วันนั้น...ที่ตะวันหวนคืน (บท10)
บทที่ ๑๐: ทางแยกของความรู้สึกหลังจากที่ตะวันยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อภาคิน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้เป็นพ่อก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาที่ตึงเครียดและอึดอัด ความรู้สึกผิดและความสับสนที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ตะวันไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับภาคินอย่างตรงไปตรงมา ความเขินอายที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดพ่อ กลายเป็นอุปสรรคที่ขวางกั้นความสัมพันธ์อันดีที่พวกเขาเคยสร้างมา
ตะวันเริ่มหลีกเลี่ยงการสบตากับภาคินโดยไม่จำเป็น ในอดีต เขาอาจจะมองหน้าพ่ออย่างเปิดเผยและเป็นธรรมชาติ แต่ในตอนนี้ เพียงแค่ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ตะวันก็จะรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความประหม่า ราวกับกลัวว่าความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเขาจะถูกพ่ออ่านออก
การสัมผัสทางกายภาพก็กลายเป็นสิ่งที่ตะวันต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในอดีต การแตะเนื้อต้องตัว การกอด หรือการช่วยเหลือพ่อในเรื่องต่างๆ เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและไม่คิดอะไร แต่ในตอนนี้ ทุกสัมผัสกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนและทำให้ตะวันรู้สึกเขินอายอย่างมาก หากจำเป็นต้องยื่นมือไปหยิบของให้พ่อ หรือต้องเดินผ่านใกล้ๆ ตะวันจะพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วและน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาหลีกเลี่ยงการสัมผัสมือโดยตรง หรือการอยู่ใกล้ชิดจนเกินความจำเป็น เพราะกลัวว่าความรู้สึกที่เก็บกดไว้จะแสดงออกมาผ่านการสัมผัสเหล่านั้น
การพูดคุยกับภาคินก็กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับตะวัน น้ำเสียงของเขาอาจจะสั่นเครือ หรือพูดติดขัดบ่อยครั้ง เขาไม่กล้าที่จะมองหน้าพ่อขณะที่พูดคุย และมักจะตอบคำถามสั้นๆ ห้วนๆ เพื่อที่จะจบการสนทนาให้เร็วที่สุด การหลีกเลี่ยงนี้ ทำให้บรรยากาศในบ้านเงียบเหงาและอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ภาคินสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในท่าทีของลูกชายอย่างชัดเจน ความกระวนกระวาย ความเงียบขรึม และความหลีกเลี่ยงที่ตะวันแสดงออกมา ทำให้คนเป็นพ่อรู้สึกสับสนและเป็นห่วง
“ไอ้ตะวัน...ทำไมช่วงนี้มึงดูแปลกๆ จังวะ? เหมือนมีอะไรในใจตลอดเวลา” ภาคินเคยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ตะวันรีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับพ่อ ผมสบายดี” แต่คำโกหกนั้นกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น
ไหมสังเกตเห็นความผิดปกติในตัวตะวันอย่างชัดเจน ความสดใสและร่าเริงของเพื่อนสนิทหายไป ถูกแทนที่ด้วยความเงียบขรึมและความเหม่อลอย ไหมเป็นห่วงตะวันมาก และพยายามที่จะพูดคุยกับเขา
“ตะวัน นายเป็นอะไรกันแน่? ตั้งแต่กิจกรรมวันพ่อ นายดูไม่สบายใจเลยนะ มีอะไรบอกฉันได้ไหม?” ไหมถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ทั้งสองคนนั่งพักกลางวันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในโรงเรียน
ตะวันถอนหายใจเบาๆ หลบสายตาของไหม “ไม่มีอะไรจริงๆ ไหม ฉันแค่...เหนื่อยๆ”
“ไม่จริงหรอก ฉันสังเกตเห็นนายมาหลายวันแล้ว นายแทบจะหลบหน้าพ่อด้วยซ้ำ เกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับคุณลุงหรือเปล่า?” ไหมถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
คำถามของไหมแทงใจดำตะวัน เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร เขาไม่สามารถบอกความจริงที่ซับซ้อนและน่าอับอายนี้ให้กับไหมฟังได้
“ไม่มีอะไรจริงๆ ไหม เธอคิดมากไปเอง” ตะวันตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
ไหมมองหน้าตะวันด้วยความสงสัย เธอสัมผัสได้ว่าเพื่อนสนิทของเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าตะวันไม่ต้องการที่จะพูด เธอจึงไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ
ความสัมพันธ์ที่เคยราบรื่นระหว่างตะวันกับภาคิน เริ่มมีรอยร้าวแห่งความเงียบและความอึดอัดเข้ามาปกคลุม การหลีกเลี่ยงของตะวัน ทำให้ภาคินรู้สึกสับสนและน้อยใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายถึงเปลี่ยนไป ราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นกลางอยู่
“ไอ้ตะวัน...ทำไมช่วงนี้มึงไม่ค่อยคุยกับกูเลยวะ? มีอะไรไม่พอใจกูหรือเปล่า?” ภาคินเคยถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความน้อยใจ
ตะวันรีบปฏิเสธ “เปล่าครับพ่อ ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรพ่อสักหน่อย” แต่คำตอบนั้นฟังดูไม่จริงใจนัก
ความเงียบและความห่างเหินที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้บรรยากาศในบ้านอึมครึมและน่าอึดอัด ตะวันรู้ว่าเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงพ่อไปได้ตลอดชีวิต และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจก็ไม่ได้จางหายไปง่ายๆ เขาต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่ต้องห้ามนี้ จะเก็บซ่อนมันไว้ต่อไป หรือจะเสี่ยงเปิดเผยมันออกไป และต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่อาจจะตามมา
ทางแยกของความรู้สึกได้มาถึงแล้ว ตะวันยืนอยู่บนเส้นทางที่สับสนและมืดมิด เขาไม่รู้ว่าจะเลือกเดินไปทางไหนดี ทางหนึ่งคือการเก็บซ่อนความลับอันแสนเจ็บปวดนี้ไว้ในใจ และพยายามรักษาสถานะความสัมพันธ์แบบพ่อลูกเอาไว้ แม้จะต้องทนทุกข์ทรมานกับความรู้สึกที่ต้องห้าม อีกทางหนึ่งคือการเสี่ยงเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง และอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการปฏิเสธ ความผิดหวัง และการสูญเสียความสัมพันธ์ที่มีค่านี้ไปตลอดกาล
การตัดสินใจครั้งสำคัญกำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า...และตะวันไม่รู้ว่าจะหาหนทางที่ถูกต้องได้อย่างไร...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
สนุกมากครับ ขอบคุนคับ
หน้า:
[1]