เรือเมล์เร่รัก ตอนที่ 2 by สุรัMนาวี_CP
"โอ้ย...ขอบคุณครับ ไม่เห็นต้องซื้อมาเลย เกรงใจ" กิตโบกมือโบกไม้"ไม่ได้หรอกครับ ถ้ากิตไม่ได้เก็บให้ ผมคงจะต้องลำบากไปทำงานใหม่แน่ๆ เลย"
ผมยัดเยียดถุงข้าวของใส่มือเขา ได้กลิ่นแอลกอฮอลล์ระเหยออกมาจากลมหายใจนิดๆ เขาคงจะดื่มเหล้ากันอยู่เป็นแน่
"เข้ามากินด้วยกันก่อนสิไอ้น้อง" พี่บึ้กที่ผมยังไม่รู้จักชื่อตะโกนเรียก
"พี่ไทเรียกแล้วอ่ะพี่" กิตดึงมือผม
"ถ้าไม่รังเกียจ มาดื่มด้วยกันดิครับ"
มือหยาบทว่าอบอุ่นที่เกาะกุมข้อมือผม และสายตาของเขาทำให้ผมต้องใจอ่อน ผมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายราวกับลูกแมวตัวเชื่องๆ
"มาๆๆ เข้ามากินด้วยกันก่อน"
พี่บึ้กหรือพี่ไทที่กิตเรียก รินเหล้าแล้วส่งให้ผมดื่ม ภายในเรือถูกดัดแปลงเป็นห้องนอนกลายๆ ด้วยการเอาเสื่อมาปูลงบนพื้น บนม้านั่งที่เรานั่งระหว่างเดินทางทุกวัน เพียงแค่เอาไม้อัดแผ่นบางๆ มาวางพาดก็กลายเป็นโต๊ะทานอาหารได้ บนนั้นมีเหล้าขาววางอยู่สองขวด ขวดหนึ่งถูกเปิดออกรินบ้างแล้ว มะยมที่คงจะมีคนไปเด็ดมาจากต้นใกล้ท่าน้ำและพริกเกลือที่ทำเองง่ายๆ
"พวกพี่นอนที่นี่กันทุกวันเลยเหรอครับ?"
"ครับ คนจนนี่ครับ ที่ไหนก็นอนได้" พี่ไทตอบ
"เฝ้าเรือให้เขาไปด้วย ตอนแรกๆ ก็นอนไม่หลับแต่นานๆ ไปก็ชินเอง"
เรือทั้งหมดมีด้วยสามลำโยงติดกันไว้เป็นแนว โดยที่แต่ละลำจะมีคนนอนเฝ้าลำละคน แต่ส่วนใหญ่จะมารวมตัวกันที่เรือของพี่ไทเพราะว่ามีทีวีให้ดู ไฟก็มีให้ใช้เพราะว่าต่อตรงลงมาจากท่าเรือ อีกสองลำมีแค่ไฟกลางลำที่ต่อมาจากแบตเตอรี่เรือเท่านั้น หอมกลิ่นปลาดุกย่างโชยฉิว
"สงสัยไอ้ก๊อตมันย่างปลาเสร็จแล้ว" พี่ไทบอก
"นะ เดี๋ยวมากินด้วยกัน กินอาหารเหลามาเยอะแล้ว วันนี้ลองมากินอาหารเรือดูบ้าง"
"โห พี่ ผมก็ไม่ได้ไฮหรูอะไรหรอก คนระดับเดียวกัน ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ?"
"เอางั้นก็ได้ มาช่วยพี่แกะของหน่อยมา"
แล้วเราสองคนก็แกะของกินใส่จานสังกะสีเก่าๆ สองสามใบ มีไส้กรอกรมควันกับผัก แล้วก็มันฝรั่งแผ่นอบกรอบแบบเป็นกระป๋องยาวกับน้ำพริกเผาเอาไว้จิ้ม แค่นี้ก็แจ่มแล้ว
พักเดียวคนตัวโย่งที่ชื่อก๊อตก็ออกมาพร้อมปลาดุกตัวโตย่างหอมฉุย กิตยกหม้อข้าวที่เสียบหุงไว้ที่หัวเรือออกมา พี่ไทหิ้วโทรทัศน์ขาวดำเครื่องจิ๋วออกมาเปิด แล้วพวกเราก็ล้อมวงกินกัน น่าแปลกที่เขากินเหล้ากับข้าวพร้อมกันได้ ผมเองก็เพิ่งเคยเห็น ในหม้อข้าวมีคั่วกลิ้งเนื้อที่เหลือมาจากมื้อกลางวันด้วย
กิตมองหน้าผมแล้วยิ้ม
"ดีใจจังครับวันนี้มีแขกน่ารักๆ มาทานด้วย"
แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็เล่นเอาผมหน้าแดงก่ำ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แตะเหล้าสักหยด
ผมไม่กินเหล้า ซึ่งก็เป็นนิสัยของผมอยู่แล้ว แต่เมื่อพี่ไทคะยั้นคะยอเข้าหนักๆ ผมเองก็เลยต้องจิบนิดๆ หน่อยๆ จะว่าไปมันก็แรงเหมือนกันนะครับ แล้วนี่ผมยิ่งท้องว่างๆ ด้วย
พี่ไทบอกว่าแกเคยเป็นทหารเรือมาก่อน พอดีลูกพี่เก่าชวนมาขับเรือที่นี่ก็มาเลย เพราะว่าแกก็ไม่มีอะไรทั้งบ้านและลูกเมีย ตอนเป็นทหารเมียแกคงจะรอไม่ไหวเลยขายบ้านขายช่องหนีไปอยู่กับชู้เสียเลย ยังดีที่เอาลูกไปด้วย
ก๊อตเป็นช่างเครื่องของที่ท่าเรือนี้ คอยซ่อมเครื่องยนต์เรือเล็กๆ น้อยๆ เพราะว่าเขาไม่ได้จบช่างยนต์มา คือไปเรียนแล้วแหละแต่โดนรีไทร์เพราะว่าเกรดไม่ถึง จะกลับบ้านนอกก็อายเขา เลยหรอกทางบ้านว่าจบแล้วและได้งานทำที่ท่าเรือนี่
กิตดูจะแย่ที่สุด กิตเป็นเด็กบ้านแตกหนีมาขออาศัยอยู่ด้วยเฉยๆ เพราะว่าทนที่จะต้องอยู่กับพ่อไม่ได้ หลังจากที่แม่กิตตาย พ่อก็เอาแต่เมาเหล้าแล้วอาละวาดทุบตีกิตเป็นประจำ บางครั้งโดนหนักขนาดต้องเข้าโรงพยาบาล วันที่ตัดสินใจหนีคือวันที่เขาาทนไม่ได้และแย่งเอาไม้ที่พ่อใช้ตีหัวเขาประจำเขวี้ยงทิ้งเข้าป่าไป คราวนี้พ่อเขาเลยคว้าเอามีดดาบมาไล่ฟันเขาแทน ผลสรุปน่ะหรือ กิตก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเดินทางรอนแรมมาเรื่อยๆ จนพบกับพี่ไทนี่อย่างไร
"งั้นพี่ไทก็เป็นคนดูแสองหนุ่มนี่..."
"ม่ายหรอก ก็อยู่กันแบบพี่ๆ น้องๆ แล้วน้องล่ะทำอะไร"
"อ๋อ เป็นนักศึกษาครับ"
"ดีๆ เออ มีโอกาสก็ศึกษาหาความรู้เข้านะ พวกพี่กะไอ้สองตัวเนี่ยคงจะหมดโอกาสแล้ว"
ผมมองสองหนุ่มนั่น ที่จริงพวกเขาเองก็ยังเด็กอยู่ ไม่น่าที่จะมาหมดอนาคตอยู่ตรงนี้ คิดแล้วก็ให้เสียดายนัก ดูเหมือนวงสนทนาจะเงียบลงๆ เมื่อแต่ละคนตีแผ่ชีวิตเบื้องหลังอันขมขื่นของตัวเองออกมา ผมเลยพูดขึ้นทำลายบรรยากาศอันเคร่งเครียด
"แต่ผมไม่ได้อยากจะทำงานให้ตรงตามสาขาที่ผมเรียนมาหรอกนะครับ"
"อ้าว ทำไมล่ะ" พี่ไทงง
"แล้วจะไปทำงานอะไรหือ?"
"ผมอยากเป็นนักเขียนครับ""
กิตมองหน้าก๊อตแล้วอมยิ้ม พี่ไทหัวเราะหึๆ
"ร่ำเรียนมาเสียเวลาเปล่าน่า เขียนหนังสือมันจะได้ค่าจ้างกี่บาทกัน ไม่เคยได้ยินเหรอที่เขาเรียกกันว่า นักเขียนไส้แห้งน่ะ"
"แต่พี่สุรัตน์เขาก็ไม่ได้ผอมนะ ฮ่าๆๆๆ" กิตแซว
"เฮ้ ผมก็ไม่ได้อ้วนซักกะหน่อย" ผมไม่ยอม
"ไว้ผมเป็นนักเขียนแล้ว จะต้องผอม หุ่นดีกว่านี้อีกแหงเลย...เพราะว่าเป็นนักเขียนแล้วต้องไส้แห้ง"
แล้วพวกเราก็เปลี่ยนถ้อยสนทนาไปเป็นเรื่องโน้นเรื่องนี้บ้างอย่างสนุกสนาน ที่นี่ดูเหมือนจะทำให้ผมลืมทุกๆ อย่างที่ผมเคยมีมาและซึมซับเอาความแปลกใหม่ของชีวิตข้างถนนในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ความรู้สึกลึกๆ ในใจกระตุ้นให้ผมอยากจะถ่ายทอดชีวิตของพวกเขาออกมาเป็นตัวอักษร
แต่คนเดียวที่แทบไม่ได้เอ่ยปากคุยเลยคือก๊อต หนุ่มผมยาวตัวโย่งที่เอาแต่จ้องมองหน้าผมแล้วยิ้ม ผมรู้ดีว่าที่เขาทำเช่นนั้นเพราะว่าเขาอายฟันหน้าที่ห่างและมีรอยดำเพราะบุหรี่ของเขา ผมแอบคิดเอาเองว่าลึกๆ ในใจเขาอาจคิดอะไรกับผมอยู่
แต่ผมไม่สนใจเขาหรอกครับ ขนาดผมเมาๆ แล้วก็มืดอย่างนี้ ผมกลับมองไม่เห็นว่าเขาหล่อต้องตาต้องใจผมสักนิด แต่กิตสิขนาดว่าหัวเขามีแต่รอยแผลเป็น ผมกลับคิดว่าอยากจะได้เขามาเป็นแฟนเสียจริงๆ ผิวขาว หน้าใส คิ้วดกดำ จมูกก็โด่ง แถมยังมีปากสวยสีชมพูอีก อยากรู้จริงๆ ว่าเวลาผมได้จูบกับเขาแล้วจะเป็นเช่นไรหนอ
ขอบคุณขอรับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ{:5_137:}
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ ขอบคุณครับผม
ขอบคุณครับ {:5_119:}ขอบคุณครับ{:5_119:} ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]