3009 โพสต์ 2023-2-21 06:27:27

ลิขิตฟ้า บัญชาใจ... (3.ครอบครัว...)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย 3009 เมื่อ 2023-2-21 07:26

3.ครอบครัว...





(ฝากe bookใ ฉบับRewrite ใหม่ ในmeb กับrr กับธัญวลัย ด้วยเน้อ...search ลิขิตฟ้า บัญชาใจ ... (มี ... ด้วยนะพร้อมกับปกใหม่ตามรูป )





"ฮะโหลจ่ะ…..ย่า""ไอ้เจ้าไพน์!!!อยู่ไหน นี่จะหกโมงแล้วหน่าบ้านช่องไม่กลับเหรอ รู้มั้ยย่าเป็นห่วง"ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือ...ย่าทำเอาระหว่างพากันทิ้งตัวนอนหอบหายใจเป็นบ้าพร้อมผ่อนคลายส่วนน่าอายที่ถูกตะบี้ตะบันทั้งกระหน่ำทั้งตอบรับจนจุกหน่วงแถมเจ็บแปลบไม่น้อย แต่ยังไง เรา ก็ต้องรีบกดรับ"จะกลับพอดีเลยจ่ะย่าจ๋า...งานเพิ่งเสร็จ"

หลานคนโปรดตอบกลับปลายสายอย่างคนที่รักที่เอ็นดูตั้งแต่เกิดแล้วยิ่งหลังพ่อแม่เสีย ย่า ก็ยิ่งเอาใจใส่มากกว่าเดิมจนไม่ต้องบอกตรงๆก็ดูออกว่าทั้งรัก ทั้งตามใจหลานชายคนนี้ที่สุดในบรรดาญาติพี่น้องตระกูลอรุณแรกและหลานอย่างไอ้เจ้าไพน์ก็เพิ่งตอบไปอย่างไม่ต้องโกหกด้วยซ้ำเพราะเพิ่งเสร็จจริงๆ ..."เออๆขับมอเตอร์ไซค์ระวังๆด้วยค่ำมืดละ...มื้อเย็นปู่ กับ ย่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเอ็งละก็พี่เอ็งด้วย…""เรื่องอะไรจ๊ะย่า…." เอ่ยทันทีอย่างสงสัย"ทุกทีเลยนะ ไม่ต้องรีบอยากรู้ไปหรอกเจ้าไพน์เดี๋ยวมาถึงก็รู้เอง...เเค่นี้นะ"

และก็ถูกเอ่ยกลับทันทีด้วยความรู้นิสัยหลานชายที่ถูกเลี้ยงดูมาจนติดเป็นนิสัยตั้งแต่สมัยพ่อแม่ยังอยู่แล้วว่าอยากรู้อะไรต้องรู้ อยากได้อะไรต้องได้มาตลอดทั้งชีวิตแล้วยังรู้ดีอีกว่า...ถ้าไม่ปรามล่วงหน้าว่าไม่ต้องรีบป่านนี้คงได้รีบบิดมอเตอร์ไซค์กลับบ้านเต็มที่แล้ว

"รีบไปล้างตัวกันไพน์...แล้วให้พี่ขับรถไปส่งที่บ้านเลยมั้ยมอไซเราก็เอามาจอดไว้ที่หอพี่ก่อน""ไม่เอา!!!พี่หมอกไม่กลัวพี่พันธุ์ศรจับได้เหรอ"ได้ยินชื่อโค้ชเข้าหน่อย ลูกศิษย์ถึงกับออกสีหน้าเกรงๆในความเฮี๊ยบ ความโหด เหมือนที่น้องชายเคยแอบด้อมๆ มองๆช่วงที่พี่ชายมาช่วยเป็นโค้ชพิเศษสอนทีมฟุตบอลโรงเรียน

..."ก็สมควรจะกลัวแค่ปกติไอ้พี่หนวดก็หน้าเอาเรื่องอยู่แล้วยิ่งตอนเข้าโหมดจริงจัง...ยิ่งน่ากลัวสุดๆ"......"แต่ทำไมไม่รู้...ยิ่งเข้ม...ยิ่งได้ใจ"...
คิดไปหัวใจเด็กน้อยฟูฟ่องไปเรื่อยเปื่อย..."ว่าแต่ ปู่ กับย่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราสองคนพี่น้อง???"...




"เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่นะไอ้เจ้าไพน์เอ๊ย..."จอดมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อค บนชานหน้าบ้านปุ๊บ ย่าตะโกนบ่นออกมาเสียงดังถึงข้างนอกปั๊บ"เอาน่า หลานมันก็บอกแล้วเพิ่งเสร็จงาน...มามะมานั่งเร็วเจ้าไพน์ จะได้รีบคุยให้มันจบๆ"ปู่ รีบว่าขัด ย่าทั้งที่ปกติจะเป็นย่าที่คอยเข้าข้างหลานชายคนนี้มากกว่า จนเด็กน้อยในชุดนักเรียนยับยู่ยี่ไม่น้อยหลังเพิ่งเสร็จงานรีบลงนั่งบนชุดรับแขกไม้สักถัดจากประตูทางเข้าบ้านทันที

"ไอ้พันธุ์ศร ดู ...ดูน้องมึงโตขึ้นทุกวันมึงน่ะยังจะกล้าเมาเป็นหมาให้น้องมันเอาไปเป็นตัวอย่างเหรอว่ะ"ชายชราไว้หนวดไว้เคราขาวโพลนที่ยังมีเรี่ยวมีแรงทั้งที่เกินครึ่งค่อนชีวิตได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวลูกชายนับสิบเริ่มว่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นักใส่หลานชายอีกคนที่กำลังนั่งหน้านิ่งคอยรับฟัง"กูไม่ได้อยากจะบ่นอะไรมึงมากไอ้พันธุ์ศรแค่อยากให้มึงทำตัวเป็นพี่ที่ดีให้เจ้าไพน์มันบ้าง แล้วตามจริงมึงก็เป็นผู้ปกครองมัน...หัดทำตัวให้ดีกว่านี้หน่อย"ย่ารีบว่าเสริม โดยที่พี่ชายก็ยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าสลดแต่มีแอบเหลือบตาค้อนใส่น้องชายที่นั่งด้วยกันข้างๆ
"ปู่ ย่า ที่ผ่านมาผมยังทำได้ไม่ดีอีกเหรอ...ที่ทำงานเก็บเงิน...ให้ใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้ไพน์มัน"ค้อนเสร็จ หันกลับไปทำหน้าเข้มตอบกลับผู้เป็นดั่งเสาหลักของตระกูลด้วยประโยคน้ำเสียงหงุดหงิดไม่น้อยแต่ก็มีความเกรงใจอยู่ในนั้นด้วยไม่น้อยเช่นกัน จนคนฟังที่ยังคงโทนเสียงนิ่งๆน่าจะพอรับรู้ได้เลยเอ่ยต่อทันควัน"เอาว่าพวกกูอยากให้มึงเพลาๆ หน่อยได้มั้ย เรื่องเหล้ายาปลาปิ้งน่ะกูไม่ถืออยู่แล้ว...แต่นี่เล่นกินจนเมาเละทุกวัน ร่างกายจะไม่ไหวเอาน๊าพันธุ์ศรเอ๊ย...อย่าลืมบ้านเรากรรมพันธุ์มะเร็งนะ"เพราะย่า รู้ดีว่าหลานชายคนโตต้องรับภาระหนักกว่าลูกหลานคนอื่นในตระกูลไม่น้อยทั้งงานในสวนที่ต้องสืบต่อจากพ่อแม่ที่เสียไปด้วยโรคมะเร็งทั้งคู่กับยังต้องคอยรับภาระดูแลน้องชายตัวเองเหมือนเป็นพ่อแม่อีกประโยคที่ว่ามาจึงเป็นดั่งคำขอร้องมากกว่าดุด่า

"ไอ้พันธุ์ศร กูรู้ มึงยังทำใจไม่ได้เรื่องแฟนเเต่ก็อย่าให้มันมากเกิน...กู๊กับย่ามึงเนี่ยเป็นห่วงแล้วยิ่งสองพี่น้องไม่มีพ่อมีแม่คอยดูแล พวกกูก็ยิ่งเป็นห่วงนะเว๊ยเฮ๊ย""มึงเหมือนกันไอ้เจ้าไพน์... ถึงจะยังเรียนอยู่แต่ตอนนี้พี่มึงก็เหลือเเค่มึงคนเดียว อะไรช่วยได้ก็หัดทำบ้าง เสาร์ อาทิตย์หัดซักพ้งซักผ้า หยิบจับบ้าง ไม้กวาดไม้ถูน่ะ"พอปู่เอ่ยต่อจากย่าเตือนสติพี่พันธุ์ศร ที่ยังทำหน้านิ่งคอยรับฟังแล้วหันกลับว่ามาทางหลานอย่างเราบ้างแต่ไม่ได้มีน้ำเสียงของความดุด่าจริงจังออกแนวเป็นการเตือนสติเช่นเดียวกัน

"จ๊ะปู่ ต่อไปหนูจะหัดทำงานบ้านมากกว่านี้ละก็จะเป็นหลานที่ดีของปู่กับย่า….ละก็...เป็น........น้อง.......ที่ดี"

มันก็เรื่องจริงอย่างที่ปู่ว่าเพราะตั้งเเต่เกิดลูกชายคนเล็กอย่างเราก็มีพ่อแม่ คอยเอาใจใส่เรื่องพวกนี้ตลอด แต่พอทั้งคู่เสียช่วงเวลาไล่เลี่ยกันภาระทั้งหมดก็ตกเป็นของ พี่พันธุ์ศร โดยมีปู่ย่าคอยช่วยอีกแรงพี่ชายผู้เหมือนจะวางแผนอนาคตตัวเองไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนอย่างดี ตั้งแต่ตัดสินใจเข้าโรงเรียนกีฬาจนถึงการเรียนต่อระดับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศแต่คนหนุ่มอนาคตสดใสอีกยาวไกลกลับต้องทิ้งหน้าที่การงานที่กำลังไปได้ดีที่กรุงเทพเพื่อกลับมาดูแลพ่อแม่รวมถึงธุรกิจสวนผลไม้ส่วนที่เป็นของบ้านเรา


..."ก็เห็นใจพี่พันธุ์ศรนะที่ต้องมาแบกรับภาระขนาดนี้"...


แต่ตอนนี้ ขอความเห็นใจตัวเองก่อนเจ้าไพน์วินาทีนี้ คือช่วงน่าอายที่สุดของตัวเองเพราะกับปู่ย่าไม่เท่าไหร่ เเต่กับไอ้พี่หนวดนี่สิเจอหน้าทีไรมีแต่โดนหาเรื่องทะเลาะ ไม่งั้นก็คอยสรรหาคำมาด่า มากัด มาจิกแทบทุกครั้งทุกครั้งจริงๆ ตั้งแต่จำความได้ทุกครั้งตั้งแต่ไหนแต่ไรจนไม่เคยจะได้พูดอะไรเป็นจริงเป็นจังแบบนี้หรอก

"ผมจะพยายามปรับปรุงตัวไม่ทำให้ปู่กับย่าเป็นห่วง"เจ้าของเสียงทุ้มโทนต่ำอย่างนอบน้อมทำราวกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยที่จะเอ่ยอะไรต่อจากประโยคก่อนหน้ากับผู้เป็นดั่งพ่อแม่อีกคนแล้วเอี้ยวใบหน้าหาเด็กตัวน้อยที่นั่งเคียงข้าง... พันธุ์ศรนิ่งอยู่อย่างนั้นจนจังหวะขยับลูกกระเดือกใหญ่กลางลำคอหนาพร้อมด้วยสายตาที่ส่งมา สายตาดุดันราวกับโกรธเคืองน้องชายอย่างพันธุ์อภัยทุกครั้งที่ได้พบกันและสายตาคู่นั้นฉายแววแผ่วลงแต่ยังยากจะคาดเดาความรู้สึก
"...เเล้วก็...จะเป็นตัวอย่างเป็นผู้ปกครองที่ดีให้ไอ้ไพน์ "
เสียงแผ่วแต่ได้ยินชัดเจนพร้อมมือใหญ่สีน้ำผึ้งเข้าลูบเส้นผมบนศีรษะเล็กกว่าฝ่ามือนั้นด้วยซ้ำของเด็กตัวน้อยที่ยังหลงเหลือในฐานะ...ครอบครัวขยับริมฝีปากอิ่ม เอ่ยอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเรียบเฉยสองตายากจะเดาว่าคิดอะไรในนั้น

"ถึง...มัน ...จะเป็นอะไรก็ช่าง…."


อาการยากจะเดาออกหากประโยคที่ฟังแล้วคนพูดเหมือนอึดอัดไม่น้อยที่เอ่ยหากแต่มวลของความรู้สึกไม่ได้ชวนให้วูบๆ วาบๆ แบบเรื่องอย่างว่า เเต่คือห้วงความรู้สึกที่ทำให้หัวใจน้องชายคนนี้อุ่นขึ้นเพราะสิ่งที่พี่ชายร่วมสายเลือดพูดออกมาเหมือนเปิดใจให้สิ่งที่เราเป็น...


วันที่น้องเหนื่อย พี่ชายไม่ได้เหนื่อยด้วยวันที่น้องเจ็บ พี่ชายไม่ได้เจ็บด้วยวันที่น้องต้องการใครสักคนที่จะรับฟัง พี่ชายไม่ฟังพี่ชายคนนี้หัวเราะและด่าด้วยซ้ำ ในวันแย่ๆ ของน้อง



ทั้งหมดคือความรู้สึกทั้งชีวิตที่ผ่านมากับพี่ชายที่ชื่อพันธุ์ศร ยิ่งช่วงปฐมบทของบททดสอบแรกอันเคว้งคว้าง ทุกข์ทน สับสนจนแทบขาดใจเกือบจะ2 ปีตั้งแต่พ่อเสียตามติดด้วยแม่...ขนาดวันเผา พี่ ยังปล่อยให้น้องคนนี้ยืนร้องไห้ไม่หยุดหน้าเมรุอย่างไม่คิดจะเข้ามาปลอบด้วยซ้ำ



"เออ!!!... ให้มันได้อย่างงี้ซิวะกูกับย่ามึงจะได้หมดห่วง"สองอาวุโสที่สุดในตระกูลอรุณแรกที่คอยทำหน้าที่เป็นดั่งไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงาแก่เหล่าไม้ที่กำลังเติบโตถึงกับยิ้มร่าเก็บอาการไม่อยู่ จนปู่รีบตบเข่าฉาดอย่างดีใจ"เออ!!! ให้มันได้อย่างงี้ซิวะหลานกู""ไอ้พันธุ์ศร ดีแล้วที่คิดได้แบบนี้...นี่ถ้าพ่อแม่พวกมึงยังอยู่ ก็คงจะเหมือนกู กับย่ามึงนี่แหละ"ส่วนย่าก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันจนรีบเอ่ยต่อจากที่ปู่ว่าทันที

"น้องน่ะมันเลี้ยงได้เเต่ตัว ไอ้เรื่องหัวใจใครจะสั่งจะไปห้ามมันได้ขนาดตอนพ่อแม่มึงอยู่ยังห้ามไม่ได้ ...ไอ้ไพน์มันอยากจะเป็นอะไรก็ปล่อยๆไปเถอะ...ให้เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนก็พอ"ส่งรอยยิ้มแต้มรอยหยักแห่งวันเวลาแล้วหันหาคู่ชีวิตที่ปรากฏร่องรอยไม่ต่างกันบนใบหน้า
"ดีๆๆป่ะไปกินข้าวกัน วันนี้กูโคตรมีความสุขเลย...มื้อนี้ข้าวหมดหม้อแน่แม่มึง"ชายชราผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบสุดทางทั้งยิ้มทั้งหัวเราะสลับหยอกล้อหญิงสูงวัยพอๆกันที่คอยจับมือเดินเคียงข้างมาด้วยกันไม่เคยห่าง



"...ไปกินข้าว"พี่พันธุ์ศรพูดออกมานิ่งๆด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งอย่างเคยแต่ไม่ตะคอกเกรี้ยวกราดเหมือนทุกครั้งแล้วตามมาด้วยจังหวะฝ่ามือแผ่นใหญ่ เนื้อสัมสัมผัสหยาบ สาก ตะปบความหนาหนักคว้าอุ้งมือขาวนวลคนละเฉดคนละขนาดที่บอบบางราวปุยนุ่น
วิธีที่พี่ชายส่งสายตานิ่งๆ วิธีที่พี่ชายจับมือ...สิ่งที่อยากได้แล้วไม่ได้ ..."แค่มองลงมาแค่พูดด้วย แค่จับมือ...นี่พี่พันธุ์ศรขยับทำอะไรนิดหน่อยก็กลายเป็นยั่วไปหมดแล้วไอ้เจ้าไพน์...อะไรจะหมกมุ่นได้ขนาดนี้!!!"...

"จ๊ะ....…."ผิวขาวนวลเปล่งปลั่งผุดจ้ำแดงวาบทั่วทั้งตัวในแค่เศษเสี้ยววินาทีต่อจากการต้องสัมผัสฝ่ามือเมื่อแผงนิ้วยาวเรียวสีน้ำผึ้งเข้มทั้งห้างอพับเข้าคล้องจับนิ้วน้อยๆเหมือนแท่งเทียนสีขาว เด็กน้อยถึงกับสะดุ้งเฮือกทั้งตัวยังดีที่ประคองสติทันลุกขึ้นตามจังหวะรั้งและโชคดีที่พี่ชายเพิ่งหันหน้ากลับไปจนไม่ทันได้สังเกตเห็นอาการน้องตัวเอง

..."ให้ตายเถอะเท่าที่จำได้นี่ครั้งแรกเลยนะที่พี่พันธุ์ศรจับมือ..."...."อั้นไว้อั้นไว้อย่ายิ้ม...อย่ายิ้มไอ้เจ้าไพน์"...
ค่ำคืนที่โต๊ะอาหารเรียงรายด้วยสำรับพื้นถิ่นง่ายๆกับครอบครัวที่ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบแต่กลับพากันขับขานความสุขผ่านรอยยิ้มเสียงหัวเราะ ตลอดค่อนคืน




อรุณแรกวันเสาร์ ...หลังค่ำคืนวันศุกร์ สุข กับคำว่า ครอบครัว สุขจากความรู้สึกเป็นครอบครัวได้อีกครั้งหลังการสูญเสียพ่อแม่วันนี้ เรามีนัดทำงานกลุ่มกับเพื่อนที่โรงเรียนก็เลยจะไปขออนุญาตปู่กับย่าเหมือนทุกครั้งเวลาจะไปไหนในวันที่ไม่ต้องไปโรงเรียนแต่ระหว่างกำลังเดินออกจากบริเวณบ้านตัวเองเพื่อไปบ้านใหญ่

ภาพไอ้พี่หนวดตรงหน้า รุมทึ้งฟีลแฮปปี้แฟมมิลี่ครอบครัวสุขสันต์อย่างเหลือร้าย


ก้อนเนื้อน้อยๆเยื้องอกซ้ายเหมือนหลุดพุ่งออกหากำแพงเนื้อสีน้ำผึ้งเข้ม กับใบหน้าประดับคิ้วหนาตากว้างคมส่วนปลาย จมูกใหญ่ปีกกว้าง สองปากบนล่างอิ่มไม่เท่ากันหนวดเคราเลอะเทอะไล่ตามโครงหน้าเป็นเหลี่ยมบนร่างกายที่กำลังยืนเต็มความสูงให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของทุกกล้ามเนื้อด้วยแผงอกขึ้นลูกกลมชัดตัดหัวนมป้านคล้ำกว่าส่วนอื่น ลอนหน้าท้องขึ้นลูกเต็ม เหยาะสะดือลามไรขน


ทุกความสวยงามที่ใช่...ใช่ ...ในแบบของตัวเอง
..."นี่เหรอ...คนขี้เมา ไปเอาเวลาที่ไหนมาดูแลตัวเองจนกล้ามฟูท้ังตัวนะเนี่ยไอ้พี่หนวดเรา"...


ยิ่งตอนนี้พื้นที่ผิวช่วงลำตัวด้านบนกำลังชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อและทั้งๆที่เกล็ดของเหลวผุดออกจากพื้นที่สีน้ำผึ้งเข้มนั่นควรจะเป็นของสกปรกไม่น่าอภิรมย์แต่เมื่อมาเคลือบตามบนเนื้อตัวฟูๆ เหมือนก้อนขนมปังแน่นๆก็ทำเอานึกอยากกินขนมปังเคลือบเกล็ดน้ำตาลใสๆ ขึ้นมาทันที

หิว ทั้งที่เพิ่งกินข้าวเช้าพร้อมขนมปังมาหมาดๆ


ร่างกายที่อาจไม่สมบูรณ์แบบสำหรับใครคนอื่นแต่กลับสวยงามสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับสองตากลมโตคู่นี้และร่างเปลือยท่อนบนตรงหน้ากำลังยื่นมัดลำแขนขึ้นๆ ลงๆเผยแผงขนเรียงตัวใต้วงแขนขณะคอยจัดการไม้กระถางที่แขวนประดับไว้ตามแนวกันสาดหน้าบ้าน
ความอุดมสมบูรณ์ที่แสดงออกให้ประจักษ์แก่สายตาว่าตะลึงแล้ว
แต่พอได้ไล่สายตาลงต่ำ ต่ำลงไปตามแนวไรขนอ่อนๆที่หลบหายเข้าขอบกางเกงสีฟ้าเข้มขนาดไม่พอดีตัวที่พี่พันธุ์ศรใส่อยู่ด้วยเนื้อผ้ามันวาวของชุดอดีตนักฟุตบอลทีมภาคตะวันออกแปะหมายเลข 9 ไว้ตรงมุมขวา

ไม่พอดีตัวที่จะต้องโทษว่า เก่า หรือ หด??? ...

แต่เด็กน้อยรู้แค่กางเกงบอลกำลังถูกอัดด้วยเนื้อต้นขาแน่นๆขึ้นมัดเอ็นเป็นท่อนชัดทำตะเข็บเกือบปริเพราะความแน่นของขาท่อนบน แน่นปริจนเผลอไปบีบบังคับจุดสำคัญกลางลำตัวบีบอัดให้ล้นออกมาเป็นร่องรอยตั้งลำชัดแจ่มเต็มสองตากลมโต ลุกวาวแล้ววาวอีกหัวอกหัวใจไอ้เจ้าไพน์ เต้นรั่วนับได้รวมๆจะเป็นร้อยครั้งเห็นจะได้ในแค่ไม่กี่วินาทีไปกับส่วนนูนเด่นแห่งแรงปรารถนาเอียงขวาเล็กน้อยตรงหน้า


9 คูณ 2.54 จะเท่ากับกี่เซนติเมตร???


"เห๊ย!!!...ไอ้เชี่ยไพน์!!!ไอ้ห่านี่เป็นเชี่ยไรเห็นยืนเอียงหัวดูอะไรพักหนึ่งละ"เสียงเอ็ดดังลั่นปลุกเหยื่อโดนของขลังพุ่งพลังทำลายล้างเข้าใส่เต็มสองตา ปลุกเพื่อประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่ เพื่อโดนทำร้ายอีกซ้ำๆ วนไปอย่างไม่ต้องนับว่าครั้งที่เท่าไหร่พอตั้งสติได้ก็รีบเอียงศีรษะกลับคืน"ป….ปะ….เปล่าจ่ะพี่ แล้ววันนี้พี่พันธุ์ศรไม่เข้าสวนเหรอจ๊ะเห็นทุกวันไปแต่เช้า"ยังดีที่หัวไวหาเรื่องถามไปตะกุกตะกักหน่อยๆ ทันการ"เนี่ยนะโดนตามใจจนเคยตัว วันๆไม่เคยสนใจจะเข้าสวนไปดูว่าคนอื่นเค้าลำบากทำมาหากินคอยหาเลี้ยงเอ็งแค่ไหน...เสาร์อาทิตย์ช่วงนี้ให้คนงานหยุดพักเว๊ย"

ไอ้พี่หนวด ...เสมอต้นเสมอปลายสุดๆทั้งที่เพิ่งรับปากจะเป็นพี่ที่ดี เป็นผู้ปกครองที่ดีเมื่อคืน...แดกน้องไปหนึ่งยกแต่ว่าตามจริงแล้ว ลูกชายคนสุดท้องที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจทุกอย่างจนแทบไม่เคยต้องย่างกรายเข้าสวนผลไม้ร้อนๆยุงเยอะๆ แดดแรงๆตั้งแต่สมัยพ่อแม่ยังอยู่... ไอ้เจ้าไพน์ก็ไม่รู้จริงๆ แหละว่าช่วงไหนคนงานพักช่วงไหนต้องควงงานบ้าง ตามจังหวะออกดอก ออกผลของบรรดาผลไม้ในสวน

"แล้วนี่จะไปไหน"ทำเสียงดุ พูดออกมาห้วนๆสั้นๆเหมือนเคย เหมือนไม่เค๊ยไม่เคยรับปากปู่ย่าอะไรทั้งนั้นเมื่อคืน...หรือที่เคยพูดไป แค่พูดไปเรื่อย ให้มันจบๆ???...ช่างเถอะ!!!"วันนี้หนูมีนัดทำงานกลุ่มที่โรงเรียนกับเพื่อน ว่าจะไปขอปู่กับย่าก่อนจ่ะ""เออๆ ...เอาเถอะเรื่องของเอ็งแต่ก็ขี่รถให้มันระวังๆ กูไม่อยากไปเก็บศพข้างถนน"ปากผู้ปกครอง แย่ไม่เคยแผ่วจริงๆ

"งั้น...หนูไปก่อนนะ"น้องชายยังไม่ทันพูดตัดรำคาญจบ พี่ชายถอนหายใจยาวหนึ่งรอบสะบัดหน้านิ่งๆ หันกลับจัดการกับต้นไม้บนระแนง และเป็นอันว่าอรุณแรกของเช้านี้...รอดจากแม่เหล็กแรงดูดสูงเพราะปากแย่ๆ แบบนั้น




หลังเสร็จจากงาน กับบรรดาชาวแก๊งหญิงแท้ ชายแท้หญิงไม่แท้ ชายไม่แท้ ครบทุกเพศที่เกิดจะมาตกลงกันไม่ได้ขึ้นมาดื้อๆว่าจะพากันไปไหนต่ออย่างเคย วันนี้เลยปิดจบด้วยการแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน"ไอ้เจ้าไพน์ช่วยเอาปิ่นโตข้าวเที่ยงไปให้พี่เอ็งที่โรงปุ๋ยหน่อย ...ไม่รู้วันนี้มันไปทำไมแทนที่จะพักอยู่บ้าน ...ดีนะย่าพกโทรศัพท์มาด้วยเลยโทรไปถาม...ไม่งั้นได้เดินหาพี่เอ็งให้ทั่วละ""จ๊ะย่า"

หลานชายกระตือรือร้นทำตามคำสั่งย่าอย่างเต็มอกเต็มใจที่สุดเพราะระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์กินลมชมวิวไปเรื่อยตอนขากลับความเรื่อยเปื่อยในห้วงความคิดกลับยังสลัดภาพของขลังใต้ร่มผ้าพี่ชายเสี้ยวเขมรไม่หยุดพอๆ กับทุกความคิดเรื่องเดิมระหว่างปั่นจักรยานไปตามถนนคอนกรีตเลนเดียวที่ลาดผ่านหน้าบ้านมุ่งตรงเข้าอาณาเขตสวนผลไม้ในส่วนที่ครอบครัวเรารับผิดชอบ

..."แปลกจัง...ทำไมช่วงนี้ถึงเพ้อกับพี่พันธุ์ศรหนักขนาดนี้ไอ้เจ้าไพน์"... ..."...ก็ตั้งจะเกือบสองปีแล้ว อยู่ดีๆทำไมเป็นหนักขึ้นขนาดนี้"......"หรือพอพี่หมอกเริ่มหายหน้าหายตาไปก็เลย...ใช่เหรอ??? ถ้าพี่หมอกไม่ขอ...ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นนะ"...



โรงปุ๋ย...
ชื่อเรียกบ้านชั้นเดียวริมสระน้ำที่พี่พันธุ์ศรตั้งใจเตรียมไว้เป็นเรือนหอกับพี่ซายน์ตั้งแต่เริ่มรู้ตัวว่าต้องกลับมาดูแลพ่อแม่ที่เริ่มสลับกันป่วยหนักขึ้นทุกวันจนต่อมาหลังเหตุไม่คาดฝันกับคนตายคาบ้านคนที่ 3... ว่าที่รังรักได้ถูกปรับเปลี่ยนพื้นที่แทบทั้งหมดโดยเฉพาะเฉลียงโดยรอบให้เป็นที่เก็บปุ๋ยใช้เฉพาะต้นทุเรียนแปลงใหม่แถบนั้นทั้งที่ตลอดทางร้อนอบอ้าวเพราะแทบไม่มีลมพัดจู่ๆขณะกำลังลงจากอานรถหยุดยืนมองโรงปุ๋ยเพื่อหาที่จอดจักรยานกลับมีสายลมสาดเข้ามาจังๆจนพันธุ์อภัยรีบยกมือปิดหน้าปิดตากันฝุ่นผงกับพวกเศษใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วเข้าหูเข้าตาตามสัญชาติญาณการป้องกันตัว

"เอ๊ะ!!!...นี่มอไซเจ๊ซอล ร้านทำผม...มาทำไม???"




Yud6565 โพสต์ 2023-2-21 08:49:56

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2023-2-21 09:56:06

สนุกมากครับ

guyinbkk2510 โพสต์ 2023-2-24 09:38:57

ขอบคุณนะครับสำหรับผลงาน
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ลิขิตฟ้า บัญชาใจ... (3.ครอบครัว...)