ผมเป็นหมอที่เพิ่งจบมาหมาด ๆ แล้วถูกส่งไปอยู่จังหวัดในแถบอีสาน
วันหนึ่งระหว่างไปเยี่ยมชาวบ้าน ก็มีลุงคนหนึ่งชวนออกไปชมทุ่งนา
ด้วยความอยากสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน และเพื่อทำความรู้จักกับชาวบ้านไปในตัวด้วย จึงตอบรับ
"ไปก็ไปพ่อเฒ่า ว่าแต่จะพาผมไปไหนครับ"
"ว่าสิไปเก็บบักดันมากินคุณหมอ"
"ไปยังไงล่ะพ่อเฒ่า"
"พายเรือไป"
ระหว่างนั่งเรือไปด้วยกันพ่อเฒ่าแกก็กล่าวขึ้นแบบขำ ๆ
“ หมอ...ยามนั่ง ให้ ระวัง โต๋ แหน่ เด้อ...เฮือ มันโยก เดี๋ยว สิ พัดตกลงน้ำ.....”
เสียงชายสูงวัย เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน บ่งบอกถึงความห่วงใย
“ ครับ...พ่อเฒ่า..ไม่ต้องห่วงหรอก..ผมจะระวังตัว เป็นอย่างดี..” ผมตอบแก
พร้อมกับเอามือทั้งสองจับแคมเรือทั้งสองข้างไว้อย่างมั่นคง
เพื่อให้การทรงตัวดีขึ้นเมื่อยามที่นั่งลงบนเรือแจว ลำขนาดเล็ก
ชายสูงวัย นั่งที่ส่วนปลายของลำเรือหันหน้าเข้าหาผม
แล้วแจวเรือออกจากฝั่ง...
ร่างอันกำยำ ท่อนบนที่เปลือยปล่าว มีเพียงกางเกงในสีน้ำเงิน ที่มันเก่าจนสีซีด
ตัวเดียวที่แกนุ่งอยู่ ซึ่งเผยให้เห็นสัดส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ผ้าบาง
ๆที่ปกปิดอยู่ อย่างชัดเจน ทุกครั้งที่ แก เอาไม้พายจ้ำลงผืนน้ำแล้วพายให้เรือแล่นออก
กล้ามเนื้อที่ส่วนอก และ ท่อนแขนของแก นูนขึ้นเป็นสัน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง
ของชายสูงวัยผู้นี้
ผมแอบชำเลืองมองดูแก อยู่หลายครั้ง เมื่อแกมองมาที่ผม ผมก็รีบเมินหน้า
ทอดสายตามองไปยังอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำสายใหญ่ เพื่อไม่ให้แกรู้ ว่าผมแอบมองสระรีระ
ของแกอยู่
เมื่อเรือลอยมาถึงอีกฟากหนึ่งของลำน้ำ แก ก็ เอาไม้พายรา น้ำไว้
เพื่อชะลอความเร็วของเรือลง เมื่อเรือเริ่มอยู่นิ่ง แก ก็ เอาไม้พายวางไว้ในลำเรือ
แล้ว หยิบถุงปุ๋ยที่ใส่ตาข่ายดักปลาที่วางอยู่ในท้องเรือ แกค่อย ๆ เอาตาข่ายพวงหนึ่งออกจากถุง
อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มันติดขัดกันวุ่นวาย
แก นั่งถ่างขาออก เอาเท้าอีกข้างหนึ่งหย่อนลงไปในน้ำ
ส่วนอีกข้างทอดยาวลงมาที่ท้องเรือ....เมื่อแกนั่งในท่วงท่าแบบนั้น
ยิ่งทำให้ใจผมเริ่มเต้นเร็วและถี่ขึ้น เพราะตรงที่ส่วนเป้ากางเกงในของแก
ผายออกมาและเผยให้ผมเห็นในส่วนตรงนั้นอย่างชัดเจน....
แก คงไม่ได้สังเกตุ เพราะมัวแต่ วุ่นวายอยู่กับการวางตาข่ายลงไปในน้ำ
และใช้เท้าส่วนที่หย่อนลงไปในน้ำเตะน้ำ เพื่อให้เรือเคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ
“ หมอ..จับ ส้นมอง ไว้ให้ แหน่...สงสัย ไม้มันเกาะ อยู่ในน้ำ...เดี๋ยว
พ่อเฒ่า สิ ลง ไป่ เบิ่ง..” ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อได้ยินเสียงแกเอ่ยขึ้น ผม ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหาแก อย่างช้า ๆ แล้วถือพวงตาข่ายไว้
...
แก ค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในน้ำ แล้วมุดดำลงไป.....สักพัก แกก็โผล่ขึ้นมา พร้อมกับใช้มืออีกข้างคว้าจับแคมเรือไว้
ส่วนมือหนึ่งก็ลูบหน้า ปัดน้ำออกจากใบหน้า
แก ค่อย ตะกายตัว ขึ้นมาบนลำเรือ แล้วนั่งในท่าเดิม ผมส่งตาข่ายที่ถือไว้ แล้วค่อยๆ
ขยับตัวออกมานั่งตรงที่เดิม
เมื่อร่างของแก เปียกน้ำ
กางเกงในที่แกนุ่ง ก็รัดรูปตัวแก ยิ่งเพิ่มความเด่นชัดในส่วนเป้าของแกมากยิ่งขึ้น
ท่อนดุ้นภายในผ้าบาง ๆ นูนเป็นสัดเป็นส่วน และเมื่อขอบกางเกงในของแกหดตัวลง เส้นขนหยาบดำ
ๆแซมขาว ก็แพลมออกมาจากขอบผ้า
ผมมองร่างของแก เหมือนกำลังต้องมนต์...
“ หมอ!!!...เป็น อีหยัง คือ จั่ง นั่ง เงียบ มิด จี่ ลี๋ แท้
น้อ...คือ สิ ย่าน ตกลง น้ำ ละ แม่น บ่ ?” แกพูดพร้อมกับยิ้ม ๆ
“ เอ่อ...เอ่อ...เปล่า..เปล่า..ครับ...คือ ว่า...เอ่อ...”
ด้วยความตกใจ จึงทำให้ผมกลายเป็นคนติดอ่าง เอ้อ..อ้า..
“ บ่ ต้อง ย่าน ดอก...ขนาด หมู่ เด็กน้อยๆ มัน ยัง บ่ ย่าน เลย...”
แกกระเซ้าและหัวเราะด้วยความขบขันในอาการของผม
แก คงคิดว่าผม กลัวพลัดตกลงน้ำ แกจึงพูดเช่นนั้น ...“
เฮ้อ...ดีแล้วหล่ะ...ที่แก ไม่รู้ ว่าผมมองแกอยู่ และแอบคิดอะไรอยู่ในใจ”
ผมคิดในใจและยิ้มด้วยความเคอะเขิน
“ คือ...ผมไม่เคย ลงเรือมาในลำน้ำขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน...เลยที่ให้รู้สึกหวิว
ๆ ใจ ” ผมตอบแกเพื่อปกปิดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ
แกยิ้มให้ผม แต่ก็ไม่พูดอะไร
แล้วหันหน้าไปสนใจกับการวางตาข่ายดักปลาเช่นเดิม...
เมื่อแก หันมองไปทางอื่น ผมก็แอบมองไปที่เป้าของแกอีกครั้ง....แต่
ตอนนี้ มันมีบางอย่างขยับตัว และเริ่มขยายขนาดขึ้น ...มากขึ้น..มากขึ้น
เรื่อยๆ จนกางเกงในบาง ๆ ของแก มันเริ่มตุง
และ ทุก ๆ ครั้ง ที่แกออกแรง ใช้เท้าที่หย่อนลงไปในน้ำ เตะน้ำถีบตัวออกให้เรือเคลื่อน
มันเหมือนเป็นการกระตุ้นเจ้าสิ่งนั้นให้เพิ่มขนาดและขยับตัวไป – มา
ภายในร่มผ้าผืนนั้น...
ผม แอบมอง แอบชำเลืองดูสิ่งนั้นของแก อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่ง
แกวางตาข่ายดักปลาเสร็จ แกก็ยกขาข้างที่อยู่ในน้ำมาวางในท้องเรือและทอดยาวขนานกันทั้งสองข้าง
ในลักษณะถ่างขาแยกออกจากกัน 45 องศา ...
มันยิ่งเพิ่มความเด่นชัดมากขึ้น เมื่อแกนั่งในลักษณะนี้
“ เดี๋ยว เอา เฮือ ไปจอดชิดฝั่ง ฮั่น ก่อน...หมู่เฮา ค่อย ขึ้น ไปหา
เก็บ หมากกะดัน กก หม่องฮั่น..” แกเอ่ยขึ้น พร้อมกับจ้ำไม้พายลงน้ำและแจวเรือออกไปยังอีกฟากฝั่งหนึ่ง
เมื่อแก พายเรือมาใกล้จะถึงฝั่ง แก ก็ใช้ไม้พายราน้ำ
เพื่อลดความเร็วเรือลง แล้วเทียบเรือจอดขนาดชิดกับฝั่งใกล้ ๆ พุ่มไม้...
ผมรีบเอามือคว้ากิ่งไม้พุ่มนั้น แล้วดึง เพื่อรั้งเรือไว้
ก่อนที่จะก้าวขาขึ้นไปยังบนฝั่ง แล้ว หยิบเอาโช่ที่ทำเป็นสมอเรือ
มาผูกมัดไว้กับโคนต้นไม้ ใกล้ๆ ฝั่ง
แก รีบจ้ำอ้าว ขึ้นจากเรือ แล้วเดินไปแอบข้าง ๆ พุ่มไม้ แล้วยืนฉี่
ที่ตรงนั้น...
“ โอย...ปวด เหยี่ยว บัก อย่าง คัก....” แกเอ่ยขึ้น
พร้อมกับฉี่ออกไปอย่างแรง เหมือนกับอัดอั้นไว้อย่างเนิ่นนาน
“ ถ้า พ่อเฒ่า ปวดเยี่ยว แล้วทำไม? พ่อเฒ่าไม่เยี่ยว ตอนที่ลงไปในน้ำ
ละ” ผมถามแกยิ้ม ๆ
“ เฮ็ด จั่งซั่น บ่ ได้ ดอก มัน คะลำ
ยืน เหยี่ยว บน เฮือ กะ บ่ ได้ แม่หย่า นาง เพิ่น จะเคียด...ละ คั่น สิ
เหยี่ยวลงน้ำ กะ ปิง มัน สิ ขบ ...” แกอธิบายถึงเหตุผลให้ผมฟัง
พร้อมกับสะเด็ดน้ำจากเจ้าท่อนนั้น เมื่อแก ฉี่เสร็จ ก่อนที่จะจับยัดเข้าไปในร่มผ้า
ผม ไม่รู้เหมือนกันว่า สิ่งที่แกบอกเล่า เป็นจริงหรือเปล่า
หรืออาจจะเป็นความเชื่อของชาวบ้าน หรือบางที แก อาจจะพูดเพื่อความขบขัน
ผมสลัดหัวเพื่อขับไล่ความคิดแล้วรีบจ้ำอ้าวเดินตามหลังแกไป ในพงป่าที่เนินใหญ่ข้างลำน้ำ
แกเดินลัดเลาะ เข้าไปเรื่อยๆ จนมาถึงที่แห่งหนึ่งค่อนข้างโล่ง
และมีพุ่มไม้อยู่ริมฝั่งน้ำเหมือนไม้โกงกาง แตะมีผลสีเขียวเป็นพวง ลูกกลมเกลี้ยง คล้าย
ๆ ลูกมะนาว แต่ต่างตรงที่ผิวของมันเกลี้ยงและเป็นมัน
“ เขาเรียกว่า ลูก อะไร? หรือ ครับ พ่อเฒ่า...” ผมถามแก ด้วยความสงสัย
“ นี่ แหละ เขา เอิ้น ว่า บักดัน หรือไทยเขาว่า มะดัน ...ดัน มา ดัน
ดอง ตีหนึ่ง ตี สอง ปลุก น้องขึ้น มาดัน ..คือ จั่ง เพลง เขา ฮ้อง นั่น หล่ะ...”
แกบอก พร้อมกับ ร้องเป็นท่วงทำนองเพลง แล้ว หัวเราะร่วน ผม จึงหัวเราะด้วยความขบขัน ในท่าทางของแก
ต้นไม้ชนิดนี้ ลำต้นเหมือนกับเป็นเครือ เป็นเถา ต่างจาก
ต้นไม้อื่นทั่วไป กิ่งก้านของมัน
เมื่อสูงขึ้น ก็ เป็นพุ่มลงมา และ มีลูก ผล เป็นพวง มียางสีขาว แต่พอนานๆ
จะกลายเป็นสีเหลืองเหนียวนืด เหมือนกาวปะยางรถตรา kkk
แก ค่อยๆ ปีนป่ายขึ้นไป ตามลำต้น และ จับเกาะ ยืน บนกิ่ง แล้ว
เก็บลูกมะดัน โยนลงมาข้างล่างให้ผมเก็บ ผมเงยมองขึ้นไปข้างบน
แกยืนอยู่ในลักษณะถ่างขา ขาทั้งสองข้างของแกเหยียบบนกิ่งไม้ข้างละกิ่ง ทำให้ผมมองเห็นบางอย่างที่ตรงส่วนเป้าของแก อย่างชัดเจน
เพราะขอบขากางเกงในของแก เริ่มหย่อนและยาน ทำให้อวัยวะส่วนนั้นของแก แลบและยื่นออก
มา...ผมเงยมองอยู่อย่างนั้น เพราะว่าแกกำลังสาละวนกับการเก็บลูกมะดันอยู่ ผมจึงไม่ต้องหลบ ๆ แอบมองตรงส่วนนั้นของแก และเมื่อแกไม่ได้มองลงมาข้างล่าง
และผมก็มัวแต่ตกตะลึงกับสิ่งๆ นั้น ลูกมะดันที่แกโยนลงมา จึงตกลงมาโดนหัวผม ดัง
โป้ก!!!
“ โอ้!!! …หมากกะดันตก ถืก หัว พ่อหมอ ละ ติ๊....ขอโทษ หลายๆ
เด้อ...เจ็บ บ่ หล่ะ ฮึ!!!” แก
ร้องถามและมองลงมาด้วยความเป็นห่วง เป็นจังหวะพอดี ที่ทรุดตัวลงนั่งลงและเอามือกุมหัว
“ ไม่ เป็นไร หรอก พ่อเฒ่า...เจ็บนิดเดียวเอง...ผมเองที่ไม่ระวังตัว..”
ผมรีบตอบแก แต่ไม่กล้ามองขึ้นไปข้างบน...
แก รีบปีนป่ายลงมาจากข้างบน และผลุนผลันเข้ามาหาผม แกมายืนอยู่ที่ตรงหน้าแล้วเอามือทั้งสองลูบมาที่หัวของผม....
และ เมื่อผมเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของผมก็อยู่ตรงระดับเดียวกันกับเป้าของแก
จมูกของผมจึงโดนไปที่อวัยวะส่วนนั้น ของแกเข้าเต็มเปา....ประหนึ่งว่า
เป็นการซุกหน้าลงที่ตรงส่วนเป้าของแกอย่างจัง เมื่อแก จับหัวผมโยกไป – มา เพื่อมองหาส่วนที่ลูกมะดันตกใส่
จึงเป็นเหมือนกับการให้ผมซอกไซ้ใบหน้าไปที่ส่วนนั้นของแก...