คิดว่าเจบีคือคนนอกที่ไม่ควรอยู่ในซิลเวอร์เนสต์ คิดว่าการที่เด็กคนหนึ่งได้เข้าออกพื้นที่สำคัญ เดินข้างเขา หายใจในระดับความลับเดียวกับผู้บริหาร เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
พวกนั้นเลยเลือกจะทำอะไรบางอย่างเอง โดยไม่รอคำสั่ง เพราะคำสั่งที่ไม่ได้พูดของเขา มันรุนแรงมากพอแล้ว
ราฟาเอโร่ไม่ได้รู้สึกผิด…แต่ก็ไม่อาจเรียกว่าถูกต้อง
เขาแค่กำลังพยายามหาคำตอบ ว่าเด็กคนนี้ต้องการอะไร เข้ามาทำไม ทำไมถึงฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงเข้ากับเสี่ยวไป๋ได้รวดเร็วขนาดนั้น ทำไมถึงทำให้แคสเปอร์ยอมเปิดข้อมูลบางอย่างให้ได้แบบที่ไม่มีใครเคยทำได้
และทำไม…ถึงอยู่ตรงนี้ได้อย่างแนบเนียนจนคนอย่างเขายังรู้สึกแปลก ราฟาเอโร่ไม่เชื่อในเรื่องบังเอิญ โดยเฉพาะในธุรกิจที่ทุกอย่างคือผลประโยชน์
ราฟาเอโร่ไม่ได้อยากแกล้ง ไม่ได้อยากให้ใครลงมือกับเจบีด้วยความสะใจ เขาแค่กำลังรอ รอให้เด็กคนนี้เผลอ รอให้เจอบางจุดที่พลาด แล้วเขาจะได้ข้อมูลบางอย่างที่ต้องการ
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ…เขาเริ่มชินกับการมีเด็กคนนี้อยู่ข้างกายเสียแล้ว
“คิดจะเงียบอีกนานมั้ย…” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ราบเรียบแต่แฝงด้วยแรงกดดันที่ไม่อาจมองข้าม “หรือต้องให้ฉันง้างปาก ถึงจะยอมพูด”
“คุณไม่จำเป็นต้องมานั่งเฝ้าผมก็ได้”
เจบีพูดออกมาในที่สุดน้ำ เสียงนั้นเรียบ เยือก และเจ็บในเวลาเดียวกันไม่ใช่คำปฏิเสธ ไม่ใช่การขับไส แต่เป็นการตัดความผูกพันทั้งหมดในประโยคเดียว
“ทำไมล่ะ?” ชายผู้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลเลิกคิ้วเล็กน้อย “นี่โรงพยาบาลของฉัน ฉันจะนั่งตรงไหนก็ได้…”
เจบีเม้มริมฝีปากแน่น เลือกจะไม่ต่อบทสนทนาอีก ไม่มีคำใดถูกเอื้อนเอ่ย ราวกับการปะทะกันเงียบ ๆ คือภาษาที่เขาทั้งสองถนัดที่สุด
ราฟาเอโร่ถอนหายใจบางเบา ดวงตาคมกริบมองคนตรงหน้าอย่างประเมิน “แล้วดีขึ้นหรือยัง?”
ชายหนุ่มบนเตียงพยักหน้าเพียงนิดเดียว ไม่ได้มอง ไม่ได้ยิ้ม ไม่มีคำขอบคุณ
“ทำไม…” ราฟาเอโร่ถามต่อ “คิดว่าฉันแกล้งหรือไง?”
เจบียังไม่ตอบ แต่ความเงียบของเขาก็พูดแทนทุกอย่าง
“ฉันยอมรับก็ได้” ราฟาเอโร่เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ดวงตาเข้มดุจเหยี่ยวที่กำลังจับจ้องเหยื่อ “ที่ผ่านมาฉันตั้งใจใช้คำสั่งไร้สาระกับนาย แต่เรื่องเมื่อคืนนี้ ฉันไม่ได้สั่งให้ใครทำแบบนั้น และฉัน...ลากตัวคนทำมาลงโทษแล้ว”
เจบีเหลือบตาขึ้นสบตาเขาเล็กน้อย สีหน้าที่ปราศจากความแปลกใจ ไม่ได้แสดงความดีใจ หรือแม้แต่ความซาบซึ้ง มันเป็นเพียงแววตามืดทึบที่เต็มไปด้วยระยะห่าง
“คุณไม่เห็นต้องทำแบบนั้น” เสียงของเจบีเรียบเย็น ไม่ได้อ่อนลงแม้แต่น้อย “ผมไม่ได้มีค่ามากพอให้คุณต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้”
ราฟาเอโร่ยกคิ้วขึ้นช้า ๆ ยิ้มบางบนริมฝีปาก...ที่ไม่มีความอบอุ่นอยู่ในนั้นเลย “นายกำลังประชดฉัน?”
เจบีไม่ตอบทันที แต่กลับเอนตัวพิงพนักเตียง ดวงตานิ่งเรียบ “ผมแค่พูดความจริง...หรือคุณไม่ชอบความจริงกันแน่”
บรรยากาศในห้องนิ่งงันราวกับมีบางอย่างหยุดหมุนไปชั่วขณะ
ราฟาเอโร่หัวเราะในลำคอเบา ๆ ทว่าไม่มีแววตาใดที่บ่งบอกว่าเขาขำด้วยจริง ๆ “น่าสนุกดีนะ...เวลาที่นายเปิดปากพูดแบบไม่เกรงใจ”
“งั้นก็อย่ารีบตายก็แล้วกัน...เพราะฉันยังต้องการความจริงจากนาย”
สนุกมากครับ เลิฟไงครับ โอ นึกว่าจะหวานซึ้ง แต่สนุกมากครับ รอรอรอต่อ
ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]