ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 14
เจบีใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักฟื้นร่างกาย พยายามอยู่อย่างเงียบ ๆ และไม่รบกวนเจ้าของบ้านมากเกินไป แม้เสี่ยวไป๋จะไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญหรือไล่เขาไป แต่ก็ชัดเจนว่าไม่ได้ใส่ใจดูแลเขาเป็นพิเศษ นอกจากให้ข้าวให้น้ำตามหน้าที่ที่แคสเปอร์ฝากไว้เท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เจบีก็สังเกตได้ว่าเสี่ยวไป๋เองก็ดูไม่ค่อยมีเวลาพักเหมือนกัน
ช่วงสองวันที่ผ่านมา เจ้าของบ้านแทบไม่ได้อยู่นิ่งนานเกินสิบนาที โทรศัพท์ของเสี่ยวไป๋ดังถี่ขึ้นทุกวัน การประชุมออนไลน์เกิดขึ้นแทบตลอดเวลา และแม้แต่ตอนกลางคืน เสี่ยวไป๋ยังนั่งทำงานอยู่หน้าจอแท็บเล็ตด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เจบีไม่ได้สนใจอะไรมากนักจนกระทั่งคืนหนึ่ง ตอนที่เขากำลังจะกลับเข้าห้องพักหลังจากดื่มน้ำเสร็จ เสียงของเสี่ยวไป๋ก็ดังลอดออกมาจากห้องทำงานที่เปิดประตูแง้มไว้
"บ้าเอ๊ย...พวกมันเล่นตุกติกกับเส้นทางขนส่งแล้วงั้นเหรอ?"
น้ำเสียงของเขาฟังดูหงุดหงิดชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่เจบีไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เสี่ยวไป๋มักจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี แม้แต่ตอนประชุมหรือติดต่อกับใครบางคนทางโทรศัพท์ ก็มักจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์มากเกินไป
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะต่างออกไป
เจบีไม่ได้ตั้งใจจะหยุดฟัง แต่ปลายเท้ากลับชะงักโดยอัตโนมัติ ขณะที่เสียงของใครบางคนลอดออกมาจากโทรศัพท์ของเสี่ยวไป๋ เสียงปลายสายฟังดูจริงจังและรีบร้อน
"พวกมันเปลี่ยนเส้นทางโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทำให้สินค้าล่าช้าไปเกินกว่ากำหนดที่วางไว้ ถ้าเราปล่อยไปแบบนี้ คนที่รอของจะไม่พอใจแน่!"
เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว เสียงกดปากกาดังขึ้นเป็นจังหวะราวกับเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
"แกคิดว่าฉันไม่รู้รึไง?" เขาตอบกลับเสียงเย็น ก่อนจะพลิกเอกสารตรงหน้า ไล่สายตามองข้อมูลบางอย่างอย่างรวดเร็ว "แล้วตอนนี้พวกนั้นอยู่ไหน?"
"เราตามสัญญาณ GPS ของรถขนส่งอยู่ แต่เหมือนพวกมันจะจงใจเลี่ยงเส้นทางเดิม ดูเหมือนจะมีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง"
เสียงเคาะโต๊ะเบา ๆ ดังขึ้นจากปลายนิ้วของเสี่ยวไป๋ แววตาของเขาวาววับขึ้นทันที "งั้นก็ได้...บอกให้คนของเราตามให้เจอ แล้วส่งพิกัดมาให้ฉัน"
"รับทราบ"
ปลายสายตัดไป เสี่ยวไป๋โยนปากกาลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจแรง ๆ ราวกับพยายามระงับอารมณ์
เจบีขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังจริง ๆ แต่ในตอนนั้นเอง เสี่ยวไป๋ก็เหลือบตาขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาเสียงเรียบ
“ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม? เข้ามา”
เจบีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในห้อง
"มีอะไร?" เสี่ยวไป๋ถามพลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
"ไม่มีอะไรครับ" เจบีตอบตามตรง เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่แต่แรกอยู่แล้ว
เสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะละสายตาจากเจบีและหันกลับไปที่เอกสารบนโต๊ะ แต่ในขณะนั้นเอง สายตาของเจบีพลันเหลือบไปเห็นแผนที่เส้นทางขนส่งขนาดใหญ่ที่ถูกกางออกบนโต๊ะ
"หึ" เสี่ยวไป๋เลิกคิ้ว "นายดูออกงั้นเหรอ?"
เจบีเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เขารู้ว่าเสี่ยวไป๋กำลังลองเชิง แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีลนลาน
"ผมเคยทำงานเกี่ยวกับเส้นทางขนส่ง ก็พอจะมีความรู้บ้างครับ"
เสี่ยวไป๋เงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเคาะกับแผนที่เบา ๆ ดวงตาคมกริบจับจ้องเขาราวกับกำลังพิจารณา
"ถ้างั้น ลองบอกมาหน่อยสิว่าปัญหาที่ฉันกำลังเจออยู่มันคืออะไร?"
เจบีเลื่อนสายตามองแผนที่ตรงหน้า สังเกตรายละเอียดทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางหลัก จุดพักสินค้า หรือหมายเลขกำกับแต่ละจุด ก่อนจะเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ
เขารู้ดีว่า นี่ไม่ใช่แค่คำถามเล่น ๆ ของเสี่ยวไป๋ แต่เป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง
"ผมขอดูข้อมูลประกอบอื่น ๆ ได้มั้ยครับ?"
เสี่ยวไป๋ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะดึงเอกสารบางส่วนส่งให้เจบี
"ก็ลองดูสิ"
เจบีรับเอกสารจากเสี่ยวไป๋ ก่อนจะกวาดสายตามองมันอย่างรวดเร็ว ข้อมูลบนแผ่นกระดาษเป็นรายละเอียดของเส้นทางขนส่งสินค้า รวมถึงจุดแวะพักและสถานีเปลี่ยนถ่ายสินค้าหลัก
เขาใช้เวลาไม่กี่นาทีไล่ดูตัวเลขและเส้นทาง ก่อนจะขยับปลายนิ้วไล่ไปตามแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะ
"จุดนี้..." เขาแตะไปที่เส้นทางหลักเส้นหนึ่ง "คุณกำลังมีปัญหากับเส้นทางนี้ใช่ไหมครับ?"
เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "พูดต่อ"
"จากข้อมูลนี้ ระยะเวลาขนส่งที่ควรใช้จริง ๆ น่าจะน้อยกว่านี้เกือบหนึ่งในสาม แต่กลับใช้เวลานานกว่าปกติ นั่นหมายความว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างทาง"
เจบีเหลือบไปมองเสี่ยวไป๋ สีหน้าของอีกฝ่ายยังคงเรียบนิ่งเหมือนไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าไหร่นัก
"แล้วนายคิดว่ามันคืออะไร?"
เจบีลากนิ้วไปตามเส้นทางขนส่งที่เชื่อมโยงกัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
"มีการจงใจชะลอเส้นทางตรงจุดนี้ จุดพักสินค้านี้ไม่ควรใช้เวลานานขนาดนั้น"
เสี่ยวไป๋จ้องแผนที่นิ่ง ๆ ดวงตาของเขาวูบไหวไปเล็กน้อย ก่อนจะกอดอกพิงกับพนักเก้าอี้
"แล้วนายคิดว่าควรแก้ยังไง?"
เจบีไม่ได้ตอบทันที เขากวาดตามองข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
"ถ้าคุณลองตัดเส้นทางนี้ออก แล้วใช้เส้นทางสำรองเส้นนี้แทน เวลาขนส่งจะลดลงได้อีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์"
เขาขยับปลายนิ้วลากไปตามเส้นทางที่เขาเสนอ ก่อนจะชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่
"หรือไม่... คุณอาจจะต้องไปตรวจสอบสถานีเปลี่ยนถ่ายสินค้าตรงนี้"
เสี่ยวไป๋หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
"ฉันคิดว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน"
เจบีมองเสี่ยวไป๋ที่ดูครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยเสริมขึ้นมา
"การชะลอเวลาขนส่งอาจจะไม่ได้เกิดจากปัญหาภายใน อาจจะมีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มอื่นที่พยายามแทรกแซง หรือมีการเปลี่ยนแปลงในระบบขนส่งที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือน"
เสี่ยวไป๋พ่นลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเลื่อนดูข้อมูล
"ก็ใช่..." เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ "ฉันเองก็คิดว่าเป็นแบบนั้น แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน"
เจบีไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยืนนิ่งรอให้อีกฝ่ายคิด
ไม่นานนัก เสี่ยวไป๋ก็เงยหน้าขึ้นมองเจบี ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
"ดูเหมือนว่านายจะพอมีประโยชน์อยู่บ้างนะ"
เจบีหัวเราะเบา ๆ "ขอบคุณสำหรับคำชมครับ"
เสี่ยวไป๋แค่นยิ้ม ก่อนจะโยนเอกสารอีกชุดไปทางเจบี "ถ้างั้นช่วยดูตรงนี้ต่อเลยสิ"
เจบีรับมันมา พลางนึกในใจว่า...
เสี่ยวไป๋อาจจะยังไม่ไว้ใจเขาเต็มร้อย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ อย่างน้อยเขาก็ได้เข้ามาแตะขอบเขตของเครือข่ายนี้แล้ว
–
อากาศช่วงบ่ายของลอนดอนเย็นสบายกว่าที่คิด เจบีใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งอ่านข้อมูลต่าง ๆ ที่เสี่ยวไป๋ให้เขาลองดู บทสนทนาจากคืนก่อนยังติดอยู่ในหัว เสี่ยวไป๋ยอมให้เขาช่วยแก้ปัญหา มันอาจจะเป็นแค่การลองเชิง แต่สำหรับเจบี นี่คือโอกาสสำคัญที่เขาจะได้เข้าใกล้ข้อมูลที่ต้องการ
เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวไป๋กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา เสี่ยวไป๋ก็ดูเหมือนจะเปิดโอกาสให้เขามากกว่าที่คาดไว้
เจบีนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องรับรอง ขณะที่เสี่ยวไป๋นั่งไขว่ห้างอยู่ฝั่งตรงข้าม เอกสารเกี่ยวกับเส้นทางขนส่งกระจายอยู่บนโต๊ะ คิ้วของเสี่ยวไป๋ขมวดเล็กน้อยขณะอ่านข้อความในแท็บเล็ต
“ไหนลองดูสิ” เสี่ยวไป๋พูดขึ้นโดยไม่เงยหน้ามอง
เจบีละสายตาจากเอกสาร ก่อนจะเลื่อนมือไปแตะแผนที่ "ตรงจุดนี้ มันมีจุดกระจายสินค้าที่ดูเหมือนจะไม่สัมพันธ์กับเส้นทางหลัก ถ้ามีปัญหาการจัดส่งล่าช้า อาจจะเกิดจากตรงนี้"
เสี่ยวไป๋เหลือบมองแผนที่ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเคาะเบา ๆ บนโต๊ะ
"เพราะอะไร?"
"เพราะตำแหน่งตรงนี้ไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่เหมาะสม มันเสียเวลามากกว่าเดิม และถ้าดูจากข้อมูล มันเป็นจุดที่มีการตรวจสอบค่อนข้างเข้มงวด ถ้าเป็นผม ผมจะลองหาทางเลี่ยง หรือไม่ก็หาทางใช้เส้นทางรองแทน"
เสี่ยวไป๋พ่นลมหายใจออกเบา ๆ เขามองเจบีอย่างพินิจ
"น่าสนใจ"
"คุณลองให้คนของคุณตรวจสอบเส้นทางนี้ดูสิครับ อาจจะเจออะไรบางอย่าง"
เสี่ยวไป๋เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ขณะจ้องมองเจบีด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา ไม่ได้พูดอะไร แต่รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากบ่งบอกว่าเขาพอใจกับคำตอบที่ได้รับ
เวลาผ่านไปสักพัก ก่อนที่เสียงรถจะแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
แคสเปอร์มาแล้ว
เสี่ยวไป๋เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันกลับมาหาเจบี “ดูเหมือนเวลาของนายจะหมดแล้ว”
เจบีละสายตาจากแผนที่ ขณะที่เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นเต็มความสูง คว้าบุหรี่จากโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูต้อนรับแขกที่มาถึง
เจบีสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไป
ทันทีที่เห็นเจบีเดินออกมาจากตัวบ้าน แคสเปอร์แทบจะก้าวเข้าไปหาโดยไม่ทันคิด แต่ก็ต้องหยุดตัวเองไว้ เขาเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจเข้า และพยายามรักษาท่าทีให้เป็นปกติ
ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสบาย ๆ ราวกับไม่ได้เป็นกังวลอะไรนัก
"เป็นยังไงบ้าง แผลดีขึ้นหรือยัง?”
เจบียิ้มจาง ๆ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ "ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณครับ”
แคสเปอร์กวาดตามองเจบีราวกับกำลังประเมินว่าอาการดีขึ้นจริงอย่างที่เจ้าตัวบอกหรือเปล่า แต่จากท่าทางและสีหน้าของอีกฝ่าย ดูเหมือนเสี่ยวไป๋จะดูแลได้ดีกว่าที่เขาคาดคิดไว้เสียอีก
“หมอนั่นไม่ได้ทรมานอะไรนายใช่มั้ย?” แคสเปอร์ลดเสียงลง คล้ายจะกลัวว่าเจ้าตัวที่ถูกพูดถึงจะได้ยิน
เจบีส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แล้วตอนนี้นายพักอยู่ที่ไหน” แคสเปอร์ถามขึ้น เขาเองก็ไม่มีเวลามากนัก ยังต้องกลับไปจัดการเรื่องอื่นๆ อีก แต่ก็ไม่อยากรบกวนเสี่ยวไป๋นานกว่านี้แล้ว
“ผมเพิ่งกลับมาจากเกาหลี ยังไม่มีงานทำที่นี่ คิดว่าคงต้องไปพักโรงแรมที่ไหนสักที่ก่อนครับ”
แคสเปอร์ขมวดคิ้ว “แล้วที่ผ่านมา นายใช้ชีวิตอยู่ยังไง? ไม่มีงาน ก็ไม่มีเงินน่ะสิ?”
“ผมพอจะมีเงินติดตัวอยู่บ้างครับ รายได้ก็มาจากหลายทาง รับงานออนไลน์บ้าง แต่ไม่ใช่งานประจำ”
“เข้าใจละ…” แคสเปอร์พยักหน้าเบา ๆ สีหน้าครุ่นคิด
“แล้วนายจะเอายังไงต่อ?”
“ผมคงต้องหางานพาร์ทไทม์ทำไปก่อน ผมคิดว่าจะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ ดังนั้นผมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกครับ”
คำตอบนั้นทำให้แคสเปอร์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “คำพูดนี้ฉันชอบนะ ตอนเจอกันครั้งแรกฉันคิดว่านายน่าสนใจดี แต่ตอนนี้นายกลับยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก”
เขาหรี่ตามองเจบี ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ราวกับยอมแพ้กับความคิดบางอย่าง
“แต่ฉันปล่อยนายไปใช้แรงงานหนัก วันละสิบชั่วโมงแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ถึงนายจะบอกว่าตัวเองไม่เป็นไรก็เถอะ”
“งั้นก็ให้เขามาทำงานกับฉันสิ”
เสียงของเสี่ยวไป๋ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ทั้งแคสเปอร์และเจบีหันไปมองพร้อมกัน
“หมอนี่ดูมีประโยชน์ อย่างน้อยก็อ่านแผนที่ของฉันออก และยังแก้ปัญหาได้ดี” เสี่ยวไป๋กอดอก มองเจบีด้วยสายตาประเมิน
“หา? นี่นายพูดจริงเหรอ?” แคสเปอร์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“ฉันเคยพูดเล่นหรือไง?” เสี่ยวไป๋ตอบกลับเสียงเรียบ
แคสเปอร์หัวเราะในลำคอ “ก็นาน ๆ ทีจะเห็นนายสนใจใครสักคนที่ไม่ใช่หมาของนายไง”
เสี่ยวไป๋ปรายตาใส่แคสเปอร์โดยไม่ตอบอะไร
แต่แทนที่เจบีจะตอบรับ เขากลับส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ “ขอบคุณสำหรับข้อเสนอครับ แต่ผมคงต้องขอปฏิเสธ”
แคสเปอร์เลิกคิ้วทันที “ทำไมล่ะ?”
“ผมไม่อยากเป็นภาระของใคร อีกอย่าง… ผมไม่ได้มีแผนจะอยู่ที่นี่ถาวร”
แคสเปอร์ถอนหายใจยาวก่อนจะหันไปมองเสี่ยวไป๋ “ให้ตายเถอะ หมอนี่มันดื้อจริง ๆ”
เสี่ยวไป๋ยักไหล่ “ก็เรื่องของเขา ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ฉันก็แค่เสนอทางเลือกให้เท่านั้น”
เจบีเงียบ ไม่ได้พูดอะไร
แคสเปอร์จ้องเจบีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาเล็ก ๆ คล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ถ้านายไม่อยากทำงานเป็นลูกจ้าง งั้นมาช่วยงานฉันก็ได้ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ฉันช่วยนายไว้ ดีมั้ย?”
เจบีชะงักเล็กน้อย “แลกเปลี่ยน?”
“ก็ใช่สิ นายคิดว่าฉันช่วยนายแล้วไม่ต้องการอะไรตอบแทนรึไง? ฉันมันคนทำธุรกิจนะ” แคสเปอร์ยักไหล่ “ช่วยฉันสักหน่อย ฉันก็จะไม่รู้สึกว่าเสียเปรียบไง”
เจบีเม้มปาก ดูเหมือนจะชั่งใจเล็กน้อย
“แค่ชั่วคราวก็ได้ ถ้านายอยากไปเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่ห้าม” เสี่ยวไป๋พูดขึ้นมาบ้าง “แต่ถ้านายจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริง ๆ ก็ต้องมีงานทำ และฉันคิดว่านายทำได้ดี นายพิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้ว”
แคสเปอร์พยักหน้า “นั่นไง หมอนี่พูดเองเลยนะ ฉันไม่ได้บังคับเลยสักนิด”
เจบีเหลือบตามองพวกเขาสองคนที่กำลังพูดโยนกันไปมา ในใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ก็ได้ครับ”
“แบบนี้สิถึงจะคุ้มกับที่ฉันช่วยไว้หน่อย!” แคสเปอร์ยิ้มกว้างทันที
เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับพอใจในคำตอบนั้น
เจบีรู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าอยากเข้าไปลึกกว่านี้ ก็ต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
“งั้นเรามาเริ่มงานแรกกันเลยมั้ย” เสี่ยวไป๋เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปหยิบกุญแจรถ
“หืม…ครับ?” เจบีเลิกคิ้วขึ้น
“ก่อนอื่น นายก็ต้องย้ายมาอยู่กับฉัน” เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายราวกับกำลังบอกให้ทำเรื่องปกติ “นายมีข้าวของที่อื่นอีกหรือเปล่า?”
“ไม่มีครับ” เจบีตอบตามตรง
เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “นายนี่แน่มากนะ ที่กล้ามาลอนดอนตัวเปล่า”
เจบียิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “อะไรที่ประหยัดได้ ก็ต้องประหยัดครับ”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เส้นทางการเงินของเขาแทบจะขาวสะอาด เจบีไม่ได้ลำบากเพราะเครือข่ายของ คิมบอม ที่กระจายอยู่ทั่วเป็นคนคอยดูแลอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งพวกเขายังคอยจับตาดูเขาอยู่ด้วย
คิมบอมไม่เคยไว้ใจเขา แต่ก็ยังเลือกให้เป็นคนออกหน้ารับงานเสี่ยง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต สุดท้ายเขาก็เป็นได้แค่หมากตัวหนึ่งที่พร้อมจะถูกเขี่ยทิ้งจากกระดานเท่านั้น
“ไปข้างนอกกัน”
“ไปไหนครับ?” เจบีถาม สีหน้าสงสัย
“ไปซื้อเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวของนาย”
เจบีทำหน้างง ๆ ก้มลงมองเสื้อที่ใส่อยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเสี่ยวไป๋
“นายใส่แต่เสื้อผ้าของฉัน ไม่ดูรุ่มร่ามไปหน่อยเหรอ?” เสี่ยวไป๋เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่สายตากลับมีแววเจ้าเล่ห์แฝงอยู่
เจบีพ่นลมหายใจออกเบา ๆ อย่างยอมแพ้ พอจะเถียงแต่ก็เลือกที่จะเงียบแทน
“งั้นพวกนายไปกันเถอะ ฉันขอกลับไปเคลียร์งานก่อน ไว้จะแวะมาหานะ เจบี” แคสเปอร์พูดจบก็ยกมือขึ้นยีหัวเจบีเบา ๆ
เจบีขมวดคิ้วทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร แคสเปอร์ก็หมุนตัวเดินไปที่รถและขับออกไป ทิ้งให้เขายืนอยู่กับเสี่ยวไป๋ที่กำลังมองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก
“ไปกันได้แล้ว” เสี่ยวไป๋พูดสั้น ๆ ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถโดยไม่รอคำตอบจากเขา
—
ระหว่างที่รถแล่นไปตามถนน เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเบา ๆ กลมกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่มักจะมีแต่ความเงียบงัน ครั้งนี้บทสนทนาดูจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะเปิดใจคุยกับเขามากขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่คำสั่งหรือบทสนทนาสั้น ๆ เหมือนที่ผ่านมา น้ำเสียงของเขาก็ดูสบายขึ้น ไม่แข็งกระด้างเหมือนเดิม
“ทำไมนายถึงอยากมาลอนดอนล่ะ?” เสี่ยวไป๋เอ่ยถามขึ้นโดยที่ยังจดจ่อกับถนนเบื้องหน้า “ที่นี่อันตรายกว่าที่คิดนะ”
เจบีหันไปมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะตอบเรียบ ๆ “ครับ ผมพอรู้อยู่บ้าง แต่เพราะที่นี่อาจจะเปลี่ยนชีวิตผมได้”
เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วนิด ๆ ราวกับสนใจในคำตอบนั้น “ทำไมล่ะ หรือนายต้องการเงิน?”
“ชีวิตคนเรามันก็ต้องขับเคลื่อนด้วยเงินไม่ใช่เหรอครับ”
“แล้วนายต้องการเงินมากมายไปทำอะไร?”
เจบีเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาสบเข้ากับเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจกหน้าต่าง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปในทันที
“…”
เสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเปรยขึ้นมาอีกครั้ง “นายมาจากเกาหลีใช่ไหม?”
“ครับ”
“ชื่อจริงของนายล่ะ?”
เจบีเม้มปากเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยบอกใคร แต่การเปิดเผยอะไรบางอย่างกับคนอย่างเสี่ยวไป๋มันอาจจะนำมาซึ่งปัญหาได้
“เอ่อ…”
“ทำไม?” เสี่ยวไป๋เหลือบตามองเขา “แม้กระทั่งชื่อจริงก็ไม่อยากบอก?”
เจบีสูดหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะตัดสินใจตอบ “แจบอม ครับ”
เสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ คล้ายจะจดจำชื่อนี้ไว้ในหัว “พ่อแม่ พี่น้องล่ะ?”
“ไม่มีครับ”
“งั้นก็แปลว่านายตัวคนเดียวสินะ?”
“ครับ ผมโตมาในสถานกำพร้า”
เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรต่อทันที เพียงแค่ขับรถไปเรื่อย ๆ ดวงตายังคงจับจ้องอยู่บนถนนเหมือนเดิม เจบีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่บรรยากาศภายในรถกลับไม่ได้อึดอัดเหมือนที่คิดไว้
จนกระทั่งเสี่ยวไป๋เปรยขึ้นมาเบา ๆ
“น่าสนใจดี”
—
ไม่นานนัก รถก็จอดสนิทที่หน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังแห่งหนึ่ง ร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องเสื้อผ้าคุณภาพเยี่ยมและราคาสูงลิบ ทุกอย่างที่ต้องการสามารถหาได้ที่นี่ เรียกได้ว่ามาครั้งเดียวก็ครบจบในที่เดียว
เสี่ยวไป๋ลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปโดยไม่ต้องเสียเวลามองป้ายร้าน ส่วนเจบีเดินตามหลังไปอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก แต่ก็นึกเสียดายเงินอยู่หน่อย ๆ ถ้าเสี่ยวไป๋ยอมให้เขาไปซื้อร้านธรรมดา ๆ กว่านี้ก็คงดี
“เลือกเอาเลย” เสี่ยวไป๋พูดขึ้น พลางเดินไปนั่งลงที่โซฟารับรองสำหรับลูกค้า วางแขนพาดพนักพิงอย่างสบาย ๆ ในขณะที่เจบีทำเพียงยืนมองราวเสื้อผ้าเงียบ ๆ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เจบีก็ยังไม่ได้เลือกอะไรติดมือมาแม้แต่ชิ้นเดียว
เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทำไม ไม่มีที่ถูกใจเลยเหรอ?”
เจบีหันมามองเขา ก่อนจะเม้มปากเล็กน้อยเหมือนลังเล ก่อนตอบออกไปเสียงเบา “ผมไม่เคยเลือกซื้อเสื้อผ้าแพง ๆ แบบนี้เลยครับ”
เสี่ยวไป๋นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะปรายตามองเจบีอย่างพินิจ แล้วกระดิกนิ้วเรียกพนักงานให้เข้ามาหา
“ราวนี้” เขาชี้นิ้วไปยังราวเสื้อผ้าราวหนึ่ง “แล้วก็ราวนี้ เอาหมดเลย นั่นด้วย” นิ้วเรียวยังคงลากไปมา เลือกทุกอย่างโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
พนักงานทำท่าจะขยับไปหยิบเสื้อผ้าตามคำสั่ง แต่เจบีก็รีบหันมามองเขาด้วยสีหน้าตกใจ “เยอะไปแล้วครับ ผมใส่ไม่หมดหรอก”
เสี่ยวไป๋เหลือบตามองเขานิดหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเรียบ ๆ “นายก็ใส่แล้วก็ทิ้งสิ”
เจบีอ้าปากค้างเล็กน้อย เหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ทำเพียงถอนหายใจออกมายาว ๆ
“…เฮ้ออ”
ดูเหมือนว่าเถียงไปก็คงไม่มีประโยชน์ เขารู้อยู่แล้วว่าต่อให้เขาปฏิเสธ เสี่ยวไป๋ก็ต้องหาเหตุผลอื่นมายัดเยียดให้เขาอยู่ดี
เจบีพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่คิดมากเรื่องการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของเสี่ยวไป๋ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเกินความจำเป็นไปมากจริง ๆ
"แค่ไม่กี่ชุดก็พอแล้ว ผมไม่ได้ต้องการอะไรมาก" เขาพยายามโน้มน้าวให้ลดปริมาณลง
เสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเอนตัวพิงพนักพิงโซฟา “ฉันไม่มีเวลามานั่งดูนายเลือกทีละชิ้นหรอกนะ” เขายกมือขึ้นหมุนโทรศัพท์เล่น “เลือกเยอะไว้ก่อน ถ้าไม่อยากใส่ก็ทิ้ง ๆ ไป”
เจบีขมวดคิ้วมองเขาอย่างปลง ๆ “คุณพูดเหมือนเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของใช้สิ้นเปลืองเลยนะครับ”
“ก็ใช่ไง” เสี่ยวไป๋ตอบหน้าตาย ก่อนจะพยักพเยิดให้พนักงานจัดของต่อ
“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย” เจบีถอนหายใจ “แล้วแบบนี้ผมจะเอากลับไปที่บ้านยังไงล่ะครับ ขนไปหมดคงลำบากแย่”
เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ปัญหานายเหรอ?”
“…”
“ก็ให้พนักงานส่งไปให้ที่บ้านไง ฉันไม่ได้บอกให้นายแบกไปเองซะหน่อย”
เจบีถึงกับหมดคำพูด เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนคนนี้จะตามใจตัวเองไปถึงขนาดไหน
แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าเถียงไปก็คงไม่ชนะอยู่ดี เขาจึงปล่อยเลยตามเลย ให้พนักงานเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับเขามา โดยที่เขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
เมื่อพนักงานจัดของเสร็จและเช็กบิลเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวไป๋ก็ลุกขึ้นจากโซฟา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาครู่หนึ่งก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่พูดอะไร
—
พอกลับมาถึงบ้าน เจบีก็พบกับกองข้าวของมากมายที่ถูกวางเรียงกันอยู่เต็มห้องรับแขก แค่เห็นก็รู้สึกเหนื่อยใจโดยอัตโนมัติ แต่เขาก็จำไม่ได้แล้วว่าวันนี้ตัวเองถอนหายใจไปแล้วกี่รอบ
“นายจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย มานั่งนี่” เสี่ยวไป๋ตบมือลงบนโซฟาข้าง ๆ พลางเอนตัวพิงพนักอย่างสบาย ๆ
“ครับ” เจบีตอบรับ ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างเขาอย่างว่าง่าย
เสี่ยวไป๋ปรายตามองเขา ก่อนจะถามขึ้นเสียงเรียบ “แผลของนาย หายเจ็บหรือยัง”
“เริ่มหายแล้วครับ แต่ก็ยังตึง ๆ อยู่บ้าง”
“อืม…” เสี่ยวไป๋พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูอะไรบางอย่าง “เอาไว้ไปตรวจอีกทีแล้วกัน”
เจบีพยักหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสี่ยวไป๋ก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“อาทิตย์หน้านายต้องไปจีนกับฉัน”
“ห๊ะ…อะไรนะครับ?” เจบีเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย พลางยกขาขึ้นไขว่ห้าง “ตกใจอะไร งานของนายก็คือคอยอยู่ข้าง ๆ ฉัน และช่วยฉันแก้ปัญหา” เขาหันมามองเจบีเต็มตา “ดังนั้น นายต้องไปกับฉัน”
เจบีกะพริบตาปริบ ๆ พยายามตั้งสติ “ครับ… เข้าใจแล้วครับ”
“พาสปอร์ตของนายล่ะ?” เสี่ยวไป๋ถามขึ้น ขณะเลื่อนสายตามามองเขาอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย”
“ก็ต้องมีอยู่แล้วสิครับ” เจบีพูดพลางหยิบพาสปอร์ตของตัวเองออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะยื่นให้เสี่ยวไป๋
อีกฝ่ายรับไปเปิดดูอย่างไม่รีบร้อน ดวงตาคมกริบไล่ไปตามตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในเอกสาร ก่อนจะอ่านชื่อออกมาเสียงเรียบ
“ปาร์ค แจบอม…” เสี่ยวไป๋เอ่ยทวนชื่อในพาสปอร์ตเสียงเรียบ ดวงตาคมกริบไล่ดูรายละเอียดบนหน้ากระดาษ ก่อนจะเหลือบขึ้นมามองเจบีอีกครั้ง “ตอนนี้นายอายุ 22 สินะ”
เจบีไม่ได้ตอบอะไร นอกจากพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาสบกับอีกฝ่ายแวบหนึ่งก่อนจะเบือนออกไป
เสี่ยวไป๋ปิดพาสปอร์ตลง ก่อนจะโยนมันกลับไปให้เจบีรับไว้ “งั้นวันนี้ก็พอแค่นี้แหละ นายไปพักผ่อนเถอะ” เขายกมือขึ้นกดนวดขมับเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบไปมองกองถุงช้อปปิ้งที่ยังวางระเกะระกะเต็มพื้น “ส่วนของพวกนี้ ฉันจะให้แม่บ้านเอาไปเก็บไว้ให้”
เจบีพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัว เสี่ยวไป๋ก็เสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แล้วก็… อย่าให้ฉันเห็นว่าใส่ชุดซ้ำเชียว”
————————————————
เรื่องเล่าละครหลังข่าว
📲 GROUP CHAT: ‘3 Idiots & Trouble’
👻 แคสเปอร์:
หมาน้อยของฉันเป็นยังไงบ้าง?
🐍 เสี่ยวไป๋:
หลับไปแล้ว
👻 แคสเปอร์:
อย่าใช้งานหนักเกินไปล่ะ ไม่งั้นฉันจะไปเอาคืน
👑 เรน:
พูดถึงเรื่องอะไรกันอ่ะ หมาที่ไหน? ใครเลี้ยงหมา??
🐍 เสี่ยวไป๋:
เรนมาได้ไง
👻 แคสเปอร์:
สงสัยคุยผิดแชท
👑เรน:
อะไรกัน!! พวกนายมีเรื่องที่ฉันไม่รู้หรอ!? นี่ฉันไม่อยู่แค่แป๊บเดียว ก็มีความลับกันแล้ว น่าน้อยใจชะมัด
🐍 เสี่ยวไป๋:
ไม่มีอะไรหรอก
👑 เรน:
แน่ใจนะ? หรือว่านายแอบไปเลี้ยงหมาเพิ่ม?? คราวที่แล้วเจ้าหมาดำนั่นก็วิ่งไล่เห่าฉัน นี่กะจะไม่ให้ฉันเข้าบ้านเลยใช่มั้ย
🐍 เสี่ยวไป๋:
ชาลอตเป็นเด็กดี มันไม่ทำแบบนั้นหรอก
👑 เรน:
ดีกับนายแค่คนเดียวน่ะสิ!
🐍 เสี่ยวไป๋:
ก็นายไปทำท่าทางไม่ดีใส่มันก่อน หมาฉันแค่ป้องกันตัว
👻 แคสเปอร์:
หมาของฉันน่ารัก ไม่ไล่กัดนายหรอก
👑 เรน:
ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่พวกนายคุยกันจริง ๆ … เดี๋ยวกลับจากญี่ปุ่นเมื่อไหร่ฉันจะรีบไปเค้นความจริงจากพวกนาย!
🐍 เสี่ยวไป๋:
เค้นมาก เดี๋ยวก็โดนชาลอตไล่งับอีก
👑 เรน:
ฉันไม่กลัวแล้ว!!! คราวนี้ฉันจะเตรียมของไปเอาคืนมัน!!
👻 แคสเปอร์:
นายจะทำอะไร อย่าบอกนะว่า…
👑 เรน:
ฉันจะเอาขนมมาล่อมัน! ถ้าฉันจับใจมันได้ มันก็จะกลายเป็นหมาของฉัน!!! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!
🐍 เสี่ยวไป๋:
…โง่
👻 แคสเปอร์:
…โง่มาก
👑 เรน:
เฮ้ย พวกนายอย่าดูถูกกันดิ!
🐍 เสี่ยวไป๋:
หมาฉันไม่กินของจากคนแปลกหน้า
👑 เรน:
เหอะ! ฉันจะตีซี้มันให้ดู!
👻 แคสเปอร์:
ดูแล้วคงไม่ได้เป็นเพื่อนกันง่าย ๆ แต่ได้แผลกลับไปแน่นอน
🐍 เสี่ยวไป๋:
คราวที่แล้วก็วิ่งหนีหมาฉันแทบตาย ยังไม่เข็ด?
👑 เรน:
ฉันไม่ได้วิ่งหนี!! ฉันแค่…ถอยเชิงยุทธวิธี
🐍 เสี่ยวไป๋:
…ปีนรั้วหนีแทบไม่ทันแบบนั้นน่ะเหรอ
👻 แคสเปอร์:
ฉันยังจำหน้านายตอนนั้นได้อยู่เลย น่าขายหน้าสุด ๆ
👑 เรน:
พวกนายมันใจร้ายยย!!!
👻 แคสเปอร์:
พวกฉันแค่พูดความจริง
👑 เรน:
เฮ้อ! กลับไปคราวนี้ ฉันจะเอาคืนให้หมด!!!
🐍 เสี่ยวไป๋:
…ชาลอตรออยู่
👑 เรน:
ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!!! ฉันจะอยู่ญี่ปุ่นต่อ!!
👻 แคสเปอร์:
ป๊อดว่ะ
🐍 เสี่ยวไป๋:
ขี้ขลาดชะมัด
👑 เรน:
พวกนายมันไม่ใช่เพื่อนฉันแล้วววว!!! 😭😭😭
TBC.
ฝากติดตามเป็นกำลังใจหน่อยน้าา
เริ่มเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ยิ่งใกล้ยิ่งอันตราย มาเอาใจช่วยยัยน้องไปด้วยกันน้าา
รักคนอ่าน♥️
สนุกมากครับ สนุกมากครับ สนุก สมการรอตามอ่าน ขอบคุณนะครับ รอๆๆ ต่อ {:5_119:}{:5_119:}
หน้า:
[1]