[ซีรี่ย์ อาถรรพ์(เสียว)] เจ้าที่(๓)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sos007 เมื่อ 2019-3-30 12:56เรื่องบางเรื่อง ถูกเล่าจากปากสู่ปาก จากเรื่องจริงกลายเป็นเรื่องเล่า เรื่องเล่ากลายเป็นตำนานและจากตำนานก็ถูกบันทึกด้วยตัวอักษรจนกลายเป็นวรรณกรรม(คำเตือน : เนื้อหาของเรื่องถูกแต่งขึ้นมาจากความคิดของผู้เขียนเป็นส่วนใหญ่สาระและความสมจริงนั้นอาจหาได้ไม่มาก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทั้งหมดที่ดำเนินในเรื่องนี้ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างอย่างยิ่ง)
๒. เจ้าที่(๓)
ท้องฟ้าสีส้มจางๆที่พอจะมองเห็นได้ผ่านสนามฟุตบอลข้างๆผมเดินผ่านศาลพระภูมิมาค่อนข้างไกลแล้วตอนที่เดินบนถนนคนเดียวแบบนั้นมันก็รู้สึกวังเวงดีกลั้นใจเดินเร็วๆจนถึงสนามฟุตบอลที่เห็นว่ายังมีคนอยู่สักสี่คนได้ก็ค่อยโล่งใจขึ้นเยอะ
อยู่ซ้อมบอลกันหรอวะ
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่น่าใส่ใจก็ผินใบหน้ากลับมามองทางที่ถูกปูด้วยตัวหนอนรูปหลายเหลี่ยมตามเดิมก่อนจะเริ่มเดินต่อไปไม่ได้รีบหรือมีภาระอะไรมากมายหรอกนะแต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไมต่างหาก
ก้าวไปได้เพียงสองก้าวครึ่ง ท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็วจนนึกแปลกใจ ลางสังหรณ์มันบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ ท้องฟ้าดำมืดได้เพียงเสี้ยววิฯ เสียงฟ้าคำรามมาพร้อมกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัวจะทำยังไงได้นอกซะจากวิ่งหาที่หลบฝนที่ใกล้ที่สุด
แม้สายตาจะพร่ามัวจากเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาไม่หยุดหย่อนแต่เรียนอยู่ที่นี่มาจะหกปีแล้วถ้าหลงทางนี่ก็คงแย่ในหัวก็คิดถึงอาคารที่ใกล้ที่สุดห้องชมรมเกษตร อาคารสีเขียวอ่อนดูสบายตาในยามปกติ ที่บัดนี้อัดแน่นไปด้วยเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่ง ซึ่งสี่ในห้าก็คือพวกที่อยู่ในสนามบอลเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
ตอนที่วิ่งเข้ามาหลบฝนก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะด้วยความเร่งรีบกลัวว่าแผ่นกระดาษที่อยู่ในเป้ใบใหญ่จะเสียหายว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาเช็กดูสักหน่อยเฮ้อ....ยังดีที่รอดปลอดภัยนะตอนที่หันไปเจอว่ายังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสี่ชีวิตอยู่ข้างๆนั้นก็ต่างคนต่างชะงัก ดูจากจุดสีน้ำเงินบนคอเสื้อที่มีสามจุดก็เป็นตัวบอกให้รู้ว่าเป็นรุ่นพี่เห็นอย่างนั้นก็ยกมือไหว้ทีละคนตามประเพณีของโรงเรียน
“สวัสดีครับพี่”
“เออๆ”พี่คนข้างๆผมเป็นคนตอบพร้อมพยักหน้าให้ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนของเขาต่อ
พื้นที่หน้าห้องชมรมเกษตรนี้ถือว่าค่อนข้างกว้างแต่ด้านหน้าก็เต็มไปด้วยไม้พุ่มสูงๆส่วนคานด้านบนก็เป็นที่แขวนกล้วยไม้หลากชนิดประกอบกับเป็นเวลาเย็นมากแล้วมิหนำซ้ำยังมีสายฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตั้งแต่เมื่อกี้อีก รวมๆกันเป็นบรรยากาศมืดๆเย็นๆพาลให้ยกสองมือขึ้นกอดอกเพื่อเพิ่มความอุ่นให้ร่างกายบ้าง
“มึงได้กลิ่นอะไรมั้ย”แว่วเสียงพี่คนฝั่งซ้ายสุด
“อืม”เสียงคนข้างๆตอบเพื่อน
“กูก็ได้กลิ่นหอมดีหวะ”
“กูก็ว่างั้นมาจากไหนหว่า”
“กูรู้สึกแปลกๆ” เสียงพี่คนแรกพูดก่อนหางตาผมจะเห็นว่าพี่แกมองมาทางผม
พวกพี่เค้าได้กลิ่นอะไรกันวะ คงเป็นดอกไม้แถวๆนี้แหละมั้ง
เด็กหนุ่มรุ่นพี่มองสบตากันเพียงครู่ก็เข้าใจความหมาย ตอนนี้พวกเขาราวกับสุดจะทนกับอาการที่เกิดขึ้นมาอย่างรุนแรง
เพียงชั่วพริบตา ตัวผมก็นอนอยู่ใต้ร่างของพี่หน้าหล่อคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมเมื่อกี้โดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อตั้งสติได้ก็คิดว่าจะต้องผลักออกแต่ก็ช้าเกินไป มือทั้งสองข้างของผมถูกพี่อีกคนพันธนาการไว้อย่างสมบูรณ์แล้วมองไปรอบตัวก็พบแต่สายตาที่ดูหื่นกระหายของเด็กหนุ่มวัยกลัดมันทั้งสี่นี่มันอะไรกันวะพวกพี่เค้าบ้าไปแล้วแน่ๆพวกเค้ากำลังทำให้ผมกลัวจริงๆนะ
“พ...พี่อย่าแกล้งผมสิครับป...ปล่อยผมนะพี่”ทำได้แค่บิดตัวไปมาเมื่อคนที่คล่อมร่างผมอยู่เริ่มทำสิ่งที่ผมกลัว
เสื้อสีขาวที่เปียกน้ำจนแทบจะบังอะไรไม่ได้อยู่แล้วในตอนแรกตอนนี้มันกำลังถูกกระชากออกจากร่างกายขาวซีดเสื้อที่ถูกกระชากได้บาดผิวเนื้อจนขึ้นรอยแดงลำคอระหงถูกดูดดึงและขบกัดอย่างหื่นกระหายจนเจ็บจี๊ดกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินถูกถอดออกและโยนทิ้งไปผมมองตามมันไปจนมันตกลงบนเศษผ้าสีขาวเฉอะแฉะที่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนมันยังถูกสวมอยู่บนร่างกายผม
“ป...ปล่อยฮือปล่อยผม พ...พี่ครับอย่าทำ”ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหนก็ทำได้เพียงบิดซ้ายบิดขวาพร้อมกับแหกปากไปด้วย
“ฮือช่วยด้วยครับช่วยผมด้วย พี่อย่า!” ปลายลิ้นร้อนแตะลงบนเม็ดทับทิมสีสวยบนอกผมทั้งสองข้างจากพี่ที่เหลือ
“ฮ่าๆๆดูแม่งร้องดิร้องไปเหอะมึง ไม่มีใครเขามาช่วยมึงหรอก ฮ่าๆ” พี่คนที่กดมือผมอยู่เอ่ยขึ้นแทนเพื่อนที่เหลือที่กำลังใช้ริมฝีปากและลิ้นโลมเลียผมไปทั่วตัว
ตอนนี้เด็กหนุ่มทั้งสี่เริ่มหลงมัวเมาไปกับผิวสัมผัสและกลิ่นกายของหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าราวกับว่าพวกเขาถูกควบคุมแต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่าความอดทนของพวกเขาได้หมดลงแล้ว
กางเกงในสีขาวตัวน้อยที่เป็นเครื่องปกปิดเพียงชิ้นเดียวถูกฉีกกระชากออกจากร่างขาวซีดอย่างไร้ปราณีราวกับเป็นเพียงเศษผ้าบางๆพร้อมๆกับน้ำตาที่นองใบหน้าหล่อน่ารักแต่อย่างไรก็เป็นแค่พวกเด็กทุนอยู่ดี คนข้างบนพร้อมแล้วด้วยแท่งทวนที่ขยายขนาดเต็มที่ไม่มีการเล้าโลมใดๆทั้งสิ้น ปลายบานใหญ่ปานดอกเห็ดจ่ออยู่ปากทางเข้าสีสดเพราะยังไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำมาก่อน เพียงพริบตาเดียวก็รู้สึกราวกับร่างจะแยกออกเป็นสองส่วนร้องออกมาได้เพียงกุกๆกักๆเพราะจุกและเจ็บเกินทนทั้งร่างเกร็งแน่นจนเจ้าของท่อนเอ็นหงุดหงิด เข้าได้เพียงแค่ส่วนหัวก็แทบจะดันเข้าไปต่อไม่ได้ คราวนี้ปากทั้งสี่ต่างจู่โจมผู้เคราะห์ร้ายไปจนทั่วร่างเพื่อให้ผ่อนคลาย “อ...อ้ากกกกกก อั่กอื้ออออ”เผลอผ่อนความเครียดเกร็งเพียงเสี้ยววิฯกลับเป็นการเปิดโอกาสให้คนข้างบนกดท่อนร้อนเข้ามาทีเดียวจนต้องร้องจ๊ากออกมาอย่างสุดเสียงและจุกจนแทบขาดใจในเวลาต่อมา ผมเจ็บจะตายอยู่แล้วนี่มันแย่มากๆแย่จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อพี่คนหนึ่งผละออกไปหยิบโทรศัพท์แล้วหันกล้องมานี่อย่าบอกนะว่าจะถ่ายคลิปไว้ไม่นะทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ผมไปทำผิดอะไรไว้หรือไงกัน...
...หายไปนานเลยเนอะ(ปาดเหงื่อ)หลังจากที่ลงตอนล่าสุดไปเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 62 ก็เพิ่งได้มีโอกาสจับคอม งานราษฎร์งานหลวงยังไม่จบกินเลี้ยงรุ่นเอยกินเลี้ยงห้องเอยกินเลี้ยงกับเดอะแก้งค์(ทั้งในห้อง/ทั้งต่างห้อง/ทั้งต่างโรงเรียน)เอย (แลดูเพื่อนเยอะ) ตั้งใจว่าเลือกตั้งเสร็จจะมาต่อตอนนี้แล้วแจ้งข่าวว่าจะหายไปซักอาทิตย์เพราะจะไปต่างจังหวัด เหตุเพราะจะไปหาหอแถวม. รวมสองวันแล้วก็อยู่เที่ยวต่ออีกวัน(เกาแก้ม)เพิ่งกลับมาถึงตอนเช้าวันนี้นี่แหละครับคุณอย่าโกรธกันเลยสำนึกผิดไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้(30 มี.ค. 62) จะมาต่อให้ครับกลัวค้างฉากอย่างว่ากัน(ยิ้มแห้ง) แต่เรื่องเวลาก็คงต้องแล้วแต่ตอนไหนมีอารมณ์เปิดคอมฯแหละครับ(เฮ้ย รองเท้าใครปลิวมา) เจอกันพรุ่งนี้ครับ...
รอลุ้นตอนต่อไปนะคับ{:5_130:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณครับ มาต่อครับ กำลังลุ้นเลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ. รีบมาต่อนะครับ กำลังลุ้น รอตอนต่อไปครับ ติดตามครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ กลิ่นสวาท สงสารน้อง ขอบคุณมากเลยครับ ขอบคุณครับ