ตอนที่16
ผมเดินยกข้าวของไปที่หอใหม่ของน้องหนึ่ง
“ขอบใจพี่บั้มพ์มากๆมาช่วยขนของให้ผม” หนึ่งกล่าวขอบใจผมหลังจากที่ผมทั้งช่วยเก็บของจากหอเก่า และช่วยยกของมาหอใหม่ให้
“กูอยากช่วยมึงอยู่แล้วไม่เป็นไรหรอก” ผมเดินมาดื่มน้ำที่มันเตรียไว้ให้
น้องหนึ่งเดินเข้ามากอดข้างหลังผมผมสะดุ้งเล้กน้อยแต่ก็ปล่อยให้น้องหนึ่งกอดผมอยู่อย่างนั้น
“ผมขอกอดพี่ในฐานะน้องชายและผมก็หวังว่าผมอาจจะกอดพี่อีกครั้งในฐานะอื่นนะครับ”
ผมจับมือของน้องหนึ่งแน่นแล้วก็หันหน้ามามอง
ผมเอามือไปขยี้หัวของหนึ่ง“ดูแลตัวเองดีดีนะมีอะไรก็โทรหาพี่แล้วกัน”
หนึ่งทำหน้าเศร้าผมถอนหายใจ
“นี้ไม่ใช่การลานะอย่าทำหน้าว่าเราจะไม่เจอกันดิวันไหนแกคิดถึงพี่ก็ไปหาพี่ที่หอซิ ไปเล่นบอลกัน ไปกินข้าวไปเที่ยวเหมือนที่เราเคยทำ และก็...” ผมพูดค้างคำไว้
“และก็อะไรครับ” หนึ่ทำหน้างง
“และก็ถ้าวันไหนอยาก ก็มาหาพี่ได้ พี่จะสนองให้” ผมพูดพร้อมเอามือไปคลำๆที่เป้า
ไอ้หนึ่งหัวเราะพร้อมปัดมือผมออก
“พี่บั้มพ์แม่งโคตรหื่นเลยว่ะ” ชมกูอีกแล้วแม่งมีแต่คนชมกูว่าหื่น หมายความว่าไงว่ะเนี้ย
************************************************************************************************
พี่สินดูเทปที่ผมอัดทั้งสองม้วนแล้วก็ยิ้มทำหน้าระรื่น
“สุดยอดเลยว่ะไอ้บั้มพ์ โคตรได้อารมณ์เลยว่ะ กูว่าคนชอบเยอะแน่”
“แล้วพี่จะวางขายเมื่อไหร่”
“ยังไม่รู้ว่ะเพราะตอนนี้ก็ตัดต่ออยู่แต่ก็คิดว่า รอให้มึงถ่ายให้ครบหมดทั้งสบคน แล้วก็เอามาวางขายพร้อมกันกูว่าคนเค้าคงซื้อยกเซ็ทแน่ๆ”
“เออพี่ ผมมีเรื่องจะขอให้พี่ทำอะไรให้อย่างหนึ่ง”
“ว่ามาดิ”
“พี่ช่วยทำแสงในเทปให้มันมืดๆพอที่จะไม่เห็นหน้าผมกับคนที่ผมเอาได้ป่าวครับ คือผมอยากเซฟตัวเอง ผมเองก็ยังอายๆ ถ้าพี่เอาไปขายเมื่อไหร่ผมไม่อยากดังอ่ะ”
ที่จริงผมเลิกอายไปแล้วแต่ผมรู้สึกไม่ดีกับคนใกล้ชิดของผมมากกว่าเพราะทุกคนเป็นทั้งเพื่อน ทั้งน้องของผม ผมไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าผมหลอกพวกเขาและเทปม้วนนี้อาจจะทำลายชีวิตของพวกเขาก็ได้
“เออกูทำให้ได้ กูคงทำให้มันดูหน้าไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะยังไงตอนมึงถ่ายมึงก็ปิดไฟอยู่แล้ว”
พี่สินพูดเสร็จก็คว้าไปหยิบถุงกระดาษให้ผม
“อะนี้เงินสำหรับเทปสองม้วนแล้วรีบจัดการรายต่อไปเร็วๆนะ”
“ครับ” ผมตอบแล้วรีบคว้าเงินออกจากห้องไป
************************************************************************************************
หลังจากไอ้หนึ่งย้ายไปอยู่หอที่อื่นผมก็เหงามากเพราะนานๆมันจะมาที และตอนนี้ก็ช่วงสอบของมันด้วย เลยไม่ได้ติดต่อกับมันเลย
รวมถึงน้องไอซ์ที่เชียงใหม่ด้วยที่กำลังวุ่นกับการสอบผมเลยไม่ได้ติดต่อเด็กๆของผมเลยทั้งสองคน
แต่ลืมไปว่ากูไม่ได้มีแต่เด็กอย่างเดียวมีเพื่อนสุดที่รักอยู่อีกคน
ว่าแล้วผมก็ไปหาเบนซ์ถึงบ้านเลยครับ
“มีอะไรเหรอบั้มพ์มาหาเราถึงบ้านเลย” เจอหน้าผมปุ๊บก็ถามเลย
“เราคิดถึงเบนซ์ใจจะขาดเลยมาหาไง” ผมพูดพร้อมเดินไปกอดคอมัน
“แน่ใจว่าคิดถึงตัวเราเราว่านายคิดถึงอย่างอื่นของเรามากกว่า” รู้ดีจริงๆ
ผมยิ้มหวานให้เบนซ์เป็นคำตอบว่าใช่อย่างที่มันคิด
“ก็ใช่ดิเรามันเป็นเครื่องระบายอารมณ์ พออยากก็มาแต่พอเราต้องการความช่วยเหลือไม่เห็นมาบ้างเลย” มันงอนครับทำเป็นเดินขึ้นห้องมันไปถ้ามันงอน มันจะขึ้นห้องนอนไปทำไมว่ะ
“บั้มพ์ขึ้นมาที่ห้องดิจะยืนอยู่ข้างล่างทำไมเล่า” ที่แท้มันก็ยั่วผมครับมันชวนซะขนาดนี้ผมรีบวิ่งไปเลยครับ
เบนซ์ยืนตรงหน้าต่างใกล้กับประตูทางออกไประเบียงนอกห้องพอเห็นผมเข้ามาก็บอกผมให้ออกไปที่ระเบียงด้วยกัน
บ้านของเป็นเป็นบ้านจัดสรรที่แต่งเป็นสไตลย์ยุโรปผสมโมเดิร์นนอกจากจะใหญ่โตมโหฬารและยังสวยโคตรๆอีก
ผมมายืนข้างเบนซ์ที่กำลังมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
“เรายังไม่ได้ถามเรื่องวันนั้นเลย” เบนซ์ยังคงมองฟ้า
“เรื่องอะไรเหรอ” วันนั้นที่เบนซ์พูดถึงคงหมายถึงวันที่เบนซ์เจอน้องไอซ์นอนอยู่บนเตียงของผม
“เด็กคนนั้นเขาเป็นแฟนนายเหรอ” แม้เบนซ์จะแสดงทีท่าว่าไม่ได้แคร์อะไรแต่ผมพอจับน้ำเสียงที่สั้นๆของเบนซ์ได้
“ก็...ยังไม่ใช่หรอกน้องเค้ายังไม่ได้ตกลงคบกับเรา” ผมบอกไปแค่นั้นแม้อยากจะบอกอีกหลายอย่าง ว่าผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบผู้ชายจริงๆหรือเปล่าและ ผมเองก็พอรู้ว่าที่ไอซ์ยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับผมก็คงเพราะอยากลืมแฟนเก่าของตัวให้ได้คงกลัวผมคิดว่าจะเป็นแฟนกับผมเพราะอยากลืมคนเก่ามันคงทำให้ผมรู้สึกแย่แน่ๆ
“เหรอแสดงว่านายก็ยังไม่มีใครใช่ไหม” เบนซ์หันมายิ้มให้ผม
“อืมมก็คงงั้นมั้ง” ผมมองท้องฟ้าบ้างผมรู้สึกว่าท้องฟ้าในยามค่ำคืนในกรุงเทพฯไม่สวยเท่ากับที่บ้านของผม
“เรารู้นะว่าบั้มพ์ยังคงให้เราเป็นแค่เพื่อนแต่เราเองก็ยังหวังว่าเราอาจจะเป็นได้มากกว่านั้น” เบนซ์เดินมาใกล้ผมพร้อมจับมือผมแน่น
ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมรู้สึกอบอุ่นกับท่าทีของเบนซ์ที่มีให้ผมผมรับรู้ถึงความจริงใจของเบนซ์ที่มีต่อผม
“ตอนนี้เรายังสับสนเรายังไม่รู้ใจตัวเองว่าเราชอบใครหรือชอบอะไรกันแน่ ตอนนี้เรายอมรับว่าเรามีความสุขกับการได้อยู่กับผู้ชายหรือทำอะไรต่างๆกับผู้ชาย แต่มันอาจจะไม่ได้แปลว่าเราจะมีความสุขกับผู้ชายไปตลอด อนาคตเราอาจจะมองว่าสิ่งนี้เป็นเพียงความสนุกที่เราอยากทำเฉยๆเราอาจจะคิดได้ว่าความสุขที่แท้จริงของเราอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้” ยิ่งมีผู้ชายรู้สึกดีกับผมเท่าไหร่ผมยิ่งสับสนกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ผมย้ำกับตัวเองเสมอว่าที่ผมทำแบบนั้นมันเป็นหน้าที่มันเป็นความจำเป็นที่ผมต้องทำแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะทำจริงๆสักหน่อย
“นายต้องใช้เวลาตอบคำถามเหล่านี้นะคนเราจะเป็นเกย์ได้มันมีสาเหตุและคนเราจะเลิกเป็นเกย์ได้มันก็มีสาเหตุเหมือนกัน แต่เราไม่ยืนยันนะว่านายจะได้คำตอบเมื่อไหร่เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวนายเองว่านายรู้จักตัวเองดีขนาดไหน”
ผมยิ้มรับฟังคำแนะนำจากเพื่อนของผม
“นานๆที่จะเห็นนายดูจริงจังแปลกๆว่ะ” เบนซ์เห็นผมเครียดเลยแซว
“คนเรามันก็ต้องมีหลายอารมณ์ดิว่ะ” ผมก็กลับมาบ้าบอเหมือนเดิม
“ก็นึกว่าจะหื่นได้อย่างเดียว” อันนี้เบนซ์มันแซวแรงครับ
“ปากดีอย่างเนี้ยมันต้อง....” แล้วผมก็คว้าตัวของเบนซ์เข้ามาจูบดูดปากเลยครับ
เบนซ์มันตกใจที่จู่ๆผมก็จูบปากมันแต่มันก็ไม่ดิ้นครับรับการจูบของผมเป็นอย่างดี
พอจูบแล้วอารมณ์มันขึ้นผมเลยเริ่มไซร์ไปตามตัวมันเลยครับเอามือไปถลกเสื้อเชิ้ตมันขึ้น
“นี้ขนาดยังไม่เป็นแฟนยังปล้ำเราซะขนาดนี้ถ้าเราเป็นแฟนนายนายไม่ข่มขื่นเราเลยเหรอ” ขนาดผมลวนลามมันอยู่ยังกล้าแซวอีกเหรอผมเลยใช้ปากดูดซวบที่ตรงหัวนมมันเลยครับ
“อ้ายยยยส์.....” เบนซ์มันร้องตัวงอเลยครับ
ผมหัวเราะชอบใจที่แกล้งมันเบนซ์มันคงไม่ยอม เลยเอามือไปคว้ามับที่น้องชายผม
“เฮ้ยยยย!ทำอะไร” ผมเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“แกล้งเราเหรอบั้มพ์” เบนซ์มันทำเสียงน่ากลัวมากเลยครับ
“บะ บะเบนซ์จะทำอะไรเรา” ผมตัวสั้น
เบนซ์ไม่ตอบพร้อมจูบปากผม แล้วเอามือล้วงไปในกางเกงผม
เบนซ์ทั้งจูบทั้งล้วงทั้งคลำเป้าผม จนผมครางเพราะความเสียว
“เบนซ์เราไม่ไหวแล้ว” ผมพูดด้วยเสียงหอบ
“จะแตกแล้วเหรอ” เบนซ์ถามด้วยความตกใจเพราะเบนซ์เพิ่งทำผมได้แป๊บเดียว
“เปล่าเราอยากเอาเบนซ์แล้ว” พูดเสร็จผมอุ้มตัวเบนซ์เขาห้องเลยครับ
มึงทำกูก่อนนะไอ้เบนซ์กูจะเอาคืนให้ตูดบานเลย ตอนที่17
เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังจนปลุกให้ผมตื่นจากการหลับอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะเมื่อวานเอาไอ้เบนซ์จนเพลีย
“ฮัลโหล” ผมรับสายด้วยเสียงที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์
“บั้มพ์นี้แม่นะ”
“แม่ว่าไงครับ มีอะไรเหรอ” ผมตกใจเพราะพักหลังแม่ไม่ค่อยโทรมาหาผม
“แม่มีเรื่องจะรบกวนจ๊ะลูก” ผมไม่แปลกใจหรอกเพราะถูกครั้งที่แม่โทรมาส่วนมากแม่ก็มาขอความช่วยเหลือจากผมนั้นแหละ
“จำลูกของพี่เบิ้มได้ไหม” อยู่ดีดีแม่ก็ถามถึงหลานซึ่งเป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องผม
“อ๋อไอ้โน้ตเหรอ ทำไมเหรอแม่” ผมพูดพร้อมหาวไปด้วย
“ก็มันจะมาสมัครเรียนที่กรุงเทพฯไอ้เบิ้มเลยฝากให้หลานมาค้างที่หอแก”
“อ้าวไอ้โน้ตมันจะเรียนมหาลัยแล้วเหรอ” ผมตกใจเพราะไม่นึกว่าหลานตัวเองจะโตขนาดนี้แล้ว
“เออมันจะมาค้างกับแกสักสองสามวันฝากดูแลหลานด้วยนะ”
“คร้าบเออ แม่มีเงินพอใช้ใช่มั้ย” ผมอดเป็นห่วงแม่ไม่ได้
“พอจ๊ะลูกที่บั้มพ์ส่งให้คราวนั้นยังพอใช้อยู่”
“แล้วเรื่องบ้านล่ะว่าไงบ้างแม่” เรื่องนี้แหล่ะที่ผมเป็นห่วงที่สุด
“แม่ขอเวลาเค้าถึงสิ้นปีแล้วบั้มพ์ล่ะไหวไหม”
ผมถอนหายใจ“ไหวครับแม่ไม่ต้องห่วงนะ บั้มพ์หาเงินได้เมื่อไหร่จะไปจัดการให้ครับ”
ผมวางสายรู้สึกเครียดกับปัญหาที่ผมต้องแบกรับ
ผมหันไปมองเบนซ์ที่ยังหลับอยู่ข้างๆผม
ถ้าไม่ได้เบนซ์ผมก็คงไม่มีเงินใช้และคงไม่มีเงินเอาไปให้แม่ด้วย
ผมก้มลงไปจูบแก้มเบนซ์เป็นการขอบคุณที่มันช่วยผมโดยที่มันไม่รู้ตัว
เพราะการจูบของผมทำให้เบนซ์ตื่น
“จะขออีกรอบเหรอ” เบนซ์แซว
“ให้ป่าวหล่ะ” ผมเริ่มใช้มือลูบไล้ตัวเบนซ์
เบนซ์ไม่ตอบแต่เบนซ์ลากมือผมไปจับไอ้นั้นของมัน
ผมเลยจูบปากมันอีกรอบแล้วเริ่มขึ้นคร่อมมัน
“คราวนี้ทำเบาๆหน่อยนะอย่าทำแรงเหมือนเมื่อคืน” เบนซ์พูด
ผมยิ้มแล้วเริ่มจัดการมัน
เป็นครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับผู้ชายโดยไม่ใช้กล้องอัดภาพ
และเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าผมมีอะไรกับผู้ชายเพราะไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำแต่เป็นเพราะความชอบของผมจริงๆ
************************************************************************************************
หมอชิตเต็มไปด้วยผู้คนมากมายผมมองไปที่ผู้คนเล่านั้น เพื่อหาหลานของผม
ผมพอจะจำหน้าของเจ้าโน้ตได้แต่ตอนนั้นมันก็สิบปีมาแล้ว
ครอบครัวของผมกับครอบครัวของเจ้าโน้ตไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าไหร่แม้ว่าตามความเป็นจริงแล้วเราควรจะสนิทกัน
เพราะพ่อของผมเป็นพี่ชายของแม่พี่เบิ้มคือผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เบิ้มและผมก็มีศักดิ์เป็นอาของเจ้าโน้ต
แต่ที่บอกว่าไม่ค่อยสนิทกันเพราะแม่ของพี่เบิ้มขี้เหนียวและเห็นแก่ตัว
ผมจำได้ว่าแม่ของพี่เบิ้มเอาที่ดินที่เป็นของพ่อไปขายเพื่อให้พี่เบิ้มเรียนที่พ่อให้ไปนั้นเพราะพ่อผมรักแม่พี่เบิ้มมาก
แต่พอพ่อผมเสียแม่พี่เบิ้มแทบจะไม่ให้ความช่วยเหลือแม่และผมเลยแม้แต่น้อย
มีแต่มาขอให้แม่ช่วยนู้นช่วยนี้ตลอดยิ่งตอนนี้ผมกับแม่กำลังลำบากเรื่องบ้านอยู่เขาก็ไม่คิดจะช่วยแม้แต่น้อย
แล้วตอนที่แม่บอกว่าให้ช่วยดูแลเจ้าโน้ตผมอยากจะปฏิเสธเหลือเกินแต่รู้ว่าแม่ไม่อยากให้ผมทำแบบนั้น
เพราะแม่รู้ว่าพ่อรักแม่พี่เบิ้มขนาดไหนเลยให้ความช่วยเหลือแม่พี่เบิ้มตลอด
ผมเองก็ไม่อยากอยากเอาความโกรธแค้นมาลงที่เจ้าโน้ตหลานมันไม่รู้อะไรด้วยก็ปล่อยๆมันไปเถอะ
ผมรอมันนานมากมันบอกว่าจะมาเที่ยงๆ แต่ตอนนี้มันปาไปบ่ายสองแล้วครับ
ผมโทรไปหาก็ไม่รับเลยกลัวว่ามันจะเป็นไรหรือเปล่า
ด้วยความหงุดหงิดผมเลยโทรไปอีกรอบ ถ้ามันไม่รับกูก็จะโทรไปให้มันรับอยู่นั้นแหล่ะ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่มันไม่ใช่ของผม
ผมหันหลังไปตามเสียงโทรศัพท์นั้นเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนยิ้มโบกมือบ๊ายบายให้ผม
ผมตกใจเพราะภาพของเด็กกะโปโลอายุแปดขวบที่ผมนึกไว้กลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าคมผิวเข้มตัวสูงเท่าผมผมรองทรงสั้น และการแต่งตัวที่ดูดีพอๆกับเด็กที่เดินแถวสยาม
“หวัดดีอาบั้มพ์” ผมเดาไม่ผิดไอ้โน้ตแน่ๆ
“เฮ้ย!ไอ้โน้ต ทำไมมึงโตขนาดนี้ว่ะเนี้ย อาจำไม่ได้แล้วว่ะ” ผมยังคงมองภาพเด็กหนุ่มตรงหน้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่นึกว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะเป็นหลานตัวเองทำไมมันหล่อกว่ากูว่ะเนี้ย
“ผมเองก็จำอาบั้มพ์ไม่ค่อยได้แต่คิดว่าน่าจะใช่ เพราะพ่อเคยให้ดูรูปอาตอนที่พ่อไปงานรับปริญญาของอา”
“เจอกันก็ดีแล้วอาก็ตกใจโทรไปก็ไม่รับ”
“ผมหลับครับแล้วก็ปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย เลยไม่ได้ยิน ที่มันมาช้าเพราะรถหยุดตรวจตรงทางเข้าเมืองอ่ะครับ”
“เออๆช่างมันเถอะ มาถึงก็ดีแล้วไปหอของอาเถอะ” ผมชวนมันกลับบ้าน
“เดี๋ยวก่อนดิผมหิวอ่ะ ไปกินข้าวเถอะ” โน้ตลูบท้องพร้อมทำมุ่ย
“ยังไงก็ต้องนั่งรถไปกินอยู่ดีก็นั่งรถกลับหอไปเลยซิแล้วไปกินแถวๆหอของอาก็ได้” ที่อยากให้มันไปกินแถวๆหอเพราะมันถูกครับ ผมไม่มีปัญญาเลี้ยงอะไรแพงๆหรอก
“โหมากรุงเทพทั้งที ขอมากินอะไรหรูๆหน่อยได้ป่ะ” กูก็อยากกินของหรูๆแต่กูไม่มีตังค์โว้ย
“ไอ้นี้จะไปกินของหรูมีตังค์หรือไงบอกไว้ก่อนว่าอามีตังค์ไม่เยอะนะ” อายจังที่ต้องบอกว่ากูจน
“แล้วใครบอกให้อาเลี้ยงล่ะผมก็มีตังค์” มันพูดพร้อมเดินนำหน้าผม
“เฮ้ย!พ่อแกให้มาเหรอ” ผมถาม
“ป่าวย่าให้มา” ย่าของมันก็คือแม่ของพี่เบิ้ม ผมฟังแล้วแค้นมากเลยครับ มีเงินให้ลูกให้หลานมาผลานแต่ไม่เงินมาช่วยพี่สะใภ้
“เยอะนักเหรอไง” ผมพูดประชด
“ก็เลี้ยงอาได้แล้วกัน” มันพูดสวนผมทันที
ไอ้นี้มันปากดีเดี๋ยวกูจะให้มึงเลี้ยงกูจนหมดตัวเลย ตอนที่18
ในร้านโออิชิบุฟเฟต์มีอาหารญี่ปุ่นมากมากหลากหลาย
แม้ผมจะอยู่กรุงเทพมาหลายปีแต่ไม่เคยมากินที่นี้เลยครับเพราะผมคงไม่มีปัญญากินของพวกนี้
หรูสุดก็พวกฟูจิเอ็มเคสุกี้ไม่ก็ซิสเลอร์ (ยกเว้นอาหารที่โรมแรมที่ผมไปกินงานแต่งงาน กับงานบายเนียร์อันนั้นกินฟรีไม่เสียตังค์)
“ได้กินสักทีต้องกินให้คุ้ม” แล้วไอ้โน้ตก็สวาปามของกินที่อยู่ตรงหน้า
ผมพอเข้าใจครับว่าเด็กบ้านนอกเข้ากรุงเทพมันเป็นยังไงเพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน
แต่การที่มันมากินร้านที่หรูๆอย่างนี้มันจะเกินไปหน่อยแต่เพราะย่ามันสร้างความแค้นไว้ให้ผมผมเลยปล่อยให้มันทำตามใจ
ไม่หรอกผมเองก็อยากกินด้วยแหล่ะเพราะยังไงมันก็เลี้ยงอยู่แล้ว
“อาบั้มพ์ทำไมไม่กลับไปทำงานแถวบ้านล่ะ” โน้ตชวนคุย
ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าเพราะย่ามึงนั้นแหล่ะ ถ้าย่ามึงช่วยเหลือครอบครัวกูสักนิดกูก็ไม่ต้องมานั่งลำบากทำงานที่กรุงเทพหรอก
“โน้ตก็รู้นี้ว่าที่บ้านของอาต้องใช้หนี้ค่าบ้านงานที่กรุงเทพก็ให้เงินเยอะกว่างานที่บ้านเรา”
“เหรอครับแล้วอาไม่เหงาบ้างเหรอ อยู่กรุงเทพคนเดียว ไม่มีแฟนอีก” จะว่ากูไม่มีปัญญาหาแฟนหรือไงฟ่ะ
“ไม่หรอกอามีเพื่อนมีคนรู้จักเยอะ อีกอย่าง ที่อายังไม่มีแฟน เพราะคิดว่า อายังไม่มีความันรับผิดชอบพอจะดูแลใครตอนนี้เพราะตัวเองยังเอาไม่รอดเลย” กลายเป็นว่าผมบ่นชีวิตอันรันทดให้มันฟัง
“มีแฟนนี้ต้องรับผิดชอบด้วยเหรอ” มันถามอย่างงงง
“อ้าวก็ต้องมีดิ เราเป็นผู้ชายนะ เราก็ต้องดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงดิว่ะ”
“แค่แฟนเองไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย ไม่ได้เป็นเมียสักหน่อย” มันตอบได้กวนมากครับ
“ก็เพราะคนเรามักคิดแบบนี้ตอนเป็นแฟนทำอย่างนี้แต่พอแต่งงานก็ทำอีกอย่าง ชีวิตคู่มันเลยไปไม่รอด ถ้าเรารักเขาก้ต้องให้ความสำคัญกับเขา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน” ผมตอบดีมากครับผม
มันพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดหร้อมเอาตะเกียบคีบเนื้อหมูเข้าปาก
“แล้วแกมีแฟนยังล่ะ” ผมถาม เพราะคิดว่าถ้ามันมีแต่มันยังคิดได้แบบนี้สงสารแฟนมันว่ะ
“ยังครับผมยังไม่สนเรื่องนี้” เหมือนมันไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้เพราะมันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
พอผมรู้สึกว่าตัวเองฟาดทุกอย่างจนกระเพราะเกินจะรับได้ก็บอกให้โน้ตกลับโน้ตเองก็พอๆกับผม เดินแทบจะไม่ไหวทั้งคู่
ตอนไปจ่ายตังค์ผมตาโตตกใจกับราคาเพราะกินแค่สองคนก็ล่อไปเกือบพัน
แต่ไอ้โน้ตควักตังค์จ่ายหน้าตาเฉยเลยครับตอนมันมันควักแบงค์ออกมาจากกระเป๋าตังค์เห็นแบงค์พันเป็นฟ่อนเลยครับ
ย่ามันเอาเงินที่ไหนมาให้ว่ะเนี้ยก็พอรู้ว่าทำร้านอาหารแต่รวยขนาดนี้เลยเหรอว่ะ
พอออกมาจากร้านโน้ตหันมาบอกผม “อาบั้มพ์เดี๋ยวไปซื้อของกับผมด้วยนะ”
แล้วมันก็เรียกแท็กซี่ลากผมไปบนรถด้วย
มันบอกคนขับรถว่า “ไปสยามพารากอนครับ”
************************************************************************************************
โน้ตเดินซื้อของทั่วสยามพารากอนทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ซีดี ร้องเท้า กางเกงในด้วยครับ
มันเข้าแทบทุกร้านแต่ไม่ได้ซื้อทุกร้านหรอก
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กบ้านนอกอย่างมันถึงรู้จักยี่ห้อแบรนด์เนมดังๆพวกนี้ได้และถลุงได้เยอะขนาดนี้
ผมเดินตามตูดมันเหมือนคนใช้เลยครับแถมช่วยมันถือของอีก
กว่ามันจะกลับหอได้ก็ดึกแล้วครับ
“แกหมดตังค์ไปเท่าไหร่” ผมถามทันทีเมื่อถึงหอ
“ก็เกือบหมื่นกว่าๆ” มันตอบหน้าตาเฉยมาก
“ย่าแกให้เงินมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“อ๋อครับ ย่าเพิ่งเอาที่ไปขาย” มันตอบพร้อมเอาของที่ซื้อมาขึ้นมาดู
“ที่เหรอ ที่ไหนว่ะ” ผมถาม
“ก็ที่นาเก่าของย่าทวดปู่ทวดไง ที่มันอยู่ใกล้อำเถออ่ะ” มันตอบพร้อมเอาเสื้อเชิ้ตมาลองใส่
พอได้ยินโน้ตพูดถึงที่นาแห่งนั้นผมโกรธมากเลยครับเพราะมันเป็นที่นาของพ่อ แต่พอพ่อตาย ย่าของเจ้าโน้ตก็เอาไปเลยครับที่แม่ไม่โวยวายเพราะ ที่นาแห่งนั้นย่าของโน้ตเป้นคนดูแลมาตลอดถึงเราจะเป็นเจ้าของ แต่เราก็ควรให้คนที่ดูแลมันไปดีกว่า
ผมพยายามเก็บอารมณ์เพราะไอ้โน้ตคงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
“แต่แกก็ไม่น่าจะใช้เงินเยอะขนาดนี้นะเว้ยแกยังหาเงินไม่เป็นน่าจะสงสารย่ากับพ่อแกที่ให้เงินมานะ กว่าพวกเขาจะหาเงินมาได้”
ขอทำหน้าที่อาที่ดีหน่อยต้องสั่งสอนเยอะๆ เด็กสมัยนี้มันใช้เงินกันไม่เป็น
“ก็ย่ากับพ่อบอกเองว่าให้ซื้อของดีดีของหรูหรู ของแพงเพราะเดี๋ยวมาเรียนกรุงเทพฯจะได้ไม่อายคนอื่นเขา”
เชื่อเลยว่ามันเป็นหลานย่ากับ ลูกของพี่เบิ้มเพราะครอบครัวนี้ชอบมีนิสัยอวดรวย ต้องทำให้ตัวเองดีกว่าคนอื่น
“อาเองก็อยู่กรุงเทพมาหกเจ็ดปียังไม่เห็นต้องซื้อของแพงๆพวกนี้เลย”
“แล้วอาจะให้ผมเอาไปคืนเหรอไหนไหนก็ซื้อมาแล้วก็ช่างมันเถอะ” มันเถียงครับเถียงน่ากระโดดเตะปากมันจริงๆ
“เออถือว่าอาสอนแกก็แล้วกันจะใช้หรือไม่ใช้ก็เรื่องของแก” ผมเหนื่อยใจกับหลานตัวดีจริงๆ
มันก็พยักหน้ารับแต่หน้าตาดูไม่สำนึกเอาเสียเลย
โน้ตมันก็ยังคงเอาเสื้อผ้ากางเกงมาลองหน้ากระจกอยู่ผมเห็นว่าอีกนานมันคงจะอาบน้ำเลยไปเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อน
พอผมอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำก็ตกใจที่เห็นมันใส่กางเกงในตัวเดียวยืนหันไปหันมาที่หน้ากระจก
“แกทำอะไรนะ” ผมถาม ใจเต้นนิดๆเพราะไอ้โน้ตมันหุ่นดี แถมตรงเป้ามันตุงมากครับ
“ก็ลองกางเกงในที่ซื้อมาใหม่ไง” แล้วมันก็เดินมาหาผม
“เท่ห์ป่าวอาบั้มพ์” มันยืนแอ่นอย่างภาคภูมิใจ
“เออมัวแต่ทำบ้าอะไรไปอาบน้ำไป๊ จะได้นอนสักที” ผมไล่มันก็รับฟังแต่โดยดี คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมมองตัวเองหน้ากระจกแต่ภาพตรงหน้าผมไม่ใช้หน้าของผมแต่เป็นภาพของเจ้าโน้ตใส่กางเกงใน ภาพมันติดตามากเลยครับ
ไม่ได้ไม่ได้ มันหลานตัวเองนะเว้ยอย่าคิดทุเรศแบบนี้
ผมพยามเก็บอารมณ์ที่เริ่มปะทุขึ้นคิดแบบนี้กับหลานตัวเองได้ไง
แต่มันก็ไม่ใช้หลานแท้ๆสักหน่อยเป็นญาติห่างๆนี่หว่า
ความคิดของผมเริ่มขัดแย้งกันครับจะเอาหรือไม่เอา ตอนที่19
เสียงน้ำจากฝักบัวเงียบลงพร้อมเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก
ผมรีบกระโดดขึ้นเตียงแต่แล้วภาพของเจ้าโน้ตที่เดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็เริ่มทำผมขวัญกระเจิง
ตอนมันเปียกน้ำโคตรเซ็กซี่เลยครับ
พอรู้ตัวว่าเริ่มจะเคลิ้มกับหุ่นของเจ้าโน้ตผมรีบน้องหันหลังให้มันเลยครับ
“อ้าวอาบั้มพ์นอนแล้วเหรอ” พอมันพูดผมสะดุ้งเลยครับ
“เออเออ วันนี้เดินมาทั้งวันเหนื่อยแล้ว ขอนอนก่อนแล้วกัน” ผมรีบตัดบทไม่อยากสนทนา
“ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยจะนอนแล้ว” มันย้อนผมอยากด่ามันเหลือเกิน ก็เพราะมึงนั้นแหล่ะที่ทำให้กูรีบนอน
“แล้วอาไม่มีหมอนข้างเหรอ” มันยังถามอีกอย่ามายุ่งกับกูได้ไหมจะหลับจะนอน
“ไม่มีโว้ย”
“แล้วก็ไม่บอกจะได้ซื้อมา” มันก็ยังไม่หยุดพูดมึงมาค้างแค่คืนสองคืนจะซื้อเลยเหรอ
ผมรู้สึกว่าเตียงเริ่มสั่นมันคงขึ้นมานอนแล้วครับ
แต่มันไม่ได้นอนอย่างเดียวมันกอดผมด้วย “งั้นผมคงต้องกอดอาทั้งคืนแล้วดิเพราะผมติดหมอนข้างซะด้วย”
ผมดิ้นเลยครับแล้วก็หันจะไปด่ามันแต่ก็ต้องร้องด้วยความตกใจ “จ๊ากกกกกส์”
ก็เพราะว่ามันใส่กางเกงในตัวเดียวนอน
“ทะ ทะทำไมมึงใส่แต่กางเกงในว่ะ” ผมตัวสั้นพร้อมชี้ไปที่กางเกงในตัวสั้นจิ๋วของมัน
“นี้อาบั้มพ์ปกติผมไม่ใส่อะไรนอนเลยด้วยซ้ำ” แนะ มันยังพูดได้ไม่อายเลย
“มึงไปหาอะไรใส่นอนเดี๋ยวนี้เลยป่ะกูอุดจาดสายตา” ผมทำเป็นดุแม้ในใจอยากจะให้มันแก้ผ้านอนเลยด้วยซ้ำ
“ก็อาเล่นไม่เปิดแอร์ผมก็ร้อนอะดิ” มันต่อรองครับถ้ากูเปิดแอร์มึงจ่ายค่าไฟให้กูไหมหล่ะ
“มันเปลืองโว้ย” ผมเริ่มโวยวาย
“ถ้าอาไม่เปิดผมก็จะนอนอย่างนี้แหละ” แล้วมันก็นอนกางแขนกางขาเต็มที่นอน
โอ๊ย...อยากจะบ้าตายถ้ามึงไม่ใช้หลานกูปล้ำไปนานแล้ว
“เออกูเปิดแอร์ก็ได้” ผมต้องยอมแพ้ครับถ้าขืนปล่อยให้มันนอนใส่กางเกงในอย่าเดียวแบบนี้ได้มันเป็นเมียแน่ครับ
พอผมเปิดแอร์ปุ๊บก็ไล่ให้มันใส่เสื้อผ้าทันทีครับ มันก็เชื่อผมเลยนอนพร้อมดึงผ้าห่มมาคุลม
แต่แล้วผมก็เริ่มรู้สึกว่ามีมือมากอดผมครับ
“อะ อะไอ้บั้มพ์ มึงจะกอดกูทั้งคืนจริงเหรอ” ผมเสียงสั้นอีกแล้ว ใจเต้นอีกด้วย
“ก็บอกแล้วว่าผมติดหมอนข้างถ้าไม่มีก็ต้องหาอะไรมากอด”
“แต่กูไม่ใช้หมอนข้างนะเว้ย” ผมโวยวายแต่ก็ยังปล่อยให้มันกอด
“ตัวอานุ่มมากเลยหอมด้วย” แล้วมันก็มาหอมที่ไหล่ผม
“เหวออ้ายบั้มพ์” คราวนี้ผมดิ้นเลยครับเพราะผมเริ่มอดทนไม่ไหวแล้ว
แต่ไอ้โน้ตมันหัวเราะใหญ่เลยครับ
“ขำอะไรไอ้โน้ต แกแกล้งอาใช่มั้ย” ผมโมโห
“ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเป็นโกรธไปได้นะอา” มันยิ้มหวานให้ผมแต่ผมหน้าบูดมากครับ
“ไม่ยุ่งกับมึงแล้วนอนดีกว่า” แล้วผมก็หันหลังให้มันว่าจะนอนแต่มันก็พูดขึ้นมาก่อน
“ผมกอดอาไม่ได้จริงเหรอ” เสียงมันดูเศร้าจัง
“เออเออ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีถ้ามึงไม่ใช่หลานกู กูก็ให้มึงได้มากกว่ากอดอีก
“อารังเกียจผมเหรอ” คราวนี้เสียงมันสั้นๆครับ
ผมเริ่มหันไปหามันจะอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่มันคิด
แต่ผมก็พูดอะไรไม่ออกเพราะสายตาของผมไปจ้องกับสายตาของเจ้าโน้ต
“กะ กะแก มองอะไร” ผมหลบสายตาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“ขอผมกอดเถอะอาขอแค่กอดก็พอ” มันอ้อนผมใหญ่เลยครับ
ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีกเลยนอนหันหลังให้มันกอด
มันก็โผ่เข้ากอดผมพร้อมพูดว่า “ตั้งแต่เด็กก็มีแค่อาคนเดียวที่ให้ผมกอดผมยังจำได้นะ ที่อามาเยี่ยมบ้านผม ตอนนั้นผมแปดขวบ อาเล่นกับผมใหญ่เลย ไม่เหมือนพ่อ”
ผมถอนหายใจพอเข้าใจคำพูดที่มันพูดออกมา พี่เบิ้มพ่อของมันเอาแต่กินเหล้ากับมั่วสาวไปทั่ว มีแต่ย่าของมันที่คอยดูแล ส่วนแม่ก็ทนพ่อมันไม่ไหวหนีไปตั้งแต่ตอนมันเด็กๆพูดแล้วก็น่าสงสารมันเหมือนกัน
แม้ผมจะเจอมันไม่กี่ครั้งผมก็เล่นกับมันตลอด เพราะสงสารที่มันต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้
“นอนเถอะบั้มพ์เดี๋ยวพรุ่งนี้อาจะได้พาแกไปสมัครเรียน” แล้วผมก็นอนหลับโดยมีเจ้าโน้ตนอนกอดผม
************************************************************************************************
แม้แอร์จะหนาวแต่ผมก็รู้สึกอุ่นอุ่น
ผมลืมตาก็เห็นว่าหน้าของผมแนบชิดกับหน้าเจ้าโน้ตที่ยังคังหลับอยู่
หน้ามันหล่อเหมือนพี่เบิ้มพอ่ของมันแต่ผมชอบมันตอนเด็กๆมากกว่ามันน่าเอ็นดูมากๆครับ
ไม่เหมือนตอนโตหน้าปล้ำมากกว่า ผมจะหันไปดูนาฬิกาที่หัวเตียงว่ากี่โมงแล้ว
แต่แล้วผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าผมกอดมันแน่นเลยครับ
อะไรว่ะเมื่อคืนมันกอดกูไม่ใช่เหรอ ไหนกลายเป็นกูกอดมันว่ะเนี้ย
ผมก็ต้องค่อยๆแกะมือออกจากตัวเจ้าโน้ตกลัวมันจะตื่นมากๆเลยครับ
ถ้ามันตื่นมารู้ว่าผมกอดมันอายมันแย่เลย
“อย่าเพิ่งปล่อยมือซิครับอาบั้มพ์” อุวะบ่นอะไรได้อย่างนั้น มันดันรู้สึกตัว พร้อมดึงตัวผมไปกอดอีกเหมือนเดิม
“อะ อะไอ้โน้ต มันเช้าแล้ว ตื่นเถอะ” ผมพยายามแกมือมันออก
พอหนีตัวออกจากมันได้แล้วมันยังไม่วายลุกขึ้นคว้าตัวผมไปหอบแก้ม
“เฮ้ยยยยไอ้โน้ต” ผมลูบแก้มตัวเอง
“ตอนเด็กๆผมก็จูบอาอย่างเนี้ยจะโวยวายทำไม” แล้วมันก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ
ปล่อยผมจะคลั่งตายอยู่ในห้อง
ไอ้โน้ตนะไอ้โน้ตจะทรมานกูไปถึงไหน
กูเป็นอามึงนะโว้ยยยยย! ตอนที่20
ผมพามันไปสมัครเรียนและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
“ทำไมเรียนม.เอกชนว่ะแกไม่เอ็นท์เหรอ” ผมถามเพราะค่าเทอมที่นี้แพงมาก
“ไม่อ่ะขี้เกียจไปสอบถึงสอบยังไงก็ไม่ติดอยู่ดี” มันพูดพร้อมดูดน้ำที่ผมซื่อมาให้
“เออลืมไปมึงรวยนี้” ผมพูดกัด
“อาบั้มพ์พาไปเที่ยวหน่อยดิ”
“เอออยากไปไหนหล่ะ” ผมหันไปถาม
“อยากไปถนนข้าวสาร อาร์ซีเอ สีลม” มันพล่ามใหญ่เลยครับ
“อยากไปเที่ยวกลางคืนใช่มั้ยหล่ะ” เพราะแต่ละที่ที่มันบอกส่อมากเลยครับ
“อานี้รู้ใจผมจริงๆ”
“แต่นี้มันเพิ่งจะบ่ายเองไปกินข้าวกันดีกว่า”
แล้วผมก็พามันไปกินข้าวที่ห้างมันก็ยังเลี้ยงผมเหมือนเดิม
เนื่องจากเป็นวันเสาร์ทำให้คนเยอะเป็นพิเศษ
ผมต้องยืนรออยู่หน้าร้านนานมากๆเพราะคนต่อคิวยาว จะไปร้านอื่นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่แถวยาวกว่าร้านผมอีก
“หวัดดีบั้มพ์มากินข้าวเหรอ” เสียงของเบนซ์ครับมันเข้ามาทักผม พร้อมมีชายหนุ่มรูปงามมาด้วย
“อ้าวมาได้ไงว่ะ” ผมตกใจเดินเข้าไปตบบ่าเพื่อนรัก
“มาเดินเที่ยวว่าจะมากินข้าวด้วยแต่คนเยอะจังว่ะ” เบนซ์ตอบ
“งั้นมากินข้าวด้วยกันดิเพราะใกล้จะถึงคิวเราแล้ว” ผมเอยปากชวนเบนซ์หันไปพูดกับผู้ชายที่มาด้วยกันแป๊บนึง แล้วหันมาบอกผมว่าตกลง
************************************************************************************************
โต๊ะทานข้าวที่ประกอบด้วยผมและเจ้าโน้ต ส่วนอีกฝาก เป็นเบนซ์และผู้ชายแปลกหน้า(แต่หล่อและดูดี)
หลังจากสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้วก็เป็นช่วงเวลาแนะนำตัวกันถือเป็นการรออาหารไปด้วย
“ขอแนะนำตัวก่อนนะครับผมชื่อบั้มพ์เป็นเพื่อนกับเบนซ์มาตั้งแต่ตอนมหาลัยส่วนคนข้างๆหลานผมเองครับ ชื่อโน้ตมากรุงเทพสองสามวันเพราะมาสนัครเรียน” ผมแนะนำฝั่งผมเสร็จก่อนที่เบนซ์จะแนะนำฝั่งมันบ้างมันถามมาก่อนแลยครับ
“ที่แท้ก็หลานนี่เองเราก็นึกว่า....” เบนซ์กำลังจะพูดแต่ผมขัดขึ้นมาก่อน
“นึกว่าอะไร”
“ป่าวไม่มีไรแต่ทำไมหลานของบั้มพ์ถึงโตเร็วจัง ถ้าจะเข้ามหาลัย แสดงว่าอายุ 18 อ่ะดิ ห่างกับบั้มพ์ไม่กี่ปีเอง”เปลี่ยนเรื่องเชียวที่จริงผมรู้ว่ามันคงคิดว่าไอ้โน้ตมันเป็นแฟนผมแล้วมันล่ะควงผู้ชายมาเย้ยขนาดนี้หมายความว่าไงเห็นบอกว่าจะรอเป็นแฟนผมไม่ใช่เหรอ
“คนต่างจังหวัดก็แบบนี้แหล่ะแต่งงานเร็วแกแนะนำเพื่อนแกที่เถอะ” ผมอยากรู้จริงๆว่าไอ้หมอนั้นเป็นใคร
“นี้ชื่อฮัท เพื่อนเราเอง” เบนซ์แนะนำแค่นี้บอกว่าเป็นเพื่อน ผมจะเชื่อเหรอ ดูมันเกย์ๆยังไงไม่รู้เพราะดูสำอางและแต่งตัวเนียบมาก
“เพื่อนจริงเหรอ” ผมพูดเน้นเสียงเหล่ตามองเจ้าเบนซ์อย่างไม่พอใจ
“เพื่อนจริงๆ” เบนซ์ก็เน้นเสียงเหมือนกัน
“ผมเป็นเพื่อนสมัยมัธยมกับเบนซ์ครับตอนนี้เปิดร้านเบเกอรี่อยู่ถ้าว่างแวะไปชิมเค้กที่ร้านก็ได้นะครับ” ฮัทแนะนำตัวเองเต็มรูปแบบพร้อมเก็กท่าสุดฤทธิ์ ไม่ชอบหน้าไอ้หมอนี้เลย แม่งดูดีกว่าผมดูเหมาะสมกับไอ้เบนซ์มากกว่าผมด้วย
“งั้นยินดีที่ได้รู้จักครับคงจะสนิทกันมากนะครับเพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม ผมกับเบนซ์แค่รู้จักกันตอนมหาลัยแถมไม่ค่อยจะสนิทกันด้วย” ผมพูดพร้อมรอยยิ้มแต่ฟังจากน้ำเสียงก็พอรู้ว่าพูดประชดขนาดไหน
เบนซ์เองดูหน้าเครียดมากเลยครับคงรู้ว่าผมไม่พอใจที่มันมาควงผู้ชายคนอื่นแต่ผมเองก็งงตัวเองจะโกรธจะเคืองมันทำไม ยังไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย
พอดีกับอาหารมาเซิรฟ์ที่โต๊ะทำให้เราต้องหยุดกันสนทนามาสนใจที่อาหาร
แล้วเบนซ์ก็เริ่มคุยครับคงเห็นผมเครียดเลยหาเรื่องตลกมาเล่า
แต่ตอนนั้นผมทำหน้าเครียดนั่งกินอย่างเดียวไม่พูดไม่คุยกับใคร ปล่อยให้โน้ต เบนซ์ กับไอ้เก็กฮัท คุยกันสามคน
พอเสร็จสิ้นจากการรับประทานอาหารกันแล้วผมก็รีบพาไอ้โน้ตกลับหอเลยครับ
ตอนแรกไอ้โน้ตมันก็โวยวายเพราะสัญญากันว่าจะไปเที่ยวกลางคืนกันต่อ
แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ไปไหนแล้วมันเห็นอาการผมมันก็เข้าใจครับ กลับไปกับผมโดยดี
ปล่อยให้ไอ้เบนซ์กับไอ้คนที่ชื่อฮัทยืนมองผมลากไอ้โน้ตกลับ
ระหว่างทางที่กลับผมนั่งเงียบมองไปนอกหน้าต่างไอ้โน้ตมันก็ไม่กวนผม ปล่อยให้ผมนั่งเงียบไปตลอดทาง
เสียงโทรศัพท์ก็ดังตลอดผมก็กดวางตลอด จนทนไม่ไหวเลยปิดเครื่องไปเลย
เมื่อถึงห้องผมให้โน้ตไปซื้อเบียร์มาเกือบ
“ไม่ได้ไปเที่ยวก็กินเบียร์อยู่ที่นี้แล้วกัน” ผมพูด พร้อมไล่ให้มันไปซื้อ
ช่วงที่ไอ้โน้ตออกจากห้องผมนั่งถอนหายใจ ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะโกรธเบนซ์ทำไม
เพราะตัวผมเองก็รู้สึกกับเบนซ์เหมือนเพื่อนแต่ผมกลับทนไม่ได้ถ้าเบนซ์มันจะมีแฟน
ทำให้นึกถึงภาพตอนที่เบนซ์มันโกรธผมตอนที่เห็นน้องไอซ์ในห้องของผมความรู้สึกของมันตอนนั้นคงคล้ายกับของผมตอนนี้
โน้ตกลับมาที่ห้องพร้อมขวดเบียร์เกือบสิบขวด
ผมคว้ามากินใหญ่เลยครับ
ไอ้โน้ตมันก็มองผมกินเบียร์แล้วก็เริ่มถามคถามผม
“คนที่ชื่อเบนซ์แฟนอาบั้มพ์เหรอ”
“ป่าวเพื่อน” ผมตอบพร้อมกินเบียร์เข้าไป
“แล้วอาจะหึงเขาทำไม”
“หึงอะไรกูไม่ได้หึง” ผมตอบแล้วกระดกเบียร์เข้าไปอีก
“อย่างนี้แหละที่เรียกว่าหึงงั้น ถ้าไม่หึง ก็โกรธเขาละซิที่ควงผู้ชายมา”
“ก็กูบอกว่าเป็นเพื่อนกูจะหึง จะโกรธมันทำไม มันจะคบใครจะควงกับใครที่ไหนก็เรื่องของมัน”
คราวนี้กระดกหมดขวดเลยแล้วก็คว้ามากินใหม่
โน้ตถอนหายใจแล้วก็กินเบียร์ตามผม แต่มันกินได้ไม่กี่ขวดหรอกครับเพราะผมแย่งมันกินหมด
ผมเริ่มเมาแล้วสติก็เริ่มไม่ค่อยอยู่เลยคลานไปนั่งพิงกับเตียงนอน นั่งดูโทรทัศน์เงียบๆ
โน้ตมันเห็นผมหยุดกินเบียร์และเริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
มันเลยจะไปอาบน้ำแล้วจะได้นอน
โน้ตลุกไปถอดเสื้อแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาคาด หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆถอดกางเกง และกางเกงในออก ช่วงที่มันถอดกางเกงใน มันยกผ้าเช็ดตัวขึ้นมาสูงจนเห็นก้นมันเลยครับ
แล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป
ผมที่นั่งพิงที่เตียงนอนก็มองมันตลอดครับตั้งแต่มันถอดเสื้อ จนมันเดินเข้าห้องน้ำ
เพราะหุ่นของมันทำให้ผมเริ่มมีอารมณ์
แม้ตอนนั้นสติแทบจะไม่มีแต่ผมรู้ว่าต้องทำอะไร
ผมคลานไปที่ตู้คว้าบางอย่างมา
แล้วผมก็เริ่มกดบันทึก
ผมถอดเสื้อและกางเกงออก เหลือแต่กางเกงใน
แล้วก็ค่อยๆคลานไปนอนที่เตียงรอให้มันอาบน้ำเสร็จเท่านั้น
|