จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 1684|ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

ชักว่าว : อัตตกามกริยาในชาย

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ชักว่าว : อัตตกามกริยาในชาย
ความจริงปีนี้ก็คงร๎อนพอๆ กับหน้าร้อนปีก่อนๆ นั่นแหละ แต่ทำไมก็ไมํรู๎อดรู๎สึกไม่ได้ว่าหน้าร้อนนี้ช่างร้อนจัดจ้านกว่าทุกปีที่เคยมา ยังดีนะที่พอตกเย็นบ่ายคล้อยแดดร่มลมตกยังพอมีลมว่าวพัดโชยมาทำให้คลายความอบอ่าวได้บ้าง ไอ้หนูข้างบ้านก็เลยเอาว่าวตัวงามที่แต้มสีสันฉูดฉาดวิ่งรอกชักขึ้นไปลอยฉวัดเฉวียนเหินลมบนอยู่กลางอากาศมือของคนชักก็ค่อยๆผ่อนค่อยๆสาว สายป่าน กระตุกขึ้นลง ซ้ายขวา บังคับว่าวให้ติดลมบนเป็นที่เพลิดเพลินเจริญใจ
และคงจากอากัปกิริยากระตุกสายป่านของคนชักว่าวนี้แหละ ที่เป็นที่มาของศัพท์สแลงทางเพศอันรู้จักแพร่หลายโดยเฉพาะในหมู่เด็กหนุ่มนมเพิ่งแตกพานที่สิวเม็ดแรกเริ่มขึ้น เป็นที่เข้าใจกันว่า ชักว่าว นั้นหมายถึง การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง คำนี้ต่อมาก็เลยกลายเป็น คำหยาบหรือ ต้องห้ามไป จะพูดดังๆ ต่อสาธารกำนัลเลยพาลกระดากปากต้องเลี่ยงเป็นช่วยตัวเองบ้างไปสนามหลวง (เพราะว่ามีการแข่งขันกีฬาชักว่าวและมีคนเล่นว่าวกันมากที่นั้น)บ้างจึงค่อยพูดถนัดปากหน่อย ซึ่งก็ล้วนแต่หมายถึงการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองซึ่งตรงกับคำภาษาหมอว่ามาสเตอร์เบชั่น (MASTURBATION)
คำว่า มาสเตอร์เบชั่น นั้น ในทางชีววิทยา หมายถึง การจงใจกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศในตนเองโปรดสังเกตว่า เป็นการกระตุ้นตัวเองเป็นได้ทั้งชายและหญิง ไม่จำกัดว่ากระตุ้นส่วนใดของร่างกายไม่พูดถึงการแข็งตัวขององคชาต และไม่ได้พูดถึงการสำเร็จ
ความใคร่ หรือ ออกาสซึม (ORGASM) ผู้เขียนจึงคิดว่า อัตตกามกิริยา นำจะเป็นคำแปลที่แปลและถูกความสำหรับคำว่ามาสเตอร์เบชั่น
มากกวำ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง อย่างที่มีผู้นิยมใช้กัน
คำแสลง “ชักว่าว” จึงหมายถึง อัตตกามกริยาในชาย ซึ่งได้แก่ การที่ผู้ชายจงใจกระตุ้นให้ตนเองเกิดความรู้สึกทางเพศหรือปลุกกำหนัดในตนเอง ส่วนจะทำอย่างไร กระตุ้นส่วนไหนของร่างกาย จะบรรลุจุดสุดยอดจนสำเร็จความใคร่หรือไม่สำเร็จก็ได้ ขอรวมยอดเรียกเป็น “ชักว่าว” ทั้งสิ้น หากไม่ได้ทำเอง แต่ให้คนอื่นที่เป็นผู้ชายเพศเดียวกันกระตุ้นให้ เราก็ยังอนุโลมว่าเป็นการชักว่าวอยู่แต่เรียกว่าเป็นการ ช่วยชักว่าว หรือ ผลัดกันชักว่าว (MUTUAL MASTURBATION)แต่หากผู้ที่ช่วยกระตุ้นให้นั้นเป็นต่างเพศ คือ เพศหญิง เช่น
หมอนวดทำให้แขกขี้เมื่อยที่ไปเที่ยว อาบ อบ นวด นั้นไม่เรียกว่า เป็นการ “ชักว่าว” หรือ อัตตกามกริยา แล้วเพราะไม่ได้ทำด้วยตนเองถือเป็นการเล้าโลมระหว่างชายหญิงเวลามีเพศสัมพันธ์กัน
ผู้ชาย ชักว่าว กันมากแค่ไหน ในปี ค.ศ. 1948 ดร.คินซี่(KINSEY) ได้ทำการศึกษาเรื่อง ชักว่าว ในผู้ชายอเมริกันผิวขาว5,000 คนพบว่า 92 % เคยชักว่าว จนถึงขั้นสำเร็จความใคร่ในจำนวนนี้ 20 % สารภาพว่า เริ่มชักว่าว เป็นตั้งแต่อายุ12 ปี พออายุได้ 15 ปี ก็ชักว่าวกันถึง80 %แล้ว พอเข้าวัยหนุ่มก็แทบไม่มีเว้นเลย และแม้แต่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วจำนวนไม่น้อยก็ยังแอบ ชักว่าว อยู่เป็นนิจสิน นี่ขนาดเป็นสถิติ ของเมื่อเกือบ 30 ปีก่อนเมื่อ.....เข้าใจทางเพศวิทยาตลอดจนเสรีภาพทางเพศยังไม่เจริญก้าวหน้าเท่าทุกวันนี้
ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญทางเพศวิทยาบอกเหมือนกันหมดว่า 99 % ของมนุษย์เพศชาย บนโลกนี้ล้วน แต่เคย ชักว่าว ทั้งสิ้นส่วนอีก 1 %
ที่เหลือนั้นไม่ใช่ไม่เคยชักว่าวก็ชอบชักเหมือน คนอื่นเขานั่นแหละแต่ขี้อายเกินกว่าจะบอก ความจริงแก่หมอต่างหาก   
ตั้งแต่น้ำอสุจิ...1 หยดกลั่นมาจากเลือด 500 หยด ....ทำให้สายตาสั้น ทำให้เหงื่อมือเหงื่อเท้า ... ทำให้สติปัญญาเสื่อมถอย...ทำให้สมองไม่ดี ...ทำให้เป็นหัวใจ ...ทำให้เป็นโรคประสาท...ทำให้เป็นโรคล่มปากอ่าว...ทำให้หมดสมรรถภาพทางเพศ หรือล้มไม่ลุก ... ผู้ชายเกิดมามีกระสุนติดตัวมาห้าพันนัดชักว่าวบ่อยๆยิงทิ้งยิงขว้างอีกหน่อยกระสุนหมด ...ทำให้เป็นหมัน....ทำให้น้ำกามไหลไม่หยุด... ทำให้
เป็นโรคไต...ฯลฯ
แม้แต่คุณหมอท่านหนึ่ง เมื่อรับเชิญไปพูดเผยแพร่วิชาการเรื่องเพศวิทยาทางโทรทัศน์เมื่อไม่นามานี้ก็ได้พูดให้ผู้ฟังจำนวนมากมาย
ทางบ้านถึงผลร้ายของการ “ชักว่าว” ...ความทำนองว่า การสำเร็จ ความใคร่ด้วยตนเองทำให้ประสาทไม่ดี ทำให้เป็นโรคประสาท
ยังทำให้สมองเสื่อมสติปัญญาทึบเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ผลการเรียนตกลงท่านเคยพบหลายรายที่ทำบ่อยเกินไป ทำให้สมองไม่ดี
สอบตกซ้ำชั้น หารู้ไม่ว่าคำพูดประโยคนี้จะไปทำให้ พ่อแม่และเด็กอีกหมื่นกี่แสนคนเกิดความเข้าใจผิดเกิดความรู้สึกผิดว่า
การ “ชักว่าว” เป็นเรื่องเลวร้าย เหมือนอย่างในศตวรรษก่อนๆ
คุณหมอท่านนี้ เป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผำตัดระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ชาย อาจจะลืมไปว่าการสืบพันธุ์ กับเพศวิทยา นั้นมันคนละเรื่องกันไม่ใช่ว่าเชี่ยวชาญการผำตัดอวัยวะสืบพันธุ์แล้วจะต้องเชี่ยวชาญเรื่องเพศวิทยาไปด้วยยกตัวอย่างง่ายๆ ปาก มีหน้าที่ กินอาหาร ดังนั้น ตั้งแต่ปาก คอหอย ลำไส้เล็กใหญ่ กระเพาะอาหารตลอดจนถึงทวารหนัก จึงเป็นเรื่องของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางเดินอาหาร แต่ปากไม่ใช่มีไว้สำหรับกินอย่างเดียวเหมือนกับอวัยวะเพศไม่ได้มีไว้สืบพันธุ์ หรือถ่ายปัสสาวะอย่างเดียว ปากยังใช้พูด ยิ้มร้องเพลง จูบ ทาลิปสติก และอะไรต่อมิอะไรได้อีกตั้งหลายอยำง หากปากนั้นมีปัญหาเรื่องการพูดเช่น เด็กพูดได้ช้า พูดไม่ชัด ติดอ่าง ก็เป็นเรื่องของ จิตแพทย์ หรือ นักบำบัดการพูด ( SPEECH THERAPY) หากปากทาลิปสติก แล้วมีปัญหาไม้รู๎จะใช้ยี่ห้ออะไรสีอะไรจึงจะเหมาะก็เป็นเรื่องของนักเสริมสวย หากทาลิปสติกแล้วแพ้ ก็เป็นหน้าที่ของหมอโรคผิวหนังไป
หมอผู๎เชี่ยวชาญทางเดินอาหารไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการพูดหรือลิปสติกฉันใด หมอผู้เชี่ยวชาญทางเดินปัสสาวะก็ไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญในเรื่องเพศวิทยาแต่เมื่อสวมเสื้อครุยของนักวิชาการอันน่าเลื่อมใส พูดอะไรชาวบ้านตาดำๆ ก็ต้องเชื่อหารู้ไม่ว่าได้ไปสร้างปัญหาทางเพศในจิตใจผู้ชมโทรทัศน์คืนนั้นอีกกี่หมื่นกี่แสนคน อย่างนี้ก็จัดเข้าประเภทโรคที่เกิดจากหมอทำเหมือนกัน
ถ้าหากว่า ผู้ชายกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบทุกคนในโลกนี้เคย “ชักว่าว”นักสัตววิทยาได้ยืนยันแล้วว่า สัตว์ชั้นสูงทุกชนิดล้วนแต่มีพฤติกรรมแบบ“อัตตกามกริยา” ทั้งสิ้น ไม่มียกเว้น ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ไก่ หมา แมว นก ไม่ต้องพูดถึงลิง ซึ่งเราเคยเห็นมันเล่นจำปีของมันเองอยู่เสมอๆเด็กทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ทารกแรกเกิด ไม่กี่เดือน หนึ่งขวบ สองขวบ สามขวบ เรื่อยไปก็รายงานมากมายยืนยันแล้วว่าเคยพบ ชักว่าว หาความสุขให้ตัวเองเป็นตั้งแต่ยังไร้เดียงสา
ถ้าอย่างนั้น “ชักว่าว” จะเป็นเรื่องผิดปกตินำอับอาย ได้อย่างไร ในเมื่อสัตว์ชั้นสูงทุกชนิด ทารกอันแสนจะไร้เดียงสาและผู้ชายเกือบทั้งโลกนี้ต่างก็นิยมกีฬา “ชักว่าว” นี้ทั้งนั้น
ในระยะสิบกว่าปีมานี้ ได้มีการศึกษาและวิจัยอย่างกว้างขวาง และจริงจังในเรื่องเพศวิทยาและพบว่า การชักว่าว นอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจไม่ว่าในทางใดแล้ว ตรงกันข้ามชักว่าว ยังทำให้สุขภาพกายและจิตใจดีขึ้นอีกด้วย พูดง่ายๆ คือ การ
“ชักว่าว” นั้นนอกจากไม่มีโทษแล้วยังมีแต่คุณประโยชน์ โดยเฉพาะในแง่ลดความกดดันทางเพศและทำให้สุขภาพจิตใจดีขึ้น ดังนั้นใครอยาก“ชักว่าว” ผู้เขียนขอเชิญให้ปฏิบัติด้วยความมั่นใจและสบายใจอย่าได้มีความวิตกกังวล หรือสงสัยอะไรอีกเลย สิ่งเดียวที่ทำให้การชักว่าว ซึ่งเป็นของดีมีประโยชน์แถมไม่ต้องซื้อต้องหานี้ กลายเป็นของไม่ดี ก็คือ การเชื่อผิดๆ ที่ทำให๎รู้สึกว่าบาปรู้สึกผิด กลัวจะทำให้เสียสุขภาพต่างหาก ที่ทำให้เด็กหนุ่มๆหลายคนกลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นในตนเองคิดว่าตนเป็นคนตัณหาจัด ลามกจกเปรต กลายเป็นคนมีปมด้อย มีบุคลิกภาพผิดปกติ มีปัญหาทางเพศเมื่อโตขึ้นหรือแต่งงาน และหลายคนถึงกับฆ่าตัวตายเพราะรังเกียจตัวเอง
ที่ไม่อาจเลิก “ชักว่าว” ได้
แปลกที่ว่าแม้ผู้ชายแทบทั้งโลกนี้นิยมการชักว่าว แต่ก็มีน้อยคนที่จะไม่มีอคติกับมันแม้แต่ปัจจุบันในยุคที่สังคมยอมรับ เรื่องเพศวิทยามากขึ้นและเปิดเผยขึ้น การชักว่าวก็ยังเป็นเรื่องที่ผู้คนไม่ค่อยยอมพูด ถึงเพราะยังมีความรู้สึกว่า ชักว่าว เป็นเรื่องลามกจกเปรตเป็นเรื่องบัดสีบัดเถลิง เป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าหากใครรู้เข้า ผู้ชายส่วนใหญ่ให้เขายอมรับว่าโกหกหลอกลวง หรือมีปัญหาทางเพศอย่างอื่น ยังจะง่ายกว่าที่จะให้เขายอมรับว่า ชอบเล่นนกเขาของตัวเองแปลกคนจริง ชอบเล่นแต่ไม่ชอบยอมรับ เมื่อเร็วๆ นี้ โรเบอร์ท ซอเรนสัน ได๎ศึกษาวัยรุํนทั่วอเมริกาและพบว่าบรรดาชายหนุ่มที่นิยมกีฬา ชักว่าวทั้งหลายมีเพียง 45 % ยอมรับว่ามีความรู้สึกผิด วิตกกังวล
หรือ ไม่สบายใจ เกี่ยวกับการชักว่าวของตน
ทำไมถึง รู้สึกผิด ต่อ การชักว่าว อันนี้ต้องโทษว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายาย สั่งสอนไม่ดี ครูบาอาจารย์อบรมไม่ถูก และหมอทั้งหลายแนะนำผิดๆ ทั้งนี้เพราะตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาแล้วที่มนุษย์มีความเข้าใจผิดในเรื่องชักว่าว ทุกยุคทุกสมัยล้วนแต่ประณามว่าเป็นเรื่องไม่ดี เป็นเรื่องต้องห้าม เริ่มตั้งแต่สมัยโบราณศาสนายิวสาบแช่งคนที่ ชักว่าว ว่าเป็นบาปร้ายแรง เพราะไปทำลายชีวิตของเชื้ออสุจิ อันเป็นของล้ำคำที่พระเจ้ามอบให๎แก่มนุษย์ไว้สืบเผ่าพันธุ์เป็นการทำลายของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้าเป็นการทำลายชีวิต เป็นการไม่เคารพพระผู้เป็นเจ้าศาสนาคริสเตียน ยิ่งสาปส่งใหญ่เลยว่า การ ชักว่าว เป็นการผิดศีลธรรมอย่างมหันต์ เป็นเรื่องวิตถารผิดธรรมชาติครั้นมาถึงศตวรรษที่ 18 บรรดาหมอและนักวิทยาศาสตร์ก็พลอยสวมรอยผสมโรงกันประณามการชักว่าวหนักข้อเข้าไปใหญ่ ที่นี้สารพัดจะสรรมาว่า เรียกว่าร้อยโรคพันโรคยกมาให้เป็นความผิดของชักว่าว หมด ตั้งแต่ สิว ไปจนถึง วิกลจริต...หลังค่อม...ไหล่หุบ....ผอมแห้งแรงน้อย...อ่อนเปลี้ยเพลียแรง...นอนไม่หลับ...เรี่ยวแรงไม่มี...ไม่มีราศี...แววตาไม่แจ่มใส...ท้องเฟ้อเรอเปรี้ยว...แผลในกระเพาะ...หมดสมรรถภาพทางเพศ...ปัญญาอ่อน...มะเร็งที่องคชาต...ฯลฯ
ทั้งนี้เพราะบรรดาหมอในสมัยนั้น สังเกต เห็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลโรคจิต ชักว่าวกันบ่อยๆ ก็เลยเหมาว่าการชักว่าว ทำให้คนเป็นบ้า หารู้ไม่ว่าบรรดานิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็นิยมกีฬานี้เช่นเดียวกันเพียงแต่ว่าแอบทำกระมิดกระเมี้ยนกว่า เลยไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง ตอนกลางศตวรรษที่ 19 อันเป็นยุคที่ศาสนามีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คนอย่างมาก ในเรื่องชักว่าว นี้นอกจากเป็นความผิดแล้ว หากถูกจับได้ยังต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงด้วย เช่นเวลาจะนอนก็ถูกเอาโซ่ตรวนผูกมือทั้งสองกับเสาเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้ ชักว่าวหรือร้อยหนัง
หุ่มปลายด้วยเส้นลวด หรือ ใส่วงแหวนที่มีหนามไว้รอบองคชาติ มีบางรายถูกทำโทษอย่างทารุณโหดร้ายถึงขั้นตอน หรือ ตัด
องคชาตทิ้งไปก็มี
มาถึงต้นศตวรรษที่ 20 คือ ค.ศ. 1909 มีหมอสองคนช่วยกันเขียนหนังสือสำหรับเด็กขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ เรื่องนำรู๎สำหรับเด็ก
(WHAT A BOY SHOULD KNOW) ซึ่งขายดิบขายดีมากในสมัยนั้นได้แนะนำเด็กเกี่ยวกับการ ชักว่าว ไว้ว่า “...หากเล่นวิตถารกับนกเขาจนน้ำออกมาละก็ร่างกายจะเหี่ยวเฉาลง เด็กชายคนนั้นก็จะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไม่สดชื่นแจ่มใสอีกต่อไปจะกลายเป็นเด็กเหนื่อยง่าย สายตาจะไม่ดี ใบหน้าจะซีดเซียวไม่มีสีเลือด ท้องจะอืด และไม่ถ่ายอุจจาระซึ่งผลก็คือ จะมีสิงฝ้าด่างดำตามใบหน้า นอกจากนี้ การชักว่าว ยังจะทำให้กลายเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดีไว้ใจไม่ได้ ขี้ปดและขี้โกง
ค.ศ. 1945 ในหนังสือ คู่มือลูกเสือ (THE BOY SCOUT MANNUAL) ซึ่งขายเป็นล้านๆเล่ม แพร่หลายไปทั่วโลก ก็มีการเตือนให้บรรดาลูกเสือทั้งหลายระวังถึงความเลวร้ายของการชักว่าว และในสมัยเดียวกันนี้ ใครที่จะสอบเข้าโรงเรียนนานเรือของอเมริกา หากจับได้ว่าเคยชักว่าว จะไม่ได้รับเลือกทันทีเลย
แม้แต่หลังสงครามครั้งที่สองในขณะที่วิทยาการแพทย์แขนงอื่นๆ เจริญก้าวหน้าสุดขีดผู้คนทั่วไป (รวมทั้งบรรดาหมอทั้งหลายด้วย)
ก็ยังพกความเชื่อผิดๆ เรื่อง ชักว่าว นี้ไว้มากมาย
คงต้องใช้เวลาอีกนานปีกว่าที่สังคมจะเข้าใจ และยอมรับความจริงอันนี้ และก่อนจะถึงวันนั้นก็คงจะยังมีเด็กชาย ชายหนุํม และผู้ชายอีกจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความเข้าใจผิดๆและเชื่อผิดๆ อันนี้
หน้าร้อนปีนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านหาความเพลิดเพลินบันเทิงใจด้วยการชักว่าวกันให้สำราญเบิกบานในกันเถิดเผื่อจะได้คลายความหงุดหงิดจากอากาศที่แสนจะอบอ้าวนี้เสียบ้างและไม่ต้องกลัวว่าจะปฏิบัติมากเกินไปเพราะพฤติกรรมทางเพศนั้นหากมากไปหรือน้อยไปก็จะมีกลไกอัตโนมัติปรับให้พอดิบพอดีอยู่เสมอ เช่น ถ้าไม่ได้ระบาย สะสมความรู้สึกทางเพศอัดอั้นไว้นานๆ น้ำอสุจิที่ถูกสร้างโดยลูกอัณฑะและนำมาเก็บไว้ในถุงเก็บอสุจิก็จะเต็มพอถุงเต็มก็จะไปกระตุ้นเตือนทำให้เกิดความต้องการทางเพศมากขึ้น และหากยังไม่ได้มีการระบายปลดปล่อยด้วยการชักว่าวหรือมีเพศสัมพันธ์ ตกกลางคืนก็จะมีการฝันเปียกหลั่งน้ำอสุจิที่คั่งค้างออกมาหากมีการปลดปล่อยบ่อยเกินไปเช่น ชักว่าวติดๆ กันวันละหลายๆ ครั้ง ลูกอัณฑะสร้างน้ำอสุจิไม่ทัน ถุงเก็บอสุจิก็ไม่เต็มร่างกายก็จะมีกลไกจำกัดตัวเอง ด้วยการมีความต้องการทางเพศน้อยลง องคชาตแข็งตัวน้อยลงทำให๎ชักว่าว น้อยลงไปเอง
อีกประการหนึ่ง ความต้องการทางเพศของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคนต้องอยำงน้อยวันละหนึ่งทุกวัน ถึงจะไม่หงุดหงิด บางคนสามวันครั้ง บางคนเดือนละครั้งก็สบายแล้ว เหมือนกับกินข้าวนั่นแหละบางคนมื้อละจานยังไม่อิ่ม บางคนละเลียดข้าวไม่กี่ช้อนอิ่มเสียแล้ว จึงไม่มีมาตรฐานว่าเท่าไรจึงจะพอดีขึ้นอยู่กับต้องการของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน
เพศชาวบ้าน ในหมอชาวบ้าน ครั้งแรกเกิดนี้ ก็เห็นจะต้องขอจบลงด้วยการอวยพรให้ท่านผู้อ่านจงมีความสุขมากๆจากการ “ชักว่าว” ถ้วนทุกคน

หัวหน้าห้อง

โพสต์
588
พลังน้ำใจ
1058
Zenny
5571
ออนไลน์
190 ชั่วโมง

ประธานนักศึกษา

โพสต์
155
พลังน้ำใจ
6225
Zenny
421
ออนไลน์
1049 ชั่วโมง
ขอบคุณครับผม
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-3 07:59 , Processed in 0.092681 second(s), 29 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้