จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 2352|ตอบกลับ: 37
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

บันทึกของนนท์33 (ตอนจบ)

[คัดลอกลิงก์]

ประธานนักศึกษา

โพสต์
934
พลังน้ำใจ
3056
Zenny
3470
ออนไลน์
229 ชั่วโมง
บันทึกของนนท์33
ใครหนอช่างบอกว่า ไม่มีใครแก่เกินเรียน...มันใช่เฉพาะบางเรื่องเท่านั้นแหละ เช่นการเรียนสายอาชีพ ทำโน่นประดิษฐ์นี่...เรียนทำขนม...อะไรอย่างนี้มากกว่าที่จะมาเรียนในระบบแบบนี้...การเรียนระดับปริญญาโท....ที่นนท์ว่ายากแล้ว....พอมาเจอระดับนี้สุด ๆ ไปเลย...คนที่เรียนมาหรือกำลังเรียนอยู่จะรู้ว่าไอ้ที่ยากมันได้ยากที่เนื้อหาที่เรียน....แต่ที่ยากที่สุดคือ...ความแปรปรวนทางอารมณ์ของคนที่เป็นอาจารย์มากกว่า...ไม่รู้จะยังไง...เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย.....ตั้งแต่เริ่มเรียนชีวิตของนนท์ก็เปลี่ยนไป....ตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 เพื่ออาบน้ำแต่งตัวออกมาไปมหาวิทยาลัย...นนท์ไม่อยากใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนท้องถนน...เพราะรถราในกรุงเทพฯพอฟ้าเริ่มสว่างก็ติดกันเป็นแถวแล้ว...ชีวิตเมืองกรุงที่แสนจะน่าเบื่อ...แต่นนท์ไม่ขับรถไปเรียน...เพราะที่มหาวิทยาลัยที่จอดรถก็หายาก...ดีไม่ดีโดนเฉี่ยวอีก...นนท์จึงอาศัยรถโดยสารประจำทางบ้าง...รถตู้บ้าง...เพื่อไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า...ไปถึงก็ทานข้าวเช้า....เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือ....รอเวลาเรียน....นนท์ไม่คิดเลยว่าเรียนระดับนี้ยังต้องเช็คชื่ออีก...ไม่แตกต่างกับเรียนระดับประถมเลย...เลิกเรียนส่วนใหญ่ก็จะคลุกอยู่กับหนังสือในห้องสมุดเพื่อค้นคว้าทำรายงานที่โถมประดังเข้ามาทุกวิชา...แล้วเรียนระดับนี้ไม่ใช่ copy ตัดต่อ แล้วpaste แต่ต้องเขียนเองใหม่ทั้งหมด...กลับไปคอนโด...ก็แทบจะไม่ได้คุยกับนัทเลย....เพราะกลับมาก็รีบอาบน้ำทานข้าว...นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อทำรายงานให้เสร็จ ๆ บางคืนต้องนอนตี 3 บางคืนไม่ได้นอน...สว่างคาตาเลย...ก็มีอยู่เป็นประจำ....โดยเฉพาะเทอมแรก..ที่นนท์ต้องปรับตัวอย่างมาก...บางครั้งก็คิดท้อแท้ใจว่า “มาเรียนทำไรว่ะนี่” ความคิดนี้ส่งผลถึงนนท์ในภายหลัง
    ช่วงที่นนท์เรียนนี้...ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับนัท...เกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่น่าเกิด...นัทคงเบื่อที่นนท์เอาแต่อ่านหนังสือ...ทำรายงานค้นคว้า...ไม่มีเวลาให้นัทเลย...นัทก็เลยหันไปดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูงที่ทำงาน...แทบทุกวันจนดึก...บางคืนนนท์รอจนหลับไป...มาตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงเคาะประตูตอนกลางดึก บางทีก็ตีสองตีสาม...ที่นัทกลับมา...พอตื่นมาเปิดห้องให้...นนท์ก็หลับต่อไม่ได้อีก...ด้วยวัยขนาดนี้...เมื่อตื่นมากลางดึกก็ยิ่งทำให้นอนหลับต่อไม่ได้เลย...แทบทุกคืนที่นัทเป็นแบบนี้...แทบทุกคืนที่นนท์ต้องลุกมาเปิดประตู...แทบทุกคืนที่นนท์ต้องลุกมาอ่านหนังสือต่อ...แต่นัทหลับสบายไปแล้วเพราะฤทธิ์เหล้า...เหล้านี่มันเป็นตัวทำลายชีวิตคนจริง ๆ มันไม่ใช่เพียงแค่ทำลายชีวิตคนที่กินเพียงคนเดียว...แต่มันยังทำร้ายชีวิตของคนรอบข้างคนที่กินเข้าไปอีกด้วย...นนท์เคยพูดกับนัทหลายครั้ง
    “นัท...ขอได้มั้ย...ถ้ากินเหล้าก็กลับมาให้เร็วหน่อย...ไม่ใช่ติดลมแบบนั้น...กลับมาก็มานอนเลย...กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่คลุ้งไปหมด...พี่นอนด้วยไม่ได้เลย...พี่ต้องเรียนนะ...”
    “พี่เรียนก็เรียนไปซิ...”
    “นัทพูดแบบนี้ไม่ถูกแล้วนะ...ตอนนั้นนัทบอกให้พี่เรียนเองด้วยซ้ำ จริงอยู่นะ...พี่ฝันอยากเรียนแต่พี่ก็รู้ตัวเองว่าไม่ไหว....แต่ถ้านัทไม่ช่วย...พี่จะเรียนได้ยังไง”
    “ผมช่วยพี่เรียนไม่ได้หรอก”
    “ไม่ได้หมายความว่าให้นัทมาช่วยพี่เรื่องเรียน...แต่นัทช่วยเปลี่ยนตัวเองได้หรือป่าว...พี่เรียนมานี่เกือบปีนึงแล้ว...นัทกินเหล้ากลับมาทุกคืน...กลับดึกทุกคืน...ช่วงที่พี่ใกล้สอบก็บอกนัทว่าพี่จะสอบ...พี่ต้องอ่านหนังสือ...แต่เหมือนนัทไม่สนใจ”
    “พี่ให้ผมทำไง...ผมอยากกิน...บางทีผมก็เบื่อ...กลับมาจะดูทีวีเสียงดังก็ไม่ได้”
    “ห้องเราห้องเล็กแค่นี้...พี่รู้ว่าบางทีนัทอยากดูทีวี...แต่พี่ขอแค่พี่เรียนให้จบเท่านั้นแหละทุกอย่างก็ดีขึ้น” นนท์พูดแค่นั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเลย จวบจนวันหนึ่งที่เป็นวันที่นนท์ตัดสินใจอะไรบางอย่างกับชีวิต
    ช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบ...ที่นนท์ต้องการความสงบ...ความเงียบ...ทุกครั้งนนท์จะโทรไปบอกชาย....ว่าจะขอไปอ่านหนังสือที่คอนโดของชาย...บางครั้งนนท์อยู่เป็นอาทิตย์....ระหว่างนั้นก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากชายเป็นอย่างดี...นนท์แทบไม่ต้องออกจากห้องเพื่อไปหาอะไรทาน....เพราะพอเที่ยง...ชายก็จะขับรถเอาอาหารกลางวัน...น้ำผลไม้...มาให้นนท์ถึงห้อง...อยู่รอจนนนท์ทานเสร็จ....ก็กลับไปที่ร้าน...มื้อเย็นก็เช่นกัน....ประมาณ 1 ทุ่ม แม้ว่าจะเป็นเวลาที่ลูกค้าเข้าร้านมาเยอะก็ตาม...ชายก็จะเอาอาหารมาส่งให้....บางวันนนท์เบื่ออ่านหนังสือ...ก็จะเรียกรถมอไซค์...ไปที่ร้านของป้าชาย...เพื่อไปช่วยจัดอาหาร...ช่วยเสริฟ...
    “พี่นนท์...พี่กลับไปอ่านหนังสือเถอะ”
    “ไม่ไหวแล้ว ... พี่อ่านเยอะแล้ว...ขอพักหน่อย”
    “พักพี่ก็นั่งพักซิคับ....มาทำงานทำไม”
    “นั่งเฉย ๆ ก็เบื่อซิ...มากินของร้านป้าหลายมื้อแล้ว...ขอทำงานเป็นค่าข้าวละกัน”
    “ปลงเปลืองอะไรกันเล่า...คุณนนท์...คุณนนท์กินข้าวอย่างกะดม...ป้าจะไปเปลืองอะไรที่ไหน”
    “ก็ให้ผมช่วยทำโน่นทำนี่เถอะคับ....วันนี้ผมจะอยู่ช่วยเก็บร้านจนเสร็จแล้วค่อยกลับไปกับชาย”
    “เอางั้นก็ได้...แล้วเรียนเป็นไงบ้างละ...หน้าดำคร่ำเครียดเลยนะ...ป้าว่าหน้าหมอง ๆ ไปนะ...ถ้าเครียดก็มาที่ร้านป้านี่...ไปพักกับชายมัน...ตั้งแต่วันนั้นมันก็บ่นถึงนนท์ให้ป้าฟังทุกวัน....ยังดีที่นนท์โทรหามันทุกเช้า ไม่งั้นมันไปหานนท์แน่ ๆ”
    นนท์โทรไปหาชายทุกเช้าเมื่อนนท์เดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว...นนท์รู้ว่าบางวันชายทำงานเหนื่อย...บางทีรับสายด้วยเสียงงัวเงีย...แต่พอได้ยินเสียงนนท์พูดตามสายไป...เสียงงัวเงียของชายก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นทันที...นนท์เองก็รู้สึกดีกับเด็กคนนี้มาก ๆ ไม่ใช่เพราะว่าที่สุดกิจการร้านอาหารที่ต้องตกเป็นของเขา....แต่ด้วยความเอาอกเอาใจ....ความเสมอต้นเสมอปลายที่ชายปฏิบัติต่อนนท์...ทุกวันและเวลาเดียวกันนนท์จะได้รับข้อความ sms จากชาย....นี่ถ้าเขาไม่มีนัท...ไม่มีความผูกพันกับนัทอย่างที่เป็นอยู่...นนท์คงรักเด็กหนุ่มที่ชื่อชายคนนี้แน่ ๆ เพราะเค้าโครงใบหน้าและการปฏิบัติต่อนนท์ที่เหมือนกับพี่วุฒิเอามาก ๆ บางครั้งที่นนท์มองผ่านแว็บไปที่ใบหน้าของชาย...มันมองดูคล้ายกับใบหน้าของพี่วุฒิเสียเหลือเกิน...พี่วุฒิ...ผ่านมาหลายปีแล้ว...นนท์ยังไม่สามารถลืมพี่วุฒิได้เลย...นนท์คิดถึงพี่วุฒิจัง...
    การมานอนค้างเพื่ออ่านหนังสือที่คอนโดของชาย...ชายก็ขอมีsexกับนนท์ทุกคืน เขามีsex กับนนท์ได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ...ชอบนอนกอดนนท์ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน...จนวันนี้ก็ยังกอดเหมือนเดิม...ทุกคืนก็จะไปนั่งที่ระเบียงเหมือนเดิม...ชายเอาผ้าปูที่นอนผืนนั้น...ผืนที่นนท์มานอนด้วยคืนแรกคืนนั้น...แล้วก็มีรอยเปรอะคราบน้ำรักของทั้งคู่...ชายเก็บใส่ถุงพลาสติกไว้อย่างดี...นี่ไง...เขามีอะไรเหมือนพี่วุฒิจริง ๆ ....เพราะครั้งหนึ่งที่พี่วุฒิพานนท์ซ้อนมอไซค์ไปข้างนอกรีสอร์ท...อยู่ ๆ พี่วุฒิก็เกิดเล่นพิเรนทร์ขึ้นมา...จอดรถเข้าไปในพงหญ้า....แล้วก็ชวนนนท์มีไรด้วย...เมื่อทำเสร็จไม่รู้ว่าจะเช็ดน้ำรักของทั้งคู่ที่เปรอะยังไง...นนท์จึงควักเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา....เช็ดน้ำรักที่เปรอะตามตัวของทั้งคู่...แล้วพี่วุฒิก็เก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้อย่างดี...
    นัทกะนนท์เคยไปดูบ้าน...เพื่อจะซื้อบ้าน เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่แถบชานเมือง...นนท์คิดว่าเวลานี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเรียนที่เป็นการสอบประมวลความรู้ทั้งหมดหลังจากที่เรียนมา...เพราะเวลาที่เหลือก็จะเป็นเพียงแค่การทำวิทยานิพนธ์เท่านั้น...แต่เหตุการณ์ที่เลวร้ายกลับเกิดขึ้นกับนนท์อีก…
    “คุณควรจะลาออกหรือไม่ก็ไปหาจิตแพทย์เพื่อเซ็นรับรองว่าคุณไม่พร้อมที่จะสอบ” นี่คือประโยคที่อาจารย์ที่สอนนนท์...ที่เป็นด๊อกเตอร์กล่าวออกมาจากปาก...
เพราะนนท์ทำข้อสอบไม่ผ่าน...ข้อสอบที่ต้องให้ท่องจำเข้าไปตอบ...นนท์แอนตี้ข้อสอบแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร...ข้อสอบแบบนี้วัดแค่ความจำเท่านั้น...แม้นนท์จะพยายามท่องเข้าไปสอบแล้ว...ก็ยังไม่ได้...เขาไม่โทษข้อสอบแต่โทษตัวเอง...อายุขนาดนี้ต้องมานั่งท่องจำคำต่าง ๆ นิยามของคำต่าง ๆ ใครจะไปจำได้หมด...เพราะแทบทุกวิชาก็เป็นอย่างนั้น...มีบางวิชาที่ให้เขียนแบบวิเคราะห์ สังเคราะห์..ข้อสอบข้อนั้นนนท์ก็ผ่านมาได้อย่างสบาย...นนท์คิดมาตลอดระยะเวลาของการเรียนในระดับนี้...ที่ต้องท่องจำ...ทำไมระดับนี้ในที่สุดเมื่อจบไปทำงานที่ไหนก็ต้องทำงานในระดับสูงที่ต้องใช้การวิเคราะห์..สังเคาราะห์ทั้งนั้น...กระบวนการเรียนการสอนก็สอนแบบนั้นมา แต่ข้อสอบกลับออกแบบท่องจำ...
นนท์ตัดสินใจไปหาจิตแพทย์ในมหาวิทยาลัย....เพื่อให้เซ็นใบรับรองว่าไม่พร้อมที่จะสอบเพื่อจะได้ยืดเวลาในการอ่านหนังสือออกไปอีก...แต่หัวใจนนท์ตอนนี้มันแตกสลายไปแล้ว...เมื่อใดที่คิดหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน...เมื่อนั้นก็เกิดอาการกลัว Phobia กับการอ่านหนังสือ...ทั้งร่างกายและสมองมันไม่รับแล้ว....ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เครียดที่สุดของนนท์...นัทเข้าใจสภาพของนนท์ดี...นัทจึงหยุดเที่ยวหยุดกินเหล้าเพื่ออยู่ดูแลนนท์ในยามที่นนท์มีปัญหาเครียดแบบนี้
วันหนึ่ง...นนท์ตัดสินใจไปกราบพระอาจารย์องค์หนึ่งที่นนท์นับถือ...ท่านพยายามบอกมาเป็นปริศนาธรรมเพื่อให้นนท์เข้าใจ...ท่านบอกนนท์
“ลองคิดดูซิ...จำเป็นมั้ยที่คนเราจะต้องขึ้นไปสูงแบบนั้นทุกคน...ฐานของคนในประเทศเราก็อยู่กลาง ๆ แล้วเราจำเป็นหรือป่าวที่ต้องขึ้นไปอยู่สูงแบบนั้น...ถ้าอยู่กลาง ๆ แบบนี้แล้วมีความสุข...ทำไมเราไม่อยู่...ขึ้นไปอยู่สูงรู้หรือยังว่ามีความสุขหรือป่าว”
“พระอาจารย์ถือหนังสือในมือ...นนท์ว่าหนังสือเล่มนี้ด้านไหนสวยกว่ากัน”
“ด้านหน้าปกซิคับ”
“งั้นนนท์จะไปมองด้านหลังปกทำไม...ในเมื่อมันไม่สวยก็ไม่ต้องไปมองมัน...อะไรที่ทำให้เราเกิดความทุกข์...นั่นคือสิ่งที่เราไม่ควรจะมอง...เมื่อมองไปก็เกิดความทุกข์อยู่ดี...ในเมื่อตัวเรา เราเลือกและกำหนดชีวิตของเราได้...อย่างที่หลักธรรมบอกว่า...วิญญูชนย่อมรู้ได้ด้วยตน....นนท์ก็ต้องรู้ได้ด้วยตัวของนนท์เอง...นนท์เข้าใจที่พระอาจารย์บอกมั้ย” เพียงแค่นั้น...นนท์ก็น้ำตาไหลพราก...นนท์ไม่คิดว่า...ที่ผ่านมานาน...ชีวิตของนนท์จะไม่มีใครเข้าใจอีกแล้ว...มีพระอาจารย์ที่ยังเข้าใจนนท์...ตอนนี้นนท์รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปกับเรื่องเรียน
วันรุ่งขึ้น...นนท์โทรไปหา advisor เพื่อบอกว่าตั้งแต่นี้ต่อไปนนท์ขอdrop การเรียนไว้ก่อน...และเมื่อวางสายจากadvisor นนท์ก็โทรหาเพื่อนที่เรียนด้วยกันคนหนึ่ง ให้ไปห้องทะเบียนเพื่อขอใบลาออก...แล้วให้ส่งมาให้นนท์ทางไปรษณีย์เพราะนนท์ต้องเซ็นชื่อ...นนท์คงไม่กลับไปที่คณะ ที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้นอีก...
อย่างที่เกริ่นไว้แรก ๆ ว่าการเรียนในระดับปริญญาโท หรือปริญญาเอกมันไม่ปกติเท่าไหร่นัก...ไม่เหมือนไปเรียนเมืองนอกที่คงจะเรียนจบได้ง่ายกว่า....เพราะคนที่เป็นอาจารย์ที่นั่นไม่มีอคติ ไม่มีอีโก้สูงเหมือนพวกที่สอนในเมืองไทย...เพราะคนพวกนั้นต่างไปจบเมืองนอกมา...แต่ก็แปลกทำไมไม่รู้จักเอาวิธีการของฝรั่งมังค่ามาใช้...คาบเอามาแต่ทฤษฎีที่พวกฝรั่งมันคิด...นิสัยใจคอของด๊อกเตอร์ส่วนใหญ่ต่างก็มีอารมณ์ที่ไม่ปกติ...หรือเพราะหน้ากาก หรือเพราะหัวโขนที่ตัวเองต้องสวมใส่เพื่ออำพรางตัวตนที่แท้จริง...ตำแหน่งหน้าที่การงานในมหาวิทยาลัยในสังคมมันค้ำคอหอยอยู่...เชื่อว่าหลาย ๆคนคงประสบกับการที่ advisor ที่ดูงานวิจัยไม่อ่านงานให้...ไม่ช่วยปรับช่วยแก้ไข...มีแต่สั่งให้เอาไปปรับมา...พอปรับมาให้ดูก็ว่า ว่าใครสั่งให้ทำแบบนี้...ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนสั่งให้ทำ...แต่กลับทำสมองเสื่อมไปซะอย่างนั้น....มีเงินมีทอง...อย่าเรียนเลยในเมืองไทย...หาความยุติธรรมไม่ได้ในวงการศึกษาไทย
แม่ของนัทรู้เรื่องการเรียนของนนท์มาตลอด....บ่อยครั้งที่นนท์เหนื่อยและท้อแท้หมดหวัง....นนท์จะโทรไปร้องไห้กับแม่ของนัท...ที่ตอนนี้นนท์ก็คิดว่าเป็นแม่ของตนด้วยเหมือนกัน...
“ถ้าทนไม่ได้ก็ออกเถอะลูก...จะเรียนไปทำไม....ลูกเรียนมานี่ปีกว่าแล้ว...ลูกเรียนแล้วเครียด ร้องไห้แบบนี้...อย่าเรียนเลยกลับมาอยู่บ้านเราเถอะลูก”




ต่อ33
คำพูดของแม่ที่เป็นคนที่ไม่มีวุฒิการศึกษาใด ๆ ที่ยังเข้าใจจิตวิญญาณและชีวิตของคน ๆ หนึ่งหรือหลาย ๆ คนที่เรียน...มากกว่าคนที่มีวุฒิการศึกษา ใบปริญญาบัตรที่เป็นถึงระดับด๊อกเตอร์ที่ดีแต่ใช้คำพูดเชือดเฉือนคนอื่น...ไม่มีความจริงใจ....คิดว่าตัวเก่งเพราะเรียนจบถึงระดับด๊อกเตอร์...และยังแสดงอีโก้ของตัวเองได้สูงกว่าคนอื่นที่ไม่ได้เรียนสูง...วางอำนาจบาตรใหญ่ว่าข้าเก่งข้าแน่...นนท์เคยคิดอยากจะท้าว่า...ถ้าเก่งจริงลองมาทำจริง ๆ แข่งกันดูมั้ย...ในสายงานเดียวกัน....เพราะนนท์เช็คประวัติของด๊อกเตอร์ที่พูดใส่นนท์มา ก็ไม่ได้มีประสบการณ์ใด ๆ นอกจากเรียน ตรี โท เอก ต่อเนื่องกันมาแล้วก็มาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้...ไม่เคยผ่านงานใด ๆ ในสายนี้มาก่อน...พวกเก่งแต่ในตำรา...ปฏิบัติจริงจะทำได้จริงหรือป่าว...นนท์ชักสงสัย...พวกที่เรียนจบปริญญาเอกมาซะแล้ว...โดยเฉพาะพวกที่เรียนต่อเนื่องตรีโทเอก...โดยไม่เว้นวรรคทำงานเลย....
วันที่นนท์เซ็นเอกสารลาออกจากการเรียน....นนท์ถอดสร้อยที่สวมคอมาสิบกว่าปีซึ่งเป็นสร้อยที่ใส่กระดูกของพี่วุฒิ....ออกมาวางบนโต๊ะ...จุดธูปบอกพี่วุฒิ
“พี่วุฒิ....นนท์ไม่สามารถทำฝันของพี่วุฒิที่อยากให้นนท์เรียนสูง ๆ ได้สำเร็จ....พี่วุฒิไม่ว่าอะไรนนท์นะ...นนท์ไม่ไหวจริง ๆ นนท์คิดแล้วว่ามันไม่จำเป็นกับชีวิต...เรียนไปนนท์ก็ไม่มีความสุข...จบไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีความสุขจริงหรือป่าว...นนท์ขอโทษนะพี่วุฒิ” นนท์รู้ว่าพี่วุฒิยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวของนนท์...เพราะหลายครั้งที่นนท์อยู่ที่ห้องในคอนโดคนเดียว...นนท์มีความรู้สึกเหมือนพี่วุฒิมานอนอยู่บนเตียงเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งที่อยู่กันที่ระยอง...นนท์กำลังเก็บโน่นเก็บนี่...พี่วุฒิก็จะนอนตะแคงตัวมามองนนท์ที่กำลังเก็บของอยู่...หรือบางครั้งนนท์ก็เห็นมีคนเดินผ่านกระจกแวปนึง...ทั้ง ๆ ที่นนท์อยู่คนเดียว...แม่บ้านทำความสะอาดที่คอนโดยังเคยทักถามนนท์ว่า...มีใครอยู่ที่ห้องอีกคนนึงหรือป่าว....เพราะแม่บ้านกำลังถูพื้นไปทางห้องของนนท์...ก็เห็นประตูเปิดออกมา...แล้วก็มีผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งผิวเข้ม...ออกมายืนหน้าห้อง...สักพักก็เดินกลับเข้าไปปิดประตู....แต่พอแม่บ้านถูมาถึงหน้าประตูห้องของนนท์...ก็เห็นกุญแจคล้องล๊อกอยู่...นนท์ได้แต่บอกแม่บ้านไปว่าคงเป็นพี่ที่เขายังเฝ้าดูแลนนท์อยู่....
“พี่วุฒิ นนท์ขอโทษจริง ๆ นะ...ตอนนี้นนท์คุยกับนัทเขาแล้วว่า...หลังจากนี้นนท์จะย้ายไปอยู่ที่บ้านที่เชียงรายที่ซื้อไว้...นนท์จะไปเปิดร้านขายของเล็ก ๆ ไม่ใหญ่โตเอาแค่พอมีพอใช้...นัทเขายังอยากทำงานอยู่ที่นี่...นนท์ก็จะให้เขาอยู่ก่อน...นนท์จะขึ้นไปลองลุยดูก่อน...ถ้าอยู่ตัวนัท...นนท์จะเรียกให้นัทกลับขึ้นไปอยู่กับนนท์ทางโน้น...นนท์รู้ว่าพี่วุฒิเป็นห่วงนนท์...ตอนนี้นนท์ตัดสินใจกับชีวิตของนนท์แล้วละ...นนท์อยากอยู่อย่างเรียบ ๆ ง่าย ๆ เหมือนที่เคยอยู่กับพี่วุฒิ...นนท์ตัดสินใจแล้วนะ...นัทเขาก็ดีกับนนท์...แม้ว่าเขาจะรักนนท์ไม่เท่ากับที่พี่วุฒิรักนนท์...แต่เขาก็บอกว่าเขาผูกพันกับนนท์..พี่วุฒิไม่ต้องห่วงนนท์แล้วนะ...พี่วุฒิจะได้หมดเวรหมดกรรมไปเกิดใหม่นะ...นนท์จะระลึกถึงพี่วุฒิตลอด....หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราเกิดมารักกันใหม่และมีชีวิตรักกันยืนยาวกว่านี้...มากกว่า1 ปีที่เรารักกัน...ชาติหน้าเราจะรักกันไปตลอดนะ...และไม่ว่าชาติไหน ๆ นนท์ก็ขอเป็นคนรักคนเดียวของพี่แบบนี้ตลอดไป” นนท์กราบลงที่กระดูกของพี่วุฒิทั้งน้ำตา...จังหวะนั้นนัทเปิดประตูคอนโดเข้ามาพอดี
“พี่นนท์...พี่นนท์ร้องไห้คิดถึงพี่เขาอีกเหรอ...” นัทหยิบธูปอีกดอกจุดแล้วพนมมือไหว้
“ผมนัทคับ...ผมไม่เคยรู้จักพี่วุฒิมาก่อน...ผมรู้จักพี่จากพี่นนท์มาตลอด...พี่ไม่ต้องห่วงพี่นนท์นะคับ....ผมจะดูแลพี่นนท์เอง...อาจจะไม่ดีเท่ากับที่พี่เคยดูแลพี่นนท์...แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด...ผมสัญญาคับว่าผมจะไม่มีใคร...ผมจะอยู่กับพี่นนท์จนตายจากกันไป...ผมรู้ว่าพี่นนท์ยังลืมพี่ไม่ได้...ผมไม่คิดจะเข้ามาแทนที่ของพี่ในหัวใจของพี่นนท์...แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด...จะรักและดูแลพี่นนท์ตลอดไป” นัทปักธูปลงแล้วกราบไปที่กระดูกของพี่วุฒิ...ดึงนนท์เข้ามากอด
“พี่นนท์...ผมไม่ทิ้งพี่นนท์หรอกนะ...แม้ว่าเราจะเคยทะเลาะกันมามาก...ผมทำตัวไม่ดีกับพี่มาเยอะ...แต่ที่ผมมีทุกวันนี้...ก็เพราะพี่ที่ให้โอกาสผม...พี่ที่ให้ความรักกับผม...สิ่งที่ผมทำผิดไปผมขอโทษ” นัทขยับตัวลงไปกราบนนท์...นนท์รีบก้มลงไปดึงนัทขึ้นมา
“พี่ลืมไปหมดแล้วละ...พี่อยากเริ่มชีวิตใหม่...อยากอยู่บ้าน ๆ ของเราแม้จะต้องลำบากต้องอดต้องอยากพี่ก็ทนได้....ขอเพียงมีนัทอยู่กับพี่...อยู่กับชีวิตพี่ตลอดไป...”
“ผมสัญญากับพี่วุฒิที่เขารักพี่มากมายแล้วนะ...ผมไม่ทำหรอก...อดเราก็อดด้วยกัน...มีเราก็มีความสุขด้วยกัน....ต่อจากนี้เราจะเข้าใจกัน...ไม่ทอดทิ้งกัน..ผมสัญญา”
“พี่บอกพี่วุฒิว่าไม่ต้องห่วงพี่อีกแล้ว...พี่จะย้ายไปอยู่ที่บ้านของเราที่เราซื้อไว้...พี่วุฒิเขาคงเข้าใจ”
“อือ...คับ”
ตอนนี้คงจะเป็นบทสรุปทางเดินชีวิตของนัท กะ นนท์ซะทีคับ....ชีวิตของ2คน 2 วัยที่ต่างคนต่างฐานะ ต่างการเลี้ยงดู ผ่านปัญหาอุปสรรคที่เป็นเวรเป็นกรรมของแต่ละคน...เวรกรรมที่ทั้ง2 คนอาจจะเคยร่วมสร้างร่วมทำกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน....
    นนท์หลังจากตัดสินใจออกจากบ้านเปลี่ยนชื่อนามสกุลไปใช้นามสกุลของนัท..แม้จะไม่ใช่นามสกุลที่ใหญ่โต...แต่ก็มีไออุ่นที่มาจากครอบครัวของนัทที่ส่งมาให้นนท์รู้สึกได้ถึงความรัก ความเข้าใจที่ทุกคนในครอบครัวเข้าใจนนท์...นนท์พยายามจะไปเรียนต่อเมืองนอก...แต่เขาคิดว่า...ชีวิตและหัวใจของเขาอยู่ที่เมืองไทย...ครั้นจะพานัทไปอยู่ด้วยกันก็คงยาก...เพราะสภาพการเงินตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน...งานที่ไม่มีทำมาระยะหนึ่ง...ก็ทำให้เงินที่เก็บไว้หมดไปเรื่อย ๆ .... จะเรียนต่อไปทำไมอีก...เรียนจบสูงก็ไม่เห็นจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองเลย...นนท์เห็นพวกด๊อกเตอร์มากมาย...ที่ไม่ได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง...กลับถูกพันธนาการด้วยอะไรต่อมิอะไรมากมาย...เกียรติยศและศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่...ทำให้ไม่สามารถทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองได้...นนท์พบกับทางสายแห่งความสุขของชีวิต...ปลงกับชีวิต...ย้อนกลับไปมองภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของนนท์...นนท์ไม่ติดต่อกับทางครอบครัวของนนท์อีกเลย...ออกมาใช้ชีวิตของตัวเองที่มีนัทอยู่ข้างชีวิต...แม้จะมีปัญหาอุปสรรคก็คิดเสียว่ามันคือแบบทดสอบหนึ่งที่ให้เราได้ฝึกทำ...แล้วก้าวผ่านมันไปให้ได้...แบบทดสอบชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป...ตามแต่ชะตาชีวิตของแต่ละคน...ตามแต่วิถีของแต่ละคนว่าจะต้องเผชิญกับอะไร...นนท์ได้เผชิญกับบทเรียน แบบทดสอบของชีวิตมาพอสมควรแล้ว...เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาน่าจะอยู่อย่างสงบเสียที...ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากนัก...อยู่แค่มีพอกินพอใช้โดยที่ไม่เดือดร้อน...
    นัทเองก็เข้าใจนนท์มากขึ้น...แม้ว่าบางครั้งจะมีงอน ๆ กันบ้างหรือมีอารมณ์ใส่กันบ้าง...แต่นนท์จะหยุดและสงบลงทุกครั้ง...เพราะนนท์ไม่อยากจะมีชีวิตที่ต้องอยู่กับความทุกข์...ต้องทะเลาะเบาะแว้งกับนัท...ทั้ง ๆ ที่นัทก็อยู่กับนนท์มาสิบกว่าปีแล้ว...มันไม่ได้อยู่ที่การอยู่ด้วยกันเพียงอย่างเดียว .... แต่อยู่ที่หัวใจของคนทั้งคู่ว่ามีความรักกันมากเพียงใด.....มีความเข้าใจในกันและกันมากเพียงใด...การอยู่ด้วยกันเป็นแบบทดสอบที่ทำให้คนสองคนได้เรียนรู้และเข้าใจกันมากขึ้น
    มีชีวิตแบบนนท์หลายคู่...แต่ต่างก็อ้างว่าเป็นแฟนกัน...แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน...แล้วจะเป็นแฟนกันได้ยังไง...เพราะแต่ละคนก็ยังต้องการอิสระเป็นของตัวเอง...ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน...กิน นอน ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน...จะเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนก็คงไม่ใช่...คนเราจะเรียนรู้จักนิสัยจริง ๆ หรือสันดานกันก็ต่อเมื่อมาอยู่ด้วยกัน...ใช้ชีวิตด้วยกัน...นอนก็นอนด้วยกัน...จะทนกันได้หรือป่าวที่อีกคนนอนกรนเสียงดัง...นอนดิ้น...ตื่นมาก็เจอหน้ากัน...นัทจะเข้ามากอดนนท์ทุกเช้าและหอมแก้มนนท์ทุกเช้าก่อนออกไปทำงานแม้ว่าบางวันนนท์...ยังไม่ลุกจากเตียงก็ตาม..ถึงเวลาต่างคนต่างออกไปทำงาน...ถึงเวลากลับมามาทานข้าวด้วยกัน....ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือคอนโด...ช่วยกันเก็บกวาดเช็ดถู...ซักผ้า...ล้างห้องน้ำ....วันไหนอยากหุงข้าวทำกับข้าวทานกันก็ทำ...แล้วช่วยกันเก็บช่วยกันล้าง....แต่ที่อ้างกันว่าเป็นแฟนกันทุกวันนี้...นัดกินข้าวกันข้างนอกบ้าน...มีsexกันในโรงแรมม่านรูด เพราะต่างก็ไม่ต้องการที่จะมานั่งรับภาระจากกันและกัน...โธ่...แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็น “แฟน เป็นคู่รัก” กันได้ยังไง การอยู่ด้วยกันของคนสองคนจะเห็นว่าแต่ละคนนั้น มี แชร์ และแคร์ให้กันและกันหรือป่าว…
    ใครต่อใครอาจจะแย้งขึ้นมาในใจว่า...นัทกะนนท์จะไปกันได้หรือป่าว...เพราะขนาดกับพี่น้องยังอยู่ไม่ได้...แต่นนท์คิดเสมอว่า...พี่น้องกันนี่แหละตัวดี...เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง...เป็นที่ตั้ง....ยิ่งถ้าพี่น้องของใครที่มีครอบครัวแล้ว...ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น....เพราะไม่ใช่แค่ตัวเองคนเดียวอีกแล้ว...ไหนจะลูกเมียอีก...คราวนี้ยิ่งไม่เห็นแก่สายเลือดความเป็นพี่น้องกันมาหรอก...เขาก็จะเห็นแก่ลูกเมียของตัวเขาเองมากกว่า….ในเมื่อเห็นคนอื่นสำคัญกว่า...ทำไมเราเองจะคิดบ้างไม่ได้...และที่สุดชีวิตก็ต้องเป็นของเราที่เราต้องเลือกเดินเอง
    หลายต่อหลายคนที่ละล้าละลังในการตัดสินใจที่จะเลือกคู่ครองของชีวิตตน...ปัจจัยไม่ได้อยู่ที่คนอื่นเลยแม้แต่น้อย...แต่อยู่ที่ตัวเองและคนที่เรารักเขาหรือคนที่เราจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กับเขาต่างหาก...หลายคนมานั่งวิตกว่า...ที่บ้านครอบครัวจะยอมรับหรือป่าว....ก็ต้องมาคิดว่า...ที่สุดชีวิตเป็นของใคร....ชีวิตก็เป็นของเราเอง...ครอบครัวไม่ได้มาอยู่กับเราด้วยและไม่ได้อยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต....หลายครอบครัวพยายามเลือกคู่ครองให้...โดยที่ไม่ได้คิดว่าเขาจะอยู่กันได้หรือป่าว...คิดเพียงแค่ ....อยู่ ๆ กันไปก็รักกันไปเอง....มันไม่ใช่แบบนั้นอะซิ...เพราะถ้าอยู่กันไปแบบไม่รักกันมาก่อนก็ต้องมาปรับตัวกันอย่างมาก...แล้วถ้าลองปรับแล้วยังเข้ากันไม่ได้ก็ยิ่งแย่กันไปใหญ่...หลายครอบครัวที่ไม่รู้ว่าลูกหรือคนในครอบครัวเป็นเกย์...แต่จับไปแต่งงานกับหญิง...สัญชาติญาณของการเป็นเกย์ก็ยังคงอยู่ในตัวคนนั้น...ถึงจะฝืนธรรมชาติอย่างไร สัญชาติญาณก็กลับหวลไปหาสิ่งที่เป็นอยู่...บางคนพยายามโกหกตัวเอง...แต่งงานอยู่กับหญิงมีลูก...แต่ก็โกหกตัวเองไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง...ที่สุดก็หวลกลับไปเหมือนเดิม...กลับไปเป็นเกย์สมสู่กับผู้ชายเหมือนเดิม...สร้างปัญหา สร้างความทุกข์ใจให้กับอีกฝ่าย..และลูกที่เกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร ต้องมารับกรรมที่พ่อที่เป็นเกย์ก่อไว้...กลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ...กลายเป็นเด็กที่โตมาถูกคำประณามจากสังคมและคนรอบข้างเพราะคงไม่มีใครที่อยากโตมาแล้วได้ยินคนอื่นมาว่า....ว่าพ่อเป็นเกย์เป็นตุ๊ด....
    สองหนุ่มสองวัย...ที่ตอนนี้ใจตรงกัน...ความคิดหลาย ๆ อย่างหลาย ๆ เรื่องที่ตรงกันและเข้าใจกัน...ทั้งสองร่วมกันวางแผนชีวิตที่จะอยู่อย่างสงบ...หลีกหนีความวุ่นวายจากสังคมเมือง...กลับไปใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านเกิดของนัท...กลับไปเปิดกิจการเล็ก ๆ ที่พออยู่พอกิน...ที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง....ไม่เบียดเบียนใคร....ความฝันของนนท์ที่อยากจะอยู่กับธรรมชาติ...อยู่ในที่ที่อากาศบริสุทธิ์กับต้นไม้ ภูเขา...ชีวิตที่ตื่นมาวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า...เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง....เหนื่อยจากวิ่งก็มานั่งพักแล้วก็ทำกิจกรรมส่วนตัว...อาบน้ำอาบท่า....เลี้ยงดูหลาน...แล้วก็ออกไปเปิดร้านขายของ....ได้กำรี้กำไรสักวันละสามร้อยห้าร้อยบาทก็อยู่ได้แล้ว...ถึงเวลาบ่าย ๆ ก็ปิดกลับมาบ้าน...ทำกับข้าวกินกันในครอบครัว...ไม่มีอะไรที่จะทำให้มีความสุขมากไปกว่าการทานข้าวกันในครอบครัว ล้อมวงทานข้าว กินไปคุยกันไป....วันไหนอยากไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวก็ปิดร้าน...ขับรถไปเที่ยวกัน....อยากกินอยากทานอะไรอร่อย ๆ ก็ขับรถไปหาทานกัน...จากบ้านมาเชียงใหม่ไม่ได้ไกลจนเกินความสามารถของการเดินทางที่จะเดินทางมา....



ต่อ33
อยู่บ้านก็ปลูกผักไว้กินเองไม่ต้องซื้อไม่ต้องหา....ไม่ต้องกลัวสารพิษ....
    สองหนุ่มต่างวัยที่เริ่มเบื่อสภาพของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร ที่ที่มีแต่ความวุ่นวาย...มีแต่มลพิษ มลภาวะ..ทั้งอากาศ น้ำ อาหารก็ยังมีสารพิษ โดยเฉพาะคน...ที่เป็นพิษและเป็นตัวที่ทำให้เกิดพิษมากที่สุด... และคนที่ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างแย่ลงเรื่อย ๆ ...นนท์เคยทำงานพักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่บ้านเกิดของนัท...นนท์ต้องเผชิญกับความแปรปรวนทางอารมณ์ของคนที่เป็นระดับหัวหน้างานของนนท์...อารมณ์ที่เธอคนนั้นไม่สามารถควบคุมด้วยตนเองได้...นนท์ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้...กลับยิ่งทำให้เธอคนนั้นระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างคนเสียสติ....นนท์คิดว่า...นี่กรูมาทำงาน...ไม่ได้มารองรับอารมณ์ใคร....ทั้ง ๆ ที่นนท์ไม่ได้ทำงานผิดอะไรตรงไหน .... แต่ความไม่พอใจในตัวนนท์ของหัวหน้างานของนนท์...
    สองคนต่างฝันว่าสักวันจะเก็บเงินเพื่อซื้อที่ทำไร่สักแปลง...จะดำเนินรอยตามนายหลวง(คนเหนือเรียกนายหลวง...ต่อมาเพี้ยนเป็นในหลวง ดังที่เรียกกันทุกวันนี้)ตามทฤษฎีเกษตรแนวใหม่...ไม่ต้องซื้อไม่ต้องหาผักหญ้ามากิน เพราะปลูกเอง...เลี้ยงไก่ไว้กินไข่...เลี้ยงปลาไว้กิน...ชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องฟุ้งเฟ้อ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนายหลวง...แบ่งที่ดินทำนาปลูกข้าว..แปลงนึง...แปลงที่สอง...ปลูกพืขยินต้นและล้มลุก ผักสวนครัวไว้กิน เหลือก็ขาย...แปลงที่สาม ขุดบ่อไว้เก็บน้ำใช้...เลี้ยงปลาในบ่อ....เลี้ยงไก่บนบ่อให้ปลากินขี้ไก่...แปลงสุดท้ายก็เป็นที่อยู่...คนที่มีที่ทางอยู่ต่างจังหวัดถ้าทำตามนายหลวงได้...ไม่จำเป็นต้องเข้ามาแย่งชิง ดิ้นรนไขว่คว้าหาชีวิตในเมืองกรุงเลย...ถ้าทำแบบนายหลวงได้...ชีวิตทั้งชีวิตก็มีพอกินพอใช้ไปตลอดแล้ว...แต่กลับกลายเป็นว่าต่างขายที่ดินของตัวเองในต่างจังหวัด...แล้วเข้ามาสู่เมืองกรุง...ที่สุดเงินที่ขายที่ดินได้ก็หมดไป....เพราะค่าเช่าห้องเล็ก ๆ เท่าแมวดิ้นตาย....แทนที่จะสามารถมองฟ้ากว้างได้ไกลสุดสายตา...มาสูดเอาควันพิษแทนอากาศบริสุทธิ์ที่เคยสูด...มาเจอคนที่เห็นแก่ตัว...มิจฉาชีพ...บางคนเจอตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเหยียบย่างในกรุงเทพ...ต้องกลับบ้านไปแบบไม่เหลืออะไร...หรืออยู่ต่อก็ต้องดิ้นรนอย่างสุด ๆ
    ยิ่งปัจจุบันนี้ด้วย...ยิ่งไปกันใหญ่...พวกมิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ...เป็นตัวทำลายสังคมที่เราอยู่ให้ไม่น่าอยู่...มีทั้งลักเล็ดขโมยน้อย...ไปจนถึงปล้นชิงทรัพย์ฆ่ากันตาย...หลายคนที่เข้ามากรุงเทพก็เจอสภาพนี้...หลายคนที่เข้ามาเผชิญกับความยากลำบาก...ที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพ ที่คิดว่าเรียนสถาบันในกรุงเทพแล้วจะดีกว่าเรียนที่ต่างจังหวัด...แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างกัน...แต่กลับต้องมาเสียเงินทองมากมายทั้งค่าเรียนค่าที่พักค่ากินอยู่...ไหนจะยังเที่ยวอีก...ไม่รู้ว่าพ่อแม่คิดถูกหรือป่าว...บางรายเหมือนขายควายส่งควายเรียน...บางคนที่เข้ามาเรียนก็อาศัยรูปร่างหน้าตาและสิ่งที่ติดตัวมา...ประกาศขายตัวทางอินเตอร์เน๊ท...บางรายก็เป็นขอทานไฮเทค...อาศัยเทคโนโลยีหาเงินทำตัวเป็นขอทานในโลกอินเตอร์เน๊ท ...
ชีวิตของนนท์ที่เกิดและโตในกรุงเทพ...กลับเบื่อสภาพที่ย่ำแย่ของกรุงเทพ สภาพความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้....ตอนนี้นนท์ก็มีนัทเพียงคนเดียว...สองคนให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะตายจากกันไป....บทสรุปของชีวิตทั้งคู่ ณ เวลานี้ไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่าจะเป็นเช่นไร...แต่นับจากก้าวนี้ไปสู่ก้าวต่อ ๆ ไป เท้าของทั้งคู่จะก้าวไปพร้อม ๆ กัน...ให้เกียรติซึ่งกันและกัน...รักและดูแลหัวใจของกันและกันอย่างทะนุถนอม
เผื่อท่านผู้อ่านทั้งหลายผ่านไปจังหวัดบ้านเกิดของนัท ผ่านไปอำเภอบ้านเกิดของนัท...อาจจะได้เห็นชายสองคน สองวัย ที่เริ่มจากการมาต่างฐานะ...ตอนนี้เขากลายเป็นคน คนเดียวกัน...ชีวิตของชายสองคนที่เข้าใจชีวิตของกันและกันมากขึ้น...เป็นชีวิตคู่ที่หลาย ๆ คนมอง...เพราะชายสองคนนี้เป็นเหมือนคู่ผัวตัวเมียกัน...ชายสองคนจะยืนขายของอยู่ด้วยกัน ....เป็นความสุขที่ต่างฝ่ายต่างเต็มใจร่วมกันทำ...มีหลานตัวเล็ก ๆ วิ่งอยู่ในร้านอย่างมีความสุข...เป็นภาพที่ใครผ่านไปผ่านมาหรือคนที่แวะมาซื้อของอดชื่นชมไม่ได้...ที่ชาย2คน2วัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...คำสัญญาที่ทั้งคู่ให้กันไว้ว่า....จะดูและซึ่งกันและกัน.....ไม่ทอดทิ้งกันไปจนวันตาย...
            จบบริบูรณ์
ดูบันทึกคะแนน
   yO_s Zenny +100

ประธานนักศึกษา

โพสต์
1549
พลังน้ำใจ
6256
Zenny
2704
ออนไลน์
1313 ชั่วโมง
2#
โพสต์ 2016-9-2 07:54:13 จากอุปกรณ์เคลื่อนที่ | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
34422
พลังน้ำใจ
158441
Zenny
289780
ออนไลน์
46333 ชั่วโมง
ขอบคุณครับผม

ประธานนักศึกษา

โพสต์
3082
พลังน้ำใจ
9859
Zenny
254
ออนไลน์
1854 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
1881
พลังน้ำใจ
9949
Zenny
2817
ออนไลน์
1022 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
2886
พลังน้ำใจ
7830
Zenny
6636
ออนไลน์
893 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
5935
พลังน้ำใจ
15687
Zenny
7496
ออนไลน์
3606 ชั่วโมง

ประธานนักศึกษา

โพสต์
1585
พลังน้ำใจ
9369
Zenny
613
ออนไลน์
1108 ชั่วโมง

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
10573
พลังน้ำใจ
66038
Zenny
197572
ออนไลน์
18419 ชั่วโมง
จบได้งดงาม ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
19681
พลังน้ำใจ
79644
Zenny
72103
ออนไลน์
6744 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3670
พลังน้ำใจ
26660
Zenny
26533
ออนไลน์
2049 ชั่วโมง
ขอบคุณนะครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
6857
พลังน้ำใจ
29382
Zenny
8782
ออนไลน์
1770 ชั่วโมง
ขอบคุณนะครับ

มาเฟียคุมคณะ

โสด สุดดดด

โพสต์
11439
พลังน้ำใจ
66017
Zenny
23813
ออนไลน์
10652 ชั่วโมง
Every cloud has a silver l

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2712
พลังน้ำใจ
13107
Zenny
1082
ออนไลน์
1756 ชั่วโมง
ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3614
พลังน้ำใจ
33279
Zenny
7639
ออนไลน์
5314 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
12457
พลังน้ำใจ
55681
Zenny
47143
ออนไลน์
8783 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
22054
พลังน้ำใจ
85811
Zenny
11897
ออนไลน์
3917 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
9797
พลังน้ำใจ
56409
Zenny
26144
ออนไลน์
21178 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3815
พลังน้ำใจ
22044
Zenny
13100
ออนไลน์
1270 ชั่วโมง
จบได้ดี ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
6790
พลังน้ำใจ
42261
Zenny
27705
ออนไลน์
1939 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-30 14:48 , Processed in 0.137701 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้