จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 1188|ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

แค้นวิปริตจิตสั่งกามตอนที่ 16 เผาแม่มด CP

[คัดลอกลิงก์]

ประธานนักศึกษา

โพสต์
128
พลังน้ำใจ
7261
Zenny
5184
ออนไลน์
878 ชั่วโมง
.

.
คณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยที่จอยที่เรียนอยู่นั้นมีมาตรฐานค่อนข้างเป็นที่ยอมรับ รายล้อมด้วยสภาพแวดล้อมอันดี เอื้อต่อการเพิ่มพูนทักษะความรู้ด้านนิเทศศาสตร์ ทั้งห้องสตูดิโอ ห้องตัดต่อภาพยนตร์ หรือแม้แต่โรงละครเวทีโอ่โถง น่าอิจฉาจริงที่จอยมีโอกาสได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่พรั่งพร้อมเช่นนี้ เธอคงมีความสุขมาก ต่างจากผมซึ่งเก็บซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต เฝ้ารอคอยวันปรากฏตัวต่อหน้าเพื่อนเก่าทีละราย ซึ่งใครที่พบเจอผมล้วนเรียกได้ว่าชะตาถึงฆาตประหนึ่งจ้องตางูยักษ์บาซิลิกส์

เพราะเมื่อผมยอมเผยโฉมต่อผู้ใด
.
นั่นหมายความว่าบุคคลนั้นต้องชดใช้
.
.
.
บรรยากาศหน้างานคราคร่ำด้วยนักศึกษาและบุคคลภายนอกที่เฝ้ารอชมละครเวทีนิเทศศาสตร์ประจำปี เสียงเพลงประกอบละครเปิดวนซ้ำไปมาเหมือนสะกดจิตผู้คน มีกระดานดำแปะรูปเบื้องหลังการฝึกซ้อม และซุ้มถ่ายรูปให้ผู้เข้าชมได้ฆ่าเวลาไปพลาง ไม่มีใครสนใจว่าผมเป็นใครมาจากไหนในวาระต่างคนก็ต่างที่มาเช่นนี้ ผมจึงเดินสำรวจยืดเส้นสายได้อย่างสบายใจ

หนุ่มสาววัยทำงาน หรือแม้แต่วัยกลางคนที่จูงลูกเด็กเล็กแดงมาดูด้วยก็มี เพราะแนวละครปีนี้กล่าวถึงความรักและการเสียสละ จึงกล่าวได้ว่าเป็นละคร “เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี” เด็กชายวัยราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งมองมาที่ผม

ผมถือวิสาสะเดินไปก้มตัวลงส่งยิ้มให้เด็กน้อย พ่อแม่ของเขาไม่มีท่าทีระแวงหรือหวงแต่อย่างใด คงคิดว่าลูกตนเองน่ารักจนคนรอบข้างอดแสดงความเอ็นดูไม่ได้ เปล่าเลย. . . .

“เข้าไปแล้วถ้าเห็นอะไรน่ากลัว หลับตาไว้นะหนู เดี๋ยวมันจะติดตาไปจนโต” ผมแอบกระซิบเตือนเขาเบา ๆ

เด็กน้อยทำหน้าฉงน ไม่เข้าใจผมก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่ได้หวังว่าต้องเข้าใจหรอก
.
.
.
“เฮ้ย! ยุ่งไรนักหนาวะ” เสียงหนึ่งโผล่งขึ้น แม้จะไม่ใช่เสียงดังเท่าไหร่ แต่ใจความสื่อได้ว่าเกิดเหตุขัดแย้งขึ้น ผู้ที่คนรอบข้างจึงหันไปมองด้วยความสนใจ

ตุ๊ดผมหยิกร่างอ้วนดำคนหนึ่งตกใจมือไม้สั่น

“หนูแค่อยากถ่ายรูปกับพี่โจเอง หนูปลื้มพี่นะคะ” ตุ๊ดอ้วนกล่าว

“น่ารำคาญว่ะ ไปให้พ้น” ชายที่ชื่อโจเอ็ด ทั้งเขาและตุ๊ดอ้วนสวมชุดนักศึกษา น่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาลัยเดียวกันมาเข้าชมหรือช่วยจัดการแสดง

“เหี้ย! หลอนชิบหาย! กะเทยควาย!” หลังสบถแล้วโจจึงเดินแทรกตัวหายเข้าไปในฝูงชน ท่ามกลางผู้คนทีมองไล่หลังอย่างงง ๆ กระนั้นทุกคนก็หันกลับไปทำอย่างอื่นต่อ

“เหวี่ยงทั้งผัวทั้งเมียแหละ อีโก้ได้โล่” เด็กสาวคนนึงเอ่ยขึ้น

“มาดูแฟนเล่นละครแทนที่จะอารมณ์ดี ยังไม่วาย. . . .อีจอยคบกับอีโจนี่ดูเผิน ๆ เหมือนกิ่งทองใบหยกเนอะ หล่อสวยทั้งคู่ ลองลอกเนื้อในออกมาดูสิ เน่าเฟะ อีผัวทั้งหลงตัวเอง ขี้วีน ดูถูกคนอื่น อีเมียตอแหลตัวแม่ หลอกด่าเก่ง ชอบทำให้คนอื่นเป็นตัวตลก” เด็กสาวคู่สนทนาตอบรับ

“เอาเหอะมึง. . . .ด่ามันไปก็ใช่ว่าหน้าตาเราจะดีขึ้น ดีไม่ดี มีคนหาว่าองุ่นเปรี้ยว ฮะ ๆ ๆ” เด็กสาวยุติประเด็นไว้แค่นั้นและชวนเพื่อนเดินไปทางอื่น

ผมอยากพบจอยเร็ว ๆ จนใจเต้นตึ๊กตั๊ก
เธอจะสวยแค่ไหนกันนะ ต้องเป็นแม่มดที่เซ็กซี่มาก ๆ
แต่เดี๋ยวคงได้พบแน่นอน ตอนนี้ต้องดำเนินตามแผนก่อน
.
.
.
เคานเตอร์ตรวจและขายบัตรเข้าชมอยู่บริเวณประตูใหญ่พอดี ผมเดินตรงไปหาสตาฟที่ดูแลส่วนนั้น และ. . .
.
.
.
จ้องตา
.
.
กลืนกินสามัญสำนึกของทุกคนให้อยู่ใต้อาณัติอำนาจโทรจิต

ผมเหมาไข่ไก่มาหลายสิบแผงเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คงต้องรบกวนเหล่าสตาฟช่วยกันหน่อย

ช่วยเนรมิตฝันของผมให้เป็นฝันร้ายของใครบางคน
.
.
.
“อุ๊ย! อะไรคะเนี่ย” ผู้เข้าชมถามเมื่อได้รับสูจิบัตรพร้อมของติดมือสองสามอย่างหน้าทางเข้า

“ไข่ไก่ค่ะ กรุณาอย่าทำแตกนะคะ เดี๋ยวข้างในจะมีเกมให้เล่นค่ะ” นักศึกษาสตาฟขายบัตรตอบพร้อมรอยยิ้ม มือยังไม่หยุดนิ่ง จัดสูจิบัตรพร้อมของแจกไปด้วยอย่างขยันขันแข็ง

“รับไข่ไปคนละฟองนะคร้าบบบบ อย่าทำแตกนะคร้าบบบ” สตาฟคนอื่น ๆ ช่วยกันแจกไข่ไก่ให้ทั่วถึงกัน ผู้เข้าชมรับไปอย่างงุนงง แต่ก็ยอมทำตามโดยดีเพราะคิดว่าคงมีเซอร์ไพร์สเล่นกับคนดูหรือชิงรางวัลเป็นลูกเล่นให้เกิดบรรยากาศตื่นเต้นน่าสนใจ

จอยในชุดแม่มดแอบแง้มประตูด้านหลังออกมาเรียกใครสักคน

“เข้ามานี่สิ” เธอกวักมือเรียก

“ครับ? พี่จอย” สตาฟคนหนึ่งขานรับเสียงใส เดินเข้าไปหาเธอเผื่อว่านักแสดงรุ่นพี่มีอะไรไหว้วาน

“ใครให้แจกไข่? แจกทำบ้าอะไร”

“ผมไม่ทราบพี่ แต่ต้องแจกทุกคน คงเป็นเกมไว้เล่นกับคนดูน่ะครับ” สตาฟหนุ่มตอบ

“ไข่เนี่ยนะ?”

“ครับ?” สตาฟหนุ่มเกาหัว

“วุ้ย! อยากเล่นอะไรตามใจเถอะ ไม่รู้ด้วยแล้ว เออนี่ อยากดื่มอะไรเปรี้ยว ๆ ให้สดชื่นหน่อย พี่วานไปซื้อหน่อยสิ น้ำผลไม้หรืออะไรก็ได้ค่ะ” จอยส่งธนบัตรให้เด็กหนุ่ม

“น้ำกระเจี๊ยบดีไหมครับ” เขาถามหลังรับเงิน

น่าแปลก จอยรู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “น้ำกระเจี๊ยบ” มันเป็นคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ในอดีตที่เธอใช้โกหกสร้างเรื่องใส่ร้ายเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ใช่ความรู้สึกผิดหรือเศร้าสลด หากแต่เป็นความอึมครึม เหมือนมีลางบอกเหตุบางอย่าง

“ไม่! ไม่เอาน้ำกระเจี๊ยบ! น้ำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำกระเจี๊ยบ” จอยกำชับเสียงแน่นเกินความจำเป็น

“น้ำมะนาวแล้วกันนะครับ” สตาฟหนุ่มโค้งรับแล้วออกไปซื้อตามคำสั่ง

“วันนี้ทำไมรู้สึกขนลุกแปลก ๆ” จอยลูบไล้เนื้อตัวมองซ้ายขวาอย่างระแวง
.
.
.
ทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังโพล่งขึ้นมาจนเธออุทาน “แม่งเย็ด!”
เมื่อหยิบมือถือออกมาดูหน้าจอ ก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน

“โธ่ อีเกรซตกใจหมด โทรมาทำไมตอนนี้” เธอบ่นกับตัวเองพลางกดรับสาย

“ว่าไงอีดอก ไหนบอกจะมาดูกูเล่น” เพื่อนสนิทท้วงขึ้นทันที

“จอย! จอยเหรอ!” เกรซผลีผลามเอ่ยขึ้นอย่างตระหนก

“เออ มึงโทรหากูก็ต้องเป็นกูสิ”

“อีดอกจอยมึงรีบถอนตัวออกมาเลย ละครเวที! มึงเป็นนางเอก! ช่วงที่มึงเป็นนางเอกละครเวทีมันหมายหัวมึงไว้แน่!!”

“ว้าย! อีนี่เมนส์ไหลย้อนขึ้นสมองรึไง พูดภาษาคนให้รู้เรื่องหน่อย”

“ไอ้เต๋อกำลังล้างแค้นพวกเราทีละคน กูโดนพร้อมแม่ตอนไปหาเสียง ยิ่งมึงกำลังเล่นละครเวทีถ้ามันรู้มันไม่ปล่อยมึงไว้แน่”

“เต๋อไหนวะ. . .” จอยถาม

“อีที่เคยโดดตึกลงมาตอนมอสามไงเล่า! นึกออกรึยังอีควาย!!” เกรซตวาดลั่น ไม่รู้เพราะหงุดหงิดที่สื่อการกันไม่รู้เรื่องหรือเพราะเป็นห่วงอยากให้เพื่อนรีบตระหนักระวัง

“อ๋อ. . . นึกออกแล้ว อีนั่นน่ะเหรอ ทำไม ๆ ? มึงเจอมันมาเหรอ”

“ไม่ใช่แค่เจอ มันยิ่งกว่านั้น! สะกดจิต! คือมึงนึกออกป่ะ. . .คือแบบ. . .!” ดูท่าเกรซจะมีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงคำพูดเพื่อบอกเล่า วีจึงช่วยบุ้ยใบ้อยู่ข้างตัว เพราะมองออกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำความเข้าใจผ่านโทรศัพท์ได้ง่าย ๆ

“ยกตัวอย่างข่าวปรียาหรือใครก็ได้ไปสิ” วีกระซิบ

“ข่าวแม่กูก็ฝีมือมัน!” ไม่น่าเชื่อว่าจะลงทุนยกแม่ตัวเองเป็นกรณีศึกษา

“จริงสิ ว่าจะถามอยู่พอดีว่าน้าดาเป็นอะไร ป่วยรึเปล่า เล่าให้ฟังหน่อยได้มะ เดี๋ยวกูเหยียบไว้เลย” คำตอบของจอยทำให้เกรซถึงกับใช้มือลูบหน้าปาดเหงื่อ เรื่องนี้คุยกันลำบากแสนสาหัสจริง ๆ

“มึงช่วยพูดกับมันหน่อย เอาไปเร็ว ๆ ซี่!” เกรซส่งมือถือให้วีลนลานเหมือนปัดระเบิดในมือให้ไปตูมที่อื่นไกล ๆ

“หวัดดี ๆ จำเราได้เปล่า” วีถาม

“อ้าว นี่ใครอีกล่ะเนี่ย” จอยจุ๊ปากอย่างหัวเสีย ทุกคนกำลังทำให้เธอสับสนขึ้นทุกที

“วีไง ประธานรุ่นเราน่ะ มีเรื่องอยากจะบอก จอยตั้งใจฟังดี ๆ. . .” แต่ไม่ทันที่วีจะได้เล่า จอยก็แทรกสวนขึ้นมา

“อีวีเหรอ!? แล้วจู่ ๆ มึงโผล่มาได้ไงคะ!? นี่มึงสองคนพูดวกวนไม่รู้เรื่องไปกันใหญ่แล้ว พ่อใครตายแม่ใครเสียเดี๋ยวกูโทรกลับไปถามทีหลัง จะเข้าฉากแล้วอีดอก! แค่นี้ก่อนนะคะ” เธอกดวางสายและปิดเครื่องทันที

“ไม่ไหวว่ะ” เขามือถือคืนให้เกรซ

“ทำไมวะ ว่าไง” เกรซถาม

“มันไม่ฟัง วางสายไปแล้ว นึกอยู่เชียวว่าอธิบายให้ฟังทีละคนไม่ง่ายเลย ต้องหาวิธีอื่น” วีส่ายหัวถอนหายใจ “คอยดูกันไปก่อน ช่วงนี้อย่าเพิ่งเล่าให้ใครฟังสุ่มสี่สุ่มห้า แจ้งตำรวจก็เอาไม่อยู่หรอก อย่าลืมว่าอาวุธของมันคือมนุษย์ทุกคน พลาดพลั้งขึ้นมาเราสองคนจะซวยหนักกว่าเก่า”

“พวกจตุรเทพล่ะ? พอจะพึ่งพาได้ไหม” เกรซมองทอดไปนอกหน้าต่างอย่างซังกะตาย

“อยู่แล้วล่ะ” วียิ้ม
.
.
.
“เรื่องนี้พวกเราต้องจัดการกันเอง และจะขาดเหี้ยสี่ตัวนั่นไม่ได้เลย”
“มึงเห็นอีตุ๊ดอ้วนปีหนึ่งนั่นป่ะ ตอแยอยู่ได้ หน้าแม่งหลอนสัตว์” โจ แฟนของจอยพูดกับเพื่อนที่ยืนฉี่ด้วยกันอยู่ข้าง ๆ ส่วนผมนั้นล้างมือทำความสะอาดอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ความที่ผมเป็นคนนอกไม่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ โจจึงกล้าพูดโผงผางกระมัง ซึ่งมันไม่ใช่เลย ผมนี่แหละคือเจ้าหนี้แฟนของชายผู้นี้ จะอย่างไรก็ตาม ผมแสร้งล้างมือเหมือนไม่สนใจแต่กำลังแอบฟังทุกอย่างด้วยท่าทีสงบ

“มึงก็ว่าน้องมันแรงไปม๊าง” เพื่อนอีกคนตอบกลับโจ

“ไม่แรงไปหรอกกับอีตุ๊ดพวกนี้ แม่งขยะมีชีวิตชัด ๆ วัน ๆ เอาแต่ปลื้มผู้ชายหล่อ แต่สารรูปตัวเองดูไม่ได้เลย”

“ก็มึงหล่อไงเค้าถึงได้ปลื้ม มึงก็ชอบให้มีคนสนใจอยู่แล้วนี่”

“แต่ไม่ใช่มาวอแวกับกู แม่งไม่หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง เหี้ยเอ้ย มึงนึกดิ่ใครจะอยากถ่ายรูปกับมัน เก็บเอาไปเล่นของรึเปล่าก็ไม่รู้ เหี้ยตุ๊ดอ้วนพวกนี้แม่งน่าจับไปบดไขมันทำเป็นอาหารสัตว์ ตายแบบนี้ยังมีประโยชน์กว่ามีชีวิตอยู่เพื่อแดก แดก แดก ไปวัน ๆ” โจรูดซิปกดน้ำหลังเสร็จกิจธุระ “ไปเหอะว่ะ คนเริ่มเข้างานแล้ว” ทั้งสองเดินออกจากห้องน้ำไป เหลือเพียงความเงียบงัน
.
.
.
ผมได้ยินเสียงแผ่วเบาคร่ำครวญจากห้องน้ำ
.
.
.
“ฮือ ๆ ๆ ๆ” เด็กตุ๊ดอ้วนปีหนึ่งคนที่ขอถ่ายรูปกับโจเปิดประตูห้องส้วมออกมา เขาได้ยินทุกอย่างเมื่อครู่ เจ้าตัวผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นผม คงเข้าใจว่าห้องน้ำเงียบไม่มีคนอยู่จึงเผยตัวออกมาพร้อมใบหน้าแดงก่ำฉ่ำด้วยคราบน้ำตา พลังโทรจิตทำให้ทราบว่าเขาอยู่ในอารมณ์โกรธและเสียใจผสมกลืนกันอย่างแยกไม่ออกทีเดียว
ผมส่งยิ้มให้น้องตุ๊ดอ้วน แต่เขาหลบตาผมแล้วตรงไปล้างหน้าล้างตา คงจะอายน่าดู
.
.
.
“ในยุคนี้ รูปลักษณ์เป็นต้นทุนทางสังคมชั้นดี นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ . . .” ผมพูดกับตัวเองในกระจกเพื่อที่น้องอ้วนจะได้ไม่รู้สึกประหม่าในคำพูด “. . .ผมเอง ก็เคยตะเกียกตะกายจนพ้นจุดนั้นมาแล้ว”

“แต่ยังไงก็เถอะ แค่ขอถ่ายรูปไม่น่าพูดแรงขนาดนั้นเลยเนอะ” ผมส่งยิ้มให้อีกครั้ง

“หนูเกิดมาเป็นแบบนี้แล้วไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเหมือนพี่เขาเหรอ” ในที่สุดตุ๊ดอ้วนก็ยอมเปิดใจกับคนแปลกหน้าเช่นผม

“เท่ากันสิ แต่ในโลกแห่งความจริง แค่ศักดิ์ศรีมันยังไม่พอ ต้องมีอำนาจด้วยถึงจะไต่เต้าให้เท่ากันหรือเหนือกว่าได้ อำนาจที่ว่ามีทั้งความงาม ความมั่งคั่ง อำนาจทางความคิด อำนาจทางการเมือง เยอะแยะเลยแหละ ของพวกนี้คนมีวาสนาดีจะได้ติดตัวมาโดยไม่ต้องเหนื่อยมาก แต่อย่างเรา ๆ คงต้องพยายามกันจนเหนื่อย”

“พี่หน้าตาดีก็พูดได้นิ หนูอยากรู้จริง ๆ ถ้าหนูมีอำนาจความงามอย่างพวกพี่ ชีวิตหนูจะเปลี่ยนไปแค่ไหน”

“หึ ผมไม่รู้หรอกนะว่าหน้าตาที่เปลี่ยนไปให้อะไรกับผมบ้าง เพราะเกือบทั้งหมดในชีวิตที่ผมมีอยู่ตอนนี้ได้มาจากอำนาจอย่างอื่น และคงไม่มีใครมีได้อย่างผม” ผมยิ้มกริ่ม

“พี่นี่พูดจาแปลกดีนะ ขอบคุณนะฮะที่ชวนคุย หนูไม่เป็นไรแล้วละ” ตุ๊ดอ้วนยิ้มให้พร้อมกับปาดน้ำตา ตั้งท่าขอตัวลา
.
.
.
.
“เดี๋ยวก่อนสิครับ” ผมพูดขึ้น

“ถ้าคุณมีอำนาจมากพอที่จะสามารถแก้แค้นพี่คนนั้นได้อย่างง่ายดายแต่ต้องแลกกับการสูญเสียตัวตนไป คุณ จะยอมขายวิญญาณให้กับซาตานไหม”

“ไม่รู้สิฮะ. . .หนูไม่รู้หรอกว่าอย่างไหนมันจะดีกว่ากัน ระหว่างปล่อยวางกับแก้แค้น. . .” เขาก้มหน้าคิดอย่างจริงจัง แม้เข้าใจว่าตอบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
.
.
.
.
.
“แต่ถ้ามันทำได้ง่ายมากละก็ หนูก็อยากลองมีอำนาจเหนือคนอื่นดูสักครั้ง”
.
ผมชูนิ้วโป้งแทนคำยกย่อง
.
.
.
จากนั้นจึงจ้องน้องตุ๊ดอ้วนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเปี่ยมความเอ็นดู จนสติของเขาเคลิ้มล่องลอยสู่ความเวิ้งว้าง
.
.
.
.
ภายในห้องมหรสพโอ่โถง มีผู้เข้าชมละครวันแรกราวสามร้อยคนได้ บัดนี้การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น แสงไฟหรี่ลงช้า ๆ มีการเปิดวิดีทัศน์ตัวอย่างละครและคำแนะนำให้ปิดเครื่องมือสื่อสารขณะรับชม ผู้คนที่คุยเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้นก็ดี ด้วยความปรีดาที่ได้พบเจอเพื่อนพี่น้องนักศึกษาก็ดี ต่างพร้อมใจกันหรี่เสียงลง จนเข้าสู่เข้าภาวะเงียบสงัด ท่ามกลางความมืด พิธีกรสาวในชุดแซกสีเงินเรียบหรูออกมาพร้อมไฟสปอตไลท์ส่องเป็นทางยาว

เธอกล่าวเกริ่นนำตามพิธี พร้อมเชิญประธานคือคณบดีมอบช่อดอกไม้ กล่าวเปิดงานและทักทายลูกศิษย์ลูกหาพอเป็นกระสัย จากนั้นจึงส่งไมค์คืนให้พิธีกรสาวอีกครั้งเพื่ออัญเชิญคุณผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งสุนทรียะ

“เอาละคะ บัดนี้นักแสดงและทุกฝ่ายของเราพร้อมที่จะมอบความสุขความบันเทิงให้แก่ทุกท่านแล้ว ขอเชิญทุกท่านพบกับละครเวทีนิเทศศาสตร์ ครั้งที่ 19 เดอะ สเปิร์ม ควยดำตำเพื่อเธอ! เชิญรับชมค่า!!”

ห้องมืดลงอีกครั้งเพื่อเตรียมตัดเข้าสู่ฉากแรก พิธีกรหญิงถูกฉุดแขนเข้าไปหลังม่าน เสียงโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์เล็ดลอดจากหลังเวทีสลับกับเสียงจุ๊ปากให้เงียบ ผู้คนในความมืดต่างฮือฮาทวนกันว่าเมื่อกี้ได้ยินอะไรแปร่งหู ไม่มีใครหูเฝื่อนหรอก คนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดนี่แหละคือผู้บงการ
.
.
.
นี่แค่ไวน์เรียกน้ำย่อยเท่านั้น

ผมยังมีของเล่นอีกเยอะสำหรับเสกให้โรงมหรสพนี้เปลี่ยนเป็นลานประหาร
.
.
ในห้องหลังเวที จอยยืนเตรียมพร้อมตามตำแหน่งที่ได้ซักซ้อมไว้ ถึงเธอจะยังไม่ปรากฏในฉากแรก ๆ แต่ก็ต้องแบกรับความเครียดไม่น้อยทีเดียวเพราะรับบทนางเอกซึ่งทุกคนคาดหวังไว้มาก รวมถึงพ่อและแม่ที่มาให้กำลังใจถึงที่ เธอหลับตาทำสมาธิอย่างใจเย็น แม้ว่าข้างหลังมีเหล่าสตาฟยืนชี้หน้าด่าทะเลาะกันเรื่องคำกล่าวเปิดเมื่อสักครู่ก็ตาม นี่เป็นละครเวทีเรื่องแรกในชีวิตและเธอได้รับบทนางเอกเสียด้วย จะทำพังไม่ได้เด็ดขาด เรื่องของคนอื่นช่างมันไว้ก่อน
.
.
“อาหหหห์ อืมม์”
“ใครทำอะไรอีกวะ” จอยคิด
“อืม จ๊วบบบ” อาหห์”
.
.
“ตั้งสติไว้อีจอย” เธอคิดบอกกับตัวเอง
.
“โอววว อืมม์ จ๊วบ”

“วุ้ย! ใครทำไรน่ะเบา ๆ หน่อยสิ”

ในที่สุดเธอก็ตบะแตก ตรงปรี่เข้าไปหาต้นตอเสียงหลังม่านด้านหนึ่งของห้องแล้วกระชากม่านออกมา
.
.
.
.
โจกับอีกะเทยอ้วนที่ไหนไม่รู้กำลังกอดจูบลูบคลำกันอยู่อย่างดูดดื่ม แลกลิ้นกันพัลวัน
.
.
.
ด้วยความตกใจ เธอชักม่านกลับทันที
.
.
เสียงนั้นจางหายไป
.

“จอย! เมื่อกี้โวยวายอะไร ทำไมมาอยู่ตรงนี้ ไปประจำที่เดี๋ยวนี้เลย” สตาฟหญิงรุ่นพี่ปีสี่เดินมาตำหนิอย่างไม่พอใจ

“ก็. . . ก็ เมื่อกี้มัน . .” จอยตาค้าง มือไม้ชี้ประกอบคำพูดวนไปมาไม่รู้เรื่อง

“ก็อะไรเล่า” รุ่นพี่ขมวดคิ้ว

“ข้างหลังนี้” เธอชี้ไปที่ผ้าม่าน

“หนูเหรอ” สตาฟรุ่นพี่เปิดม่านออก
.
.
.
ภายในนั้นมีเพียงกระป๋องสีเก่า ๆ ท่อนเหล็กและอุปกรณ์ชำรุดตั้งไว้สะเปะสะปะเท่านั้น

“ไหน ไม่เห็นมีอะไรเลย” เมื่อรุ่นพี่ชำเลืองมองทั่ว ก็ไม่พบวี่แววของสิ่งผิดปกติใด ๆ

“ก็. . .แต่. . .” จอยตะกุกตะกักไม่ได้ศัพท์

“แกอย่าเพิ่งประสาทหลอนไปอีกคน แค่ที่อีหนิงสติแตกเมื่อกี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว พูดออกไปแบบนั้นได้ไง” รุ่นพี่ดันหลังเข็นให้จอยเดินกลับตำแหน่ง “ไปอยู่ที่เดิมเดี๋ยวนี้เลย อย่าให้พวกพี่ปวดหัวไปมากกว่านี้” จอยทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเหลียวหลังไปยังหลังม่านนั้นอย่างตระหนก เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
.
.
.
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งในต่างประเทศทำการทดลองเกี่ยวกับพฤติกรรมกลุ่ม โดยให้บุคคลจำนวนหนึ่งเข้ามาในห้องที่มีหน้าม้าจากฝ่ายผู้วิจัยเป็นคนกลุ่มใหญ่ การทดลองเริ่มโดยให้ดูแผ่นป้ายสีหนึ่ง สมมติว่าเป็นป้ายสีน้ำเงิน หน้าม้าจะตอบว่าเป็นสีเขียว ผู้ถูกทดลองรอบแรกต่างตอบด้วยความมั่นใจว่าเป็นสีน้ำเงิน ทว่าเมื่อถูกถามซ้ำอีกหลาย ๆ รอบและหน้าม้าทุกคนต่างตอบว่าเป็นแผ่นป้ายสีเขียว สุดท้ายผู้ถูกทดลองก็จะสูญเสียความมั่นใจ และตอบว่าเป็นแผ่นป้ายสีเขียวตาม ด้วยความรู้สึกไม่กล้าผิดแปลกแตกต่างไปจากกลุ่ม

ผมจะดัดแปลงงานวิจัยนี้มาทดสอบกับปฏิกิริยาของจอย หน้าม้าก็คือ ทุกคนที่อยู่ในโรงละครนี้ซึ่งถูกผมครอบงำจิตไว้แล้ว อีกทั้งยังใช้ตาทิพย์สำรวจทุกความเป็นไปหลังเวที มีไม่ชีวิตใด ๆ เล็ดลอดไปจากสายตาของผมได้
.
.
.
ขณะนี้ เนื้อเรื่องดำเนินไปถึงเกือบกลางเรื่อง จอยหรือแม่มดสาวอลิเซียคอยช่วยเหลือหนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งที่เธอแอบรักให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต โดยไม่เปิดเผยตัวตน เนื่องจากกฎเหล็กของเมืองนี้ไม่ยอมรับการใช้ไสยศาสตร์ คนที่เป็นแม่มดจะถูกจับเผาทั้งเป็น

“อลิเซีย เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เถอะ แกกำลังจะทำให้ตระกูลเราเดือดร้อน! นี่เรื่องคอขาดบาดตายนะ!” พ่อมดพี่ชายกล่าวตามบท พอผมได้ยินเรื่องตระกูลกับความล่มสลายแล้ว จู่ ๆ ภาพธนิกก็แว่บเข้ามาในหัว บทละครประโยคนี้ช่างตลกร้ายสำหรับผมเหลือเกิน

“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะขอใช้เวทย์มนต์เพื่อช่วยเขาอีกครั้งเดียวเท่านั้น” จอยตอบ

“แกนี่มันรั้นจริง ๆ ถ้าถูกจับได้ล่ะก็ องค์ราชาไม่ปล่อยพวกเราไว้แน่! แกจะตายก็ไปตายคนเดียว! อย่าให้พ่อแม่กับพี่ต้องเอาชีวิตมาแลกกับความเห็นแก่ตัวของแกไปด้วย” พ่อมดพี่ชายทุบโต๊ะโครม ตามบทที่ผมสะกดจิตให้สตาฟคนหนึ่งเล่าให้ฟัง จอยจะต้องเงียบไปสักพัก แล้วจึงหันหน้ามาทางคนดูส่งสายตาเรียกร้องความเห็นใจ

ทว่าจังหวะนี้ที่หันมานี้เอง จอยพบว่าแถวหน้าสุดมีความปกติบางอย่างเกิดขึ้น
.
.
.
“อาห์ เสียว” ตุ๊ดอ้วนกำลังก้มหัวลงอมควยให้โจแฟนของเธอ โจหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ จอยถึงกับสะดุ้งและชะงักงันไปชั่วขณะ

“จ๊วบ จ๊วบ” เสียงสูญญากาศที่เกิดจากการปั๊มควยสูบขึ้นลง ๆ ดังจนเข้าหูเธอถึงบนเวที

เธอขยี้ตาครั้งหนึ่ง เมื่อมองอีกครั้งก็พบว่าภาพนั้นยังคงอยู่ที่เดิม คราวนี้ตุ๊ดอ้วนดูดพวงไข่ ไซร้ง่ามขาแฟนสุดหล่อของเธอ สลับกับลงลิ้นที่ปลายควยดูดเม้มเป็นจังหวะจ๊วบจ๊าบ

สิ่งที่ทำให้เธอสับสนยิ่งกว่านั้นคือ ทุกคนในโรงละครไม่มีใครสังเกตถึงความผิดแปลกนี้เลย เธอจึงยื่นมือชี้ให้คนบนเวทีเห็น

“จอย ลืมบทเรอะ” ผู้รับบทพ่อมดพี่ชายเข้ามากระซิบ “พูดต่อได้แล้ว เงียบนานไปแล้วรู้ไหม”

“แกไม่เห็นเหรอ ข้างล่างอ่ะ” จอยชี้ สับสนจนกล้ามเนื้อใบหน้าบีบบิดเบี้ยว

“ไม่เห็นมีอะไร เล่นต่อได้แล้ว” พ่อมดพี่ชายจิกตาใส่

“โอย แรง ๆ เลย เสียวควยโว้ย” โจร้องลั่นเมื่อถูกลิ้นคู่ขาตวัดรอบเส้นสองสลึง แต่คนทั้งโรงละครไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ นอกจากรอคอยให้ละครดำเนินต่อไป

“มันเป็นภาพลวงตา มันเป็นภาพลวงตา” จอยหลับกัดฟันบอกกับตัวเองในใจ
.
.
.
.
“ขอโอกาสให้ฉันเถอะพี่ ฉันรักเขาจริง ๆ รักไม่น้อยไปกว่าคนในครอบครัวเราเลย” ในที่สุดเธอก็ต่อบทได้ และเมื่อลืมตาอีกครั้ง ที่นั่งตรงนั้นก็ว่างเปล่าไปแล้ว

“นี่แกกล้าเอาพ่อแม่พี่น้องไปเปรียบกับไอ้คนพรรค์นั้นเชียวรึ!” พ่อมดพี่ชายตวาด “ถ้าอยากช่วยมันนักล่ะก็ ย่อมได้ แต่แกต้องออกไปซุกหัวนอนที่อื่น ที่นี่ไม่ต้อนรอบคนนอกคอก! บ้านหลังนี้ไม่มีสมาชิกชื่ออลิเซียอีกแล้ว!!”

หลังบทสนทนาสิ้นสุด ม่านจึงปิดลงอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนสู่ฉากต่อไป
มีนกำลังกระวนกระวายเดินวนไปมาในห้อง หลังจากกลับมาจากบ้านของเต๋อ มือถือของเธอหล่นหายไปที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ นอกจากเรื่องโทรศัพท์แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ต้องกังวลใจ นั่นคือเธอไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเต๋อได้แต่โดยดี และดูท่าเต๋อพร้อมเป็นหมาบ้าฟัดทุกคนที่ขวางทางไม่ว่าจะเป็นคนจากเทศบาล พระ หรือสัตวแพทย์ ความเป็นผู้มีพลังพิเศษด้วยกันไม่ช่วยให้เต๋อเปิดใจยอมรับพวกพ้องเลย

คิดได้ดังนั้นจึงใช้โทรศัพท์บ้านโทรไปหาธนิกเพื่อหารือ

“ฮัลโหลพี่มีน?” ธนิกรับสาย

“นิก มือถือพี่หาย โทรเข้าเครื่องแล้วไม่มีใครรับเลย อาจจะตกอยู่แถวบ้านเต๋อ เธอไปเป็นเพื่อนเอาคืนมาให้หน่อยสิ” เธอพยายามใช้น้ำเสียงน่าฟังที่สุด

“แถวบ้านเต๋อ? พี่ไปทำอะไรที่นั่นครับ?”

“พี่ไปสอดแนมมา เถอะน่านิก นะ ๆ ช่วยพี่หน่อย”

“แล้วทำไมพี่ไม่กลับไปเอาเองล่ะครับ? ไม่มีรถ?”

จะว่าน้ำท่วมปากก็ได้ ใครจะกล้าบอกว่าไปแอบคุยกับเต๋อมา แถมยังมีแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น ลงทุนไปตั้งเยอะ แทนที่จะซื้อใจได้กลับกลายเป็นทำคุณบูชาโทษ

“พี่กลัวเต๋อ”

“กลัวอะไรพี่มีน”

“เธอก็เห็นว่าเขาสั่งให้คนทำอะไรก็ได้ ถ้าสั่งคนมาทำร้ายพี่ละ”

“ไม่มีเหตุผลน่าพี่มีน พี่ไม่เคยไปทำอะไรมันไม่ใช่เหรอ ออกจะเป็นแม่พระสำหรับมันด้วยซ้ำ ไม่งั้นผมเล่นหนักมือจนมันตายไปแล้ว”

“อย่าเพิ่งถามเลย ช่วยพี่หน่อยนะนิก ไม่มีมือถือแล้วพี่ลำบากนะ” เธอยังคงอ้อนวอน
.
.
.
อีกด้าน ธนิกกำลังยืนฉี่อยู่ในห้องน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง จังหวะที่กำลังปลดทุกข์อย่างสบายใจ เขาเงยหน้าขึ้นมุมสูงและได้เห็นภาพที่ไม่คาดคิด
ตรงช่องระบายอากาศ มีดวงตาคู่หนึ่งหลุกหลิกไปมาอย่างกระหายใคร่รู้
.
.
.
แต่ธนิกสนองกลับอย่างสุขุมกว่าทุกครั้ง
.
.
“งั้นก็ได้ครับ ผมจะไปเป็นเพื่อน เดี๋ยวขอวางสายก่อนนะครับ ติดธุระอยู่” เขารีบตัดบทวางสายพร้อมกดน้ำชำระโถปัสสาวะ และเงยหน้าส่งยิ้มให้เจ้าของดวงตาคู่นั้น ไม่ใช่รอยยิ้มฉันมิตร
.
.
แต่เป็นรอยยิ้มกระหายเลือดประหนึ่งพรานหนุ่มคึกคะนองก่อนออกล่ากระต่าย
.
.
.
ธนิกรูดซิปกลับอย่างเร็วไวและวิ่งพรวดออกจากห้องน้ำ ท่าทางเอาเรื่องถึงเลือดถึงเนื้อ นี่ไม่ใช่คำเปรียบเปรยเกินความเป็นจริงเลยสำหรับผู้มีอำนาจไซโคคิเนซิสระดับสูง
.
.
“รู้ตัวจนได้” อีกฝากนอกห้องน้ำ เกย์วัยกลางคนที่ถ้ำมองธนิกมาตลอดรีบโดดลงมาจากเก้าอี้แล้ววิ่งหนีชนิดไม่หันกลับไปมอง
.
.
“กร๊อบ!”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกก” ขาข้างหนึ่งของเกย์นักถ้ำมองบิดหัก เขาทรุดตัวล้มไม่เป็นท่า

“น่าดีใจนะครับ ของ ๆ ผมจะเป็นภาพสุดท้ายในชีวิตที่คุณจะลืมไม่ลง”

“โอยยยยย! ผมไม่ได้แอบดู” เขานอนกุมขาดร้องโอดครวด

ธนิกขยับกรอบแว่นให้เล็งเป้าโจมตีเหยื่อได้แม่นยำ

“ขอเก็บค่าชมของส่วนตัวผมนะครับ”

นัยน์ตาทั้งสองของชายดังกล่าวปูดโปน และ. . .กระเด็นหลุดนอกเบ้าหล่นพื้นเด้งเป็นลูกชิ้นปิงปอง

“อว๊ากกกกกกกกกก!” เหยื่อร้องอย่างทรมานสาหัส ธนิกเหยียบดวงตาที่ถูกกระชากออกมาจนแหลกคารองเท้า
.
.
.
.
“ถ้ามีปัญญาให้ตำรวจสเกตซ์ภาพคนร้ายได้ก็เอานะ จำหน้าผมไว้แม่น ๆ ล่ะ”
.
.
.
.
.
ขณะนี้ละครเวทีดำเนินมาครึ่งค่อนเรื่องแล้ว จอยยังคงสวมบทบาทแม่มดมนต์ดำผู้มีหัวใจบริสุทธิ์ได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ

“เธอคอยช่วยเหลือผมมาตลอดสินะ ผมจะตอบแทนอย่างไรดี ทั้งชีวิตชดใช้ให้ก็คงไม่หมด” พระเอกหนุ่ม

“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะไมเคิล” จอยประสานสายตากับพระเอกหวานซึ้ง
.
.
.
แต่ในความเห็นของผม มันเลี่ยนเกินไป เหมือนกินโดนัทเคลือบน้ำตาลพร้อมโกโก้ปั่นใส่วิปครีม ต้องลดความหวานเลี่ยนด้วยรสเผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ หน่อยท่าจะดี
.
.
.
เสียงอะไรบางอย่างดังเอี๊ยดอ๊าดน่าเวที

“แอร๊ยยย! เด้ามันส์มากอีดอก! ตูดแม่งตอดดีจริง ๆ อีฉิบหาย!”

จอยหันขวับไปยังกลุ่มผู้ชม
.
.
.
แฟนของเธอกำลังนั่งเทียนขย่มตอให้ตุ๊ดอ้วนรุ่นน้อง ทั้งคู่ถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อน นี่เป็นภาพเกินที่เธอจะรับไหว โจเป็นชายแท้รูปหล่อตามที่เธอและทุกคนเข้าใจ ไฉนจึงเป็นแบบนี้ได้

“โอ๊ย เย็ดกูแรง ๆ เลยอีอ้วน!”

“ไม่บอกกูก็ทำอยู่แล้วอีสัตว์! หุบปากให้เย็ดเงียบ ๆ ไป” ตุ๊ดอ้วนจับเอวโจซึ่งตัวเล็กกว่าลอยขึ้นเล็กน้อย ทำให้จอยเห็นควยตุ๊ดรุ่นน้องกำลังชำเรารูดากแฟนเธออย่างไม่ปราณี มันผลุบเข้าผลุบออกกระทบกันดังพั่บ ๆ ๆ ปนเปกับเสียงที่นั่งสั่นไหวไปมา

“อร๊ายยยยยยย!” เธอร้องลั่น

“เป็นไรวะ” พระเอกเดินเข้าไปถามไถ่

บรรดาผู้ชมยังคงสงบนิ่ง อาจเข้าใจว่าเป็นไปตามบท

“พวกมึงไม่เห็นเหรอว่าข้างล่างมันทำอะไรกันอยู่! หูหนวกตาบอดกันไปหมดรึไง!!!” จอยตวาดลั่นโรงละคร เกิดเสียงฮือฮาในหมู่ผู้ชมที่เริ่มสังเกตว่าจอยแสดงนอกบท

พระเอกหนุ่มกวาดตามองทั่วโรงละคร แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ นี่ก็เป็นไปตามบท . . . ที่ผมเขียนขึ้น

“ไม่เห็นมีอะไรเลยจอย แกสงบสติอารมณ์ก่อน ละครจะล่มเพราะแกนั่นแหละ!”

“เปลี่ยนท่าเร็วอีดอก เสียวกันต่อ” ตุ๊ดอ้วนจับโจเล่นท่าหมา หันหลังไปทางเวทีให้จอยเห็นแฟนของเธอถูกกระแทกตูดจากด้านหลังชัด ๆ

โจยึดพนักเก้าอี้ไว้รองรับแรงกระแทกจากการกระหน่ำเย็ดของตุ๊ดร่างควาย จึงเกิดเสียงอี๊ดอ๊าด ๆ ดังมากพอที่จะได้ยินอย่างทั่วถึง แก้มก้นสะโพกไซส์บิ๊กของตุ๊ดอ้วนกระเพื่อมไปมาตามระดับความถาโถมโหมซัด โจร้องครวญครางอย่างเป็นสุข สุขที่ไม่เคยลิ้มรสมาก่อนในชีวิตที่ต้องโดนกะเทยอัดตูด

ด้านบนเวที จอยตัวสั่นระริกด้วยความเดือดดาลและสับสน จริงคือเท็จ? เท็จคือจริง? เธอไม่อาจทนอยู่ในสภาพเหมือนเป็นมองเห็นผีแต่เพียงผู้เดียวนี้ได้อีกต่อไป จอยถอดรองเท้าที่ใช้ในการแสดงเขวี้ยงทิ้งไปคนละทาง

“พอที! กูจะลงไปลากคอมันกับมือ! จะได้รู้ว่าที่บ้าน่ะพวกมึงหรือกู!” เธอวิ่งพรวดพุ่งไปข้างหน้าเพื่อโดดลงจากเวที

แต่พระเอกคว้าแขนกลับมาไว้ได้ทัน

“อีเวร! แค่นี้ก็ทนไม่ได้!! ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยนะมึง!!” ใบหน้าหวานละมุนของนักแสดงพระเอกกลับแดงก่ำด้วยโทสะราวกับแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน
“โอ๊ย!” เขาเหวี่ยงแขนจอยกระเด็นกลับไปกลางฉาก

“เอาหลักประหารมา! อีนี่เป็นแม่มด! มันเห็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น! เผามัน!” พระเอกป้องปากตะโกน

ผู้แสดงเป็นนายทหารในเมืองยกเสาเหล็กพร้อมฐานออกมาจากด้านข้างเวที ความจริงฉากเผาแม่มดนางเอกตามบทนั้นต้องเก็บไว้ท้ายสุด แล้วพระเอกก็คงไม่ทำกับนางเอกเช่นนี้ แต่ก่อนที่มันจะมั่วไปกว่านี้ ผมต้องชิงมั่วก่อนให้อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด

“พวกมึงเป็นอะไรกันหมด!!?” จอยหันไปมาด้วยความสับสนและหวาดกลัว นายทหารร่างกำยำสองคนจับจอยดึงขึ้นมาจากพื้นแล้วมัดกับเสาหลักประหาร

แต่นี่คือการมัดจริง ๆ อย่างแน่นหนาเสียด้วย

“กรี๊ดดดดดด!” จอยร้องลั่น

พ่อกับแม่ของเธอลุกจากที่นั่งแล้ววิ่งไปหาลูกสาวบนเวที จอยเพิ่งนึกได้ว่ายังมีพ่อกับแม่เปรียบเหมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์

“ป๊า หม๊า ช่วยหนูด้วย! มันเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว!!”
.
.
.
พ่อและแม่จอยมองพินิจร่างลูกสาวหัวจรดปลายเท้าอย่างเวทนา
.
.
.
ผู้เป็นแม่เดินไปยังหน้าเวทีโดยมีแสงไฟสาดส่องร่างเป็นจุดรวมสายตา

“ดิฉันขอโทษด้วยที่เลี้ยงลูกไม่ดี อีดอกนี่ชอบตอแหล มารยาสาไถย ดูถูกเพื่อนอื่น ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่ใส่ใจ แต่นึกว่าพอโตแล้วมันจะมีหัวคิดเลิกนิสัยเหี้ย ๆ ไปเอง ที่ไหนได้ มันยังคงตอแหลว่าเห็นนั่นเห็นนี่จนละครล่มหมด ในฐานะแม่ที่เบ่งหีคลอดอีดอกนี่ออกมา ดิฉันรู้สึกผิดอย่างหาประมาณมิได้”
.
.
.
จอยอ้าปากเหวอ

พ่อจอยกล่าวขึ้นบ้าง “เราจะขอชดใช้ความผิดที่ทำให้พวกท่านเสียอรรถรสการรับชม โดยการแสดงตลกคั่นรายการชั่วคราวเป็นการเอนเตอร์เทนเมนท์ท่านผู้ชม!” เขารับหมวกทรงสูงแบบนักมายากลขึ้นมาสวม พร้อมกันนั้น เสียงดนตรี Billy Hill Theme แสนสนุกดังขึ้นทำลายความเงียบอึมครีม ผู้ชมหัวเราะเกรียวกราว ปรบมือผิวปากอย่างชื่นชม บางทีการแสดงนี้อาจน่าสนใจกว่าละครเห่ย ๆ นี้ก็เป็นได้
ผู้เป็นแม่เดินไปยังหลักประหาร และกระชากชุดที่จอยสวมอยู่ฉีกออกเป็นชิ้น ๆ พร้อมทั้งชุดชั้นใน
.
.
.
“แม่!! ทำอะไร!”
.
.
.
“หุบปากอีลูกเวร!” เธอใช้เศษเสื้อผ้าที่ฉีกออกมัดปากลูกสาวไว้

พ่อของจอยเริ่มการแสดงขั้นแรก ๆ เขาหยิบปากกาเมจิควาดหน้าจอย เติมหนวดจิ๋มฮิตเลอร์ และลากผ่านไปตามเรือนร่าง เขียนหัวนมให้เป็นลูกตา สะดือเป็นจมูก และหีให้เป็นปากมีฟันแหลมคม จอยดิ้นร่างขัดขืนหรือบ้าจี้ก็ไม่อาจทราบได้

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” ผู้ชมหัวเราะท้องแข็ง

“รายการต่อไปนะคะ” คุณแม่หยิบพลุไฟเย็นออกมากวัดแกว่งไปมา คนดูลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แม่จอยเสียบไฟเย็นสองสามอันเข้ากลางหีลูกสาว และสั่งให้นายทหารช่วยบีบขาให้หีหนีบไฟเย็นเอาไว้ เธอขัดขืนไม่ได้เลย
.
.
“วันนี้วันเกิดใคร แฮปปี้เบิร์ธเดย์กันเลยค่า!” คุณแม่จุดไฟเย็น กลายเป็นว่าหีจอยนั้นสามารถพ่นประกายไฟแสงสีสวยงามได้ ไฟเย็น ๆ ค่อย ๆ ลุกลามใกล้บริเวณนั้นทุกที ๆ
.
.
.
น่าตกใจจริง ๆ มีผู้ชมในที่นี้เกิดวันนี้ซะด้วย ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดกับเพื่อนปรบมือตามจังหวะกันเอ็ดตะโรเป็นที่ครื้นเครง เอาละ ผมปรบด้วยคนก็ได้

ไฟเย็นดับมอดลงไปก่อนเมื่อเพลงจบพอดี ทำเอาจอยเสียวไส้ นี่คือกรรมของคนที่ทำให้ผู้อื่นเป็นตัวตลก บัดนี้ลูกหนี้ของผมเป็นได้แค่จำอวดหน้าม่านชั้นต่ำ
.
.
.
“รายการสุดท้ายครับ ขอจัดให้คุณลูกบังเกิดเกล้าเป็นพิเศษ” คุณพ่อจอยขอชามอาหารจานสตาฟมาสองชาม แล้วยืนเยี่ยวใส่ชามตรงนั้น ส่วนคุณแม่จอยก็ทำเช่นกัน เธอนั่งยองคร่อมชามแล้วปลดปล่อยน้ำฉี่ออกมา
.
.
.
“ไม่มีพรใดประเสิรฐไปกว่าพรของผู้เป็นบุพการี” คุณแม่กล่าวขึ้น

ทั้งสองคว่ำชามน้ำเยี่ยวรดรินตัวลูกสาวประหนึ่งกรวดน้ำ สองตาของจอยเปี่ยมด้วยน้ำตาแห่งความบอบช้ำ

“ขอให้เจริญ ๆ นะคะลูก เลิกตอแหลดอกทอง อย่าเที่ยวไปดูถูกใครเค้าอีกนะคะ”

“ถ้าลูกเหี้ยกับคนอื่นอีก พ่อกับแม่ก็จะเหี้ยกับลูกแบบนี้อีกนะ จำใส่กะโหลกไว้”
สองสามีภรรยายิ้มแก้มปริอย่างมีความสุข เป็นภาพกิจกรรมครอบครัวที่หาดูที่ไหนไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วบนโลก
.
.
.
“เราเติมน้ำมันให้แล้วครับ ขอเชิญทุกท่านสุมฝืน” พ่อจอยกล่าวทิ้งท้ายแล้วเดินจูงคุณแม่ลงจากเวที การแสดงคั่นรายการจบลงแล้ว ในฐานะที่ผมเป็นผู้ประพันธ์ ต้องดำเนินต่อให้จบอย่างบริบูรณ์

ฉากเผาแม่มดนางเอกนั้นถูกดัดแปลงเล็กน้อย ผมถ่ายทอดคำสั่งผ่านโทรจิตถึงทุกคนในโรงละคร “หยิบฝืนออกมาครับ พิธีกรรมเผาแม่มดเริ่มแล้ว”
.
.
.
แหมะ!

จอยรู้สึกเจ็บที่ใบหน้า เท่านั้นไม่พอ มันพ่วงด้วยกลิ่นเหม็นสุดบรรยาย
กลิ่นไข่เน่า!?

“ขว้างโดนด้วยโว้ย!” ผู้ชมคนนึงโพล่งขึ้น
“กูเอามั่ง ๆ ๆ”
“ ฮ่า ๆ ๆ หนุกว่ะ”

ไข่เน่าลูกแล้วลูกเหล่าที่แจกพร้อมสูจิบัตรถูกขว้างปาไปกลางหลักประหาร ผู้คนครื้นเครงเฮฮากว่าซุ้มปาเป้าตามงานวัดเสียอีก ปาถูกมั่ง ไม่ถูกมั่ง เฉียด ๆ มั่ง แต่ใบที่โดนจัง ๆ ก็ไม่ใช่ว่ามีน้อย เศษเปลือกไข่เกาะตามเนื้อตัวจอย และเต็มไปด้วยคราบคาวเหลืองสีช้ำเลือดช้ำหนอง กลิ่นไข่เน่าตลบอบอวลทั่วเวที จอยทำได้เพียงก้มหน้าร้องไห้น้อมรับชะตากรรมที่เธอคิดว่ามนุษย์ทั้งโลกช่างเลวทรามไร้เหตุผล
.
.
.
เห็นทีต้องปรากฏตัวเพื่อเป็น “เหตุผล” ให้เธอหายสงสัย
ผมเดินบีบจมูกขึ้นไปบนเวทีพร้อมสวมถุงมือสำหรับแกะเศษผ้าที่ใช้มัดปากเธอ
.
.
.
ทันทีที่ปลดผ้าออก สัญลักษณ์แรกผมสื่อกับเธอคือ “รอยสักอัปยศ”
.
.
.
“แก. . .” จอยได้สภาพอิดโรยบอบช้ำนึกถึงคำเตือนของเกรซ แต่กระนั้นก็จับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดี ไม่มีทางใช้สามัญสำนึกของคนธรรมดาวิเคราะห์ได้เลย ว่าผู้คนจำนวนมากพร้อมใจกันรุมเธอเละเทะขนาดนี้ได้ด้วยวิธีใด
.
.
.
“รู้สึกอย่างไรเมื่อต้องกลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นเหยียบย่ำ” ผมเอ่ยขึ้น
.
.
.
“ไม่ต้องตอบผมหรอกนะ ตอบกับตัวเองก็พอ”
.
.
สภาพจิตจอยใกล้เคียงกับคนบ้าเข้าไปทุกที ในหัวมีแต่ความว่างเปล่าขาวซีด เธอทำได้เพียงทรงตัวอยู่กับหลักประหารที่เต็มไปด้วยเชื้อเพลิงจากผู้ชมอย่างสิ้นสติสมประดี
.
.
เอาล่ะ ผู้จุดไฟในฉากสุดท้ายควรจะออกมาปิดม่านได้แล้ว
.
.
.
ผมดีดนิ้วเรียกน้องตุ๊ดอ้วนออกมาท่ามกลางความมืด ร่างของเขาปรากฏชัดขึ้นเมื่อย่างสู่เบื้องหน้าเวที
.
.
.
“ขอโทษนะพี่จอย ตูดพี่โจแซ่บเวอร์อร่อยเหาะจริง ๆ หนูไม่คิดจะแย่งทำผัวหรอกนะคนเหี้ย ๆ อย่างเนี้ยะ ยืมวันเดียวไม่ว่ากันโน๊ะ”
.
.
.
ตุ๊ดอ้วนปาถุงยางที่ใช้เสพสมไปยังแม่มดนักโทษ

มันแปะกลางหน้าผากจอยพอดี น้ำเชื้อจากกะเทยควายเล็ดไหลจากถุงยางผ่านเปลือกตาจมูกและริมฝีปาก
.
.
ที่ยิ่งกว่านั้นคือเศษอุจจาระที่ติดถุงยางอันมาจากการเปิดซิงประตูหลังแฟนเธอ จอยไม่สามารถสะบัดหน้าไล่ออกไปได้
.
.
.
และในที่สุดก็ไหลเข้าปาก
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!”
.
.
“เริ่ดนะคะ! สวยค่ะอีดอก!”
.
.
เสียงปรบมืดดังเกรียวกราวประกาศก้องชัยให้แก่ผู้จุดเพลิง แสงไฟสาดส่องไปยังแม่มดที่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดั่งถูกเปลวร้อนแผดเผา
พิธีกรรมขับไล่ความมืดสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขับไล่ไปไกลนักหรอก
.
.
.
มันก็สิงอยู่ในใจเราทุกคนนั่นแหละ
.
.
.

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
27823
พลังน้ำใจ
153385
Zenny
157045
ออนไลน์
26480 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
4175
พลังน้ำใจ
24073
Zenny
18070
ออนไลน์
1715 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
1
พลังน้ำใจ
445
Zenny
4
ออนไลน์
30 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2272
พลังน้ำใจ
15423
Zenny
5882
ออนไลน์
1508 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

เจ้าพ่อมหาลัย

โพสต์
41967
พลังน้ำใจ
213148
Zenny
83981
ออนไลน์
15280 ชั่วโมง
สนุกมากครับ

มาเฟียคุมคณะ

โพสต์
7956
พลังน้ำใจ
50077
Zenny
2321
ออนไลน์
4262 ชั่วโมง

ประธานนักศึกษา

โพสต์
183
พลังน้ำใจ
3440
Zenny
1149
ออนไลน์
255 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-27 08:24 , Processed in 0.105254 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้