จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 1695|ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

10 อันดับสุดยอดดีไซน์เนอร์ระดับโลก

[คัดลอกลิงก์]

หัวหน้าห้อง

โพสต์
926
พลังน้ำใจ
2827
Zenny
7020
ออนไลน์
517 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

10
Hedi Slimane
อันดับที่ 10 ได้แก่ Hedi Slimane
9
Adrian Newey
อันดับที่ 9 ได้แก่ Adrian Newey
8
Michael Graves
อันดับที่ 8 ได้แก่ Michael Graves ไมเคิล เกรฟส์ (อังกฤษ: Michael Graves) เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1934 เป็นสถาปนิกชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักในฐานะ 1 ใน เดอะนิวยอร์กไฟฟ์ เขายังมีงานออกแบบของใช้ภายในครัวเรือนวางขายในร้านทาร์เกตในสหรัฐอเมริกา เกรฟส์เกิดในอินเดียแนโพลิส รัฐอินดีแอนา เขาศึกษาจากโรงเรียนบรอดริปเปิลไฮสคูง ระดับ diploma ในปี 1950 เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยซินซินเนติ จากนั้นศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เริ่มทำงานด้านสถาปนิก ทำงานฝึกหัดที่พรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ เขาเปิดบริษัทที่ชื่อไมเคิล เกรฟส์ แอนด์ แอสโซซิเอตส์ มีสำนักงานอยู่ในพรินซ์ตันและนครนิวยอร์ก นอกจากผลงานออกผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านแล้ว เกรฟส์ยังมีงานในหลากหลายด้านธุรกิจและอาคารที่อยู่อาศัยรวมถึงการออกแบบภายใน เกรฟส์ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกของสถาบันสถาปนิกอเมริกันในปี ค.ศ. 1979 และในปี ค.ศ. 1999 เกรฟส์ได้รับรางวัลเหรียญแห่งชาติด้านศิลปะและในปี 2001 ได้รับเหรียญทองจากสถาบันสถาปนิกอเมริกัน ในปี 2003 เขาติดเชื้อไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไป เขายังคงเข้าทำการรักษา เขายังมีผลงานมากมายทั้งสถาบันศิลปะดีทรอยต์ และรีสอร์ตในสิงคโปร์
7
Vivienne Westwood
อันดับที่ 7 ได้แก่ Vivienne Westwood วิเวียน เวสต์วูด (อังกฤษ: Vivienne Westwood) (ชื่อตามเกิด:วิเวียน อิซาเบล สไวร์ Vivienne Isabel Swire) เกิดที่เมืองกลอสสอปเดล มณฑลดาร์บีเชียร์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1941 เธอเป็นดีไซเนอร์ชาวอังกฤษในแนวพังค์ร็อก และนิวเวฟ ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นระดับโลก นับตั้งแต่ยุค 70 ในช่วงของยุค "พังค์" เสื้อผ้าของเธอถูกสวมใส่โดยวง ดนตรีพังค์ร็อกเซ็กซ์ พิสทอลส์ ที่โด่งดังที่สุดในยุค 70มาจนถึงปัจจุบัน รายได้การขายเสื้อผ้าที่เธอดีไซน์ให้ลูกค้าผู้ดีมากกว่า 32 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 1998 วิเวียนได้รับรางวัล British Designer ในปี 1990 และในปี 1992 เธอได้รับ รางวัล OBE สำหรับความกระตือรือร้นในแฟชั่น ในปี 1998 เธอได้รับรางวัล จากราชินีอังกฤษสำหรับยอดการส่งออกที่มากที่สุดในรอบปี และในปี 2003 วิเวียน็เป็นที่รู้จักในนามของ Designer of the year เธอได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านผู้หญิง (Dame) จากราชสำนักอังกฤษตอบแทนการเป็นดีไซเนอร์ที่สร้างชื่อให้ประเทศ
6
Richard Rogers
อันดับที่ 6 ได้แก่ Richard Rogers ริชาร์ด โรเจอร์ส (อังกฤษ: Richard Rogers) เกิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1933 เป็นสถาปนิกชาวอังกฤษ มีผลงานการออกแบบในลักษณะสมัยใหม่นิยม และคติคำนึงประโยชน์ (functionalist) เขาเกิดที่เมืองฟลอเรนซ์ ในปี 1933 เข้าศึกษาที่ Architectural Association School of Architecture ในลอนดอน ก่อนที่จะมาจบการศึกษาจาก Yale School of Architecture ในปี 1962
5
Dietrich Lubs
อันดับที่ 5 ได้แก่ Dietrich Lubs Dieter Rams เกิดเมื่อปีค.ศ.1932 ในประเทศเยอรมันนี เขาเป็นนักออกแบบที่เชื่อในแนวคิด “Less is Better” โดยมองว่างานออกแบบที่ดีต้องมีความตรงไปตรงมา ใช้งานง่าย และที่สำคัญต้องผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ ส่วนสิ่งประกอบต่างๆ ที่เป็นสมัยนิยมนั้น Rams คิดว่าไม่มีความจำเป็นเลย เพราะไม่นานสิ่งเหล่านั้นก็จะตายจากไป ฉะนั้น สำหรับเขาแล้วนักออกแบบที่ดี คือ ผู้ที่สามารถตัดทอน “สิ่งไม่จำเป็น” พวกนี้ออกไปได้นั่นเอง Rams เคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบของบริษัท Braun (ซึ่งผลิตสินค้ามากมายตั้งแต่เครื่องชงกาแฟไปจนกระทั่งชุดเครื่องเสียง) เขาเป็นผู้ที่ทำให้เอกลักษณ์ของแบรนด์นี้เปลี่ยนไปจากอดีตอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้น Rams คือผู้ที่เชื่อว่านักออกแบบที่ดีต้องทำงานได้ดีกับภาคอุตสาหกรรม เขาผลักดันการทำงานเป็นทีมทั้งกับกลุ่มผู้ผลิต กลุ่มลูกค้า และกับพนักงานฝ่ายอื่นๆ ด้วยเชื่อว่าผลงานออกแบบที่ดีไม่ได้มาจากหัวคิดของคนหนึ่งคน แต่มาจากการระดมสมองของคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่เขาทำงานให้ Braun นั้น สินค้าของ Braun กลายเป็นสินค้าที่มีรูปทรงสวยงาม ทนทาน และใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ในปีค.ศ.1956 Rams ได้พัฒนาเครื่องเล่นแผ่นเสียง SK4 Record Player โดยเขาตั้งชื่อให้มันว่า “Snow White’s Coffin” เครื่องเล่นแผ่นเสียงชุดนี้มีความพิเศษที่ตัวเครื่องทำจากไม้ แต่กลับมีฝาที่ทำจากพลาสติกใส ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นอุปกรณ์ที่อยู่ด้านในได้ทั้งหมด Snow White’s Coffin ถือเป็นตำนานของเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ออกแบบได้ล้ำสมัยสุดๆ ในยุคนั้น ต่อมาในปีค.ศ.1958 Rams ได้ออกแบบลำโพงเครื่องเสียง L2 Loudspeaker มันเป็นลำโพงที่ดูสวยโปร่งและมีขาตั้งที่ทำจากเหล็ก เขาได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าลำโพงสามารถมีขนาดเล็กลงและดูสวยงามกว่าเดิมได้ โดยที่คุณภาพเสียงไม่จำเป็นต้องลดลงเลย L2 Loudspeaker คือ ผลงานที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับการออกแบบวิทยุพกพาและเครื่องเล่น MP3 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แนวคิดการออกแบบของ Rams มีอิทธิพลต่อการพัฒนารูปแบบของเครื่องเสียงในยุคต่อๆ มาเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปีค.ศ.1965 ในขณะที่เครื่องเสียงทั่วไปมีหน้าตาเป็นกล่องสีเทาน่าเบื่อ Rams ได้ออกแบบชุดเครื่องเสียง “สีดำ” ตัวแรกของโลกขึ้นในชื่อ Studio 1000 hi-fi system คงไม่ผิดหากจะกล่าวว่า เขาคือคนที่ทำให้สีดำกลายเป็นสียอดนิยมของชุดเครื่องเสียงมาจนกระทั่งทุกวันนี้
4
Yohji Yamamoto
อันดับที่ 4 ได้แก่ Yohji Yamamoto Yohji Yamamoto (เพื่อนสนิท Sir Elton John เป็นดีไซน์เนอร์ก้องโลกผู้ชื่นชอบสีดำเป็นชีวิตจิตใจ เคยออกแบบชุด staff ของโรงแรม Metropolitan ที่สุดฮิปในกรุงเทพฯ ด้วย
3
Philippe Starck
อันดับที่ 3 ได้แก่ Philippe Starck Philippe Patrick Starck เกิดวันที่ 18 มกราคม 1949 ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับแรงบันดาลใจจากพ่อ ซึ่งทำงานเป็นนักออกแบบเครื่องบิน วัยเด็กเขาวิ่งเล่นอยู่ในห้องทำงานของพ่อ ที่เต็มไปด้วยกระดานวาดภาพ เลื่อย กาว และกองทราย และนั่นทำให้เขาชื่นชอบงานออกแบบ หลังจากจบการศึกษาจาก École Nissim de Camondo ในปี 1968 เขาก็ก่อตั้งบริษัทดีไซน์แห่งแรกขึ้น โดยมีเขาและ Pirre Cardin เป็นผู้อำนวยการออกแบบ สิ่งที่ทำให้ผลงานของเขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ก็คือ สไตล์การออกแบบของเขามักเป็นงานที่นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยเขาจะเลือกใช้วัสดุพื้น ๆ เช่น แก้ว หิน พลาสติก อะลูมิเนียม ผ้ากำมะหยี่ โครเมี่ยม แทนที่จะเป็นการสร้างงานศิลปะที่หรูเลิศอลังการจนจับต้องไม่ได้ นอกจากนี้ Starck ยังสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ได้มากมาย ทั้งของใช้ภายในบ้าน ตั้งแต่ที่คั้นน้ำผลไม้ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ในครัว, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ รวมถึงยังมีผลงานตกแต่งภายในอยู่ทั่วโลก ทั้งที่เป็นโรงแรม, ภัตตาคาร, ผับ, ไนท์คลับ และพิพิธภัณฑ์ แม้แต่โลโก้ Virgin Galactic หรือ คบเพลิงโอลิมปิคปี 1992 เขาก็เคยออกแบบมาแล้ว Starck โด่งดังทั้งในฝรั่งเศสบ้านเกิดตัวเองและต่างประเทศ ซึ่งบ่อยครั้งเขาได้รับเชิญให้ไปทำงานตามสถานที่ในเมืองสำคัญ ๆ มากมาย เช่น โรงแรมเพนนินซูลา ฮ่องกง, โรงแรมเดลาโน ในไมอามี่ ซึ่ง Starck ก็อาศัยพรสวรรค์ของเขาเปลี่ยนแปลงสถานที่เหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่อันเต็มไปด้วยเสน่ห์ น่าดึงดูด จนคนทั่วโลกกล่าวขาน แต่งานที่สร้างชื่อให้กับ Starck ที่สุด ก็เห็นจะเป็นเครื่องคั้นน้ำผลไม้ ชื่อ Juicy Salif ที่เขาออกแบบให้กับ Alessi บริษัทผลิตอุปกรณ์เครื่องครัวในอิตาลี ในปี 1980 อีกชิ้นก็คือ เก้าอี้ Navy-chair ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเก้าอี้ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี 2006 เก้าอี้นี้ขายดิบขายดีถึง 1 พันตัวต่อเดือน ทั้งที่มีคนงานผลิตอยู่แค่ 35 คน นอกจากนี้ ผลงานที่ร่วมงานกับแบรนด์อื่นของเขาก็กลายเป็นของสะสมของเหล่าคนที่ชอบงานดีไซน์ทั้งโลกและคนไทย อาทิเช่น นาฬิกา Fossil ที่เป็น collection ของ Philippe Starck, เมาส์ จากไมโครซอฟท์ที่เขาออกแบบเมื่อปี 2004 ปัจจุบันเขามีบ้านอยู่ที่ 4 เมือง ปารีส, นิวยอร์ค, ลอนดอน และบูราโน่ ใช้เวลาว่างอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และประวัติศาสตร์ แต่ไม่อ่านข่าว “ผมใช้ชีวิตเหมือนพระ ไม่อ่านข่าว อ่านแต่แมกกาซีนวิทยาศาสตร์” เขาชอบให้สัมภาษณ์กวนๆ เช่น เมื่อมีคนถามว่างานออกแบบชิ้นไหนที่เขาพอใจมากที่สุด เขาตอบสั้นๆว่า “งานชิ้นต่อไปของผมไง” บางคนจึงเรียกเขาว่า “แบดบอย” แต่ผลงานของเขาก็ช่วยจุดประกายให้กับวงการออกแบบได้อย่างแท้จริง “งานดีไซน์เจ๋งๆ ก็เหมือนหน้าคนน่ะแหละ วันๆ หนึ่งคุณเจอคนเป็นพัน แต่จำได้แค่ไม่กี่คน” นี่คือคำพูดในบล็อกส่วนตัวที่เขาตั้งชื่อมันว่า Starck Modern Monk - Dog Matters
2
Morten Linde
อันดับที่ 2 ได้แก่ Morten Linde
1
Jonathan Ive
อันดับที่ 1 ได้แก่ Jonathan Ive Jonathan Ive (อ่านว่า โจนาทาน ไอฟ) คือคนที่ออกแบบงานประเภท Industrial Design คือเป็นคนที่คอยออกแบบสินค้า product ต่างๆ ซึ่งงานที่เด่นสุดๆ และเป็นงานประจำของเค้าก็คือ งานออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับ Apple Computer ไม่ว่าจะเป็นตัว iMac, Macbook, iPod และ iPhone (Apple อีกแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าผมบ้าบริษัทนี้จริงๆ ผมบ้าก็เพราะว่า design ของบริษัทนี้เป็น design ที่สามารถผสมกับ function ได้อย่างเป็นที่สุดจริงๆ เอาเป็นว่า คราวหน้าผมจะเอาเรื่องราวของคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Apple มาบ้าง คราวนี้ เอาคนนี้ก่อนละกัน ลองมาดูว่า เค้าเป็นใคร ทำไมถึงทำงานได้เจ๋งขนาดนี้) Jonathan Ive มีชื่อเต็มๆ ว่า Jonathan Paul Ive เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ 1967 ที่ประเทศอังกฤษ โดยหลังจากเรียนจบจาก Northumbria University ในปี 1985 แล้ว เค้าก็ได้ไปร่วมเปิดบริษัทกับเพื่อนชื่อ Tangerine โดย Tangerine นี้ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ไดร์เป่าผม ทีวี และเครื่องปั้นเซรามิกต่างๆ แน่นอน Apple ก็คือหนึ่งในลูกค้าของ Tangerine ตั้งแต่ปี 1992 อย่างไรก็ตาม Jonathan Ive ได้ย้ายมาสังกัดทำงานใน Apple ซึ่งถือว่าเป็นยุคที่ตกต่ำที่สุดทางด้านธุรกิจของ Apple โดยในเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่คนกุมบังเหียนของ Apple คือ John Sculley ไม่ใช่ Steve Jobs การทำงานในช่วงนั้น เป็นช่วงที่ย่ำแย่ เพราะว่า John Sculley ไม่ได้เห็นเรื่องของการออกแบบเป็นเรื่องสำคัญ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เค้าได้มีการ outsource เรื่องการออกแบบให้กับบริษัทอื่นข้างนอกอีกด้วย เมื่อ Steve Jobs กลับมาในปี 1997 ก็เหมือนเป็นยุคที่ Apple จะได้เกิดใหม่ การทำงานของ Jonathan Ive ก็ได้ส่งผลให้เค้าได้เลื่อนขั้นเป็น Senior Vice President of Industrial Design ผลงานของเค้าที่สร้างความตื่นเต้นให้กันทุกคนทั่วโลกเลยก็คือ iMac G3 Computer ที่มีสีสันสดใส สร้างด้วย Plastic ใสสามารถมองทะลุได้จากจุดนั้น เหมือนเป็นแรงผลักดันให้ Jonathan Ive และ Apple Design Team มีแรงมุ่งมั่นที่จะผลิตผลงานออกมามากขึ้น โดยหลังจากนั้นก็เป็น iBook และ PowerBook เป็นลำดับต่อมา จนถึงวันนี้ ธุรกิจของ Apple Inc. ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีผลกำไรเพิ่มมากขึ้น และสามารถผลิตสินค้าที่เต็มไปด้วย technology ล้ำสมัย ตั้งแต่ iPod จนถึง iPhone ตัวล่าสุด สิ่งที่ Jonathan Ive ได้ทำคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์โดยนำความเรียบง่าย ดูดี และวิวัฒนาการใหม่ ให้กับทุกๆสิ่งที่เค้าได้สัมผัส

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
8332
พลังน้ำใจ
12020
Zenny
57386
ออนไลน์
377 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-1 11:09 , Processed in 0.108149 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้