เรื่องของพี่ดิน [3]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-6-24 00:02หลังจากนั้นไม่นานพี่ดินก็เริ่มทำใจได้และเข้าใจอะไรมากๆขึ้น
ก็กลับมาใช้ชีวิตปกติและไม่ได้กลับไปหาพี่แป้งอีกเลย
ช่วงนั้นพี่ดินได้เริ่มลองมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อยๆ มันก็เป็นความสนุกคึกคะนองตามภาษาวัยรุ่น
แต่สิ่งที่พี่เขารู้สึกก็คือการตอบสนองเรื่องเซ็กส์ของผู้หญิงแต่ละคนนั้นมันไม่เหมือนกัน
ทุกครั้งที่มีอะไรกันพี่เขาก็เสร็จตลอด เพียงแต่ว่าหลายครั้งที่เวลามันเสร็จ มันไม่ได้เสร็จแบบมีความสุขเท่าไหร่
เพราะบางคนก็ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ หรือบางคนก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับพี่เขาเท่าที่ควร
เหมือนทำออกมาให้มันเสร็จให้มันจบๆ แล้วแยกย้ายกันไป...
ตรงนี้เราก็เลยถามพี่เขาไปว่า แล้วทำไมพี่ถึงไม่หาแฟนละ
พี่เขาบอกว่าพูดตามตรงในแคมป์คนงานตอนนั้นถ้าเป็นคนงานหญิงส่วนใหญ่ก็จะมาทำงานกับผัว หรือผู้หญิงบางคนก็เป็นลูกเป็นหลานคนในแคมป์
ด้วยความที่พี่เขาเคยมีอะไรกับผู้หญิงหน้าตาดีแบบพี่แป้งมาแล้ว เขาก็เลยรู้สึกว่าผู้หญิงในแคมป์ต่อให้โสดก็ไม่ใช่สเป็คพี่เขาสักเท่าไหร่
ที่จริงพี่เขากำลังสนุกกับชีวิตวัยรุ่นที่เป็นอิสระด้วยแหละด้วยความที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน แถมพออยู่ห่างไกลพ่อแม่มันเหมือนกับว่าพี่เขาจะทำอะไรก็ได้
ถ้ามีแฟนเขาจะรู้สึกว่าเหมือนโดนบังคับอีกแล้ว...เพราะสังเกตุเวลานั่งกินเหล้ากันเมื่อไหร่ที่ในวงเหล้ามีแต่หนุ่มโสดบรรยากาศจะครึกครื้นสนุกสนานเฮฮาตามภาษา แต่ถ้าวันไหนมีพวกคนที่มีเมียมานั่งกินด้วยสักพักเมียพวกเขาก็จะมาตามแถมด่ากราดกระทบกระทั่งคนในวงอีก ซึ่งผู้หญิงในแคมป์ก่อสร้างส่วนใหญ่ที่มีผัวจะเป็นแบบนี้จริงๆ พอเห็นการกระทำแล้วพี่เขาเลยรู้สึกไม่อยากมีแฟนนิสัยแบบนี้...
แต่แล้วหลังจากนั้นสักพักที่แคมป์ก็เกิดเรื่องขึ้น เพราะพี่โต้งนั้นหายตัวไป...หัวหน้าคนที่คุมงานก็ให้ช่วยกันดูว่ามีอะไรหายไปรึเปล่า
เพราะคิดว่าพี่โต้งอาจจะขโมยของแล้วหนีไป
แต่ก็ไม่มีอะไรหาย ทุกคนได้งุนงงว่าพี่โต้งหายตัวไปไหนเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวก็เอาไปด้วย
หัวหน้าก็มาถามกับพวกพี่ดิน ว่ารู้รึเปล่าพี่โต้งไปไหน แต่ทุกคนได้แต่ปฏิเสธไปเพราะตอนนั้นไม่มีใครรู้อะไรจริงๆ
สุดท้าย พอผ่านไปหลายวัน เจ้าของร้านคาราโอเกะร้านหนึ่งในย่านนั้นก็มาถามหาเด็กที่ร้านของเขา
เขาบอกว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่งไปใช้บริการที่ร้านบ่อยมากเหมือนจะเคยเห็นคนนั้นทำงานอยู่ที่แคมป์นี้
ก็บอกลักษณะท่าทางของผู้ชายคนนั้นมา ซึ่งทุกคนพอได้ฟังก็เข้าใจได้ทันทีว่าคือพี่โต้ง...
ก็พอจะสรุปเหตุการณ์นี้จากการคาดเดากันได้ว่า พี่โต้งน่าจะพาสาวคาราโอเกะคนนั้นหนีไปอยู่ด้วยกันแล้ว
เราฟังถึงตรงนี้ถึงกับหันควับไปหาพี่เขา...
เดี๋ยวนะ แล้ว...ที่พี่โต้งสอนพี่ดินก่อนหน้านี้ว่าอย่าไปรักสาวคาราโอเกะนั่นคืออะไรกันโอ๊ยพี่โต้งงงงง 5555555
-----------
พอพี่โต้งไม่อยู่แล้ว พี่ดินบอกว่าก็เหงาๆเหมือนกัน เพราะพวกพี่เขาถือว่าสนิทกับพี่โต้งที่สุดในแคมป์นั้นเลย
ถึงพี่โต้งจะเป็นคนติดโม้ไปสักหน่อยแต่เขาก็คอยเตือนคอยแนะนำการใช้ชีวิตต่างๆ และที่สำคัญพี่เขาคุยสนุกดี
แต่ด้วยความที่ทั้งพี่ดินและพี่เมฆเป็นเด็กที่ขยันและไม่เกี่ยงงานหนักเลยทำให้สามารถอยู่ในแคมป์ต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนใหญ่ก็จะโดนผู้ใหญ่ใช้ให้ทำงานหนักๆแต่ด้วยความที่พวกพี่เขาเป็นคนสู้งานกันทั้งคู่
พออยู่ไปนานเข้าพวกพี่ที่เป็นช่างก็เห็นถึงความตั้งใจทำงาน ก็เริ่มสอนงานช่างต่างๆให้พวกพี่เขา
พวกพี่ดินก็เลยได้มีความรู้ความสามารถเพิ่มจากประสบการณ์ที่อยู่ตรงนี้ด้วย
และเมื่อเสร็จงานจากจุดนี้ ทำให้พวกพี่เขาได้เงินพิเศษกันมาด้วยนิดหน่อย เพราะหัวหน้าเห็นถึงความตั้งใจในการทำงาน
ก็พากันฉลองใหญ่โต ซื้อของกินตะเวนเที่ยวกันจนเงินร่อยหรอเกือบหมด
ก็นะ...เด็กหนุ่มสองคนที่ไม่มีพ่อแม่มาคุมเรื่องการใช้จ่ายแถมรอบตัวยังมีแต่เรื่องสุขสมอภิรมณ์ที่สามารถใช้เงินซื้อได้ทั้งนั้น
ทำให้ใช้เงินได้เต็มที่อย่างไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังอะไรเลย
หลังจากเสร็จงานจากที่นี่ ผู้รับเหมาก่อสร้างก็เริ่มทำการทยอยย้ายข้าวของและคนงานบางส่วนไปที่ใหม่ก่อน
เขาก็ให้แก๊งหนุ่มโสดของพี่ดินอยู่รื้อแคมป์ที่นี่ไปพลางๆ(แคมป์คนงานจะทำจากไม้และผนังจะใช้สังกะสีมาปิดกั้นง่ายๆ ทั้งหลังคาและผนังพี่เขาบอกว่าถ้ากลางวันก็คืออยู่ไม่ได้เลยร้อนตับแลบ)จนมันเหลือห้องที่พวกพี่เขาอยู่เนี่ยแหละ ก็ต้องเก็บไว้ก่อน รอวันที่หัวหน้ามารับค่อยรื้อออก
ด้วยความที่มันว่างๆ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว แถมในที่พักก็เข้าไปนอนเล่นไม่ได้เพราะร้อนมาก
พี่ดินก็เลยพาพี่เมฆ แวะมาบอกแม่เราสักหน่อย เพราะจะย้ายแคมป์ไปทำงานที่อื่นแล้วอาจจะไม่ได้กลับมาหาแม่เราอีก
ถึงยังไงแม่เราก็คือผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันและช่วยเหลือพวกพี่เขาตั้งแต่ที่เข้ามาในกรุงเทพฯ
พอมาถึงตอนนั้นเหมือนกับว่าที่ห้องแม่เราจะมีกับข้าวและขนมเต็มไปหมด เห็นแม่เราบอกว่า
หลวงลุงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อ เขามาบวชอยู่ที่วัดใกล้ๆพ่อเราเลยอาสาขอเป็นเด็กวัดเดินตามบิณฑบาตให้ทุกเช้า
คนกรุงเทพฯ นั้นเวลาทำบุญใส่บาตร จะใส่กับข้าวและขนมต่างๆ เยอะมาก
พอเดินบิณฑบาตเสร็จหลวงลุงเขาก็เลยแบ่งกับข้าวและขนมมาเยอะแยะเลย
แน่นอนว่าทั้งพี่ดินและพี่เมฆเองตอนอยู่แคมป์ก็แทบจะไม่ได้กินอิ่มสักเท่าไหร่เพราะได้เงินมาก็เอาไปเที่ยวซะจนหมด
พอเห็นของกินที่อยู่ตรงหน้าเยอะแยะแบบนั้น ก็กินกับแบบเต็มที่เลย
จากนั้นก็นั่งเล่นคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนตกเย็นพี่ดินก็ขอตัวลาแม่เราเพื่อกลับไปที่แคมป์
แม่เราก็ถามว่า ‘มีเงินค่ารถกลับกันรึเปล่า?’ พี่เมฆรีบชิงตอบทันทีว่าไม่มี
พี่ดินบอกว่าอันที่จริงก็มีแหละเพียงแต่ว่าเงินที่มีเหลือมันก็น้อยนิดแล้วจนไม่รู้ว่ามีเงินซื้อข้าวกินได้อีกกี่วัน
แม่เรายิ้มให้ก่อนจะหยิบเงินออกจากกระเป๋ามาให้คนละร้อย
พี่ดินสังเกตุเห็นว่าพอแม่เราหยิบเงินออกมา เงินในกระเป๋านั้นก็เหลือแบงค์ยี่สิบอีกแค่ไม่กี่ใบก็เลยเกรงใจไม่อยากรับไว้
แม่เราเลยบอกว่าให้รับไว้เถอะ เอาไปใช้ก่อนถ้าไม่สบายใจวันหลังทำงานได้เงินค่อยเอามาคืนน้าก็ได้
‘หลังจากนี้เวลาทำงานได้เงินก็เก็บกันไว้บ้างนะลูกเผื่อไว้ใช้ยามจำเป็น ถ้าหาไม่ได้หรือไม่มีจริงๆ ยังไงก็กลับมาหาน้านะถือว่าเป็นลูกเป็นหลาน ช่วยได้น้าก็ยินดีจะช่วย’
พี่ดินเลยต้องจำใจรับเงินจากแม่เรามานั่นคือครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเงินหนึ่งร้อยบาทนั้นมันมีค่ามาก...
เขารู้อยู่แก่ใจว่าแม่เราเองก็ไม่ได้มีเงินอะไร แต่ยังต้องมาแบ่งเงินให้พวกพี่เขาเป็นค่ารถกลับไปอีก
ตลอดเวลาที่พี่เขาทำงานมา แทบจะไม่เคยเห็นค่าของเงินเลย ได้มาก็ใช้ไปจนหมด
จนกระทั่งวันที่มาหาแม่เรา พี่เขาสองคนมีเงินติดตัวรวมกันยังไม่ถึงร้อยเลย
เงินที่แม่เราให้มันไม่ใช่แค่ค่ารถส่งกลับ แต่พอพวกพี่เขาสองคนเอาเงินมารวมกัน
เงินก้อนนั้นมันยังช่วยให้พวกพี่เขาพอเหลือใช้ไว้สำหรับซื้อของกินได้อีกหลายวัน
แถมก่อนกลับแม่เราก็แบ่งกับข้าวของกินต่างๆพวกมาม่า และปลากระป๋องให้เอากลับมากินอีกด้วย
ทำให้พวกพี่เขามีของกินพอประทัง ไปจนกว่าเงินค่าจ้างงวดต่อไปจะออก
ตั้งแต่ตอนนั้นพี่เขาก็คิดมาตลอดเลยว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากจะตอบแทนบุญคุณแม่เราบ้าง
ถึงเงินที่แม่เราให้มา คนอื่นอาจจะมองว่าดูไม่ได้เยอะอะไรแต่สำหรับพี่เขามันมีคุณค่า และให้คำสอนเตือนสติเรื่องการใช้เงินของพี่เขาได้พอสมควร...
-----------
หลังจากที่ย้ายไปทำงานที่แคมป์ใหม่ พี่เขาก็รู้จักเก็บเงินมากขึ้น
ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ พี่เขายังไม่เคยไปเที่ยวคาราโอเกะกับพวกพี่ที่แคมป์เลย
ถึงแม้ว่าที่นี่จะครึกครื้น ผู้คนดูคึกคัก และดูเจริญหูเจริญตามากกว่าที่เดิมก็ตาม
แต่พี่ดินเขาบอกว่าก็ ต้องหักห้ามใจ เต็มที่ก็แค่นั่งกินเหล้ากันพอหอมปากหอมคอ
เสร็จแล้วก็ขอตัวมานอนพัก คือนอนพักจริงๆ ไม่ใช่แอบไปหาใครอีก
ด้วยพอมืดมา เวลาไม่ได้ไปไหนมันก็จะเหงาๆ พี่ดินก็เลยซื้อวิทยุเครื่องเล็กมาไว้ฟังอะไรเรื่อยเปื่อยไว้แก้เบื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน...
มีแต่พี่เมฆนี่แหละที่ยังอดใจไม่ได้ แถมพอพี่ดินไม่ไปเที่ยวด้วยแล้วพี่เมฆก็สบายตัวเพราะคล้ายมีกระเป๋าเงินสำรอง
เวลาเงินไม่พอใช้ก็หยิบยืมพี่ดินได้ ซึ่งไอ้ที่ยืมๆไปเนี่ยพี่ดินบอกว่าก็ไม่เคยได้คืนหรอก 555555
แต่ก็นะ...เพื่อนกันทำไงได้ พี่ดินบอกว่าก็รู้อยู่ว่าพี่เมฆเขาเป็นแบบนั้น... ก็เลยไม่อยากใส่ใจอะไร
แล้ววันหนึ่งขณะที่พวกพี่เขานั่งกินเหล้ากันเหมือนทุกที ก็มีกลุ่มพี่ที่เป็นกะเทยเดินผ่าน
ทีแรกก็แซวเล่นกันไปกันมา ซึ่งไอ้ที่แซวๆเนี่ย มันเชิงหยอดจีบกันมากกว่า ไม่ใช่คำพูดเหยียดเพศหรืออะไร
ซึ่งพี่ดินรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยตรงที่ว่าถ้าเป็นที่บ้านต่างจังหวัด
เวลาพวกคนที่เขาเป็นตุ๊ดหรือกะเทยเดินผ่านวงเหล้าจะต้องโดนด่า โดนล้อแรงๆ จนอายเดินหนีไปแล้ว
แต่กับที่นี่ปฏิกิริยาของพวกพี่ที่อยู่ในวงเหล้า มันเป็นคนละแบบกัน
พี่เขาบอกว่าในความรู้สึกเขา กะเทยที่กรุงเทพฯค่อนข้างที่จะสวยกว่ากะเทยตามต่างจังหวัดพอสมควร
ผิวพรรณการแต่งตัวต่างๆดูสะอาดสะอ้าน ดูรวมๆแล้วสวยกว่าผู้หญิงในแคมป์ก่อสร้างซะอีก
ติดแค่ว่าเสียงใหญ่ไปหน่อยแค่นั้นเอง...
หลังจากนั้นพอแซวเล่นสักพัก พวกพี่กะเทยก็เดินเข้ามาในวงเหล้าแล้วพูดทำนองว่า ไปด้วยกันมั้ย เดี๋ยวเลี้ยงเหล้า
พี่ผู้ชายในกลุ่มก็เลยถามไปว่าใครก็ได้หรอ เหมือนจะรู้งาน
พอพี่ที่เป็นกะเทยบอกใครก็ได้
พี่สองคนในวงเหล้าก็กระเด้งตัวแล้วพากันเดินหายไปทันที
ตอนนั้นพี่ดินรู้สึกตื่นเต้นมาก อยากรู้ว่าเขาหายไปทำอะไรกัน ถึงพอจะเดาเหตุการณ์ได้แต่ก็อยากฟังอยู่ดี
พอสักพักใหญ่พวกพี่ที่หายไปก็กลับมา พร้อมหิ้วเหล้ากลับมาคนละขวด
ตอนนั้นกลุ่มเฮฮากันใหญ่เลย อยู่ๆ ก็ได้เหล้าฟรี
แน่นอนว่าทุกคนในวงเหล้าก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกพี่สองคนนั้นเขาก็เล่าให้ฟังหมดเลย
บอกทำนองว่า ก็ไม่มีอะไรมาก แค่พากันแยกย้ายเข้าป่าหญ้าข้างทางปลดกางเกงเอาจู๋ออกมา
แล้วเขาก็ก้มลงมาดูดมาอมแค่นั้นเองไม่ต้องทำอะไรเลยแค่ยืนเฉยๆ
ส่วนพี่อีกคนที่ไปด้วยเขาจะหน้าตาดีหน่อย ด้วยความที่พี่กะเทยเขามากันสามคน พี่กะเทยอีกสองคนก็เลยตามพี่คนนี้ไป
ก็คุยกันทำนองว่าก็เสียวดี เขาใช้ปากทำโคตรเก่ง ทำให้จนเสร็จเลย นู้นนี้...ก็คุยกันไปเรื่อย
ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าพอได้ฟัง ทุกคนจะดูตื่นตัวและอยากลองเหมือนกัน...รวมถึงพี่ดินเองก็ด้วย...
พี่ดินบอกว่าตอนนั้นรู้สึกอยากลองโดนอมบ้าง... เพราะถึงแม้พี่เขาจะเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาหลายคน
แต่ยังไม่เคยมีใครใช้ปากอมไอ้จู๋ของพี่เขาให้บ้างเลย อยากรู้ว่ามันจะรู้สึกยังไง
ในใจได้แต่หวังว่าวันต่อๆไป อยากให้พวกพี่กะเทยกลุ่มนั้นกลับมาอีก
เพราะนอกจากจะได้เสียวไม่พอยังได้เหล้ากลับมากินฟรีด้วย
พอฟังถึงตรงนี้เราได้ยิ้มอ่อนใส่เบาๆ 5555555
เอาไว้พรุ่งนี้จะมาพิมพ์ต่อให้น้า เนี่ย พอไม่ใช่เรื่องของตัวเองนี่หาจุดตัดยากมากจริงๆ
ขอค้างไว้ตรงนี้ก่อน ถ้าเล่าต่อแล้วเล่าไม่จบจะค้างคากว่านี้อีก พิมพ์ไปพิมพ์มาเริ่มง่วง 55555555 {:6_185:} สนุกมากครับ อ่านทีไรเสียวทุกที ขอบคุณนะครับ น้าดินคือลองทุกแบบเลยหรือกะเอาคุ้มเลย ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ
ก็เพื่อนกันลุยมาด้วยกัน ชวนมามันก็มาไม่ขัดเลยซักคำ แบ่งๆๆเพื่อนใช้ไปไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก พี่ดินคงคิดแบบนี้
นี้คนเป็นจุดเริ่มต้นของพี่ดินที่ติดใจปาก ถึงต้องมาออกอุบายให้เจ้าของกระทู้กินนมข้นสินะ 55555555
ไม่เห็นมีตัวของเจ้าของกระทู้อยู่ในเรื่องเลยตอนที่พี่ดินไปเยี่ยมที่บ้าน ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ {:5_135:} จุดเริ่มต้น ของการติดใจ สินะ {:5_135:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุนครับ ฮาาาชักเริ่มสนุกขึ้นมาแล้วสิ รออ่านต่อคร๊าบอิ๊ๆๆ {:5_137:} มีหวงย้อนหลัง เตรียมเปิดโลกใหม่ได้เลย รับรองจะติดใจ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ