เรือเมล์เร่รัก ตอนที่ 4 by สุรัMนาวี_CP
"ทำไมถึงรังเกียจผมนัก หือ? เพราะผมไม่หล่อเหมือนไอ้กิตใช่ไหม?" ก๊อตเค้นเสียงคำราม"อย่า! ปล่อยผมนะ" ผมดิ้นรนสุดชีวิต
"ปล่อย! ไม่อย่างนั้นผมร้องจริงๆ ด้วย" เท่าที่ผมทำได้ก็เพียงแต่พยายามดันเขาออกไป แต่เรี่ยวแรงผมหรือจะสู้คนตัวสูงใหญ่อย่างเขาได้ มือที่ปิดปากแน่นทำเอาผมแทบหายใจไม่ออก กลิ่นยาสูบถูกๆ ฉุนติดมือเขาปนกับกลิ่นเหล้าขาวคละคลุ้ง
ผมร้องไม่ออก และถึงร้องไปก็ไม่มีใครมาช่วยผมหรอก ที่นี่มีผมอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สำคัญคือไม่มีบ้านใกล้เรือนเคียงเลยด้วย มีทางเดียวคือ ผมต้องหาทางเอาตัวรอดให้ไวก่อนที่ผมจะถูกขืนใจตรงหน้าประตูบ้านของตัวเอง แต่รสสัมผัสนี่สิ มันช่างวาบหวิวต่างจากที่เคยได้ลิ้มลองมา ร้อนแรงและดุดันราวกับชายที่หลงทางกลางทะเลทรายมาพานพบกับแหล่งน้ำแล้วดื่มด่ำกับมันอย่างไม่คิดว่าจะสำลักตาย จมูกโด่งๆ ซุกไซ้ซอกซอนไปตามเนื้อตัวผม สูดดมกลิ่นกายปากและลิ้นที่ร้อนผ่าวเลียไล้ดูดดื่มราวกับจะกลืนกินผมให้หมดไปทั้งร่าง
ใจผมได้แต่ร่ำร้องดังลั่นอยู่ภายในว่าให้ขัดขืนดิ้นรน แต่ร่างกายสิกลับช่างอ่อนแอ มันสั่นระริกระรัวผ่าวราวกับโหยหาปรารถนาสัมผัสรักนี้มานานแสนนาน แม้กระทั่งตอนที่เขาพยายามฉีกเสื้อผ้าของผมออกจากร่าง ผมยังไม่ขัดขืนเขาเลยแม้แต่น้อย
เสียงกระดุมขาดหลุดออกจากตัวเสื้อดังผึงติดต่อกัน ปากร้อนและเปียกชุ่มของก๊อตทาบลงบนหน้าอกผม โลมเลียอย่างหื่นกระหายผ่านขึ้นลงกลางแผงอกราวกับนักเดินทางผู้กำลังค้นหาขุมทรัพย์ เพียงเขาเลื่อนริมฝีปากลงสู่ยอดอกผมแล้วดูดดื่มมันผมก็ผวากอดเขาแน่น
ผมลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าของก๊อตอยู่ห่างผมไม่กี่มิลลิเมตร ผมยาวรุ่ยร่ายปรกใบหน้า กลิ่นเหล้าขาวราคาถูกระเหยออกจากลมหายใจ ผมคาดหวังดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งแต่ไม่ใช่เลย ดวงตาของก๊อตกลับแดงก่ำเหมือนคนร้องไห้
"ทำไม...คนอย่างผมมันน่าเกลียดน่ากลัวนักหรือไง...ใครๆ ถึงได้เกลียดผมกันนัก" น้ำเสียงเขาสั่นชวนให้สงสาร
"คนที่ไม่หล่อมันไม่มีสิทธิ์ที่จะรักใครชอบใครใช่ไหม?" หยดน้ำอุ่นๆ ตกต้องใบหน้าผมพร้อมๆ กับเสียงสะอื้น
"ผมก็แค่มาส่ง ผมชอบคุณ และ...มันก็แค่นั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ...ไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ..."
ใช่...ผมน่ะเองที่ผิด ผมคิดระแวงเขามากมายจนเกินไป ผมเข้าใขว่าเขาต้องการที่จะมามีเซ็กซ์กับผม อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สักสี่ห้าครั้งจะได้เลิกมองคนในแง่ร้ายเสียที
"ผม...เอ่อ...ผมขอโทษ" ผมลูบหลังเขาเบาๆ
"ปล่อยผมก่อนได้ไหมครับก๊อต"
"ถ้าผมปล่อยคุณ คุณก็จะร้องแล้วหนีผมไป คุณจะแจ้งความให้ตำรวจจับผม" ผมถอนหายใจเบาๆ
"ผมสัญญา ผมจะไม่หนีไปไหน โอเคไหมครับ" ก๊อตค่อยๆ คลายมือที่กดร่างผมไว้ออก ผมนวดหัวไหล่ตัวเองเบาๆ หนุ่มคนนี้แรงมากเอาการ และถ้าหากเขาไม่ยอมปล่อยผมคงไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดไปได้เป็นอันขาด
"เห็นไหม ผมไม่ได้หนีไปไหน แล้วก็ไม่ได้ร้องด้วย" ก๊อตก้มหน้านิ่ง เขาหน้าแดงก่ำอย่างคนสำนึกผิด
"ผม...ผมขอโทษ...คือผมเมาไปหน่อย" ไม่หน่อยหละ ผมนึกในใจ แต่ก็ดีแล้วที่ผมหลุดรอดออกมาได้
"คุณคงไม่ไปฟ้องพี่ไทใช่ไหมครับ ผมหมายถึง เอ่อ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรคุณจริงๆ"
"ครับ ผมไม่พูด" ผมสัญญา
"เอ้อ ผมจะไม่บอกใครเรื่องนี้" ก๊อตยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง
"ผม...คือผมเคย...มีปััญหาแบบนี้กับ...บางคน...ผมเลย" สุดท้ายผมจึงค่อยๆ ลุกขึ้น อันที่จริงผมอยากที่จะลุกให้เร็วกว่านี้ แต่ผมกลัวว่าก๊อตจะเข้าใจผิดคิดว่าผมจะหนี ผมยื่นมือให้เขา
"ลุกขึ้นาเถอะก๊อต ไปนั่งคุยกันที่โต๊ะ"
ผมคิดเอาเองว่าก๊อตอาจจะมีปมด้อยเรื่องเกี่ยวกับหน้าตา เขาจึงแสดงอาการออกมาอย่างนั้น ประกอบกับที่เขาเมามากด้วย เขาทำท่าจะเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก แต่ผมก็ส่ายหน้า
"ไม่ต้องพูดอะไรอีกหรอกก๊อต...ผมเข้าใจ" ก๊อตลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงมาหาผม เขากอดผมจากทางด้านหลัง
"คุณรัตน์...อย่าโกรธผมนะครับ" จมูกของเขาเหมือนจะจงใจกดฝั่งตรงหลังใบหู ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดจนผมขนลุกซู่ ปากร้อนฉ่ำเคลียอยู่แถวต้นคอ มันเป็นจุดที่ไวต่อสัมผัสที่สุดในตัวผม ใจหนึ่งผมอยากดันเขาออกไป หากแต่อีกใจอยากให้เขาทำกับผมมากกว่านั้น
"ผม...ผมไม่โกรธก๊อต...โอเคไหมครับ" ผมตอบเสียงสั่นๆ ใจผมหวิวไหวไปกับสัมผัสของเขาเสียแล้ว ผมพยายามแกะมือที่โอบกอดรอบคออยู่แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อย
"คุณจะไล่ผมกลับอีกไหม" ก๊อตพึมพำ
"ผมยังไม่อยากกลับไปเลย" ผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกต่างๆ นานาที่ประดังประเดเข้ามาในจิตใจผมจนสับสน ผมกัดริมฝีปากอย่างแรงจนช้ำ แต่มันก็ไม่ได้ผลอันใด ปากผมหนักเกินกว่าที่จะเอ่ยคำไล่ให้เขากลับไป มันจึงเป็นเหมือนการตกลงแบบกลายๆ เมื่อเขาเอ่ยคำที่อยากพูดที่สุดออกมา
"คืนนี้...ผมขอค้างที่นี่นะครับ"
"ผมรับรอง...รับรองว่าจะไม่ทำอะไรคุณจริงๆ ขอแค่ผมได้นอนข้างๆ คุณเท่านั้น"
น้ำเสียงของเขาอ่อนลงจนน่าสงสาร และผมเองก็คงจะดูเป็นคนใจร้ายหากปฏิเสธหรือไล่เขากลับไป แล้วผมควรจะดีใจหรือเสียใจกับข้อเสนอของเขาดี
สุดท้าย ทั้งผมและเขาก็ได้มานอนเบียดกันบนเตียงแคบๆ ท่ามกลางความสลัวลางของราตรีอันแสนยาวนานและสับสน มีเพียงแสงจันทร์นวลใยส่องผ่านหน้าต่างไม้บานเก่ามาตกต้องที่พื้นข้างเตียงเหมือนทุกที แต่คืนนี้ดูมันจะสวยงามกว่าจันทร์ทุกดวงที่เคยเห็นมาทุกครั้ง
ก๊อตเพียงแค่จูบผมที่หน้าผากเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ แล้วเขาก็ซุกกายหลับใหลไปข้างๆ ผมราวกับเป็นเด็กน้อยและปล่อยให้ผมว้าวุ่นกับความคิดและความรู้สึกต่างๆ นานของตัวเองจนกระทั่งเช้า
แสงแดดที่แผดกล้ายามสายสาดผ่านร่มไม้ลงมายังหน้าต่างเข้าสู่ตาผม อากาศที่ร้อนทำให้ผมจำใจต้องลุกขึ้นมาจากเตียง ห้องเล็กโล่งของผมว่างเปล่าไม่มีเงาของก๊อต บนหมอนเหลือเพียงเส้นผมยาวสองสามเส้นที่หล่นเป็นหลักฐานว่าเมื่อคืนนี้ก๊อตได้มานอนข้างๆ ผม
ผมเห็นอะไรบางอย่างสะท้อนแดดแวววาวอยู่บนโต๊ะทำงาน ผมจึงลุกขึ้นดู แหวนเงิน วงใหญ่ที่มีลายสลักเป็นรูปวิษณุอันเป็นสัญลักษณ์ของพวกเด็กช่างวางทับอยู่บนกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่ผมใช้จดอะไรเล่นหน้าคอม มีลายมือหวัดตัวเล็กเขียนติดกันด้วยดินสอไว้ว่า
*****************************************************************************************************************************************
ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ปลุก ผมเห็นรัตน์กำลังหลับสบาย ผมต้องรีบไปทำงานตั้งแต่เช้า กลัวพี่ไทจับได้ว่าผมแอบออกมา ผมไม่ขอโทษรัตน์หรอกสำหรับเรื่องเมื่อคืน เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจจะทำ รัตน์จะโกรธผมก็ได้แต่ผมขอบอกเลยว่า เมื่อคืนนี้เป็นคืนที่ผมมีความสุขที่สุดตั้งแต่ผมจากบ้านมา ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง
เพราะรักนะครับผม
ก๊อต
************************************************************************************************************************************
ผมแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว หากพอนึกขึ้นมาได้ก็ต้องหุบยิ้ม ตกลงแล้วผมชอบเขาหรือนี่ ผมกำลังจะชอบก๊อตซึ่งไม่ได้มีความหล่อเลยสักนิดอย่างนั้นหรือ ผมหยิบแหวนขึ้นมาดู มันใหญ่เกินกว่าที่มือเล็กๆ อย่างผมจะสวมนอกจากที่หัวแม่โป้งซึ่งปรกติผมเองก็ไม่ได้นิยมที่จะใส่แหวนอยู่แล้ว
อดคิดไม่ได้ว่าก๊อตอาจจงใจทิ้งมันไว้ให้ผม แต่คิดอีกทีเขาอาจลืมไว้ก็เป็นได้ ทางที่ดี ผมควรจะเก็บมันติดตัวไว้เผื่อว่าวันนี้เจอเขาผมจะได้คืนเขาไป ผมมองหาที่ๆ จะใส่มันไว้แต่ในกระเป๋าหนังสือก็รกเกินกว่าจะเก็บเอาไว้ และมันคงจะไม่ดีแน่ๆ ถ้าหากว่าผมจำเป็นต้องเปิดกระเป๋ารกๆ ของผมขึ้นเพื่อค้นหาแหวนให้เขาซึ่งก็ไม่น่าดูแน่ แต่เอ...ทำไมผมชักจะเริ่มแคร์ความรู้สึกของก๊อตแล้วล่ะ
สุดท้ายผมก็เลือกที่จะใช้สายพลาสติคที่เดิมใช้คล้อง USB มาร้อยแหวนไว้แทน มันง่ายต่อการหยิบและดูดีกว่าการยัดเอาไว้ในกระเป๋า เพราะผมเลิกใช้สายคล้องคอนั่นแล้วเนื่องจากเข็ดกับการสูญหาย ผมไม่อยากเสียงานที่ผมทำมาทั้งหมดไปอีกครั้ง
ปรกติผมเองจะไม่ค่อยทานอะไรในเช้าวันเสาร์ และจะเล่นเน็ทจนบ่ายถึงออกมาหาอะไรกิน แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรผมกลับเดินเล่นมาจนถึงท่าน้ำ ผมจำได้ว่ามีร้านอาหารตามสั่งอยู่ร้าหนึ่งที่มีคนแน่นมากๆ นั่นรับประกันได้ว่าอาหารจะต้องอร่อยจริง
ให้ตายซิ แทนที่ผมจะเดินหาร้านอาหารอย่างที่ตั้งใจ ผมกลับเดินมาเดินไปแถวท่าเรือเหมือนจะคอยมองหาใคร สายๆ วันเสาร์อย่างนี้ผู้คนยิ่งแออัดกว่าที่เคยเพราะเขาพากันข้ามเรือมาจากอีกฝั่งเพื่อที่จะมนมัสการพระเจดีย์กัน มองไปทางใดก็มีแต่ผู้คนมากมายเต็มไปหมด
"รัตน์" เสียงเรียกของใครคนหนึ่งทำให้หัวใจผมพองฟูขึ้นมาอย่างประหลาด แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่เรียกผมคือพี่ไท
"ว่าไงเรา มาทำอะไรน่ะ"
"อ๋อ มาหาข้าวกินน่ะครับ เลยเดินเรื่อยเปื่อยมาถึงที่นี่" ผมโกหก
"เออ โทษทีนะเมื่อคืนพี่เมาไม่รู้เรื่องเลย รัตน์กลับตอนไหนน่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน ตอนผมกลับพี่ยังคุยกับผมอยู่เลย"
"ตายห่า! เมาขนาดนั้นเลยเหรอกู ว้า...อายจัง"
"แล้ววันนี้พี่ไม่ขับเรือเหรอ?" ผมถามด้วยความสงสัย
"อ๋อ พอดีเมื่อเช้ามีคนเช่าเรือไปลอยอังคารน่ะ" แกตอบ
การลอยอังคารไม่ได้เกี่ยวข้องกับชื่อวันหรือดวงดาวแต่อย่างใด หากหมายถึงการที่เราเอาอัฐิหรือเถ้ากระดูกของญาติที่เสียชีวิตไปประกอบพิธีแล้วโปรยลงในทะเล เรือที่จะเอาออกไปทำพิธีนี้มักจะเช่าเรือโดยสารข้ามฟาก เพราะว่ามีขนาดใหญ่และจุคนได้มาก เมื่อเรือลำไหนออกไปทำพิธีแล้วมักจะหยุดเดินเรือ 1 วันตามความเชื่อของชาวเรือ
วันนี้พี่ไทดูหล่อจริงๆ เพราะแกใส่เสื้อกล้ามผ้ายืดสีดำ เน้นให้เห็นเรือนร่างบึกบึนล่ำสันและลายสักที่เขียวพรืดไปทั้งตัว แกใส่กางเกงยีนส์ดำที่ค่อนข้างฟิตจนมองเห็นอะไรต่อมิอะไรเป็นรูปเป็นร่างไปหมด ผมพยายามละสายตาไม่จ้องแกให้มากจนน่าเกลียด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องลอบมองเป้ากางเกงที่ตุงโป่งด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่ภายใน
"เออ เมื่อคืนไอ้ห่าก๊อตก็หายไปไหนมาไม่รู้ กลับเอาเกือบเช้า ดีที่ไม่ตกเรือ"
คำว่า "ตกเรือ" นั้นพี่ไทหมายถึงการมาไม่ทันเรือออกนั่นเอง ผมสะดุ้งนิดๆ กลัวว่าเขาจะรู้ความจริงที่ว่าก๊อตมานอนที่บ้านผม
"เมาแล้วไปเที่ยว...หรือเปล่า?" ผมแกล้งไถไปเรื่องอื่น
"เฮ้ย! คนอย่างไอ้ก๊อตไม่มีซะหละ มันหวงตัวยังกับอะไรดี นี่ขนาดมันไม่หล่อนะ รัตน์เชื่อเปล่าว่ามันยังซิงอยู่เลย ฮ่าๆๆๆ" ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมว่าตอนนั้นผมรู้สึกดีใจอย่างไรชอบกล
"เออ ตอนนี้มันกำลังซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่หลังท่าแหนะ" พี่ไทชี้ไปที่โกดังเก่าที่เลิกใช้แล้ว ถัดไปจากท่าปัจจุบัน
"เดี๋ยวพี่ว่าจะไปเล่นหมากรุก ลับฝีมือกับเพื่อนๆ ที่ร้านกาแฟซักหน่อยจะไปด้วยกันไหมล่ะ"
"ไม่ล่ะครับ เดี๋ยวผมจะไปดูอะไรอีกสักหน่อย" ผมพูดขอตัว
"เชิญพี่เลยครับ"
สนุกมากครับ ใจสั่นๆละทีนี้ก็อตใช่หรือป่าวน้ออ555หากเขาแสนดีขนาดนี้เปนผม5555ทั้งคืนไม่หลับไม่นอนเปนแท้55 ขอบคุณมากครับ{:5_137:}{:5_137:} ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ ขอบคุณครับ {:5_120:}ขอบคุณครับ{:5_119:} รักข้างเดียวมันก็จะทรมานประมาณนึง
หน้า:
[1]