จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 501|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

ม่านราตรี = 27 - 28 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย tanya เมื่อ 2013-7-27 13:05

ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

  ตุลายิ้มรับ แล้วพยักหน้า จากนั้นพาทิศก็โอบบ่าคนรักให้ไปที่เตียงพวกเขานอนพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ตลอดยันเช้า เพราะตุลาเองก็นอนไม่หลับแล้วและพอใกล้หกโมงเช้า แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาในห้องพาทิศก็ขอตัวกลับไปด้านล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้คนรักต่อไปโดยที่ตุลานั้นออกมายืนส่งอีกฝ่ายหน้าห้องก่อนจะรีบหายเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เพราะไม่มั่นใจว่าทุกคนจะเปลี่ยนแผนเป็นโจมตีเขาแต่เช้าไหมนั่นเอง
บทที่ 27
   แสงแดดจากยามเช้าทำให้ตุลารู้สึกดีขึ้นมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อตอนเช้ามืด
มาหมาด ๆ
   “ภาพหลอนงั้นหรือ...แต่เหมือนจริงเป็นบ้า”
   ตุลาพึมพำ ชำเลืองมองไปที่ระเบียงห้องอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   “อยากให้แดดออกเปรี้ยง ๆ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงชะมัด”
   ชายหนุ่มบ่นอุบอิบ เพราะวันนี้ทั้งวันไม่รู้ว่าเขาจะต้องเจอบททดสอบโหด ๆ อะไรบ้าง นึกแล้วก็อยากโทร
ไปชวนพิชยะให้มาอยู่เป็นเพื่อน แต่อีกใจก็สงสาร เพราะอีกฝ่ายก็เป็นพวกกลัวผีขึ้นสมองไม่แพ้เขา แถมยังเป็นเป้าหมายของการแกล้งจากบรรดาพวกสาว ๆ ในคฤหาสน์แห่งนี้อีก
   “คุณพาทิศ?”
   ตุลาลงมาที่ห้องครัวก็ไม่พบร่างของพาทิศ เขาถอนหายใจเบา ๆ เมื่อพบโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนข้อความบางอย่างวางไว้ใต้จานข้าวต้มของเขา
   ‘ลำบากหน่อยนะ แต่ฉันจะคอยเอาใจช่วย’
   “เอาใจช่วยอย่างนั้นหรือ ตัวเองก็เตรียมแกล้งเค้าแท้ ๆ”
   ตุลาบ่นเบา ๆ อย่างระอา เขานั่งกินข้าวต้มไปมองรอบ ๆ ไปอย่างหวาดระแวง แม้พาทิศจะบอกไว้ก่อนหน้านั้นว่าช่วงเวลาในตอนอาหารเช้า จะไม่มีใครมารบกวนเขาก็ตาม
   “ปัง!”
   เสียงประตูห้องหนึ่งจากชั้นสองปิดดังโครม ทำเอาตุลาสะดุ้งเฮือก จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบเหมือนก่อนหน้านั้น ตุลากลืนน้ำลายลงคอ แล้วรีบกินอาหารเช้าให้เสร็จโดยไว
   “นี่นะ ยังไม่หลอก...เชื่อไม่ได้เลย คนเจ้าเล่ห์”
   ตุลากินเสร็จก็วิ่งขึ้นไปหยิบโน้ตบุคพร้อมสายไฟลงมา และตัดสินใจยึดพื้นที่ห้องรับแขกชั้นล่างเป็นฐานทัพรับมือสมาชิกคนอื่นในคฤหาสน์ เขาเลือกมุมห้องที่ด้านหลังติดกำแพงไม่มีหน้าต่าง ด้านหน้าโล่งกว้างมองเห็นรอบด้าน เพราะถ้าเกิดมีเสียงตึงตังจากชั้นสองหรือรอบ ๆ อย่างมากเขาก็เปิดประตูวิ่งหนีออกนอกบ้านไปเลยก็แค่นั้น
   เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยิ่งสร้างความตึงเครียดให้คนที่กำลังโดนทดสอบมากไปอีก เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนไหน
   ตุลาตัดสินใจปิดโน้ตบุคของตน เพราะยังไงวันนี้เขาก็รวบรวมสมาธิไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่นานนักความเงียบสงัดก็เข้ามาเยือนภายในห้อง แถมเขายังรู้สึกหิวข้าวกลางวันอีก เพราะกินข้าวต้มไปตั้งแต่เช้าเพียงแค่นั้น
   “เฮ้อ...คุณพาทิศคงไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้แน่เลย”
   ชายหนุ่มบ่น เพราะตำแหน่งที่เขานั่งก็มองเห็นครัวได้สบาย และตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงเขาก็ไม่เห็นใครเดินผ่านสายตาไปเลยสักคน
   “อ๊ะ...มีนี่นา”
   ตุลาอุทานยิ้ม ๆ เมื่อเปิดตู้เย็นหาของมาทำกิน ก็พบกับแซนวิชแฮมชีสที่เขาชอบหลายชิ้นแช่เย็นอยู่ในนั้น
    “ใจดีไม่เปลี่ยนเลยแฮะ ...นึกว่าจะต้องกินไข่ดาว หรือไม่ก็มาม่าเสียแล้ว”
   ตุลาพึมพำขณะที่หยิบแซนวิชพร้อมขวดน้ำเปล่าออกมาจากตู้เย็น เขาวิ่งเหยาะ ๆ กลับไปที่มั่นของตนเอง เพราะตำแหน่งในห้องครัวมันวังเวงเกินไป โดยเฉพาะหน้าต่างตรงที่ล้างจานที่ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรวูบผ่านไปผ่านมาตอนเขากินอาหารอยู่หรือเปล่า
   ทว่าระหว่างที่กำลังกินแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อย ตุลาก็แทบจะสำลักแซนวิชตาย เมื่อเสียงกรีดร้องแหลมยาวอย่างเจ็บปวดทรมานของหญิงสาว  ดังขึ้นมาจากห้องใดห้องหนึ่งบนชั้นสอง
   “แคก ๆ จงใจร้องหรือเปล่าเนี่ย!”
   ตุลาบ่นอุบหลังจากดื่มน้ำลงไป ทว่าเสียงนั้นกลับเปลี่ยนเป็นร้องไห้สะอื้นเบา ๆ ฟังแล้วชวนให้ขนลุกซู่อย่างน่าหวาดหวั่น
   “แกล้งกันหนักจริง ๆ คราวนี้”
   ชายหนุ่มหยิบหมอนอิงบนโซฟามากอดพร้อมกับนั่งตัวสั่น มองซ้ายมองขวาด้วยความกลัว
   “ฮือ ๆ แค้นเหลือเกิน...แค้น...”
   เสียงสะอื้นและน้ำเสียงที่ฟังไม่คุ้นเคยนัก ทำให้ตุลากลืนน้ำลายลงคอ พยายามนั่งคิดว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของใคร
   “ฮือ ๆ ...ต้องฆ่า...ฆ่าให้หมด...ไม่ว่าใคร...”
   ประโยคถัดมาทำให้ตุลากอดหมอนอิงแน่น อยากจะร้องไห้แล้วบอกว่าให้ทุกคนเลิกทดสอบความกล้าเสีย แต่ก็นั่นล่ะ เขาก็ยังคงรอดูว่านอกจากเสียงและคำพูดชวนสยองนั่น จะมีอะไรตามมาไหม ยังไงตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงตรง แม้ท้องฟ้าจะช่างแสนเป็นใจ พากันมืดครึ้มให้ชวนหวาดหวั่นตั้งแต่เวลาก่อนเที่ยงก็ตาม
   “เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว”
   ตุลาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเสียงร้องไห้นั้นเงียบไป แต่แล้วเขาก็ช็อกจนหัวใจแทบตกไปถึงตาตุ่ม เมื่อจู่ ๆ ราตรีก็ปรากฏกายขึ้นมาเบื้องหน้าเขา
   “ตุล เห็นรุ้งบ้างไหม เขาออกมาหลอกเธอหรือยังน่ะ”
   “เอ๋? ไม่เห็นนี่ครับ ...อ๊ะ หรือว่าเมื่อครู่นั่นเป็นเสียงของคุณรุ้ง?”
   ราตรีขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วจึงย้อนกลับไป
   “เสียง? ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย ทั้งที่เวลานี้เป็นคิวของรุ้งที่จะต้องแปลงร่างเป็นอสูรกายคำรามลั่นบ้าน
ข่มขวัญเธอแท้ ๆ ฉันเลยปรึกษากับปิ่นแล้วโผล่มาถามเธอนั่นล่ะ...เพราะมันผิดปกติเกินไป รุ้งไม่ใช่คน
ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเองแบบนี้”
   ตุลาขนลุกซู่ หน้าซีดเผือดจนราตรีสังเกตเห็น   
   “เกิดอะไรขึ้นหรือตุล?”
   “เมื่อครู่ผมได้ยิน เสียงผู้หญิงกรีดร้องบนชั้นสอง จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้ แล้วบอกว่าแค้นบ้าง จะฆ่าบ้าง ผมยังคิดอยู่เลยว่านั่นเป็นเสียงหนึ่งในพวกคุณหรือเปล่า เพราะมันไม่ค่อยคุ้นเอาเสียเลย”
   ราตรีชะงัก แล้วถามกลับเสียงแผ่ว
   “ตุลได้ยินจริง ๆ หรือ ...ถ้าตุลได้ยินทำไมพวกฉันไม่ได้ยินล่ะ...หรือว่า”
   ราตรีกอดอกแน่น สีหน้าดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตัดสินใจตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น
   “รุ้ง! พาทิศ! คุณกริช! คุณอธิป! ปิ่น! มีใครได้ยินฉันบ้างไหม!”
   เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ แต่นั่นจึงทำให้ราตรีมีสีหน้ากังวลหนักขึ้นไปอีก
   “ผิดปกติจริง ๆ ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ทำไมฉันถึงสัมผัสจิตของทุกคนไม่ได้เลยนะ”
   ตุลามองผีสาวด้วยความหวาดหวั่น ถ้านี่เป็นการแกล้งก็ดูเหมือนว่าผีสาวจะตีบทแตกได้ชนิดนักแสดงอายทีเดียว
   “ตุล...ฉันจะลองไปตรวจสอบบนชั้นสองก่อนนะ ถ้าสิบนาทีแล้วฉันไม่ลงมา ก็ให้เธอไปหาปิ่นที่บ่อน้ำ...
แต่ถ้าโชคร้ายเกิดไม่เจอใคร...”
   ราตรีหยุดเว้นวรรคเล็กน้อย แล้วใช้มือจับบ่าของชายหนุ่มเบา ๆ พลางจ้องมองเขาด้วยแววตาห่วงใย
   “ถ้าเธอไม่เจอใครจริง ๆ ก็ให้รีบหนีออกจากคฤหาสน์นี้ทันทีรู้ไหม”
   “แล้วพวกคุณราตรีล่ะครับ!?”
   ตุลาถามกลับด้วยความเป็นห่วง แต่ผีสาวนั้นยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน แล้วจึงหันกลับไปมองที่ชั้นสอง
ด้วยแววตาแข็งกร้าว
   “ไม่ต้องห่วงพวกฉัน ถ้ามันเกิดอะไรนอกเหนือความคาดหมายจริง ๆ ทุกคนก็คงคิดเหมือนฉัน คือทำยังไงก็ได้ ขอแค่ให้เธอปลอดภัยก็พอ!”
   จากนั้นราตรีก็หายวับไปจากเบื้องหน้าของตุลา ชายหนุ่มเม้มปากพลางกำมือแน่นอย่างรอคอย เวลาแต่ละนาทีช่างยาวนาน เขาน้ำตาซึมน้อย ๆ เมื่อหวนคิดถึงไปในทางร้าย ๆ จนกระทั่งเข็มนาฬิกาผ่านไปสิบนาที
   “คุณราตรีครับ....”
   เงียบกริบไร้เสียงตอบ ตุลาจึงลองเร่งเสียงตะโกนดังขึ้นไปอีก
   “คุณราตรีครับ!”
   ทั่วคฤหาสน์ยังคงเงียบกริบ ตุลามองบนชั้นสองด้วยความเป็นห่วง เขานึกถึงคำพูดของราตรีก่อนหน้านั้น
แล้วจึงตัดสินใจออกไปที่สวน เพื่อตามหาคนอื่น ๆ ที่ยังคงเหลืออยู่
   ตุลาเดินออกมาที่สวนแล้วตรงไปที่บ่อน้ำซึ่งปิ่นสุดาอาศัยอยู่ ทว่าเขาก็ต้องพบกับความตกตะลึง เมื่อไม่เห็นร่างของเงือกสาว ในบ่อเหลือแต่ความว่างเปล่า ทั้งที่ตอนกลางวันนั้นปิ่นสุดาจะไม่สามารถขึ้นมาจากน้ำได้แท้ ๆ
   “ไม่จริง…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
   ชายหนุ่มพึมพำแล้วเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณนั้นอย่างหวั่นวิตก
   “คุณปิ่น! คุณรุ้ง! คุณราตรี!”
   ตุลาเดินไปพลางตะโกนเรียกหาทุกคนไปพลาง แต่ก็ยังคงไร้เสียงตอบรับ
   “คุณพาทิศ! อาครับ! คุณอธิป! ทุกคนอยู่ไหนกันครับ!”
   ตุลาเริ่มใจเสียเมื่อแม้แต่หมอผีอย่างอธิปก็ยังติดต่อไม่ได้ จะว่าทุกคนแกล้งพร้อมใจกันเงียบ ก็ดูเป็นการแกล้งที่รุนแรงเกินไปสักหน่อย
   “ทุกคน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ ทุกคนยังปลอดภัยอยู่ไหม ตอบผมทีสิครับ!”
   ตุลาตะโกนต่อเรื่อย ๆ จนเริ่มเจ็บคอ บรรยากาศรอบคฤหาสน์ที่ไร้ทุกคนกลับดูทะมึนน่ากลัวยิ่งกว่าวันแรกที่เขามาเยือนเสียอีก
   “ไหนบอกว่าถ้าผมต้องการความช่วยเหลือก็จะมาช่วยยังไงล่ะครับ...คุณพาทิศ...คุณไปอยู่ที่ไหนกัน”
   ตุลาพึมพำถึงคนรัก แล้วใช้แขนปาดน้ำตาที่มันทำท่าเหมือนจะไหลออกมา พลางเดินตรงไปที่ด้านหน้าคฤหาสน์ เขามองไปยังประตูรั้ว และหวนคิดถึงคำพูดของราตรีอีกครั้ง มือทั้งสองกำหมัดแน่น ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับแล้วมุ่งเข้าไปด้านในแทนที่จะหนีออกไปข้างนอกอย่างที่วิญญาณสาวแนะนำ
    “ไม่ยอมหรอก ...ยังไงก็จะไม่ยอมทิ้งทุกคนไปเด็ดขาด”
   ตุลาพึมพำพร้อมกับกัดริมฝีปากแรง ๆ เพื่อข่มความกลัว เขาตรงขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อไปที่ห้องของอธิป แต่พอเปิดเข้ามาก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ เพราะในห้องเต็มไปด้วยของประดับที่ชวนให้ขนลุกแทบทั้งนั้น
    “พอจะมีอะไรให้หยิบยืมใช้ได้ไหมนะ”
   ถึงยังไงอธิปก็เป็นหมอผีที่มีวิชาอาคมและเครื่องรางของขลังอยู่มากพอสมควร การที่จะหาญกล้าต่อกรกับสิ่งลี้ลับที่ลักพาตัวทุกคนไป เขาก็คงต้องใช้อะไรบางอย่างจากในห้องนี้ติดตัวไปด้วย ถึงจะพอช่วยทุกคนได้ไหวนั่นล่ะ
   “เอ...ไม่เห็นเจออะไรเลย ทำไมนะ?”
   ตุลาพึมพำอย่างแปลกใจ ทั้งที่ยามปกติเวลาเข้ามาในห้องนี้ อธิปก็มักจะมีของมาโชว์ให้เขาแปลกใจ และเป็นข้อมูลในการเขียนนิยายเสมอแท้ ๆ
   “สงสัยคงต้องใช้นั่นแทนแล้วมั้ง”
   ชายหนุ่มนึกถึงของบางอย่างที่พิชยะเคยเอามาฝากเขาเพราะรู้สึกถึงความเฮี้ยนของคฤหาสน์หลังนี้ แต่เขาก็รับมันมาขำ ๆ แถมยังเก็บซุกไว้หลังหนังสือบนหัวเตียงอีกต่างหาก
   พอออกมาจากห้องอธิป ตุลาก็ตรงกลับเข้าไปยังห้องตัวเองอีกครั้ง ทว่าระหว่างที่เขากำลังหยิบหนังสือออกมาจากหัวเตียงเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแหลมสูงก้องกังวานดังไปทั่วคฤหาสน์
    “โธ่โว้ย!”
   ตุลาสบถกับตัวเองที่ดันเผลอมือไม้อ่อนทั้งที่ยังไม่ทราบชะตากรรมของคนอื่น ๆ เขาหยิบของบนหัวนอน
ใส่กระเป๋ากางเกงหมับแล้ววิ่งออกไปจากห้อง ตัดสินใจเดินตรงไปยังห้องของจอมเดชที่เขายังไม่ได้เข้าไปสำรวจ
   ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา ตุลาก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อห้องที่เคยโล่งโปร่งกลับมีหมอกบาง ๆ ปกคลุม
ไปทั่วห้อง อากาศภายในนั้นเย็นจัด จนชายหนุ่มต้องเผลอกอดอกด้วยความหนาว แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลัง แต่พอจะหันกลับไป ก็ต้องถูกมือใหญ่ที่มีผ้าขนหนูนุ่มโปะปิดหน้าของตน ตุลาดิ้นรนพยายามแกะมือนั้นออก ทว่าสติของเขากลับค่อย ๆ ลางเลือนลงทีละนิดอย่างน่าประหลาด จากนั้นร่างของชายหนุ่มก็พลันอ่อนแรงและสลบลงไปในอ้อมแขนลึกลับนั่นเอง
บทที่ 28
   เสียงพูดคุยที่ดังแว่วเข้ามาในหู ทำให้ตุลาต้องปรือตาขึ้นอย่างอ่อนล้า รู้สึกมึนหัวไปหมดน่ากลัวผ้าผืนนั้นที่ปิดหน้าเขาจะมีอะไรบางอย่างปะปนอยู่เป็นแน่
   “อ๊ะ ตุลฟื้นแล้ว”
   เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นจากมุมหนึ่ง ตุลาสะบัดศีรษะไปมา ภาพที่นัยน์ตาเห็นเบลออยู่สักพัก แล้วจึงกลับแจ่มใสขึ้นเรื่อย ๆ
   “ที่ไหน...”
   ความรู้สึกเย็นเยือกทำให้ตุลาต้องห่อไหล่ อิฐทึม ๆ มืด ๆ บนพื้นที่เขานอนอยู่นั่นก็ชวนให้คุ้นตา คล้ายจะเคยเห็นมาก่อน
   “ไง ....เจ้าหนู หลับไปนานเลยนะ นึกว่าจะไม่ฟื้นเสียอีก... ถ้าเป็นอย่างนั้นการแก้แค้นของฉันมันก็ไม่สนุก
น่ะสิ!”
   เสียงสูงเย็นชาไม่คุ้นเคยดังตามมา ตุลาหันไปมองยังต้นเสียง แล้วก็ต้องพบกับความตกตะลึงเมื่อเห็นร่างโปร่งใสในชุดแดง ยืนเท้าแขนอยู่บนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่ที่พาทิศนั่งอยู่ แถมผีดิบหนุ่มยังถูกจับมัดติดอยู่กับเก้าอี้นั้นอีกต่างหาก ถัดออกไป พวกสมาชิกคนอื่นที่หายตัวไปก็ถูกจัดมัดด้วยเชือกนั่งบนเก้าอี้เรียงกันไปทีละคน และแต่ละคนก็ต่างสลบไสลคอพับคออ่อนไม่มีใครได้สติ นอกจากคนรักของเขาคนเดียว
    “คุณพาทิศ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ...”
   ผีดิบหนุ่มมีสีหน้าเจ็บปวด เขาหลบตาอีกฝ่าย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
    “ขอโทษนะตุล...เพราะฉันแท้ ๆ ทุกคนก็เลยโชคร้ายแบบนี้”
   ตุลามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อผีสาวชุดแดง ลอยช้า ๆ มาอยู่ด้านข้างของพาทิศ แล้วใช้นิ้วชี้ผลักศีรษะผีดิบหนุ่มค่อนข้างแรง
    “ใช่! เพราะนายนั่นล่ะ ที่บังอาจทรยศต่อความรักของฉัน ...ทำให้ฉันตายไม่พอ แต่ตัวเองดันหนีมามีความสุขคนเดียวแบบนี้!”
    ตุลานิ่งอึ้ง มองทั้งคู่อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
   “หรือว่าคุณ...ก็คือคนรักเก่า...ของคุณพาทิศ”
   ชายหนุ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังคงอยู่ แถมยังกลายเป็นวิญญาณอาฆาต และกลับมาแก้แค้นผีดิบหนุ่มอีก
    “หึ...ใช่ ฉันก็คือผู้หญิงโง่ที่หลงรักหมอนี่...และก็ต้องโชคร้ายตายเพราะเขานั่นล่ะ!”
   ผีสาวตวาดลั่น ตุลาเห็นพาทิศก้มหน้านิ่งหลบตาแล้วก็รู้สึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ จนต้องเถียงสู้กลับไป
   “ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย ถ้าคุณเป็นคนรักเขาจริง คุณก็ต้องเข้าใจเขาสิ!”
      ใบหน้าสวยหวานแต่ขาวซีดเผือดจนน่ากลัวหันขวับกลับมาที่ชายหนุ่ม แล้วจึงลอยวูบเข้ามาประชิดร่าง
ของตุลา จนเขาแทบช็อก
   “เธอมันจะรู้อะไรเจ้าหนู! ลองเธอต้องมาตายเพราะเขาบ้างสิ เธอจะได้รู้ว่าฉันน่ะรู้สึกยังไง!”
   ตุลาตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวต่ออารมณ์เกรี้ยวกราดของผีสาว แต่แล้วร่างในชุดแดงก็ปรับอารมณ์ลงแล้วแสยะยิ้มน้อย ๆ ตามมา
   “แต่ก็ดีไปอย่างที่เขาอยู่ในสถานที่แวดล้อมแบบนี้...แถมยังมีเพื่อนฝูงที่มีพลังวิญญาณเยอะแยะเต็มไปหมด”
   “ชบา! ฉันบอกเธอแล้วไงว่ามันเป็นความผิดของฉันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับตุล และทุกคนในม่านราตรีนี่!”
   พาทิศโพล่งขัดขึ้นมา ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อพลังวิญญาณกดดันแรงกล้าของหญิงสาวพุ่งตรงใส่เขาพร้อมกับเสียงตวาดลั่น
   “หุบปาก!”
   พาทิศกัดฟันกรอด ผีสาวเห็นดังนั้นจึงแสยะยิ้มน้อย ๆ แล้วหันมาทางตุลาอีกครั้ง
   “อยากช่วยคนรักของเธอไหมล่ะเจ้าหนู...แค่เธอยอมเสียสละร่างเนื้อของเธอให้ฉันสิงสู่ ฉันก็พร้อมจะปล่อยเขาให้เป็นอิสระทันที...อ้อ แต่เฉพาะเขานะ คนอื่น ๆ นั่นไม่เกี่ยว”
   ตุลาตาเบิกกว้างด้วยความตกใจต่อข้อเสนอนั่น พาทิศพยายามตะโกนห้าม แต่ก็ถูกผีสาวหันกลับไปใช้พลังรัดเชือกที่มัดร่างนั้นให้แน่นขึ้นอีก จนตุลาต้องรีบร้องห้ามเมื่อเห็นใบหน้าเจ็บปวดของคนรัก
   “อย่านะครับ! อย่าทำเขา!”
    ชบาหยุดมือที่กำลังทรมานผีดิบหนุ่มแล้วค่อย ๆ บิดคอหันกลับมามอง จนทำให้ตุลาขนลุกซู่
   “อยากให้หยุด ก็ทำตามข้อตกลงฉันสิ แล้วฉันจะปล่อยเขาไปตามสัญญา”
   ตุลากลืนน้ำลายลงคอ เขามองพาทิศที่นั่งคอตกคล้ายหมดเรี่ยวแรง แล้วไล่มองไปยังคนอื่น ๆ ที่มีสภาพแทบไม่แตกต่างกันนัก
   “ถ้าผมยอมสละร่างให้คุณ...นอกจากปล่อยคุณพาทิศแล้ว คุณก็ต้องปล่อยคนอื่น ๆ ไปด้วย”
   เสียงหัวเราะแหลมสูงดังขึ้นทันทีที่ตุลาพูดจบ ร่างในชุดแดงบิดกายหันมาตามศีรษะที่หันไปก่อนหน้านั้น ก่อนที่เจ้าของร่างจะยิ้มเย้ยหยันอีกฝ่าย
   “ได้คืบจะเอาศอกนะ ...”
   ชบาทิ้งช่วงเว้นไว้ให้ตุลาพอจะมีหวัง ทว่าประโยคถัดมาก็ทำให้ชายหนุ่มแทบจะเข่าอ่อนเมื่อได้ยิน
    “แต่ฉันขอปฏิเสธ... ทั้งมนุษย์ และภูตผีพวกนี้มีพลังวิญญาณมาก หากฉันกินพลังวิญญาณพวกมัน ฉันก็จะมีพลังเพิ่มขึ้น และจากนั้นฉันก็จะครอบครองผืนดินอันน่าอยู่นี้แทนในฐานะเจ้าของที่ถูกกฎหมาย โดยอาศัยร่างของเธอยังไงล่ะ!  ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
   เสียงหัวเราะแหลมสูงก้องกังวานไปทั่วบริเวณห้องใต้ดิน ตุลามองวิญญาณตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไล่มองสมาชิกทุกคนในคฤหาสน์ม่านราตรีทีละคน และมาหยุดที่พาทิศ ซึ่งพยายามเงยหน้าบอกพึมพำให้เขาหนีไปจากที่นี่อย่างยากลำบาก
   “ผมไม่เชื่อหรอก...”
   ตุลาบอกเสียงแผ่ว จนชบานึกแปลกใจ
   “ไม่เชื่ออะไรรึเจ้าหนู?”
   “ผมไม่มีทางเชื่อว่าคุณเคยเป็นคนรักของคุณพาทิศน่ะสิ!”
   ตุลาบอกเสียงกร้าวด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความโกรธ จนคนมองชะงักแล้วตวาดกลับไปบ้าง
   “ฉันเป็นคนรักของเขา! ถามเขาสิ ว่าเขาเคยรักฉันมาก่อนไหม!”
   “โกหก! ...ถ้าคุณเคยรักเขาจริง คุณก็ต้องเข้าใจเขาสิ ไม่ใช่มาแค้นเคืองและทำร้ายเขาแบบนี้ คนอย่างคุณน่ะ ผมไม่มีทางยกเขาให้หรอก!”
   ชบานิ่งอึ้งเช่นเดียวกับพาทิศที่มองชายหนุ่มด้วยความตกตะลึง แล้วจึงตามมาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ด้วยความพอใจ
   “ทุกคนที่นี่เป็นเพื่อน เป็นครอบครัว ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะไม่ยอมให้คุณทำร้ายใครได้แน่!”
   ร่างโปร่งในชุดแดงเม้มปากแน่น ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ นัยน์ตาสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แล้วจึงตวาดใส่ลั่น
   “ดีงั้นก็ตายให้สมใจเสียเถอะ!”
   ขาดคำร่างนั้นก็ลอยพุ่งเข้าหา ทว่ากลับต้องชะงักกึก ตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อตุลาล้วงขวดใส
ในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วเปิดจุกออกพร้อมกับสาดไปยังร่างเบื้องหน้า
   “กรี๊ด!”
   ร่างนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจ ตั้งแต่ฝาจุกถูกเปิดออก เจ้าหล่อนหายตัวแวบไปอยู่หลังพาทิศก่อนที่น้ำมนต์ในขวดนั้นจะสาดมาโดนร่างวิญญาณของตนหวุดหวิด
   “อะไรกันพาทิศ  ไหนบอกเล่น ๆ ไงล่ะ น้ำมนต์นั่นของจริงนะยะ  ถ้าฉันโดนเข้ามีหวังได้ไปเกิดใหม่แน่!”
   ผีสาวโวยวายลั่นอย่างขวัญผวา ทว่าคำพูดของเธอทำให้พาทิศหน้าเจื่อน เจ้าตัวรีบจุ๊ปากให้อีกฝ่ายเงียบ
โดยใกล้กันก็มีเสียงกลืนน้ำลายลงคอ ดังจากร่างของใครบางคนที่ถูกจับและสลบอยู่ และนั่นทำให้ตุลาเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ บางอย่างขึ้นมาได้
   “ไม่จริง...หรือว่านี่ยังอยู่ในเกมทดสอบความกล้านั่น?”
   “เอ่อ...คือ ฉันอธิบายได้นะตุล แบบว่า...”
   พาทิศที่ดูมีเรี่ยวมีแรงผิดจากเดิมค้างคำพูดไว้ดื้อ ๆ เพราะเห็นแววตาเสียใจระคนโมโหจากคนรักของตนที่จ้องมองมาและไล่มองกวาดไปยังแต่ละคนในห้องนั้น
   “ผมกลัวแทบตาย ...กลัวว่าทุกคนจะเป็นอันตรายแท้ ๆ”
   น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อนั่น ทำให้ร่างที่แกล้งสลบแต่ละคนเงยหน้าและลืมตาขึ้นมามองกันไปมาเลิ่กลั่ก
   “ฉันบอกแล้วว่ามันไม่เวิร์กไง...ตุลโกรธจริง ๆ ด้วยเห็นไหม”
   รุ้งพรายที่เลิกแกล้งสลบหันไปบ่นกับวิญญาณเพื่อนสาว แต่นั่นทำให้ราตรีหันมาเขม่นใส่หล่อน
   “แล้วก่อนหน้านั้นใครกันที่หัวเราะคิกคักที่หลอกเขาได้ แถมยังปลื้มอกปลื้มใจที่ตุลห่วงตัวเองซะไม่มีน่ะ!”
   พอราตรีพูดจบปิ่นสุดาที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบเอ่ยเสริมตามมาทันที
   “นั่นสิคะ...เป็นอย่างที่คุณราตรีบอกนั่นล่ะ”
   “ไม่เข้าข้างแล้วก็อย่าซ้ำเติมสิยะปิ่น!”
   รุ้งพรายรีบแก้ตัวเสียงแหลมใส่ เพราะตุลานั้นหันขวับมามองเธอเขม็ง เห็นดังนั้นอธิปก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ เขาปลดเชือกที่มัดตัวเองออกง่าย ๆ เพราะมันแกล้งผูกไว้หลอก ๆ นั่นเอง
    “คนต้นคิดล่ะว่าไง เงียบเชียวนะ”
   หมอผีหนุ่มหันไปทางอีกคนที่นั่งข้าง ๆ เขา กริชเหลือบมองคนรัก แล้วจึงยักไหล่น้อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ
   “ไม่ดีหรอกหรือ หลานฉันยอมทำทุกอย่างทั้งที่กลัวแทบตายก็เพื่อทุกคนในที่นี้ เพราะอย่างนั้นต่อให้เขาจะดูไม่เท่ห์ หรือดูตลกยังไง แต่เพื่อทุกคนแล้วเขาก็สามารถเป็นคนกล้าได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกันใช่ไหมล่ะ”
   คำพูดของกริชทำให้คนที่กำลังโมโหเริ่มรู้สึกซาบซึ้งแทน โดยมองข้ามสิ่งที่อธิปบอกไปเสียแล้วว่า คนที่คิดแผนการครั้งนี้ขึ้นมาเป็นใคร
    “อาครับ...”
   ตุลาพึมพำเรียกอาของเขา กริชแก้เชือกออกแล้วลุกเดินไปหาหลานชาย ก่อนจะลูบศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ
อย่างอ่อนโยน
   “อย่าลืมความรู้สึกนี้ล่ะตุล ต่อให้ต้องพบกับอุปสรรคขนาดไหน  แต่ถ้าตุลนึกถึงคนที่ตุลรัก ตุลก็จะมีความกล้าที่จะฝ่าฟันมันเอง”
   ตุลารับฟังด้วยความตื้นตันที่อานั้นคิดเพื่อเขาเช่นนี้ เจ้าตัวพยักหน้าน้อย ๆ แล้วตอบรับกลับไป
   “ครับอา”
   ภาพอันน่าซาบซึ้งของอาหลานทำให้หลายคนในห้องมองด้วยความรู้สึกทะแม่ง โดยเฉพาะรุ้งพรายนั้นถึงกับบ่นอุบออกมาทีเดียว
   “ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเราต้องโดนตุลโกรธ แต่เขากลับได้รับความชื่นชมจากตุลแทนล่ะ!”
   “ฉันบอกพวกเธอแล้ว ว่าต่อให้ความแตก ยังไงคนต้นคิดอย่างนายกริชก็ไม่มีวันโดนโกรธหรอก”
    อธิปเปรยขัดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา จนทำให้คนฟังชะงัก แล้วหันไปค้อนขวับให้อย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปโอบบ่าหลานชายชวนเดินออกไปจากห้องนั้น
   “ปล่อยพวกนั้นไปเหอะ ตุลคงเหนื่อยแล้วใช่ไหม พวกเราเตรียมงานเลี้ยงปลอบขวัญเอาไว้ให้ตุลแล้ว รับรองว่าตุลต้องชอบแน่ เพราะมันมีของโปรดตุลทั้งนั้น”
   “เอ๋...เดี๋ยวครับ...แล้วผีผู้หญิงคนนั้น”
   ผีสาวในชุดแดงพอได้ยินตุลาพูด เธอก็ชี้หน้าตัวเองอย่างแปลกใจ
   “ฉัน?  อ๊ะ! นี่เธอจำฉันไม่ได้จริง ๆ  รึ  เราก็เจอกันออกบ่อยไม่ใช่หรือไง”
   คำตอบนั้นทำให้ตุลาขมวดคิ้วอย่างงุนงง แล้วย้อนถามกลับไป
   “เอ๋? เคยเจอหรือครับ”
   “เธอปรากฏกายในร่างนี้ เด็กนี่ไม่มีทางจำได้หรอก ลองกลับร่างเดิมของเธอดูสิชบา”
   อธิปเปรยขัดเสียงเนือย ๆ ซึ่งผีสาวในชุดแดงพอได้ยินเธอก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
   “ค่ะนาย”
   ผีสาวที่ชื่อชบาตอบ จากนั้นจึงปรากฏกลุ่มควันล้อมรอบร่างของเธอ ทว่าพอกลุ่มควันจางลง ตุลาก็ต้อง
เบิกตากว้าง อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้เห็น
   “ไงเจ้าหนู จำฉันได้หรือยัง เราเจอกันบ่อยใช่ไหมล่ะ นอกจากฉันก็มีพี่ชายฉันอีกสองคนยังไงล่ะ  เอ๋? เจ้าหนู ....เจ้านายคะ เด็กนี่เป็นลมอีกแล้วล่ะ!”
   หัวกะโหลกลอยได้ขยับปากพูดเป็นชุด แต่คนอื่น ๆ นี่สิ กลับถอนหายใจแทบจะพร้อมกัน เพราะคนที่แม้จะเห็นวิญญาณหรือเจอสถานการณ์เลวร้ายแต่ก็ยังไม่เป็นอะไร  ทว่าแค่พอเห็นหัวกะโหลกคนลอยได้ กลับเป็นลมไปแบบนี้ มันก็ชวนให้น่าสมเพชอยู่มิใช่น้อย
    “อธิป...”
   กริชหันไปมองคนรักด้วยแววตาคมกริบเอาเรื่อง ทำให้หมอผีหนุ่มสะดุ้งโหยง แต่พอกริชค้อนให้อย่างงอน ๆ แล้วบอกให้พาทิศอุ้มร่างตุลาไปไว้ที่บนห้องนอนของเจ้าตัว อธิปก็รีบโวยวายตามหลังไปทันที
   “เฮ้ย! ความผิดฉันหรือไงนายกริช! เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเดินหนีแบบนั้นสิ กลับมาพูดกันดี ๆ เลยนะ!”
   หัวกะโหลกหญิงสาวมองตามเจ้านายของเธอไปอย่างนึกสงสาร แล้วจึงหันมาหาคนอื่น ๆ ที่แก้มัดตัวเอง
กันหมดแล้ว
   “อย่างนี้พวกเราก็ยังเริ่มงานเลี้ยงไม่ได้ล่ะสิเนี่ย”
   “ก็คงงั้น ...จริงสิชบา เธอไปชวนพี่ชายเธออีกสองคนมาแนะนำตัวกับตุลตอนเขาฟื้นสิ เขาจะได้คุ้นเคยกับพวกเธอยังไงล่ะ”
    รุ้งพรายรีบบอกอย่างนึกสนุก แต่ราตรีนั้นตีไหล่เพื่อนสาวดังเผียะอย่างหมั่นไส้
   “รู้น่าว่าจะหลอกให้ตุลกลัวอีก คิดจะทำให้คุณกริชโกรธหรือไง ฉันน่ะไม่ขอมีเรื่องกับคนนั้นหรอกนะ คนอะไรไม่รู้โหดชะมัดกับหลานรักแท้ ๆ ยังแกล้งซะสมจริงขนาดนี้ ขืนไปทำให้โกรธจริง ๆ  จะถูกเอาคืนแบบไหนก็ไม่รู้”
   ราตรีบ่นเบา ๆ แต่ปิ่นสุดาและชบาที่รับบทร้ายครั้งนี้ ต่างก็พยักหน้ารับเห็นด้วยเต็มที่
   “แหม...ก็แค่อยากแนะนำสมาชิกในบ้านให้รู้จักกันถ้วนหน้าแค่นั้นเอง ไม่ได้คิดจะแกล้งเสียหน่อย”
    รุ้งพรายบอกอ้อมแอ้ม แล้วรีบเดินเผ่นออกจากห้อง ก่อนที่จะถูกรุมต่อว่าอะไรอีก
   “ว่าแต่ไม่รู้คุณตุลจะโกรธคุณพาทิศมากไหม เล่นเอาเรื่องอ่อนไหวแบบนั้นมาหลอกกันแบบนี้ด้วยสินะคะ”
   ปิ่นสุดาพึมพำอย่างเป็นห่วงทั้งคู่ ทำให้ราตรีกับชบาหันมาสบตากัน แล้วต่างฝ่ายต่างก็สั่นศีรษะไปมา
   “ช่วยไม่ได้ พาทิศเองก็รู้อยู่แล้วล่ะว่า ถ้าเล่นเรื่องพวกนี้ก็ต้องเสี่ยงกับการโดนโกรธเป็นธรรมดา แต่ยังไง
หมอนั่นน่ะเก่งเรื่องง้อคนอยู่แล้ว แถมทั้งคู่ก็เป็นคนรักกันแบบนั้น ฉันว่านะแทนที่เธอจะห่วงว่าเขาจะโกรธกัน สู้ห่วงว่าจะง้อกันจนเกินงาม แล้วตุลจะลุกไม่ไหวในวันพรุ่งนี้แทนมากกว่า”
   ราตรีบอกตรง ๆ จนปิ่นสุดาหน้าแดงวาบ ส่วนชบานั้นหัวเราะอย่างขบขันจนหัวกะโหลกของเธอสั่นคลอน
   “ฮ่า ๆ นั่นสินะ แถมเผลอ ๆ จะไม่ใช่คู่เดียวอีก คุณกริชกับนายก็เหมือนกันทะเลาะกันทีไร ก็จบด้วยการง้อบนเตียงทุกที ฉันกับพี่ ๆ น่ะเลยได้ดูของดีเพลิน ๆ กันทุกวัน”
   ปิ่นสุดาหันไปมองผีกะโหลกสาวด้วยความอิจฉา เพราะไม่ว่าจะเป็นห้องของตุลาหรือห้องของอธิป ทั้งสองห้องก็มักมีเขตแดนกางขวางกั้นการแอบดูของเธอและเพื่อน ๆ เสมอ
   “หึ ๆ งั้นคืนนี้ฉันจะผนึกเธอกับพี่ของเธอไว้ในลังเก็บของในห้องเอง ชบา จะได้มีเวลาพักผ่อนยังไงล่ะ”
   เสียงเยียบเย็นจากทางเข้าออกห้องใต้ดินทำให้ทั้งสามสะดุ้งเฮือก โดยเฉพาะหัวกะโหลกผีสาวที่ค่อย ๆ
หันกลับมาหา
   “มาได้ยังไงคะเจ้านาย ไม่ได้ตามไปง้อคุณกริชหรือคะ”
   “ก็ตามไปอยู่นั่นล่ะ แต่ดันนึกได้ว่าลืมลูกน้องปากมากไว้ที่ห้องใต้ดิน ขืนปล่อยให้อยู่นานกว่านี้มีหวังความลับฉันโดนล้วงออกมาหมดพอดี!”
   อธิปประชด แล้วจับหัวกะโหลกของชบาหิ้วติดมือกลับขึ้นไปชั้นบน โดยมีเสียงขอโทษของผีสาวดังไปตลอดทาง ส่วนราตรีกับปิ่นสุดานั้นหันมาสบตากันปริบ ๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็ทำเสียงถอนหายใจออกมาเบา ๆ
   “ไปเฝ้าตุลดีกว่าแฮะ”
   “อืม...นั่นสิคะ”
   ปิ่นสุดาพึมพำตอบรับ และทั้งคู่จึงออกจากห้องใต้ดินตรงไปยังห้องของตุลาที่ตอนนี้มีสมาชิกคนอื่น ๆ ยืนเฝ้าให้กำลังใจ และบางรายก็ช่วยปฐมพยาบาลให้ชายหนุ่มฟื้น จนห้องกว้าง ๆ ของอีกฝ่ายกลับดูคับแคบไปถนัดตาเลยทีเดียว



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-3 17:54 , Processed in 0.092211 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้