♥ ปะป๊า ♥ วันสงกรานต์ 2.2
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-4-20 05:30ที่พักของพวกเรานั้น มีท่าเรือนำเที่ยวอยู่ไม่ไกล
พอตื่นเช้ามาพ่อเราเลยเสนอว่าอยากจะพาน้องภูมินั่งเรือไปเที่ยวเกาะใกล้ๆ นี้
ขนาดว่าราคามันค่อนข้างแพง ...แต่พ่อเราก็ยอมควักจ่ายให้เพราะอยากจะพาหลานนั่งเรือเที่ยว
...พอได้หลานมาเลี้ยงนี่ เห่อหลานจริงๆนะ
แต่พอไปถึงบรรยากาศโดยรวมมันดีกว่าริมชายหาดที่มันติดกับที่พักเราจริงๆ นั่นแหละ
คนที่นั่งเรือไปเที่ยว ไปเล่นน้ำที่เกาะนั่นก็พอมีบ้างพอประมาณไม่ถึงกับเยอะมาก
น้ำทะเลดูใส และน่าเล่นกว่าทางฝั่งชายหาดเยอะเลย
ด้วยความที่มันเป็นเกาะท่องเที่ยว จะไม่มีบ้านพักหรือที่อยู่อาศัยของคนอยู่บนเกาะนี้เลย
เหมือนเขาจะพาล่องเรือมาเล่นน้ำ และทำกิจกรรมตามจุดเฉยๆ
พูดตามตรง เราเองก็ชอบประสบการณ์การมีเซ็กส์นอกสถานที่กับพี่เขาเหมือนกันนะ...
พอมาถึงเกาะที่ไม่มีบ้านคนแบบนี้ก็แอบที่จะคิดถึงเรื่องอย่างว่าไม่ได้เลยจริงๆ ...
“ป๊า...หนูว่า...เราไปเดินตรงนู้นกันดีกว่าค่ะ”เราชี้ไปตรงจุดที่ไกลออกไป ก็ยังเป็นพื้นที่หาดทรายอยู่
แต่แค่มันดูมีต้นไม้ขึ้นรกอยู่แล้วตรงนั้นก็ไม่มีคนไปเล่นน้ำกันด้วยส่วนตรงนี้ปล่อยให้พ่อกับแม่แล้วก็น้องภูมิเขาเล่นน้ำกันไป...
“หืมมมมมม” พี่ดินยกมือขึ้นมาจับหัวเราแล้วเอียงคอจ้องหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัย
“ก็...หนูอยากอยู่กับป๊าแค่สองคนบ้างไง… เมื่อคืนน้องภูมิก็มานอนด้วย...” เราส่งยิ้มหวานๆกลับไปให้
ทั้งที่ในใจมือเราน่ะอยากจะเอาไปจับนุ่มของพี่เขาเล่นจะแย่แล้ว
แต่ว่าตรงนั้นที่เรายืนอยู่มันห่างจากพ่อกับแม่ไม่ไกลมากเท่าไหร่เนี่ยสิ...
“เหรอจ้ะ...” พี่ดินยิ้มอย่างรู้ทันความคิดเราพร้อมกับเอามือขึ้นมาขยี้หัวแล้วจูงมือเราเดินตรงที่เราชี้ทันที
ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนะ ทั้งที่ความจริงเราก็แทบจะไม่มีอารมณ์ทางเพศอยู่แล้วเพราะเราเทคฮอร์โมนอยู่
แต่กลับรู้สึกอยากจับอยากเล่นเจ้านุ่มของพี่เขา
ยิ่งถ้าเราอารมณ์ดีๆ นะยิ่งอยากมีอะไรกับพี่เขาบ่อยๆซะงั้น ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ 5555
“ลุงดิน อามินนน ไปไหนกันคร้าบบ ภูมิไปด้วย” เสียงน้องภูมิตะโกนเรียกพวกเรามาจากด้านหลัง
ตอนนั้นพอได้ยินเสียงหลานเรียก เราถึงกับก้มหน้าแล้วเก็บอาการ...ได้แต่หันไปส่งยิ้มอ่อนๆให้น้องภูมิ
ตอนที่เราหันกลับไป ก็เห็นพ่อกับแม่เหมือนโบกมือให้น้องภูมิวิ่งมาทางเรา...
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง! ก็นึกว่าหลานร้องตามที่ไหนได้มีคนยุ!!
สงสัยเมื่อวาน...ที่น้องภูมิวนหารีโมทจะนั่งดูทีวีที่ห้องเราน่าจะมีคนกำกับมาอีกทีแหงๆ เลยงั้น...
ก็ว่าทำไมหลานไม่กลับห้องไปสักที ร้ายกาจมาก
สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาเล่นน้ำกับหลาน อดพลอดรักกับพี่เขาที่ชายหาดลับตาคนเลย...
---------
หลังจากนั้นเราก็พาน้องภูมิเล่นน้ำทะเล และวิ่งเล่นบนเกาะจนหนำใจ
กว่าจะได้กลับมาพักกินข้าวก็ช่วงบ่ายแล้วเพราะที่เกาะไม่มีอะไรขายเลย ต้องพกของกินไปเองจากบนฝั่ง
บ่ายนั้นเราได้แต่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนพัก รอเวลาไปหาข้าวกินตอนเย็นทีเดียว
เพราะรู้สึกเหนื่อยมาก โดยที่มีน้องภูมิมานอนดูทีวีอยู่ที่ห้องเราด้วย...
พอตกเย็นพี่ดินก็ปลุกเราบอกว่าให้แต่งตัว เดี๋ยวเขาจะพาไปกินข้าว เพราะเมื่อเช้าพี่เขาไปจองที่ที่ร้านอาหารไว้ให้
พี่เขาพาครอบครัวเราขับรถออกไปไม่ถึงสิบนาที ก็ถึงร้านที่พี่เขาจองเอาไว้
เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีมาก ติดกับริมทะเลเลย แต่ว่าคนค่อนข้างเยอะ ...เรียกได้ว่าเต็มเกือบทุกโต๊ะเลยดีกว่า
โต๊ะที่พี่เขาจองไว้ เป็นโต๊ะริมสุดติดกับชายทะเล
สามารถนั่งกินข้าวไปแล้วมองเห็นวิวทิวทิศน์พระอาทิตย์ตกยามเย็นจากมุมนี้ได้
“ว่าจะพามากินข้าวแล้วดูพระอาทิตย์ตกสักหน่อยแต่คนดันเยอะซะได้ ไม่โรแมนติกเลย ฮ่า”
พี่เขาพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้รู้สึกสงสารเขาเหมือนกันนะ
พี่เขาคงคิดไว้ว่าโต๊ะริมทะเลน่าจะได้บรรยากาศโรแมนติกที่สุดละมั้ง
ถ้าตัดเรื่องผู้คนและพนักงานเสิร์ฟที่เดินสวนกันไปมาเต็มร้านออกนี่มันก็ดูโรแมนติกจริงๆ นั่นแหละ
แต่นี่มันเทศกาลนี่หน่า แล้วร้านของเขาก็วิวดีขนาดนี้ไม่แปลกที่คนจะเยอะ เขาให้จองก็ดีแล้ว 55555
“หนูว่าโรแมนติกออกค่ะ หนูชอบนะ...เอ้องั้นเราสั่งอาหารไว้ก่อนก็ได้นี่คะ แล้วเดี๋ยวเราไปเดินเล่นตรงนู้นกัน”
เราพูดพร้อมกับจับมือพี่เขาไว้แล้วชี้ออกไปที่บริเวณชายหาดที่มีคนลงไปเดินเล่น รออาหารมาเสิร์ฟเหมือนกันกับเรา
หลังจากนั้นเราก็สั่งอาหารกันไว้ โดยที่ให้พ่อกับแม่และน้องภูมิรออยู่ที่โต๊ะนี่แหละ...
ตอนสั่งพี่เขาบอกว่าต้องสั่งให้เกินห้าพันนะ เพราะตอนมาจองโต๊ะนี้พนักงานบอกว่า
...จองได้แต่เงื่อนไขต้องสั่งอาหารให้เกินห้าพันขึ้นไป เขาถึงจะให้จองโต๊ะได้...
อ๋อถึงว่าสิ ทำไมจองได้ เพราะแบบนี้นี่เอง
หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินจูงมือกันลงไปเดินเล่นที่ชายทะเล
เราพาพี่ดินเดินออกไปห่างจากจุดที่มีคนหน่อย
คราวนี้เราไม่ได้คิดเรื่องทะลึ่งกับพี่เขานะ แต่แค่อยากแยกออกมาอยู่ในจุดที่เหมือนมีเราแค่สองคน
ได้ยืนดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน เพราะ...เรารู้นะว่าพี่เขาคงเจตนาแบบนั้นแหละถึงได้เลือกร้านนี้
อย่างน้อยการที่มาเที่ยวในครั้งนี้ก็อยากเก็บความทรงจำโรแมนติกเล็กๆนี้เอาไว้
เรายืนซบไหล่พี่เขาแล้วจับมือเขาเอาไว้ ยืนคุยกันระหว่างเรื่องของเราสองคนที่เคยเกิดขึ้น
ยิ่งเราเอาเรื่องในอดีตของพวกเรามาเขียนเล่าแบบนี้ มันยิ่งทำให้พวกเรามีเรื่องคุยกันมากไปอีก
เหมือนได้รำลึกถึงวันเก่าๆ ตลอดเวลา...
มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเวลาที่ได้อยู่กับพี่เขามันมีค่า และมีความหมายมาก
พระอาทิตย์ที่ค่อยๆ คล้อยลงต่ำจนกระทบกับพื้นผิวของน้ำทะเล
ตอนนั้นจู่ๆ เราก็คิดได้ว่าเปิดเพลงฟังไปด้วยดีกว่าจะเพิ่มบรรยากาศโรแมนติกอย่างที่พี่เขาตั้งใจอยากจะให้เป็น
ด้วยความที่เราเป็นคนพกหูฟังติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา ไม่ได้เอาไว้คุยโทรศัพท์หรืออะไรนะ
แต่ว่าเราเองพอโตมาก็ติดเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวนิดๆ บางทีก็ชอบเปิดเพลงฟังคนเดียวแล้วนั่งดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ตอนนั้นด้วยความที่พอดวงอาทิตย์มันตกถึงพื้นน้ำแล้วจู่ๆ ก็เหมือนจะเลื่อนลงต่ำไวมากเหมือนจะลับไปทันที
เราเลยไม่มีเวลาเลือกเพลงเท่าไหร่เลยต้องเปิดเพลงหนึ่งในเพลย์ลิสที่เราชอบฟังในเวลาทำงาน
Finding Differences… ตอนนั้นด้วยความที่ไม่มีเวลาเลือกมากเอาเพลงนี้และกัน
อย่างน้อยท่วงทำนองมันก็น่ารักดีแล้วท่อนฮุคก็มีคำว่า You & I, I LoveYou อะไรแบบนี้ด้วย
เราเลยเอาหูฟังใส่ให้พี่เขา แล้วเริ่มกดเล่นเพลง
พี่เขาหันมายิ้มให้แล้วก็ยกแขนมาโอบตัวเราไว้
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารักผู้ชายคนนี้มากๆคงเป็นเรื่องที่พี่เขายอมรับแทบจะทุกอย่างที่เป็นเราเลย
มันไม่ใช่แค่เรื่องเพศสภาพแต่รวมถึงเรื่องรสนิยมการดูหนัง ฟังเพลงต่างๆ
พี่เขาไม่เคยปฏิเสธหรือพูดอะไรให้เราไม่สบายใจเลย (เพราะพ่อกับแม่ยังบ่นเลย เวลาที่เราอยู่บนรถกันแล้วเปิดฟังพวกเพลงแบบนี้...)
แต่กับพี่เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้เลย เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมากและน่าอยู่ด้วยที่สุด
แน่นอนว่าเรื่องความชอบของพี่ดินเอง เราก็พร้อมที่จะเปิดใจและชื่นชอบสิ่งพวกนั้นไปด้วยกันกับพี่เขา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนังและแนวเพลงที่พี่เขาฟัง
ทำให้เวลาว่างหรือวันหยุดของพวกเรามักจะใช้เวลาร่วมกัน เช่นดูหนัง ดูซีรี่ย์ดูการ์ตูน
(พี่เขาดูการ์ตูนด้วยนะ เพราะพอเราดู พี่เขาก็ดูตาม พวกเราจะได้มีเรื่องไว้คุยกัน)
เรารอให้ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป จนฟ้าเกือบมืดแล้วไม่มีคนอยู่ตรงนั้นแล้ว...
ในตอนที่ยังพอมีแสงส่องมาอยู่นั้นเรามองหน้าพี่เขาแล้วยิ้มพร้อมกับกัดริมฝีปากเบาๆ
ในใจก็ลุ้นว่าพี่เขาจะคิดเหมือนเราหรือเปล่านะ...
สุดท้ายพี่เขาก็ยิ้มให้ ก่อนจะก้มลงมาจูบเราเบาๆ
พูดตามตรงถึงแม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกัน แต่พอยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ได้สบตาและยืนจูบกัน
โดยที่เราไม่ต้องพูดขอให้เขาจูบแบบนี้นี่มันรู้สึกดีมากเลยนะเราชอบความรู้สึกแบบนี้มากๆ เลย...
---------
หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่โต๊ะ ปรากฏว่าพ่อกับแม่และน้องภูมิสั่งเพิ่มมาเต็มโต๊ะเลยแถมยังมีเมนูกุ้งล็อบสเตอร์อีก!
แต่พ่อเขาบอกว่ามื้อนี้เขาจ่ายเอง เพราะน้องภูมิอยากกินกุ้งตัวใหญ่โห...สปอยล์หลานมากคุณปู่...
แต่พี่ดินเขาก็อาสาเป็นคนจ่ายเอง เพราะพี่เขาพามากินมื้อนี้พี่เขาเลี้ยงเอง
สรุปหลังจากเกี่ยงกันไปมา ก็เลยได้ช่วยกันออกคนละครึ่งทำให้ค่าอาหารมื้อนั้นปาไปเกือบหมื่น
เพราะมีคนช่วยกันหารแล้วนี่... ก็สั่งแต่ของแพงๆ มากินกันไปเลยจ้า 555555
---------
หลังจากที่กินกันอิ่มแล้วกลับมาถึงห้องแล้ว ดีที่วันนี้น้องภูมิเขาอยากนอนกับปู่และย่าของเขา
ห้องของเราเลยได้อยู่กันสองต่อสองสักที...
พอเข้ามาอยู่ในห้องกันสองคน เราก็นอนกอด นอนไซร้กันตามระเบียบ
แต่ด้วยความที่พึ่งกินมาอิ่มๆ มันไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น...
เราเลยให้พี่เขานอนคว่ำหน้า พี่เขาก็ยิ้มให้เหมือนรู้ว่าเราจะทำอะไรให้เขาก็เลยเอาหมอนมาหนุนแต่โดยดี
เรานั่งลงแล้วค่อยๆ บรรจงนวดลงไปตั้งแต่ตรงคอ หัวไหล่
และสะบักลงมาจนถึงหลัง ด้วยความที่พึ่งกินข้าวกันมาอ่ะเนอะเราก็นวดแรงไม่ได้หรอก
แต่ที่เราทำแบบนี้ เหมือนเป็นการปรนนิบัติและเอาใจพี่เขามากกว่า
มีช่วงหนึ่งที่พี่ดินเคยบ่นกับเราว่าปวดรู้สึกอยากนวด
เราก็บอกว่าไปนวดสิคะ ร้านนวดแผนไทยเยอะแยะเลยแต่พี่เขาก็ไม่ยอมไปสักที
เอาแต่บ่นว่าปวดๆ พอเรานวดให้ก็ไม่หายหรอก เพราะเราเองก็ไม่ได้รู้จุดขนาดนั้น
จนในที่สุดเราก็มานึกได้ว่า อ๋อ...ที่เขาบ่นว่าอยากนวดๆ
คือพี่เขาคงอยากให้เราไปเรียนนวดแล้วมาคอยนวดให้พี่เขานี่เอง...
ด้วยความที่พี่เขาก็ใกล้เป็นคุณลุงแล้วอ่ะเนอะ บางทีก็ชอบพูดอ้อมๆ
แล้วให้เราเอาไปคิดเองเพื่อดูว่าเราจะยังใส่ใจเขาอยู่หรือเปล่า
สุดท้ายเราก็หาเวลาว่างวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไปลงเรียนคอร์สเรียนนวดแผนไทย
แล้วก็มานวดให้พี่เขา โอโห้ ยิ้มแก้มปริ ถูกใจลุงเขาแหละจ้า
ระหว่างที่เรานวดให้พี่เขาเบาๆ เราก็เปิดเพลงคลอไปด้วย ปกติเพลงที่เราชอบฟังร่วมกันจริงๆ
ไม่ใช่เพลย์ลิสส่วนตัวนะ จะเป็นเพลงสากลซะมากกว่า พวกเพลงสากลเก่าๆ จากยุค 90อะไรทำนองนั้น
Hold me now, touch me now. I don't want to live without you...
เสียงเพลงหนึ่งในเพลงที่เราชอบฟังด้วยกันดังขึ้นเป็นอีกเพลงที่เราฟังแล้วชอบมาก
และพี่เขาก็รู้ความหมายของเพลง...
เพราะมันเป็นเพลงประกอบการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่พวกเราดูด้วยกันตอนนั้นแล้วรู้สึกว่าประทับใจและมันเป็นอีกเรื่องที่เนื้อหาดีมากๆ เลย
อย่างน้อยเพลงพวกนี้ที่เราฟังร่วมกัน ทุกครั้งที่เราบังเอิญได้ยินจากสถานที่ข้างนอก มันทำให้เรานึกถึงพี่เขาตลอดเลย
“มา...พี่นวดให้หนูบ้างดีกว่า...” พี่ดินพลิกตัวมานอนหงายแล้วกอดตัวเราลงไปนอนกับพี่เขา
เสร็จแล้วพี่เขาก็พลิกตัวเราคว่ำหน้าลง แต่พี่เขาดันขึ้นคร่อมเราจากข้างหลังซะงั้น
“อ๊ะ...อ๊า...” เราเผลอครางออกมาทันที่พี่เขาลงมือนวดให้ตามไหล่คือมันไม่ได้เจ็บนะ...
แต่มันก็มีความรู้สึกเสียวแปลบๆ เพราะพี่เขาก็ไม่ได้ว่าแรงน้อยๆเลยตอนที่นวดให้เรา
“เป็นอะไรครับ? หืมมมม” พี่เขาบีบๆนวดๆ แล้วโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเรา
“เปล่าค่ะ...มันเสียวนิดหน่อย...” เราพูดพลางขำออกมา คือไม่ได้ตั้งใจจะครางออกมาแบบนั้นนะ ก็มันเสียวจริงๆนี่!
“เหรออออ แต่พี่มีวิธีนวดที่ทำให้เสียวกว่านี้อีกนะ...”
พูดจบพี่เขาก็ลุกขึ้นไปแล้วนั่งทับบริเวณแก้มก้นเรา จากนั้นเราก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ถูไถอยู่บริเวณร่องก้น
ถึงแม้ตอนนั้นเราจะยังใส่กางเกงอยู่ก็เถอะ
“ป๊า...ตอนนี้ยังไม่ได้น้า หนูยังไม่ได้ล้างท้องเลยยยย”
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ไอ้อ้วน หนูนี่ทะลึ่งจัง” แล้วพี่เขาก็ล้มตัวลงมานอนทับเราจากด้านหลัง พร้อมกับเอาท่อนเอ็นถูไถอยู่แบบนั้น...
อ๋อจ้ะไม่ได้ทำอะไรเลยยยยยยย
---------
เมื่อคืนด้วยความที่เรานอนดูหนังแล้วเผลอหลับกันไปทั้งคู่ พอเราสะดุ้งตื่นมากลางดึก
เรานึกขึ้นได้ก็ต้องไปทำความสะอาดรอพี่เขาไว้ก่อน...เพราะถ้าพี่เขาตื่นมาจะต้องหาเรื่องสอดใส่เข้ามาแน่นอน
ซึ่งก็จริงด้วย พอเราทำความสะอาดเรียบร้อยเปิดประตูออกจากห้องน้ำ
ก็เจอพี่เขานอนยิ้มแฉ่งรออยู่บนที่นอน...
คิดไว้แล้วไม่มีผิด!
พอตื่นเช้ามาพอบอกว่าวันนี้ต้องกลับแล้วน้องภูมิก็ลงไปเล่นน้ำที่สระตั้งแต่เช้า...เป็นเด็กนี่ดีจริงๆ ด้วยนะพลังงานเหลือล้นจริงๆ 55555
หลังจากนั้นพวกเราก็พากันเดินทางกลับ โดยแวะเที่ยวตามทางบ้างนิดหน่อย
พอเข้าเขตกรุงเทพฯ ก่อนจะถึงบ้านพ่อกับแม่ เราขอให้พี่ดินแวะจอดที่ตลาดใหญ่ให้หน่อยแล้วก็ลงไปซื้อพวงมาลัยพวงใหญ่มาสี่พวง
พอถึงบ้านพอพ่อกับแม่จัดแจงวางสัมภาระเรียบร้อย พวกเราก็นั่งไปนั่งคุยกันในบ้าน
ก่อนที่เราจะเอาพวงมาลัยออกมาไหว้พ่อกับแม่ เป็นธรรมเนียมที่เราทำกับพ่อแม่เขาทุกปีอยู่แล้ว
แต่ปีนี้มีน้องภูมิอยู่ด้วย เราเลยเอาพวงมาลัยพวงหนึ่งให้หลานไหว้ทั้งปู่กับย่าของเขาด้วย
อย่างน้อยช่วงเวลาที่หลานอยู่กับพ่อแม่เรา ก็อยากจะปลูกฝังสิ่งดีๆ เอาไว้
เพราะพ่อเราบอกว่าเคยพาน้องภูมิไปเยี่ยมฟลุ๊ค พ่อของน้องภูมิ ฟลุ๊คนั่นเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนเป็นคนที่ดูนิ่งและเงียบมาก จากเด็กที่เคยก้าวร้าวและไม่เคยฟังใคร...
ฟลุ๊คบอกว่าเหงา อยากออกไป... ไม่มีใครมาหาเขาเลยสักคน เขาคิดถึงลูก คิดถึงเมีย
พ่อกับแม่เราก็ได้แต่อ้างไปว่าเมียของฟลุ๊คนั่นติดงาน มาไม่ได้
แต่ฟลุ๊คก็คงรู้นิสัยเมียตัวเองดี ว่าเมียเขาไม่มีทางออกหางานทำแน่ๆ ก็เลยพอจะเดาได้ว่าตัวเองนั้นถูกเมียทิ้งไปแล้ว
พ่อบอกว่า ฟลุ๊คร้องไห้แล้วเอามือลูบหัวน้องภูมิไปมา บอกว่าพ่อขอโทษๆ
...เห็นแล้วรู้สึกสงสารมาก
พ่อเราได้แต่ปลอบไปว่าอยู่ในนั้นให้ตั้งใจ ทำตัวให้ดี ไม่นานก็จะได้ออกมาแล้ว เดี๋ยวพ่อจะพาน้องภูมิมาเยี่ยมบ่อยๆ
ส่วนอาเหมี่ยวที่เป็นแม่ของฟลุ๊ค ดูจากคำพูดฟลุ๊คแล้วน่าจะไม่เคยมาเยี่ยมเลย...
ระหว่างที่เอาน้องภูมิมาเลี้ยงก็ขอให้ฟลุ๊คสบายใจได้เพราะพ่อกับแม่เรารับปากว่าจะหาที่เรียนให้หลาน แล้วเลี้ยงหลานให้เอง เหมือนฟลุ๊คก็รับรู้และมีสีหน้าที่ดีขึ้นบ้าง
พ่อบอกว่าพอเห็นฟลุ๊คเปลี่ยนไปแบบนี้ก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน เพราะพ่อไม่เคยคุยกับฟลุ๊คได้นานเลยถ้าเป็นแต่ก่อนละก็นะ...
---------
หลังจากนั้นเราก็ร่ำลาพ่อกับแม่และน้องภูมิ เพื่อขอตัวกลับห้องของเรา
พอมาถึงเรารีบเป็นคนจัดสัมภาระ แล้วหาน้ำเย็นให้พี่เขาดื่มพร้อมกับให้พี่เขาไปนั่งพักที่โซฟา
จากนั้นเราก็เดินไปแล้วนั่งลงกับพื้นตรงหน้าพี่เขา
เราเอาพวงมาลัยออกมา แล้วก็ก้มลงไปไหว้ตรงที่ตัก
“ขอให้พี่ดินมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อายุมั่นขวัญยืนอยู่กับหนูไปนานๆนะคะ”
“พี่ก็ขอให้หนูพบเจอแต่สิ่งดีๆ และเป็นเด็กดีของพี่ตลอดไปนะครับ...” พี่ดินลูบหัวเราเบาๆ พร้อมกับรับพวงมาลัยไป
นอกจากพ่อกับแม่แล้ว ก็มีพี่เขาเนี่ยแหละที่พอโตมา
พอถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์เราจะเอาพวงมาลัยมาไหว้พี่เขาตลอด
ในสายตาของเราแล้ว พี่เขาไม่ใช่แค่แฟน... แต่เขาเป็นเหมือนพ่อ คนที่เรารักและเคารพมากที่สุดอีกคนหนึ่ง
เราเขยิบตัวเข้าไปใกล้พี่เขา แล้วเอาหัวหนุนตักพี่เขาไว้
เราชอบเวลาที่หนุนตักพี่เขาแบบนี้แล้วพี่เขาก็ลูบหัวเรามันรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
“ผม...รักพี่ยักษ์นะฮะ รักจนอยากอยู่ด้วยตลอดไปเลย...” พูดจบเราก็เงยหน้ามองพี่เขา
มันเหมือนทำให้เราเห็นภาพจากในอดีตเลยจากชายหนุ่มตัวใหญ่คิ้วดกดำตาดุๆคนนั้น ที่ตอนนี้เขาเป็นหนุ่มใหญ่ใกล้จะเป็นคุณลุงไปแล้ว
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะอยู่ด้วยกันกับเรามานานขนาดนี้
พี่ดินก้มหน้ามามองเรา แล้วก็ยิ้มกว้างออกมา
มันก็นานมากแล้วนะ ที่เราไม่ได้แทนตัวเองว่าผม แล้วก็ไม่ได้เรียกเขาว่าพี่ยักษ์เลยตั้งแต่โตมา...
รู้สึกดีจริงๆ ที่ได้มาเขียนเล่าเรื่องราวของเราทีนี้ มันทำให้เราหวนนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่เราเคยผ่านมันมาด้วยกันกับพี่เขา...
สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังจ้า ^^
เมื่อวานรู้สึกผิดมากที่พิมพ์ไม่จบ เพราะนั่งพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่นานเลยเสียเวลา
ด้วยความที่ ณ ปัจจุบันอะไรต่างๆ มันมาไกลมากกกกกก
เราเลยพยายามเก็บรายละเอียดความเป็นมาและเรื่องต่างๆ ให้เพื่อนๆ เข้าใจได้ง่ายที่สุด
สุดท้ายพิมพ์ไปพิมพ์มา ง่วง ก็เลยต้องตัดจบแค่นั้น 5555555
ส่วนเรื่องพี่เมฆนี่ว่าจะพิมพ์อัพเดทให้อยู่นะ แต่ดูท่าน่าจะยาวเหมือนกัน แล้ววันนี้ก็เหนื่อยมากกกกก
ปล. พี่เมฆมีลูกมีเมียแล้วจ้าาาา ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับน้องภูมิหลานเราแม้แต่น้อยเน้อ บอกไว้ก่อนนนนนนนน
ส่วนเรื่องคอมเม้นจากโพสต์ก่อนขออนุญาตเข้าไปตอบวันหลังน้า วันนี้ขอตัวไปก่อนจ้า ขอบคุณครับ
แต่สิ่งที่พี่เมฆ กับน้องภูมิ เหมือนกันคือ ตัวกันซีน 55555555
คงเป็นช่วงวันหยุดที่ดีมากๆเลยนะครับ
อ่านแล้วเหมื่อนได้ไปเที่ยวด้วย
แอบจิตนาการตัวเองเป็นน้องภูมิ 555555555 ขอบคุณครับ ยอดเยี่ยมไปเลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณนะฮะ สนุกมากครับ แฮปปี้สงกรานต์ บรรยากาศสงกรานต์ทั้ง 2 ตอน อ่านแล้วใจฟูมากอ่ะ อิ่มเอมอบอุ่นมาก อิ๊ๆๆ / น้องภูมิท่าทางน่ารักอามิน ลุงดิน รักน้องให้มากๆ น๊า {:5_153:} น่ารักมากเลย และโชคดีมากๆ เลยที่มีชีวิตคู่ที่ดียอมรับและเข้าใจในสิ่งที่แต่
ะฝ่ายเป็น ขอบคุณครับ บอกพ่อแม่หน่อย กันซีนมากๆเดี๋ยวจะฉลองต่อหน้าแล้วนะ {:5_137:} ขอบคุนครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ อบอุ่นมากกก {:5_135:} ขอให้ หวาน และรักกันตลอดไป ครับ {:5_146:} ขอบคุณครับ ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]
2