จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 982|ตอบกลับ: 17
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

กว่าจะมาถึงวันนี้ 3

  [คัดลอกลิงก์]

หัวหน้าห้อง

โพสต์
648
พลังน้ำใจ
1295
Zenny
8463
ออนไลน์
85 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่ม

----- 10 -----

วันเวลาที่เรามีความสุขเนี่ย มันผ่านไปเร็วอย่างที่เค้าบอกจริงๆนะครับ ปีนี้ผมขึ้น ม5 แล้ว อิอิ ก็ยังเป็น ม5/2 เหมือนเดิม

ปิดเทอมที่ผ่านมา เราแทบจะไม่ได้ห่างกันเลย คือ ถ้าไม่อยู่ที่บ้านผม ก็จะไปอยู่ที่บ้านออย บางทีเราก็ไปนอนเล่นที่หอออยบ้าง (แต่ยังไม่ได้มีอะไรกันนะครับ อ่ะ ทำหน้าหื่นกันเชียว…ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นเราสองคนไม่คิดถึงเรื่องนี้…หรือว่ามันคิด…กอดกันน่ะมี มันก็มี Spark กันบ้างเป็นธรรมดา แต่คงเป็นเพราะเราสองคนไมรู้จะทำยังไงกันมั้ง)

แม่ผมน่ะ รู้เรื่องของเราชัวร์ แต่กับพ่อผมก็ว่าน่าจะรู้ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไร ผมไม่ได้ปิดบังนะ เพียงแต่ไม่ได้บอกแกเป็นเรื่องเป็รราว ส่วนทางบ้านออยน่ะ ผมไม่รู้ เพราะเวลาเราอยู่ที่นั่น เราก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลย

ปีนี้ผมเริ่มเรียนพิเศษเพิ่ม เพราะว่าปีหน้าผมก็ต้องสอบโควต้าแล้ว เพื่อนๆผมน่ะ เริ่มเรียนกันตั้งแต่ ม4 แล้ว เป็นการติวข้อสอบอ่ะครับ

ผมต้องไปติวหลังเลิกเรียนจนค่ำทุกวัน ส่วนไอ้ออยไม่ยอมเรียนบอกว่าจะอ่านหนังสือเอง มันก็ยังเงี้ย แทนท่จะมาเรียนพร้อมกัน นั่นแหละมันก็เลยทำให้เวลาช่วงนี้ของเราสองคนหายไปมากเลยทีเดียว

แต่ก็นะ ผมหวังกับเรื่องนี้ไว้มาก

“หนึ่งมาค้างกับ ออย บ้างได้มั้ย เลิกติวดึกทุกวันเลย เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ” ออยขอให้ผมมานอนกับมันบ้าง เพราะทุกวันนี้ผมติวเสร็จมันก็มารับผมกลับ้าน แทบไม่ได้คุยกัน มีบ้างก็กินข้าวด้วยกันนิดหน่อย

“ต้องบอกแม่ก่อน ไม่น่ามีปัญญหา แต่มาบ่อยๆไม่ได้นะ แม่หวง” ฮิฮิ

“บอกว่ามาติวหนังสือกันนะ”

“โอเช”

……………………………………………..

วันนี้หลังเลิกติว ผมมานั่งรอออยที่หน้าโรงเรียนตั้งนาน เกือบครึ่งชั่วโมงได้มั้ง ออยไม่เคยผิดเวลา ผมก็เลยเดินไปที่หอออย เพราะวันนี้ผมบอกแม่ไว้แล้วว่าจะมาค้างกับมัน

…….ห้องปิด ไม่มีคนอยู่ เวร มันไปไหนเนี่ย

ผมนั่งรออยู่นานมาก จนจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว ผมว่า ผมกลับบ้านดีกว่า ในใจก็นึกโกรธมันมากเลย แต่ก็ห่วงมันอยู่หมือนกัน ไม่รู้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถามคนที่หอก็ไม่มีใครรู้

“แม่ ออย โทรมาหามั้ย” ผมถามแม่ทันทีที่ผมถึงบ้าน

ไม่มีนี่ ไหนว่าจะไปติวกับออยไง”

“นี่ บอกแล้วไงว่าอย่าให้โทรมาดึกๆ” แป่ววว โดนเลยกรู

“จ้ะ …ไปนอนล่ะ”

จะไปนอนหลับได้ไง นี่มันหายไปไหนของมันนะ ความโกรธเริ่มหายไปแล้ว ตอนนี้ห่วงมันจริงๆ

………………………………………………….

วันนี้ผมเกือบมาโรงเรียนสาย ก็ไอ้บ้าออยไม่ยอมมารับ รออยู่นานก็เลยตัดสินใจมาเอง

พอดีเจอ เจ๋ง กับ โต ตอนเข้าแถว (ว้า ลืมพวกมันไปเลย มันอยู่ ม5/8 ทั้งคู่) ก็เลยเข้าไปถามถึงไอ้ออยมันสองคนส่ายหน้า บอกว่าไม่เจอกันมาหลายวันแล้ว

“มันหายไปไหนวะ…แสดงว่าวันนี้มันก็ไม่มาเรียน” ตอนนี้ไม่ห่วงแล้ว มันต้องเหลวไหลแน่ๆ โกรธๆๆๆๆๆ ไปไหนก็ไม่บอก

ผมตัดสินใจโทรไปที่บ้าออย จริงๆก็ไม่อยากโทรไปหรอก เกิดมันไม่ได้กลับบ้าน เดี๋ยวมันก็หาว่าผมโทรไปฟ้องแม่มันอีก

“ไม่ได้มานี่ลูก อ้าว แล้วมันไมไม่ได้ไปเรียนรึไง” นั่นไง ซวยแล้วมั้ยบ่ะ กรู

“เอ่อ…มาครับ แต่เห็นว่าเลิกเรียนแล้ว ออยมันหายไปน่ะครับ นึกว่ากลับบ้าน” ผมจำเป็นต้องโกหกไปอย่างนั้น กลัวมันโดนแม่เล่นงาน

“อ๋อ…งั้นถ้าเจอมันแล้ว ให้มันโทรหาแม่ด้วยแล้วกันนะจ๊ะ”

ผมกลับไปรอที่หอมันอีกครั้ง ผมเริ่มกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับมันกันแน่ วันนี้เพื่อนๆที่ห้องมันก็มาถามผมหลายคน ว่าออยหายไปไหน นี่แสดงว่าที่ห้องมันก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย

แล้วเกือบ สองทุ่มมันก็กลับมา (กรูนั่งรอตั้งแต่เย็น ข้าวยังไม่ได้กินเลยนะเว้ย)

“หายไปไหนมา….ทำไมไม่ไปเรียน” ผมเปิดฉากใส่มันทันที

“………………………..” มันไขประตูห้องเข้าไป ไม่ตอบคำถามผม สภาพตอนนี้มันดูแย่มาก กลิ่นตัวแรงสุดๆเหมือนไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาเลย

“อย่าเพิ่งถามได้ป่ะหนึ่ง…..เราเหนื่อย”พูดจบ มันก็ล้มตัวลงนอน

ผมรับรู้ได้ถึงความอ่อนล้าของมัน ออยนอนกรนเสียงดังเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน หน้าตาหมองดูไม่ได้ ไอ้หล่อ ออย คนเดิมหายไปไหนวะ

ผมห่วงมันเหลือเกิน ปลุกขึ้นมาถามก็ไม่ตื่น ผมนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ แล้วก็คอยดูมันไปด้วย

ตี2กว่าๆ มนก็งัวเงียขึ้นมา พอมันเห็นผมยังน่งอ่านหนังสืออยู่ ก็ตกใจ

“นี่กี่โมงแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอหนึ่ง” ตอนี้ดูมันเป็นผู้เป็นคนขึ้นมามั่งแล้ว

“เห็นสภาพออยแล้วเราไม่กล้านอนหรอก….กลัวออยหลับแล้วไม่ตื่น”

“ไปไหนมา จะบอกเราได้ยัง”

“…………………………..”

“ตกลงเราจะมึความลับต่อกันใช่มั้ย” ผมเอาจริงนะคร้าบบบบบบบบบบ

“หนึ่งไม่รู้หรอกนะว่าออยไปที่ไหน…..ทำอะไรมา”

“แต่ การหนีเรียน สำหรับหนึ่งแล้ว มันเป็นเรื่องใหญ่...และหนึ่งก็คิดว่า ถ้าที่บ้านออยรู้ เค้าก็คงเสียใจไม่น้อย”

“...............................” มันยังคงเงียบ

“คนที่ห่วงออยไม่ใช่มีแค่พ่อกับแม่ แต่ยังมีคนนี้ (ผมชี้ที่ตัวเอง) คนที่ตามหาออยทั้งวัน คนที่ออยไม่บอก ไม่พูดอะไรกับมันเลย” น้ำตาผมไหลออกมา ผมไม่อยากให้สิ่งที่ผมคิดไว้ เป็นจริงเลย

“ถ้าเรื่องนี้เรายังคุยกันไม่ได้....อีกหน่อยมีเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ แล้วเราจะทำยังไง” ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ลองเอาไปคิดดูนะออย...แล้งพรุ่งนี้เจอกัน” ผมหันหลังไปจะเก็บของกลับบ้าน........

“หนึ่ง...ออยอยากเลิก....ฮือๆๆๆๆ” มันโผเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ซบหน้าโทรมๆของมันกับแผ่นหลังผม ....นี่มันกำลังจะบอกเลิกกับผมหรือนี่

“ออย...เป็นอะไร ... หมายความว่ายังไง”

“หนึ่ง....ยกโทษให้ออยด้วย.....”

“ออยใช้ยา...ออยติดยาเสพย์ติด....ออยติดม้า” สมัยก่อนเรายังเรียกมันว่ายาม้าครับ


และแล้ว สิ่งที่ผมได้ยินมาเกี่ยวกับตัวออยว่า ออยเคยลองใช้ยา จากเพื่อนๆในห้องตอน ม.3 และเพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกัน มันเป็นจริงอย่างที่ผมกลัวจนได้

ผมหันมากอดมันไว้ในอ้อมแขน แล้วดึงตัวมันเข้ามาดูหน้าชัดๆ ออยหลบตาผม แล้วทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้ตัวโยนเหมือนเด็กๆ

“ออยเคยเลิกได้แล้ว...ฮือๆๆๆ....ออยเคยทำได้แล้ว แต่....หนึ่งยกโทษให้ออยนะ” ผมสงสารมันจับหัวใจ คนที่ผมรักตอนนี้ดูช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน นี่ผมปล่อยให้มันเผชิญเรื่องเลวร้ายอย่างนี้คนเดียวมานานแค่ไหนแล้วนะ

ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันไม่เคยแสดงให้ผทรู้สักนิดว่ามันใช้ยา

“มันเกิดขึ้นได้ยังไง” ผมกอดมัน และถามมันทั้งน้ำตา

“เราเคยใช้ยามาก่อน ตั้งแต่ ม.2 แล้ว” มันสารภาพ

“แต่เราไม่ได้ติดนะ เราพยายามเลิก แล้วเราก็เลิกได้เด็ดขาดตอนเราเจอหนึ่ง”

“แต่เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนที่วง(ดนตรี)เอามาเล่นอีก มันหยุดเล่า แล้วมองหน้าผม

“ออยไม่ดีเองแหละ...ออยคิดว่าออยเคยเลิกได้มาแล้ว ลองอีกครั้งคงไม่ติดหรอก”

“แล้วสุดท้ายออยก็เป็นแบบนี้” ผมพูดแล้วเบือนหน้าหนี “แล้วนี่ ออยเป็นมากถึงขนาดยี้ได้ยังไง”

“เมื่อวานออยซ้อมดนตรี หลังเลิก ออยก็เล่นมันอีก ไม่รู้ว่าใช้ไปมากแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนกลับมาที่หอเนี่ยแหละ”

เหมือนโลกหยุดหมุน ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่กับเด็กเหลวไหล ติดยา คนเดียวกับคนที่ผมรักสุดหัวใจ ผมต่อต้านการใช้สารเสพย์ติดมาตลอดชีวิต แล้วทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

“ออยจะจบเรื่องนี้ ด้วยตัวออยเอง...ออยสัญญา” มันจับมือผมแน่น ดูมันมุ่งมั่นทีเดียว

“ไม่”

“เราจะจบเรื่องนี้...ด้วยกัน”

ออยดึงตัวผมเข้าไปกอด เราไม่เคยกอดกันแนบแน่นแบบนี้มาก่อน ผมรู้สึกได้ถึงคำขอบคุณตามที่มันพร่ำพูดอยู่ตลอดเวลาที่ผมเข้าใจ และยกโทษให้มัน

ออยโน้มตัวผมลงนอนบนเตียง กอดกันเนิ่นนาน ก่อนที่ออยจะพลิกตัวมาจูบผมผ่าวเบา จากนั้น ฉากรักครั้งแรกของเราก็เริ่มขึ้น มันเป็นการเริ่มต้นที่เราสองคนรู้ว่า มันควรจะเป็นรูปแบบยังไง ไม่มีอะไรมากไปกว่าการ “ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ผมไม่ถนัดเล่าเรื่องแนวนี้อ่ะครับ เอาเป็นว่าเราสองคนลึกซึ้งขึ้นมาอีกขั้น และอีกอย่าง ถ้าผมขืนเล่าไป มีหวังเพื่อนๆที่อ่านอยู่ตอนนี้ อาจจะ “อ้วก” ได้.....

ก็มันยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่ครับ......เหม็นอิ๊บอ๋าย...แต่....ตอนนั้นมันหยุดไม่ได้จริงๆ อิอิ
----- 11 ------

เช้าวันนี้ดูหดหู่จังเมื่อผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน (อ่า....ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ....) เพราะตอนนี้เราสองคนต้องตื่นมาอยู่กับความจริง และเราจะทำยังไงต่อไปเพื่อที่จะจบเรื่องนี้ซะ

เราตกลงกันว่า เราจะไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด จะไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร เราจะทำมันด้วยตัวเราสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะที่บ้านออย

“อย่างแรก...หนึ่งขอให้ออยออกจากวงดนตรีนั่นซะ...อันนี้ต้องขอร้องเลยนะ” ผมบอกออยขณะที่เรานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน

“อืม รู้อยู่แล้วล่ะว่าหนึ่งต้องให้เราทำแบบนี้”

“แล้วอีกอย่าง ถ้าออยแค่ห่างจากมันก็โอเคแล้วใช่มั้ย ไม่ต้องถึงกับบำบัด” ผมถามความคิดเห็นออยบ้าง

“อืม...ไม่น่ามีปัญหา”

“และนับจากนาทีนี้เป็นต้นไป ออยจะห่างจากหนึ่งไม่ได้ซักวินาทีเดียว...นอกจากเวลาไปเรียน”

“อันนั้นมันอยู่แล้ว ออยเคยห่างจากหนึ่งไปไหนล่ะ”

“อ้าววววว แล้วที่เกิดเรื่องขึ้นมาเนี่ยล่ะ ไม่ได้ห่างไปไหนหรอกเหรอจ้ะ” ผมเย้ามัน แต่มันไม่เล่นด้วยแฮะ ดูมันดิ มันหน้าเศร้าเชียว

“ขอโทษ ไม่พูดแล้ว”

...

วันนั้นทั้งวัน ผมเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเลย คิดอยู่แต่ว่าออยมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย แต่มันก็น่ารักนะ ทุกหมดคาบเรียนมันจะทำตัวเกินคำสั่งของผมโดยการเดินมารายงานตัวที่ห้องเรียนผมทุกคาบ มันทำให้ผม เบาใจ ได้เยอะ

ตอนเย็นเราสองคนกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน ทั้งๆที่ผมขอร้องให้มันเตะบอลกับเพื่อนก่อน เพราะคิดว่ากีฬาจะช่วยให้มันลืมทุกอย่างได้ แต่มันก็ไม่ยอม

“กลับบ้านดีกว่าหนึ่ง ไม่อยากตอบคำถามคนอื่น วันนี้ก็พูดมามากพอแล้ว” ออยมันหมายถึงการที่มันออกมาจากวงดนตรีนั่น มันดูจะไม่มีเหตุผลอะไรเอาซะเลย ทุกคนก็ต้องมีคำถามเป็นธรรมดา

“หนึ่งไปติวเหอะ เดี๋ยวเราไปรอหน้าโรงเรียน ไม่หนีไปไหนหรอก”

“ไม่อ่ะ วันนี้โดดดีกว่า.....ไหนๆก็กลับเร็วแล้ว ไปกินข้าวบ้านหนึ่งกัน”

ผมพามันไปกินข้าวที่บ้าน วันนี้น้องสาวตัวดีโชว์ฝีมือเองเลย

เราสามคนกินข้าวด้วยกัน ส่วนแม่ผมขอตัวจัดกับข้าวให้พ่อแล้วกินกันเอง2คนที่ห้องพ่อ

เราสามคนกินข้าวกันเงียบๆอยู่นาน จนน้องสาวผมคงทนไม่ไหว เลยแกล้งชวนไอ้ออยคุย ถามนั่นถามนี่อย่างกับว่ามันไม่ค่อยได้เจอกันอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่มันก็มาบ้านผมบ่อยจะตายไป

หลังจากเรานอนเกลือกกลิ้งดูทีวีกันอยู่นาน มันกับผมก็พากันกลับไปที่หอ

ช่วงเวลานี้ เราต้องการความเป็นส่วนตัวสุดๆ.....วันนี้ดูมันเงียบจัง พอมาถึงที่หอก็ล้มตัวลงนอน

“ออย...หนึ่งเข้ามาทำให้ชีวิตออยเปลี่ยนแปลงไปมากมั้ย” ผมนั่งที่ปลายเตียง

“เช่น....” มันลืมตาขึ้นมามองผม ถามผมแล้วย่นคิ้วเหมือนไม่เข้าใจที่ผมพูด

“ก็อย่างเรื่องนี้ มันทำให้ชีวิตส่วนตัวออยหายไปบ้างมั้ย เราทำเกินไปหรือเปล่า อึดอัดมั้ย...อะไรอย่างเนี้ย”

“ถ้าหนึ่งกำลังพูดถึง เรื่องที่หนึ่งกำลังทำให้ออยเลิกยาอ่ะนะ......” มันหยุดนิดนึง

“นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ออยไม่เคยได้รับจากเพื่อนคนไหน”

“แล้วหนึ่งก็เสียสละมากนะ ที่ต้องมาดูแลออยอย่างนี้ ดูอย่างวันนี้ดิ หนึ่งก็ต้องโดดเรียน”

“ออยไม่อึดอัดเลย ต่อให้หนึ่งทำมากกว่านี้ ออยก็พร้อมจะเข้าใจ บอกแล้วไงว่าออยอยากเลิกมันให้ได้”

“แล้ว.....” ผมลำบากใจที่จะถามจัง

“ที่หนึ่งให้ออยออกจากวงดนตรีนั่น......”

“ถึงหนึ่งไม่ให้ออยออก ออยก็จะออกเองอยู่แล้วแหละ เพื่อน มันก็ยังคงเป็นเพื่อน ชีวิตเรา ก็ยังคงเป็นของเรา ทุกคนก็ต้องทำสิ่งที่ดีที่สุด”

“เลิกคิด เลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะหนึ่ง มันจบแล้วล่ะ”
ผมเบาใจไปเยอะ ที่ได้เคลียร์กับมัน แต่ยังไม่วางใจซะทีเดียว ผมไม่เคยไว้ใจอะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผมเลย มันเป็นนิสัยที่แย่ที่สุดของผมเลยแหละ

การไว้ใจ เชื่อใจ คือการให้เกียรติที่ดูเหมือนจะทำได้ง่ายๆ แต่จริงๆแล้วทำยากที่สุด อย่างน้อยก็สำหรับผมคนหนึ่งล่ะ.....การไม่ใว้ใจ หรือ เชื่อใจใครซักคน ไม่ได้หมายความว่า คนคนนั้นเป็นคนเหลวไหล เข้าใจยากเสมอไป แต่สำหรับผมแล้ว มันอาจหมายถึงว่าเราหวง ห่วง แคร์ใครคนนั้นมากเหลือเกิน ต่างหากมากจนไม่อยากให้ อะไรๆผิดไปจากที่มันควรจะเป็น มากจนบางครั้ง เราต้องมาเป็นทุกข์ คอยระแวด ระวังดูแลแทนกัน.......ในทุกๆเรื่อง
------12 -------
อะไรๆต่อจากนี้ก็ดูเหมือนจะราบรื่นนะครับ ออยมันก็ดูจะอยู่ในโอวาทผมดี อิอิ

เรื่องยาอะไรนั่น คิดว่ามันคงจะจบจรงๆซะที หรือ ถ้าไม่ ผมก็ต้องยอมล่ะครับ เพราะผมยังนึกไม่ออกเลยว่า มันจะเอาเวลาตอนไหน หนีผมไปเล่นอีก อีกอย่างถ้ามันตบตาผมได้ขนาดนั้น ก็ต้องปล่อยมันไปล่ะครับ

ชีวิตผมตอนนี้ก็มีแต่เรียน เรียน เยน แล้วก็ไอ้ออยล่ะครับ เทอมสองนี้ ผมบังคับให้มันไปเรียนติวได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าการติวมันจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน บางคนอ่านเองจะเวิร์คกว่า แต่ผมว่าดีกว่าให้มันอยู่คนเดียว เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นมา ผมไม่อยากปวดหัวหลายเรื่อง

มีอะไรจะเล่าให้ฟังเล็กน้อยครับ คือ เป็นที่น่าสังเกตซะเหลือเกินว่า จริงๆแล้วเราสองคนเนี่ย รูปร่างหน้าตาก็ไม่ธรรมดานะครับ ใช้คำว่า หล่อ กันได้เลยทีเดียว แต่เอ๊….ทำไม ไม่มีสาวๆมาจีบมั่งเลยน๊า จะมีก็แต่ไอ้ออยที่เมื่อก่อน hot หนอกเสียเมื่อไหร่กัน แต่เดี๋ยวนี้ดูซบเซาไปเยอะ

ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ว่ามะ

อาจจะมีหลายคน สงสัยในพฤติกรรมเรา มันก็น่าสงสัยอยู่หรอก แล้วก็มีคนเอาไปเม้าท์

ก็นะ ก็ที่โรงเรียนผมน่ะ มีเทพธิดาตั้งหลายองค์ ล้วนแล้วแต่ตาทิพย์ทั้งนั้น ปิดพวกเธอไม่มิดหรอก แต่ก็ช่างเหอะ ดีซะอีด เราจะได้ไม่ต้องไปบอกใครๆให้กระดากปาก

อยู่อย่างนี้ แหละดี
…………………………………………………………..

“ออยว่าจะเลือก แอค-บา แมสคอม แล้วห้อยศึกษาไว้ อีกอันยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรดี” มันหมายถึงโควต้าที่มันจะเลือกคือ บริหารธุรกิจ มนุษย์ แล้วห้อยศึกษาศาสตร์ ครับ

“แล้วทไมออยไม่เลือกฝรั่งเศสล่ะ ทำได้ดีแต่ดันไม่เลือก” ผมถามมัน

“แล้วทำไมหนึ่งไม่เลือก Eng ไปเลือกทำไม เภสัช กับ วิดยาน่ะ”

“อ้าว ไอ้นี่ย้อน ก็บอกแล้วไง ว่าพี่ชายอยากให้เรียน” จริงๆพี่ผมอยากให้เรียนหมอฟันด้วยซ้ำไป แต่ผมไม่เลือกหรอกครับ รู้ตัวเองว่าทำได้แค่ไหน เลือกไปก็เสียอันดับเปล่าๆ

“แต่ออยเชื่อ ว่าหนึ่งต้องทำได้ เภสัชเห็นๆ” แล้วเราก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข

บอกตามตรงนะครับ ด้วยเกรดของเราสองคนแล้ว อันดับหนึ่งที่เราเลือกเนี่ย ไม่ยากเลย 80% อัพ ติดชัวร์ แล้วเราก็ขยันกันมากจริงๆ

ปลายเทอมสองเนี่ย มีการประกาศผลสอบ สมัยนั้นหลักๆก็วิทยุล่ะครับ บรรยากาศ มีทั้ง สมหวัง และผิดหวังเป็นธรรมดา คนที่ติดก็ดีใจน้ำตาไหล คนที่พลาดก็เสียใจน้ำตานองหน้า เราสองคนก็ไปให้กำลังใจพี่ๆที่ห้องสมุดกันด้วยดูครึกครื้นกันจัง

มัวแต่ช่วยพี่ๆลุ้น ไอ้ออยหายไปไหนวะ

ผมเหลือบไปเห็นมันอยู่ที่หน้าประตูห้องสมุด สีหน้าดีใจจนเวอร์ จับไม้จับมือแสดงความดีใจอยู่กับ…ฮึ…… ยัยพี่ก้อย ก็นที่เคยเอาปากกามาให้มันนั่นแหละ ดูท่าทางจะติดหมอ4อันดับล่ะมั้ง ดูดีใจซะเวอร์

“หวัดดีพี่ก้อย ดีใจหน้าบานอย่างนี้ หมอล่ะสิครับ” ผมนี่ก็ตอแหลได้โล่ห์เหมือนกันนะเนี่ย ไอ้ออยมองผมขำๆ

“ใช่จ้ะ เลือกหมออันดับเดียว ติดเลย” อ่ะนะ ยัยนี่ แก่งเกินคนจริงๆ

“หนึ่งกับออยก็รีบตามมาล่ะ พี่จะรอรับที่คณะ” ดูดู๊ดู ใครจะไปเรียนหมอกัย ….แก….วะ ไอ้ออยมันเรียนศิลป์เว้ยยยย

“อ่ะนะ ติดหมอแล้วเพี้ยนรอเลย ….ศิลป์ฝรั่งเศสเลือกหมอได้ด้วยเหรอพี่” 555555

“พี่หมายถึงหนึ่งอ่ะ”

“ไม่อ่ะ กลัวผี” “ยินดีด้วยนะครับ”

“ขอบใจจ้ะ พี่ไปล่ะ แล้วออยก็ตั้งใจเรียน พี่รออยู่ที่ มอ นะ”

อ้ะ ยัยคนนี้ ทำตัวเป็นโกโบริ รออังศุมาลินไปได้ แล้วบอกแต่ไอ้ออยคนเดียวด้วย เดี๋ยยยยยย เมิง

………………………………………………..

“ดูสนิทกันจังนะ ไม่เบนวิทย์ไปเรียนหมอซะเลยล่ะ เค้าบอกจะรออยู่ไม่ใช่เหรอ”

“ไอ้บ้า เค้ามีแต่วิทย์เบนศิลป์”

“หึงเค้าอ่ะดิ”

“หึงทำม่ะ เค้าก็แค่เก่ง สวย แถมรวยอีก ไม่เห็นจะดีกว่าหนึ่งตรงไหน” ผมพูดเอาฮา

มันจับหัวผมเขย่า แล้วพูดกรอกหูผมว่า “ ไม่อาวหรอก มีแฟนเป็นเภสัชกรดีกว่า”

“เปิดร้าน***ยาแล้วออยทำบัญชี โคตร match อ่ะเนอะ”

แล้วเราก็ยิ้มให้กัน ยิ้มให้ทั้งกับความสำเร็จของเราในวันข้างหน้า และยิ้มให้กับความสำเร็จของพี่ๆทุกคนในวันนี้
-----13 -------

ปิดเทอมครั้งนี้ เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก เพราะผมกับออยตกลงกันไว้แล้วว่าเราจะแยกกันอ่านหนังสือ จะเจอกันก็ตอนไปเรียนติว หลังจากนั้นก็บ้านใครบ้านมัน มีไปนอนค้างที่หอออยบ้างครับ เวลาเบื่อๆ

จนเปิดเทอม พวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเรียนในห้องกันแล้วครับ เอาแต่ฝึกทำข้อสอบกันมากกว่า ยังไงเรียนในห้องน่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ผมให้เวลากับตัวเอง และเพื่อนใมนห้องมากขึ้น เพราะว่าพวกมันติวให้ผมได้ครับ ว่าที่หมอกันทั้งนั้น ออยมันติวให้ผมไม่ได้นี่นา แต่ยังไงผมก็ยังไปกินข้าวกลางวันกับมันทุกวันแหละครับ

เปิดเทอมสองแล้ว ครั้งนี้ ทางโรงเรียนจัดห้องใหม่ครับ คัดนักเรียนที่เลือกสายหมอ วิดยา วิดวะ ไปไว้ที่ห้องม6/1 ส่วนที่เหลือก็คละๆกัยไป

เหมือนเดิมครับ พวกผมย้ายไปห้อง ม6/1 กันเกือบยกห้อง ครูบอกว่าจะได้ติวกันได้สะดวก ก็เลยทำให้ผมติวหนักขึ้นกว่าเดิมอีก ออยก็เหมือนกันครับ ย้ายห้องใหม่ ติวหนักเหมือนกัน แต่ก็เป็นผลดีครับ ยอมเหนื่อยครั้งนี้ ครั้งเดียว คุ้มครับ

ใกล้สอบเข้ามาทุกทีแล้ว อุปสรรคสำคัญของเราก็คือ การเข้าค่าย ร.ด ครับ สมัยนั้น ร.ด ปี3 ต้องเข้าค่าย 7 วันนะครับ ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ หนังสือก็ต้องอ่าน แล้วก็ต้องไปฝึกอีก

แต่พวกเราก็ไม่ท้อครับ ไปเข้าค่าย เราก็ขนเอาหนังสือไปอ่านกันด้วยครับ ฝึกตอนกลางวัน ดึกๆก็มาอ่านหนังสือ หนาวก็หนาว แต่ก็ต้องอ่าน ยันเช้าแหละครับ ครูฝึกก็อนุญาติครับ เค้าเข้าใจ
...

อีกไม่ถึงสัปดาห์ ผมก็ต้องเข้าสอบแล้วครับ

มาถึงตอนนี้ ผมมีเรื่องกังวลใจอยู่เรื่องเดียว คือพ่อผมที่ป่วยเป็นอัมพาตน่ะครับ ช่วงเดือนที่ผ่านมา แกป่วยบ่อยๆ เรียวแรงไม่ค่อยมี และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ผมออกไปไหนมาไหนกับออยได้ไม่บ่อยเหมือนก่อน เพราะที่บ้านผมตอนนี้ ผมเป็นลูกชายคนเดียวนี่ครับ แล้วบางครั้ง ออยก็มาอยู่ที่บ้านผม ทำให้ผมอุ่นใจได้เยอะ

และแล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อผม อยู่ดีๆก็กินอะไรไม่ได้ ไม่มีแรงขึ้นมาเฉยๆ ตาเหม่อลอย จนผมกับแม่ ต้องพาส่งโรงพยาบาล หมอพาพ่อผมเข้าห้อง I.C.U ทันทีเลยครับ

“พ่อจะเป็นไรมั้ย....แม่” น้ำตาผมนองหน้า พ่อผมอายุมากแล้ว ผมสงสารแกเหลือเกิน

“................ กลับไปอ่านหนังสือไป ไม่ต้อวห่วง เดี๋ยวที่นี่แม่ดูแลเอง” แม่บอกผมเสียงเครือ แล้วหันหน้าไปทางอื่น

“ไม่ไปหรอกแม่ ... แม่จะอยู่คนเดียวได้ยังไง สองมันก็ไปเรียน” สองคือน้องสาวของผมเองครับ

“ไปเถอะน่า ... เดี๋ยวพี่แกก็มาแล้ว เย็นๆคิ่ยมาใหม่ อยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไปเถอะ”

“เดี๋ยว...ถ้ามีอะไรแล้ว...แม่จะไปตาม” แม่ผมเม้มริมฝีปากแน่น เหมือนจะข่มอะไรเอาไว้ในใจ

“มีอะไร.....นี่แม่หมายถึงอะไร” ผมซักแม่ แม่ผมพูดอะไรก็ไม่รู้ ใจคอไม่ดีเลย

ผมยอมกลับบ้านไปอ่านหนังสือ แต่จะอ่านรู้เรื่องเหรอครับ พ่อผมป่วยทั้งคน ผมเลยแวะหาออยที่หอก่อน

“ออย....พ่อหนึ่งเป็นหนักเลยอ่ะ”ผมกอดมัน ผมร้องไห้ไม่อายมันเลย มันคงตกใจน่าดู

ออยลูบหลังเป็นการปลอบผม แล้วพามานั่งที่เตียง

“หมอบอกว่ายังไงบ้างล่ะ”

“ไม่รู้ หมอคุยแต่กับแม่ แม่ไม่บอกอะไรเราเลย บอกแต่ให้เรากลับบ้านมาอ่านหนังสือ”

“ใช่ หนึ่ง....แม่หนึ่งพูดถูกแล้ว เรื่องพ่อปล่อยให้เป็นหน้าที่หมอนะ.....อีก3วันก็จะสอบแล้ว”

“ออย...หนึ่งกล้ว......” ออยมองหน้าผม ลูบหัวผมเบาๆ แล้วมันก็ร้องไห้ไปกับผมด้วย

ตอนเย็น แม่ผมกลับมาที่บ้าน หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย แต่ก็ยังกำชับให้ผมกับน้องสาวกินข้าว แล้วไปอ่านหนังสือ ส่วนแม่นั่งคุยอยู่กับป้าข้างบ้าน และมีรอยยิ้มบนใบหน้าบ้างทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

ผมกับออยไปเยี่ยมพ่อบ่อยๆ ถึงจะไม่ได้เข้าไปข้างใน ก็นั่งอ่านหนังสือกั้นอยู่หน้าห้องก็ยังดี อาการพ่อดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังน่าเป็นห่วง แม่ผมก็ไม่ยอมบอกอะไรผมเลย

พรุ่งนี้ก็เป็นวันสอบแล้ว ผมตื่นมาสายๆ ก็เจอป้า กับน้าสาวผมที่มาจากกรุงเทพฯ คงจะไปเยี่ยมพ่อกัน ผมจึงไปอาบน้ำแต่งตัว พอดีกับที่แม่เรียกผมลงมาคุยที่ห้องรับแขก

“หนึ่ง....พ่อเหนื่อยมากแล้วนะลูก” แม่ผมพูดขึ้นมาก่อน ผมมองตาแม่เพื่อหาคำตอบ แต่แม่หลบตาผม ทุกคนหลบตาผม...นี่มันอะไรกัน

“หนึ่งตอนนี้ทุกคนเห็นตรงกันนะลูก ว่าเราจะปล่อยให้พ่อไปสบายได้แล้ว”ป้าบอกผม เมื่อเห็นว่าแม่ผมคงยังไม่พร้อมที่จะพูด

“หนึ่งไม่เข้าใจครับ”

“หมอบอกว่า ตอนนี้ พ่ออยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น......” แม่ผมพูดได้เท่านี้ก็ร้องไห้อีก

“หนึ่งเข้าใจใช่มั้ยลูก...หนึ่งเก่ง...เข้าใจอะไรง่ายนะ...ตอนนี้เหลือหนึ่งคนรเดียวเท่านั้น ....ว่าไงลูก”

“หนึ่งไม่เข้าใจ...นี่อะไรครับ...พ่อหนึ่งยังดีๆอยู่เลย เมื่อวานหนึ่งยังไปหาพ่ออยู่เลย”

“เราต้องถอดเครื่องช่วยหายใจ .... ไม่ช้า ก็เร็ว” ป้าผมย้ำ

ทำไมทุกคนใจร้ายอย่างนี้อ่ะครับ ไม่มีการถอดอะไรทั้งนั้น ผมจะไปหาพ่อ จะไปดูพ่อเอง” ผมร้องไห้โฮวิ่งออกนอกห้องไป ผมตั้งใจจะไปหาพ่อ ไปดูให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจอะไรผิดไปกันหมด

“ออยอยู่ไหน...ฮือๆๆๆๆๆ.....ทุกคนใจร้ายมากเลย นี่น้องสาวผมก็เป็นไปกับเค้าด้วย.....ทำอย่างนี้กันได้ยังไง”

ผมร้องไห้ไปตลอดทาง จนถึงโรงพยาบาล

...

พ่อผมนอนนิ่ง....นิ่งมาก....อยู่ในห้อง I.C.U ผมอยากเข้าไปหาพ่อจังเลย

ผมยืนเกาะกระจกหน้าห้อง ร้องไห้อยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ จนได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม

“หนึ่ง...เห็นพ่อแล้วใช่มั้ยลูก...เห็นแล้วใช่มั้ยว่าพ่อเหนื่อยมากแล้วจริงๆ” แม่ผมนั่นเอง ทุกคนตามผมมาที่โรงพยาบาล

“ผมพยักหน้าเบาๆ” ผมเริ่มเข้าใจแล้วล่ะครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้พ่อ...ทรมาน...ไปมากกว่านี้ ผมเห็นออยยืนอยู่หลังน้องสาวผม มันไม่เข้ามาพูดอะไรกับผมซักคำ ทั้งที่ตอนนี้ ผมต้องการกำลังจากมันมากที่สุด

“เราเข้าไปลาพ่อกันเถอะนะ” แม่ผมยกมือปิดหน้าร้องไห้ แล่วเดินนำ พวกเราไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่ห้อง I.C.U
……………………………………………………………………………………..

“พ่อตื่นขึ้นมาสิครับ” ผมยังไม่อยากเชื่อตัวเอง กับภาพตรงหน้าผมตอนนี้ ผมกอดพ่อร้องไห้อยู่นาน จนแม่เรียก

“กราบพ่อซะลูก แล้วกลับบ้านกัน” ผมกราบพ่อที่เท้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมทำอย่างนี้ เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งสุดท้าย ตอนที่พ่อยังอยู่ เราไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องดีๆแบบนี้กันเลย

“ถ้าหนึ่งจะเป็นทหาร พ่อจะตื่นมั้ย....หนึ่งจะสอบทหารนะพ่อนะ พ่อตื่นขึ้นมานะ...ฮือๆๆๆๆ” ผมพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมา

พ่อผมอยากให่ผมเป็นทหาร อยาก ให้สอบนายร้อยให้ได้ แต่มันไม่เคยอยู่ในหัวผมเลยซักนิด แต่ถ้าครั้งนี้ มันจะทำให้พ่อผมตื่นขึ้นมา รับรู้ความตั้งใจของผม ผมก็จะทำ

“ตื่นขึ้นมาสิพ่อ ..... ตื่นขึ้นมาสิ....” เสียงผมค่อยๆหายไป พร้อมกับที่ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง ทุกคนร้องไห้กับการกระทำของผม

“พอแล้วลูก...พ่อเค้ารู้แล้วล่ะ ตั้งใจเรียนในสิ่งที่เราอยากเรียนนะ แค่นี้พ่อเค้าก็ดีใจแล้ว” แม่กอดผมไว้ น้องสาวผมก้มลงกราบที่เท้าพ่อ

ผมอยากจะอยู่ตรงนี้นานๆ นานที่สุด เพื่อที่จะจำภาพพ่อของผมเอาไว้

...

“กริ้งงงงงงงงงงงงง...............” เสียงโทรศัพท์ข้างบ้านดังขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงดีใจน่าดู นั่งลุ้นว่าจะใช่ออยโทรมาหรือเปล่า แต่วันนี้ มันตรงกันข้ามกันเลยครับ

“ขอบคุณค่ะ” เสียงแม่ผมพูดโทรศัพท์ตอบต้นสายที่โทรมา แล้วก็วางสายไป น้ำตาแม่ผมไหลอาบแก้ม แต่ไม่มีเสียงสะอื้นของแม่ แม่ปาดน้ำตา แล้วบอกกับพวกเรา

“พ่อเจ้าหนึ่งไปสบายแล้ว” สิ้นเสียงแม่ ผมกับน้องสาวกอดกันร้องไห้ เราร้องไห้มากที่สุดเท่าที่เราเคยร้องมาตลอดชีวิต

ออยเดินมาจับมือผม ตามันแดงก่ำ จริงๆผมไม่อยากให้มันมารับรู้ ความเศร้าโศกของบ้านผมเลย

ผมบีบมือมัน

“ออยกลับหอเถอะนะ......ไปอ่านหนังสือซะ.......พรุ่งนี้สอบ.............หนึ่งขอบใจมากนะ”

“งั้น ออยไปก่อนนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก.....แล้ว......หนึ่งก็ต้องอ่านหนังสือด้วยเหมือนกันนะ”

“อ่านหนังสือเหรอ....ไปสอบพรุ่งนี้น่ะเหรอ....” ผมคิดในใจ

“พรุ่งนี้เจอกันนะ....เดี๋ยวออยมารับ”

“...........................................”
-----13 -------

ปิดเทอมครั้งนี้ เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก เพราะผมกับออยตกลงกันไว้แล้วว่าเราจะแยกกันอ่านหนังสือ จะเจอกันก็ตอนไปเรียนติว หลังจากนั้นก็บ้านใครบ้านมัน มีไปนอนค้างที่หอออยบ้างครับ เวลาเบื่อๆ

จนเปิดเทอม พวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเรียนในห้องกันแล้วครับ เอาแต่ฝึกทำข้อสอบกันมากกว่า ยังไงเรียนในห้องน่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ผมให้เวลากับตัวเอง และเพื่อนใมนห้องมากขึ้น เพราะว่าพวกมันติวให้ผมได้ครับ ว่าที่หมอกันทั้งนั้น ออยมันติวให้ผมไม่ได้นี่นา แต่ยังไงผมก็ยังไปกินข้าวกลางวันกับมันทุกวันแหละครับ

เปิดเทอมสองแล้ว ครั้งนี้ ทางโรงเรียนจัดห้องใหม่ครับ คัดนักเรียนที่เลือกสายหมอ วิดยา วิดวะ ไปไว้ที่ห้องม6/1 ส่วนที่เหลือก็คละๆกัยไป

เหมือนเดิมครับ พวกผมย้ายไปห้อง ม6/1 กันเกือบยกห้อง ครูบอกว่าจะได้ติวกันได้สะดวก ก็เลยทำให้ผมติวหนักขึ้นกว่าเดิมอีก ออยก็เหมือนกันครับ ย้ายห้องใหม่ ติวหนักเหมือนกัน แต่ก็เป็นผลดีครับ ยอมเหนื่อยครั้งนี้ ครั้งเดียว คุ้มครับ

ใกล้สอบเข้ามาทุกทีแล้ว อุปสรรคสำคัญของเราก็คือ การเข้าค่าย ร.ด ครับ สมัยนั้น ร.ด ปี3 ต้องเข้าค่าย 7 วันนะครับ ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ หนังสือก็ต้องอ่าน แล้วก็ต้องไปฝึกอีก

แต่พวกเราก็ไม่ท้อครับ ไปเข้าค่าย เราก็ขนเอาหนังสือไปอ่านกันด้วยครับ ฝึกตอนกลางวัน ดึกๆก็มาอ่านหนังสือ หนาวก็หนาว แต่ก็ต้องอ่าน ยันเช้าแหละครับ ครูฝึกก็อนุญาติครับ เค้าเข้าใจ
...

อีกไม่ถึงสัปดาห์ ผมก็ต้องเข้าสอบแล้วครับ

มาถึงตอนนี้ ผมมีเรื่องกังวลใจอยู่เรื่องเดียว คือพ่อผมที่ป่วยเป็นอัมพาตน่ะครับ ช่วงเดือนที่ผ่านมา แกป่วยบ่อยๆ เรียวแรงไม่ค่อยมี และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ผมออกไปไหนมาไหนกับออยได้ไม่บ่อยเหมือนก่อน เพราะที่บ้านผมตอนนี้ ผมเป็นลูกชายคนเดียวนี่ครับ แล้วบางครั้ง ออยก็มาอยู่ที่บ้านผม ทำให้ผมอุ่นใจได้เยอะ

และแล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อผม อยู่ดีๆก็กินอะไรไม่ได้ ไม่มีแรงขึ้นมาเฉยๆ ตาเหม่อลอย จนผมกับแม่ ต้องพาส่งโรงพยาบาล หมอพาพ่อผมเข้าห้อง I.C.U ทันทีเลยครับ

“พ่อจะเป็นไรมั้ย....แม่” น้ำตาผมนองหน้า พ่อผมอายุมากแล้ว ผมสงสารแกเหลือเกิน

“................ กลับไปอ่านหนังสือไป ไม่ต้อวห่วง เดี๋ยวที่นี่แม่ดูแลเอง” แม่บอกผมเสียงเครือ แล้วหันหน้าไปทางอื่น

“ไม่ไปหรอกแม่ ... แม่จะอยู่คนเดียวได้ยังไง สองมันก็ไปเรียน” สองคือน้องสาวของผมเองครับ

“ไปเถอะน่า ... เดี๋ยวพี่แกก็มาแล้ว เย็นๆคิ่ยมาใหม่ อยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไปเถอะ”

“เดี๋ยว...ถ้ามีอะไรแล้ว...แม่จะไปตาม” แม่ผมเม้มริมฝีปากแน่น เหมือนจะข่มอะไรเอาไว้ในใจ

“มีอะไร.....นี่แม่หมายถึงอะไร” ผมซักแม่ แม่ผมพูดอะไรก็ไม่รู้ ใจคอไม่ดีเลย

ผมยอมกลับบ้านไปอ่านหนังสือ แต่จะอ่านรู้เรื่องเหรอครับ พ่อผมป่วยทั้งคน ผมเลยแวะหาออยที่หอก่อน

“ออย....พ่อหนึ่งเป็นหนักเลยอ่ะ”ผมกอดมัน ผมร้องไห้ไม่อายมันเลย มันคงตกใจน่าดู

ออยลูบหลังเป็นการปลอบผม แล้วพามานั่งที่เตียง

“หมอบอกว่ายังไงบ้างล่ะ”

“ไม่รู้ หมอคุยแต่กับแม่ แม่ไม่บอกอะไรเราเลย บอกแต่ให้เรากลับบ้านมาอ่านหนังสือ”

“ใช่ หนึ่ง....แม่หนึ่งพูดถูกแล้ว เรื่องพ่อปล่อยให้เป็นหน้าที่หมอนะ.....อีก3วันก็จะสอบแล้ว”

“ออย...หนึ่งกล้ว......” ออยมองหน้าผม ลูบหัวผมเบาๆ แล้วมันก็ร้องไห้ไปกับผมด้วย

ตอนเย็น แม่ผมกลับมาที่บ้าน หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย แต่ก็ยังกำชับให้ผมกับน้องสาวกินข้าว แล้วไปอ่านหนังสือ ส่วนแม่นั่งคุยอยู่กับป้าข้างบ้าน และมีรอยยิ้มบนใบหน้าบ้างทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

ผมกับออยไปเยี่ยมพ่อบ่อยๆ ถึงจะไม่ได้เข้าไปข้างใน ก็นั่งอ่านหนังสือกั้นอยู่หน้าห้องก็ยังดี อาการพ่อดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังน่าเป็นห่วง แม่ผมก็ไม่ยอมบอกอะไรผมเลย

พรุ่งนี้ก็เป็นวันสอบแล้ว ผมตื่นมาสายๆ ก็เจอป้า กับน้าสาวผมที่มาจากกรุงเทพฯ คงจะไปเยี่ยมพ่อกัน ผมจึงไปอาบน้ำแต่งตัว พอดีกับที่แม่เรียกผมลงมาคุยที่ห้องรับแขก

“หนึ่ง....พ่อเหนื่อยมากแล้วนะลูก” แม่ผมพูดขึ้นมาก่อน ผมมองตาแม่เพื่อหาคำตอบ แต่แม่หลบตาผม ทุกคนหลบตาผม...นี่มันอะไรกัน

“หนึ่งตอนนี้ทุกคนเห็นตรงกันนะลูก ว่าเราจะปล่อยให้พ่อไปสบายได้แล้ว”ป้าบอกผม เมื่อเห็นว่าแม่ผมคงยังไม่พร้อมที่จะพูด

“หนึ่งไม่เข้าใจครับ”

“หมอบอกว่า ตอนนี้ พ่ออยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น......” แม่ผมพูดได้เท่านี้ก็ร้องไห้อีก

“หนึ่งเข้าใจใช่มั้ยลูก...หนึ่งเก่ง...เข้าใจอะไรง่ายนะ...ตอนนี้เหลือหนึ่งคนรเดียวเท่านั้น ....ว่าไงลูก”

“หนึ่งไม่เข้าใจ...นี่อะไรครับ...พ่อหนึ่งยังดีๆอยู่เลย เมื่อวานหนึ่งยังไปหาพ่ออยู่เลย”

“เราต้องถอดเครื่องช่วยหายใจ .... ไม่ช้า ก็เร็ว” ป้าผมย้ำ

ทำไมทุกคนใจร้ายอย่างนี้อ่ะครับ ไม่มีการถอดอะไรทั้งนั้น ผมจะไปหาพ่อ จะไปดูพ่อเอง” ผมร้องไห้โฮวิ่งออกนอกห้องไป ผมตั้งใจจะไปหาพ่อ ไปดูให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจอะไรผิดไปกันหมด

“ออยอยู่ไหน...ฮือๆๆๆๆๆ.....ทุกคนใจร้ายมากเลย นี่น้องสาวผมก็เป็นไปกับเค้าด้วย.....ทำอย่างนี้กันได้ยังไง”

ผมร้องไห้ไปตลอดทาง จนถึงโรงพยาบาล

...

พ่อผมนอนนิ่ง....นิ่งมาก....อยู่ในห้อง I.C.U ผมอยากเข้าไปหาพ่อจังเลย

ผมยืนเกาะกระจกหน้าห้อง ร้องไห้อยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ จนได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม

“หนึ่ง...เห็นพ่อแล้วใช่มั้ยลูก...เห็นแล้วใช่มั้ยว่าพ่อเหนื่อยมากแล้วจริงๆ” แม่ผมนั่นเอง ทุกคนตามผมมาที่โรงพยาบาล

“ผมพยักหน้าเบาๆ” ผมเริ่มเข้าใจแล้วล่ะครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้พ่อ...ทรมาน...ไปมากกว่านี้ ผมเห็นออยยืนอยู่หลังน้องสาวผม มันไม่เข้ามาพูดอะไรกับผมซักคำ ทั้งที่ตอนนี้ ผมต้องการกำลังจากมันมากที่สุด

“เราเข้าไปลาพ่อกันเถอะนะ” แม่ผมยกมือปิดหน้าร้องไห้ แล่วเดินนำ พวกเราไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่ห้อง I.C.U
……………………………………………………………………………………..

“พ่อตื่นขึ้นมาสิครับ” ผมยังไม่อยากเชื่อตัวเอง กับภาพตรงหน้าผมตอนนี้ ผมกอดพ่อร้องไห้อยู่นาน จนแม่เรียก

“กราบพ่อซะลูก แล้วกลับบ้านกัน” ผมกราบพ่อที่เท้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมทำอย่างนี้ เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งสุดท้าย ตอนที่พ่อยังอยู่ เราไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องดีๆแบบนี้กันเลย

“ถ้าหนึ่งจะเป็นทหาร พ่อจะตื่นมั้ย....หนึ่งจะสอบทหารนะพ่อนะ พ่อตื่นขึ้นมานะ...ฮือๆๆๆๆ” ผมพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมา

พ่อผมอยากให่ผมเป็นทหาร อยาก ให้สอบนายร้อยให้ได้ แต่มันไม่เคยอยู่ในหัวผมเลยซักนิด แต่ถ้าครั้งนี้ มันจะทำให้พ่อผมตื่นขึ้นมา รับรู้ความตั้งใจของผม ผมก็จะทำ

“ตื่นขึ้นมาสิพ่อ ..... ตื่นขึ้นมาสิ....” เสียงผมค่อยๆหายไป พร้อมกับที่ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง ทุกคนร้องไห้กับการกระทำของผม

“พอแล้วลูก...พ่อเค้ารู้แล้วล่ะ ตั้งใจเรียนในสิ่งที่เราอยากเรียนนะ แค่นี้พ่อเค้าก็ดีใจแล้ว” แม่กอดผมไว้ น้องสาวผมก้มลงกราบที่เท้าพ่อ

ผมอยากจะอยู่ตรงนี้นานๆ นานที่สุด เพื่อที่จะจำภาพพ่อของผมเอาไว้

...

“กริ้งงงงงงงงงงงงง...............” เสียงโทรศัพท์ข้างบ้านดังขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงดีใจน่าดู นั่งลุ้นว่าจะใช่ออยโทรมาหรือเปล่า แต่วันนี้ มันตรงกันข้ามกันเลยครับ

“ขอบคุณค่ะ” เสียงแม่ผมพูดโทรศัพท์ตอบต้นสายที่โทรมา แล้วก็วางสายไป น้ำตาแม่ผมไหลอาบแก้ม แต่ไม่มีเสียงสะอื้นของแม่ แม่ปาดน้ำตา แล้วบอกกับพวกเรา

“พ่อเจ้าหนึ่งไปสบายแล้ว” สิ้นเสียงแม่ ผมกับน้องสาวกอดกันร้องไห้ เราร้องไห้มากที่สุดเท่าที่เราเคยร้องมาตลอดชีวิต

ออยเดินมาจับมือผม ตามันแดงก่ำ จริงๆผมไม่อยากให้มันมารับรู้ ความเศร้าโศกของบ้านผมเลย

ผมบีบมือมัน

“ออยกลับหอเถอะนะ......ไปอ่านหนังสือซะ.......พรุ่งนี้สอบ.............หนึ่งขอบใจมากนะ”

“งั้น ออยไปก่อนนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก.....แล้ว......หนึ่งก็ต้องอ่านหนังสือด้วยเหมือนกันนะ”

“อ่านหนังสือเหรอ....ไปสอบพรุ่งนี้น่ะเหรอ....” ผมคิดในใจ

“พรุ่งนี้เจอกันนะ....เดี๋ยวออยมารับ”

“...........................................”
---- 14 ------
“แม่ พรุ่งนี้หนึ่งไม่ไปสอบนะ” ผมบอกแม่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ทำไม” แม่หันขวับมามองผม

“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก”

“งานศพพ่อไง ใครจะช่วยจัดการ” พรุ่งนี้เราต้องเอาพ่อไปจัดพิธีที่กรุงเทพฯครับ ตรงกับวันสอบผมพอดีเลย

“ญาติๆเราเยอะแยะ….ไปทำหน้าที่ของแกให้ดี……เลิกคิดทุกอย่างนอกจากเรื่องโควต้าเรื่องเดียว”

“แล้วแม่คิดว่า หนึ่งไปแล้ว จะทำข้อสอบได้เหรอ”

ตั้งแต่ผมรู้ว่าผมเสียพ่อไปแล้วจริงๆ ผมยังไม่สามารถหยุดคิด หยุดเศร้า เสียใจได้เลย เรื่องนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา

“งั้นพ่อก็เป็นต้นเหตุให้หนึ่งไม่ไปสอบ”

“ไม่ใช่ ไม่เกี่ยว ทำไมแม่พูดอย่างนั้น ถ้าพ่อรู้ พ่อจะเสียใจแค่ไหน” ผมเสียใจกับคำพูดของแม่

“แล้วถ้าหนึ่งไม่ไปสอบ โอกาสครั้งเดียวในชีวิต พ่อจะไม่เสียใจเหรอ”

“……………………………”

“หนึ่ง ……เราย้ายมาที่นี่เพื่ออะไรลูก เรามาเอาโควต้าที่นี่ไม่ใช่เหรอ”

แม่ผมลุกไปหอบกองหนังสือของผม แล้วเอามาให้ผม

“นี่ไง หนังสือที่หนึ่งตังใจอ่านมันมา 3 ปี มันจะมีความหมายอะไร ถ้าหนึ่งไม่ไปสอบ”

“แต่แม่…….”

“ไปเถอะ ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ……..แล้วค่อยนั่งรถตามแม่ไปนะ”

“ครับ” ผมรับคำแม่ อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

…………………………………………………………………………….

เช้าวันนี้ ผมแต่งตัวไปสอบด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่า จะไปทำไมเหมือนกัน แต่เพื่อแม่ผม และ เพื่อพ่อ ผมจะไปให้ทุกคนสบายใจ

แม่กับญาติๆผม ไปกรุงเทพฯกันตั้งแต่เช้ามืด แล้วซื้อตั๋วรถไฟทิ้งไว้ ให้ผมกับน้องสาวนั่งตามไป

ออยมารับผมแต่เช้า สงสัยมันจะตื่นเต้น ผิดกับผมที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

“อ่ะ…..เอาไปสอบ” ออยยื่นปากกา กับ ดินสอ ให้ผมอย่างละด้าม แล้วมันก็โชว์ของมันที่เหมือนกันกับของที่มันยื่นให้ผม

“ขอบคุณคร้าบบบบบบบ อ่ะนะ มีเหมือนกันเลย”

“ใช่ เหมือนกัน ถ้าเราสอบได้ ก็จะได้เหมือนกันไง แต่ ถ้าเราสอบไม่ได้ เราก็จะไม่ทั้งคู่” มันยิ้มให้ผม รอยยิ้มของมันดูอบอุ่นเหลือเกิน มันทำให้ผมมีพลังขึ้นมาอย่างประหลาด ขอบคุณรอยยิ้มของมันจริงๆ

“แปลกจัง ระหว่างที่ผมนั่งมอไซค์ไปกับออย น้ำตาผมไหลไม่หยุดเลย ภาพของพ่อผม คำพูดของแม่ผม และรอยยิ้มให้กำลังใจของออย อะไรกันนี่ ทุกอย่างวนเวียนอยู่ในหัวผม วุ่นวายไปหมด


“หนึ่งเป็นอะไร ตาแดงก่ำเลย ร้องไห้มาเหรอ”เพื่อนๆในห้องผมคงตกใจ ที่เห็นผมในสภาพตาแดง บวมเป่งอย่างนี้ ทุกคนยังไม่รู้เรื่องพ่อผมครับ


“พ่อเราเสียเมื่อวานน่ะ” ผมพูดออกไป ว้า……น้ำตาผมไหลอีกแล้ว ผมนี่ขี้แยจัง

“ไม่อยากจะเชื่อเลย เสียใจด้วยนะ ยังไงก็ตั้งใจสอบนะ”


อะไรกันเนื่ย วิชาแรกก็คณิตศาสตร์เลยเหรอเนี่ย นี่มันอะไรกัน สมการอะไรทำไมผมแก้ไม่ได้ แล้วข้อนี้ล่ะ ผมคิดออกแล้ว ทำไมไม่มีคำตอบวะ

ก็ผมบอกแล้วไง เพื่อนๆคงเข้าใจความรู้สึกผมตอนนี้ดีนะครับ ความรู้สึกของคนที่เพิ่งสูญเสียพ่อไปเมื่อวาน ผมพยายามทำอย่างสุดความสมารถแล้วครับ แต่ยังไงในหัวผมก็ยังมีแต่เรื่องเมื่อวาน มนสับสน น้ำตาผมไหลไม่หยุดจนอาจารย์คุมสอบเดินเข้ามาถาม เมื่อแกรู้ความจริง ก็ตบบ่าผมเบาๆให้กำลังใจ แล้วบอกว่านี่คือโอกาสเดียวของเรา ชีวิตนี้ไม่มอีแล้วนะ

เอาล่ะครับทุกคน ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ

พวกเราใช้เวลาสอบ 2 วันครับ นั่นแสดงว่าผมได้ทำหน้าที่ของผมอย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนผลมันจะออกมาเป็นยังไงต่อจากนี้ ก็ต้องรอดูกันต่อไป

…………………………………………………………………………

คืนนี้ ผมต้องเดินทางไปกรุงเทพเลยครับ ออย กับ เพื่อนๆอีกหลายคน มาส่งผมกับน้องสาวที่สถานีรถไฟ เราสองคนคงไม่ได้เจอกันอีกหลายวัน จนกว่าทางบ้านผมจะจัดการเรื่องของพ่อผมเสร็จเรียบร้อย

“รีบกลับมานะหนึ่ง ช่วงนี้ออยจะกลับไปอยู่ที่บ้าน หนึ่งจะได้โทรหาออยได้”

“โอเค หนึ่งขอบใจออยมากนะ สำหรับทุกๆเรื่อง” น้องสาวผมทำท่าจะอ้วกล้อเลียนเราอยู่ข้างหลังออย ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวขึ้นรถ เมิงโดน

“ถึงแล้วโทรมานะ เราจะรอที่บ้าน” ผมยิ้มรับแล้วเดินตามน้องสาวขึ้นรถไฟไป

……………………………………………………………………….

ที่วัด ผมช่วยแม่กับญาติๆ ง่วนทั้งวัน แขกเยอะจริงๆ ทั้งเพื่อนพ่อ และผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน ผมคิดถึงออยจัง แต่ไม่มีโอกาสได้โทรหาเลย จะได้โทรก็ค่ำๆ แล้วก็คุยได้แป๊บเดียวเอง ก็ค่าโทรสมัยนั้นมันแพงโคตรอ่ะครับ

เราอยู่ที่กรุงเทพๆเกือบสองอาทิตย์เราก็กลับบ้าน เราสามคนแม่ลูกตกลงกันว่า หลังจากที่จัดการเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัย ของผมกับน้องเรียบร้อยแล้ว แม่จะย้ายมาอยู่กับพี่ชาย ส่วนผมกับน้องก็อยู่หอพักที่เชียงใหม่เนี่ยแหละ (ดูแม่ผมมั่นใจกับผลสอบของเราจัง)

ที่บ้านเราตอนไม่มีพ่อนี่มันดูแปลกๆไปครับ เตียงที่พ่ผมเคยนอน ตอนนี้ไม่มีพ่ออยู่ตรงนั้นแล้วทันทีที่เข้ามาในห้องพ่อ แม่ผมก็ตรงเข้าไปนั่งที่เตียงนั้น แล้วพูดคนเดียว ผมเห็นแล้วสงสารแม่จัง

“คุณ เรากลับบ้านมากันแล้วนะ”

“ลูกมันไปสอบมาแล้ว ช่วยให้มันสอบติดด้วยล่ะ”

ผมทนเห็นแม่ผมเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ตัวผมเองก็จะแย่อยู่แล้ว เรายังทำใจกันไม่ไดครับ

ผมเลี่ยงออกไปโทรหาออย ออยบอกว่าจะออกมาหาผมเดี๋ยวนี้เลย

“ไปหอออยกันะ” มันละล่ำละลักชวนผมทันทีที่เราเจอกัน

“เดี๋ยวดิ เรายังไม่ได้เก็บของเลย”

“มา ออยช่วย” มันกุลีกุจอช่วยผมเก็บข้าวของที่เอามาจากกรุงเทพฯ อะไรของมันวะเนี่ยยยย

…………………………………………………………………………….

ออยไขประตูเข้าไปในห้อง ผมถือของเดินตามเข้าไป จากนั้นมันก็เดินมาปิดประตู แล้วมันก็………..

“ออย…อึ้ย…..อะไรกันเนี่ย” ผมร้องเสียงหลงเมื่อไอ้ออยโผเข้ามากอดแล้วระดมจูบผมทั่วตัวอย่างหนักหน่วง

“ก็ออยคิดถึงหนึ่งอ่ะ” ว่าแล้วมันก็ผลักผมลงบนเตียง

“น่านะ ตั้งแต่ก่อนสอบ จนเกิดเรื่องที่บ้านหนึ่ง หลายอาทิตย์แล้วนะเนี่ย…..ออยยังไม่ได้……แหะๆ…..เลย…..มันไม่ไหวแล้วอ่ะ” มันทำหน้าหื่นมากเลย ผมชักกลัวแล้วดิ

แต่ก็ไม่มีอะไรตามเคยครับ เรายังคงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่า “การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน” แต่นั่นมันก็สุดยอดสำหรับผมแล้วล่ะครับ

ออยเอ๋ยยยยยย อะไรจะมากมายขนาดนั้น อิอิ

แต่นี่พ่อกรูเพิ่งตายนี่หว่า
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับมงกุฎ

การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต ...

หัวหน้าห้อง

โพสต์
2019
พลังน้ำใจ
1584
Zenny
981
ออนไลน์
306 ชั่วโมง
ขอขอบคุณมากๆนะครับผม
แบนรูปโปรไฟล์

ทําทัณฑ์บน (Warned)

หมายเหตุ: ผู้โพสต์ถูกแบนหรือถูกลบ โพสต์นี้ถูกปิดโดยอัตโนมัติ

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
497
พลังน้ำใจ
396
Zenny
2908
ออนไลน์
91 ชั่วโมง
ชอบมากๆครับ สนุกมาก

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1430
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
ขอบคุนครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3228
พลังน้ำใจ
12918
Zenny
40563
ออนไลน์
1034 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3801
พลังน้ำใจ
16514
Zenny
1819
ออนไลน์
1029 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
762
พลังน้ำใจ
21329
Zenny
10396
ออนไลน์
4583 ชั่วโมง
ขอบคุนครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
1795
พลังน้ำใจ
8666
Zenny
885
ออนไลน์
757 ชั่วโมง
10#
โพสต์ 2016-4-7 03:26:52 จากอุปกรณ์เคลื่อนที่ | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
9739
พลังน้ำใจ
57307
Zenny
38437
ออนไลน์
7548 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

หัวหน้าห้อง

โพสต์
2054
พลังน้ำใจ
2621
Zenny
10139
ออนไลน์
431 ชั่วโมง
ขอบคุณมากๆค่ะ น่ารักจังช่วยเหลือกันตั้งแต่เรื่องออยจนเรื่องหนึ่ง
อ่านแล้วคิดว่าสมัยนี้จะมีมั้ยนะความรักที่ไม่ได้หวังแต่เรื่องอย่างว่าอย่างงี้

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3803
พลังน้ำใจ
33888
Zenny
514
ออนไลน์
15103 ชั่วโมง

ประธานนักศึกษา

โพสต์
472
พลังน้ำใจ
3317
Zenny
2881
ออนไลน์
445 ชั่วโมง
ขอบคุณมาก ๆ ครับ ท่าน หัวหน้าห้อง ที่แสนดี

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3051
พลังน้ำใจ
22804
Zenny
9551
ออนไลน์
2270 ชั่วโมง

ขอบคุนคราบ ดีมากมายคราบ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1814
พลังน้ำใจ
18500
Zenny
382
ออนไลน์
3408 ชั่วโมง
ขอบคุณ​ครับ​

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
1717
พลังน้ำใจ
13771
Zenny
6
ออนไลน์
962 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
15357
พลังน้ำใจ
75680
Zenny
57272
ออนไลน์
4355 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-5-9 17:00 , Processed in 0.122246 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้