หนอนน้อย (ก๊อบมานะคับ)
ผมอายุ 23 เพิ่งจบจากรามคำแหงหมาดๆ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านแม่ที่ต่างจังหวัด ระหว่างที่ยังหางานทำไม่ได้ ช่วงนี้ หลานชายวัยเก้าขวบของผมชื่อ “หน่อง” ถูกส่งมาอยู่กับเราด้วย แม่บอกว่าลุงรอนกับป้าแพรกำลังทำเรื่องหย่ากัน แม่ไม่อยากให้หน่องอยู่รับรู้เรื่องแบบนั้นของพ่อแม่ จึงรับตัวมาอยู่ด้วยจนกว่าเรื่องจะเรียบร้อย
.. แน่นอนว่าผมกับหลานต้องนอนห้องเดียวกัน เพราะบ้านเราไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับหลานชายคนนี้ แรกเมื่อรู้ว่าจะต้องนอนร่วมห้องกับเขาก็ไม่ชอบใจนัก แต่พอเวลาผ่านไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ ผมกับเขา “สนิท” กันมากกว่าที่คิด อาจเป็นเพราะผมไม่เคยมีน้อง และเจ้าหน่องก็เป็นเด็กว่าง่าย และตามใจผมทุกอย่างก็เป็นได้
.. เตียงในห้องของผมเป็นเตียงสองชั้น แน่นอน หน่องนอนชั้นบน ซึ่งก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะห้าปีที่ผมไปอยู่กรุงเทพฯ นั้น ผมทั้งสูงทั้งใหญ่ขึ้นจนน่ากลัวว่า เตียงเก่าที่เคยนอนมาแต่แบเบาะหลังนี้จะรับน้ำหนักไม่ไหว
.. พ่อแม่ผมเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่ผมกับหน่องนอนดึก เราเล่นเกมกันก่อนนอนเสมอ เกมที่เขาชอบที่สุดคือเกมล่มเรือ โดยเราสมมุติเอาว่าเตียงชั้นบนเป็นเรือ ผมจับเสาเตียงแล้วเขย่าไปมา เจ้าตัวเล็กหัวเราะชอบใจเสียงดังกับเกมนี้เสมอ
.. ส่วนอีกเกมคือ “ถ้ำลึกลับ” ที่ผมได้มาจากการออกค่ายสมัยเรียนอยู่ปีสอง ผมจะใช้ผ้าห่มสอดใต้ฟูกของเขา แล้วปล่อยชายลงมาคุมเตียงของผมจนมิด สมมุติว่าเตียงของผมเป็นถ้ำลึกลับ หรือเป็นปราสาท เป็นวัง หรือเป็นอะไรก็แล้วจะนึก ผมอยู่ข้างในใช้ไฟฉายส่องบนผ้าห่มเป็นตัวหนังสือให้เขาอ่าน ถ้าเขาอ่านและผสมคำถูก เขาก็ได้เข้ามา โดยจะมีรางวัลเป็นขนม ลูกอมรออยู่ข้างใน
.. ผมมักใส่กางเกงฟุตบอลผ้าร่ม กับเสื้อกล้ามตัวโคร่งนอนเสมอ แน่นอน ไม่ใส่กางเกงใน ผมไม่ใส่ใจเรื่องชุดนอนของผมนัก รู้หรอกว่ามันโป๊ แต่ไม่มีอะไรน่าห่วงนี่ครับ เขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ เท่านั้น ผมคิดแบบนั้นโดยลืมไปว่า ธรรมชาติของเด็กวัยนี้นั้น อยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด
.. คืนนี้ผมเป็นโจรสลัดร้าย ปีนขึ้นไปบนเรือของหน่อง เจ้าหนูหัวเราะเสียงดังขณะที่ผมคว้าขาของเขา เขาทั้งกรีดทั้งร้องด้วยความสนุก ดิ้นจนตุ๊กตาหลายขนาดของเขากระจุยกระจาย ดิ้นจนกางเกงนอนตัวจ้อยของเขาหลุดติดมือของผมออกมา “อย่า อย่า ไม่เอา...” เขากรีดร้องปนเสียงหัวเราะ ดังจนผมต้องยกนิ้วแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณให้เขาเงียบ แต่ไร้ผล ผมห่วงว่าเสียงของเจ้าตัวเล็กจะปลุกให้พ่อของผมตื่นขึ้นมา พ่อผมเป็นคนขี้โมโห ผมไม่อยากให้หน่องโดนตีเหมือนอย่างที่ผมเคยโดนตอนอายุเท่าเขา
.. “หน่อง” ผมเรียกเขาเบาๆ “เข้ามาในถ้ำลึกลับของพี่ดีกว่า คืนนี้ไม่ต้องใช้โค้ดลับหรอก” เขาเบิ่งตาโตกับคำเชื้อเชิญของผม ซึ่งเขาไม่เคยได้รับง่ายดายแบบนี้มาก่อน
.. เขาคว้าตุ๊กตาหมีตัวเก่ง แล้วไต่บันไดเตียงลงมาโดยไม่ใส่ใจกางเกงนอนของเขา ที่ผมวางเอาไว้ให้
.. เขาผลุบเข้ามาในเตียงของผมในสภาพท่อนล่างที่เปล่าเปลือย ผมเห็นก้นกลมๆ ของเขาเต็มตา รวมถึงควยอันน้อยที่แกว่งไกวอย่างชัดเจนด้วย ขนแม้สักเส้นก็ยังไม่มีให้เห็น และถ้าผมตาไม่ฝาด ก่อนที่เขาจะนั่งลงในท่าขัดสมาธิที่ปลายเตียง และบังสายตาผมจากส่วนกลางลำตัวเขาด้วยเข่า และท่อนขาเรียบลื่นนั้น ผมว่าผมเห็นควยของเขาอยู่ในลักษณะชูชันทีเดียว ส่วนขนาดนั้น ถือว่าไม่เลวทีเดียวเมื่อเทียบกับกับอายุของเขา
.. แม้จะยังเป็นเด็ก แต่หน้าอกและหน้าท้องของเด็กคนนี้แน่นเป็นแผง หัวนมเล็กจ้อยเป็นสีชมพู ผมมองหน้าตาที่เรียวเป็นรูปไข่ ตาโต คิ้วดก ปากสวย เด็กคนนี้ได้มรดกรูปโฉมจากพ่อของเขามาเต็มที่ โตขึ้น เจ้าหน่องต้องหล่ออย่างหาตัวจับยากทีเดียว
.. นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพิจารณาเด็กชายคนนี้อย่างชื่นชม ผมผ่านผู้ชายมามากมายระหว่างเรียนอยู่ที่รามคำแหง ทั้งผู้ชายมาดแมนกล้ามเป็นมัดๆ แบบนักกีฬา ทั้งผู้ใหญ่รุ่นพ่อ หรืออ้อนแอ้นแบบกระเทยแต่งผู้หญิง ผมก็เคยเอามาแล้วทั้งนั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกแบบนี้กับเด็กตัวน้อยๆ แบบนี้ ผมว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นจาก การที่ได้เห็นหน่องแอบมองหว่างขาของผมเสมอถ้ามีโอกาส
.. เช่นวันก่อน ที่โซฟาหน้าทีวี ผมแกล้งนั่งนิ่งๆ ถ่างขาออกกว้าง ทำทีเป็นสนใจหนังสือในมือ แต่ตาผมจับอยู่ที่กระจกเงาข้างฝา ภาพสะท้อนของหน่องในกระจกเงาบานนั้น กำลังมองหว่างขาผมอย่างตั้งอกตั้งใจ นั่นทำให้คืนนี้ ผมอยากจะลองใจหน่องให้มากกว่านี้
.. ผมขยับตัวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง ยกหัวเข่าขึ้นแล้วถ่างขาออก ถ้าหน่องอยากดู เขาก็จะได้เห็นเครื่องเคราของผม ผ่านขากางเกงฟุตบอลแบบค่อนข้างชัดเจนทีเดียว ตาของหน่องกวาดไปรอบๆ เหมือนหาอะไรบางอย่าง แต่ครู่เดียวก็มาหยุดอยู่ที่หว่างขาของผม
.. ผมขยับขาให้ถ่างกว้างขึ้น เพื่อตอบสนองสายตาอยากรู้อยากเห็นของเขาอย่างเต็มที่ จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“พี่จะเล่นอะไรล่ะ” เขาถามขึ้นมาดื้อๆ เล่นเอาผมสะดุ้ง
“พี่ว่าเราเล่นอะไรแบบเงียบๆ ดีกว่านะ” ผมพูดขณะมองท่อนเนื้อเล็กๆ ของหน่องที่โผล่ออกมารำไรเมื่อเขาขยับขา
“ก็ได้ครับ” เขาพูดแบบยกให้ผมเป็นคนตัดสินใจเต็มที่
“ลุง รอนเคยพาหน่องไปตกปลามั้ย” ผมถามด้วยเสียงที่ชักจะสั่น ด้วยความตื่นเต้นกับเกมชั่วร้ายที่ผมเพิ่งนึกขึ้นได้เดี๋ยวนั้น และความตื่นเต้นที่ว่า มันเกิดขึ้นพร้อมกับท่อนเนื้อในกางเกงฟุตบอลของผม ชักจะเกร็งตัวเหยียดตั้งขึ้นมา หน่องพยักหน้า
“เคยใช้หนอนตกปลามั้ย” ผมถามอีก
“เคยใช้แต่ไส้เดือน พ่อขุดให้” เขาตอบ สายตาเลื่อนไล้ไปตามท่อนขาที่ดกดำไปด้วยขนของผม
“เอาล่ะ” ผมพูดพร้อมกับขยับตัวให้ความอึดอัดในกางเกงผ่อนคลายลง
“เกมนี้ เรียกว่าเกมปลากินหนอน เล่นง่ายๆ คือหน่องต้องเป็นปลา แล้วหาหนอนให้พบ”
“โอเคครับ” หน่องรับคำง่ายๆ
.. แสงบางๆ จากหลอดไฟกลางห้องที่ลอดผ้าห่มเข้ามาในเตียงของผมตอนนี้ ผมเห็นหน่องนั่งนิ่ง เม้มริมฝีปากแน่น ผมคิดว่าเขาคงรู้สึกได้ว่าเกมนี้ไม่เหมือนเกมอื่นๆ เพราะดูเขาเงียบและสงบกว่าที่เคย ผมสิ กลับตื่นเต้น คิดถึงเรื่องร้ายๆ ที่อาจเกิดขึ้นหากผมปล่อยให้ “เกม” นี้ดำเนินต่อไป
.. สามัญสำนึกของผมตั้งคำถามถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง...
“หน่องต้องทำงี้นะ” ผมพูดขณะดึงผ้าห่มผืนบางอีกผืนขึ้นคลุมขาตัวเองจนถึงเอว ถ่างหัวเข่าทั้งสองออก
“หน่อง ต้องใช้มือสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มนะ สมมุติว่าเป็นปลา แล้วหาหนอนให้พบ ต้องว่ายน้ำให้เหมือนปลาเข้าไปในถ้ำมืดๆ ถ้าเจอหนอนก็ให้จับเอาไว้ทันที เข้าใจมั้ย”
“ครับ” หน่องรับคำขณะขยับตัวเข้ามาใกล้
.. ผมรู้สึกได้ถึงการเต้นแรงของหัวใจตัวเอง เลือดฉีดขึ้นหน้าจนร้อนวูบไปหมดตอนที่เห็นมือน้อยๆ ของหน่องลอดใต้ผ้าห่มเข้าไป มือของหน่องสัมผัสในลักษณะลูบคลำท่อนขาของผม ตั้งแต่หัวเข่าเข้าไปหากลางลำตัวเรื่อยๆ จนถึงขอบกางเกงผ้าร่มของผม ผมกลั้นหายใจเมื่อมือของหน่องสอดผ่านขากางเกงเข้าไป และแตะส่วนหัวของควยผม
“อา...” ผมคราง แปลกใจที่เขาใช้เวลาน้อยมาก และไม่ลังเลเลยที่จะกำท่อนเนื้อของผมไว้ในอุ้งมือ
“หนอนใช่ไหมครับ” ญาติตัวน้อยของผมถาม
“ใช่แล้ว” ผมตอบอย่างตื่นเต้น
“เอา ล่ะจับมันไว้แน่นๆ เลย” ผมพูดโดยไม่กลัวสักนิดว่าเขาจะทำให้ผมเจ็บ เขากำท่อนเนื้อของผมเอาไว้เต็มมือ แล้วขยับมือขึ้นลงช้าๆ อันเป็นการกระทำที่ผมคิดไม่ถึงมาก่อน
“อูย...ซีด...หน่อง พี่เสียวจัง” ผมคราง ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่า เจ้าตัวเล็กคนนี้ “เล่นเป็น” จะเป็นมาจากไหนก็แล้วแต่... ซึ่งนั่นทำให้ผมกล้าพอที่จะเดินหน้าต่อไป
“ซีด...เจ้าปลาน้อยมันหิวหรือเปล่าล่ะหน่อง”
“หิวครับ” หน่องตอบขณะมือยังคงบีบและรูดท่อนเนื้อของผมอยู่ใต้ผ้าห่ม ซึ่งตอนนี้มันแข็งเหมือนหินไปแล้ว
.. แล้วโดยที่ผมไม่คาดคิด หน่องใช้มือข้างที่ว่างตวัดชายผ้าห่มออกจากร่างของผมไปกองอยู่ข้างๆ ภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือท่อนเนื้อขนาดเจ็ดนิ้วของผม ผงาดง้ำออกมาจากขอบกางเกง และเต้นหงึกๆ อยู่ในอุ้งมือของเขา... น้ำเมือกใสๆ ปริ่มออกมาเต็มหัว หน่องส่งเสียงครางด้วยความตื่นเต้น
“หนอนของพี่ตัว ใหญ่จังเลยครับ” ตอนนี้ ผมเองเป็นฝ่ายนิ่งแบบไม่รู้จะพูดหรือทำอะไร นอกจากขยับตัวเอนพิงหัวเตียงในท่าที่สบายขึ้น รวมทั้งหลับตาแน่น ปล่อยให้เกมนี้อยู่ในความควบคุมของเจ้าตัวเล็กแต่เพียงผู้เดียว
.. ผมได้ยินเสียงหน่องหายใจแรงๆ ด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มือของเขาเริ่มขยับขึ้นลง เหมือนไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างของผมในทุกจังหวะที่มือน้อยๆ ของหน่องถอกควยของผม เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ผมก็ต้องหยุดมือเขาไว้...ก่อนที่ผมจะถึงจุดระเบิด และเมื่อผมมองไปที่หว่างขาของหน่อง ควยขนาดสามนิ้วครึ่งของเขาแข็งชี้ชันอยู่ตรงนั้น
.. ผมไม่รู้มาก่อนหรอกว่าควยของเด็กเก้าขวบสามารถแข็งตัวได้ขนาดนี้ น่าตื่นเต้นเป็นบ้า
“เฮ้ย อะไรน่ะ” ผมพูดล้อๆ ชี้ไปที่หว่างขาของเขา หน่องก้มลงมองควยตัวเอง ไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองกำลังควยโด่
“หน่องก็มีหนอนน้อยของตัวเองเหมือนกันนะ” ผมพูดยิ้มๆ
“เหรอครับ” หน่องพูดแค่นั้นแล้วก็หันกลับมาสนใจควยของผมต่อ
“ถอดกางเกงได้มั้ยครับ เห็นไม่ชัดเลย” เขาขอดื้อๆ ขณะที่มือยังคงรูดควยของผมช้าๆ
“แน่ใจนะ” ผมถามเพื่อให้แน่ใจว่าเขาโอเคกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ถ้าพี่ให้หน่องดู หน่องต้องไม่บอกใครนะ”
“ไม่หรอกครับ”
“ก็ได้”
.. ผมบอกพร้อมกับยกก้นขึ้น และใช้สองมือรูดขอบกางเกงฟุตบอลลงไปถึงหัวเข่าในจังหวะเดียว ควยแข็งปั๋งของผมดีดผึงขึ้นมา ผงาดง้ำอยู่ต่อหน้าญาติวัยเก้าขวบของผมโดยไม่มีอะไรปิดบัง มันเหยียดตัวเต็มความยาวของผม ชี้ชันขึ้นฟ้าเป็นมุมฉากกับลำตัว
.. ผมเงี่ยนอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน เมื่อเห็นสีหน้า โดยเฉพาะตาและปากของเขา ที่เปิดกว้างเหมือนกับควยของผมคือสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดที่เคยเกิด ขึ้นในชีวิตของเขา
“โอโห ใหญ่จังครับ” เขาร้องดังจนผมต้องจุปากให้เขาเบาเสียง
“หน่อง ยังอยากเป็นปลาที่กินหนอนอยู่อีกหรือเปล่า” ผมถาม ขณะที่เอื้อมมือลงไปกำที่ฐานควย แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะดันควยชี้ไปยังปากของหน่อง
.. ตอนนี้ผมเงี่ยนจัดจนกลัวว่ายังไม่ทันที่หน่องจะทำอะไร ผมจะกระฉูดเอาเสียก่อน หน่องพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
“แน่ใจนะ” ผมถามไปงั้นแหละ รู้ดีหรอกว่าเขาอยาก แทนคำตอบ หน่องขยับตัวและก้มหน้าหาควยที่ชี้ชันอยู่ตรงหน้า
“เอาล่ะ ปลามันกินหนอนโดยการอมเฉยๆ ไม่กัด ใช้แค่ริมฝีปากกับลิ้นเท่านั้น เอาล่ะ ลองดู”
.. ตาของหน่องยังคงมีแววตื่นเต้นขณะก้มหน้าลงไปดูดควยผม สำหรับผมแล้ว ภาพทั้งหมดเหมือนกับหนังสโลโมชั่น... แล้วผมก็เสียววูบเมื่อหัวควยของผมถูกดูดวูบเข้าไปในปากของหน่อง จ๊วบเดียวถึงเงี่ยง
“อูย...ดีจัง” ผมครางขณะที่หน่องเริ่มขยับหัวขึ้นลง แก้มใสๆ ของเขาตอบเข้าไปเพราะแรงดูด โดยที่ฟันของเขาไม่กระทบเนื้อผมเลย
“อย่างนั้นแหละหน่อง อูย...เก่งมาก ใช้ลิ้นหน่อย เลียตรงปลายมันน่ะ...อูย...ซีด...อย่างนั้นแหละ”
.. ทันใดนั้นหน่องก็หยุด เงยหน้าขึ้นมามองผม น้ำเงี่ยนใสยาวเป็นเส้นเชื่อมระหว่างริมฝีปากล่างของเขากับหัวควยของ ผม ภาพที่เห็นทำให้ผมเกือบกระฉูดในทันที ถ้าไม่ห่วงว่าหน่องจะตกใจที่อยู่ๆ ผมก็พ่นเมือกขาวๆ ใส่หน้าเขาล่ะก็
“หน่องทำถูกมั้ยครับ” เขาถาม ดวงตายังส่อแววตื่นเต้นและสนุกสนาน
“แจ๋วเลย” ผมพูดขณะที่มือกระตุกควยตัวเองช้าๆ แทบไม่เชื่อว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับผมตอนนี้คือความจริง
“รสชาติมันตลกดีนะครับ” หน่องพูดขณะยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก
“หนอนมันก็รสชาติแบบนี้แหละ” ผมบอก รู้สึกโง่ๆ พิกล แต่ก็ยังอยากที่จะใช้ภาษาในเกมนี้กับหน่องต่อ
“แล้วหน่องรู้มั้ยว่า บางทีหนอนมันก็อ๊วกได้นะ” หน่องส่ายหน้า
“จริงๆ นะ บางที ถ้าปลาดูดมันนานๆ หนอนก็จะพ่นน้ำเมือกขาวๆ ออกมาเพื่อไม่ให้ปลายุ่งกับมันอีก”
“จริงหรือครับ” หน่องถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ควยอันน้อยของเขาชี้ชันราบไปกับหน้าท้องเรียบของเขา
“จริงสิ” ผมย้ำ
“มันทำงั้นเพื่อไม่ให้ปลากินมันไง”
“แล้วของพี่ทำได้หรือเปล่า มันอ๊วกได้หรือเปล่าล่ะ” หน่องถาม
“แน่นอน”
.. ผมพูดขณะรู้สึกว่าน้ำเงี่ยนกำลังรวมตัวแน่นอยู่ในถุงอัณฑะ จากนั้นผมก็โน้มตัวลงไปจับควยอันน้อยของหน่องด้วยมือขวา มันร้อนและแข็งปั๋ง ผมบีบและคลึงเบาๆ ด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ รู้สึกถึงอาการกระตุกหงึกของมัน หน่องไม่พูดอะไรสักคำขณะก้มลงมองหัวควยตัวเองที่ถูกผมรูดให้อยู่
“ดีมั้ย” ผมเอ่ยปากถามเพราะอยากรู้ว่าเขามีความสุขแค่ไหน กับการที่ผมชักว่าวให้เขาอยู่แบบนี้ เขาพยักหน้าแทนคำตอบ
.. มือขวาชักว่าวให้หน่อง มือซ้ายชักว่าวให้ตัวเอง ครู่เดียวเท่านั้นผมก็รู้สึกตัวว่าไม่รอดแล้ว
“เอาล่ะหน่อง พี่จะนอนลง หน่องอยู่ที่เดิมนะ” ผมบอกขณะนอนตะแคงลงบนเตียง
“เอา ล่ะ ทีนี้หน่องนอนเอาขามาทางหัวพี่นี่ แบบนี้พี่จะเล่นหนอนน้อยของหน่องได้ แล้วหน่องก็ได้ดูหนอนพี่ชัดๆ ไง” หน่องทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย ทำให้เราสองคนนอนตะแคงอยู่ในท่าหกสิบเก้าทันที แม้จะเป็นท่าหกสิบเก้าที่ผมต้องงอตัวมากกว่าปกติอยู่สักหน่อยก็เถอะ
.. และก่อนที่ผมจะทำอะไรเขาก็คว้าควยของผมใส่ปากอีกครั้ง
“อูย...หน่องจ๋า...ดีเหลือเกิน กินหนอนต่อไปอย่างที่พี่สอนนะ ใช้ลิ้นเลียมันด้วย ซีด...เดี๋ยวพี่จะกินหนอนของหน่องมั่ง”
ว่า แล้วผมก็ดูดควยเล็กๆ ของหน่องเข้าปาก เป็นควยเด็กท่อนแรกที่ผมเคยดูด รสชาติของมันเยี่ยมมาก หอมหวานอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน
.. ผมเม้มริมฝีปากเพียงเบาๆ ขณะรูดขึ้นลง ไม่นาน หน่องก็เริ่มกระเด้าสะโพกถี่ๆ ผมหยุดขยับ ปล่อยให้เขา “เย็ดปาก” ผมเอง ผมรู้ว่าเขากำลังถึงจุดสุดยอด ท่อนเขาของเขาเกร็งแน่นขณะควยอันน้อยกระตุกหงึกรุนแรงสองสามที หน่องครางเสียงดังขณะที่ผมรับรู้ถึงรสชาติเค็มปะแล่มในปาก น้ำเงี่ยนของหน่องแม้จะมีน้อย แต่ก็พุ่งแรง ผมกลืนกินจนหมด รวมทั้งดูดเอาส่วนที่ค้างอยู่ในท่อออกมาจนเกลี้ยงเกลาด้วย
.. ใครจะคิดว่า ในชีวิตนี้ผมจะมีโอกาสได้ดูดควยเด็กอายุเก้าขวบจนน้ำแตกใส่ปากแบบนี้ พอคิดแบบนี้ผมก็สุดทนเหมือนกัน ผมกระตุกควยออกจากปากหน่องทันที
“อ๊าก...หน่อง เอาละนะ มันจะอ๊วกแล้วนะ” หน่องเงยหน้าขึ้นจากหน้าตักของผม ขณะที่ผมแอ่นตัวดันสะโพกลอยสูงขึ้น เท่ากับว่าควยของผมตามใบหน้าของหน่องขึ้นไปติดๆ
“โอย...ออกแล้ว” ผมร้องเสียงดังขณะน้ำเงี่ยนแตกกระจาย
.. หน่องก้มหน้าลงมาดูให้ชัดโดยไม่รู้ว่าอ๊วกของหนอนตัวนี้จะมีมากและพุ่งแรง แค่ไหน นั่นทำให้น้ำเงี่ยนของผมกระจายใส่หน้าของเขาเต็มที่
“อือ...” ผมส่งเสียงครางผ่านฟันที่กัดเอาไว้แน่น ขณะที่อาการน้ำแตกอย่างรุนแรงที่สุดในชีวิตเริ่มสงบลง
.. หน่องนั่งตัวตรงอยู่ข้างๆ โดยมีน้ำเงี่ยนของผมเลอะไปทั่วหน้า ทั้งจมูก แก้ม ปาก บางส่วนย้อยเป็นสายอยู่ที่ปลายคาง รวมถึงที่หน้าอกของเขาด้วย
.. ภาพเด็กวัยเก้าขวบหน้าตาหล่อเหลาน่ารัก เปลือยร่างกายที่เลอะไปด้วยน้ำเงี่ยนจากควยของผมตรงหน้านี้ เป็นภาพที่ทำให้ผมอยากจะกระฉูดอีกหน เขาแลบลิ้นออกมาชิมน้ำเงี่ยนของผมเข้าไปเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดพนักเก้าอี้ข้างเตียงมาให้เช็ดทำ ความสะอาดให้เขา
“รสแปลกๆ นะครับ แต่อร่อยดี” ผมยิ้มแล้วบอกว่า
“ของหน่องก็อร่อยเหมือนกัน” เราสองคนหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข
.. คืนนั้นผมชวนให้เขานอนด้วยกับกับผม ท่าทีเขาตื่นเต้นมาก และดูเหมือนจะลืมเกมปลากินหนอนของเราไปแทบจะทันที
.. ก่อนจะหลับไปในคืนนั้น ผมได้ตะล่อมถามหน่องจนได้ความว่า การที่เขาดูเหมือน “รู้จัก” เกมปลากินหนอนของเราในคืนนี้ดีพอควรนั้น เป็นเพราะเขาเขาเคยเล่นหนอนน้อยของลุงรอน พ่อของเขามาเสียนักต่อนักแล้ว ผิดแต่เพียงว่าลุงรอนกับหน่อง เรียกชื่อเกมของเขาแตกต่างออกไปเท่านั้น รวมทั้งรู้ด้วยว่า เกมเสียวระหว่างพ่อลูกนี่แหละ ที่ทำให้ป้าแพร แม่ของหน่องทนไม่ได้ และครอบครัวเล็กๆ ของหน่องกำลังถึงจุดล่มสลายอย่างที่เป็นอยู่
.. แต่ตอนนี้ ดูเหมือนหน่องจะไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเขานัก ตาของเขาหรี่ปรืออย่างเด็กที่กำลังง่วงจัด และกอดก่ายผมแน่น ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเปลือยของเรา คืนนี้ผมคงนอนไม่หลับด้วยความตื่นเต้นกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ผมจะปล่อยให้หน่องหลับเต็มที่ จนกว่าจะถึงคืนพรุ่งนี้ ที่ผมจะสอนให้เขารู้ว่า หนอนของผมนั้น มันหลบลงรูแคบๆ ได้อย่างไร...
... เช้านั้นเป็นเช้าวันศุกร์ กว่าผมจะลุกจากเตียงขึ้นล้างหน้าแปรงฟันได้ก็ปาเข้าไปเกือบๆ สิบโมงเช้า เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับลงได้ก็ตอนที่ไก่มันเริ่มขันกันแล้ว ที่จริง สิบโมงเช้าน่ะ สำหรับผมแล้วไม่ถือว่าสายหรอกครับ เพราะสมัยเรียนรามฯ เคยตื่นเที่ยงซะด้วยซ้ำถ้าไม่มีเรียนเช้า แต่สำหรับชีวิตที่บ้านเล็กๆ ของผมหลังนี้ ถือว่าผิดปกติชนิดที่แม่ทักทันทีที่ผมโผล่หน้าเข้าไปในครัว
“ทำไมตื่นสายนักล่ะ เมื่อคืนเล่นกับน้องจนดึกล่ะสิ” ผมยิ้มให้แม่ขณะกดน้ำร้อนใส่ถ้วยกาแฟ
.. ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนระหว่างผมกับหน่องปรากฎวูบขึ้นมาในสมองตาม คำแม่ แม่ทายถูกเผงที่ว่าผมกับหน่องเล่นกันจนดึก แต่แม่ต้องคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าเราเล่นอะไรกัน
.. แม่ผมเป็นแม่บ้านประเภทที่คนเดี๋ยวนี้เติมสร้อยให้ว่า “สมัยเก่า” เพราะดูแม่จะมีความสุขกับการอยู่บ้านปรนนิบัติลูกผัวเต็มที่ เช้านี้ก็เหมือนกัน อาหารเช้า ข้าวต้มพร้อมกับเต็มโต๊ะรอผมอยู่แล้ว
“พ่อบอกว่าวันนี้ให้พลไปรับหน่องกลับจากโรงเรียนด้วย เพราะพ่อเขาจะเลยเข้ากรุงเทพฯ กว่าจะกลับก็คงมืดค่ำ”
.. ตั้งแต่หน่องถูกรับมาอยู่กับครอบครัวเราเกือบๆ สามเดือนมาแล้วนั่น พ่อผมเหมือนมีลูกอ่อนให้คอยดูแล พ่อผมเป็นน้องชายแท้ๆ ของลุงรอน และมีกันแค่สองคนพี่น้อง จึงรักกันมาก มากจนความรักนั้นเหลือเผื่อแผ่มาถึงเจ้าหน่องด้วย พ่อทำหน้าที่ทั้งรับและส่งหน่องไปโรงเรียนทุกวัน และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมกลับมาอยู่บ้านที่พ่อผลักธุระนั้นให้ผม
“พ่อเข้ากรุงเทพฯ ทำไมแม่” ผมถามขณะตักข้าวต้มเข้าปาก
“ก็เรื่องพ่อแม่เจ้าหน่องนั่นแหละ” แม่บอก
“เห็นว่าตกลงกันได้แล้ว คือพี่รอนเขายอมหย่า แล้วก็จะยกหน่องให้แพรเลี้ยง ไม่ต้องขึ้นศาลอะไรกันให้เรื่องมากแล้ว”
“อ้าว ทำไมลุงรอนเกิดยอมง่ายๆ ล่ะแม่ ก็เห็นแย่งกันจะเป็นจะตาย” แม่ผมส่งเสียงถอนใจดังเฮือก แล้วบอกว่า
“เพราะ พี่รอนเขาเป็นข้าราชการ มีประวัติฟ้องร้องอื้อฉาวแบบนี้มันไม่ดี เห็นพ่อบอกว่า แพรจะเอาหน่องกลับไปอยู่บ้านเขาที่ปักษ์ใต้เลย พ่อเขาจะขึ้นไปฟังรายละเอียดเรื่องนี้แหละ”
.. ผมแทบสำลักข้าวต้มเมื่อได้ยินแม่บอกว่าเจ้าหน่องจะถูกเอาตัวไปอยู่ที่ จังหวัดบ้านเกิดของป้าแพรที่ปักษ์ใต้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงรู้สึกเฉยๆ ติดจะสบายใจซะอีก เพราะจะได้ครองห้องคนเดียวเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา แต่เหตุการณ์เมื่อคืน มันเชื่อมผมกับหน่องให้ผูกพันกันแน่นหนาขึ้นจนยากที่ผมจะรับได้ง่ายๆ
.. แม่ผมยังบ่นถึงเรื่องของลุงรอนกับป้าแพรอีกยาวเหยียด ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะใจมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องเจ้าหน่อง แว่วๆ แม่บอกว่าพ่อเคยเตือนลุงรอนแล้วว่าอย่าแต่งงานกับป้าแพร เพราะอายุห่างกันถึง 18 ปี สรุปแล้ว แม่คิดว่าเรื่องหย่าร้างนั้นเกิดขึ้นเพราะความแตกต่างของอายุ ซึ่งเป็นคนละเรื่องเลยกับสาเหตุแท้จริงที่ผมรู้จากหน่องเมื่อคืน
.. วันนั้นผมครุ่นคิดเรื่องนี้ทั้งวัน แม้กระทั่งขณะนั่งสอบสัมภาษณ์งานที่แบงค์... ซึ่งจนถึงตอนนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าได้งานนั้นมายังไง... อาจจะเป็นเพราะผมคิดถึงแต่หน่อง และเหตุการณ์เมื่อคืนตลอดทั้งวันก็เป็นได้ ที่ทำให้อวัยวะของผมแข็งตัวขึ้น ทันทีที่ผมเห็นเขาในชุดนักเรียนยืนรออยู่ที่ประตูโรงเรียนในบ่ายวันนั้น
.. เจ้าหนูวิ่งหัวซุนมากอดผมด้วยอาการที่บ่งชัดว่าดีใจมาก และอาการกอดนั้น เจ้าหนูเจตนางอตัว ซบหน้ากับท่อนเนื้อในกางเกงของผมพอดิบพอดี และเหมือนแกล้ง เจ้าหนูสูดหายใจลึก สูดกลิ่นจากกลางลำตัวของผมเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะส่ายและยีหน้าลงไปตรงบริเวณท่อนลำของผมแรงๆ อีกหลายครั้ง เล่นเอาผมถึงกับตัวงอด้วยความเสียว และเกรงสายตาผู้คนจำนวนมากที่อยู่แถวนั้น นี่ล่ะครับ เจ้าหน่องของผม
.. หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาไม่เก็บงำความก๋ากั่นและเก่งกาจในเรื่องเพศเอาไว้เลย... นึกแล้วก็ให้ประหลาดใจ สมัยผมอายุเก้าขวบนั้น ของเล่นโปรดคือตุ๊กตายอดมนุษย์ทั้งหลายที่แม่ยังเก็บใส่ลังไว้ในห้องเก็บของ แต่สำหรับหน่องแล้ว ของเล่นโปรดของเขาดูเหมือนจะเป็นท่อนเนื้อขนาดเจ็ดนิ้วของผมนี่เอง
.. เรารอเพียงไม่กี่นาที รถเมล์สายที่ผ่านบ้านผมก็มาถึง ช่วงนั้นรถแน่นพอสมควรเพราะเป็นเวลาโรงเรียนเลิก แต่ก็มีคนลุกให้เจ้าหน่องนั่งทันที ผมยิ้มให้ชายคนนั้นอย่างขอบคุณ นึกเปรียบเทียบกับน้ำใจคนกรุงเทพฯ กับคนที่นี่ แม้จะห่างกันแค่ขับรถไม่กี่ชั่วโมง แต่น้ำใจผู้คนนั้นห่างกันไกลนัก แต่สิ่งที่เหมือนกรุงเทพฯ เข้าไปทุกทีก็คือการจราจรที่นับวันจะหนืดมากขึ้น
.. เกือบสิบนาทีผ่านไปโดยที่รถเมล์เคลื่อนที่ห่างจากเดิมเพียงแค่ไม่กี่เมตร เหงื่อผมชักหยดด้วยความร้อนอบอ้าว หน่องคงสงสาร จึงดึงแขนผมให้นั่งลงโดยตัวเขาลุกขึ้นมานั่งตักผมแทน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของผมอีกครั้ง เมื่อคืน ผมมีประสบการณ์เสียวกับเด็กเก้าขวบไปแล้วเป็นครั้งแรกในชีวิต และสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณๆ อยู่ในตอนนี้คือ ประสบการณ์เสียวกับเด็กเก้าขวบบนรถเมล์ที่มีคนแน่นจนล้นเป็นครั้งแรกในชีวิต
.. ที่จริงแล้ว ผมก็เคยมีเซ็กซ์บนรถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงใหม่มาแล้วครั้งหนึ่ง กับเพื่อนมาดแมนที่เป็นนักกีฬาตระกร้อทีมมหาวิทยาลัย มันกดหัวผมลงไปดูดควยให้มันขณะที่ (คิดว่า) คนในรถหลับกันหมดแล้ว ครั้งนั้นผมคิดว่าเป็นเซ็กซ์ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหน่องแล้วล่ะก็... เทียบไม่ติดฝุ่นเลยครับ
.. เริ่มต้นจากการที่หน่องส่ายก้นของเขาเบาๆ วนเป็นวงอยู่บนตักของผม ท่อนเนื้อของผมเริ่มผงาดรับแรงถูนั้นทันทีจนผมรู้สึกอึดอัด จากนั้นไอ้ตัวเล็กมันยกกระเป๋านักเรียนสีดำใบโตของมันขึ้นมาวางบนตัก เท่านั้นเอง มือขวาของผมที่เกาะเอวเขาอยู่ ก็เริ่มเลื้อยเข้าไปใต้กระเป๋าใบนั้นอย่างรู้งาน และความหาซิปกางเกงขาสั้นสีกากีของหน่องจนเจอ ก่อนจะรูดลงช้าๆ
..อผม เหลือบมองผู้ชายคนที่นั่งด้านข้าง เห็นเขาทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ไม่มีทีท่าจะรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างๆ เขา แต่บนรถเมล์คันนั้นไม่ใช่มีเขาเพียงคนเดียว ยังมีคนอีกมากมายที่อาจสนใจ จับสายตาอยู่ที่มือของผม ซึ่งเริ่มขยุกขยิกที่หว่างขาของหน่อง ความตื่นเต้นที่ว่านี้ ทำให้ผมอารมณ์ทางเพศของผมพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
.. วันนี้หน่องไม่นุ่งกางเกงใน ด้วยเหตุที่ว่าตั้งแต่วันแรกที่มาถึงบ้านผม เจ้าหนูประกาศตัวทันทีว่า “หนูโตแล้ว” และไม่ยอมให้แม่ผมปรนนิบัติเหมือนเขาเป็นเด็กเล็ก ไม่ยอมให้อาบน้ำให้ ไม่ยอมให้แต่งตัวให้ ดังนั้นจึงเป็นสิทธิขาดของเขาที่จะเลือกใส่ หรือไม่ใส่กางเกงในตามแต่ใจเขา วันนี้ ผมดีใจที่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ เพราะมันง่ายสำหรับผมที่จะเล่นควยน้อยๆ ที่ชี้ชันออกมาจากซิปกางเกงนักเรียนของเขา
.. ผมใช้แค่สามนิ้ว คือนิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วกลาง รูดหนังหุ้มควยของหน่องขึ้นลงช้าๆ เจ้าหนูนั่งนิ่ง ซึมซับความซ่านเสียวที่ผมมอบให้อย่างสงบ เขาเอนตัว หัวพิงบ่าผมและหลับตาพริ้ม แต่สองมือที่วางบนต้นขาของผม เริ่มจิกแน่นเข้า เป็นสัญญาณเพียงอย่างเดียวที่บอกให้ผมรู้ว่าเขาเสียว และมีความสุขกับรสสวาทที่ผมปรนเปรอให้ ผมรูดควยเจ้าหน่องอยู่ครู่ใหญ่ เจ้าตัวเล็กก็เริ่มมีอาการเกร็งและตัวสั่น แข้งขาเหยียดเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ความซ่านเสียวที่เขาได้รับแสดงออกชัดเจนทางสีหน้า ด้วยการขมวดคิ้วและหลับตาแน่น มือซ้ายของผมต้องโอบตัวเขาให้กระชับแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้เขางอตัว หรือหล่นลงไปจากตักผม
“หน่องโอเคมั้ย” ผมกระซิบถามที่หูเขาเบาๆ
“จะให้พี่ทำต่อมั้ย”
“ต่อครับ...อย่าหยุด หน่องจะไม่ไหวแล้ว อา..
.. เมื่อได้รับคำยืนยันเช่นนั้น สามนิ้วของผมจึงรูดควยขนาดสามนิ้วของหน่องขึ้นลงเร็วขึ้น โดยพยายามไม่ใช้มือและแขนของผม ให้มีใครสังเกตุเห็นกิจกรรมระหว่างผมกับหน่องได้ชัดเจนนัก
.. ในที่สุด หน่องก็ถึงจุดสุดยอด เขาเกร็งมือบีบต้นขาของผมจนเจ็บ ขณะส่งเสียงครางออกมา แม้จะเป็นแค่การทำเสียงอยู่ในลำคอ แต่ผมก็เชื่อว่ามันดังพอที่จะทำให้ผู้คนที่ยืนล้อมผมอยู่ได้ยินกันถ้วนหน้า ส่วนนิ้วมือของผมใต้กระเป๋านักเรียนนั้น รับรู้ได้ถึงแรงกระตุกหงึกหงัก ของท่อนเนื้อที่แข็งและเกร็งเหยียดเต็มความยาวของมัน ก่อนจะสัมผัสกับความเปียกที่ควยของหน่องพ่นออกมา แม้จะไม่มากนัก แต่รับรองว่า หน่องจะต้องใช้กระเป๋าปิดเป้ากางเกง ไม่ให้คนเห็นรอยด่างไปจนถึงบ้านแน่นอน
.. ผมคลึงท่อนเนื้อของหน่องเล่นอยู่อีกสักพักก็ค่อยๆ รูดซิปกางเกงให้เขา โดยคราวนี้ผมต้องใช้สอดมือซ้ายเข้าไปช่วย เพราะกลัวว่าซิปมันจะขบเอาชิ้นส่วนที่น่ารักที่สุดของหน่องเข้า
.. ผมไม่แน่ใจว่า การเล่นเสียวระหว่างผมกับหน่องกินเวลานานแค่ไหน แต่พอผมมีโอกาสสนใจสิ่งรอบตัวอีกครั้ง รถเมล์ก็วิ่งมาถึงป้ายที่เราต้องลงเพื่อต่อรถสองแถวเข้าบ้านกันแล้ว ตอนที่ผมจูงหน่องเดินมาถึงคิวรถสองแถว ซึ่งห่างจากป้ายรถเมล์ประมาณไม่ถึงร้อยเมตรนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง “หน่อง, พล”
.. เราสองคนหันกลับไปมองหนุ่มใหญ่ในชุดเครื่องแบบครึ่งท่อน "ลุงรอน" พ่อของหน่องนั่นเอง ผมยกมือขึ้นสวัสดีลุงรอนซึ่งถือกระเป๋าผ้าใบไม่โตนักอยู่ในมือ ขณะที่หน่องถลาเข้าไปหาอ้อมแขนที่กางออกต้อนรับ และอุ้มขึ้นหอมแก้มซ้ายขวาอย่างรักใคร่
.. ลุงรอนนั้น แม้จะอายุ 46 ปีแล้ว แต่ดูยังหนุ่มมากโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับพ่อ พ่อผมลงพุงเพราะปล่อยตัว ขณะที่ลุงรอนหุ่นดี กล้ามเนื้อยังแน่นไปทั้งตัว มีเพียงแค่สีผมเท่านั้นที่บ่งบอกวัย อาจจะเป็นเพราะอาชีพนายทหารของเขาก็ได้ ถ้าจำไม่ผิด ผมเคยบอกไปแล้วเมื่อตอนก่อนว่าลุงรอนเป็นคนที่หล่อมาก และว่าเจ้าหน่องนั้นได้เค้าหน้ามาจากพ่อ ตอนนี้ผมต้องย้ำอีกสักนิดว่า ความหล่อแบบชายชาตรีของลุงรอนนั้น เล่นเอาผมใจรอนๆ ได้ทุกครั้งที่เห็นทีเดียว
.. อารามดีใจที่เราสามคนได้พบกันโดยบังเอิญ ทำให้ผมลืมเรื่องรอยด่างที่ยังหมาดๆ บนกางเกงนักเรียนของเจ้าหน่องเสียสนิท... การปรากฎตัวของลุงรอนที่บ้านอย่างกระทันหันนั้น ทำให้แม่ของผมโกลาหน วิ่งวุ่นจัดเตรียมอาหารน้ำท่าเป็นการใหญ่ ผมกับเจ้าหน่องเลยกลายเป็นลูกมือ ปั่นจักรยานออกไปซื้อของให้แม่จ้าละหวั่น
.. เมื่อพ่อกลับถึงบ้านในตอนเกือบๆ สามทุ่มในคืนนั้น จึงเห็นวงสนทนาที่ประกอบด้วยแม่ ลุงรอน เจ้าหน่องและผม กำลังขโมงโฉงเฉงอย่างออกรส โดยมีเบียร์ และกับแกล้ม พร้อมน้ำอัดลมของแม่กับเจ้าหน่องวางอยู่อย่างเพียบพร้อมที่กลางวง
.. พ่อเล่าว่า ป้าแพรยืนยันว่าจะมารับหน่องกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ เพราะอยากจะกลับใต้โดยเร็วที่สุด แต่พ่อขอร้องเอาไว้ เพราะอยากให้หน่องมีเวลาอยู่กับลุงรอนเพื่อร่ำลาก่อนสักสองวัน โดยรับปากว่าจะพาหลานไปส่งเองในตอนเย็นวันอาทิตย์ และการที่ลุงรอนมานั่งอยู่ที่บ้านเราคืนนี้ ก็เพราะพ่อโทรศัพท์ไปตามตั้งแต่กลางวันแล้วนั่นเอง
.. คืนนั้น กว่าที่วงสนทนาจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ตลอดเวลา เจ้าหน่องนั่งตักพ่อมัน และตาแป๋วฟังคำสนทนาของผู้ใหญ่อย่างสนอกสนใจ ไม่มีใครไล่เจ้าหน่องไปนอน เพราะเหตุผลสองประการ คือหนึ่ง พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เจ้าหน่องไม่ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน และสองคือ ทุกคนอยากให้มันมีโอกาสได้อยู่กับพ่อให้มากที่สุด เพราะอีกเพียงแค่สองวัน พ่อลูกคู่นี้ก็จะถูกพรากห่างจากกันไปคนละมุมประเทศแล้ว
.. ผมตั้งใจยกห้องให้พ่อลูกคู่นี้ โดยอาสาจะมานอนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ เผื่อว่าพ่อลูกเขาอยากมีกิจกรรมอะไรกันที่ไม่อยากให้ผมรับรู้ แต่ลุงรอนไม่ยอม และเรียกผมให้เข้าไปนอนในห้องด้วยกัน แถมจัดการปูเสื่อและผ้านวมกับพื้นห้องให้ผมอย่างเรียบร้อยด้วย พอผมนั่งลงบนผ้านวมเรียบร้อย ลุงรอนก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แล้วทันใดนั้น ลุงรอนก็ทำให้ผมตกใจ ถึงขั้นรู้สึกตัวเลยว่าเลือดได้เผือดหายไปจากสีหน้า
“เมื่อตอนเย็นน่ะ ลุงเห็นนะว่าพลทำอะไรหน่องบนรถเมล์”
.. ลุงรอนเล่าว่า เขาอยู่บนรถเมล์ก่อนที่ผมกับหน่องจะขึ้นที่ป้ายหน้าโรงเรียนซะอีก ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมลุงรอนไม่ทักเราสองคนเสียตั้งแต่แรก แต่กลับนิ่งดูจนกระทั่งได้เห็นผมเล่นควยลูกชายตัวน้อยของเขาแบบนั้น ผมเหลือบมองหน่องที่ปีนขึ้นไปบนเตียงชั้นบนของเขาแล้ว แต่ยังนั่งเท้าคางฟังผมกับพ่อเขาคุยกันอยู่โดยไม่มีวี่แววว่าจะง่วงแต่อย่าง ใด แถมยังยิ้มกว้างให้ผมซะอีก
.. เมื่อเห็นสีหน้าอาการของผมเข้า ลุงรอนยิ้ม เอื้อมมือมาลูบแก้มผมเบาๆ เหมือนกับจะบอกว่าไม่ต้องตกใจ แล้วบอกกับผมเหมือนอย่างที่หน่องเคยบอกเมื่อคืนว่า เขากับหน่องก็เล่นอะไรกันแบบนี้บ่อยๆ เพราะเจ้าหน่องมันชอบ แต่ไม่เคยกล้าที่จะเล่นแบบเปิดเผยในที่สาธารณะแบบนั้น ลุงรอนบอกผมว่าเขาเป็นเกย์ และเป็นเกย์ที่ชอบเด็ก ยิ่งเด็กยิ่งชอบ แต่ด้วยสภาพสังคมแบบทหารของเขา ทำให้ต้องระมัดระวังในเรื่องแบบนี้อย่างเข้มงวด และที่ตัดสินใจแต่งงานกับป้าแพร ซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นที่มาหลงใหลเสน่ห์แบบแมนๆ ของเขาเมื่อสิบปีก่อนนั้น ก็เพราะเริ่มมีเสียงซุบซิบถึงสาเหตุที่เขาครองตัวเป็นโสดมานานถึง 36 ปีนั่นเอง
.. ผมเงยหน้ามองลุงรอน แววตาของลุงดูอ่อนโยนนัก ทำให้วงหน้าคมสันนั้น มีเสน่ห์มากขึ้นจากที่ผมเคยเห็นหลายเท่า แล้วใบหน้าที่เริ่มมีหนวดเคราเขียวครึ้มนั้นก็ค่อยๆ โน้มเข้ามา ส่วนมือที่ลูบแก้มก็เลื่อนไปที่ต้นคอผม แล้วโน้มหน้าผมเข้าหา ผมได้กลิ่นเบียร์จากลมหายใจของลุงรอนด้วย ริมฝีปากเราสัมผัสกันเบาๆ ก่อนจะบดเบียดแน่นเข้า แล้วลิ้นนุ่มของลุงรอนก็สอดเข้ามากวัดไกวอยู่ในปากผม ขณะที่มือขวาล้วงลงไปที่กางเกงนอน และแกะกระดุมให้ควยของผมเหยียดหัวออกมาชูชันได้อย่างสะดวก จากนั้นก็กำมือรอบแล้วถอกขึ้นลงช้าๆ
“ลุงเฝ้ามองพลมานานนักหนาแล้ว อยากทำยังงี้มานานแล้ว...” ลุงรอนพูดเสียงกระเส่าที่ข้างหูผม ก่อนจะเลื่อนปากมาประกบปากผมอีกที
.. เราบดปากกันอย่างเมามัน รสจูบของลุงรอนในขณะนั้น ร้อนแรงขนาดทำให้ผมลืมเสียสนิทว่า ในห้องนี้ยังมีเจ้าหน่องอยู่อีกคน แต่ผมลืมเจ้าตัวเล็กได้ไม่นาน เพราะทันใดนั้น ผมก็รู้สึกเสียววูบที่หัวควยขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ความอบอุ่น ชุ่มชื้น และเร่าร้อนที่เกิดขึ้นกับแกนกลางตัวผมนั้น ไม่ต้องลืมตาขึ้นมอง ผมก็รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าหน่องกำลังดูดควยให้ผมอยู่ เหมือนเช่นที่มันทำให้ผมเมื่อคืนนั่นเอง
.. สองพ่อลูก ผนึกกำลังกันปรนเปรอรสสวาทให้ผมต่อไป โดยการที่ลุงรอนค่อยๆ ประคองผมให้เอนหลังลงนอนราบกับพื้น โดยที่ปากของเราไม่แยกจากกันเลย และครู่ใหญ่หลังจากนั้น ลุงก็เงยหน้าขึ้น และถอดเสื้อยืดของผมออก ส่วนเจ้าหน่องที่อยู่ด้านล่างนั้น ก็ถอนปากจากควยผมเพื่อดึงกางเกงนอนของผมจนหลุดพ้นปลายขา ด้วยแรงดึงเพียงแค่จังหวะเดียว ร่างเปลือยเปล่าของผมก็ปรากฎเต็มสายตาของลุงรอนและลูกชายของเขา ผมสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ด หุ่นดีเพราะวิ่ง และเล่นฟุตบอลเพื่อออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงไม่เคยอายที่จะเปลือยต่อหน้าคู่นอนคนไหนของผมทั้งสิ้น รวมทั้งสองพ่อลูกคู่นี้ด้วย พิสูจน์ได้จากควยขนาดเจ็ดนิ้วของผมชี้ชูชันขึ้นเพดานอย่างไม่สะทก สะท้านใดๆ
.. เจ้าหนูวัยเก้าขวบก้มหน้าลงปฏิบัติกามกิจกับหัวควยของผมต่อในทันที ปากน้อยๆ ของเขาอ้ากว้าง และครอบลงไปบนหัวควยของผมแล้วออกแรงดูดจนแก้มตอบ ขณะที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างนั้นก็กำไว้ที่ส่วนโคน พร้อมรูดขึ้นลงเป็นจังหวะเดียวกับศีรษะของเขา ฝ่ายลุงรอนนั้นยืดตัวขึ้นมองเรือนร่างเปลือยของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่าง ชื่นชม ขณะถอดเสื้อของตัวเองออก
.. ลุงรอนนิ่งมองลูกชายตัวน้อยของเขาดูดควยอวบอ้วนของผมอย่างเพลิดเพลิน ในใจคงนึกภูมิใจกับเทคนิคการให้ความสุขกับท่อนลำที่เขาพร่ำสอนลูกมา ส่วนผมก็มองแผงอกที่หนาแน่น และรกครึ้มไปด้วยขนสีดำ ที่ไล่ละลงมาถึงหน้าท้องที่แบนราบและขึ้นกล้ามเป็นลอนๆ อย่างชื่นชม และอดใจไม่ไหว ต้องดึงแขนลุงรอนให้เอนลงมา เราบดปากกันอีกครู่หนึ่ง แล้วลุงรอนก็เริ่มไซ้ที่ซอกคอ ลงต่ำไปที่หัวนมและดูดเลียทั้งข้างซ้ายและขวา
.. ผมใช้สองมือหนุนหัว ผ่อนคลายตัวเองและรับรสสวาทนุ่มๆ จากปากและลิ้นของพ่อลูกอย่างเต็มที่ ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นทำให้ผมต้องส่งเสียงครางออกมาเบาๆ “ซีด...อูย...ดีจังเลยครับลุง...อา” จากหัวนม ลุงรอนเลื่อนลิ้นต่ำลงไปยังสะดือ และพงขนดกดำเบื้องล่าง เป้าหมายคือท่อนเนื้อของผมที่อยู่ในความครอบครองของเจ้าหน่อง ลูกชายตัวน้อยของแกนั่นเอง
.. ถึงตอนนี้ผมอดใจไม่ไหว ต้องผงกหัวขึ้นดูการแบ่งท่อนเนื้อกันดูดกันระหว่างเด็กชายวัยเก้าขวบ กับพ่อ นายทหารวัย 46 ของเขาแล้ว ผมมองควยขนาดเจ็ดนิ้วของผมสลับกันผลุบหายเข้าไปในปาก ของคนโน้นคนนี้อย่างเพลิดเพลิน ภาพนี้ ผมไม่เคยฝันมาก่อนว่าจะได้เห็น ถ้าเจ้าหน่องมันครอบส่วนหัว ลุงรอนจะเลียส่วนท่อนลำ หรือหากลุงรอนเป็นฝ่ายดูด ซึ่งแกดูดหัวควยของผมหายวับไปจนถึงโคน เจ้าหน่องตัวเล็กก็จะเลื่อนปากลงไปเลียไล้ และดูดดุนกระโปกของผม บางครั้งลิ้นของเจ้าหน่องยังล้วงลึกไปถึงเหลือบถ้ำของผมด้วย เล่นเอาสะดุ้งเฮือกได้เป็นระยะๆ ทีเดียว
.. แล้วความเสียวซ่านที่ผมได้รับก็เริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อลุงรอนอมท่อนเนื้อของผมแล้วขโยกขึ้นลงอย่างเต็มลูกสูบ โดยมีเจ้าหน่องรับหน้าที่ทัพหนุนโดยการเลียกระโปกผมแบบเน้นๆ อยู่ข้างล่าง ฃ
“ลุงครับ...ผมจะออกแล้วครับ...น้ำผมจะแตกแล้วคร๊าบ...” ผมครางด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง ก่อนจะสูญเสียการควบคุม
“อ๊ากซ์”... น้ำรักของผมแตกทะลักอย่างรุนแรง สายแรกมันหายวูบเข้าไปในคอของลุงรอนก่อนที่เขาจะถอนปาก ส่วนสายที่สองพุ่งใส่หน้าของเขาและลูกชายแบบเต็มๆ
.. ผมเกร็งหน้าท้องขึ้นมาด้วยความเสียว จึงทันเห็นเจ้าหน่องครอบปากลงกับหัวควยของผม และรับน้ำเงี่ยนสายที่สาม สี่ และห้าของผมดูดกินไปจนหมด และยังดูดเลียอย่างอ้อยอิ่งอยู่อีกนาน จนกระทั่งควยผมอ่อนตัวลงแล้วนั่นแหละ มันถึงยอมถอนปากออกไป แม้จะเป็นการนอนให้สองพ่อลูกผลัดกันดูดควยให้ก็ตาม แต่ผมก็เสียพลังงานไปไม่ใช่น้อย หรือเป็นเพราะความตื่นเต้นกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมหมด แรง ต้องนอนผึ่งนิ่งๆ และได้แต่มองขณะที่สองพ่อลูกโผเข้าหากัน กอดและจูบปากกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่ใส่ใจน้ำเงี่ยนของผมที่เลอะหน้าทั้งสองจนไหลย้อยเป็นทาง...
.. เมื่อคืนวาน หลังจากที่ผมและหน่องเสร็จสิ้นกามกีฬาของเราแล้วนั้น ผมได้ตะล่อมถามหน่องถึงความสัมพันธ์ของเขากับพ่อ ทำให้ได้ความว่าพ่อลูกคู่นี้ได้ “ร่วมรัก” กันมาหลายครั้งหลายหน นับครั้งไม่ถ้วนในรอบปีที่ผ่านมา แต่ว่าทุกครั้งก็เป็นเพียงแค่การดูดด้วยปาก หรือถอกให้ด้วยมือเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เจ้าหน่องยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เคยถูกล่วงล้ำก้ำเกินทางเบื้องหลังเลย แม้แต่ครั้งเดียว แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงแน่ใจว่า กิจกามระหว่างเจ้าหน่องกับลุงรอนที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผมต่อไปนี้ จะต้องทำให้เจ้าหน่องสูญเสียพรหมจรรย์ที่รักษามาเก้าปีของเขาอย่างแน่นอน... แถมจะต้องไม่ใช่การเสียให้กับควยเพียงท่อนเดียวซะด้วยสิ... ขอผมพักเหนื่อยอีกแป๊บเถอะ แล้วผมจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ให้ฟัง...
... ชีวิตของหน่องช่วงเดือนแรกๆ ที่จังหวัดกระบี่ เป็นชีวิตที่หน่องบอกมาในจดหมายว่า “น่าเบื่อสุดๆ เลยพี่” ทั้งนี้เพราะป้าแพรพาเขาลงไปอย่างกระทันหัน เอกสารสำคัญต่างๆ ที่ทางโรงเรียนใหม่ต้องการ สำหรับการเข้าเรียนในชั้นประถมสี่แบบกลางเทอมของหน่อง จึงตกค้างอยู่ที่กรุงเทพฯ และทำให้หน่องต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านสวนกับแม่และอากง อาม่า
“บ้าน สวน” สำหรับหน่องนั้น แรกๆ ก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจดี เพราะเป็นครั้งแรกที่เด็กที่เกิดและเติบโตในเมืองอย่างเขา ได้วิ่งเล่นอยู่ในแถวสวนยางร่มครึ้มยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา มีต้นไม้ใหญ่น้อยให้ปีนป่าย มีแมลงและสัตว์แปลกๆ ให้เขาได้จับมาเล่น มีคูคลอง แม้กระทั่งลำธารใสแจ๋วให้เขาลงอาบ และจับปลาเล็กปลาน้อยมาใส่ขวดใส่อ่างเลี้ยงเต็มชานบ้าน
.. แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเบื่อหน่ายก็เข้ามาแทนที่ เหตุเพราะเขาไม่มีเพื่อนเด็กรุ่นเดียวกันในละแวกนั้น และสองคือ หน่องคิดถึงลุงรอนและคิดถึงผม หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เขาคิดถึงท่อนควยของเราสองคนที่เขาเคยดูดเคยเลีย หรือแม้กระทั่งเคยนั่งขย่มจนเราสองคนน้ำเงี่ยนแตกกระจาย คารูก้นของเขามาแล้วในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกเอาตัวลงมาปักษ์ใต้นี้...
.. คืนนั้น หลังจากที่ลุงรอนและหน่อง สองพ่อลูกจัดการผมด้วยการสลับผลัดเปลี่ยนกัน ดูดควยจนน้ำว่าวผมแตกกระฉูดแล้วนั้น สองพ่อลูกก็หันหน้าเข้าหากัน นั่งประกบปากบดบี้กันอย่างเอร็ดอร่อยเสียงจ๊วบๆ ดังลั่น
“พ่อคิดถึงหมาน้อยของพ่อเหลือเกิน” ลุงรอนพึมพัมแทรกกับเสียงหายใจแรงๆ
“หน่อง ก็คิดถึงพ่อครับ” เจ้าหน่องตอบรับ ขณะที่มือไม้วุ่นอยู่กับการแกะตะขอ รูดซิปกางเกงของพ่อ งัดเอาท่อนเนื้อขนาดเขื่องของลุงรอนออกมาข้างนอกได้สำเร็จ
.. ควยของลุงรอนเท่าที่ผมเห็น มันมีขนาดใหญ่กว่าของผมเล็กน้อย คือยาวประมาณเจ็ดนิ้วครึ่ง อวบกว่า และสีคล้ำกว่า ส่วนหัวสีชมพูเข้มนั้นบานก๋าและเต้นหงึกๆ อย่างพร้อมรบเต็มที่
.. ลุงรอนดันร่างเปลือยของลูกชายให้ยืนขึ้น แล้วครอบปากลงไปบนหัวควยอันน้อยที่ชี้ชันจนหายวับไปกับตา รวมถึงกระโปกสีชมพูเล็กๆ ที่เกร็งหดตัวอยู่ข้างใต้ด้วย การดูดควยให้หน่องนั้น ลุงรอนมีเทคนิคที่แปลกออกไปจากผม คือแทนที่จะอมตรงท่อนเนื้อแล้วขยับหัวขึ้นลง โดยเม้มปากและดูดเอาไว้ ลุงรอนกลับอมควยทั้งลำของหน่องเข้าไปในปากที่เม้มแน่น จากนั้นก็ขยับลิ้นบดบี้เน้นๆ ลงไปบนท่อนเนื้อของหน่อง รวมทั้งใช้วิธีขยับกล้ามเนื้อลำคอคล้ายๆ กับการขยอกกลืนอาหารประกอบไปด้วย
.. หน่องถึงกับตัวงอ ส่งเสียงครางด้วยความซ่านเสียว... สองมือประคองกอดหัวลุงรอนไว้แนบแน่น ผมนอนหงายมองภาพตรงหน้าได้พักเดียว ควยที่พับไปแล้วหลังจากเสร็จสมอารมณ์หมายเมื่อครู่ ก็กลับชี้ชันขึ้นมาใหม่ เจ้าหน่องหันหลังให้ผม ดังนั้นเมื่อมันก้มตัวลง ก้นกลมๆ สีชมพูของเขาจึงโดดเด่นอยู่ตรงหน้า ภาพที่เห็น ทำให้ผมอดใจไม่ได้ ต้องเอื้อมมือออกไปจับก้นที่แน่นหนันไปด้วยกล้ามเนื้อนุ่มๆ ของหน่อง แล้วคลึงมันเล่น รวมทั้งถูไถใบหน้าลงกับแก้มก้นของหน่องอย่างเสน่หา
.. พักหนึ่งผมก็ถ่างก้อนเนื้อนุ่มนั้นออกจากกัน แล้วแลบลิ้นออกมาเลียไล้ ลากลิ้นไปตามรอยแยก ผ่านจุดกระสันต์เล็กๆ สีชมพูของหน่องไปมา
“อูย พี่พล หน่องเสียวนะ อูย...เลียตูดหน่องแรงๆ สิครับ อูย...” เจ้าตัวเล็กครางอู้ แอ่นก้นจนโด่ง ก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองมากุมก้นของตัวเองเอาไว้ แล้วรั้งถ่างให้มันแยกออกจากกัน เพื่อให้การใช้ลิ้นของผมเป็นไปอย่างง่ายดาย และถึงใจเขายิ่งขึ้น ผมเกร็งลิ้นจนแข็งแล้วสอดใส่ลงไปในรูเล็กๆ สีชมพูของหน่อง จนมันค่อยๆ ผ่านเข้าไปอย่างน้อยก็ครึ่งนิ้ว จากนั้นก็กระดิกลิ้นไปมาอยู่ข้างใน รวมทั้งแหย่เข้าๆ ออกๆ ด้วย
.. ผมปรนเปรอรสสวาทให้กับรูก้นของหน่องอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้ลิ้นของผมจะชาแล้วชาอีกก็ตาม เรือนร่างของเด็กเก้าขวบสั่งระริก เจ้าหนูแหงนหน้า สูดปากเสียงดัง และหลับตาแน่น ขณะซึมซับความสุขจากปาก และลิ้นที่ชายสองวัยปรนเปรอให้เขาทั้งหน้าทั้งหลังอย่างเต็มที่
.. พักเดียวเจ้าหนูก็มีปฏิกริยาตอบรับผมกับพ่อเขา โดยการขยับสะโพกไปมา ก่อนจะเร่งจังหวะเร็วขึ้น เป็นการเย็ดปากพ่อที่อมควยของเขาอยู่ ขณะเดีย
ควยพี่สมพรใหญ่จัง ฉันดูดให้เอามั้ย” เจ้าตัวเล็กทักถามเอาดื้อๆ เล่นเอาสมพรถึงกับอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกด้วยความตกใจ เขาปัดมือหน่องออกและลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเจ้าตัวเล็กเอื้อมเข้าไปจับ
“เอ๊ะ พี่สมพรนี่ เดี๋ยวฉันฟ้องอากงนะ”
.. เด็กที่เติบโตมาจากสังคมชนบทเล็กๆ ทางภาคอีสาน พอโตขึ้นหน่อยก็ต้องมาฝังชีวิตตัวเองไว้ในสวนยางทั้งวันทั้งคืนอย่างสมพร นั้น เรื่องที่หน่องปฏิบัติกับเขาเป็น เรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีอยู่ในโลกนี้ ในโลกของเขานั้น เรื่องทางเพศเป็นสิ่งน่าละอายไปหมดทั้งสิ้น อย่าว่าแต่การที่เด็กผู้ชายอย่างหน่องมาขอดูดควยเลย แม้กระทั่งการชักว่าวอย่างที่เขาชอบทำก่อนนอนนี่ก็เหมือนกัน เขาถือเป็นสิ่งผิด สิ่งที่น่าละอาย แต่ก็อดใจไม่ได้สักครั้ง เมื่อพลังหนุ่มในตัวต้องการการปลดเปลื้อง
.. เมื่อหน่องขู่ว่าจะฟ้องเจ้านายของเขาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความเชื่อที่ว่าจึงทำให้สมพรถึงกับหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ควยที่ทอดตัวเป็นลำอยู่ใต้ผ้าขาวม้าเปียกแนบเนื้อนั้น แม้จะคล้อยลงต่ำเพราะความแข็งแกร่งเริ่มคลายลงเล็กน้อย แต่ขนาดของมัน ทั้งความอวบอ้วนและยาวใหญ่นั้น ทำให้หน่องซึ่งนั่งพิจารณาอยู่อย่างใกล้ชิดถึงกับต้องกลืนน้ำลาย และขณะที่สมพรกำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรดีนั้น หน่องได้ขยับตัวมานั่งคุกเข่าเบื้องหน้าเขา แล้วเลิกผ้าขาวม้าออก
.. สมพรเสียววูบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อหน่องใช้มือถอกควยให้เขา เบาๆ โดยใช้สบู่ที่ยังคงเหลือค้างอยู่เป็นเครื่องหล่อลื่น มือของหน่องกำควยสมพรค่อนข้างแน่น เพราะเกรงว่าเด็กหนุ่มจะขยับตัวหนี แล้วจากนั้น ใบหน้าของหน่องก็ค่อยๆ โน้มเข้ามาหาแกนกลางลำตัวของสมพร ซึ่งคาดว่าคงจะยาวไม่ต่ำกว่าเก้านิ้วนั้นช้าๆ กลิ่นตัวของสมพรบวกกับกลิ่นสบู่ก้อนสีเขียวๆ นั้น รวมกันเป็นกลิ่นที่หน่องบรรยายไม่ถูก บอกได้แต่ว่ามันเป็นที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ
.. เขาแลบลิ้นออกเลียส่วนหัวควยของสมพร ซึ่งเบ่งบานเป็นสีม่วงเข้มก่อน โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเงี่ยงทั้งด้านบนและด้านล่างนั้น หน่องปรนเปรอสมพรด้วยลิ้นอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ เล่นเอาสมพรยืนตัวงอด้วยความเสียวและส่งเสียงครางอู้ออกมา... แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กหนุ่มไร้ประสบการณ์ของสมพร ทำให้รสสวาทระดับ “โหมโรง” ที่หน่องเพิ่งจะเริ่มบรรเลงให้เขานั้น กลายเป็นสิ่งที่สุดทน เจ้าหนุ่มน้อยจากที่ราบสูงกระตุกตัวพรืดไปด้านหลัง แล้วก็พ่นน้ำว่าวสีขาวข้นออกมาอย่างรุนแรงเป็นสายยาว สายแล้ว สายเล่า ขณะปากก็ส่งเสียงร้องเหมือนคนเจ็บหนัก
.. ใบหน้าหน่องเลอะเปรอะไปด้วยน้ำว่าวขาวข้นที่สมพรพ่นออกมาอย่างมากมาย หน่องรีบครอบปากลงบนหัวควยสมพรแล้วดูดแรงๆ สลับกับการกลืนกินน้ำว่าวลงท้อง ทั้งส่วนที่ยังพุ่งออกมาและส่วนที่เหลือค้างอยู่ในลำกล้องออกมาจนหมดสิ้น หน่องงุนงงกับอาการหลั่งเร็วจนเกินคาดของหนุ่มร่างล่ำคนนี้ แต่ยังไม่ทันคิดหรือพูดอะไร เขาก็ได้ยินเสียงแม่ ตะโกนเรียกเขาอยู่แว่วๆ เอาเถอะ วันนี้จะทำอะไรคงไม่สะดวก เพราะแม่มาตามแล้ว เขาคิดขณะใช้ชายผ้าขาวม้าของสมพรเช็ดคราบน้ำเมือกข้นๆ ออกจากใบหน้า
“พรุ่ง นี้ ฉันจะมาหาอีกนะ” หน่องบอกแล้วก็วิ่งตื้อไปตามเสียงเรียกของแม่ ปล่อยให้เจ้าหนุ่มวัยรุ่นยืนตะลึงงั้น ไม่รู้ตัวว่า ควยขนาดเขื่อง เป็นมันเผล็บด้วยน้ำลายจะยื่นเหยียดยาวออกมานอกผ้าขาวม้า...
.. ตอนที่หน่องเห็นสมพรเป็นครั้งแรกเมื่อมาอยู่บ้านสวนใหม่ๆ นั้น เจ้าคนตัวดำไม่ได้เตะตา เรียกร้องความสนใจเจ้าหนูเลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อได้เห็นควยขนาดมหึมาของเขาในเย็นวันนี้ ทำให้หน่องจัดการหมายหัวสมพรเอาไว้ในบัญชีสวาทของเขาทันที โดยชื่อนี้อยู่เป็นอันดับสองรองจากซาเจ็กของเขา รายซาเจ็กนั้น เมื่อไหร่จะมีโอกาสยังไม่รู้ แต่สำหรับสมพรแล้ว เจ้าหนูหมายมั่นปั้นมือว่า พรุ่งนี้ เขาจะลงมาจัดการกับควยยักษ์นั่นเสียให้สมอยาก เจ้าหน่องคิดเช่นนั้นโดยไม่รู้ว่า เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้นั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเขาและสมพรไปอย่างสิ้น เชิง..
.... สมพรตัดสินใจลาแม่ลาพ่อ หิ้วกระเป๋าใบเล็กๆ ออกจากบ้านที่กาฬสินธุ์ ตั้งใจจะมาทำงานในเรือประมงที่ปักษ์ใต้ ตามคำชวนของญาติห่างๆ คนหนึ่งเมื่อเกือบสามปีที่แล้ว
.. เด็กหนุ่มตัวดำ ซึ่งตอนนั้นอายุแค่สิบสาม มองญาติของเขาคนนั้นด้วยความชื่นชม เพราะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่ๆ สีสวย แถมมีสร้อยทองเล็กๆ แขวนอยู่ที่คอด้วย แม้จะไม่รู้ว่าอาชีพ “จับกังในเรือประมง” นั้นเป็นอย่างไร แต่สมพรปักใจเชื่อว่า ยังไงเสียมันก็ต้องดีกว่าการก้มหน้าทำนาในที่ดินผืนเล็กๆ ของพ่อแน่นอน
“ให้ ฉันไปเถอะพ่อ ฉันสัญญาว่าจะใส่ทองกลับมาให้พ่อดู” สมพรบอกพ่อในวันที่อำลากัน แต่สมพรไม่มีโอกาสสะสมเงินไว้ซื้อทองใส่อย่างที่คิด เพราะงานในเรือประมงนั้นไม่ใช่ของง่ายนักสำหรับเด็ก แถมยังเป็นเด็กที่เพิ่งเคยเห็นทะเลเป็นครั้งแรกอย่างเขา
.. ออกเรือเที่ยวแรก สมพรเมาเรืออย่างรุนแรง ถึงขนาดจับไข้นอนซมตลอดหกวันที่เท้งเต้งอยู่กลางทะเล ไต้ก๋งต้องรีบเอาเขาส่งโรงพยาบาลทันทีที่เรือเทียบท่า แม้เจ้าของเรือจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด แต่สมพรก็ต้องทำงานแบกหามที่แพปลาชดใช้ให้อยู่หลายเดือน สมพรมีโอกาสขึ้นไปทำงานบนเรืออีกครั้งหลังจากนั้นเกือบปี แล้วเหตุการณ์ก็ซ้ำเก่า คือเขาเมาเรือจนทำงานไม่ได้ คราวนี้เจอกับไต้ก๋งที่มีความอดทนน้อยถึงกับจับเขาโยนทะเลดังตูม กว่าจะช่วยเหลือขึ้นมาได้ สมพรผู้น่าสงสารก็กลืนน้ำเค็มเข้าไปหลายอึก และเกลียดกลัวทะเลขึ้นมาจับใจ
.. นั่นคือสาเหตุที่สมพรตัดสินใจลาออกจากงาน และพกพาความคับแค้นติดตามอากงของหน่อง มาทำงานที่สวนยางทันทีเมื่อเจ้าของแพปลาแนะนำ แม้ว่าค่าแรงจะน้อยกว่า แต่งานก็เบากว่า และที่สำคัญคือ ไม่ต้องอยู่ใกล้ทะเลที่เขาทั้งเกลียดและกลัวอีกต่อไป ไม่มีใครรู้หรอกว่า ไม่ใช่เฉพาะทะเลเท่านั้นที่สมพรเกลียดชัง ความจริงแล้ว สิ่งที่หนุ่มน้อยจากภาคอีสานคนนี้เกลียดชังนั้นยังมีอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะชีวิตที่มีแต่ความคับแค้นและ ผิดหวังของเขา เด็กหนุ่มซึ่งไม่ค่อยพูดคนนี้ได้เก็บงำทุกอย่างอัดแน่นอยู่ในใจ คับแค้นอยู่เพียงลำพัง
.. แม้งานในสวนยางจะไม่หนักหนา แถมทั้งยังได้รับความเมตตาจากเจ้านายพอสมควร ทำให้สมพรผ่านวันเวลาไปอย่างไม่เข็นใจนัก รวมทั้งสามารถออมเงินยัดใส่กระป๋องไมโลขนาดใหญ่ที่เก็บมาจากถังขยะบ้านนาย ได้จนเต็ม แต่หากเมื่อใดที่ว่างมือ ใจของสมพรจะหวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวหดหู่ที่ผ่านมาทุกครั้ง เสียงตะคอก ข่มขู่ หรือการลงมือทุบตีจากนายจ้าง และเพื่อนคนงานที่มีแต่รุ่นพ่อรุ่นพี่ ยังคงชัดเจนอยู่ในมโนนึกเสมอ สมพรจำภาพทุกภาพและคำทุกคำติดใจ ...แค้นจนมือสั่นระริก ผู้ชายทั่วโลกเขาหลับตานึกถึงภาพวาบหวิวขณะสำเร็จความใคร่โดยการกระตุก[ช้าง น้อย]ตัวเอง คงมีแต่สมพรคนเดียวกระมัง ที่ใช้ความเคียดแค้นเป็นองค์ประกอบ
... ค่ำวันนั้น หน่องถูกแม่ตีและหยิกแรงๆ หลายครั้ง โทษฐานลงไปเล่นในสวนยางตอนค่ำๆ มืดๆ หากอากงไม่ปรามแม่เอาไว้ หน่องคงถูกบ่นไปอีกนานกว่าจะได้เข้านอน...
.. รุ่งขึ้น ทุกคนพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารในครัว อาม่าทอดปลาเค็มหอมฉุย พร้อมกับข้าวอื่นอีกสองสามอย่าง ส่วนของหน่องนั้น อาม่าทอดปลาทูสดแล้วแกะเนื้อคลุกข้าวเหยาะน้ำปลาให้ เพราะรู้ว่าหน่องชอบเหลือเกิน หน่องสังเกตมานานแล้วว่าบ้านนี้ อาหารที่ขาดไม่ได้เลยคือปลา เพราะอากงมีหุ้นอยู่ที่แพปลาด้วยนั่นเอง
“เรื่อง เอกสารของไอ้หน่องมันไปถึงไหนแล้วล่ะ” อากงถามแม่ถึงหลักฐานต่างๆ สำหรับใช้ในการเข้าเรียนต่อของหน่อง ซึ่งทั้งหมดตกค้างอยู่ที่กรุงเทพฯ
“พ่อมันส่งมาให้หรือยัง”
“เขา ส่งมางวดนึงแล้ว แต่ไม่ครบ เพราะทางนี้เขาจะเอาใบรับรองจากโรงเรียนเก่าด้วย” แม่พูดกับอากงด้วยสำเนียงปักษ์ใต้ ที่หน่องชักคุ้นหูมากขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปนานเข้า
.. วันนี้แม่แต่งตัวสวย เพราะเพิ่งได้งานบัญชีกับบริษัทในเมือง อากงทำเสียงขึ้นจมูกแบบขัดใจในความเชื่องช้าของลูกสาว ทำให้แม่ของหน่องต้องรีบอธิบาย
“แพรว่าจะให้มันหยุดไปเลยเทอมนี้ เพราะอีกเดือนกว่าๆ ก็สอบไล่แล้ว มันเข้าไปกลางเทอมแบบนี้ตามเขาไม่ทันแน่ หน่องมันเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ ซ้ำสักปีก็ไม่เป็นไรหรอกป๋า”
.. อากงไม่ถามถึงสาเหตุของการหย่าร้างระหว่างพ่อกับแม่ของหน่องเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะความรักลูกสาวคนเดียวอย่างล้นเหลือ จึงไม่อยากสะกิดแผลที่เริ่มตกสะเก็ดไปแล้วให้ปวดขึ้นมาอีก บางครั้ง หน่องก็อยากรู้ว่า หากอากงรู้ว่าสาเหตุที่แม่หอบหิ้วเขากลับมาบ้านครั้งนี้ เป็นเพราะแม่เห็นพ่อกำลังนอนถ่างขา ให้เขาดูดควยอย่างสบายอารมณ์ในเย็นวันหนึ่ง ที่แม่กลับบ้านเร็วกว่าปกติล่ะก็... อากงจะทำยังไง
.. แม่นั้น ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำราวกับว่าเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น รวมถึงเรื่องที่พ่อต้องแยกบ้านออกไป และการหย่าร้างที่เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน หน่องค่อยๆ ซึบซับรับรู้ถึงความแตกร้าวที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองอย่างช้าๆ แต่จะว่าไป เด็กอย่างหน่องก็ไม่เดือดร้อนอะไรนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชีวิตของเขาก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยความรักเหมือนเช่นปกติ จะมีก็แค่คิดถึงพ่อบ้างเท่านั้น แถมเป็นการคิดถึงในเชิงพิศวาสซะมากกว่าอย่างอื่นเสียด้วย
.. หลังกินข้าวเสร็จ แม่ขับมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ส่วนหน่องตามอากงลงสวน ป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ระหว่างที่อากงสั่งงานให้สมพรทำ กระทั่งเกือบเที่ยง อากงจึงขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวและขับรถกระบะเก่าๆ ไปดูแลร้านสินค้าเกษตรฯ ในเมือง ทั้งบ้านจึงเหลือแต่หน่องกับอาม่าเท่านั้น หน่องรู้ว่า กว่าอากงกับแม่จะกลับถึงบ้านก็คงหลังหกโมงเย็น ส่วนอาม่านั้น ถ้าไม่มีธุระจะไม่เข้าไปในสวนยางเลย ดังนั้นเขาจึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะใช้จัดการกับสมพรคนซื่อของเขา ควยเขื่องขนาดที่เขากำไม่รอบของสมพรนั้น ยังประทับติดตาเขาอยู่ไม่หาย หลังจากเหตุการณ์เสียวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นริมคลองเมื่อเย็นวาน
.. สมพรซึ่งกำลังใช้จอบฟันดินโคนต้นยางอยู่ ถึงกับทิ้งจอบดังโครม แล้วเดินหนีทันทีที่เห็นหน่องเดินเข้ามา
“จะไปไหนล่ะพี่” หน่องทักด้วยเสียงร่าเริง มองแผ่นหลังชุ่มเหงื่อของสมพรอย่างคึกคะนอง
“อย่ามายุ่งกับผม ผมไม่ชอบนะ”
“ไม่ ชอบเหรอ ไม่ชอบแล้วทำไมถึงน้ำแตกกระจายงั้นล่ะ” หน่องยั่วขณะเร่งเท้าเดินตาม สมพรไม่ตอบ แต่สาวเท้าเร็วขึ้น จนถึงบริเวณหน้ากระท่อมหลังน้อยของเขา สมพรตักน้ำในตุ่มดินเผาขึ้นล้างหน้า ล้างมือ ถอดเสื้อชุ่มเหงื่อที่ใส่ออกผึ่งลมไว้ที่ราวตากผ้า
“คุณอย่ามายุ่งกับผมเลย” เขาย้ำ
“ก็ ฉันอยากเล่นควยของพี่สมพรอีกนี่” หน่องว่าขณะนั่งลงบนแคร่หน้ากระท่อม เท่านั้นเอง สมพรถึงกับถอนหายใจเสียงดัง ด้วยความขัดเคืองใจกับคำพูดที่เขาไม่ชอบฟัง แล้วเดินเลี่ยงเข้ากระท่อมไปทันที..
.. ในกระท่อมฝาขัดแตะหลังเล็กๆ ของสมพรนั้นค่อนข้างมืดเพราะมีหน้าต่างเพียงบานเดียวอยู่ทางด้านหลัง หน่องเห็นแคร่ยาวที่ใช้แทนเตียงนอนอยู่มุมหนึ่ง มีหมอนและผ้าห่มวางกองๆ เอาไว้ ด้านบนมีมุ้งที่เก่าจนดำคล้ำแขวนอยู่ ข้างๆ มีตู้เสื้อผ้าพลาสติกขาดๆ ที่ตกทอดกันมาหลายเจ้าของเต็มที นอกจากนั้นก็มีโต๊ะกินข้าว พร้อมเก้าอี้ที่สมพรใช้เศษไม้มาประกอบเองอย่างลวกๆ หนึ่งตัว หน่องได้กลิ่นฉุนของน้ำมันก๊าซสำหรับจุดตะเกียงตอนกลางคืนคลุ้งไปทั่ว ส่วนที่ถัดลึกเข้าไปชิดฝาด้านหลังนั้น ถูกสมพรจัดเป็นครัว มีหินสามเส้าวางแทนเตาไฟ มีหม้อมีชามก้นดำ หรือแม้กระทั่งไม้ฟืนสุมอยู่เต็ม
.. ตอนที่หน่องเดินตามสมพรเข้าไปนั้น เขาเห็นเด็กวัยรุ่นชาวอีสานกำลังตักข้าวสารใส่หม้อเตรียมจะหุง สมพรกำลังหิวข้าวจัดเพราะเลยเที่ยงมาเกือบชั่วโมงแล้ว หน่องถือดีว่ามีไพ่เหนือกว่า อีกทั้งเคยเผด็จศึกสมพรมาแล้ว คราวนี้ก็ไม่น่าจะยากเย็นเท่าใดนัก
“ถ้าพี่ไม่ยอมฉัน ฉันจะฟ้องอากงว่าพี่รังแกฉันด้วย”
“ผมไปรังแกอะไรคุณ” สมพรฉุนกึกกับเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องคนนี้
“อ้าว ก็เมื่อเย็นวานไง ที่ริมคลองน่ะ” เจ้าหนูตอบลอยหน้าลอยตา แบบที่จำเอามาจากนางอิจฉาในละครทีวีที่แม่ชอบดู
“ก็เมื่อคืนคุณเป็นคน...” สมพรอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก
“ถ้า ฉันบอกอากงว่าพี่บังคับให้ฉันทำล่ะ...อากงเอาพี่ตายแน่” เท่านั้นเอง สมพรถึงกับวางหม้อข้าวลงกับพื้นดังปัง เอาอีกแล้ว กูถูกแกล้งอีกแล้ว
.. เมื่อเห็นท่าของสมพรอ่อนลง หน่องเดินเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออเซาะ
“เมื่อวานน่ะ
อย่า หยุดสิ” หน่องไอจนน้ำหูน้ำตาไหลครู่ใหญ่จึงบรรเทา นี่คือควยท่อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา และดูทีท่าว่ามันยากที่จะจัดการอยู่ไม่น้อย... หน่องมองท่อนเนื้อที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของเขาอย่างลังเล
“ก็อยาก ดูดควยนักไม่ใช่เหรอ เอาสิ ดูดสิ” สมพรใช้สองมือหยาบใหญ่ของเขาโน้มหัวของหน่องลงมายังควยของเขา หน่องอ้าปากกว้างและพยายามอีกครั้งที่จะใช้ปากอย่างดีที่สุด แต่ขนาดของมันทำให้เขาปรนเปรอสมพรอย่างที่เคยปรนเปรอพ่อและพี่พลของเขาไม่ ได้
.. หน่องเริ่มรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เมื่อสมพรจับหัวของเขาขย่มลงบนท่อนเนื้อแกร่งนั้นอย่างรุนแรง ความสนุกสนานตื่นเต้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่ความตื่นตระหนกเอาไว้ หน่องหายใจไม่ออกเมื่อท่อนควยของสมพรทะลุทะลวงลงไปในลำคอของเขา อึดอัดและสำลักจนน้ำมูกใสๆ พุ่งออกจากจมูก มือเขาของเริ่มตะกายข่วนแขนของสมพร แต่หนุ่มวัยรุ่นหน้ามืดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยศีรษะเขา สัญชาตญาณของการเอาตัวรอด หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้หน่องตัดสินใจกัดลงไป หลังจากนั้นทุกอย่างสับสนอลหม่าน หน่องได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของสมพร และรู้สึกว่าตัวเองถูกผลักกระเด็น... หน่องมารู้ตัวอีกครั้งที่ใต้โต๊ะกินข้าว เขาไอ หอบรุนแรงจนหายใจไม่ทัน ร่างเล็กๆ ของเด็กเก้าขวบสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดและตื่นกลัว น้ำตาไหลพรากๆ
.. ร่างเปลือยเปล่าของสมพรลุกขึ้นยืน ถลึงตามองหน่องแบบคนโกรธจัด ควยมหึมาแข็งชี้ชันอย่างน่ากลัว เขาก้มมองรอยฟันเล็กๆ ประทับอยู่บนเนื้อเนียนสีคล้ำนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะมองมายังเด็กชายที่ขดตัวอยู่ใต้โต๊ะ ด้วยสายตาที่เหมือนจะลุกเป็นไฟ ความหื่นกระหาย ข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นให้หดหายไปอย่างรวดเร็ว แสงจ้าจากกรอบประตูที่ส่องเข้ามาทางเบื้องหลังร่างทมึนนั้น ทำให้ตาของหน่องพร่า รู้สึกเหมือนกับโครงร่างสีดำจะขยายใหญ่โตขึ้นจนเกินความจริง
“เป็น ผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ อยากถูกเย็ดใช่ไหม” สมพรผู้ถูกความคับแค้นปนอารมณ์ใคร่เข้าครอบงำเต็มตัว เน้นเสียงรอดไรฟัน น้ำเสียงแบบนี้หน่องไม่เคยได้ยิน เขากลัวจับใจเมื่อสมพรคว้าแขนเขาแล้วเหวี่ยงไปติดแคร่ ก่อนจะตามไปฉีกกระชากเสื้อยืดจนขาดติดมือออกมา จากนั้นก็กระตุกขอบกางเกงจนตะขอหลุด และอีกครู่เดียวหลังจากนั้น ร่างเปลือยเปล่าของหน่องก็ถูกยกและโยนลงบนแคร่ หน่องนอนคว่ำทับผ้าห่มและหมอนดำๆ ที่กองเอาไว้จนก้นน้อยๆ ของเขาโด่งขึ้นมา สมพรตามติดขึ้นไปบนแคร่ พึมพัมถ้อยคำที่หน่องฟังไม่ออก ขณะถุยน้ำลายใส่อุ้งมือแล้วปาดป้ายใส่ก้นของหน่อง รวมทั้งถูไถลำควยของตัวเองจนชุ่ม
“รังแกกันนัก รังแกกันนัก มึงเห็นกูเป็นอะไร” เขาเค้นเสียงขณะจ่อหัวควยขนาดมหึมาเข้ากับรูเล็กๆ สีชมพูสดใสของหน่อง แล้วออกแรงกดเข้าไปเต็มแรง ร่างน้อยๆ ที่ขาวโพลนอยู่ในแสงสลัวนั้น กำลังกลายเป็นตัวแทนของความไม่ยุติธรรมในสังคม ความเห็นแก่ตัวของเหล่านายจ้างและบุคคลรอบข้าง ที่สมพรต้องก้มหน้ายอมทนมาเกือบสามปี... บัดนี้ เขากำลังแก้แค้น เสียงกรีดร้องของหน่องดังกึกก้องไปทั่วสวนยางในวันนั้น แต่...ไม่มีใครสักคนที่ได้ยิน...
... หน่องสลบอยู่บนแคร่ของสมพรจนมืดค่ำ กว่าอากงจะตามหาเขาพบและอุ้มเขาไปปฐมพยาบาลบนบ้านนั้น เวลาก็ผ่านไปจนเกือบสองทุ่ม ซึ่งในขณะนั้น สมพรกำลังนั่งอยู่บนรถ บขส. ที่ตะบึงเข้ากรุงเทพฯ ด้วยจิตใจที่ไม่ปกตินัก ท่อนเนื้อในกางเกงยังคงปวดตุบๆ จากรอยกัด เหมือนไม่ยอมให้เขาลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา... เขาจะกลับบ้าน... หากถึงบ้าน ทุกอย่างจะเรียบร้อย... เขาปลอบตัวเองอย่างนั้น...
.. หน่องได้สติที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดในเวลาเช้ามืดของวันต่อมา เขายิ้มแบบเปลี้ยๆ ให้แม่และอากงที่ยืนอยู่ข้างเตียง แม่นั้นร้องไห้จนตาบวมด้วยความสงสารลูก ส่วนอากงยืนนิ่งๆ ด้วยความรู้สึกที่หน่องเดาไม่ถูก ตอนนั้นเองที่แม่เพิ่งสังเกตเห็นว่า สร้อยคอของหน่องหายไป สมพรสะพายเป้ใบเล็กๆ ก้าวลงจากรถบขส.ที่สถานีขนส่งสายใต้ในตอนเช้ามืด อาการปวดหายไปแล้ว... เขายกมือขึ้นจับสร้อยคอทองคำเส้นเล็กๆ ที่คล้องคอเขาอยู่ คล้ายกับจะให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นความจริง
.. ขณะแวะกินข้าวต้มจากรถเข็นริมถนน และถามแม่ค้าถึงสายรถเมล์ที่จะไปหมอชิดนั้น สมพรยิ้มกับตัวเอง ยิ้มให้กับชัยชนะที่เขาได้มา... ครึ่งทางแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะถึงบ้าน ได้ไหว้พ่อไหว้แม่ ได้อวดสร้อยทองตามที่สัญญาเอาไว้ จากนั้นเขาจะเอาเงินเกือบสองหมื่นบาท ที่ใช้หยาดเหงื่อแลกเอามาจากงานในสวนยางให้พ่อ พ่อจะต้องดีใจและภูมิใจในตัวเขาแน่
.. บนรถบขส.ที่กำลังมุ่งหน้าสู่กาฬสินธุ์นั้น สมพรดึงเสื้อสีสดใสออกจากถุงพลาสติกทีละตัว พิจารณาลูบคลำอย่างชื่นชม และภาคภูมิใจ เสื้อสีสวยๆ จากแผงลอยหน้าตลาดหมอชิดพวกนี้ จะทำให้ฐานะทางสังคมของเขาที่กาฬสินธุ์เปลี่ยนไป...
.. คราวนี้ เขาจะเป็นฝ่ายยืดให้คนอื่นมองอย่างชื่นชมบ้าง...
.. โลกทั้งโลกเป็นของเขา ทุกสิ่งที่เขาปรารถนา เป็นของเขาหมดแล้ว
ขอบคุนมากมาก ขอบคุณมากมายครับ เมื่อไหร่จะมาต่อครับ รอนานแล้ว
ขอบคุณครับ thank you na ชอบมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณนะครับผม ขอบคุณครับ ขอบคุณนะคับ ขอบคุณครับ ชอบมาก ขอบคุณครับ รอตอนต่อไปอยู่
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ นคกว่าอ่านนิยาครับ
หน้า:
[1]
2