วันนั้น...ที่ตะวันหวนคืน (บทนำ)
บทนำแสงสุดท้ายแห่งตะวัน
แสงแดดยามเย็นจัด สาดยาวลอดหน้าต่างบานเก่า จับฝุ่นละอองที่ลอยคว้างในอากาศ ราวกับผงธุลีแห่งความขุ่นเคืองที่ปกคลุมบ้านหลังเล็กๆ หลังนี้ กลิ่นดินโคลนและปูนซีเมนต์คละคลุ้งในอากาศ กลิ่นที่ตะวันในวัยยี่สิบสามปีแสนจะเอือมระอา มันคือกลิ่นของชีวิตที่เขาไม่ได้เลือก กลิ่นของพันธนาการที่รั้งเขาไว้กับที่นี่...กับภาคิน ผู้เป็นพ่อ
ตะวันยืนพิงกรอบประตูห้องครัว มองแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยของพ่อด้วยความรู้สึกหลากหลายตีกันในอก ความรัก ความผูกพันที่ฝังลึก แต่ทว่าถูกบดบังด้วยความเบื่อหน่ายและความขัดใจที่กัดกินหัวใจมานานแรมปี ภาพกองทราย กองหิน และเครื่องมือก่อสร้างที่วางระเกะระกะอยู่ข้างบ้าน ตอกย้ำความเป็นจริงที่เขาพยายามปฏิเสธ...ชีวิตที่ต้องจมอยู่กับงานหนัก ชีวิตที่เขาไม่ได้วาดฝัน
“พ่อครับ...” เสียงตะวันแผ่วเบา หวังจะทำลายความเงียบหนักอึ้งที่ปกคลุมราวกับพายุที่กำลังก่อตัว
ภาคินยังคงขะมักเขม้นกับการล้างจานหลังอาหารเย็น ไม่แม้แต่จะหันมามอง ราวกับเสียงของลูกชายเป็นเพียงเสียงลมที่พัดผ่าน ตะวันถอนหายใจยาวเหยียด ความอดทนเริ่มจางหาย
“ผมบอกพ่อแล้วไงว่าผมไม่อยากทำแล้ว...งานพวกนี้มันไม่ใช่ทางของผม” น้ำเสียงตะวันเริ่มแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย
คราวนี้ภาคินยอมหันมา ดวงตาคู่เศร้าสลดจ้องมองลูกชายอย่างเหนื่อยหน่าย “แล้วมึงจะเอายังไงตะวัน? ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เที่ยวเล่น มั่วสุมกับเพื่อนฝูงไปวันๆ เนี่ยนะ?” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและตำหนิ
ความขัดแย้งปะทุขึ้นทันที ราวกับประกายไฟที่สัมผัสเชื้อเพลิง “ทำไมพ่อต้องพูดแบบนี้! ผมก็มีชีวิตของผม! ผมก็ต้องมีเพื่อน!”
“เพื่อนแบบไหน? ไอ้พวกที่ชวนกันกินเหล้าเมายา ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันน่ะเหรอ?” ภาคินตอกกลับทันควัน ความกังวลในใจประทุออกมาเป็นคำพูดที่แหลมคม
“แล้วพ่อล่ะ! ทำแต่งานๆๆ จนไม่เคยเข้าใจผมเลย!” ตะวันสวนกลับด้วยความโกรธ “ผมเบื่อที่นี่! ผมเบื่อชีวิตแบบนี้! ผมอยากไปที่อื่น ไปเจออะไรใหม่ๆ!”
“ไอ้ลูกไม่รักดี! กูทำงานหนักแทบตาย หาเงินเลี้ยงดูมึง แกตอบแทนกูแบบนี้เหรอ!” ภาคินเสียงดังขึ้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห
“แล้วผมเคยขอให้พ่อทำหรือไง! ผมอยากทำในสิ่งที่ผมรัก! ไม่ใช่งานที่พ่อเลือกให้!” ตะวันตะโกนใส่หน้าพ่อ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยความอัดอั้นตันใจ
“มึงมันไม่รู้จักบุญคุณ! ไม่รู้จักโต!” ภาคินชี้หน้าตะวันอย่างโกรธเกรี้ยว “ถ้าไม่มีกู มึงจะอยู่ยังไง!”
“ผมอยู่ได้! ผมโตแล้ว! ผมดูแลตัวเองได้!” ตะวันเถียงกลับเสียงสั่นเครือ ความโกรธและความน้อยใจถาโถมเข้ามาจนควบคุมไม่ได้ “ผมเกลียดที่นี่! ผมเกลียดชีวิตแบบนี้! ผมเกลียดพ่อ!”
คำพูดสุดท้ายราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ภาคินยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและเจ็บปวด ราวกับถูกลูกศรแหลมทิ่มแทง
ตะวันเองก็รู้สึกวูบโหวงในอกกับคำพูดที่พลั้งปากออกไป แต่ทิฐิและความโกรธยังคงบดบังความรู้สึกผิดนั้นไว้ เขาหันหลังเดินออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว คว้ากุญแจรถจักรยานยนต์คู่ใจ บิดสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงดังสนั่น เหยียบคันเร่งออกไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ต้องการหนีให้พ้นจากบรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ ต้องการไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านเพื่อน
แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูง บนถนนที่คดเคี้ยว แสงไฟจากรถบรรทุกที่วิ่งสวนมา สาดเข้าตาจนพร่ามัว ตะวันหักหลบอย่างกระทันหัน รถเสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบ เสียงโลหะบิดเบี้ยวและกระจกแตกกระจายดังสนั่น ก่อนที่สติของตะวันจะดับวูบไป
…
ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นริ้วไปทั่วร่าง ตะวันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพเบลอๆ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แสงไฟสีขาวสว่างจ้าแสบตา กลิ่นยาฉุนกึกอบอวลไปทั่วบริเวณ เขารู้สึกถึงความชาหนึบไปทั้งตัว ขยับเขยื้อนไม่ได้
“ตะวัน! ลูกพ่อ!” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังใกล้เข้ามา ภาคินทรุดตัวลงข้างเตียงผู้ป่วย มองหน้าลูกชายด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด
“พ...พ่อ...” เสียงตะวันแหบแห้ง แผ่วเบาราวกระซิบ เขามองเห็นรอยน้ำตาบนใบหน้าเหี่ยวย่นของพ่อ หัวใจบีบรัดด้วยความรู้สึกผิดอย่างรุนแรง
“พ่อขอโทษนะตะวัน...พ่อไม่น่า...” ภาคินจับมือลูกชายไว้แน่น มือสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุด
“ผ...ผมก็ขอโทษ...พ่อ...” ตะวันพยายามยกมืออีกข้างขึ้นสัมผัสใบหน้าพ่ออย่างแผ่วเบา “ผม...ผมมัน...”
“ไม่เป็นไรลูก...ไม่เป็นไร...พ่ออยู่ตรงนี้แล้ว...” ภาคินก้มลงจูบหน้าผากเย็นเยียบของลูกชาย น้ำตาหยดลงบนแก้มของตะวัน
“ผม...ผมรักพ่อ...” เสียงตะวันแผ่วลงทุกที ลมหายใจเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและความเสียใจของพ่อคือภาพสุดท้ายที่เขาเห็น ก่อนที่สติจะดับวูบไปอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้...มันคือความว่างเปล่าอันถาวร
…
ความมืดมิดปกคลุมทุกสิ่ง ความเงียบสงัดน่าหวาดหวั่น จิตวิญญาณของตะวันล่องลอยอยู่ในห้วงแห่งความว่างเปล่า ความรู้สึกผิดและความเสียใจยังคงกัดกินหัวใจ ราวกับไฟที่เผาไหม้ไม่มอดดับ
‘พ่อ...ผมขอโทษ...ผมอยากกลับไป...อยากแก้ไขทุกอย่าง...อยากเป็นลูกชายที่ดีกว่านี้...’ เสียงกระซิบแผ่วเบา ก้องกังวานอยู่ในความเงียบ
ทันใดนั้น แสงสว่างสีทองสาดส่องลงมา ราวกับประตูแห่งโอกาสที่เปิดออก ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนโอบล้อมจิตวิญญาณของตะวันไว้
‘โอกาส...โอกาสที่จะแก้ไขสิ่งที่ทำผิดไป...โอกาสที่จะได้รักและเข้าใจพ่ออีกครั้ง...’ ความปรารถนาอย่างแรงกล้าผุดขึ้นในห้วงสำนึกสุดท้าย
และแล้ว ความรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดอย่างรุนแรง จิตวิญญาณของตะวันดำดิ่งลงสู่ห้วงเวลา...
สวัสดีครับนักอ่าน เปิดเรื่องใหม่ เรื่องนี้เป็นฟีลกู๊ด เบาๆ สบายๆ เนเนความสัมพันธ์พ่อลูก ไม่เน้นฉากอย่างว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีนะค้าบ
สนุกมากครับ อิหยังน้อ มาต่อๆ ๆ เปิดแล้วๆ ๆ ตะวัน หวานเจี๊ยบ ขอบคุณครับ รอๆคับ ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ :shutup: ขอบคุนคับ จะรอติดตามเรื่อยๆคับ เป็นกำลังใจให้คับ ติดตาม น่าอ่านมากครับ งื้อ น่าอ่านมาก
หน้า:
[1]