Artit010 โพสต์ เมื่อวาน 18:16

วันนั้น...ที่ตะวันหวนคืน (บท2)

บทที่ ๒: ความตั้งใจใหม่
วันรุ่งขึ้น อาการไข้ของตะวันยังคงทรงๆ ทรุดๆ แม้จะกินยาลดไข้ไปแล้วก็ตาม ร่างกายยังคงอ่อนเพลียและปวดเมื่อย แต่จิตใจของเขากลับตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความทรงจำในชาติก่อนเป็นเหมือนแรงผลักดันให้เขาต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
เมื่อภาคินตื่นเช้ามา เห็นตะวันยังนอนซมอยู่บนเตียง ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้ ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“ไอ้ตะวัน...วันนี้มึงยังไม่ดีขึ้นเลยนะ ไปหาหมอไหม?” ภาคินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความกังวล
ตะวันส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมแค่เพลียๆ เดี๋ยวพักอีกหน่อยก็น่าจะดีขึ้น” เขาไม่อยากไปโรงพยาบาล เพราะต้องการใช้เวลาอยู่บ้านเพื่อปรับตัวและวางแผน
“แต่ไข้มันไม่ลดเลยนะมึง เป็นมาสองสามวันแล้ว” ภาคินยังคงไม่วางใจ
“ผมจะพยายามดูแลตัวเองครับพ่อ กินยา พักผ่อนเยอะๆ เดี๋ยวก็หาย” ตะวันตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเมื่อวาน
ภาคินมองหน้าลูกชายอย่างพิจารณา เขาสังเกตเห็นความมุ่งมั่นบางอย่างในแววตาของตะวัน แม้จะยังดูอ่อนเพลีย แต่ก็ดูเหมือนมีความตั้งใจที่จะหายป่วยจริงๆ
“เออ...ถ้ามึงไหวก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องบอกกูนะ” ภาคินกำชับ
ตลอดทั้งวัน ตะวันพยายามทำตามที่พูด เขาดื่มน้ำเยอะๆ กินอาหารอ่อนๆ ที่ภาคินเตรียมให้ และพยายามนอนพักผ่อน แม้ว่าในหัวจะเต็มไปด้วยความคิดมากมายก็ตาม เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทบทวนความทรงจำในอนาคต โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเขากับพ่อ
เขาจำได้ว่าในช่วงวัยนี้ เขาเป็นเด็กที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อ และมักจะสร้างปัญหาให้ภาคินต้องปวดหัวอยู่เสมอ การทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องปกติ และความห่างเหินระหว่างพ่อลูกก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ทันสังเกต
‘ฉันจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นอีก’ ตะวันคิดอย่างแน่วแน่ เขาตั้งใจที่จะใช้ความป่วยครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยน แสดงให้พ่อเห็นว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นลูกชายที่เชื่อฟังและใส่ใจมากขึ้น
เมื่อถึงมื้อเย็น ภาคินกลับมาจากทำงานด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า แต่เมื่อเห็นตะวันลุกขึ้นมานั่งทานข้าวด้วยกันได้ ก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้
“มึงลุกไหวแล้วเหรอไอ้หนู?” ภาคินถามพลางวางจานข้าวลงบนโต๊ะ
ตะวันพยักหน้า “ครับพ่อ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว อยากลงมากินข้าวด้วยกัน”
ภาคินมองหน้าลูกชายด้วยความสงสัยระคนดีใจ “เออ...ก็ดีแล้ว กินเยอะๆ จะได้มีแรง”
ระหว่างทานอาหาร ตะวันพยายามชวนภาคินคุยเรื่องต่างๆ ที่เขาพอจะจำได้จากช่วงเวลานั้น เขาถามถึงเรื่องงาน ถามถึงเพื่อนบ้าน และพยายามแสดงความสนใจในสิ่งที่พ่อพูด ภาคินดูเหมือนจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูกชาย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรมากนัก เพียงแต่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าปกติ
“ช่วงนี้พ่อทำงานหนักไหมครับ?” ตะวันถามด้วยความเป็นห่วง
ภาคินถอนหายใจเบาๆ “ก็เรื่อยๆ แหละ มีงานเข้ามาบ้าง”
“ถ้าพ่อเหนื่อยก็พักผ่อนบ้างนะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องผม” ตะวันพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ภาคินชะงักไปเล็กน้อย มองหน้าลูกชายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่คุ้นเคยกับคำพูดและการแสดงออกที่อ่อนโยนเช่นนี้ของตะวัน
“เออ...กูรู้” ภาคินตอบสั้นๆ แต่ในแววตากลับมีความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตลอดช่วงเวลาที่ตะวันพักฟื้นจากอาการป่วย เขาพยายามอย่างหนักที่จะแสดงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เขาเชื่อฟังคำพูดของภาคินมากขึ้น ช่วยเหลืองานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่ร่างกายจะไหว และพยายามพูดคุยกับพ่อด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนโยน
วันหนึ่ง ขณะที่ตะวันกำลังกวาดบ้านอยู่ ภาคินเดินเข้ามาเห็นพอดี
“ไม่ต้องทำหรอกไอ้หนู เดี๋ยวก็ไม่สบายหนักกว่าเดิม” ภาคินเอ่ยห้าม
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมอยากช่วย” ตะวันตอบด้วยรอยยิ้ม
ภาคินมองลูกชายที่ก้มหน้าก้มตากวาดบ้านอย่างตั้งใจ เขารู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของตะวันอย่างมาก เมื่อก่อนไม่เคยเห็นลูกชายสนใจงานบ้านงานช่องเลยสักครั้ง
“มึง...เป็นอะไรไปวะไอ้ตะวัน? ทำไมช่วงนี้ดูเชื่อฟังผิดปกติ” ภาคินอดที่จะถามไม่ได้
ตะวันเงยหน้าขึ้นมองพ่อด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาอยากจะบอกความจริงทุกอย่าง แต่ก็รู้ว่ามันเร็วเกินไป
“ผม...ผมแค่รู้สึกว่าพ่อเหนื่อยมาเยอะแล้ว อยากจะช่วยแบ่งเบาบ้าง” ตะวันตอบเลี่ยงๆ
ภาคินมองหน้าลูกชายอย่างพิจารณา เขายังคงสงสัยในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกดีใจที่เห็นลูกชายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“เออ...ก็ดีแล้ว ถ้ามึงคิดได้แบบนี้ พ่อก็ดีใจ” ภาคินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
ในช่วงที่ตะวันป่วยและพักฟื้นนี้เอง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภาคินค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างละเอียดอ่อน ตะวันได้มีโอกาสใกล้ชิดและดูแลพ่อมากขึ้น ในขณะที่ภาคินเองก็ได้เห็นด้านที่อ่อนโยนและใส่ใจของลูกชายมากขึ้น แม้จะยังมีความสงสัยในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกดีๆ ก็เริ่มเข้ามาแทนที่ความห่างเหินในอดีต
เมื่ออาการป่วยของตะวันเริ่มดีขึ้นจนหายเป็นปกติ เขาก็ยังคงรักษาพฤติกรรมที่ดีเหล่านั้นไว้ เขาช่วยเหลืองานบ้านอย่างสม่ำเสมอ และพยายามใช้เวลาร่วมกับภาคินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนสนิทของตะวันอย่างแก้วและจอยที่แวะมาหา ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเขาเช่นกัน
“ไอ้ตะวัน...ช่วงที่มึงป่วยไป มึงไปโดนตัวไหนมาวะ? ทำไมดูเปลี่ยนไปเยอะเลย” จอยเคยถามด้วยความสงสัย
ตะวันยิ้ม “กูแค่รู้สึกว่าอยากจะทำตัวให้ดีขึ้น”
“จริงดิ? ไม่น่าเชื่อเลยไอ้เสือร้ายกลับใจ” แก้วแซว
ตะวันหัวเราะเบาๆ “ก็คนมันอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างนี่หว่า”
แม้เพื่อนๆ จะแซว แต่พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าตะวันดูมีความสุขและตั้งใจมากขึ้นจริงๆ
การเปลี่ยนแปลงของตะวันไม่ได้ราบรื่นเสมอไป บางครั้งเขาก็ยังคงเผลอแสดงนิสัยเดิมๆ ออกมาบ้าง แต่เขาก็พยายามที่จะควบคุมตัวเองและปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
ภาคินเองก็ค่อยๆ ชินกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย จากที่เคยสงสัย ตอนนี้กลับกลายเป็นความรู้สึกชื่นใจและภาคภูมิใจ
“ช่วงนี้มึงดูขยันขันแข็งขึ้นเยอะเลยนะไอ้หนู ช่วยพ่อทำงานด้วย” ภาคินเคยเอ่ยชม
ตะวันยิ้มกว้าง “ผมอยากให้พ่อภูมิใจในตัวผมครับ”
คำพูดนั้นทำให้ภาคินถึงกับพูดไม่ออก เขามองหน้าลูกชายด้วยความรู้สึกที่จุกอยู่ในอก ความสุขและความภาคภูมิใจเอ่อล้นออกมาจนยากจะบรรยาย
การป่วยหนักในช่วงปิดเทอม ม.3 กลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในชีวิตของตะวัน มันเป็นข้ออ้างที่ทำให้เขาได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับภาคินอีกครั้ง แม้ว่าในใจลึกๆ จะมีความลับและความรู้สึกที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ก็ตาม...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

เนื้อเรื่องอาจจะยืดไปบ้าง เพราะผมอยากให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของตัวละครมากขึ้นครับ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า

nuangnut1996 โพสต์ เมื่อวาน 19:02

สนุกมากครับ

being2be โพสต์ เมื่อวาน 19:51

รออ่านต่อนะครับ

Mr.mmm โพสต์ เมื่อวาน 22:08

ขอบคุนคับ

kuminum โพสต์ 12 ชั่วโมงที่แล้ว

ขอบคุณมากครับ

redboy โพสต์ 9 ชั่วโมงที่แล้ว

อบอุ่น

SEX2KSH โพสต์ 4 ชั่วโมงที่แล้ว

ชอบครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: วันนั้น...ที่ตะวันหวนคืน (บท2)