วันนั้น...ที่ตะวันหวนคืน (บท5)
บทที่ ๕: เงาอดีตที่ยังตามมาแม้ว่าบรรยากาศรอบตัวตะวันจะเริ่มอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของสายสัมพันธ์ใหม่กับภาคิน และมิตรภาพที่จริงใจกับป้อง แต่ในส่วนลึกของจิตใจ เขากลับถูกเงาของอดีตตามหลอกหลอนอย่างไม่ลดละ ภาพเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของอุบัติเหตุที่พรากชีวิตเขาไป ยังคงฉายซ้ำในความคิดราวกับภาพยนตร์ม้วนเก่า เสียงกรีดร้อง เสียงชนกระแทก และความเจ็บปวดแสนสาหัส กลายเป็นฝันร้ายที่คอยกัดกินความสุขในทุกย่างก้าว
ความกังวลว่าเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านั้นจะหวนคืนมาอีกครั้ง ราวกับเงาที่ไล่ตามตัว ทำให้ตะวันรู้สึกกระวนกระวายและหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ในช่วงเวลาที่ว่างจากการเรียนและการใช้เวลากับภาคิน ตะวันมักจะหมกมุ่นอยู่กับการสืบค้นข้อมูลต่างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในอนาคต เขาเฝ้าติดตามข่าวสารทางโทรทัศน์ อ่านหนังสือพิมพ์อย่างละเอียด และแม้กระทั่งลองค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต (เท่าที่เทคโนโลยีในยุคนั้นจะอำนวย) โดยหวังว่าจะพบเบาะแสหรือสัญญาณเตือนใดๆ เกี่ยวกับรถยนต์คันนั้น หรือสถานที่เกิดเหตุที่เขาจดจำได้ลางๆ
วันหนึ่ง ขณะที่ตะวันนั่งดูข่าวโทรทัศน์อยู่กับภาคินในช่วงเย็น มีรายงานข่าวอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันอย่างรุนแรงบนทางหลวงหมายเลขหนึ่ง ภาพซากรถยนต์ที่บิดเบี้ยว และเสียงผู้ประกาศข่าวที่รายงานยอดผู้เสียชีวิต ทำให้ตะวันรู้สึกราวกับมีมือเย็นเฉียบมาบีบหัวใจ แม้ว่ารายละเอียดของยี่ห้อรถยนต์ สี หรือสถานที่เกิดเหตุจะไม่ตรงกับความทรงจำอันเลือนรางของเขา แต่ความรู้สึกหวาดกลัวก็ถาโถมเข้าใส่จนแทบทรุด
“ไอ้ตะวัน! มึงเป็นอะไรไปวะ? หน้าซีดเหมือนไก่ต้มเลย” ภาคินทักขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ เมื่อสังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของลูกชาย
ตะวันรีบกลืนน้ำลาย พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “เปล่าครับพ่อ ผมแค่รู้สึก...ไม่ค่อยสบาย สงสัยจะเพลียๆ” เขาไม่อยากให้ภาคินรับรู้ถึงความกังวลและความหวาดกลัวที่แท้จริงที่กัดกินใจเขาอยู่
“ถ้าไม่สบายก็ขึ้นไปนอนพักผ่อนไป๊ ไม่ต้องดูข่าวให้มันหดหู่” ภาคินเอ่ยด้วยความเป็นห่วง พลางลูบหัวลูกชายเบาๆ
ตะวันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา เดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ความรู้สึกหวาดระแวงยังคงตามติดเขาไปทุกหนทุกแห่ง ราวกับมีเงาปีศาจร้ายคอยจ้องมองอยู่เบื้องหลัง
‘ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง’ ตะวันครุ่นคิดอย่างร้อนรน ขณะทิ้งตัวลงบนเตียงเก่าๆ ‘ฉันต้องป้องกันไม่ให้ไอ้เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันจะไม่ยอมให้พ่อต้องสูญเสียฉันไปแบบนั้น’
เขาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับวันเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาพยายามจดจำว่าอะไรคือชนวนเหตุของการทะเลาะวิวาทรุนแรงกับภาคินในวันนั้น คำพูดที่บาดลึก อารมณ์ที่พลุ่งพล่าน และความโกรธเกรี้ยวที่ทำให้เขาตัดสินใจบิดรถออกไปอย่างประชดประชัน แต่ความทรงจำในส่วนนั้นกลับพร่าเลือน ราวกับมีม่านหมอกหนาทึบคอยบดบัง
ตะวันตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเขาในปัจจุบัน การที่เขาพยายามเป็นลูกชายที่ดี เชื่อฟัง และดูแลเอาใจใส่ภาคินมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ในอนาคตก็เป็นได้ บางทีการที่เขาไม่ดื้อรั้น ไม่สร้างปัญหา อาจจะทำให้การทะเลาะวิวาทครั้งนั้นไม่เกิดขึ้น หรืออาจจะทำให้สถานการณ์พลิกผันไปในทิศทางที่ดีขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกใหม่ที่เขามีต่อภาคินก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดและการกระทำของเขามากขึ้น ความชื่นชมในความเข้มแข็ง ความอบอุ่น และความเสียสละของพ่อ ความผูกพันทางใจที่แนบแน่นขึ้น และความปรารถนาที่จะดูแลและปกป้องผู้ชายคนนี้ให้ดีที่สุด มันเริ่มเข้ามาแทนที่ความโกรธ ความไม่เข้าใจ และความห่างเหินที่เขาเคยมีในอดีต
เมื่อตะวันมองไปยังใบหน้าของภาคิน ร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก และความเหงาที่แฝงอยู่ในแววตาในบางครั้ง กลับทำให้เขารู้สึกสงสารและเป็นห่วงพ่ออย่างจับใจ เขาไม่อยากให้พ่อต้องเผชิญกับความสูญเสียและความเจ็บปวดอีกต่อไป ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เขาจะอยู่เคียงข้างพ่อ
ความขัดแย้งภายในจิตใจของตะวันทวีความรุนแรงขึ้น ความกลัวต่ออนาคตที่เคยประสบ กับความรู้สึกใหม่ที่เขามีต่อพ่อ มันเป็นเหมือนสมรภูมิรบที่ไม่มีวันสงบ
วันหนึ่ง ขณะที่ตะวันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด ป้องเดินเข้ามาทักทายด้วยความเป็นห่วง เมื่อสังเกตเห็นสีหน้ากังวลของเพื่อน
“ตะวัน ช่วงนี้นายดูเหม่อๆ ลอยๆ เหมือนมีอะไรไม่สบายใจตลอดเลย มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” ป้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ตะวันเงยหน้ามองป้อง พยายามฝืนยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกป้อง กูแค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ” เขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจให้ใครได้รับรู้ แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างป้อง
“ถ้านายมีอะไรในใจจริงๆ บอกฉันได้นะ ฉันพร้อมรับฟังเสมอ” ป้องตบบ่าตะวันเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง
ตะวันรู้สึกขอบคุณในน้ำใจของเพื่อน แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงที่แสนเจ็บปวดนี้
ในช่วงเย็นวันนั้น ขณะที่ตะวันกำลังช่วยภาคินรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนเล็กๆ หน้าบ้าน เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดคุยกับพ่อถึงเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่อีกครั้ง
“พ่อครับ ช่วงนี้ผมเห็นข่าวอุบัติเหตุเยอะมากเลย พ่อขับรถไปทำงานทุกวันก็ระวังมากๆ นะครับ อย่าขับรถเร็วนัก” ตะวันเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นห่วง
ภาคินวางสายยางลง มองหน้าลูกชายด้วยความแปลกใจระคนเอ็นดู “เออๆ กูรู้แล้ว มึงนี่ช่วงนี้เป็นอะไรไป ขี้เป็นห่วงผิดปกติ”
“ผมก็แค่อยากให้พ่อปลอดภัยนี่ครับ” ตะวันตอบกลับด้วยความรู้สึกที่แท้จริง
ภาคินถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้ามาลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน “ขอบใจมากนะไอ้หนู กูจะระวังตัว”
แม้ว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุในอนาคต แต่การได้แสดงความห่วงใยต่อพ่อ ก็ทำให้ตะวันรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
เงาของอดีตยังคงทอดยาวตามมาในความคิดของตะวัน แต่ในขณะเดียวกัน แสงสว่างแห่งความรู้สึกใหม่ที่เขามีต่อภาคินก็เริ่มส่องประกายเจิดจ้าขึ้นในหัวใจ ความปรารถนาที่จะปกป้องดูแลพ่อ และสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและยั่งยืน มันกลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่สองของเขา
ตะวันรู้ว่าเขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตที่เกิดขึ้นแล้วได้ แต่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน และอาจจะส่งผลกระทบต่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง เขาจะใช้ทุกวินาทีที่มีค่านี้ เพื่อดูแลคนที่เขารัก และป้องกันไม่ให้ความสูญเสียและความเจ็บปวดเกิดขึ้นซ้ำรอย...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
สนุกมากครับ รออ่านต่อนะครับ ขอบคุนคับ ขอบคุณมากครับ กังวล
หน้า:
[1]