ฉันยอมหมดตัว ถ้าเป็นนาย
หนึ่งเดือนต่อมา...
สวนหย่อมหลังบ้านของเสี่ยวไป๋มีแสงแดดอุ่นส่องลอดกิ่งไม้ลงมาเป็นลำ ชาล็อตกำลังนอนกลิ้งอยู่บนสนามหญ้าอย่างมีความสุข ขาทั้งสี่ชี้ไปคนละทิศ ขณะที่เจบีกำลังก้มเกาพุงให้มันอย่างใจเย็น
ข้าง ๆ กัน ฮันแจนั่งทอดตัวอยู่บนเก้าอี้ไม้พับ สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันมาก
เขาสวมเสื้อยืดเรียบ ๆ กับกางเกงผ้าสบาย ๆ ใบหน้าขาวซีดเริ่มมีเลือดฝาดกลับมาอีกครั้ง ดวงตาไม่หลบซ่อนความเหนื่อยล้าอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยความสงบเงียบแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
"นายโอเคหรือเปล่า พักสักหน่อยมั้ย" เจบีถามเสียงเบา พลางเหลือบตามองอีกฝ่ายอย่างห่วง ๆ
ฮันแจส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มบางกลับมา
"ฉันดีขึ้นมากแล้ว" เขาว่า แล้วเว้นจังหวะนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "ดีใจนะ ที่เห็นนายมีความสุขแบบนี้...พวกเขาดูแลนายดีมากจริง ๆ"
เจบีเงยหน้าขึ้นสบตาเขา สายตานั้นอ่อนโยนจนสัมผัสได้ถึงความจริงใจทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ย
"อืม..." เจบีพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วทอดสายตามองท้องฟ้าเหนือสวน
"ฉันเจอที่ของฉันแล้ว ที่ที่ฉันจะได้พักปีกอย่างปลอดภัย...หลังจากที่ฝืนบินมานาน"
เสียงของเจบีแผ่วลง ราวกับอยากให้ประโยคนั้นถูกสายลมพัดพาไปให้ไกลจากบาดแผลเก่า ๆ เขาก้มหน้าลง ลูบขนเจ้าชาล็อตเบา ๆ ที่นอนเอนตัวข้างเขาอย่างไว้วางใจ
"แล้วนายล่ะ ตัดสินใจได้หรือยัง ว่าจะเอายังไงต่อ" เจบีเอ่ยถาม ขณะใช้ปลายนิ้วลูบขนนุ่มของชาล็อตไปด้วยอย่างเหม่อลอย
"เรื่องนายกับคิมบอมน่ะ"
ฮันแจนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเบา
"ไม่รู้สิ..."
เจบีถอนหายใจในใจ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายแล้วพูดต่ออย่างหนักแน่น
"ฉันไม่ได้บอกเขา...เรื่องที่นายยังไม่ตาย"
"ฉันให้เวลาเขาได้คิด...ให้เขาได้รู้สึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไป" น้ำเสียงเจบีเย็นลงนิด ๆ แต่ยังนิ่ง
"สำหรับฉันนะ...ฉันไม่มีวันให้อภัยเขา"
"แต่กับนาย..." เจบีเว้นจังหวะ แล้วพูดต่อด้วยเสียงนุ่ม "ไม่ว่านายจะเลือกยังไง ฉันจะรับฟัง และจะอยู่ข้างนายเสมอ"
ฮันแจยิ้มบาง ๆ มุมปาก ก่อนถามกลับช้า ๆ
"เขาเป็นยังไงบ้าง"
"แย่กว่าที่คิด..." เจบีพูด พลางเบนสายตาไปไกล "เขาดูแตกสลาย...เหมือนคนที่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว แต่ก็สมควรแล้วล่ะ ทุกอย่างที่เขามีพังไปเพราะมือเขาเอง"
ฮันแจพยักหน้าช้า ๆ ราวกับไม่ได้แปลกใจ
"...ฉันรักเขา"
เสียงนั้นเบาจนแทบหลุดไปกับลม แต่ยังชัดเจนพอให้เจบีได้ยิน
"ง่ายแบบนี้เลยเหรอ" เจบีว่า ไม่ได้เหน็บแนม แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย
ฮันแจหัวเราะเบา ๆ คล้ายระบายลมหายใจ
"มันไม่เคยง่ายหรอก" เขาว่า แล้วหลุบตาลง "เรื่องนี้มันเริ่มมานานแล้ว...สมัยที่ฉันยังเด็ก"
"ฉันถูกแม่แท้ ๆ ขายให้ตระกูลคิม ชีวิตของฉันเป็นของพวกเขาตั้งแต่วันนั้น"
"สำหรับฉัน...โลกมันมีแต่สีเทา ไม่ว่าจะมองไปทางไหน" ฮันแจขยับมือขึ้นวางบนตักตัวเองเบา ๆ ราวกับกำความทรงจำเก่า ๆ เอาไว้แน่น
"แล้วคุณชาย...ก็เป็นเหมือนแสงสว่างเพียงดวงเดียวในโลกใบนั้น"
"มือเล็ก ๆ ของเขาในตอนนั้น ที่ยื่นมาให้ฉันในวันที่ตัวฉันไม่เหลืออะไร..."
"มันทำให้โลกทั้งใบของฉันมีสีสันขึ้นมาอีกครั้ง"
ฮันแจยิ้มจาง ๆ ดวงตาพร่าแสงบางอย่างที่อธิบายยาก เจบีได้แต่นั่งมองเขาเงียบ ๆ ความรู้สึกหนักอึ้งบางอย่างค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในอกโดยไม่รู้ตัว
"อยากเจอเขามั้ย..." เจบีถามเสียงเบา
ฮันแจไม่ตอบ แต่พยักหน้าช้า ๆ ราวกับต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อส่งสัญญาณนั้น
ประตูกระจกเปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้าเบา ๆ เสี่ยวไป๋เดินเข้ามาพร้อมถ้วยกาแฟในมือ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกาแฟอุ่นลอยตามมาในอากาศ เขายื่นถ้วยใบโปรดให้เจบี ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือลูบขนชาลอตที่นอนตะแคงข้างอย่างขี้เกียจ
เสี่ยวไป๋ส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้เจบี รอยยิ้มนั้นบางเบา แต่เต็มไปด้วยความเข้าใจ และในจังหวะที่ไม่มีใครคาดคิด เขาก็โน้มตัวลงมาหอมแก้มเจบีเบา ๆ จนอีกฝ่ายต้องชะงักนิดหนึ่ง
"คุยอะไรกันอยู่ หิวหรือยัง" เขาถามเสียงทุ้มเบา ราวกับตั้งใจจะคลี่คลายบรรยากาศหนักอึ้งเมื่อครู่
"ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ครับ" เจบีตอบเบา ๆ พลางรับถ้วยกาแฟไว้ในมือ ส่วนฮันแจก็เงยหน้าขึ้นยิ้มตอบให้เสี่ยวไป๋จาง ๆ
"คุณได้ข่าวคิมบอมบ้างมั้ยครับ" เจบีถามขึ้น
เสี่ยวไป๋นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
"อืม...เขายังอยู่ที่ลอนดอน"
เจบีไม่ได้ถามอะไรต่อ เสี่ยวไป๋เองก็มองสบตาเจบีครู่หนึ่ง ก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
กระทั่งช่วงบ่าย ฮันแจขอตัวขึ้นไปพัก เจบียังคงนั่งเล่นอยู่บนโซฟา เสี่ยวไป๋เดินเข้ามาเงียบ ๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่พื้นข้างโซฟา และในจังหวะที่เจบียังเหม่อลอยอยู่นั้น เสี่ยวไป๋ก็วางศีรษะลงบนตักเขาอย่างเนียน ๆ โดยไม่ขออนุญาตเสียด้วยซ้ำ
เจบีชะงักนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนิ่มของอีกฝ่ายเบา ๆ
เสี่ยวไป๋หลับตาพริ้ม รับสัมผัสนั้นอย่างเงียบงัน ราวกับหมาป่าตัวโตที่แอบอ้อนอย่างไม่ให้เสียฟอร์ม
"คุณว่าฮันแจเขาคิดดีแล้วใช่ไหม ที่จะกลับไป..." เจบีถาม ขณะไล้นิ้วไปตามไรผมนิ่ม ๆ
"อืม..." เสี่ยวไป๋พึมพำตอบ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ "เราไม่มีสิทธิ์บังคับใจใครได้หรอก ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมายังไง"
"แล้วถ้ามันจบลงเหมือนเดิมล่ะ" เจบีถามต่อ ลูบเส้นผมนั้นช้า ๆ อย่างเหม่อลอย
"นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง" เสี่ยวไป๋พูดเรียบ ๆ "เหมือนที่นายเองก็เลือก"
"เลือกอะไรครับ"
เสี่ยวไป๋ยกยิ้มมุมปากบาง ๆ ขณะยังพิงตักเขาอยู่
"เลือกที่จะให้โอกาสพวกเรา แก้ไขในสิ่งที่ทำพลาดไป" เขาว่าเสียงนุ่ม "รู้อะไรไหม วันที่นายยกปืนจ่อหน้าฉัน ดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับมาด้วย...ฉันรู้สึกเลย ว่ากำลังจะเสียของสำคัญไปจริง ๆ"
เสี่ยวไป๋หยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งแน่วแน่
"แม้แต่ตอนที่นายตกลงไปในทะเล ต่อให้นายจมลึกแค่ไหน...ฉันก็จะกระโจนตามไปคว้านายขึ้นมา หรือต่อให้ต้องบุกลงไปในนรก ฉันก็จะตามไปอย่างไม่ลังเล"
เจบีหัวเราะแผ่ว ๆ ในลำคอ
"ตอนนั้นมันรู้สึกเหมือนไม่เหลือใครเลยจริง ๆ"
"แต่สุดท้ายนายก็ยังอยู่ที่นี่ กับพวกเรา" เสี่ยวไป๋พูดเรียบ ๆ "นายเป็นเหมือนปาฏิหาริย์เล็ก ๆ ในโลกที่ไม่เคยมีอะไรจริงใจ"
เจบีนิ่งไปนาน ก่อนจะยิ้มมุมปากน้อย ๆ
"พวกคุณก็พูดเหมือนกันทุกคน ว่าจะปกป้องผมให้ได้" เจบีว่า ขณะก้มลงลูบหัวอีกฝ่าย
"ก็แน่นอน..." เสี่ยวไป๋พึมพำยิ้ม ๆ
เสี่ยวไป๋ลืมตาขึ้น มองสบตาเขาตรง ๆ
"นายเป็นหัวใจของพวกเรา" เขาตอบอย่างหนักแน่น "ในโลกที่พวกเราไม่เคยไว้ใจใคร...นายคือคนที่ทำให้มันมีความหมายขึ้นมาได้"
เจบีเงียบไปครู่หนึ่ง ยิ้มมุมปากน้อย ๆ พลางไล้เส้นผมของเสี่ยวไป๋ต่ออย่างแผ่วเบา
"วันนี้คุณพูดเยอะกว่าปกติอีกนะครับ" เจบีแกล้งหยอกเสียงเบา
เสี่ยวไป๋แค่หลับตาแล้วยิ้มขึ้นน้อย ๆ
"ก็แค่อยากบอกให้นายรู้...ว่าฉันรักนายมาก ๆ เท่านั้นเอง"
"ฉันดีใจนะ" เสี่ยวไป๋พึมพำแผ่วเบา ราวกับเก็บคำพูดนี้เอาไว้นานแล้ว "ดีใจที่ได้พบกับนาย...ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญ หรืออะไรก็ตาม"
เจบีมองเขาเงียบ ๆ ก่อนจะก้มหน้าลง โน้มตัวไปแตะแก้มเสี่ยวไป๋อย่างอ่อนโยน ริมฝีปากเฉียดผ่านเบา ๆ แล้วกระซิบคำที่อยากบอกข้างหู
"ผมก็เหมือนกันครับ" เจบีพึมพำ "ดีใจที่มีพวกคุณอยู่ในชีวิต"
...
ในช่วงค่ำ กลิ่นหอมจาง ๆ ของน้ำซุปเดือดลอยฟุ้งทั่วครัว เจบีหยิบชามวางเรียงบนเคาน์เตอร์อย่างตั้งใจ ขณะที่เสี่ยวไป๋ก้มหน้าจัดการกับหม้อรามยอนที่กำลังเดือด
บนโต๊ะเล็ก ๆ เครื่องเคียงเริ่มถูกวางลงทีละจาน กิมจิ ผัดเปรี้ยวหวาน และไข่ต้มที่เจบีบรรจงจัดอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างดูเรียบง่าย แต่น่าเอ็นดูจนเจ้าตัวอดยิ้มไม่ได้
"ช่วยหยิบต้นหอมให้หน่อย" เสี่ยวไป๋พูดขึ้น ขณะคนเส้นในหม้ออย่างสม่ำเสมอ
เจบีพยักหน้า หยิบต้นหอมมาซอยเงียบ ๆ อย่างคล่องมือ
ไม่นานนัก เส้นรามยอนก็ถูกตักลงชาม เสี่ยวไป๋แบ่งมาให้เจบีก่อนหนึ่งชาม
"ลองชิมดู" เขาว่า
เจบีรับช้อนอย่างว่าง่าย ตักเส้นขึ้นมาชิมคำหนึ่ง รสชาติเผ็ดนิด ๆ เค็มน้อย ๆ แต่กลับกลมกล่อมจนเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
"อร่อยครับ" เจบีพูดเสียงเบา หันไปยิ้มให้
เสี่ยวไป๋แค่พยักหน้า ไม่พูดอะไรเพิ่ม แต่สายตาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะวางช้อนของตัวเองแล้วหยิบผ้าขนหนูบนเคาน์เตอร์มาเช็ดมือ
ระหว่างนั้น เจบีก็ลุกขึ้นไปหยิบขวดน้ำเย็นจากตู้เย็นมา ก่อนจะยื่นให้เสี่ยวไป๋เงียบ ๆ แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะรับ เสียงความวุ่นวายก็ดังมาจากประตูครัวเสียก่อน
"หอมจัง~ กินด้วยคนสิ!"
เรนพุ่งมาจากด้านหลังเหมือนลูกแมวขี้อ้อน แทนที่จะตรงไปที่ถ้วยรามยอน กลับโผเข้ากอดเจบีแทนจนตัวเกือบเซ เสี่ยวไป๋ที่กำลังจะยกช้อนขึ้นมากินถึงกับกระแทกช้อนลงกับโต๊ะเสียงดัง ตาขวางมาทางเรนอย่างเอาเรื่อง
"อ๊าา~ เหนื่อยชะมัด เพิ่งลงจากเครื่องก็มาที่นี่เลย"
เสียงแคสเปอร์ดังตามมา เขาลูบท้องตัวเองพลางทำหน้าหิวเหมือนเด็กไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน
เจบีเหลือบตามอง ก่อนจะเห็นเงาอีกสองคนที่เดินตามเข้ามา ราฟาเอโร่ในชุดสูทเรียบร้อยเหมือนหลุดมาจากห้องประชุม ส่วนกายมาในเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายแต่เนี้ยบกริบเช่นเคย ท่าทางเหมือนคนที่ตั้งใจแค่แวะมาดูแลเด็ก ๆ ของตัวเอง
เจบีหัวเราะน้อย ๆ พลางหันไปมองหม้อรามยอนที่แทบไม่พอแบ่ง
"สงสัยต้องต้มอีกหม้อแล้วครับ" เจบีว่า ยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นว่ากลุ่มขนนกสีเงินดันพร้อมใจกันโผล่มาครบทุกคนโดยไม่ได้นัดหมาย
เสี่ยวไป๋ถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมแพ้ หยิบห่อรามยอนเพิ่มจากตู้ด้านบนด้วยสีหน้าเหมือนจะบ่นแต่ก็ไม่เอ่ยปาก ตรงไปจัดการต้มอีกหม้อ ขณะที่เรนกับแคสเปอร์ช่วยกันหยิบจานชามเพิ่มอย่างวุ่นวาย
ไม่นานนัก รามยอนหม้อใหม่ก็เดือดได้ที่ เสี่ยวไป๋ยกหม้อร้อน ๆ มาวางกลางโต๊ะเสียงดัง กึก! เรียกสายตาทุกคนให้หันมา
ยังไม่ทันไร เรนกับแคสเปอร์ก็พุ่งเข้าหาช้อนตักแทบจะพร้อมกัน แย่งตักรามยอนใส่ถ้วยตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
เสียงช้อนตักชนกันดัง ก๊องแก๊ง! จนกายที่นั่งพิงเก้าอี้อยู่ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นแย่งช้อนตักมาเอง พลางดุเสียงเรียบ
"เด็กอนุบาลยังไม่วุ่นเท่านี้...อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวฉันตักให้"
เรนกับแคสเปอร์หน้าจ๋อยทันที ต่างคนต่างนั่งกอดอกแบบเด็กโดนดุ
จังหวะเดียวกันนั้น ฮันแจก็เดินลงมาจากชั้นบนในชุดอยู่บ้านสบาย ๆ พอเห็นโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยชามรามยอนร้อน ๆ และเสียงพูดคุย เขาก็ยิ้มบาง ๆ เดินเข้ามานั่งข้างเจบีโดยไม่พูดอะไร เจบีหันไปสบตากับเขา ก่อนจะยิ้มตอบเงียบ ๆ แล้วเลื่อนถ้วยเปล่าไปให้อย่างรู้ใจ
"มาก็ดีแล้ว นั่งกินด้วยกัน" เสี่ยวไป๋พูด ขณะจัดจานเครื่องเคียงเพิ่มอย่างเป็นระเบียบ
หลังจากตักรามยอนให้ครบทุกคนแล้ว กายก็วางช้อนตักลง ตักถ้วยสุดท้ายให้ตัวเอง ก่อนกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองอย่างเรียบร้อยเหมือนเดิม ก่อนจะเหลือบมองฮันแจที่นั่งตรงข้าม
"อาการเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลอยู่มั้ย"
ฮันแจชะงักไปนิดหน่อยเหมือนตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ยิ้มบาง ๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"ครับ ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย"
เจบีที่นั่งข้าง ๆ ชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร เสี่ยวไป๋ก็วางตะเกียบลง แล้วเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ
"อย่าฝืน ถ้ายังเจ็บ ก็บอก"
"ครับ..." ฮันแจรับคำเบา ๆ พร้อมยกมือแตะข้างเอวตัวเองอย่างระมัดระวัง ก่อนจะก้มหน้าตั้งใจซดน้ำซุปร้อน ๆ อย่างเงียบ ๆ
เรนที่ทำท่าจะเอาเส้นรามยอนในชามตัวเองมาวางกองในชามฮันแจ ต้องโดนแคสเปอร์หยิกแขนไว้ก่อน
"จะทำบ้าอะไรอีก"
"ก็แค่แบ่งให้กินเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ นี่นา~" เรนบ่นอุบ แต่ก็ยอมถอยกลับไปตักเส้นตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก
เสี่ยวไป๋ยกถ้วยขึ้นซดน้ำซุปร้อน ๆ หนึ่งคำ ก่อนจะวางช้อนลงและพูดขึ้นมาเสียงเรียบ
"ไหน ๆ ก็มากันครบแล้ว...ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาอยู่พอดี"
เรนเลิกคิ้วทันที "ดูท่าจะจริงจังแฮะ"
"มีเรื่องอะไร" ราฟาเอโร่เอ่ยบ้าง ขณะก้มลงตักเส้นรามยอนเงียบ ๆ
เสี่ยวไป๋สบตาทุกคนรอบโต๊ะ แล้วตอบสั้น ๆ
"เรื่องคิมบอม"
ราฟาเอโร่วางช้อนลงช้า ๆ "อืม...เรื่องนั้นฉันจัดการไปแล้ว"
"ไม่ใช่เรื่องนั้น" เสี่ยวไป๋ส่ายหน้าเบา ๆ "ฉันหมายถึงเรื่องที่มันเกี่ยวกับฮันแจต่างหาก"
ห้องครัวเงียบลงชั่วขณะ
เรนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน
"เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ฉันกับเจบีเพิ่งไปเจอหมอนั่นมา"
"หา?!" แคสเปอร์เกือบทำตะเกียบหลุดมือ "นายไปเจอหมอนั่นจริง ๆ เหรอ?"
"อืม" เจบีพยักหน้า พลางวางช้อนลงช้า ๆ "เขามาขอร้องผม...เรื่องฮันแจ"
สายตาทุกคู่ในห้องจับจ้องมาที่ฮันแจที่นั่งเงียบอยู่ข้างเจบี
ราฟาเอโร่ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่จริงจัง
"แล้วนายล่ะ ฮันแจ อยากกลับไปหาเขาหรือเปล่า"
บรรยากาศหนักอึ้งลงอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเบา ๆ จะดังขึ้นจากปากของฮันแจ
"ครับ"
เจบีที่นั่งข้าง ๆ เหลือบตามองราฟาเอโร่ ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายใต้โต๊ะเบา ๆ เป็นเชิงขอร้องไม่ให้ซักไซ้อะไรตอนนี้
เขาขยับริมฝีปากโดยไม่เปล่งเสียง ช้า ๆ ว่า
‘เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังเอง’
ราฟาเอโร่หลุบตามองมือที่จับเขาไว้แน่น ก่อนพยักหน้าน้อย ๆ อย่างเข้าใจ
...
บนเตียงกว้างที่ปูด้วยผ้าปูสีเข้ม เจบีนอนอยู่ในอ้อมแขนของราฟาเอโร่ อ้อมกอดที่แน่นแต่ไม่รัดรึง อบอุ่นเหมือนต้องการจะห่อหุ้มเขาไว้ทั้งตัว
ที่เหลือ...ถูกบังคับให้แยกย้ายกันไปนอนที่ห้องตัวเอง ด้วยข้ออ้างที่เสี่ยวไป๋เป็นคนเสนอเสียงแข็ง ว่าต้องจัดตารางแบ่งเวลากันให้ดี เพื่อให้เจบีมีเวลาส่วนตัวกับแต่ละคนอย่างยุติธรรม
คืนนี้เป็นคืนของราฟาเอโร่
"ฉันไม่ได้นอนมาทั้งอาทิตย์เลยนะ" เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหู น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงที่ปิดไม่มิด
เจบีขยับตัวนิดหน่อยในอ้อมแขน พลางหัวเราะเบา ๆ
"คุณก็พูดเกินไป..."
"ไม่มีนาย ฉันนอนไม่หลับจริง ๆ" ราฟาเอโร่พูดช้า ๆ คล้ายกำลังกลั่นความรู้สึกออกมาทีละคำ ฝ่ามือใหญ่ลูบหลังเจบีเบา ๆ อย่างละมุนราวกับกลัวทำให้อีกฝ่ายเจ็บ
เจบีไม่ได้พูดอะไร ตอบกลับด้วยการขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ช้อนใบหน้าแนบลงบนไหล่อีกฝ่ายอย่างไว้วางใจ
เสียงหัวใจของราฟาเอโร่เต้นสม่ำเสมออยู่ข้างหูเขา ให้ความรู้สึกมั่นคงจนเจบีแทบไม่อยากขยับตัวไปไหน
"ฉันให้คนติดต่อคิมบอมไปแล้ว" ราฟาเอโร่พูดเสียงทุ้มต่ำ เคล้ากับจังหวะลมหายใจอุ่น ๆ ข้างใบหู "สุดสัปดาห์นี้เขาจะมาที่นี่ นายโอเคมั้ย"
"ครับ" เจบีพยักหน้าช้า ๆ "ก็ต้องโอเคอยู่แล้ว ผมเคารพการตัดสินใจของฮันแจ"
ราฟาเอโร่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ "มันคงเป็นเรื่องของหัวใจนั่นแหละ...เหมือนนาย" เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นนิดหนึ่ง "ฉันรักนายนะ เจบี"
เจบียิ้มมุมปากบาง ๆ ก่อนจะตอบเสียงเบาเหมือนกระซิบ "ถ้าผมมีโหลสักใบ ความรักของพวกคุณคงจะล้นโหลของผมแล้วล่ะ"
"งั้นเหรอ" ราฟาเอโร่หัวเราะในลำคอเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดู "แค่เริ่มต้นเองนะ นายควรเตรียมโหลใบใหญ่กว่านั้นไว้รอเลย"
เจบีซบหน้าลงกับอกกว้างเบา ๆ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่รอบตัว "ผมชอบนะ..." เขาพึมพำแผ่ว "ชีวิตของผมที่ได้เป็นอิสระแบบนี้...ยิ่งกว่าที่ฝันไว้ซะอีก"
"นี่ พรุ่งนี้ไปคาสิโนกันมั้ย" ราฟาเอโร่กระซิบถามเสียงนุ่ม ขณะลูบหลังเขาเบา ๆ
เจบีเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง พลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ "ไปทำไมครับ"
"นายคือตัวนำโชคของฉันนะ" อีกฝ่ายยิ้มกริ่ม "ไปสนุกกันหน่อย"
เจบีหลุดหัวเราะแผ่ว ๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงขี้เล่น "งั้นผมจะกวาดชิปทั้งโต๊ะมาให้หมดเลย"
ราฟาเอโร่หัวเราะในลำคออย่างพอใจ มือยกขึ้นลูบผมนุ่ม ๆ ของเจบีด้วยความเอ็นดู "ดีมาก ต้องแบบนี้สิ เก่งที่สุดเลย"
แล้วเขาก็โน้มตัวลง กดจูบเบา ๆ บนหน้าผากเจบี มือของราฟาเอโร่เลื่อนลงมาประคองท้ายทอยของเจบีอย่างแนบแน่น นิ้วไล้ผ่านเส้นผมด้วยจังหวะละมุนราวกับกล่อมเด็กคนหนึ่งให้นิ่งสงบ
“มองฉันสิ” เสียงทุ้มกระซิบใกล้ริมใบหู
เจบีเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาเผลอสะท้อนความสั่นไหวและความไว้ใจอย่างไม่ปิดบัง
ราฟาเอโร่แตะปลายนิ้วที่มุมปากเขา ลากเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลง จูบเขาอย่างหนักแน่น ริมฝีปากบดเบียดแนบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนเจบีต้องเผลอยกมือเกาะเสื้อเขาไว้แน่น
มือของราฟาเอโร่เลื่อนไปตามลำตัวของเจบี สอดใต้เสื้อเชิ้ต ลูบผิวเนื้ออุ่น ๆ ที่กำลังสั่นเบา ๆ ใต้ปลายนิ้ว
เขาปลดกระดุมเสื้อเจบีอย่างง่ายดาย ลากริมฝีปากลงไปที่ลำคอ ขบเม้มเบา ๆ จนเจบีสะดุ้ง เสียงครางหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
"อย่ากลั้น" ราฟาเอโร่พูดเสียงต่ำ มือบีบสะโพกเจบีเบา ๆ เหมือนกำลังย้ำว่าต้องการเขาแค่ไหน
เจบีปล่อยให้ราฟาเอโร่จัดการกับเสื้อผ้าอย่างเงียบ ๆ เสื้อเชิ้ตถูกถอดออกตามด้วยกางเกงจนกองอยู่ข้างเตียง ร่างกายเปลือยเปล่าเผยผิวเนื้อที่สั่นไหวเพราะความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้น
ราฟาเอโร่จับต้นคอเขาไว้ โน้มตัวลงแนบริมฝีปากอีกครั้ง คราวนี้ลึกกว่าเดิม แข็งแรงกว่าเดิม ราวกับต้องการย้ำว่าเขาอยู่ตรงนี้ และจะไม่ปล่อยให้เจบีหนีไปไหนอีก
ร่างกายของพวกเขาแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ลมหายใจร้อนผ่าว สัมผัสของมือที่ลูบไล้ และจูบที่ลากยาวไปทั่วตัว ทำให้เจบีหมดแรงต่อต้านโดยสมบูรณ์
ราฟาเอโร่จับสะโพกของเจบีไว้แน่น ลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะกดตัวเขาให้นอนราบกับเตียง ริมฝีปากลากผ่านช่วงไหล่ ขบเบา ๆ ตรงกระดูกไหปลาร้าเหมือนตั้งใจทิ้งรอยไว้
เจบีหอบหายใจเบา ๆ ร่างกายสั่นระริกใต้ร่างที่ทาบทับลงมา ปลายนิ้วจิกผ้าปูเตียงแน่นเมื่อราฟาเอโร่เลื่อนตัวลงต่ำ ช้าแต่ไม่หยุด
เขาใช้ปากและลิ้นลากผ่านหน้าท้องแน่นตึง ไล้จนเจบีสะดุ้งเฮือก เสียงครางเบา ๆ หลุดออกมาแบบห้ามไม่ได้
เสื้อผ้าไม่มีเหลือ ร่างของเจบีเปลือยเปล่าท่ามกลางสัมผัสอุ่นจัดที่ไหลไปทั่วตัว มือใหญ่ของราฟาเอโร่ไล้ต่ำลงไปเรื่อย ๆ อย่างคนมากประสบการณ์ จนเจบีต้องแอ่นตัวรับอย่างลืมตัว
"อย่าเกร็ง" เขากระซิบเสียงพร่า ใกล้กับสะโพกที่กำลังสั่นไหว
เจบีพยายามคลายตัว แต่ยิ่งพยายาม กลับยิ่งเหมือนปล่อยตัวเองให้ถลำลึกเข้าไปมากกว่าเดิม
ราฟาเอโร่ขยับขึ้นมา รวบข้อมือสองข้างของเจบีไว้ด้วยมือเดียว กดแนบกับหมอนเหนือศีรษะอย่างง่ายดาย ขณะที่มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบเจลหล่อลื่นที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก
เขาบีบเจลลงบนปลายนิ้ว ลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะสัมผัสลงบนตัวเจบีอย่างตรงไปตรงมา เจลเย็นเฉียบในตอนแรก แต่เมื่อเจอไอร้อนจากผิวกาย มันก็อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว
เจบีสะดุ้งนิด ๆ เสียงครางดังขึ้นในลำคอ เมื่อปลายนิ้วเปียกลื่นลากผ่านช่องทางด้านหลัง ร่างกายอ่อนแรงจนแทบยกตัวไม่ขึ้น ความร้อนที่แล่นพล่านใต้ผิวทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว
ราฟาเอโร่จูบเขาอีกครั้ง ดูดกลืนเสียงครางนั้นเอาไว้ไม่ให้เล็ดรอดออกมาเกินไป ทั้งแนบแน่น ทั้งกักขัง จนเจบีแทบหายใจไม่ทัน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพร้อมแล้ว ราฟาเอโร่เลื่อนตัวลง ประคองสะโพกเจบีขึ้นเล็กน้อย เตรียมตัวอย่างใจเย็น
เขาหยิบซองถุงยางที่วางไว้ใกล้มือ ฉีกออกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนสวมมันอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีที่คุ้นเคย ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยราวกับกลั้นอารมณ์เอาไว้
มือใหญ่จับสะโพกเจบีไว้มั่น ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบชิดข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ หนักแน่นจนเจบีแทบหายใจไม่ทัน
"ฉันจะทำช้า ๆ ...จนกว่านายจะยอมรับได้ทั้งหมด"
จากนั้น เขาก็ค่อย ๆ ดันตัวเข้าไปทีละน้อย เนิบช้า อดทน และแนบแน่น
เจบีเผลอปล่อยเสียงหลุดออกมา ร่างกายตึงเครียดขึ้นเพราะความแน่นที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว แต่ราฟาเอโร่ยังไม่เร่ง เขากดจูบบนหน้าผากเจบีเบา ๆ อีกครั้ง เหมือนปลอบใจ
"หายใจลึก ๆ" เขากระซิบเสียงพร่า
เจบีพยายามทำตาม ร่างกายค่อย ๆ คลายตัวทีละนิด และในจังหวะนั้น ราฟาเอโร่ก็ขยับตัวเข้าไปจนสุด ชิดแนบสนิทไม่มีช่องว่างเหลือ
"ฮึก...จ...เจ็บ...ไม่ไหว...ฮึก...ให...ใหญ่เกินไป..."
ร่างของเจบีสั่นระริกอยู่ใต้เขา ลมหายใจขาดเป็นช่วง ๆ ดวงตาแดงก่ำจากความรู้สึกท่วมท้นที่บรรยายออกมาไม่ได้
"แค่...อีกนิดเดียว...ฉันหยุดไม่ได้แล้วจริง ๆ"
ราฟาเอโร่ก้มลงจูบเขาอีกครั้ง คราวนี้นุ่มลึกและยาวนาน ราวกับกำลังบอกเจบีว่าจากนี้...ไม่มีทางปล่อยเขาไปได้อีกแล้ว
และแล้วจังหวะการเคลื่อนไหวก็เริ่มต้นขึ้น ช้า หนักแน่น ทุกสัมผัสแนบชิดจนแทบกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว
ราฟาเอโร่ขยับตัวเข้าออกอย่างเชื่องช้า ไม่ได้เร่ง ไม่ได้ผลักดันจนเจบีต้องเจ็บ มีเพียงแรงกดหนัก ๆ ช้า ๆ ที่กดลึกลงมาเรื่อย ๆ
เสียงเนื้อกระทบกันเบา ๆ ดังสลับกับเสียงหอบหายใจหนัก ๆ ของเจบี ร่างกายเปลือยเปล่าใต้ร่างสั่นไหวตามแรงกระแทกที่เพิ่มจังหวะทีละน้อย
"เก่งมาก" ราฟาเอโร่กระซิบเบา ๆ ตรงข้างหู ก่อนจะกดจูบลงบนแนวกรามที่สั่นไหว
"ฮึก...อ๊ะ...อ๊า..."
เจบีจับต้นแขนของเขาแน่น เหมือนต้องการที่ยึดเหนี่ยวเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดแตกสลาย ริมฝีปากเผยอขึ้นปล่อยเสียงครางเบา ๆ อย่างห้ามไม่ได้เมื่อราฟาเอโร่เริ่มขยับเร็วขึ้น
"แน่นขนาดนี้...จะทำฉันคลั่งแล้วนะ"
แรงกดและแรงกระแทกเนิบ ๆ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด จนเจบีรู้สึกเหมือนถูกกลืนไปในสัมผัสของอีกฝ่าย ลมหายใจขาดเป็นห้วง ร่างกายร้อนระอุจนแทบไม่รู้สึกถึงผ้าปูเตียงใต้ตัวอีกต่อไป
มือใหญ่ของราฟาเอโร่เลื่อนไปจับสะโพกของเจบีไว้ บังคับให้รับแรงกระแทกของเขาเต็ม ๆ ทุกจังหวะ ทุกสัมผัสแนบชิดจนแทบไม่เหลือที่ว่างระหว่างกัน
พั่บ พั่บ พั่บ!
พั่บ พั่บ พั่บ!
พั่บ พั่บ พั่บ!
"ราฟา..." เจบีหลุดเสียงเรียกชื่อเขาเบา ๆ คล้ายทั้งเรียก ทั้งอ้อนวอน ทั้งขอให้อีกฝ่ายอย่าทิ้งเขาไว้กลางความรู้สึกเอ่อล้นนี้เพียงลำพัง
"อ๊ะ...ฮือ...อ๊า...อ๊าา..."
ราฟาเอโร่ก้มลงจูบเขาแน่น ๆ อีกครั้ง กลืนเสียงครางและเสียงเรียกนั้นเอาไว้ ก่อนจะขยับตัวหนักขึ้น ลึกขึ้น
แจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ!
แจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ!
เสียงเปียกชื้นดังระรัวประสานกับแรงกระแทกที่ลึกขึ้นทุกที รุนแรงจนแทบทำให้เจบีหลุดเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่
"อะ...อื้อ...ไม่ไหวแล้วครับ...ผมจะ..."
ไม่ช้า ความรู้สึกที่ปะทุอย่างหยุดไม่อยู่ก็ระเบิดออก เจบีสะดุ้งเฮือก ร่างกายตึงเครียดถึงขีดสุด ปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงครางต่ำ ๆ ที่แทบถูกดูดกลืนไปกับจูบของราฟาเอโร่
"อึก...ฉันก็...ไม่ไหวแล้ว...อ๊าาา...ที่รัก!?"
ราฟาเอโร่ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงคำรามต่ำ ๆ ในลำคอ กระชับอ้อมแขนกอดเจบีแน่น ร่างกายกระตุกเกร็งเมื่อปลดปล่อยตัวเองเข้าไปจนสุด
ทั้งห้องมีเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ และความร้อนจากร่างสองร่างที่แนบชิดไม่ห่าง
ราฟาเอโร่ยังคงกอดเจบีไว้แน่น ลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดข้างแก้มอีกฝ่ายไม่หยุด ฝ่ามือไล้หลังเขาเบา ๆ เหมือนกำลังปลอบโยน
"ทำได้ดีมาก..." เขากระซิบเสียงแผ่ว ขณะที่เจบีพิงหน้าผากกับไหล่เขา หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นเกินกว่าจะพูดออกมาได้
ร่างของเจบียังคงสั่นไหวเล็กน้อยในอ้อมแขน ราฟาเอโร่ถอนตัวออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะรวบตัวเจบีเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง
เขาใช้มือใหญ่ลูบแผ่นหลังที่ยังสั่นเบา ๆ อย่างอดทนและสม่ำเสมอ เหมือนกำลังกล่อมให้ร่างในอ้อมแขนผ่อนคลาย
"เหนื่อยเหรอ" ราฟาเอโร่ถามเสียงต่ำพร่า
เจบีพยักหน้าเบา ๆ พูดอะไรไม่ออก ปล่อยตัวเองซบลงกับอกของอีกฝ่ายเหมือนหมดแรงจะขยับ
ราฟาเอโร่หัวเราะนิด ๆ ในลำคอ กดจูบเบา ๆ ลงบนขมับที่ชื้นเหงื่อ
"เดี๋ยวฉันล้างตัวให้" เขาว่าเสียงทุ้มพร่า ขณะที่ก้มลงช้อนตัวเจบีขึ้นจากเตียงอย่างง่ายดาย
เจบีสะดุ้งนิด ๆ แต่ไม่มีแรงจะขัดขืน เขาแค่ซุกหน้ากับอกกว้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายพาเดินไปจนถึงห้องน้ำ
เมื่อเปิดน้ำอุ่นให้ไหลจนเต็มอ่าง ราฟาเอโร่วางเจบีลงเบา ๆ บนขอบอ่าง แล้วหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวเขาอย่างระมัดระวัง
ฝ่ามือใหญ่ไล้ผ่านแผ่นหลังที่เปื้อนเหงื่อและรอยสัมผัสเก่า ๆ จากช่วงเวลาก่อนหน้านี้อย่างใจเย็น ก่อนจะค่อย ๆ ลูบต่ำลงไปถึงสะโพกและต้นขา
เขาไล้ผ้าตามแนวแผ่นหลัง ลากผ่านสะโพกอย่างไม่รีบร้อน ก่อนเช็ดทำความสะอาดช่องทางด้านหลังที่ยังคงร่องรอยจากการครอบครองของเขา
ปลายนิ้วของราฟาเอโร่นุ่มนวล ไม่เร่งรีบ ลูบไล้จนแน่ใจว่าสะอาดและไม่ทำให้เจบีรู้สึกไม่สบายตัว
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เขาถามเสียงเบา พลางลูบเอวเจบีเบา ๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย
เจบีส่ายหน้า เสียงในลำคอเบาแทบไม่ได้ยิน ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเล็กน้อยก้มหลบสายตาอย่างเงียบงัน
ราฟาเอโร่หัวเราะนิด ๆ มือใหญ่ยังลูบหลังเขาเบา ๆ
เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ราฟาเอโร่ก็พยุงเจบีลงไปในอ่างน้ำอุ่น ให้ร่างที่เหนื่อยล้าได้พักผ่อนในน้ำอุ่นที่คลายความตึงเครียด
เจบีเอนตัวพิงแผงอกกว้างอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้ลมหายใจที่เหนื่อยหอบค่อย ๆ ผ่อนลงช้า ๆ ท่ามกลางไออุ่นที่โอบล้อม
หลังจากแช่น้ำจนร่างกายคลายตัว ราฟาเอโร่ก็พยุงเจบีขึ้นจากอ่าง เช็ดตัวเขาอย่างระมัดระวังด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม
เจบียืนนิ่ง ๆ ให้เขาจัดการแทบทุกอย่าง ฝ่ามือใหญ่เช็ดน้ำตามซอกแขน หลังคอ ไล่ลงจนถึงเอวและต้นขา อ่อนโยนแต่ไม่ละเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเช็ดตัวเสร็จ ราฟาเอโร่คว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่อตัวเจบีไว้แน่น แล้วอุ้มเขากลับไปที่เตียง
เจบีขยับตัวเล็กน้อยในอ้อมแขน ร่างกายยังอ่อนล้าเกินกว่าจะพูดอะไร ราฟาเอโร่เพียงกระชับแขนแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนวางเขาลงบนเตียงอย่างเบามือ
เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างบางจนถึงอก มือใหญ่ลูบเส้นผมเปียกชื้นเบา ๆ
"นอนได้แล้ว" เขาว่าเสียงต่ำ นุ่ม และสั่งการมากกว่าขอร้อง
เจบีหลับตาลง ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็แค่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วซุกตัวลงกับหมอนมากขึ้น
ราฟาเอโร่นั่งลงข้างเตียง มือใหญ่ไล้ผ่านเส้นผมนุ่มเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะกล่อมให้อีกฝ่ายหลับสบายตลอดทั้งคืน
สายตานิ่ง ๆ ของเขามองใบหน้าที่หลับใหลอย่างอ่อนล้า แล้วเผลอยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ราฟาเอโร่ก้มลง แนบริมฝีปากกับขมับของเจบีเบา ๆ ก่อนกระซิบเสียงต่ำชิดผิว
"ฝันดีนะ...คนเก่งของฉัน"
...
วันถัดมา ภายในห้องวีไอพีสุดหรูของคาสิโนส่วนตัวเครือข่ายซิลเวอร์เนสต์ โต๊ะรูเล็ตตรงกลางห้องส่งเสียงลูกบอลหมุนวนไม่หยุด เสียงเหรียญและชิปเดิมพันดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวที่ขับให้บรรยากาศดูทั้งเร้าใจและเงียบขรึมในเวลาเดียวกัน
ราฟาเอโร่นั่งไขว้ขาอยู่ฝั่งหนึ่ง มือกดนิ้วบนขอบแก้วไวน์อย่างใจเย็น เสี่ยวไป๋นั่งพิงพนักโซฟาเงียบ ๆ ข้างเจบี ส่วนเรนกับแคสเปอร์คอยเฝ้ามองจากมุมใกล้ ๆ ด้วยสีหน้าครึ่งระหว่างตื่นเต้นและไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เจ้ามือในชุดทักซิโด้ประกาศรอบใหม่ เจบียิ้มบาง ๆ อย่างคนไม่เร่งรีบ ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมหยิบชิปกองโต วางลงไปบนตัวเลขเดียว...แบบไม่ลังเล
"เลขเดียวเลยเรอะ..." เรนกระซิบเบา ๆ จนได้ยินกันเฉพาะในกลุ่ม
"บ้าไปแล้วหรือเปล่า..." แคสเปอร์หลุดพึมพำ
เสี่ยวไป๋เหลือบตามองนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม
ลูกบอลถูกปล่อยออกไป เสียงกระทบขอบรูเล็ตดังกรุ๊งกริ๊งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนเอื่อยช้าลงเรื่อย ๆ
ทุกสายตาในห้องเหมือนหยุดลงที่วงล้อ
เจบีเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สายตาเรียบเฉยเหมือนคำนวณทุกจังหวะมาแล้ว
ลูกบอลดีดกระเด้งหนึ่งที...สองที...
แล้วก็ตกลงในเลขเดียวกับที่เขาแทงเป๊ะ
เสียงเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนที่ชิปกองโตจะถูกกวาดเข้ามาในพรวดเดียวต่อหน้าเขา
"โอ๊ยยย! บ้าไปแล้ว! ได้จริงเหรอเนี่ย!" เรนแทบจะโห่ร้องลั่นโต๊ะ
"ฉันนึกว่านายแค่เล่นขำ ๆ ซะอีก..." แคสเปอร์ขยี้หัวตัวเองแรง ๆ อย่างไม่อยากเชื่อ
ราฟาเอโร่ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ก่อนจะยกไวน์ขึ้นจิบอย่างช้า ๆ
เสี่ยวไป๋ที่เงียบอยู่นาน ยกมือขึ้นตบมือแปะเบา ๆ สองครั้งเหมือนให้รางวัล
"สุดยอด..." เขาว่าแค่สั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย
เจบีเพียงแค่ยิ้มนิดหนึ่งเหมือนไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ มือเรียววางชิปที่เพิ่งกวาดมาได้ลงโต๊ะอย่างไม่เร่งรีบ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
"ไม่เอาน่า นายฟลุกน่ะเจบี ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะเก่งไปทุกเกม" แคสเปอร์ว่า พลางหมุนชิปในมือเล่นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
โต๊ะโป๊กเกอร์ถูกตั้งขึ้นรวดเร็ว ชิปเดิมพันวางกระจัดกระจายอยู่กลางโต๊ะ เจบีนั่งลงอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้อง ราวกับเขาไม่ได้แบกความกดดันใด ๆ ไว้บนบ่าเลย
"จะลองก็ได้นะครับ" เจบีพูดเรียบ ๆ ดวงตาคู่นั้นใสแจ๋วจนแทบดูไร้พิษภัย แต่คนที่เคยเจอเขาก่อนหน้านี้เท่านั้น ที่รู้ว่าความใสแบบนั้น...อันตรายที่สุดแล้ว
ราฟาเอโร่ที่นั่งพิงพนักอยู่ด้านหลังของเจบีเพียงยกแก้วไวน์ขึ้นกระดกอีกนิด พร้อมเอ่ยเสียงขรึมขำ ๆ
"ฉันเป็นนายทุนเอง ลงได้เต็มที่"
เรนหัวเราะลั่น ขณะที่เสี่ยวไป๋เพียงเลิกคิ้วเบา ๆ พลางหยิบชิปวางเรียงตรงหน้าตัวเองด้วยท่าทางใจเย็น
"ตกลง มีใครจะเดิมพันบ้าง" เจบีเอียงคอถามด้วยท่าทีสบาย ๆ
"ฉัน!" เรนยกมือแทบทะลุเพดาน
"ฉันด้วย" แคสเปอร์กระแทกชิปกองหนึ่งลงกลางโต๊ะเสียงดังปึง
"อืม..." เสี่ยวไป๋พยักหน้าเบา ๆ วางชิปก้อนเล็กลงด้วยท่าทางเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่แววตาขำ ๆ ซ่อนอยู่ในนั้น
ไพ่ถูกแจกอย่างรวดเร็ว เสียงการ์ดเสียดสีกับโต๊ะผิวหนังฟังแผ่วเบาในห้องวีไอพีที่ปิดมิดชิด
เจบีไม่ทำอะไรมาก เขาแค่ยกไพ่ขึ้นดูนิดเดียว ก่อนจะวางลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รอบแรก แคสเปอร์วางเดิมพันสูงลิ่ว เรนตามติด ขณะที่เสี่ยวไป๋ขยับชิปทีละนิดไม่รีบร้อน
"เอาสิ ลองบลัฟฉันดูหน่อย" แคสเปอร์ยิ้มยียวนใส่เจบี
เจบีแค่ยิ้มนิด ๆ แล้วเกทับสองเท่า
เสียงหัวเราะดังกราวในห้อง แต่ไม่นานสีหน้าของแคสเปอร์ก็เริ่มเปลี่ยนเล็กน้อย เมื่อเจบีไม่ได้กระพริบตาแม้แต่นิด
ไพ่ถูกเปิดในรอบสุดท้าย
'ฟลัช' หัวใจเรียงห้าใบในมือเจบี
"บ้าเอ๊ย..." แคสเปอร์พึมพำแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ราวกับหมดแรง
เรนหัวเราะขำกลิ้งบนเก้าอี้ ส่วนเสี่ยวไป๋แค่ก้มหน้าไล้ปลายนิ้วบนขอบแก้วน้ำของตัวเอง เหมือนรู้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้น
ราฟาเอโร่ที่นั่งไขว่ห้างอยู่อีกมุม ยิ้มมุมปากอย่างภูมิใจเหมือนกำลังชมผลงานตัวเอง
"ยอมแพ้แล้ว!" แคสเปอร์ยกมือสองข้างขึ้น ก่อนจะโยนชิปกองใหญ่ไปให้เจบีอย่างปลงตก "โอเค ๆ นายมันตัวอันตรายชัด ๆ"
"ผมก็แค่...โชคดีนิดหน่อยน่ะครับ" เจบีพูดเสียงเบา แต่รอยยิ้มที่มุมปากดูซุกซนจนทุกคนพากันโห่แซว
"ฉันยอมหมดตัว ถ้าเป็นนาย" แคสเปอร์ว่าพลางยักไหล่ แล้วโยนชิปในมือลงกลางโต๊ะด้วยท่าทีโอเวอร์สุด ๆ
ยังไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว เขาก็เอนหลังพิงเก้าอี้ แล้วประกาศเสียงดังฟังชัดแบบไม่กลัวเจ๊ง
"เอาอีกสักตาเถอะ! ถ้าแพ้อีก ฉันจะยกที่ดินทำเลทองที่สุดในลอนดอนให้เจบีเลย! ฮะ ๆ ใครจะกล้าสู้กับฉันบ้าง?"
เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นทันที เรนแทบหงายหลังตกเก้าอี้ รีบชี้หน้าแคสเปอร์พลางหัวเราะไม่หยุด
"เวอร์ไม่ดูบัญชีตัวเองเลยนะเว้ย! นั่นมันสมบัติชิ้นโคตรใหญ่ของนายเลยนะ!"
"ราคาประเมินครั้งล่าสุดเหรอ?" แคสเปอร์ยักไหล่เล็กน้อย "สี่สิบล้านปอนด์ได้มั้ง... แต่ใครจะนับกันล่ะ ถ้าเป็นเจบี"
เจบีเผลอหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาเหลือบมองเสี่ยวไป๋ที่นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายเพียงถอนหายใจช้า ๆ แต่แววตาเหมือนคนที่กำลังคิดคำนวณความเสียหายเงียบ ๆ ในหัว
ส่วนราฟาเอโร่ที่นั่งไขว่ห้างในท่าเดิม เพียงกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น
"อย่าลืมเตรียมเอกสารโอนที่ดินด้วยนะ แคสเปอร์ ฉันจะได้เป็นพยานให้เอง"
แคสเปอร์หัวเราะร่าไม่สะทกสะท้าน ตบโต๊ะปึง ๆ แล้วหันมาส่งยิ้มกว้างให้เจบีอย่างโอ่อ่า
"เอาน่า! ที่ดิน บ้าน รถ หรือแม้แต่หัวใจฉัน ถ้าเป็นนาย ฉันยกให้หมดเลย!"
เจบีได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ พลางหัวเราะออกมาในลำคอ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกโอบล้อมด้วยความวุ่นวายที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความจริงใจ ที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลกนี้อีกแล้ว
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆนะครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]